| ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ เพื่อกั้นสมาชิกของเซตหรือกั้นกลุ่มตัวเลขหรือกลุ่มสัญลักษณ์ที่มีวงเล็บแบบอื่นอยู่แล้วไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เช่น A = {2, 4, 6, 8}, 2x - 5{7 - (x - 6) + 3x} - 28 = 39.
วงเล็บเหลี่ยม วงเล็บเหลี่ยม น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ [ ] สำหรับใช้กันคำหรือข้อความที่ขยายหรืออธิบายจากข้อความอื่นในอีกลักษณะหนึ่ง เมื่อข้อความนั้นได้มีการใช้เครื่องหมายวงเล็บแบบอื่นด้วย เช่น กตัญญู<2t>น. ผู้รู้อุปการคุณที่ท่านทำให้, ผู้รู้คุณท่าน, เป็นคำคู่กันกับ กตเวที. [ป. กต ว่า (อุปการคุณ) ที่ท่านทำแล้ว + ญู ว่า ผู้รู้], ใช้บอกคำอ่านในหนังสือประเภทพจนานุกรม เช่น ขนง [ขะหฺนง] น. คิ้ว, ใช้เป็นราชาศัพท์ว่า พระขนง, ใช้กันข้อความในการเขียนบรรณานุกรมและเชิงอรรถในกรณีที่ข้อความนั้นไม่ปรากฏในหนังสือ แต่ผู้ทำบรรณานุกรมเพิ่มเติมเข้าไปเอง โดยมีหลักฐานยืนยัน เช่น [ตรี อมาตยกุล] นำชมหอสมุดดำรงราชานุภาพ. พระนคร : กรมศิลปากร, ๒๔๙๔., ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์เพื่อกั้นกลุ่มตัวเลขกลุ่มสัญลักษณ์ที่มีวงเล็บอื่นอยู่แล้วไว้เป็นกลุ่มเดียวกัน เช่น 11 + 2[x + 4 - 3{x + 5 - 4(x + 1)}] =<2t>23, ใช้ในทางวิทยาศาสตร์เพื่อกั้นกลุ่มตัวเลขหรือกลุ่มสัญลักษณ์เพื่อแสดงความหมายต่าง ๆ เช่น [Ba2+][F-2] = 1.05.10-6, Na2 [Fe(Cn)5(NO)]·2H2O.
วงวัง วงวัง น. การล้อม.
วงเวียน วงเวียน น. เครื่องมือสําหรับเขียนวงกลม ส่วนโค้งของวงกลม หรือกะระยะ ทำด้วยโลหะ มี ๒ ขา ปลายข้างหนึ่งแหลม ปลายอีกข้างหนึ่งมีดินสอเป็นต้น อีกแบบหนึ่งมีปลายแหลมทั้ง ๒ ข้าง แบบหลังนี้ใช้สำหรับเขียนบนโลหะก็ได้, (โบ) กงเวียน หรือ กางเวียน ก็ว่า; ที่ซึ่งมีลักษณะกลมเป็นที่รวมแห่งถนนหลาย ๆ สาย เช่น วงเวียนใหญ่ วงเวียน ๒๒ กรกฎา.
วงศ,วงศ-,วงศ์ วงศ-, วงศ์ [วงสะ-, วง] น. เชื้อสาย, เหล่ากอ, ตระกูล. (ส. วํศ; ป. วํส).
วงศกร วงศกร น. ผู้ต้นตระกูล. (ส.).
วงศ์ทศกัณฐ์ วงศ์ทศกัณฐ์ (ปาก) น. เรียกญาติพี่น้องมากว่า วงศ์ทศกัณฐ์.
วงศ์วาน วงศ์วาน น. ลูกหลานเหลนในตระกูล, มักใช้เข้าคู่กับคํา ว่านเครือ เป็น วงศ์วานว่านเครือ.
วงศา วงศา (กลอน) น. วงศ์.
วงศาคณาญาติ วงศาคณาญาติ น. ญาติพี่น้อง.
วงษ์ วงษ์ (โบ) น. วงศ์.
วงแหวน วงแหวน [-แหฺวน] น. โลหะหรือแผ่นหนังเป็นต้นที่ทําเป็นรูปแหวนสําหรับรองอย่างที่หัวสลักเกลียวหรือที่เพลา เพื่อกันสึกหรอหรือเพื่อให้กระชับแน่น, มักเรียกว่า แหวน, โดยปริยายใช้เรียกสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ถนนวงแหวน พื้นที่วงแหวน.
วจนะ วจนะ [วะจะ-] (แบบ) น. คําพูด, ถ้อยคํา. (ป., ส.).
วจะ วจะ [วะ-] (แบบ) น. คําพูด, ถ้อยคํา, คํากล่าว. (ป.; ส. วจสฺ).
วจา วจา [วะ-] น. ว่านนํ้า. (ป.).
วจี วจี [วะ-] น. คําพูด, ถ้อยคํา. (ป.; ส. วจิ, วาจฺ).
วจีกรรม วจีกรรม น. การพูด, การกระทําทางวาจา, เช่น การกล่าวเท็จเป็นการทำผิดทางวจีกรรม. (ป. วจีกมฺม).
วจีทุจริต วจีทุจริต [วะจีทุดจะหฺริด] น. ความประพฤติชั่วทางวาจา มี ๔ อย่าง ได้แก่ การพูดเท็จ ๑ การพูดคำหยาบ ๑ การพูดส่อเสียด ๑ การพูดเพ้อเจ้อ ๑.
วจีเภท วจีเภท น. การเปล่งถ้อยคํา. (ป.).
วจีวิภาค วจีวิภาค น. ชื่อตำราไวยากรณ์ตอนที่ว่าด้วยคำและหน้าที่ของคำ.
วจีสุจริต วจีสุจริต [วะจีสุดจะหฺริด] น. ความประพฤติชอบทางวาจา มี ๔ อย่าง ได้แก่ การไม่พูดเท็จ ๑ การไม่พูดคำหยาบ ๑ การไม่พูดส่อเสียด ๑ การไม่พูดเพ้อเจ้อ ๑.
วชะ วชะ [วะ-] น. คอกสัตว์. (ป.; ส. วฺรช).
วชิร,วชิร-,วชิระ วชิร-, วชิระ [วะชิระ-] น. สายฟ้า; เพชร; อาวุธพระอินทร์. (ป.; ส. วชฺร).
วชิรปาณี,วชิรหัตถ์ วชิรปาณี, วชิรหัตถ์ น. ผู้ถือวชิระ คือ พระอินทร์. (ป.; ส. วชฺรปาณิ, วชฺรหสฺต).
วชิราวุธ วชิราวุธ น. ผู้มีวชิระเป็นอาวุธ คือ พระอินทร์. (ป.).
วฏะ วฏะ [วะ-] (แบบ) น. ไม้ไทร. (ป., ส.).
วฏาการ วฏาการ [วะตากาน] (แบบ) น. สายเชือก. (ป., ส.).
วฏุมะ วฏุมะ (แบบ) น. ถนน, หนทาง. (ป.).
วณ,วณ-,วณะ วณ-, วณะ [วะนะ-] น. แผล, ฝี. (ป.; ส. วฺรณ).
วณบัตร,วณพันธน์ วณบัตร, วณพันธน์ น. ผ้าพันแผล. (ป. วณปฏฺฏก, วณพนฺธน; ส. วฺรณปฏฺฏก).
วณิช วณิช [วะนิด] น. พ่อค้า, ผู้ทําการค้า. (ป., ส. วาณิช).
วณิชชา วณิชชา [วะนิดชา] น. การค้าขาย. (ป.; ส. วณิชฺยา).
วณิชชากร วณิชชากร น. ผู้ทําการค้าขาย, พวกพ่อค้า. (ป.).
วณิชย์,วณิชยา วณิชย์, วณิชยา [วะนิด, วะนิดชะยา] น. การค้าขาย. (ส.).
วณิพก วณิพก [วะนิบพก, วะนิพก] (แบบ) น. วนิพก. (ป. วณิพฺพก, วนิพฺพก; ส. วนีปก, วนียก).
วดี,วดี ๑ วดี ๑ น. รั้ว, กําแพง. (ป. วติ; ส. วฺฤติ).
วดี,วดี ๒ วดี ๒ คําเติมท้ายคําอื่นที่เป็นนาม หมายความว่า มี เป็นเพศหญิงตามหลักไวยากรณ์ เช่น ดาราวดี ว่า มีดาว.
วต,วต-,วตะ วต-, วตะ [วะตะ-] น. พรต, ข้อปฏิบัติ; ความประพฤติ; การจําศีล, การบําเพ็ญทางศาสนา, การปฏิบัติ; ประเพณี, ธรรมเนียม. (ป. วต; ส. วฺรต).
วทนะ วทนะ [วะทะนะ] (แบบ) น. การพูด, คําพูด; ปาก, หน้า. (ป., ส. วทน ว่า ปาก, หน้า).
วทะ วทะ [วะ-] น. คําพูด.<2t>ก. พูด, กล่าว. (ป.).
วทัญญุตา วทัญญุตา น. ความเป็นผู้เอื้อเฟื้อ. (ป.).
วทัญญู วทัญญู (แบบ) ว. เอื้อเฟื้อ, เผื่อแผ่; ใจดี, ใจบุญ. (ป.).
วทานิย,วทานิย- วทานิย- [วะทานิยะ-] น. ผู้เอื้อเฟื้อ. (ป. วทานีย; ส. วทานฺย).
วธ,วธ- วธ- [วะทะ-] ก. ฆ่า. (ป., ส.).
วธกะ วธกะ [วะทะกะ] น. คนฆ่า, ผู้ฆ่า; เพชฌฆาต. (ป., ส.).
วธุกา วธุกา น. ลูกสะใภ้. (ป.).
วธู วธู น. หญิงสาว. (ป., ส.).
วน,วน ๑ วน ๑ ก. เวียนไปโดยรอบ เช่น ขับรถวนรอบสนาม, ไปโดยรอบเข้าหาศูนย์กลางหรือออกจากศูนย์กลาง เช่น น้ำวน วนเป็นก้นหอย.
วน,วน-,วน- ๒ วน- ๒ [วะนะ-] น. ป่าไม้, ดง. (ป.; ส. วนสฺ ว่า ป่า; นํ้า).
วนจร,วนจรก วนจร, วนจรก [วะนะจอน, วะนะจะรก] น. คนเที่ยวป่า, พรานป่า.<2t>ก. เที่ยวไปในป่า. (ป., ส.).
วนภู,วนภูมิ วนภู, วนภูมิ น. แถบป่า, แถวป่า. (ป., ส.).
วนเวียน วนเวียน ก. วนไปวนมา, กลับไปกลับมา, เช่น เดินวนเวียนอยู่ระหว่างบ้านกับตลาด กระเป๋าสตางค์หล่นหายเดินวนเวียนหาอยู่หลายรอบ.
วนศาสตร์ วนศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยการทํานุบํารุงรักษา และปลูกป่า.
วนสณฑ์,วนสัณฑ์ วนสณฑ์, วนสัณฑ์ น. ป่าสูง, ป่าดง, ราวป่า, แนวป่า. (ป.).
วนอุทยาน วนอุทยาน น. ป่าสงวนที่มีลักษณะธรรมชาติสวยงาม เช่นมีนํ้าตก ถํ้า และทางราชการได้เข้าไปปรับปรุงตกแต่งสถานที่ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน.
วนัปติ วนัปติ [วะนับปะ-] น. ไม้ใหญ่, พญาไม้; ผีเจ้าป่า. (ป. วนปฺปติ; ส. วนสฺปติ).
วนัส,วนัส- วนัส, วนัส- [วะนัด, วะนัดสะ-] น. ป่า. (ส.; ป. วน).
วนัสบดี วนัสบดี [วะนัดสะบอดี] น. ไม้ใหญ่, พญาไม้, (ในภาษาสันสกฤตหมายเฉพาะต้นไทรและต้นมะเดื่อชุมพร). (ส. วนสฺปติ; ป. วนปฺปติ).
วนา วนา (กลอน) น. ป่า. (ป., ส. วน).
วนาดร,วนาดอน วนาดร, วนาดอน น. ป่าสูง. (วนา + ดอน), พนาดอน หรือ พนาดร ก็ว่า.
วนานต์ วนานต์ น. ชายป่า. (ป., ส.).
วนาลัย วนาลัย น. ป่า. (ส. วนาลย).
วนาลี วนาลี น. ทางป่า; แนวไม้. (ส.).
วนาวาส วนาวาส น. ที่อยู่ในป่า. (ส.).
วนาศรม วนาศรม น. ที่อยู่ในป่า. (ส. วนาศฺรม).
วนาสณฑ์,วนาสัณฑ์ วนาสณฑ์, วนาสัณฑ์ น. ราวป่า, แนวป่า, ทิวไม้, ป่าสูง, ป่าดง, พนาสณฑ์ หรือ พนาสัณฑ์ ก็ว่า. (ป. วนสณฺฑ; ส. วน + ขณฺฑ, วน + ษณฺฑ).
วนิดา วนิดา น. หญิง, หญิงสาว. (ป.; ส. วินิตา).
วนิพก วนิพก [วะนิบพก, วะนิพก] น. คนขอทานโดยร้องเพลงหรือดีดสีตีเป่าให้ฟัง, ใช้ว่า วณิพก หรือ วันนิพก ก็มี. (ป. วนิพฺพก).
วเนจร วเนจร [วะเนจอน] น. คนเที่ยวป่า, พรานป่า.<2t>ก. เที่ยวไปในป่า. (ป., ส.).
วโนทยาน วโนทยาน [วะโนทะ-] น. สวนป่า. (ส. วน + อุทฺยาน).
วปนะ วปนะ [วะปะ-] (แบบ) น. การหว่าน (ใช้แก่ข้าว), การเพาะปลูก. (ป., ส.).
วปุ วปุ (แบบ) น. ตัว, ร่างกาย. (ป., ส.).
วยัคฆ์ วยัคฆ์ น. เสือ. (ป. วฺยคฺฆ, พฺยคฺฆ; ส. วฺยาฆฺร).
วยัญชนะ วยัญชนะ น. พยัญชนะ. (ส. วฺยญฺชน; ป. วฺยญฺชน, พฺยญฺชน).
วยัมหะ วยัมหะ น. วิมาน, ฟ้า, เมืองสวรรค์. (ป. วฺยมฺห).
วยัสย์ วยัสย์ น. ผู้รุ่นราวคราวเดียวกัน, เพื่อน, เกลอ, สหาย. (ส.).
วยากรณ์ วยากรณ์ น. พยากรณ์. (ป., ส. วฺยากรณ).
วยาฆร์ วยาฆร์ น. เสือ. (ส. วฺยาฆฺร; ป. วฺยคฺฆ, พฺยคฺฆ).
วยาธิ วยาธิ [วะยาทิ] น. พยาธิ. (ป. วฺยาธิ, พฺยาธิ; ส. วฺยาธิ).
วยามะ วยามะ น. มาตราวัด ยาวเท่ากับ ๑ วา. (ป. วฺยาม, พฺยาม; ส. วฺยาม).
วยายาม วยายาม น. พยายาม. (ส. วฺยายาม; ป. วายาม).
วร,วร- วร- [วะระ-, วอระ-] น. พร; ของขวัญ.<2t>ว. ยอดเยี่ยม, ประเสริฐ, เลิศ. (ป., ส.).
วรงค์ วรงค์ [วะรง] น. ส่วนสําคัญของร่างกาย คือ หัว. (ส. วร + องฺค).
วรณะ วรณะ [วะระนะ] น. ป้อม, กําแพง, ที่ป้องกัน; การป้องกัน. (ป., ส.).
วรดนู วรดนู [วะระดะ-, วอระดะ-] น. หญิงงาม. (ส. วรตนุ).
วรทะ วรทะ [วะระทะ, วอระทะ] น. การให้พร. (ป.).
วรทาน วรทาน [วะระทาน, วอระทาน] น. การให้พร. (ป.); การให้ของขวัญแก่เจ้าบ่าว. (ส.).
วรมหาวิหาร วรมหาวิหาร [วอระ-] น. เรียกพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดตํ่าสุดว่า ชั้นเอกชนิดวรมหาวิหาร เช่น วัดพระศรีมหาธาตุ วัดพระธาตุพนม, เรียกพระอารามหลวงชั้นโทชนิดหนึ่ง มีฐานะตํ่ากว่าชนิดราชวรวิหาร ว่า ชั้นโทชนิดวรมหาวิหาร เช่น วัดจักรวรรดิ วัดระฆัง.
วรรค วรรค [วัก] น. ตอน, บางทีก็ใช้เข้าคู่กันเป็น วรรคตอน เช่น เครื่องหมายวรรคตอน เขียนหนังสือควรให้มีวรรคตอน, หมวด เช่น วรรค ก; ช่วงหนึ่งของคําหรือข้อความที่สุดลงแล้วเว้นเป็นช่องว่างไว้ระยะหนึ่ง เรียกว่า เว้นวรรค, ถ้าเป็นเรื่องร้อยกรองถือข้อความช่วงหนึ่ง เป็น วรรคหนึ่ง เช่น ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร; ชื่อมาตราปักษคณนา ๔ หรือ ๕ ปักษ์ เรียก วรรคหนึ่ง คือ ปักษ์ถ้วน ๓ ปักษ์ขาด ๑ เรียก จุลวรรค, ปักษ์ถ้วน ๔ ปักษ์ขาด ๑ เรียก มหาวรรค; (กฎ) ย่อหน้าหนึ่ง ๆ ของบทบัญญัติในแต่ละมาตราของกฎหมาย. (ส. วรฺค; ป. วคฺค).
วรรคย์ วรรคย์ [วัก] ว. เกี่ยวกับหมู่กับคณะ, เป็นหมวด, เป็นหมู่. (ส. วรฺคฺย; ป. วคฺคิย).
วรรช วรรช [วัด] น. โทษ, ความผิด. (ส. วรฺช; ป. วชฺช).
วรรชย์ วรรชย์ [วัด] ว. ที่ควรเว้น. (ส. วรฺชฺย).
วรรณ,วรรณ-,วรรณะ วรรณ-, วรรณะ [วันนะ-] น. สี เช่น เบญจวรรณ แปลว่า ๕ สี, มักใช้เข้าคู่กับคำ สีสัน เป็น สีสันวรรณะ; ผิว เช่น ขอให้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ, มักใช้เข้าคู่กับคำ ผิวพรรณ เป็น ผิวพรรณวรรณะ; ชั้นชน, ในสังคมฮินดูแบ่งคนออกเป็น ๔ วรรณะ คือ พราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร; หนังสือ เช่น วรรณกรรม วรรณคดี. (ส. วรฺณ; ป. วณฺณ).
วรรณกรรม วรรณกรรม น. งานหนังสือ, งานประพันธ์, บทประพันธ์ทุกชนิดทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง, เช่น วรรณกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ วรรณกรรมของเสฐียรโกเศศ วรรณกรรมฝรั่งเศส วรรณกรรมประเภทสื่อสารมวลชน; (กฎ) งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ และหมายความรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วย.
วรรณคดี วรรณคดี น. วรรณกรรมที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดีมีคุณค่าเชิงวรรณศิลป์ถึงขนาด เช่น พระราชพิธีสิบสองเดือน มัทนะพาธา สามก๊ก เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน.
วรรณนา วรรณนา [วันนะ-] น. พรรณนา, การกล่าวถ้อยคําให้ผู้ฟังนึกเห็นเป็นภาพ. (ส. วรฺณนา; ป. วณฺณนา).
วรรณพฤติ วรรณพฤติ [วันนะพรึด] น. ฉันท์ที่กําหนดด้วยอักษรตามอักขรวิธีเป็นเสียงหนักเบาที่เรียกว่า ครุ ลหุ เป็นสำคัญ.
วรรณยุกต์,วรรณยุต วรรณยุกต์, วรรณยุต น. ระดับเสียงสูงต่ำของคำในภาษาไทย มี ๕ เสียง คือ เสียงสามัญ เสียงเอก เสียงโท เสียงตรี เสียงจัตวา มีรูปเครื่องหมายบอกระดับของเสียงอยู่เบื้องบนอักษร ๔ รูป คือ ่ (ไม้เอก) ้ (ไม้โท) ๊ (ไม้ตรี) ๋ (ไม้จัตวา).
วรรณศิลป์ วรรณศิลป์ น. ศิลปะในการประพันธ์หนังสือ เช่น ลิลิตพระลอเป็นวรรณคดีที่มีวรรณศิลป์สูงส่ง, ศิลปะทางวรรณกรรม เช่น นักวรรณศิลป์; วรรณกรรมที่ถึงขั้นเป็นวรรณคดี, หนังสือที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี.
วรรณึก วรรณึก น. ผู้เขียน, ผู้ประพันธ์; เลขานุการ. (ส. วรฺณิก).
วรรธกะ วรรธกะ [วัดทะกะ] น. ผู้เจริญ. (ส. วรฺธก ว่า ผู้ทําให้เจริญ; ป. วฑฺฒก).
วรรธนะ วรรธนะ [วัดทะนะ] น. ความเจริญ, ความงอกงาม. (ส. วรฺธน; ป. วฑฺฒน).
วรรษ วรรษ [วัด] น. พรรษ, ฝน; ปี. (ส. วรฺษ; ป. วสฺส).
วรรษา วรรษา [วัดสา] น. พรรษา, ฤดูฝน; ปี. (ส.).
วรวิหาร วรวิหาร [วอระ-] น. เรียกพระอารามหลวงชั้นโทชนิดตํ่าสุดว่า ชั้นโทชนิดวรวิหาร เช่น วัดบพิตรพิมุข วัดอนงคาราม, เรียกพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดหนึ่ง มีฐานะตํ่ากว่าชนิดราชวรวิหาร ว่า ชั้นตรีชนิดวรวิหาร เช่น วัดราชนัดดา วัดเทพธิดา.
วรัญญู วรัญญู [วะรันยู] น. ผู้ตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ คือ พระพุทธเจ้า. (ป.).
วรากะ วรากะ (แบบ) น. ตุ่ม, ไห, หม้อนํ้า.<2t>ว. น่าเวทนา, น่าสงสาร. (ป., ส.).
วรางคณา วรางคณา น. หญิงผู้ประเสริฐ. (ส.).
วราห์,วราหะ วราห์, วราหะ น. หมู. (ป., ส.).
วรุณ วรุณ น. พระพิรุณ, เทวดาแห่งนํ้า, เทวดาแห่งฝน. (ส.).
วรุตดม,วรุตมะ,วโรดม,วโรตมะ วรุตดม, วรุตมะ, วโรดม, วโรตมะ [วะรุดดม, วะรุดตะมะ, วะโรดม, วะโรดตะมะ] ว. ประเสริฐสุด. (ป. วร + อุตฺตม).
วรูถะ วรูถะ [วะรูถะ] (แบบ) น. การป้องกัน, ที่ป้องกัน, ที่พัก; เครื่องป้องกัน; เกราะ, โล่. (ส.).
วฤก วฤก [วฺรึก] (แบบ) น. หมาป่า. (ส. วฺฤก; ป. วก).
วฤษภ วฤษภ [วฺรึสบ] (แบบ) น. พฤษภ. (ส. วฺฤษภ; ป. วสภ).
วฤษละ วฤษละ [วฺรึสะละ] (แบบ) น. คนชั่ว. (ส. วฺฤษล; ป. วสล).
วลัช วลัช (แบบ) น. ปลาชนิดหนึ่ง. (ป.).
วลัญช์ วลัญช์ [วะลัน] (แบบ) น. รอย, เครื่องหมาย; ทาง; การใช้สอย. (ป.).
วลัญชน์ วลัญชน์ น. การใช้สอย. (ป.).
วลัย วลัย [วะไล] น. กําไลมือ, ทองกร; ของที่เป็นวงกลม, วงกลม. (ป., ส.).
วลาหก วลาหก [วะลาหก] น. เมฆ. (ป.).
วลี วลี [วะลี] น. แถว, รอย, รอยย่น (ที่หน้า). (ป., ส.); (ไว) กลุ่มคําที่เรียงติดต่อกันเป็นระเบียบและมีกระแสความเป็นที่หมายรู้กันได้ แต่ยังไม่เป็นประโยคสมบูรณ์ เช่น หนูแหวนแขนอ่อน เวลาดึกดื่นเที่ยงคืน ทางเดินเข้าสวนมะพร้าว.
วศค วศค [วะสก] (แบบ) น. ผู้อยู่ในอํานาจ, ผู้อยู่ในบังคับ, ผู้เชื่อฟัง. (ส.; ป. วสค).
วศะ วศะ น. อํานาจ, การบังคับบัญชา. (ส.; ป. วส).
วศิน วศิน (แบบ) น. ผู้ชํานะตนเอง, ผู้สํารวมอินทรีย์. (ส.).
วสนะ,วสนะ ๑ วสนะ ๑ [วะสะ-] (แบบ) น. ที่อยู่, บ้าน; การอยู่. (ป.).
วสนะ,วสนะ ๒ วสนะ ๒ [วะสะ-] (แบบ) น. เสื้อผ้า, เครื่องนุ่งห่ม. (ป., ส.).
วสภะ วสภะ [วะสะ-] (แบบ) น. วัวตัวผู้. (ป.; ส. วฺฤษภ).
วสละ วสละ [วะสะ-] น. คนชั่ว, คนถ่อย, คนตํ่าช้า, คนชั้นตํ่า. (ป.; ส. วฺฤษล).
วสลี วสลี [วะสะ-] น. หญิงชั่ว, หญิงตํ่าช้า. (ป.; ส. วฺฤษลิ).
วสวัดดี,วสวัตตี วสวัดดี, วสวัตตี [วะสะ-] น. ผู้ยังสัตว์ให้อยู่ในอํานาจ; ชื่อของเทวบุตรมาร. (ป.).
วสะ วสะ น. อํานาจ, กําลัง; ความตั้งใจ, ความปรารถนา. (ป.; ส. วศ).
วสันต,วสันต-,วสันต์ วสันต-, วสันต์ [วะสันตะ-, วะสัน] น. ฤดูใบไม้ผลิในคำว่า ฤดูวสันต์, วสันตฤดู ก็ว่า. (ป., ส.).
วสันตดิลก วสันตดิลก [วะสันตะดิหฺลก] น. ชื่อฉันท์อย่างหนึ่ง บาทหนึ่งมี ๑๔ คํา เช่น <3t><3t><3t><3t> ช่อฟ้าก็เฟื้อยกลจะฟัด<3t><3t>ดลฟากทิฆัมพร <3t><3t><3t><3t>บราลีพิไลพิศบวร<3t><3t><3t> นภศูลสล้างลอย. <3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t><3t>(อิลราช). (ป., ส. วสนฺตติลก).
วสันตฤดู วสันตฤดู น. ฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูวสันต์ ก็ว่า.
วสันตวิษุวัต วสันตวิษุวัต (ดารา) น. จุดราตรีเสมอภาค ที่เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปถึงในราววันที่ ๒๑ มีนาคม, คู่กับ ศารทวิษุวัต. (อ. vernal equinox).
วสา วสา น. มันเหลว; ไข, นํ้ามัน. (ป., ส.).
วสี วสี น. ผู้ชํานะตนเอง, ผู้สํารวมอินทรีย์, ผู้ตัดกิเลสได้ดังใจ; ผู้ชํานาญ. (ป.).
วสุ วสุ น. ทรัพย์, สมบัติ; ชื่อเทวดาหมู่หนึ่งมี ๘ องค์ด้วยกัน เป็นบริวารของพระอินทร์. (ป., ส.).
วสุธา วสุธา น. แผ่นดิน, พื้นดิน. (ป., ส.).
วสุนธรา วสุนธรา [-สุนทะ-] น. แผ่นดิน, พื้นดิน. (ป., ส.).
วสุมดี วสุมดี [-สุมะ-] น. โลก, แผ่นดิน. (ป., ส. วสุมตี).
วหะ วหะ ก. นําไป, พาไป. (ป., ส.).
วหา วหา น. แม่นํ้า. (ส.).
วอ วอ น. ยานที่มีลักษณะเป็นรูปเรือนหลังคาทรงจั่ว สําหรับเจ้านายหรือข้าราชการฝ่ายในนั่ง มีคานรับอยู่ข้างใต้คู่หนึ่ง ใช้คนหาม, เรียกรถยนต์ที่มีวอสําหรับเชิญศพตั้งอยู่บนกระบะรถว่า รถวอ.
วอก วอก น. ชื่อปีที่ ๙ ของรอบปีนักษัตร มีลิงเป็นเครื่องหมาย; (ปาก) ลิง เช่น ซนเป็นอ้ายวอก; เรียกหน้าของคนที่ผัดแป้งจนขาวเกินไปว่า หน้าวอก.
วอกแวก วอกแวก ว. อาการที่จิตใจไม่จดจ่อแน่วแน่อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เวลาฟังครูสอนมีสิ่งรบกวนทำให้จิตใจวอกแวก.
ว่องไว ว่องไว ก. รวดเร็ว, คล่องแคล่ว, ปราดเปรียว, ปราดเปรื่อง, เช่น ทำงานว่องไว มีปฏิภาณว่องไว.
วอด วอด ก. หมดไป, สิ้นไป, เช่น ไฟไหม้เสียวอดเลย, วอดวาย ก็ว่า.
วอดวาย วอดวาย ก. หมดไป, สิ้นไป, เช่น บ้านเรือนถูกไฟไหม้วอดวายแล้ว, วอด ก็ว่า; (วรรณ) ตาย เช่น ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป. (นิ. ภูเขาทอง).
วอน วอน (ปาก) ก. รนหาที่ เช่น วอนตาย; (วรรณ) ร่ำขอ, ขอด้วยอาการออด, เฝ้าร้องขอให้ทำตามประสงค์, เช่น คำนึงนุชนาฎเนื้อ นวลสมร แม้นแม่มาจักวอน พี่ชี้. (ตะเลงพ่าย).
ว่อน ว่อน ว. อาการที่เคลื่อนไปในอากาศเป็นฝูงหรือเป็นจำนวนมาก เช่น แมลงบินว่อน กระดาษปลิวว่อน, อาการที่บินวนเวียนไปมา เช่น แมลงวันตัวนี้บินว่อนอยู่ในห้องนานแล้ว, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เดินกันว่อน ข่าวลือว่อน.
ว็อบแว็บ,ว็อบ ๆ แว็บ ๆ ว็อบแว็บ, ว็อบ ๆ แว็บ ๆ ว. อาการที่เห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง เช่น วันนี้โทรทัศน์ไม่ดี เห็นภาพว็อบแว็บหลายตอน.
วอพระประเทียบ วอพระประเทียบ น. วอสำหรับเจ้านายฝ่ายใน.
วอมแวม,วอม ๆ แวม ๆ,ว็อมแว็ม,ว็อม ๆ แว็ม ๆ วอมแวม, วอม ๆ แวม ๆ, ว็อมแว็ม, ว็อม ๆ แว็ม ๆ ว. ลักษณะของแสงที่มองเห็นเรือง ๆ ไหว ๆ อยู่ในระยะไกล เช่น ในเวลากลางคืนพอมองเห็นแสงไฟวอมแวมอยู่ในที่ไกล ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย กระท่อมหลังนั้นคงมีคนอยู่ เพราะเห็นไฟวอม ๆ แวม ๆ อยู่ มีแสงไฟจากเรือหาปลาว็อมแว็ม.
วอลเลย์บอล วอลเลย์บอล น. กีฬาอย่างหนึ่ง แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายละ ๖ คน แต่ละฝ่ายต้องใช้มือตีหรือตบลูกบอลข้ามตาข่ายโต้กันไปมา. (อ. volley ball).
วอแว วอแว ก. รบกวน, เซ้าซี้, เช่น เขากำลังอารมณ์เสีย อย่าเข้าไปวอแว; เกาะแกะ เช่น อย่าไปวอแวลูกสาวเขา.
วะ,วะ ๑ วะ ๑ ว. บ๊ะ, คำที่เปล่งออกมาแสดงอารมณ์ผิดคาดหรือผิดหวังเป็นต้น, อุวะ หรือ ว้า ก็ว่า; คำบอกเสียงต่อท้ายประโยคแสดงความคุ้นเคยเป็นกันเองหรือแสดงความไม่สุภาพ เช่น ไปไหนวะ.
วะ,วะ ๒ วะ ๒ คำกร่อนของคำหน้าซึ่งซ้ำกับคำหลังในคำที่มี ว เป็นพยัญชนะต้นในบทกลอน เช่น ว่อนว่อน กร่อนเป็น วะว่อน วาบวาบ กร่อนเป็น วะวาบ มีคำแปลอย่างเดียวกับคำเดิมนั้น และมีความหมายในทางย้ำหรือเน้นคำ.
วัก,วัก ๑ วัก ๑ ก. เอาอุ้งมือตักน้ำหรือของเหลวขึ้นมาค่อนข้างเร็ว เช่น ใช้มือวักน้ำกิน เอามือวักน้ำโคลนสาด, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น วักควัน.
วัก,วัก ๒ วัก ๒ ก. เซ่น, มักใช้เข้าคู่กันเป็น เซ่นวัก.
วักกะ,วักกะ ๑ วักกะ ๑ น. ไต. (โบราณแปลว่า ม้าม). (ป.; ส. วฺฤกฺก).
วักกะ,วักกะ ๒ วักกะ ๒ ว. คด, ไม่ตรง, โกง, งอ. (ป.; ส. วกฺร).
วัค วัค น. วรรค. (ป. วคฺค; ส. วรฺค).
วัคคิยะ,วัคคีย์ วัคคิยะ, วัคคีย์ [วักคิยะ] ว. อยู่ในพวก, อยู่ในหมู่, เช่น เบญจวัคคีย์ ว่า อยู่ในพวก ๕. (ป.).
วัคคุ วัคคุ ว. ไพเราะ, เสนาะ; งาม. (ป.; ส. วลฺคุ).
วัคคุวัท วัคคุวัท ว. ผู้กล่าวไพเราะ. (ป. วคฺคุ + วท ว่า ผู้กล่าว).
วัคซีน วัคซีน น. ผลิตผลที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกฆ่าหรือทําให้มีฤทธิ์อ่อนแรงจนไม่เป็นอันตราย สําหรับฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเกิดจากเชื้อนั้น ๆ. (อ. vaccine).
วัง,วัง ๑ วัง ๑ น. ที่อยู่ของเจ้านาย, ถ้าเป็นที่อยู่ของพระมหากษัตริย์เรียก พระราชวัง หรือ พระบรมมหาราชวัง; ห้วงนํ้าลึก เช่น วังจระเข้.<2t>ก. ล้อม, ห้อมล้อม.
วัง,วัง ๒ วัง ๒ (โบ; เลิก) น. ตำแหน่งเจ้ากระทรวงปกครองครั้งโบราณ มีหน้าที่รักษาพระราชวัง จัดการพระราชพิธีและมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของราษฎร.
วังก์ วังก์ น. วงก์. (ป.).
วังชา วังชา คำประกอบท้ายคำ กำลัง เป็น กำลังวังชา มีความหมายเท่าเดิม.
วังช้าง วังช้าง น. วิธีจับช้างเถื่อนโดยต้อนช้างเข้ามาอยู่ในวงล้อมทั้งโขลง.
วังวน วังวน น. ห้วงนํ้าที่หมุนวน.
วังเวง วังเวง ก. ลักษณะบรรยากาศที่สงบเยือกเย็นทำให้เกิดความรู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยวใจ เช่น เข้าไปในบ้านร้างรู้สึกวังเวง.
วังศะ,วังสะ วังศะ, วังสะ น. วงศ์. (ส. วํศ; ป. วํส).
วังหน้า วังหน้า น. วังซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราช เรียกในราชการว่า พระราชวังบวรสถานมงคล ตั้งอยู่ด้านหน้าพระราชวังหลวงหรือพระบรมมหาราชวัง มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา, ในรัชกาลที่ ๔ ทรงบัญญัติให้เรียกว่า พระบวรราชวัง, ปัจจุบันเรียกพระราชวงศ์ฝ่ายนี้ว่า ฝ่ายวังหน้า.
วังหลวง วังหลวง น. วังซึ่งเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดิน, ในรัชกาลที่ ๔ ทรงบัญญัติให้เรียกว่า พระบรมมหาราชวัง.
วังหลัง วังหลัง น. วังซึ่งเป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข มักตั้งอยู่ทางด้านหลังของพระราชวังหลวง.
วัจ,วัจ-,วัจจะ วัจ-, วัจจะ [วัดจะ-] น. อุจจาระ. (ป.; ส. วรฺจสฺ).
วัจกุฎี วัจกุฎี น. ที่ถ่ายอุจจาระ, ส้วม, (ใช้แก่บรรพชิต), เวจกุฎี ก็เรียก. (ป. วจฺจกุฏิ).
วัจฉ์,วัจฉก วัจฉ์, วัจฉก [วัด, -ฉก] (แบบ) น. ลูกวัว. (ป.; ส. วตฺส, วตฺสก).
วัจฉละ วัจฉละ [วัดฉะละ] (แบบ) ว. มีใจกรุณา, เอ็นดู, อ่อนโยน, มีความรักใคร่. (ป.; ส. วตฺสล).
วัจน์ วัจน์ (แบบ) น. วจนะ, ถ้อยคํา. (ป., ส.).
วัจมรรค วัจมรรค น. ทวารหนัก, เวจมรรค ก็เรียก. (ป. วจฺจมคฺค).
วัช,วัช ๑ วัช ๑ (แบบ) น. วชะ, คอกสัตว์. (ป. วช).
วัช,วัช ๒,วัช-,วัชชะ,วัชชะ ๑ วัช ๒, วัช-, วัชชะ ๑ [วัดชะ-] น. สิ่งที่ควรละทิ้ง; โทษ, ความผิด. (ป. วชฺช; ส. วรฺชฺย, วรฺชฺช).
วัช,วัช ๓,วัชชะ,วัชชะ ๒ วัช ๓, วัชชะ ๒ น. การพูด, ถ้อยคํา.<2t>ว. ควรพูดติ, ควรกล่าวติ. (ป. วชฺช; ส. วทฺย).
วัชฌ์ วัชฌ์ ก. ฆ่า, ทําให้ตาย. (ป.).
วัชพืช วัชพืช [วัดชะพืด] น. พืชที่ไม่ต้องการ เช่นหญ้าคาในแปลงข้าว. (ป. วชฺช + พีช).
วัชร,วัชร-,วัชระ วัชร-, วัชระ [วัดชะระ-] น. วชิระ. (ส. วชฺร; ป. วชิร).
วัชรธาตุมณฑล วัชรธาตุมณฑล [-ทาตุมนทน, -ทาดมนทน] น. สัญลักษณ์ในทางปัญญาอันคมกล้าที่สามารถตัดอวิชชาได้.
วัชรปาณี วัชรปาณี น. ผู้ถือวชิระ คือ พระอินทร์, วชิรปาณี ก็ว่า, ชื่อพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งตามคติฝ่ายมหายาน พระหัตถ์ทรงสายฟ้า. (ส. วชฺรปาณิ).
วัชรยาน วัชรยาน น. ชื่อหนึ่งของลัทธิพุทธตันตระ ซึ่งถือว่ามีหลักปรัชญาสูงเหนือธรรมชาติ มีความแข็งเหมือนเพชร ใสเหมือนอากาศ ไม่มีใครต้านทานได้เหมือนสายฟ้า จึงเรียกหลักปรัชญานั้นว่า วัชระ และเรียกลัทธิว่า วัชรยาน. (ส.).
วัชรอาสน์ วัชรอาสน์ น. อาสนะที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ในวันตรัสรู้ เรียกว่า พระแท่นวัชรอาสน์, โพธิบัลลังก์ หรือ รัตนบัลลังก์ ก็เรียก. (ส. วชฺราสน).
วัชราสน์ วัชราสน์ น. ท่านั่งขัดสมาธิเพชร. (ส.).
วัชรินทร์ วัชรินทร์ น. พระอินทร์. (ส. วชฺรินฺ, วชฺร + อินฺทฺร).
วัชรี วัชรี น. พระอินทร์. (ส.).
วัชเรนทร์ วัชเรนทร์ น. พระอินทร์. (ส. วชฺร + อินฺทฺร).
วัญจก วัญจก [วันจก] (แบบ) น. ผู้ลวง, คนคดโกง. (ป., ส.).
วัญจนะ วัญจนะ [วันจะนะ] (แบบ) น. การหลอกลวง, การปลอม, การคดโกง; เครื่องลวง, เครื่องหลอก, ของไม่จริง. (ป., ส.).
วัญฌ์ วัญฌ์ (แบบ) ว. หมัน (ใช้แก่คนหรือสัตว์), ไม่มีลูก (ใช้แก่ต้นไม้), ไม่มีผล (ใช้แก่การงานทั่วไป). (ป.; ส.วนฺธฺย).
วัฏ,วัฏ-,วัฏฏะ วัฏ-, วัฏฏะ [วัดตะ-] (แบบ) น. วงกลม; การหมุน, การเวียนไป, รอบแห่งการเวียนเกิดเวียนตาย.<2t>ว. กลม, เป็นวง. (ป.; ส. วฺฤตฺต).
วัฏกะ วัฏกะ [วัดตะกะ] น. นกกระจาบ. (ป. วฏฺฏก; ส. วรฺตก).
วัฏจักร วัฏจักร น. ช่วงระยะเวลาของเหตุการณ์หรือกิจกรรมชุดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นและดําเนินติดต่อกันไปอย่างมีระเบียบจนจบลง ณ จุดเริ่มต้นนั้นอีก เช่น วัฏจักรแห่งฤดูกาล วัฏจักรแห่งพืช.
วัฏฏิ วัฏฏิ น. ของกลมยาว, ไส้เทียน, เส้น, สาย. (ป.; ส. วรฺติ).
วัฏทุกข์ วัฏทุกข์ น. ทุกข์คือการเวียนเกิดเวียนตาย. (ป.).
วัฏสงสาร วัฏสงสาร น. การเวียนว่ายตายเกิด, สงสารวัฏ หรือ สังสารวัฏ ก็ว่า. (ป.).
วัฒกะ วัฒกะ [วัดทะกะ] น. ผู้เจริญ.<2t>ว. งอกงาม, เจริญ. (ป. วฑฺฒก; ส. วรฺธก).
วัฒกี วัฒกี [วัดทะกี] น. ช่างไม้. (ป. วฑฺฒกี).
วัฒน,วัฒน-,วัฒนะ วัฒน-, วัฒนะ [วัดทะนะ-] น. ความเจริญ, ความงอกงาม. (ป. วฑฺฒน).
วัฒนธรรม วัฒนธรรม น. สิ่งที่ทําความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ เช่น วัฒนธรรมไทย วัฒนธรรมในการแต่งกาย, วิถีชีวิตของหมู่คณะ เช่น วัฒนธรรมพื้นบ้าน วัฒนธรรมชาวเขา.
วัฒนา วัฒนา น. ความเจริญ, ความงอกงาม.<2t>ก. เจริญ, งอกงาม.
วัณ,วัณ- วัณ, วัณ- [วัน, วันนะ-] น. วณะ, แผล, ฝี. (ป.).
วัณฏ์ วัณฏ์ น. ขั้ว, ก้าน. (ป.; ส. วฺฤนฺต).
วัณณะ วัณณะ (แบบ) น. สี, ผิว; ชนิด, อย่าง. (ป.; ส. วรฺณ). (ดู วรรณ-, วรรณะ).
วัณนา วัณนา [วันนะ-] น. คําชี้แจง, คําอธิบาย. (ป. วณฺณนา; ส. วรฺณนา). (ดู พรรณนา).
วัณโรค วัณโรค น. โรคชนิดหนึ่งเกิดที่ปอดเป็นต้น ทําให้ร่างกายทรุดโทรมเสื่อมไปตามลําดับ, โบราณเรียกวัณโรคปอดว่า ฝีในท้อง.
วัด,วัด ๑ วัด ๑ น. สถานที่ทางศาสนา โดยปรกติมีโบสถ์ วิหาร และที่อยู่ของสงฆ์หรือนักบวชเป็นต้น.
วัด,วัด ๒ วัด ๒ ก. ตวัดขึ้น เช่น วัดเบ็ด, เหวี่ยงแขนหรือขาไปโดยแรง เช่น นอนดิ้นวัดแขนวัดขา.
วัด,วัด ๓ วัด ๓ ก. สอบขนาดหรือปริมาณของสิ่งต่าง ๆ เช่นวัดส่วนยาว ส่วนกว้าง ส่วนสูง หรือความรู้เป็นต้น.
วัดแดด วัดแดด ก. สอบเวลาโดยอาศัยเงาแดดและสถานที่เป็นหลัก เช่นพอแดดถึงนอกชานก็เป็นเวลา ๘.๐๐ น.
วัดผล วัดผล ก. ทดสอบเพื่อวัดเชาวน์ ผลสัมฤทธิ์ของการเรียนรู้ บุคลิกภาพ เป็นต้น โดยใช้วิธีการแบบใดแบบหนึ่ง เช่น การเรียนรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ จำเป็นจะต้องวัดผลอย่างสม่ำเสมอ.
วัดพื้น วัดพื้น (ปาก) ก. หกล้มเหยียดยาวลงบนพื้น.
วัดรอยตีน,วัดรอยเท้า วัดรอยตีน, วัดรอยเท้า (สํา) ก. เทียบดูว่าพอสู้ได้หรือไม่ เช่น ลูกศิษย์วัดรอยเท้าครู, คอยเทียบตัวเองกับผู้ที่เหนือกว่าเพื่อชิงดีชิงเด่น เช่น ลูกน้องวัดรอยตีนหัวหน้า.
วัดราษฎร์ วัดราษฎร์ น. วัดที่ได้รับพระราชทานที่วิสุงคามสีมา แต่มิได้เข้าบัญชีเป็นพระอารามหลวง.
วัดวา,วัดวา ๑,วัดวาอาราม วัดวา ๑, วัดวาอาราม น. วัด.
วัดวา,วัดวา ๒ วัดวา ๒ ก. พอเท่า ๆ กัน, พอเสมอกัน เช่น พี่น้องสองคนนี้สวยพอวัดวากันได้.
วัดหลวง วัดหลวง (ปาก) น. พระอารามหลวง, วัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าจํานวนในบัญชีเป็นพระอารามหลวง.
วัดเหวี่ยง วัดเหวี่ยง ก. พอสู้กันได้, ปานกัน.
วัต วัต น. วตะ, พรต, ข้อปฏิบัติ; ความประพฤติ. (ป. วตฺต; ส. วฺฤตฺต).
วัตต์ วัตต์ น. หน่วยวัดกําลัง ๑ วัตต์ มีค่าเท่ากับ ๑ จูลต่อวินาที หรือ ๑๐๗ เอิร์กต่อวินาที, ๗๔๕.๗ วัตต์ มีค่าเท่ากับ ๑ กําลังม้า. (อ. watt).
วัตตา วัตตา น. ผู้กล่าว, ผู้พูด. (ป.; ส. วกฺตฺฤ).
วัตถ์ วัตถ์ น. ผ้า, เสื้อผ้า, เครื่องนุ่งห่ม. (ป.; ส. วสฺตฺร).
วัตถาภรณ์,วัตถาลังการ วัตถาภรณ์, วัตถาลังการ น. เครื่องประดับคือผ้า. (ป. วตฺถ + อาภรณ, วตฺถ + อลงฺการ).
วัตถุ วัตถุ น. สิ่งของ. (ป.; ส. วสฺตุ).
วัตถุดิบ วัตถุดิบ น. สิ่งที่เตรียมไว้เพื่อผลิตหรือประกอบเป็นสินค้าสําเร็จรูป; โดยปริยายหมายถึงเรื่องราว ประสบการณ์ เป็นต้น ที่นักเขียนเสาะหาหรือตระเตรียมสะสมไว้เพื่อแต่งหนังสือ.
วัตถุนิยม วัตถุนิยม น. ทฤษฎีหรือความเชื่อที่ว่าวัตถุเท่านั้นมีอยู่จริง; การให้คุณค่าแก่สิ่งที่เป็นรูปธรรมมากกว่าสิ่งที่เป็นนามธรรม, สสารนิยม ก็ว่า.
วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์ น. ผลที่ประสงค์ให้บรรลุ เช่น วัตถุประสงค์ของมัธยมศึกษาก็เพื่อให้เยาวชนมีความรู้ คิดเป็น ทำเป็น และมีคุณธรรม, จุดประสงค์ ก็ว่า.
วัตถุวิสัย วัตถุวิสัย ว. ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ โดยไม่เกี่ยวกับความคิดหรือความรู้สึก; เรียกการสอบแบบที่ผู้สอบมักไม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบตายตัว ว่าการสอบแบบวัตถุวิสัย, ปรนัย ก็ว่า. (อ. objective).
วัตนะ วัตนะ [วัดตะนะ] น. ความเป็นไป, ความเป็นอยู่. (ป. วตฺตน; ส. วรฺตน).
วัตร,วัตร- วัตร, วัตร- [วัด, วัดตฺระ-] น. กิจพึงกระทํา เช่น ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น, หน้าที่ เช่น ข้อวัตรปฏิบัติ, ธรรมเนียม เช่น ศีลาจารวัตร; ความประพฤติ เช่น พระราชจริยวัตร, การปฏิบัติ เช่น ธุดงควัตร อุปัชฌายวัตร, การจำศีล. (ป. วตฺต; ส. วฺฤตฺต).
วัตรปฏิบัติ วัตรปฏิบัติ [วัดตฺระ-] น. การปฏิบัติตามหน้าที่หรือตามศีล.
วัตสดร วัตสดร [วัดสะดอน] (แบบ) น. โคหนุ่ม, โคถึก. (ส. วตฺสตร).
วัตสะ วัตสะ (แบบ) น. ลูกวัว; เด็กเล็ก. (ส. วตฺส).
วัติ วัติ [วัด, วัดติ] น. วดี, รั้ว. (ป. วติ).
วัทน์ วัทน์ (แบบ) น. วทนะ. (ป., ส. วทน).
วัน,วัน ๑ วัน ๑ น. ระยะเวลา ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่ยํ่ารุ่งถึงยํ่ารุ่ง หรือตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงคืน เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษาหยุดราชการ ๑ วัน, ระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง ตั้งแต่ย่ำรุ่งถึงย่ำค่ำ เรียกว่า กลางวัน, มักเรียกสั้น ๆ ว่า วัน, ระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง ตั้งแต่ย่ำค่ำถึงย่ำรุ่ง เรียกว่า กลางคืน, มักเรียกสั้น ๆ ว่า คืน, เช่น เขาไปสัมมนาที่พัทยา ๒ วัน ๑ คืน, ช่วงเวลากลางวัน เช่น เช้าขึ้นมาก็รีบไปทำงานทุกวัน; (กฎ) เวลาทําการตามที่ได้กําหนดขึ้นโดยกฎหมาย คําสั่งศาล หรือระเบียบข้อบังคับ หรือเวลาทําการตามปรกติของกิจการนั้นแล้วแต่กรณี (ใช้ในทางคดีความ ในทางราชการ หรือทางธุรกิจการค้าและการอุตสาหกรรม).
วัน,วัน ๒ วัน ๒ น. แมลงวัน. (ดู แมลงวัน).
วัน,วัน ๓ วัน ๓ น. ป่าไม้, ดง, เช่น อัมพวัน คือ ป่ามะม่วง. (ป. วน).
วัน ๆ วัน ๆ ว. แต่ละวัน เช่น<2t>ได้รายได้เป็นวัน ๆ; บางวัน เช่น เขามาทำงานที่นี่เป็นวัน ๆ; ปล่อยให้เวลาล่วงไปอย่างซังกะตาย เช่น อยู่ไปวัน ๆ ไม่มีความหวัง.
วันโกน วันโกน น. วันที่พระปลงผม คือ วันขึ้นและวันแรม ๑๔ คํ่า หรือวันแรม ๑๓ คํ่าของเดือนขาด, (ปาก) ชื่อวันก่อนวันพระวันหนึ่ง เดือนหนึ่งมี ๔ วัน คือ ขึ้น ๗ คํ่า ขึ้น ๑๔ คํ่า แรม ๗ คํ่า และแรม ๑๔ คํ่า ถ้าเป็นเดือนขาดก็แรม ๑๓ คํ่า.
วันเข้าพรรษา วันเข้าพรรษา น. วันที่พระสงฆ์เริ่มเข้าจำพรรษา คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘.
วันแข็ง วันแข็ง (โหร) น. วันซึ่งถือว่าดาวมีพลังแรง ได้แก่ วันอาทิตย์ วันอังคาร วันเสาร์.
วันครู วันครู (โหร) น. วันพฤหัสบดี; วันที่ระลึกถึงครู ปัจจุบันกำหนดวันที่ ๑๖ มกราคมของปีเป็นวันครู.
วันจม วันจม (โหร) น. วันเคราะห์ร้ายในเดือนทางจันทรคติ เป็นวันห้ามทํากิจการใด ๆ ทั้งสิ้น, คู่กับ วันฟู หรือ วันลอย.
วันจักรี วันจักรี น. วันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงสถาปนาพระบรมราชวงศ์จักรี ตรงกับวันที่ ๖ เมษายน.
วันฉัตรมงคล วันฉัตรมงคล น.วันที่ประกอบพระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร ซึ่งตรงกับวันบรมราชาภิเษก ในรัชกาลปัจจุบันตรงกับวันที่ ๕ พฤษภาคม.
วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันเฉลิมพระชนมพรรษา น. วันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช.
วันดับ วันดับ น. วันสิ้นเดือนทางจันทรคติ ซึ่งตรงกับวันแรม ๑๔ คํ่าหรือแรม ๑๕ คํ่า.
วันดีคืนดี วันดีคืนดี (ปาก) น. โอกาสเหมาะ, มักใช้พูดแสดงเวลาที่ไม่แน่นอน เช่น หายหน้าไปนาน วันดีคืนดีก็มา.
วันต์ วันต์ (แบบ) ก. คายแล้ว, ทิ้งหรือเลิกแล้ว. (ป.; ส. วานฺต).
วันตรุษ วันตรุษ น. วันสิ้นปีซึ่งกำหนดตามจันทรคติ ตรงกับวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๔.
วันตัว วันตัว น. วันใดวันหนึ่งในรอบสัปดาห์ซึ่งตรงกับวันเกิด.
วันเถลิงศก วันเถลิงศก น. วันขึ้นจุลศักราชใหม่ ปรกติตรงกับวันที่ ๑๕ เมษายน.
วันทน,วันทน-,วันทนา วันทน-, วันทนา [วันทะนะ-, วันทะนา] น. การไหว้, การเคารพ. (ป., ส.).
วันทนาการ วันทนาการ น. การไหว้. (ป.).
วันทนีย์ วันทนีย์ ว. ควรไหว้, น่านับถือ. (ป., ส.).
วันทย,วันทย- วันทย- [วันทะยะ-] ว. ควรไหว้, ควรนอบนบ. (ส.).
วันทยหัตถ์ วันทยหัตถ์ น. ท่าเคารพด้วยมือของทหาร ตํารวจ ลูกเสือ เป็นต้น ที่แต่งเครื่องแบบ สวมหมวก มิได้ถืออาวุธ.
วันทยาวุธ วันทยาวุธ น. ท่าเคารพด้วยอาวุธของทหาร ตํารวจ ลูกเสือ เป็นต้น ที่แต่งเครื่องแบบ สวมหมวก และถืออาวุธอยู่กับที่.
วันทา วันทา ก. ไหว้, แสดงอาการเคารพ. (ป. วนฺท).
วันทาสีมา วันทาสีมา ก. ไหว้พัทธสีมาก่อนที่จะเข้าอุโบสถในพิธีอุปสมบท (ใช้แก่นาค).
วันทิ วันทิ (แบบ) น. เชลย. (ป., ส.).
วันที่ วันที่ น. ลำดับวันในเดือนหนึ่ง ๆ ทางสุริยคติ เช่น วันที่ ๑ สิงหาคม วันที่ ๒ กันยายน.
วันนิพก วันนิพก น. วนิพก.
วันเนา วันเนา น. วันที่อยู่ถัดจากวันมหาสงกรานต์ หน้าวันเถลิงศก ปรกติตรงกับวันที่ ๑๔ เมษายน.
วันปวารณา,วันมหาปวารณา วันปวารณา, วันมหาปวารณา น. วันออกพรรษา.
วันปิยมหาราช วันปิยมหาราช น. วันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช เสด็จสวรรคต ตรงกับวันที่ ๒๓ ตุลาคม.
วันพระ วันพระ น. วันประชุมถือศีลฟังธรรมในพระพุทธศาสนา เดือนหนึ่งมี ๔ วัน คือ วันขึ้น ๘ คํ่า ขึ้น ๑๕ คํ่า แรม ๘ คํ่า และแรม ๑๕ คํ่า ถ้าเป็นเดือนขาดก็แรม ๑๔ คํ่า.
วันพระไม่มีหนเดียว วันพระไม่มีหนเดียว (สํา) น. วันหน้ายังมีโอกาสอีก (มักใช้พูดเป็นเชิงอาฆาต).
วันเพ็ญ วันเพ็ญ น. วันกลางเดือนนับตามจันทรคติ คือวันที่พระจันทร์ขึ้นเต็มดวง.
วันฟู,วันลอย วันฟู, วันลอย (โหร) น. วันที่ถือว่าเป็นมงคลในเดือนทางจันทรคติสําหรับเริ่มกิจการต่าง ๆ, คู่กับ วันจม.
วันมหาสงกรานต์ วันมหาสงกรานต์ น. วันเริ่มต้นเทศกาลสงกรานต์ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน.
วันมาฆบูชา วันมาฆบูชา น. วันเพ็ญเดือน ๓ เป็นวันทำบุญพิเศษทางพระพุทธศาสนาเพื่อระลึกถึงความสำคัญ ๔ ประการ คือ ๑. วันเพ็ญดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (ดวงจันทร์เดินมาถึงดาวฤกษ์ชื่อ มฆะ ส่วนในปีที่มีอธิกมาสจะตรงกับวันเพ็ญเดือน ๔) ๒. พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูปมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ๓. พระสงฆ์ที่มาประชุมกันในวันนั้นล้วนเป็นผู้ที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งเรียกการบวชแบบนี้ว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา ๔. พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น, วันจาตุรงคสันนิบาต ก็เรียก.
วันยังค่ำ วันยังค่ำ (ปาก) ว. เสมอ, ทุกคราวไป, แน่ ๆ, เช่น แพ้วันยังคํ่า; ตลอดวัน เช่น ทํางานวันยังคํ่า.
วันรัฐธรรมนูญ วันรัฐธรรมนูญ น. วันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้แก่ประชาชนชาวไทย ตรงกับวันที่ ๑๐ ธันวาคม.
วันแรกนา,วันแรกนาขวัญ วันแรกนา, วันแรกนาขวัญ น. วันประกอบพิธีเริ่มไถนา ทางราชการเรียกว่า วันพระราชพิธีจรดพระนังคัล.
วันแรงงาน วันแรงงาน น. วันหยุดงานเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้ใช้แรงงาน ตรงกับวันที่ ๑ พฤษภาคม, วันกรรมกร ก็เรียก.
วันแล้ววันเล่า วันแล้ววันเล่า ว. เป็นเช่นนั้นติดต่อกันยาวนานไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ทำงานวันแล้ววันเล่าไม่รู้จักเสร็จ คอยวันแล้ววันเล่าก็ไม่มาสักที.
วันวิสาขบูชา วันวิสาขบูชา น. วันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งเป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า.
วันสงกรานต์ วันสงกรานต์ น. วันเทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ ปรกติตกวันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน.
วันสหประชาชาติ วันสหประชาชาติ น. วันสถาปนาองค์การระหว่างประเทศ ซึ่งเรียกว่า องค์การสหประชาชาติ ตรงกับวันที่ ๒๔ ตุลาคม.
วันสารท วันสารท น. วันทำบุญสิ้นเดือน ๑๐.
วันสืบพยาน วันสืบพยาน (กฎ) น. วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน.
วันสุกดิบ วันสุกดิบ น. วันเตรียมงาน ซึ่งเป็นวันก่อนถึงกําหนดวันงานพิธี ๑ วัน.
วันหน้า วันหน้า น.วันที่จะมาถึงข้างหน้า เช่น วันหน้าจะพบกันใหม่, ใช้ว่า วันหลัง ก็มี.
วันหน้าวันหลัง วันหน้าวันหลัง น. วันใดวันหนึ่งในอนาคต เช่น จะทำอะไรก็เผื่อวันหน้าวันหลังไว้บ้าง.
วันหลัง วันหลัง น. วันหลังจากวันนี้ไป เช่น วันหลังจะมาเยี่ยมอีก, ใช้ว่า วันหน้า ก็มี.
วันออกพรรษา วันออกพรรษา น. วันที่สิ้นสุดการจำพรรษาแห่งพระสงฆ์ คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑, วันปวารณา หรือ วันมหาปวารณา ก็เรียก.
วันอัฐมี วันอัฐมี [-อัดถะ-] น. วันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าในวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖.
วันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบูชา [-สานหะ-, -สานละหะ-] น. วันเพ็ญเดือน ๘ ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา.
วันอุโบสถ วันอุโบสถ น. วันขึ้น ๑๕ คํ่า และวันแรม ๑๕ คํ่า ถ้าเป็นเดือนขาดก็แรม ๑๔ คํ่า เป็นวันที่พระลงอุโบสถฟังพระปาติโมกข์และเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนถืออุโบสถศีลคือ ศีล ๘.
วับ วับ ว. ฉับพลัน, ฉับไว, ใช้ประกอบอาการของแสงหรือสิ่งมีรูปร่างซึ่งปรากฏให้เห็น แล้วหมดสิ้นหรือลับหายไปอย่างรวดเร็วในทันทีทันใด เช่น แสงหายวับ พูดขาดคําก็หายตัววับลับตาไป, บางทีก็เป็นคําซ้อน เพื่อเน้นหรือเพื่อความไพเราะ เป็น หายวับไปฉับพลัน หายวับไปกับตา เป็นต้น.
วับ ๆ,วับวาบ,วับวาม,วับแวบ วับ ๆ, วับวาบ, วับวาม, วับแวบ ว. ระยับตา เป็นอาการของแสงหรือเงาที่ปรากฏแล้วหายลับไปทันทีทันใดต่อเนื่องกัน เช่น แสงเพชรเป็นประกายวับ ๆ.
วับ ๆ แวม ๆ วับ ๆ แวม ๆ ว. มีแสงดับบ้างเรืองบ้างสลับกันไป เช่น แสงหิ่งห้อยดูวับ ๆ แวม ๆ, วับแวม ก็ว่า; อาการที่แต่งกายไม่มิดชิด เช่น ไม่ควรแต่งตัววับ ๆแวม ๆ ในสถานที่พึงเคารพ ดูไม่สุภาพ.
วับ ๆ หวำ ๆ วับ ๆ หวำ ๆ ว. รู้สึกวาบ ๆ ในใจด้วยความหวาดหวั่น เช่น ใจวับ ๆ หวำ ๆ เวลาจะเข้ารับการผ่าตัด.
วับแวม วับแวม ว. มีแสงดับบ้างเรืองบ้างสลับกันไป เช่น แลเห็นแสงไฟจากกระโจมไฟวับแวม, วับ ๆ แวม ๆ ก็ว่า.
วัปป,วัปป-,วัปปะ วัปป-, วัปปะ [วับปะ-] น. การหว่านพืช เช่น พิธีวัปปมงคล; ฝั่งน้ำ. (ป. วป ว่า ผู้หว่านพืช; ส. วปฺร ว่า ฝั่งน้ำ ทุ่งที่หว่านพืชไว้ ทุ่ง).
วัมมิกะ วัมมิกะ น. จอมปลวก. (ป. วมฺมีก; ส. วลฺมีก).
วัย,วัย- วัย, วัย- [ไว, ไวยะ-] น. เขตอายุ, ระยะของอายุ, เช่น วัยเด็ก วัยหนุ่มสาว วัยชรา. (ป., ส. วย).
วัยกลางคน วัยกลางคน น. วัยที่มีอายุพ้นวัยหนุ่มสาวแต่ยังไม่แก่ อายุประมาณ ๓๐-๕๐ ปี.
วัยกำดัด วัยกำดัด น. วัยรุ่น.
วัยขบเผาะ วัยขบเผาะ ว. วัยของเด็กหญิงที่เพิ่งเริ่มแตกเนื้อสาว.
วัยคะนอง วัยคะนอง น. วัยหนุ่มสาวที่ชอบสนุกสนาน, วัยหนุ่มสาวที่กำลังฮึกห้าว.
วัยงาม วัยงาม น. ลักษณะของหญิงที่ดูงามทุกวัย เป็นลักษณะอย่าง ๑ ในเบญจกัลยาณี.
วัยจูง วัยจูง น. วัยของเด็กระหว่างวัยแล่นกับวัยอุ้ม.
วัยฉกรรจ์ วัยฉกรรจ์ น. วัยหนุ่มที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง.
วัยชรา วัยชรา น. วัยที่ต่อจากวัยกลางคน อายุเกิน ๖๐ ปี.
วัยเด็ก วัยเด็ก น. วัยที่อายุยังน้อย.
วัยทารก วัยทารก น. วัยเด็กเล็ก ๆ ที่ยังไม่เดียงสา.
วัยรุ่น วัยรุ่น น. วัยที่มีอายุประมาณ ๑๓-๑๙ ปี, วัยกำดัด ก็ว่า.
วัยแล่น วัยแล่น น. วัยของเด็กถัดจากวัยจูง.
วัยวุฒิ วัยวุฒิ [ไวยะวุดทิ, ไวยะวุด] น. ความเป็นผู้ใหญ่โดยอายุ. (ป. วย + วุฑฺฒิ).
วัยสาว วัยสาว น. วัยที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕-๓๐ ปี, ใช้แก่หญิง.
วัยหนุ่ม วัยหนุ่ม น. วัยที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕-๓๐ ปี, ใช้แก่ชาย.
วัยหนุ่มสาว วัยหนุ่มสาว น. วัยที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕-๓๐ ปี.
วัยอุ้ม วัยอุ้ม น. วัยของเด็กก่อนวัยจูง.
วัลก์ วัลก์ (แบบ) น. เปลือกไม้; เกล็ดปลา. (ส.).
วัลคุ วัลคุ [วันละคุ] (แบบ) ว. งาม, สวย, น่ารัก; ไพเราะ. (ส. วลฺคุ; ป. วคฺคุ).
วัลย์ วัลย์ น. เถาวัลย์, เครือเขา, ไม้เถา. (ป., ส. วลฺลี).
วัลลภ วัลลภ [วันลบ] น. คนสนิท, ผู้ชอบพอ, คนโปรด, คนรัก. (ป., ส.).
วัลลี วัลลี น. เถาวัลย์, เครือเขา, ไม้เถา. (ป., ส.).
วัว,วัว ๑ วัว ๑ น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องชนิด Bos taurus ในวงศ์ Bovidae เป็นสัตว์กีบคู่ ลำตัวมีสีต่าง ๆ เช่น นํ้าตาล นวล เขาโค้ง สั้น มีเหนียงห้อยอยู่ใต้คอถึงอก ขนปลายหางเป็นพู่, โค ก็เรียก, (ปาก) งัว.
วัว,วัว ๒ วัว ๒ ดู งัว ๕.
วัวเขาเกก วัวเขาเกก น. วัวที่มีเขาเฉออกไม่เข้ารูปกัน; โดยปริยายหมายถึงคนที่เป็นอันธพาลเกะกะเกเร, ควายเขาเกก ก็ว่า.
วัวใครเข้าคอกคนนั้น วัวใครเข้าคอกคนนั้น (สํา) น. กรรมที่มีผู้ใดทําไว้ย่อมส่งผลให้แก่ผู้นั้น ดุจวัวที่กลับเข้าคอกของมันเอง.
วัวตัวผู้ วัวตัวผู้ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุรพผลคุนี มี ๒ ดวง, ดาวงูเมีย ดาวปุรพผลคุนี หรือ ดาวปุพพผลคุนี ก็เรียก.
วัวตัวเมีย วัวตัวเมีย น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์อุตรผลคุนี มี ๒ ดวง, ดาวเพดาน หรือ ดาวอุตตรผลคุนี ก็เรียก.
วัวเถลิง วัวเถลิง น. วัวเปลี่ยว, วัวหนุ่ม.
วัวทะเล วัวทะเล ดู พะยูน.
วัวพันหลัก วัวพันหลัก (สํา) ว. อาการที่วกหรือย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้น เช่น ให้การเป็นวัวพันหลัก, ลักษณะที่วกหรือย้อนกลับไปหาบุคคลที่เป็นต้นตอผู้รับผิดชอบ (มักใช้ในทางชู้สาว) มาจากสำนวนเต็มว่า แม่สื่อแม่ชัก ไม่ได้เจ้าตัว เอาวัวพันหลัก หมายความว่า ชายที่ใช้แม่สื่อไปติดต่อหญิงที่ตนชอบ แล้วไม่ได้ตัวหญิงคนนั้น เลยเอาแม่สื่อนั้นเองเป็นภรรยา หรือผู้หญิงทำทีรับอาสาไปติดต่อหญิงคนใดคนหนึ่งให้แก่ชาย แต่ในที่สุดก็เอาตัวเองเข้าพัวพันจนได้ชายคนนั้นเป็นสามี.
วัวลืมตีน วัวลืมตีน (สำ) น. คนที่ได้ดีแล้วลืมฐานะเดิมของตน.
วัวสันหลังหวะ วัวสันหลังหวะ น. คนที่มีความผิดติดตัวทําให้คอยหวาดระแวง, วัวสันหลังขาด ก็ว่า.
วัวหายล้อมคอก วัวหายล้อมคอก (สํา) น. ของหายแล้วจึงจะเริ่มป้องกัน, เรื่องเกิดขึ้นแล้วจึงคิดแก้ไข.
วัส,วัส-,วัสสะ วัส-, วัสสะ [วัดสะ-] น. ฝน, ฤดูฝน; ปี. (ป.; ส. วรฺษ).
วัสคณนา วัสคณนา [วัดสะคะนะนา] น. การนับปี. (ป. วสฺส + คณนา).
วัสดุ วัสดุ [วัดสะดุ] น. วัตถุที่นํามาใช้ เช่น วัสดุก่อสร้าง; ของใช้ที่มีอายุการใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น กระดาษ ดินสอ (ใช้แก่การงบประมาณ). (ส. วสฺตุ; ป. วตฺถุ).
วัสตร์ วัสตร์ (แบบ) น. วัตถ์, ผ้า, เสื้อผ้า, เครื่องนุ่งห่ม. (ส. วสฺตฺร; ป. วตฺถ).
วัสน์ วัสน์ (แบบ) น. วสนะ. (ป., ส.).
วัสนะ วัสนะ [วัดสะนะ] (แบบ) น. ฝนตก. (ป. วสฺสน; ส. วรฺษณ).
วัสสาน,วัสสาน-,วัสสานะ วัสสาน-, วัสสานะ [วัดสานะ-] น. ฤดูฝน, หน้าฝน. (ป. วสฺสาน ว่า ฤดูฝน).
วัสสานฤดู วัสสานฤดู [วัดสานะรึดู] น. ฤดูฝน, ในกลุ่มประเทศเขตร้อนอันมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย แบ่งฤดูกาลออกเป็น ๓ ฤดู คือ ฤดูหนาว ฤดูร้อน และฤดูฝน ช่วงระยะเวลาของแต่ละฤดูในแต่ละท้องถิ่นหรือประเทศอาจแตกต่างกันไปบ้างและไม่ค่อยตรงกัน เฉพาะในภาคกลางของประเทศไทย ฤดูฝนเริ่มต้นประมาณตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม หรือทางจันทรคติเริ่มต้นวันแรมค่ำหนึ่ง เดือน ๘ ถึงขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒, บางทีก็เขียนเพี้ยนไปเป็น วสันต์. (ป. วสฺสาน + ส. ฤตุ = ฤดูฝน).
วัสโสทก วัสโสทก น. นํ้าฝน. (ป.).
วา,วา ๑ วา ๑ น. มาตราวัดตามวิธีประเพณี เท่ากับ ๔ ศอก มีอัตราเท่ากับ ๒ เมตร, อักษรย่อว่า ว.<2t>ก. กิริยาที่กางแขนเหยียดตรงออกทั้ง ๒ ข้าง.
วา,วา ๒ วา ๒ น. เพลงปี่พาทย์ทํานองหนึ่ง ใช้บรรเลงก่อนตัวแสดงออกแสดง เพื่อให้ผู้ชมรู้ว่าการแสดงจะเริ่มแล้ว.
ว่า ว่า ก. พูด, บอก, เช่น เขาว่า ที่นี่ฝนตกทุกวัน; ดุ เช่น อย่าเอะอะไป เดี๋ยวครูว่าเอา, ติ เช่น ดีแต่ว่าเขา; ดุด่าว่ากล่าว เช่น ว่าไม่ได้ ก็เลี้ยงไม่ได้; ร้อง เช่น ว่าเพลง; จ้าง, ตกลงให้ทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยให้ค่าจ้าง, เช่น ไปว่าขนมมาเลี้ยงแขก, ว่าจ้าง ก็ว่า; ใช้เป็นสันธานเชื่อมประโยค เช่น พูดว่า คิดว่า หมายความว่า มีความเห็นว่า.<2t>(ปาก) ก. เป็นคำใช้แทนกริยาอื่นบางคำได้ เป็นต้นว่าใช้แทนคำว่า กิน เช่น ว่าเสียเรียบ ว่าเสียเต็มคราบ ใช้แทนคำว่า ทำ เช่น ว่าเสียเอง.
ว้า,ว้า ๑ ว้า ๑ อ. คำที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือผิดจากที่คาดไว้เป็นต้น.<2t>ว. คําออกเสียงลงท้ายประโยคแสดงความสงสัยหรือปลอบใจเป็นต้น เช่น หายไปไหนว้า อย่าเสียใจไปเลยว้า.
ว้า,ว้า ๒ ว้า ๒ ว. ว่าง, เปลี่ยวใจ, เปล่าใจ, ใจหาย.
วาก,วาก ๑ วาก ๑ ว. เปล่า, หาย, ว้าเหว่, เช่น ใจวาก.
วาก,วาก-,วาก- ๒,วากะ วาก- ๒, วากะ [วากะ-] น. เปลือกไม้, ป่าน, ปอ. (ป.; ส. วลฺก).
ว้าก ว้าก ว. เสียงร้องดัง ๆ อย่างเสียงเด็กร้อง, หวาก ก็ว่า.
วากจิรพัสตร์ วากจิรพัสตร์ น. ผ้าที่ทําด้วยเปลือกไม้, ผ้าป่าน. (ป. วากจิร ว่า ที่ทําด้วยเปลือกไม้ + ส. วสฺตฺร ว่า ผ้า).
วากย,วากย-,วากยะ วากย-, วากยะ [วากกะยะ] น. คําพูด, คํากล่าว, ถ้อยคํา, ประโยค. (ป., ส.).
วากยสัมพันธ์ วากยสัมพันธ์ น. ชื่อตําราไวยากรณ์ตอนที่แยกความออกเป็นประโยค ๆ และบอกความเกี่ยวข้องของคําในประโยค.
วากรา วากรา [วากกะรา] (แบบ) น. ตาข่าย; บ่วง, เครื่องดักสัตว์. (ป.; ส. วาคุรา).
ว่ากลอนสด ว่ากลอนสด ก. กล่าวกลอนที่ผูกขึ้นอย่างปัจจุบันโดยมิได้คิดมาก่อน; โดยปริยายหมายถึงกล่าวข้อความที่ไม่ได้เตรียมมาก่อน, พูดกลอนสด ก็ว่า.
ว่ากล่าว ว่ากล่าว ก. ตำหนิ, ตักเตือน, เช่น มาทำงานสายเป็นประจำ จึงถูกผู้บังคับบัญชาเรียกไปว่ากล่าว, สั่งสอน เช่น ผู้ใหญ่ว่ากล่าวไม่เชื่อฟัง.
ว่าการ ว่าการ ก. ดูแลตรวจตราสั่งการงาน.
ว่าขาน ว่าขาน ก. พูดต่อว่า, พูดติ, เช่น พระมิได้ตอบคำว่าขาน ตรัสแต่กิจการกรุงศรี แต่ดูพระกิริยาพาที เหมือนจะเคลื่อนคลายที่โกรธา ฯ (อิเหนา).
ว่าข้ามหัว,ว่าส่งไป ว่าข้ามหัว, ว่าส่งไป ก. พูดลอย ๆ ไม่เจาะจงคู่กรณีหรือผู้ถูกว่า.
ว่าเข้านั่น ว่าเข้านั่น (ปาก) เป็นคำที่เปล่งออกมาในลักษณะที่แสดงว่าเรื่องที่อีกฝ่ายหนึ่งกล่าวนั้นไม่น่าเชื่อถือเป็นต้น.
ว่าความ ว่าความ ก. (กฎ) ว่าต่างหรือแก้ต่างแทนคู่ความในคดี; (โบ) ชําระความ เช่น ท้าวมาลีวราชว่าความ.
วาง วาง ก. ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งพ้นจากมือหรือบ่าเป็นต้นด้วยอาการกิริยาต่าง ๆ ตามที่ต้องการ เช่น วางข้าวของเรียงเป็นแถว วางกับดักหนู วางกระดานลงกับพื้น วางเสาพิงกับผนัง; กำหนด, ตั้ง, เช่น วางกฎ วางเงื่อนไข วางรากฐาน; จัดเข้าประจําที่ เช่น วางคน วางยาม, วางกำลัง; ปล่อยวาง เช่น วางอารมณ์ วางธุระ; (กลอน) อาการที่เคลื่อนไปโดยรีบร้อน เช่น ขี่ช้างวางวิ่ง.
ว่าง ว่าง ว. เปล่า, ไม่มีอะไรนอกจากตัวของมันเองที่อ้างถึง, เช่น ห้องว่าง ที่ว่าง ตําแหน่งว่าง, บางทีใช้ควบคู่กับคํา เปล่า เป็น ว่างเปล่า; ไม่มีภาระผูกพัน เช่น วันนี้ว่างทั้งวัน เย็นนี้หมอว่างไม่มีคนไข้.<2t>น. เรียกของกินในเวลาที่ไม่ใช่เวลากินข้าวว่า ของว่าง เครื่องว่าง อาหารว่าง.
ว้าง ว้าง ว. เปล่า, ว่าง.
ว่าง ๆ ว่าง ๆ ว. ไม่มีอะไรจะทำ, ไม่มีภาระ, เช่น อยู่ว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไร.
วางก้าม วางก้าม ก. ทําท่าใหญ่โต, ทําท่าเป็นนักเลงโต, วางโต ก็ว่า.
วางขรึม วางขรึม ก. ทำท่าขรึม.
วางข้อ วางข้อ ก. แสดงท่าทางว่าเก่งกล้า, แสดงท่าทางอวดดี, เช่น ทำวางข้อเป็นลูกเศรษฐี.
วางไข่ วางไข่ ก. ออกไข่ (ใช้แก่เต่าและปลา).
ว่างงาน ว่างงาน ก. ตกงาน, ไม่มีงานทํา.
วางเงิน วางเงิน ก. ชําระเงินตามเงื่อนไขที่มีต่อกัน เช่น วางเงินมัดจำ.
วางใจ วางใจ ก. เชื่อใจ, ไว้ใจ, เช่น อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง.
วางฎีกา วางฎีกา ก. ยื่นใบแจ้งขอเบิกเงินจากคลัง; ยื่นฎีกาอาราธนาพระสงฆ์ (มักใช้เนื่องในงานพระราชพิธีหรือรัฐพิธี).
วางตลาด วางตลาด ก. นําสินค้าออกวางขายตามร้านทั่วไป.
วางตัว วางตัว ก. ประพฤติตน เช่น วางตัวไม่ดี คนอื่นจะดูถูกได้, ปฏิบัติตน เช่น วางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร.
วางตัวเป็นกลาง วางตัวเป็นกลาง ก. ไม่เข้าข้างใคร เช่น พี่น้องทะเลาะกัน เขาเลยต้องวางตัวเป็นกลาง.
วางตา วางตา ก. ละสายตา, มักใช้ในประโยคปฏิเสธว่า ดูไม่วางตา.
วางโต วางโต ก. ทําท่าใหญ่โต, ทําท่าเป็นนักเลงโต, วางก้าม ก็ว่า.
วางทรัพย์ วางทรัพย์ (กฎ) น. การที่บุคคลผู้ชำระหนี้นำทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไปวางไว้ ณ สำนักงานวางทรัพย์ประจำตำบลที่จะต้องชำระหนี้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ในกรณีที่เจ้าหนี้บอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้หรือไม่สามารถจะรับชำระหนี้ได้ เพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้นั้น.
วางท่า วางท่า ก. ทําท่าไว้ยศ เช่น วางท่าเป็นอธิบดี, วางปุ่ม ก็ว่า.
วางเบ็ด,วางเบ็ดราว วางเบ็ด, วางเบ็ดราว ก. นำเบ็ดราวที่เกี่ยวเหยื่อแล้วไปหย่อนลงในแม่น้ำลำคลอง.
วางปึ่ง วางปึ่ง ก. ทำท่าไว้ยศไม่อยากพูดจาด้วย; ทำทีเฉยแสดงอาการคล้ายกับโกรธ.
วางปุ่ม วางปุ่ม ก. ทําท่าไว้ยศ, วางท่า ก็ว่า.
ว่างเปล่า ว่างเปล่า ว. ไม่มีอะไรเลย เช่น โต๊ะตัวนี้ว่างเปล่าไม่มีของวางอยู่เลย.
วางผังเมือง วางผังเมือง ก. ควบคุมและกำหนดแนวทางในการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อม โดยคำนึงถึงความสุข ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ความประหยัด และความสวยงามของชุมชนเป็นส่วนรวม.
วางแผน วางแผน ก. กะกำหนดแผนหรือโครงการที่จะดำเนินการต่อไป, วางแผนการ ก็ว่า; ทำท่าทีใหญ่โต เช่น ทำวางแผนเป็นขุนนางชั้นสูง.
วางแผนการ วางแผนการ ก. กะกำหนดแผนหรือโครงการที่จะดำเนินการต่อไป; วางแผน ก็ว่า.
วางเพลิง วางเพลิง [-เพฺลิง] ก. จุดไฟเผาอาคารบ้านเรือนหรือทรัพย์สมบัติ; โดยปริยายหมายความว่าให้ร้ายคนอื่น.
วางมวย วางมวย ก. ชกต่อยวิวาทกัน.
วางมาด วางมาด ก. แสดงท่าทางให้เห็นว่าใหญ่โตหรือมีอํานาจเป็นต้น เช่น วางมาดเป็นดารา.
วางมือ วางมือ ก. ไม่เอาเป็นธุระ, หยุดหรือเลิกการงานที่ทําอยู่ชั่วคราวหรือตลอดไป เช่น วางมือจากทำสวนไปทำกับข้าว วางมือจากการเป็นครู.
ว่างมือ ว่างมือ ว. ไม่มีอะไรทำ เช่น ว่างมือเมื่อไร จะช่วยตัดเสื้อให้.
วางยา วางยา ก. ให้กินยาเพื่อรักษาโรค เช่น หมอวางยาคนไข้ได้ถูกกับโรค, ลอบเอายาพิษให้กิน เช่น โดนวางยาในอาหาร; โดยปริยายหมายความว่า พูดให้เสียหาย.
วางราง วางราง ก. ติดตั้งรางเพื่อให้รถไฟเป็นต้นเคลื่อนไป.
วางวาย วางวาย ก. ตาย เช่น นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์. (กฤษณา), วายวาง ก็ว่า.
ว่างเว้น ว่างเว้น ก. งด, เว้น, เช่น ว่างเว้นจากการเสพสุรายาเมา เขาเคยมาเสมอ แต่หมู่นี้ว่างเว้นไป.
ว้างเวิ้ง ว้างเวิ้ง ว. เป็นช่องว่างและโล่งออกไปกว้างขวาง.
วางสาย วางสาย ก. ติดตั้งสายไฟฟ้าสายโทรศัพท์เป็นต้น; โดยปริยายหมายความว่า จัดคนเข้าไปสืบความลับของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น วางสายเข้าไปปล้นธนาคาร.
วางหน้า วางหน้า ก. ตีหน้า เช่น วางหน้าไม่สนิท วางหน้าเก้อ ๆ.
วางหมาก วางหมาก ก. กำหนดตัวบุคคลให้เหมาะแก่งานเพื่อให้ได้ผลตามแผนการที่กำหนดไว้.
วางอาวุธ วางอาวุธ ก. ยอมแพ้.
วางอำนาจ วางอำนาจ ก. แสดงอํานาจ, อวดอํานาจ.
ว่าง่าย,ว่านอนสอนง่าย ว่าง่าย, ว่านอนสอนง่าย ก. อยู่ในโอวาท, เชื่อฟังคำสั่งสอนโดยดี.
วาจก วาจก น. ผู้กล่าว, ผู้บอก, ผู้พูด.<2t>(ไว) ก. กริยาของประโยคที่แสดงว่าประธานทําหน้าที่เป็นผู้ทํา ผู้ใช้ ผู้ถูกทํา หรือผู้ถูกใช้ แบ่งเป็น ๓ ชนิด คือ กรรตุวาจก กรรมวาจก และการิตวาจก. (ป., ส.).
วาจา วาจา น. ถ้อยคํา, คํากล่าว, คําพูด, เช่น วาจาสุภาพ วาจาอ่อนหวาน วาจาสัตย์. (ป., ส.).
ว่าจ้าง ว่าจ้าง ก. จ้าง, ตกลงให้ทําการสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยให้ค่าจ้าง, เช่น เขาว่าจ้างช่างให้มาทำรั้วบ้าน, ว่า ก็ว่า.
วาจาไปยะ วาจาไปยะ (แบบ) น. คําอ่อนหวาน. (ป. วาจาเปยฺย, วาชเปยฺย).
วาจาล วาจาล (แบบ) ว. ช่างพูด. (ป., ส.).
วาชเปยะ วาชเปยะ [วาชะ-] น. การดื่มเพื่อพลัง; ชื่อพิธีบูชาอย่างหนึ่งในอินเดียโบราณที่จัดทำสำหรับบุคคลในวรรณะกษัตริย์และวรรณะพราหมณ์. (ส.).
วาฏกะ วาฏกะ [วาตะ-] (แบบ) น. วงกลม, สังเวียน. (ป.).
วาณิช,วาณิชกะ วาณิช, วาณิชกะ [วานิด, วานิดชะ-] น. พ่อค้า, มักใช้พูดเข้าคู่กับคำ พ่อค้า เป็น พ่อค้าวาณิช. (ป., ส.).
วาณิชย์ วาณิชย์ น. การค้าขาย. (ส.).
วาณี วาณี น. ถ้อยคํา, ภาษา. (ป., ส.); เจ้าแม่แห่งวาจา คือ พระสรัสวดี. (ส.).
วาด,วาด ๑ วาด ๑ ก. เขียนหรือลากเส้นเป็นลวดลายหรือรูปภาพ เช่น วาดภาพดอกไม้ วาดภาพทิวทัศน์, เขียนเป็นลายเส้น เช่น วาดภาพลายไทย, โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น วาดวิมานในอากาศเสียสวยหรู วาดโครงการในอนาคต; ทอดแขนหรือกรายแขนอย่างอ่อนช้อยในการฟ้อนรํา.
วาด,วาด ๒ วาด ๒ ก. พายเรือโดยกวาดพายเป็นแนวโค้งเข้าหาตัว, ตรงข้ามกับ คัด.
วาดเขียน วาดเขียน น. วิชาว่าด้วยการเขียนรูปภาพต่าง ๆ.
วาดปาก วาดปาก ก. เอานิ้วมือป้ายสีผึ้งหรือใช้ลิปสติกลูบไล้ไปตามริมฝีปากให้ทั่ว.
วาดภาพ วาดภาพ ก. วาดเป็นภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น วาดภาพคน วาดภาพทิวทัศน์.
วาดลวดลาย วาดลวดลาย ก. แสดงท่ารำหรือเต้นรำเป็นต้นได้งดงามไปตามจังหวะดนตรี; (ปาก) แสดงชั้นเชิง เช่น วาดลวดลายในการโฆษณา.
ว่าด้วย ว่าด้วย บ. เกี่ยวกับ เช่น วารสารชุดนี้ว่าด้วยเรื่องวัฒนธรรม กฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์.
วาต,วาต-,วาตะ วาต-, วาตะ [วาตะ-] น. ลม. (ป., ส.).
วาตปานะ วาตปานะ น. หน้าต่าง, ช่องลมที่มีบานเปิดปิดได้อย่างบานหน้าต่าง. (ป.).
วาตภัย วาตภัย [วาตะ-] น. ภัยอันตรายที่เกิดจากพายุ.
ว่าต่าง ว่าต่าง (กฎ) ก. ว่าความแทนโจทก์, ใช้คู่กับ แก้ต่าง ซึ่งหมายถึง ว่าความแทนจําเลย.
ว่าตามหลัง ว่าตามหลัง ก. ติเตียนหรือนินทาเมื่อผู้ถูกว่าคล้อยหลังไปแล้ว.
วาตารางเหลี่ยม วาตารางเหลี่ยม (เลิก) น. มาตราวัดตามวิธีประเพณี มีอัตราเท่ากับ ๔ ตารางเมตร, ตารางวา ก็ว่า, อักษรย่อว่า ตร.ว. หรือ ว๒.
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง (สำ) ก. ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำในเรื่องนั้นเสียเอง.
วาท,วาท- วาท, วาท- [วาด, วาทะ-] น. คําพูด, ถ้อยคํา; ลัทธิ, ความเห็น. (ป., ส.).
วาทกะ วาทกะ [วาทะกะ] น. ผู้ประโคม, ผู้บรรเลงดนตรี, นักดนตรี. (ส.).
วาทนะ วาทนะ [วาทะนะ] น. การประโคม, การบรรเลงดนตรี. (ส.).
วาทย,วาทย-,วาทย์ วาทย-, วาทย์ [วาทะยะ-, วาดทะยะ-] น. เครื่องประโคม, เครื่องบรรเลง, เครื่องเป่า. (ส.).
วาทยกร วาทยกร [วาทะยะกอน, วาดทะยะกอน] น. ผู้อํานวยการให้จังหวะดนตรี, ผู้อำนวยเพลง ก็เรียก.
วาทศาสตร์ วาทศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยศิลปะในการใช้ถ้อยคําสํานวนโวหารให้ได้ผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย เช่นพูดโต้แย้ง พูดชวนให้เชื่อถือ. (อ. rhetorics).
วาทศิลป์ วาทศิลป์ น. ศิลปะในการใช้ถ้อยคําสํานวนโวหารให้ประทับใจ. (อ. rhetoric).
วาทิต วาทิต น. สังคีต, ดนตรี; ผู้บรรเลงดนตรี. (ป. วาทิต, วาทิตฺต; ส. วาทิต, วาทิตฺร).
วาทิน วาทิน น. คนเล่นดนตรี. (ดู วาที).
วาที วาที น. ผู้พูด, ผู้กล่าว, ผู้ชี้แจง, ผู้โต้แย้ง; คนเล่นดนตรี. (ป., ส.).
ว่าที่ ว่าที่ ก. รั้งตำแหน่งหรือยศ (ใช้แก่ทหารหรือตำรวจ) เช่น ว่าที่ร้อยตรี ว่าที่พันตำรวจโท; (ปาก) รั้งตำแหน่งที่จะเป็นต่อไป เช่น ว่าที่พ่อตา.
วาน,วาน ๑ วาน ๑ น. กงเรือ. (ดู กงวาน); ช่องที่เจาะบากกงเรือเพื่อให้นํ้าเดิน เรียกว่า ช่องวาน.
วาน,วาน ๒ วาน ๒ น. วันก่อนวันนี้วันหนึ่ง, มักใช้ว่า เมื่อวาน หรือ เมื่อวานนี้.
วาน,วาน ๓ วาน ๓ ก. ขอให้ช่วยทําแทนตัว เช่น วานเขียนหนังสือให้หน่อย วานไปซื้อตั๋วรถไฟ.
ว่าน ว่าน น. ชื่อเรียกพืชบางชนิดที่มีหัวบ้าง ไม่มีหัวบ้าง ใช้ทำยาบ้าง หรือเชื่อกันว่าทำให้อยู่ยงคงกระพันและเป็นสิริมงคล เช่น ว่านนางล้อม ว่านเสน่ห์จันทร์แดง.
ว่านกาบหอย ว่านกาบหอย น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Tradescantia spathacea Sw. วงศ์ Commelinaceae ลำต้นตั้งตรงอวบน้ำ ไม่แตกกิ่ง ใบยาว ด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีม่วงแดง ช่อดอกออกที่ง่ามของลำต้น ซึ่งมีกาบรูปเรือ ๒ อันหุ้มอยู่ ดอกมีจำนวนมาก สีขาว ก้านสั้น ใช้ทำยาได้, กาบหอยแครง ก็เรียก.
ว่านกีบม้า,ว่านกีบแรด ว่านกีบม้า, ว่านกีบแรด ดู กีบแรด.
ว่านไก่ไห้ ว่านไก่ไห้ ดู ไก่ไห้ (๒).
ว่านเครือ ว่านเครือ น. เชื้อสาย, เหล่ากอ, มักใช้เข้าคู่กับคำ วงศ์วาน เป็น วงศ์วานว่านเครือ.
วานซืน วานซืน น. วันก่อนเมื่อวานนี้วันหนึ่ง, วันก่อนวันนี้ไป ๒ วัน, มักใช้ว่า เมื่อวานซืน.
ว่านธรณีสาร ว่านธรณีสาร ดู ธรณีสาร ๒.
ว่านนางกวัก ว่านนางกวัก ดู นางกวัก ๒.
ว่านนางล้อม ว่านนางล้อม ดู นางล้อม.
ว่านน้ำ ว่านน้ำ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Acorus calamus L. ในวงศ์ Araceae ชอบขึ้นอยู่ในที่ชื้นแฉะ เหง้ามีกลิ่นฉุนแรง, พายัพเรียก กะส้มชื่น.
ว่านพระฉิม ว่านพระฉิม ดู ข้าวข้า.
ว่านเพชรหึง ว่านเพชรหึง ดู เพชรหึง ๒.
ว่านมหากาฬ ว่านมหากาฬ ดู มหากาฬ ๒.
ว่านมหานิล ว่านมหานิล ดู มหานิล ๒.
ว่านมหาเมฆ ว่านมหาเมฆ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Curcuma aeruginosa Roxb. ในวงศ์ Zingiberaceae ลักษณะคล้ายต้นกระชาย ขณะออกดอกไม่มีใบ ดอกสีเหลือง เป็นช่อตั้ง อยู่ระหว่างใบประดับสีขาวซึ่งมีปลายสีชมพู ใช้ประกอบอาหารได้, พายัพเรียก ดอกอาว.
ว่านมีดยับ ว่านมีดยับ (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) น. ว่านหางช้าง. (ดู หางช้าง ๑).
วานร วานร [วานอน] น. ลิง; ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฆา มี ๕ ดวง, ดาวงอนไถ ดาวงูผู้ ดาวโคมูตร ดาวมฆะ หรือ ดาวมาฆะ ก็เรียก. (ป., ส.).
วานรินทร์ วานรินทร์ [วานะ-] น. พญาลิง.
ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ดู เสน่ห์จันทร์ขาว.
ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ดู เสน่ห์จันทร์แดง.
ว่านหอยแครง ว่านหอยแครง ดู กาบหอย.
ว่านหางช้าง ว่านหางช้าง ดู หางช้าง ๑.
วาเนเดียม วาเนเดียม น. ธาตุลําดับที่ ๒๓ สัญลักษณ์ V เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่ ๑๙๐๐ °ซ. ใช้ประโยชน์นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ. (อ. vanadium).
วาบ วาบ ว. อาการที่รู้สึกร้อน เย็น กลัว ตกใจ เสียวใจ เป็นต้น ขึ้นทันทีแล้วหายไปดับไป เช่น เย็นวาบ ใจหายวาบ เสียววาบ; วับ.
วาบหวาม วาบหวาม ว. รู้สึกเสียวซ่านในใจ (มักใช้ในทางชู้สาว) เช่น พอเห็นหน้าคนรักก็รู้สึกวาบหวามใจ.
วาปะ วาปะ น. การหว่านพืช. (ป., ส.).
วาปิตะ วาปิตะ ก. หว่านแล้ว. (ป., ส.).
วาปี วาปี น. หนองนํ้า, บึง. (ป., ส.).
ว่าไปทำไมมี ว่าไปทำไมมี ก. พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ๆ เช่น ว่าไปทำไมมี เมื่อก่อนก็ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวอยู่แล้ว; ใช้เป็นคำขึ้นต้นประโยค หมายความว่า อันที่จริง เช่น ว่าไปทำไมมี เราคนกันเองทั้งนั้น.
วาม,วาม ๑,วาม ๆ วาม ๑, วาม ๆ ว. เป็นแสงเรือง ๆ อย่างแสงหิ่งห้อย เช่น น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว ยูงตาม ทรายเหลือบหางยูงงาม ว่าหญ้า ตาทรายยิ่งนิลวาม พรายเพริศ ลิงว่าผลลูกหว้า โดดดิ้นโดยตาม. (โลกนิติ).
วาม,วาม-,วาม- ๒,วามะ,วามะ ๑ วาม- ๒, วามะ ๑ [วามะ-] ว. ซ้าย, ข้างซ้าย. (ป., ส.).
วามน,วามน- วามน- [วามะนะ-] น. คนเตี้ย, คนค่อม; ชื่อช้างประจําทิศใต้.<2t>ว. เตี้ย, สั้น, ค่อม. (ป., ส.).
วามนาวตาร วามนาวตาร น. อวตารปางที่ ๕ ของพระนารายณ์. (ส. วามน + อวตาร).
วามะ,วามะ ๒ วามะ ๒ ว. งาม. (ส.).
วามาจาร วามาจาร น. ชื่อลัทธิตันตระแบบหนึ่ง นับเนื่องในนิกายหนึ่งของศาสนาพราหมณ์ยุคหลัง เป็นแบบซ้ายหรือฝ่ายซ้าย มีพิธีกรรมลี้ลับ อนาจาร, คู่กับ ทักษิณาจาร; ชื่อลัทธิพุทธตันตระแบบหนึ่ง ซึ่งมีหลักปฏิบัติทํานองเดียวกับลัทธิตันตระของพราหมณ์, เรียกผู้ปฏิบัติในลัทธินี้ว่า วามาจาริน. (ส.).
วาโมร วาโมร [-โมน] น. คนป่า, คนรํา. (ช.).
ว่าไม่ได้ ว่าไม่ได้ (ปาก) ว. ยังลงความเห็นไม่ได้, ยังไม่แน่นอน, เช่น ว่าไม่ได้เขาอาจจะถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ ก็ได้.
ว่าไม่ไว้หน้า ว่าไม่ไว้หน้า ก. ดุด่าว่ากล่าวผู้ใดผู้หนึ่งต่อหน้าให้ได้รับความอับอายโดยไม่เกรงใจ.
วาย,วาย ๑ วาย ๑ ก. ค่อยสิ้นไปตามคราวหรือกําหนดอายุเวลา เช่น มะม่วงวาย ตลาดวาย หัวใจวาย.
วาย,วาย ๒ วาย ๒ ก. ตี เช่น วายทรวง. (ข.).
ว่าย ว่าย ก. เคลื่อนไปโดยอาศัยกําลังแขน ขา ครีบ หรือ หาง แหวกไปในนํ้าหรือในอากาศ.
ว้าย ว้าย อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงอาการตกใจหรือดีใจเป็นต้น (โดยมากเป็นเสียงผู้หญิง).
วายชนม์,วายชีวิต,วายปราณ,วายวาง,วายสังขาร วายชนม์, วายชีวิต, วายปราณ, วายวาง, วายสังขาร ก. ตาย.
ว่ายตา ว่ายตา ก. แลกวาดไปในอากาศ.
ว่ายน้ำหาจระเข้ ว่ายน้ำหาจระเข้ (สํา) ก. เสี่ยงเข้าพบทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจะเป็นอันตราย.
ว่ายฟ้า ว่ายฟ้า (วรรณ) ก. เคลื่อนไปในอากาศ เช่น ไก่ฟ้าวานว่ายฟ้า หาวหน หาสมรมายล เถื่อนท้องฯ. (ตะเลงพ่าย).
วายร้าย วายร้าย ว. เหลือร้าย, ชั่วช้านัก.
วายวอด วายวอด ก. หมดสิ้นไม่เหลือหลอ, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ฉิบหาย เป็น ฉิบหายวายวอด.
วายสะ วายสะ [-ยะ-] น. กา. (ป., ส.).
ว่ายหล้า ว่ายหล้า (วรรณ) ก. ท่องเที่ยวไปในแผ่นดิน, เขียนเป็น หว้ายหล้า ก็มี เช่น เปนขุนยศยิ่งฟ้า ฤๅบาปจำหว้ายหล้า หล่มล้มตนเดียวฯ. (ลอ).
วายะ,วาโย วายะ, วาโย น. ลม. (ป. วายุ, วาโย; ส. วายุ).
ว่ายาก ว่ายาก ว. ดื้อดึง, ไม่อยู่ในโอวาท, ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน, ว่ายากสอนยาก ก็ว่า.
วายามะ วายามะ น. ความพยายาม, ความหมั่น, ความบากบั่น. (ป.; ส. วฺยายาม).
วายุ วายุ น. ลม, อากาศ, ลมหายใจ; เทพแห่งลม. (ป., ส.). (ดู พายุ).
วายุกูล วายุกูล น. ไวกูณฐ์.
วายุบุตรยาตรา วายุบุตรยาตรา น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
วายุภักษ์ วายุภักษ์ น. ชื่อนกในวรรณคดี แปลว่า นกกินลม. (ส.).
วาโยธาตุ วาโยธาตุ น. ธาตุลม เป็นธาตุ ๑ ในธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน นํ้า ไฟ ลม. (ป.).
วาร,วาร ๑ วาร ๑ [วาน] น. วันหนึ่ง ๆ ในสัปดาห์ เช่น อาทิตยวาร. (ป., ส.).
วาร,วาร-,วาร- ๒,วาระ วาร- ๒, วาระ [วาระ-] น. ครั้ง, คราว, เช่น พิจารณารวดเดียว ๓ วาระ อยู่ในตำแหน่งวาระละ ๒ ปี, เวลากำหนด เช่น วาระอันเป็นมงคล วาระสุดท้ายของชีวิต.
วารณ,วารณ- วารณ- [วาระนะ-] น. ช้าง. (ป., ส.).
วารณกร วารณกร น. งวงช้าง. (ส.).
วารวาริ วารวาริ [วาระ-] น. ดอกชบา. (ช.).
วารสาร วารสาร น. หนังสือที่ออกตามกำหนดเวลา เช่น วารสารราชบัณฑิตยสถาน วารสารศิลปากร วารสารกรมการแพทย์.
วารสารศาสตร์ วารสารศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยการทําหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร และการพิมพ์ประเภทอื่น ๆ.
วาระจร วาระจร น. เรื่องที่มิได้บรรจุไว้ในระเบียบวาระ แต่ได้นำเข้ามาพิจารณาเป็นพิเศษในการประชุมคราวนั้น.
วาริ,วารี วาริ, วารี น. นํ้า. (ป., ส.).
วาริจร วาริจร น. สัตว์นํ้า. (ส.; ป. วาริโคจร).
วาริช,วารีช วาริช, วารีช น. เกิดแต่นํ้า คือ บัว ปลา. (ป., ส.).
วาริท,วาริธร วาริท, วาริธร น. เมฆ. (ป., ส.).
วาริพินทุ วาริพินทุ น. หยาดนํ้า. (ป., ส.).
วารุณ วารุณ น. นํ้าดอกไม้. (ช.).
วารุณี วารุณี น. เทวีแห่งเหล้า; เหล้า. (ป., ส.).
วาล,วาล- วาล, วาล- [วาน, วาละ-] น. หาง; ขนสัตว์, ขนหางสัตว์. (บางทีเขียน พาล). (ป., ส.).
วาลกัมพล วาลกัมพล [วาละ-] น. ผ้าห่มทําด้วยขนสัตว์. (ป.).
วาลธิ วาลธิ [วาละ-] น. หาง, ขนหาง. (ป.).
วาล์ว วาล์ว น. อุปกรณ์ชนิดหนึ่งในเครื่องยนต์ชนิดเผาไหม้ภายใน ทําหน้าที่เป็นลิ้นปิดเปิดเป็นจังหวะ ชุดหนึ่งเรียกว่า ลิ้นไอดี สําหรับให้อากาศหรืออากาศผสมนํ้ามันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ อีกชุดหนึ่งเรียกว่า ลิ้นไอเสีย สําหรับให้แก๊สต่าง ๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ออกจากห้องเผาไหม้ไปสู่ท่อไอเสีย, ลิ้น ก็เรียก. (อ. valve).
วาลวีชนี วาลวีชนี [วาละวีชะนี] น. พัดกับแส้ขนจามรีถือเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์อย่างหนึ่งในเบญจราชกกุธภัณฑ์, วาลวิชนี ก็ว่า. (ป., ส.).
ว่าลับหลัง ว่าลับหลัง ก. นินทา.
วาลิกา,วาลุกา วาลิกา, วาลุกา น. กรวด, ทราย. (ป., ส.).
ว่าแล้ว ว่าแล้ว เป็นคำที่เปล่งออกมาในลักษณะที่ได้เกิดเหตุการณ์ตรงตามที่ได้ว่าไว้ เช่น ฉันว่าแล้ว ไม่ผิดไปจากที่พูดเลย.
ว่าแล้วว่าอีก ว่าแล้วว่าอีก ก. พูดหรือตำหนิติเตียนซ้ำซาก.
วาว วาว ว. สุกใส, มีแสงกลอกกลิ้งอยู่ข้างใน, เช่น ในเวลากลางคืนตาแมวดูวาว, เป็นมัน เช่น ผ้าต่วนเป็นมันวาว พื้นเป็นมันวาว, วาบแวบ.
ว่าว ๑ ว่าว ๑ น. เครื่องเล่นอย่างหนึ่ง มีไม้ไผ่เป็นต้นผูกเป็นโครงรูปต่าง ๆ แล้วปิดด้วยกระดาษหรือผ้าบาง ๆ มีสายเชือกหรือป่านผูกกับสายซุงสําหรับชักให้ลอยตามลมสูงขึ้นไปในอากาศ มีหลายชนิด เช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวงู.
ว่าว ๒ ว่าว ๒ น. เรียกลมที่พัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ในตอนต้นฤดูหนาวว่า ลมว่าว, ลมเล่นว่าวเดี๋ยวนี้คือลมตะเภาซึ่งพัดจากทิศใต้ไปทิศเหนือในกลางฤดูร้อน.
ว่าวขาดลอย ว่าวขาดลอย (วรรณ) ก. จากไปไม่กลับ, ว่าวขาดลมลอย ก็ว่า เช่น จะจากเจ้าเหมือนดังว่าวขาดลมลอย อย่าหมายคอยเลยว่าเมียจะเป็นตัว. (ขุนช้างขุนแผน).
ว่าวติดลม ว่าวติดลม น. ว่าวที่ลอยกินลมอยู่ในอากาศ.<2t>(สํา) ว. เพลินจนลืมตัว.
วาววับ วาววับ ว. มีประกายแวววาว เช่น เสื้อปักดิ้นเดินทองวาววับ.
วาววาม วาววาม ว. เป็นแสงวูบวาบ เช่น แสงเพชรวาววาม.
วาวแวว วาวแวว ว. มีแสงกลอกกลิ้งอยู่ข้างใน เช่น แหวนเพชรวงนี้มีน้ำวาวแวว, แวววาม หรือ แวววาว ก็ว่า.
วาวแสง วาวแสง ว. มีแสงวาว.
ว่าวเหลิง,ว่าวเหลิงลม ว่าวเหลิง, ว่าวเหลิงลม [-เหฺลิง] น. ว่าวติดลมส่ายไปมาบังคับไม่อยู่.<2t>(สํา) ว. เพลินจนลืมตัว เช่น กลัวต้องลมแล้วจะหาวเหมือนว่าวเหลิง. (อภัย).
ว่าวอน ว่าวอน (แบบ) ก. อ้อนวอน เช่น ผ่านม่านสุวรรณซึ่งกั้นกาง เห็นนางบรรทมอยู่ในที่ พี่เลี้ยงโลมไล้ไม่ไยดี มะเดหวีจึงเข้าไปว่าวอน. (อิเหนา).
ว้าว่อน ว้าว่อน ว. เกลื่อนกล่นอยู่ในอากาศ.
ว้าวุ่น ว้าวุ่น ก. สับสน เช่น จิตใจว้าวุ่น.
ว่าส่ง ๆ,ว่าส่งเดช ว่าส่ง ๆ, ว่าส่งเดช ก. พูดพล่อย ๆ ไม่มีเหตุผล.
วาสนะ,วาสนะ ๑ วาสนะ ๑ [วาสะ-] น. การนุ่งห่ม, เครื่องนุ่งห่ม. (ป., ส.).
วาสนะ,วาสนะ ๒ วาสนะ ๒ [วาสะ-] น. การอบ, การทําให้หอม; เครื่องหอม, นํ้าหอม. (ป., ส.).
วาสนา วาสนา [วาดสะหฺนา] น. บุญบารมี, กุศลที่ทําให้ได้รับลาภยศ, เช่น เด็กคนนี้มีวาสนาดี เกิดในกองเงินกองทอง, มักใช้เข้าคู่กับคำ บุญ หรือ บารมี เป็น บุญวาสนา หรือ วาสนาบารมี เช่น เป็นบุญวาสนาของเขา เขาเป็นคนมีวาสนาบารมีมาก. (ป., ส.).
วาสพ วาสพ [วาสบ] น. พระอินทร์. (ส., ป. วาสว).
วาสะ,วาสะ ๑ วาสะ ๑ น. การอยู่, การพัก; ที่อยู่, บ้าน. (ป., ส.).
วาสะ,วาสะ ๒ วาสะ ๒ น. ผ้า, เครื่องนุ่งห่ม. (ป., ส.).
วาสะ,วาสะ ๓ วาสะ ๓ น. การอบ; เครื่องหอม, นํ้าหอม. (ป., ส.).
ว่าสาดเสียเทเสีย ว่าสาดเสียเทเสีย (สำ) ก. ว่าอย่างเจ็บแสบทำให้เสียหายอย่างรุนแรง.
วาสิน,วาสี,วาสี ๑ วาสิน, วาสี ๑ น. ผู้อยู่, ผู้ครอง, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น คามวาสี = ผู้อยู่บ้าน อรัญวาสี = ผู้อยู่ป่า. (ป., ส.).
วาสี,วาสี ๒ วาสี ๒ น. มีด, พร้า. (ป., ส.).
วาสุกรี,วาสุกี วาสุกรี, วาสุกี น. ชื่อพญานาคร้ายตนหนึ่ง; พญานาค. (ป., ส. วาสุกิ).
วาสุเทพ วาสุเทพ น. ชื่อพระนารายณ์ปางพระกฤษณะ. (ส.).
ว่าใส่หน้า ว่าใส่หน้า ก. ต่อว่าหรือติเตียนซึ่ง ๆ หน้า.
วาหนะ วาหนะ [วาหะ-] น. พาหนะ. (ป., ส.).
วาหะ,วาหะ ๑ วาหะ ๑ ดู พาห ๑, พ่าห์.
วาหะ,วาหะ ๒ วาหะ ๒ น. ชื่อมาตราตวงอย่างหนึ่ง. (ป., ส.).
วาหินี วาหินี น. ทัพ, กองทัพ; หมวด; แม่นํ้า, คลอง. (ส.).
ว้าเหว่ ว้าเหว่ ว. รู้สึกอ้างว้าง, เปลี่ยวใจ, เช่น ไปต่างถิ่น พอเย็นลงก็รู้สึกว้าเหว่ คิดถึงบ้าน.
วาฬ,วาฬ ๑,วาฬ- วาฬ ๑, วาฬ- [วาน, วาละ-] น. พาฬ. (ป.; ส.วฺยาล).
วาฬ,วาฬ ๒ วาฬ ๒ [วาน] น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับ Odontoceti และ Mysticeti มีหลายชนิดในหลายวงศ์ ขนาดใหญ่มาก หัวมนใหญ่ หางแบนเพื่อช่วยในการพุ้ยน้ำ สามารถพ่นอากาศที่มีไอน้ำออกทางจมูกได้เวลาโผล่ขึ้นมาหายใจ เช่น วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยปรกติไม่พบในน่านน้ำไทย, วาฬแกลบครีบดำ (B. borealis) และ วาฬแกลบครีบขาวดำ (B. acutorostrata) ในวงศ์ Balaenopteridae, วาฬหัวทุย (Physeter catodon) ในวงศ์ Physeteridae, ปลาวาฬ ก็เรียก.
วาฬมิค วาฬมิค น. พาฬมฤค, สัตว์ร้าย. (ป.).
ว่าอะไรว่าตามกัน ว่าอะไรว่าตามกัน (สำ) ก. ปรองดองกัน, ไม่ขัดคอกัน, พูดเต็มว่า ว่าอะไรว่าตามกัน ได้เงินหม้อทองหม้อ หมายความว่า ว่าอะไรว่าตามกัน จะเกิดความเจริญมั่งคั่ง (มักใช้แก่คู่สามีภรรยา).
ว่าเอาเอง ว่าเอาเอง ก. พูดแต่งเรื่องขึ้นมาเอง.
วิ วิ คํานําหน้าศัพท์ แปลว่า วิเศษ, แจ้ง, ต่าง, เช่น วิสุทธิ วิเทศ. (ป., ส.).
วิกขัมภ์ วิกขัมภ์ [วิกขํา] น. เส้นผ่านศูนย์กลาง. (ป.).
วิกขัมภนะ วิกขัมภนะ [วิกขําพะ-] น. การปลดเปลื้อง, การเลิกถอน; การข่มไว้. (ป.).
วิกเขป วิกเขป [วิกเขบ, วิกเขปะ] น. การเคลื่อนหรือแกว่งไปมา. (ป.; ส. วิกฺเษป).
วิกจะ วิกจะ [-กะ-] ก. แย้ม, บาน. (ป., ส.).
วิกรม วิกรม [วิกฺรม] ก. เก่งกล้า, ก้าวล่วงไปด้วยความกล้าหาญ, มีชัยชนะ. (ส. วิกฺรม; ป. วิกฺกม).
วิกรัย วิกรัย [วิไกฺร] น. การขาย. (ส. วิกฺรย; ป. วิกฺกย).
วิกรานต์ วิกรานต์ [วิกฺราน] ว. กล้าหาญ, มีชัยชนะ, ก้าวหน้า. (ส. วิกฺรานฺต).
วิกฤต,วิกฤต-,วิกฤติ,วิกฤติ- วิกฤต, วิกฤต-, วิกฤติ, วิกฤติ- [วิกฺริด, วิกฺริดตะ-,วิกฺริด, วิกฺริดติ-] ว. อยู่ในขั้นล่อแหลมต่ออันตราย เช่น การเมืองอยู่ในขั้นวิกฤติ, มักใช้แก่เวลาหรือเหตุการณ์ เป็น วิกฤติกาล หรือ วิกฤติการณ์, อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ เช่น มุมวิกฤติ จุดวิกฤติ. (ส.; ป. วิกต, วิกติ).
วิกฤตการณ์,วิกฤติการณ์ วิกฤตการณ์, วิกฤติการณ์ น. เหตุการณ์อันวิกฤติ เช่น เกิดวิกฤติการณ์ทางการเมือง.
วิกฤตกาล,วิกฤติกาล วิกฤตกาล, วิกฤติกาล น. เวลาอันวิกฤติ เช่น ในวิกฤติกาลข้าวของมีราคาแพงและหาซื้อยาก.
วิกล วิกล [วิกน] ว. ไม่ปรกติ, แปลกไป, ไม่สมบูรณ์, อ่อนแอ, เช่น รูปร่างวิกล หน้าตาวิกล, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ วิการ เป็น วิกลวิการ เช่น รูปร่างวิกลวิการ. (ป., ส.).
วิกลจริต วิกลจริต [วิกนจะหฺริด] ว. มีความประพฤติหรือกิริยาผิดปรกติเพราะสติวิปลาส เช่น เขาเป็นคนวิกลจริต ร้องไห้บ้างหัวเราะบ้างโดยไม่มีสาเหตุ, เป็นบ้า.
วิกสิต วิกสิต [วิกะสิด] ก. บาน, แย้ม. (ป., ส.).
วิกัต วิกัต ว. วิกฤต. (ป. วิกต).
วิกัติ วิกัติ [-กัด] น. ชนิด, อย่าง; การประดิษฐ์ทํา, การจัดทําให้เป็นต่าง ๆ กัน. (ป. วิกติ).
วิกัติการก วิกัติการก [วิกัดติ-] (ไว) น. คําที่อธิบายตําแหน่งของบทการกข้างหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น เด็กนักเรียนนอน เขาเดินมากับนายมีคนใช้, คําที่เป็นบทช่วยวิกตรรถกริยาและเรียงไว้หลังวิกตรรถกริยา เป็น หรือ คือ เช่น เขาเป็นนักกีฬา เขาคือนักกีฬา.
วิกัป วิกัป [-กับ] น. การใคร่ครวญอย่างไม่แน่ใจ; คําแสดงความหมายให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง.<2t>ก. กำหนด; ให้, ฝาก (ตามพระวินัยบัญญัติ). (ป. วิกปฺป; ส. วิกลฺป).
วิกัย วิกัย [-ไก] น. การขาย. (ป.; ส. วิกฺรย).
วิการ วิการ ว. พิการ, ที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ, มักใช้เข้าคู่กับคำ วิกล เป็น วิกลวิการ.<2t>น. ความผันแปร. (ป., ส.).
วิกาล,วิกาล- วิกาล, วิกาล- [วิกาน, วิกานละ-] ว. ในยามค่ำคืนที่ค่อนไปทางดึก เช่น ขโมยเข้าบ้านในยามวิกาล; ผิดเวลา (ใช้แก่การกินอาหารผิดเวลาตามที่พระวินัยกำหนด นับตั้งแต่เที่ยงแล้วไปจนถึงอรุณขึ้น) เช่น กินอาหารในเวลาวิกาล. (ป.).
วิกาลโภชน์ วิกาลโภชน์ น. การกินอาหารในเวลาวิกาล คือ ผิดเวลา ซึ่งว่าตามพระวินัยกำหนดไว้ตั้งแต่เที่ยงแล้วไปจนถึงอรุณขึ้น. (ป.).
วิคหะ วิคหะ [วิกคะ-] น. การทะเลาะ, การโต้เถียง; ร่างกาย, รูปร่าง, ตัว; การแยกออกเป็นส่วน ๆ. (ป. วิคฺคห; ส. วิคฺรห).
วิเคราะห์ วิเคราะห์ ก. ใคร่ครวญ เช่น วิเคราะห์เหตุการณ์; แยกออกเป็นส่วน ๆ เพื่อศึกษาให้ถ่องแท้ เช่น วิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ วิเคราะห์ข่าว. (ส. วิคฺรห).
วิฆนะ วิฆนะ [วิคะ-] น. การขัดขวาง, เครื่องขัดขวาง, อุปสรรค, ความขัดข้อง. (ส.).
วิฆเนศ,วิฆเนศวร วิฆเนศ, วิฆเนศวร [วิคะเนด, วิคะเนสวน] น. ชื่อเทพองค์หนึ่งมีพระเศียรเป็นช้าง ถือว่าถ้าบูชาแล้วป้องกันความขัดข้องที่จะเกิดมีขึ้นได้, คเณศ พิฆเนศ หรือ พิฆเนศวร ก็เรียก. (ส. วิฆน + อีศ; วิฆน + อีศฺวร).
วิฆาต วิฆาต ก. พิฆาต. (ป., ส.).
วิฆาส วิฆาส น. เดน, อาหารเหลือ. (ป.).
วิง วิง ก. หมุน, วน; รู้สึกหวิวใจ.
วิ่ง วิ่ง ก. ก้าวไปโดยเร็วยิ่งกว่าเดิน เช่น คนวิ่งไปวิ่งมา ม้าวิ่งในสนาม, แล่นไปโดยเร็ว เช่น เรือวิ่งข้ามฟาก รถวิ่งไปตามถนน; (ปาก) วิ่งเต้น.<2t>น. การแข่งขันชนิดหนึ่ง ผู้แข่งขันต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเพื่อให้ถึงหลักชัยก่อน ตามระยะทางที่กำหนด เช่น วิ่ง ๑๐๐ เมตร วิ่ง ๔๐ เมตร.
วิ่งกระโดดข้ามรั้ว,วิ่งข้ามรั้ว วิ่งกระโดดข้ามรั้ว, วิ่งข้ามรั้ว น. การแข่งขันชนิดหนึ่ง ผู้แข่งขันต้องวิ่งเร็วแล้วกระโดดข้ามรั้วที่วางไว้เป็นระยะ ๆ ตามเส้นทางที่กําหนดไว้ ใครถึงหลักชัยก่อนถือว่าชนะ.
วิ่งกระสอบ วิ่งกระสอบ น. การเล่นชนิดหนึ่ง ผู้เล่นแต่ละคนสวมกระสอบวิ่งแข่งกัน ใครวิ่งถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ, วิ่งสวมกระสอบ ก็ว่า.
วิ่งเก็บของ วิ่งเก็บของ ก. วิ่งเก็บสิ่งของเช่นส้ม มะนาว ที่วางเป็นระยะ ๆ แล้วไปใส่ภาชนะที่วางไว้ที่ตั้งต้น ใครเก็บหมดก่อนเป็นผู้ชนะ.
วิ่งควาย วิ่งควาย ก. ให้ควายวิ่งแข่งกันโดยมีคนขี่บนหลัง.
วิ่งงัว,วิ่งวัว วิ่งงัว, วิ่งวัว ก. ให้คน ๒ คนวิ่งแข่งกัน.
วิ่งเต้น วิ่งเต้น ก. พยายามติดต่ออย่างเต็มที่เพื่อขอความสนับสนุนช่วยเหลือในกิจที่ต้องประสงค์ เช่น วิ่งเต้นฝากงาน.
วิ่งทน วิ่งทน ก. วิ่งแข่งระยะทางไกล กำหนดระยะทางตามมาตรฐานการแข่งขันโอลิมปิก คือ ๒๖ ไมล์ ๓๘๕ หลา หรือ ๔๑.๘ กิโลเมตร, วิ่งมาราธอน ก็ว่า.
วิ่งเปี้ยว วิ่งเปี้ยว น. การเล่นวิ่งแข่งโดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย แต่ละฝ่ายส่งคนวิ่งอ้อมหลักของฝ่ายตรงข้ามทีละคน โดยวิธีรับช่วงไม้หรือผ้าต่อ ๆ กันไป ฝ่ายที่วิ่งเร็วกว่า ใช้ไม้หรือผ้าที่ถืออยู่ตีฝ่ายตรงข้ามได้ เป็นฝ่ายชนะ.
วิ่งผลัด วิ่งผลัด น. การแข่งขันชนิดหนึ่ง แบ่งออกเป็นชุด ๆ ชุดละ ๔ คน แต่ละชุดจัดคนยืนอยู่ในลู่ของตนตามจุดต่าง ๆ ที่กำหนด คนแรกจะเริ่มวิ่งจากต้นทาง แล้วส่งไม้ให้คนที่ ๒ คนที่ ๒ วิ่งไปส่งให้คนที่ ๓ และคนที่ ๓ วิ่งไปส่งให้คนที่ ๔ ตามลำดับ คนที่ ๔ ของชุดใดวิ่งถึงหลักชัยก่อนเป็นผู้ชนะ.
วิ่งม้า วิ่งม้า ก. ให้ม้าวิ่งแข่งพนันกัน.
วิ่งมาราธอน วิ่งมาราธอน ก. วิ่งแข่งระยะทางไกล กำหนดระยะทางตามมาตรฐานการแข่งขันโอลิมปิก คือ ๒๖ ไมล์ ๓๘๕ หลา หรือ ๔๑.๘ กิโลเมตร, วิ่งทน ก็ว่า.
วิ่งรอก วิ่งรอก ก. อาการที่คนชักว่าววิ่งช่วยกันฉุดสายป่านโดยเอารอกทับเชือกเพื่อให้ว่าวจุฬาพาว่าวปักเป้าเข้ามาในแดนตน หรือเอารอกทาบเชือกเพื่อให้ว่าวปักเป้าทําให้ว่าวจุฬาเสียเปรียบ แล้วรอกให้ว่าวจุฬาตก; โดยปริยายหมายถึงอาการที่นักร้องหรือนักแสดงเป็นต้นไปแสดงตามที่ต่าง ๆ หลายแห่งในวันเดียวกันหรือคืนเดียวกันให้ทันกําหนดเวลา, อาการที่รถรับจ้างวิ่งรถเปล่าตระเวนหาผู้โดยสาร, เรียกว่า วิ่งรอก หรือ วิ่งกะรอก.
วิ่งระแบง วิ่งระแบง ก. วิ่งเล่น. (ข. ละแบง ว่า การเล่น).
วิ่งราว วิ่งราว ก. แย่งเอาสิ่งของแล้ววิ่งหนีไป เช่น วิ่งราวกระเป๋าถือ.
วิงวอน วิงวอน ก. เฝ้าร้องขอ, รํ่าขอ, ขอด้วยอาการออด, เฝ้าร้องขอให้ทําตามประสงค์, เช่น วิงวอนขอชีวิต.
วิ่งวัว วิ่งวัว ก. ให้คน ๒ คนวิ่งแข่งกัน, วิ่งงัว ก็ว่า.
วิ่งว่าว วิ่งว่าว ก. ชักว่าวขึ้นแล้วพาสายว่าววิ่งไปเพื่อให้ว่าวติดลมสูงขึ้น (ใช้แก่ว่าวตัวเล็ก ๆ).
วิ่งวิบาก วิ่งวิบาก น. การแข่งขันชนิดหนึ่ง มี ๒ ประเภท ประเภทหนึ่งระยะทาง ๓,๐๐๐ เมตร ผู้แข่งขันต้องวิ่งกระโดดข้ามรั้ว ๒๘ รั้ว กระโดดข้ามบ่อน้ำหรือลุยน้ำในบ่อ ๗ บ่อ ใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ อีกประเภทหนึ่งระยะทาง ๒,๐๐๐ เมตร ใช้สำหรับการแข่งขันประเภทเยาวชน ผู้แข่งขันต้องวิ่งกระโดดข้ามรั้ว ๑๘ รั้ว กระโดดข้ามบ่อน้ำหรือลุยน้ำในบ่อ ๕ บ่อ ใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ.
วิงเวียน วิงเวียน ก. รู้สึกเวียนหัวดูอะไรหมุนไปหมด มักมีอาการคลื่นไส้ด้วย เช่น ทำงานเหนื่อยเกินไปจนรู้สึกวิงเวียนจะเป็นลม.
วิ่งสวมกระสอบ วิ่งสวมกระสอบ น. การเล่นชนิดหนึ่ง ผู้เล่นแต่ละคนสวมกระสอบวิ่งแข่งกัน ใครวิ่งถึงเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ, วิ่งกระสอบ ก็ว่า.
วิ่งสามขา วิ่งสามขา น. การเล่นชนิดหนึ่ง ผู้เล่นแบ่งเป็นคู่ ๆ โดยผูกขาขวาของคนหนึ่งเข้ากับขาซ้ายของอีกคนหนึ่ง แล้ววิ่งแข่งกับคู่อื่น ๆ.
วิจฉิกะ วิจฉิกะ [วิด-] น. แมงป่อง, มักใช้ว่า พฤศจิก. (ป.; ส. วฺฤศฺจิก).
วิจยุต วิจยุต [วิดจะยุด] ก. ตกไปแล้ว, หลุดไปแล้ว. (ส. วิจฺยุต).
วิจรณะ วิจรณะ [-จะระ-] ก. เที่ยวไป. (ป.).
วิจล วิจล [วิจน] ว. อาการที่เคลื่อนไปมา, อาการที่หวั่นไหว, อาการที่ส่ายไปมา; วุ่นวาย, วุ่นใจ, เช่น ในสุรสถานดำหนักพน อย่ารู้วิจลสักอันเลย. (ม. คำหลวง จุลพน). (ส.).
วิจักขณ์,วิจักษณ์ วิจักขณ์, วิจักษณ์ ว. ที่รู้แจ้ง, ที่เห็นแจ้ง, ฉลาด, มีสติปัญญา, เชี่ยวชาญ, ชํานาญ. (ป. วิจกฺขณ; ส. วิจกฺษณ).
วิจักษ์ วิจักษ์ น. ความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าของศิลปกรรมและวรรณกรรม, ความนิยม, ความซาบซึ้ง, เช่น วรรณคดีวิจักษ์. (อ. appreciation).
วิจัย,วิจัย ๑ วิจัย ๑ น. การสะสม, การรวบรวม. (ป., ส.).
วิจัย,วิจัย ๒ วิจัย ๒ น. การค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา เช่น วิจัยเรื่องปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร.<2t>ก. ค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา เช่น เขากำลังวิจัยเรื่องมลพิษทางอากาศอยู่.<2t>ว. ที่ค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา เช่น งานวิจัย. (อ. research).
วิจาร,วิจารณ,วิจารณ-,วิจารณ์ วิจาร, วิจารณ-, วิจารณ์ [วิจาน, วิจาระนะ-, วิจาน] ก. ให้คําตัดสินสิ่งที่เป็นศิลปกรรมหรือวรรณกรรมเป็นต้น โดยผู้มีความรู้ควรเชื่อถือได้ ว่ามีค่าความงามความไพเราะดีอย่างไร หรือมีข้อขาดตกบกพร่องอย่างไรบ้าง เช่น เขาวิจารณ์ว่า หนังสือเล่มนี้แสดงปัญหาสังคมในปัจจุบันได้ดีมากสมควรได้รับรางวัล, ติชม, มักใช้เต็มคำว่า วิพากษ์วิจารณ์ เช่น คนดูหนังวิพากษ์วิจารณ์ว่า หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องช้าทำให้คนดูเบื่อ.
วิจารณญาณ วิจารณญาณ [วิจาระนะยาน] น. ปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลที่ถูกต้องได้.
วิจิ วิจิ น. วีจิ, คลื่น, ลูกคลื่น. (ป., ส. วีจิ).
วิจิกิจฉา วิจิกิจฉา [-กิดฉา] น. ความสงสัย, ความเคลือบแคลง, ความลังเล, ความไม่แน่ใจ. (ป.; ส. วิจิกิตฺสา).
วิจิต วิจิต ก. รวบรวม. (ส.); สังเกต, เห็นแจ้ง, รู้แจ้ง.
วิจิตร วิจิตร [-จิด] ว. งามประณีต. (ส.; ป. วิจิตฺต).
วิจิตรตระการตา วิจิตรตระการตา [-จิดตฺระ-] ว. งามน่าตื่นตา เช่น ขบวนแห่รถบุปผชาติประดับประดาได้วิจิตรตระการตา.
วิจิตรบรรจง วิจิตรบรรจง [-จิดบันจง] ว. ลักษณะที่ตั้งอกตั้งใจทำอย่างประณีตงดงาม เช่น กวีนิพนธ์บทนี้แต่งอย่างวิจิตรบรรจง.
วิจิตรพิศวง วิจิตรพิศวง [-จิดพิดสะหฺวง] ว. งามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ, งามอย่างน่าพิศวง, เช่น งาช้างแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ซ้อนกันหลายชั้นมีพระพุทธรูปอยู่ข้างในดูวิจิตรพิศวง.
วิจิตรพิสดาร วิจิตรพิสดาร [-จิดพิดสะดาน] ว. ลักษณะที่ประดิษฐ์หรือตกแต่งจนบางทีเกินงาม เช่น ปราสาทจำลองในสวนสนุกตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร.
วิจิตรรจนา วิจิตรรจนา [-จิดรดจะนา] ว. งามอย่างประณีตละเอียดซับซ้อน เช่น มาลัยพวงนี้เขาตั้งใจร้อยอย่างวิจิตรรจนา.
วิจิตรศิลป์ วิจิตรศิลป์ [-จิดตฺระสิน, -จิดสิน] น. ศิลปะที่มุ่งแสดงในด้านคุณภาพของความงามมากกว่าประโยชน์ใช้สอย.
วิจิน วิจิน ก. เที่ยวหา, สืบเสาะ, ตรวจ; เก็บ, คัดเลือก. (ป.).
วิจุณ วิจุณ ว. ป่น, แหลกละเอียด, มักใช้ประกอบท้ายคํา จุณ หรือ จุรณ เป็น จุณวิจุณ หรือ จุรณวิจุณ, เขียนเป็น วิจุรณ ก็มี. (ป. วิจุณฺณ; ส. วิจูรฺณ).
วิจุรณ วิจุรณ [วิจุน] ว. ป่น, แหลกละเอียด, มักใช้ประกอบท้ายคํา จุรณ เป็น จุรณวิจุรณ, เขียนเป็น วิจุณ ก็มี. (ส. วิจูรฺณ; ป. วิจุณฺณ).
วิชชา วิชชา [วิด-] น. ความรู้แจ้ง เช่น วิชชา ๓ วิชชา ๘ ในพระพุทธศาสนา, วิชชา ๓ คือ ๑. บุพเพนิวาสานุสติญาณ (รู้จักระลึกชาติได้) ๒. จุตูปปาตญาณ (รู้จักกําหนดจุติและเกิด) ๓. อาสวักขยญาณ (รู้จักทําอาสวะให้สิ้น), ส่วนวิชชา ๘ คือ ๑. วิปัสสนาญาณ (ญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา) ๒. มโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ) ๓. อิทธิวิธิ (แสดงฤทธิ์ได้) ๔. ทิพโสต (หูทิพย์) ๕. เจโตปริยญาณ (รู้จักกําหนดใจผู้อื่น) ๖. บุพเพนิวาสานุสติญาณ ๗. ทิพจักขุ (ตาทิพย์) ๘. อาสวักขยญาณ. (ป. วิชฺชา; ส. วิทฺยา).
วิชชุ,วิชชุดา,วิชชุตา วิชชุ, วิชชุดา, วิชชุตา [วิด-] น. แสงไฟฟ้า, สายฟ้า. (ป.; ส. วิทฺยุตฺ).
วิชชุลดา วิชชุลดา [วิดชุละ-] น. สายหรือประกายไฟฟ้า, สายฟ้าแลบ. (ป. วิชฺชุลฺลตา; ส. วิทฺยุลฺลตา); ชื่อกาพย์ประเภทหนึ่ง, คู่กับ มหาวิชชุลดา.
วิชญะ วิชญะ [วิดยะ] น. ผู้รู้, ผู้ฉลาด, ปราชญ์. (ส.).
วิชน วิชน [วิ-ชน] ว. ปราศจากคน, ร้าง. (ป., ส.).
วิชนี วิชนี [วิดชะ-] น. วีชนี. (ป. วีชนี; ส. วีชน).
วิชย,วิชย-,วิชัย วิชย-, วิชัย [วิชะยะ-, วิไช] น. ความชนะ, ชัยชนะ. (ป., ส.).
วิชา วิชา น. ความรู้, ความรู้ที่ได้ด้วยการเล่าเรียนหรือฝึกฝน, เช่น วิชาภาษาไทย วิชาช่าง วิชาการฝีมือ. (ป. วิชฺชา; ส. วิทฺยา).
วิชาการ วิชาการ น. วิชาความรู้สาขาใดสาขาหนึ่งหรือหลายสาขา เช่น บทความวิชาการ สัมมนาวิชาการ การประชุมวิชาการ.
วิชาแกน วิชาแกน น. รายวิชาที่อยู่ในหลักสูตรร่วมกันของหลายคณะหรือหลายสาขาของปริญญาเดียวกัน ที่ผู้เรียนในคณะหรือสาขาเหล่านั้นจะต้องเรียน. (อ. core course).
วิชาชีพ วิชาชีพ น. วิชาที่จะนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ เช่น วิชาแพทย์ วิชาช่างไม้ วิชาช่างยนต์.
วิชาโท วิชาโท น. รายวิชาที่ผู้เรียนเลือกเรียนให้ลึกซึ้งรองลงมาจากวิชาเอก. (อ. minor course).
วิชาธร วิชาธร น. พิทยาธร.
วิชานนะ วิชานนะ น. ความรู้, ความเข้าใจ. (ป.; ส. วิชฺาน).
วิชาบังคับ วิชาบังคับ น. รายวิชาที่กำหนดให้ผู้เรียนทุกคนในหลักสูตรนั้นจะต้องเรียน. (อ. prescribed course).
วิชาบังคับพื้นฐาน วิชาบังคับพื้นฐาน น. รายวิชาพื้นฐานที่บังคับให้เรียนในหลักสูตร. (อ. basic requirement).
วิชาบังคับเลือก วิชาบังคับเลือก น. รายวิชาเลือกที่ทางภาควิชาบังคับให้เรียนในหลักสูตร. (อ. elective prescribed course).
วิชาพื้นฐาน วิชาพื้นฐาน น. รายวิชาที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของวิชาในระดับที่สูง ๆ ขึ้นไป. (อ. basic course).
วิชาเลือก วิชาเลือก น. รายวิชาที่กำหนดให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้. (อ. elective course).
วิชาเลือกบังคับ วิชาเลือกบังคับ น. รายวิชาเลือกที่อาจารย์ที่ปรึกษาบังคับให้เรียนเป็นรายบุคคล. (อ. prescribed elective course).
วิชาเลือกเสรี วิชาเลือกเสรี น. รายวิชาที่เลือกเรียนได้อย่างเสรี โดยผู้เรียนไม่ต้องถามอาจารย์ที่ปรึกษาก่อน. (อ. free elective course).
วิชาอาคม วิชาอาคม น. เวทมนตร์, คาถาอาคม, เช่น อาจารย์ถ่ายทอดวิชาอาคมให้ศิษย์, วิทยาคม ก็ว่า.
วิชาเอก วิชาเอก น. รายวิชาที่ผู้เรียนเลือกเรียนให้ลึกซึ้งเป็นวิชาหลัก ตามหลักสูตรปริญญาหรืออนุปริญญา. (อ. major course).
วิชิต วิชิต น. เขตแดนที่ปราบปรามแล้ว.<2t>ว. ปราบให้แพ้, ชนะแล้ว. (ป.; ส. วิชิต ว่า ถูกปราบ, ชนะ).
วิเชียร วิเชียร น. วชิระ, สายฟ้า; เพชร; อาวุธพระอินทร์.
วิญญัตติ วิญญัตติ [วินยัดติ] น. การขอร้อง, การบอกกล่าว, การชี้แจง, รายงาน. (ป.; ส. วิชฺปฺติ).
วิญญาณ วิญญาณ น. สิ่งที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในกายเมื่อมีชีวิต เมื่อตายจะออกจากกายล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่; ความรับรู้ เช่น จักษุวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางตา โสตวิญญาณ คือ ความรับรู้ทางหู เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ; โดยปริยายหมายถึงจิตใจ เช่น มีวิญญาณนักสู้ มีวิญญาณศิลปิน. (ป.; ส. วิชฺาน).
วิญญาณกทรัพย์ วิญญาณกทรัพย์ [วินยานะกะซับ, วินยานนะกะซับ] (กฎ; โบ) น. สิ่งที่มีวิญญาณหรือชีวิตซึ่งนับเป็นทรัพย์ เช่น ทาส ช้าง ม้า วัว ควาย, สวิญญาณกทรัพย์ ก็ว่า.
วิญญู วิญญู น. ผู้รู้แจ้ง, นักปราชญ์. (ป.; ส. วิชฺ).
วิญญูชน วิญญูชน (กฎ) น. บุคคลผู้รู้ผิดรู้ชอบตามปรกติ.
วิญญูภาพ วิญญูภาพ น. ความเป็นผู้รู้ผิดรู้ชอบตามปรกติ.
วิฑูรย์ วิฑูรย์ น. ไพฑูรย์.
วิณหุ วิณหุ [วินหุ] น. วิษณุ.
วิด วิด ก. อาการที่ทําให้นํ้าพร่องหรือหมดไปด้วยวิธีวัก สาด หรือด้วยเครื่องวิดมีระหัดเป็นต้น เช่น วิดน้ำออกจากเรือ วิดน้ำออกจากบ้าน, ถ้าใช้วิธีอย่างเดียวกันนั้นถ่ายเทนํ้าจากที่หนึ่งเข้าสู่อีกที่หนึ่ง ใช้ว่า วิดเข้า เช่น วิดนํ้าเข้านา.
วิดพื้น วิดพื้น (ปาก) น. ท่ากายบริหารอย่างหนึ่งมี ๒ แบบ แบบหนึ่งเริ่มด้วยท่านอนทอดตัวลงเกือบถึงพื้น มือและปลายเท้าทั้ง ๒ ข้างยันพื้นไว้ งอแขนให้ศอกแนบลำตัว หน้าเงย แล้วเหยียดแขนพร้อมกับยกตัวขึ้น แล้วงอแขนพร้อมทั้งลดตัวลงกลับไปอยู่ในท่าเดิม อีกแบบหนึ่งเริ่มด้วยท่านอน มือและปลายเท้าทั้ง ๒ ข้างยันพื้นไว้ แขนเหยียดตรง หน้าเงย แล้วงอแขนให้ศอกแนบลำตัวพร้อมกับทอดตัวลงเกือบถึงพื้น แล้วเหยียดแขนพร้อมทั้งยกตัวขึ้นกลับไปอยู่ในท่าเดิม, เรียกเป็นทางการว่า ยุบข้อ.
วิดัสดี วิดัสดี [วิดัดสะดี] น. วิทัตถิ, คืบหนึ่ง. (ส. วิตสฺติ; ป. วิทตฺถิ).
วิตก,วิตก- วิตก, วิตก- [วิตกกะ-, วิ-ตก-] ก. เป็นทุกข์, ร้อนใจ, กังวล, เช่น วิตกว่าจะเกิดสงคราม, มักใช้เข้าคู่กับคำกังวล เป็น วิตกกังวล เช่น อย่าวิตกกังวลไปนักเลยพรุ่งนี้สถานการณ์คงจะดีขึ้น.<2t>น. ความตรึก, ความตริ, ความคิด. (ป. วิตกฺก; ส. วิตรฺก ว่า ลังเลใจ).
วิตกจริต วิตกจริต [วิตกกะจะหฺริด, วิตกจะหฺริด] ว. มีนิสัยคิดไปในทางร้ายทางเสีย. (ป.).
วิตถาร วิตถาร [วิดถาน] ว. กว้างขวาง, มากเกินไป, พิสดาร. (ป.; ส. วิสฺตาร); นอกแบบ, นอกทาง, (เกินวิสัยปรกติ) เช่น พวกเด็ก ๆ ชอบเล่นวิตถาร เอาน้ำสกปรกผสมแป้งสาดเข้าไปในรถประจำทางในวันสงกรานต์.
วิตามิน วิตามิน น. กลุ่มสารอินทรีย์ซึ่งเป็นสารอาหารจําเป็นที่ร่างกายต้องการแต่เพียงจํานวนน้อย ๆ และจะขาดไม่ได้ หากขาดจะทําให้อวัยวะในร่างกายทํางานผิดปรกติและเกิดโรคได้ สารกลุ่มนี้มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย บํารุงผิวพรรณ เหงือก ผม ตา และช่วยต้านทานโรค แบ่งเป็น ๒ พวกใหญ่ คือ พวกที่ละลายได้ในไขมัน เช่น วิตามินเอ วิตามินดี และพวกที่ละลายได้ในน้ำ เช่น วิตามินบี วิตามินซี, ใช้ว่า วิตะมิน หรือ ไวตามิน ก็มี. (อ. vitamin).
วิถี วิถี น. สาย, แนว, ถนน, ทาง, มักใช้ประกอบกับคําอื่น เช่น วิถีทาง วิถีชีวิต บาทวิถี. (ป., ส. วีถิ).
วิถีกระสุน วิถีกระสุน น. ทางแห่งกระสุน, กระสุนวิถี ก็ว่า.
วิถีชีวิต วิถีชีวิต น. ทางดำเนินชีวิต เช่น วิถีชีวิตชาวบ้าน.
วิถีทาง วิถีทาง น. ทาง เช่น ต้องใช้ความพยายามทุกวิถีทางกว่าจะประสบความสำเร็จ.
วิทธะ วิทธะ (แบบ) ว. เจาะ, แทง, ฉีกขาด, เป็นแผล, เป็นรู, แตก. (ป., ส.).
วิทย,วิทย- วิทย- [วิดทะยะ-] น. วิทยา.
วิทยฐานะ วิทยฐานะ น. ฐานะในด้านความรู้ เช่น สอบเทียบวิทยฐานะ มีวิทยฐานะในระดับปริญญาตรี.
วิทยา วิทยา [วิดทะยา] น. ความรู้, มักใช้ประกอบกับคําอื่น เช่น วิทยากร วิทยาคาร จิตวิทยา สังคมวิทยา. (ส.).
วิทยากร วิทยากร น. ผู้ทรงความรู้ความสามารถในศิลปวิทยาแขนงต่าง ๆ เช่น วิทยากรในการสัมมนาเรื่องเศรษฐกิจ. (ส.).
วิทยากล วิทยากล น. การแสดงที่อาศัยกลวิธีและความไวทำให้ผู้ชมสนเท่ห์.
วิทยาการ วิทยาการ น. ความรู้แขนงต่าง ๆ เช่น ปัจจุบันวิทยาการต่าง ๆ ก้าวหน้าไปมาก, บางทีใช้ว่า ศิลปวิทยาการ.
วิทยาเขต วิทยาเขต น. ส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย แต่ตั้งอยู่ในบริเวณอื่น มีคณาจารย์ อาคาร สถานที่ ตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของตนเอง เกี่ยวพันกับมหาวิทยาลัยโดยมีอธิการบดีคนเดียวกัน และสภามหาวิทยาลัยชุดเดียวกัน.
วิทยาคม วิทยาคม น. เวทมนตร์, คาถาอาคม, เช่น อาจารย์ถ่ายทอดวิทยาคมให้ศิษย์, วิชาอาคม ก็ว่า. (ส.).
วิทยาคาร วิทยาคาร น. สถานที่ให้ความรู้.
วิทยาทาน วิทยาทาน น. การให้ความรู้ เช่น ให้ความรู้เป็นวิทยาทาน จัดพิมพ์หนังสือแจกเป็นวิทยาทาน.
วิทยาธร วิทยาธร น. พิทยาธร. (ส.).
วิทยานิพนธ์ วิทยานิพนธ์ น. บทนิพนธ์ที่ผู้เรียบเรียงยกเอาหัวข้อเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นวิจัยหรือพรรณนาขยายความ โดยนับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อเสนอรับปริญญา.
วิทยาลัย วิทยาลัย น. สถานศึกษาในระดับสูง สอนวิชาชีพเฉพาะอย่าง เช่น วิทยาลัยเทคนิค. (ส.).
วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ น. ความรู้ที่ได้โดยการสังเกตและค้นคว้าจากปรากฏการณ์ธรรมชาติแล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ, วิชาที่ค้นคว้าได้หลักฐานและเหตุผลแล้วจัดเข้าเป็นระเบียบ.
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม น. ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การพลังงาน การควบคุมรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม และการวิจัย.
วิทยาศาสตร์กายภาพ วิทยาศาสตร์กายภาพ น. วิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของสิ่งไม่มีชีวิต เช่น เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์.
วิทยาศาสตร์ชีวภาพ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ น. วิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต เช่น สัตววิทยา พฤกษศาสตร์.
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ น. วิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ที่มุ่งประโยชน์ในทางปฏิบัติยิ่งกว่าทางทฤษฎี เช่น แพทยศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรศาสตร์.
วิทยุ วิทยุ [วิดทะยุ] น. กระแสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดที่เคลื่อนไปตามอากาศโดยไม่ต้องใช้สาย และอาจเปลี่ยนเป็นเสียงหรือรูปได้, เรียกเครื่องที่มีหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกสู่อากาศว่า เครื่องส่งวิทยุ, เรียกเครื่องที่มีหน้าที่เปลี่ยนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่รับได้จากเครื่องส่งวิทยุให้กลับเป็นคลื่นเสียงตามเดิมว่า เครื่องรับวิทยุ.
วิทยุกระจายเสียง วิทยุกระจายเสียง น. การแพร่สัญญาณเสียงออกอากาศโดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุคมนาคม วิทยุคมนาคม น. การส่งหรือการรับเครื่องหมายสัญญาณ ตัวหนังสือ ภาพ และเสียงหรือการอื่นใดซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้โดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุเคลื่อนที่ วิทยุเคลื่อนที่ น. วิทยุคมนาคมระหว่างสถานีวิทยุคมนาคมแบบเคลื่อนที่ได้กับสถานีวิทยุคมนาคมแบบประจำที่ หรือระหว่างสถานีวิทยุคมนาคมแบบเคลื่อนที่ได้ด้วยกันเอง.
วิทยุเฉพาะกิจ วิทยุเฉพาะกิจ น. การติดต่อสื่อสารด้วยเครื่องรับส่งวิทยุที่ใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะและไม่เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ได้เป็นการสาธารณะ.
วิทยุต วิทยุต [วิดทะยุด] น. ฟ้าแลบ, ไฟฟ้า. (ส.; ป. วิชฺชุ).
วิทยุติดตามตัว วิทยุติดตามตัว น. การกระตุ้นเตือนผู้พกพาเครื่องรับวิทยุที่ใช้ติดตัวโดยทางคลื่นวิทยุ ซึ่งกระทำผ่านข่ายโทรศัพท์สาธารณะ การกระตุ้นเตือนอาจประกอบด้วยเสียงพูดหรือรหัสที่มองเห็นได้ ซึ่งส่งมาจากผู้กระตุ้นเตือนหรือจากข่ายโทรศัพท์สาธารณะ.
วิทยุเทเลกซ์ วิทยุเทเลกซ์ น. การรับส่งโทรพิมพ์ผ่านชุมสายโดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรทัศน์ น. การแพร่สัญญาณโทรทัศน์ออกอากาศโดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุโทรพิมพ์ วิทยุโทรพิมพ์ น. การรับส่งโทรพิมพ์โดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุโทรภาพ วิทยุโทรภาพ น. การรับส่งโทรภาพโดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุโทรเลข วิทยุโทรเลข น. การรับส่งโทรเลขโดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุโทรศัพท์ วิทยุโทรศัพท์ น. การเรียกติดต่อโทรศัพท์โดยใช้คลื่นวิทยุ.
วิทยุประจำที่ วิทยุประจำที่ น. วิทยุคมนาคมระหว่าง ๒ จุดที่กำหนดซึ่งอยู่ประจำที่.
วิทยุมือถือ วิทยุมือถือ น. การติดต่อสื่อสารด้วยเครื่องรับส่งวิทยุซึ่งมีน้ำหนักเบา สามารถใช้มือถือในขณะใช้งานได้.
วิทยุเรือ วิทยุเรือ น. วิทยุคมนาคมระหว่างสถานีวิทยุคมนาคมชายฝั่งกับสถานีวิทยุคมนาคมที่ตั้งอยู่บนเรือ หรือระหว่างสถานีวิทยุคมนาคมที่ตั้งอยู่บนเรือด้วยกันเอง.
วิทยุสนาม วิทยุสนาม น. การติดต่อสื่อสารด้วยเครื่องรับส่งวิทยุที่ใช้ในงานสนามหรือในราชการทหาร.
วิทยุสมัครเล่น วิทยุสมัครเล่น น. วิทยุคมนาคมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักวิทยุสมัครเล่นที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายศึกษาหาความรู้ให้ตนเองโดยไม่มีวัตถุประสงค์ในทางพาณิชย์.
วิทยุสาธารณะ วิทยุสาธารณะ น. การติดต่อสื่อสารด้วยเครื่องรับส่งวิทยุที่จัดให้ประชาชนโดยทั่วไปใช้บริการได้เป็นการสาธารณะ.
วิทรุมะ วิทรุมะ [วิดทฺรุมะ] น. แก้วประพาฬสีแดง. (ส. วิทฺรุม).
วิทวัส วิทวัส [วิดทะวัด] น. ผู้รู้, นักปราชญ์, ผู้มีปัญญา. (ส.; ป. วิทฺวา).
วิทัตถิ วิทัตถิ น. ชื่อมาตราวัด คือ คืบหนึ่ง. (ป.; ส. วิตสฺติ).
วิทัศน์ วิทัศน์ น. การมองการณ์ไกล, วิสัยทัศน์. (อ. vision).
วิทารณ์ วิทารณ์ น. การผ่า, การตัด. (ป., ส.).
วิทาลน์ วิทาลน์ น. การเปิด, การระเบิด; การผ่า, การฉีก. (ป.).
วิทิต วิทิต น. ผู้คงแก่เรียน, ผู้รู้. (ป., ส.).
วิทู วิทู น. ผู้ฉลาด, ผู้รอบรู้, ผู้มีปัญญา, ผู้ชํานาญ. (ป.).
วิทูร,วิทูร ๑ วิทูร ๑ ว. ฉลาด, คงแก่เรียน, มีปัญญา, ชํานาญ. (ป., ส. วิทุร).
วิทูร,วิทูร ๒ วิทูร ๒ ว. ไกล, ห่าง, พ้นออกไป. (ป., ส.).
วิเทวษ วิเทวษ [-ทะเวด] น. ความเป็นข้าศึก, ความเกลียด, ความปองร้าย. (ส. วิเทฺวษ; ป. วิทฺเทส).
วิเทศ วิเทศ น. ต่างประเทศ. (ป., ส.).
วิเทศสัมพันธ์ วิเทศสัมพันธ์ [วิเทด-] น. ความสัมพันธ์กับต่างประเทศ.
วิเทโศบาย วิเทโศบาย น. นโยบายการต่างประเทศ.
วิธ,วิธา วิธ, วิธา น. อย่าง, ชนิด. (ป.).
วิธวา วิธวา [วิทะ-] น. หญิงม่าย. (ป., ส.).
วิธาน วิธาน น. การจัดแจง, การทํา; กฎ, เกณฑ์, ข้อบังคับ; พิธี, ธรรมเนียม. (ป., ส.).
วิธี วิธี น. ทํานองหรือหนทางที่จะทํา เช่น วิธีทำฝอยทอง วิธีสอนคณิตศาสตร์ เลขข้อนี้ทำได้หลายวิธี; แบบ, แบบอย่าง, เช่น ทำถูกวิธี; กฎ, เกณฑ์; คติ, ธรรมเนียม. (ป., ส. วิธิ).
วิธีการ วิธีการ น. วิธีปฏิบัติตามหลักการเป็นขั้นตอนอย่างมีระบบ เช่น วิธีการที่รัฐให้สวัสดิการแก่ประชาชน วิธีการสอนวิทยาศาสตร์มีหลายวิธี.
วิธุระ วิธุระ [วิทุ-] ว. เปลี่ยว, ว้าเหว่. (ป., ส.).
วิธู วิธู น. พระจันทร์. (ป., ส. วิธุ).
วิธูปนะ วิธูปนะ [-ทูปะนะ] น. พัด. (ป., ส.).
วิ่น วิ่น ว. ลักษณะอาการที่หลุด ขาด หรือลุ่ยออกกะรุ่งกะริ่ง เช่น จมูกแหว่งหูวิ่นเวทนา อนิจจานิจจาเป็นน่ากลัว. (สังข์ทอง), มักใช้เข้าคู่กับคำ ขาด เป็น ขาดวิ่น เช่น เสื้อผ้าขาดวิ่น.
วินตกะ วินตกะ [วินตะกะ] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๖ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป., ส. วินตก). (ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).
วินย,วินย-,วินัย วินย-, วินัย [วินะยะ-] น. ระเบียบแบบแผนและข้อบังคับ, ข้อปฏิบัติ, เช่น วินัยทหาร ทหารต้องยึดมั่นในวินัย; สิกขาบทของพระสงฆ์. (ป., ส.).
วินันตู วินันตู น. น้องเขย. (ช.).
วินัยธร วินัยธร [วิไนทอน] น. ภิกษุผู้ชํานาญวินัย. (ป.).
วินัยปิฎก วินัยปิฎก [วิไนยะปิดก, วิไนปิดก] น. ชื่อปิฎก ๑ ในพระไตรปิฎก.
วินาที วินาที น. ส่วน ๑ ใน ๖๐ ของนาที.
วินายก วินายก น. ผู้ขจัดสิ่งขัดข้อง, พระวิฆเนศวร; พระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
วินาศ,วินาศ- วินาศ, วินาศ- [วินาด, วินาดสะ-] น. ความฉิบหาย. (ส.).
วินาศกรรม วินาศกรรม [วินาดสะกำ] น. การลอบทําลายหรือเผาผลาญทรัพย์สินโรงงานอุตสาหกรรมเป็นต้น ของนายจ้างหรือของศัตรู เช่น ในกรณีที่เกิดพิพาทกันขึ้นระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือเพื่อตัดกําลังฝ่ายศัตรูเมื่อทําสงครามกันโดยตรงหรือโดยปริยาย.
วินาศภัย วินาศภัย [วินาดสะไพ] (กฎ) น. ความเสียหายอย่างใด ๆ บรรดาที่พึงประมาณเป็นเงินได้ และหมายความรวมถึงความสูญเสียในสิทธิ ผลประโยชน์หรือรายได้ด้วย.
วินาศสันตะโร วินาศสันตะโร [วินาด-] (ปาก) ว. ความเสียหายป่นปี้ เช่น รถชนกันวินาศสันตะโร.
วินาศสันติ วินาศสันติ [วินาด-] ก. จงพินาศ, จงฉิบหาย, เป็นคำแช่งที่ออกเสียงเพี้ยนมาจากคำลงท้ายในคาถาอาคมที่เป็นภาษาบาลีว่า วินสฺสนฺตุ.
วินิจ วินิจ ก. ตรวจตรา, พิจารณา.
วินิจฉัย วินิจฉัย ก. ตัดสิน, ชี้ขาด, เช่น เรื่องนี้วินิจฉัยได้ ๒ ทาง; ไตร่ตรอง, ใคร่ครวญ, เช่น คณะกรรมการขอเลื่อนเวลาออกไปอีกเพื่อวินิจฉัยปัญหาให้รอบคอบยิ่งขึ้น. (ป.).
วินิต วินิต ก. ฝึกหัดหรืออบรม, ทำให้ละพยศหรือละทิฐิมานะ, ปกครอง. (ป., ส. วินีต).
วินิบาต วินิบาต น. การทําลาย, การฆ่า, เช่น วินิบาตกรรม; ภพที่ต้องโทษ, ภพที่รับทุกข์, เช่น ทุคติวินิบาต. (ป., ส.).
วินิปาติก วินิปาติก น. ผู้ตกอยู่ในอบาย, ผู้ถูกทรมาน. (ป.).
วิเนต วิเนต ก. นํา, ชี้, ฝึกหัด, สั่งสอน, อบรม. (ป.).
วิโนทก วิโนทก น. ผู้บรรเทา. (ป., ส.).
วิบัติ วิบัติ น. พิบัติ, ความฉิบหาย, ความหายนะ, ความเป็นอัปมงคล, เช่น ทรัพย์สมบัติวิบัติ; ความเคลื่อนคลาด, ความผิด, เช่น อักขราวิบัติ.<2t>ก. ฉิบหาย เช่น ขอจงวิบัติทันตาเห็น. (ป., ส. วิปตฺติ).
วิบาก วิบาก น. ผล, ผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วอันทําไว้แต่อดีต, เช่น กุศลวิบาก กรรมวิบาก.<2t>ว. ลำบาก เช่น ทางวิบาก วิ่งวิบาก. (ป., ส. วิปาก).
วิบุล,วิบูล วิบุล, วิบูล ว. เต็ม, กว้างขวาง, มาก, ใช้ว่า วิบุลย์ หรือ วิบูลย์ ก็มี. (ป., ส. วิปุล).
วิบุลย์,วิบูลย์ วิบุลย์, วิบูลย์ ดู วิบุล, วิบูล.
วิปการ,วิประการ วิปการ, วิประการ [วิปะกาน, วิปฺระกาน] ก. ผิดฐานะ, ไม่เหมาะสม. (ป. วิปฺปการ; ส. วิปฺรการ ว่า ประทุษร้าย, แก้แค้น).
วิปฏิสาร,วิประติสาร วิปฏิสาร, วิประติสาร [วิบปะติสาน, วิปฺระ-] น. ความเดือดร้อน, ความร้อนใจ, (ภายหลังที่ได้กระทําผิด หรือเนื่องด้วยการกระทําผิด). (ป. วิปฺปฏิสาร; ส. วิปฺรติสาร).
วิปโยค,วิประโยค วิปโยค, วิประโยค [วิบปะโยก, วิปฺระโยก] น. ความพลัดพราก, ความกระจัดกระจาย, ความจากกัน.<2t>ว. เศร้าโศก เช่น วันวิปโยค แม่น้ำวิปโยค. (ป. วิปฺปโยค; ส. วิปฺรโยค).
วิประลาป,วิปลาป วิประลาป, วิปลาป [วิปฺระลาบ, วิบปะ-] น. การพูดเพ้อ, การพูดพรํ่า; การทุ่มเถียง, การโต้ตอบ; การอ้อนวอน, การพรํ่าบ่น. (ป. วิปฺปลาป; ส. วิปฺรลาป).
วิประวาส,วิปวาส วิประวาส, วิปวาส [วิปฺระวาด, วิบปะ-] น. การพลัดพราก, การจากไป, การไปอยู่ที่อื่น. (ป. วิปฺปวาส; ส. วิปฺรวาส).
วิปริต วิปริต [วิปะหฺริด, วิบปะหฺริด] ก. แปรปรวน, ผิดปรกติ, ผิดแนวทาง, แปรปรวนไปข้างร้าย, กลับกลายไปข้างร้าย. (ป.; ส. วิปรีต).
วิปลาส วิปลาส [วิปะลาด, วิบปะลาด] ก. คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ เช่น สติวิปลาส ตัวอักษรวิปลาส สัญญาวิปลาส. (ป. วิปลฺลาส, วิปริยาส; ส. วิปรฺยาส).
วิปักษ์ วิปักษ์ น. ฝ่ายตรงกันข้าม, ข้าศึก, ศัตรู, ปรปักษ์. (ส.; ป. วิปกฺข).
วิปัสสก วิปัสสก น. ผู้เห็นแจ้ง. (ป.).
วิปัสสนา วิปัสสนา [วิปัดสะนา] น. ความเห็นแจ้ง, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งในสังขารทั้งหลายว่าเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา. (ป.).
วิปัสสนาธุระ วิปัสสนาธุระ น. การเรียนวิปัสสนา, คู่กับ คันถธุระ การเรียนคัมภีร์ปริยัติ. (ป. วิปสฺสนา + ธุร).
วิปัสสนายานิก วิปัสสนายานิก น. ผู้มีวิปัสสนาเป็นยาน, ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาล้วน ๆ โดยมิได้เคยฝึกหัดเจริญสมาธิใด ๆ มาก่อน.
วิพากษ์ วิพากษ์ ก. พิจารณาตัดสิน. (ส. วิวกฺษา; เทียบ วิวาก ว่า ผู้พิพากษา).
วิพากษ์วิจารณ์ วิพากษ์วิจารณ์ ก. วิจารณ์, ติชม, เช่น คนดูหนังวิพากษ์วิจารณ์ว่า หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องช้าทำให้คนดูเบื่อ.
วิพิธทัศนา วิพิธทัศนา [วิพิดทัดสะนา] น. การแสดงหลาย ๆ อย่างที่แสดงต่อเนื่องในสถานที่แสดงเดียวกัน.
วิพุธ วิพุธ น. ผู้รู้, นักปราชญ์. (ป., ส.).
วิภว,วิภว- วิภว- [-พะวะ-] น. ความเจริญ; สมบัติ; ความไม่มีไม่เป็น. (ป., ส.).
วิภวตัณหา วิภวตัณหา น. ความปรารถนาในความไม่มีไม่เป็น. (ป.).
วิภังค์ วิภังค์ น. การจําแนก, การแบ่ง; ชื่อคัมภีร์ที่ ๒ แห่งพระอภิธรรมปิฎก. (ป., ส.).
วิภัช,วิภัช- วิภัช, วิภัช- [-พัด, -พัดชะ-] ก. แบ่ง, แยก, จําแนก. (ป., ส.).
วิภัชพยากรณ์ วิภัชพยากรณ์ น. การพยากรณ์หรืออธิบาย โดยจําแนกธรรมแต่ละหัวข้อตามเหตุและผลแห่งธรรมนั้น ซึ่งคํานึงถึงนิสัยของผู้ฟังเป็นที่ตั้ง.
วิภัชวาที วิภัชวาที น. ผู้จําแนกธรรมแต่ละหัวข้อตามเหตุและผลแห่งธรรมนั้น โดยคํานึงถึงนิสัยของผู้ฟังเป็นที่ตั้ง.
วิภัตติ วิภัตติ [วิพัด] น. การแบ่ง, การจัดเป็นพวก, การจําแนก; (ไว) ประเภทคําในภาษาบาลีเป็นต้นที่แปลงท้ายคําแล้วเพื่อบอกการกหรือกาล เช่น ปุริโส (อันว่าบุรุษ) เป็น กรรตุการก ปุริสํ (ซึ่งบุรุษ) เป็น กรรมการก จรติ (ย่อมเที่ยวไป) เป็น ปัจจุบันกาล จริ (เที่ยวไปแล้ว) เป็นอดีตกาล จริสฺสติ (จักเที่ยวไป) เป็น อนาคตกาล. (ป.).
วิภา วิภา น. รัศมี, แสงสว่าง, ความแจ่มแจ้ง, ความสุกใส, ความงดงาม. (ป., ส.).
วิภาค วิภาค น. การแบ่ง, การจําแนก; ส่วน, ตอน. (ป., ส.).
วิภาช วิภาช ก. วิภัช.
วิภาดา วิภาดา ว. สว่าง. (ป. วิภาตา).
วิภาวี วิภาวี น. ผู้รู้แจ้งชัด, นักปราชญ์. (ป.; ส. วิภาวินฺ).
วิภาษ วิภาษ ก. พูดแตกต่าง, พูดแย้ง. (ส. วิ + ภาษฺ).
วิภาส วิภาส ก. ส่องสว่าง, มีแสงสว่าง. (ส. วิภาสา ว่า แสง).
วิภู วิภู น. ผู้ครอง, พระเจ้าแผ่นดิน.<2t>ว. ยิ่งใหญ่, มีอํานาจ; แข็งแรง. (ป., ส.).
วิภูษณะ วิภูษณะ [วิพูสะ-] น. เครื่องประดับ, เครื่องแต่ง. (ส.; ป. วิภูสน).
วิภูษา วิภูษา น. เครื่องประดับ, เครื่องแต่ง. (ส.; ป. วิภูสา).
วิภูษิต วิภูษิต ว. แต่งแล้ว, ประดับแล้ว. (ส.; ป. วิภูสิต).
วิเภตก์,วิเภทก์ วิเภตก์, วิเภทก์ น. สมอพิเภก. (ป.).
วิมน วิมน ว. ใจคอวิปริต, เคลือบแคลง; ไม่พอใจ, ไม่สนใจ. (ป.).
วิมล วิมล ว. ปราศจากมลทิน, ไม่มีตําหนิ, ใส, สะอาด, บริสุทธิ์, กระจ่าง, งาม. (ป., ส.).
วิมลัก วิมลัก [วิมะ-] (โบ) ว. รักยิ่ง.
วิมลาก วิมลาก [วิมะ-] (โบ) ว. มากยิ่ง.
วิมังสา วิมังสา น. การสอบสวน, ความไตร่ตรอง, ความพิจารณา. (ป. วีมํสา; ส. มีมําสา).
วิมัติ วิมัติ น. ความเคลือบแคลง, ความสงสัย. (ป., ส. วิมติ).
วิมาน วิมาน น. ที่อยู่หรือที่ประทับของเทวดา; ยานทิพย์. (ป., ส.).
วิมุข วิมุข [-มุก] ว. กลับหน้า; เพิกเฉย; ข้างหลัง, ฝ่ายหลัง. (ป., ส.).
วิมุต วิมุต [-มุด] ก. พ้น, หลุดพ้น. (ป. วิมุตฺต; ส. วิมุกฺต).
วิมุตติ วิมุตติ [วิมุด, วิมุดติ] น. ความหลุดพ้น; ชื่อหนึ่งของพระนิพพาน. (ป.; ส. วิมุกฺติ).
วิเมลือง วิเมลือง [วิมะเลือง] (โบ) ว. สุกใสยิ่ง, งามยิ่ง, อร่ามยิ่ง.
วิโมกข์ วิโมกข์ น. ความหลุดพ้น, การขาดจากความพัวพันแห่งโลก; พระนิพพาน. (ป.; ส. วิโมกฺษ).
วิเยน วิเยน น. ขันที. (ช.).
วิโยค วิโยค น. การจากไป, การพลัดพราก, ความร้าง, ความห่างเหิน. (ป., ส.).
วิร,วิร-,วิระ วิร-, วิระ [วิระ-] ว. วีระ, กล้าหาญ.<2t>น. ผู้กล้าหาญ, นักรบ; ผู้พากเพียร; ผู้เรืองนามในทางกล้าหาญ. (ป., ส. วีร).
วิรงรอง วิรงรอง น. พลับพลึง, วิรังรอง ก็ว่า. (ช.).
วิรตะ,วิรัต วิรตะ, วิรัต ว. ปราศจากความยินดี, ไม่ยินดี. (ป. วิรตฺต; ส. วิรกฺต).
วิรมณะ วิรมณะ [วิระมะ-] น. การงดเว้น, การตัดความยินดี. (ป.).
วิรวะ,วิราวะ วิรวะ, วิราวะ [วิระ-] น. การร้อง, การเปล่งเสียง, การตะโกน; เสียงเกรียวกราว, เสียงเรียกร้อง. (ป., ส.).
วิรังรอง วิรังรอง น. พลับพลึง, วิรงรอง ก็ว่า. (ช.).
วิรัช,วิรัช ๑ วิรัช ๑ ว. ปราศจากธุลี, ไม่มีมลทิน, บริสุทธิ์, สะอาด. (ป., ส.).
วิรัช,วิรัช ๒ วิรัช ๒ (แบบ) ว. ต่างประเทศ. (ป. วิรชฺช).
วิรัติ วิรัติ [-รัด] ก. งดเว้น, เลิก.<2t>น. การงดเว้น, การเลิก, เช่น มังสวิรัติ สุราวิรัติ. (ป., ส. วิรติ).
วิราคะ วิราคะ น. ความปราศจากราคะ, ความหน่าย, ความไม่ไยดี; พระนิพพาน. (ป., ส.).
วิราม วิราม ว. งาม.
วิริยภาพ วิริยภาพ น. ความเพียร, ความบากบั่น; ความกล้า.
วิริยะ วิริยะ น. ความเพียร, ความบากบั่น, มักใช้เข้าคู่กับคำ อุตสาหะ เป็น วิริยอุตสาหะ; ความกล้า; วิริยภาพ ก็ใช้. (ป.; ส. วีรฺย).
วิรุธ วิรุธ ว. พิรุธ. (ป., ส.).
วิรุฬห์ วิรุฬห์ ว. เจริญ, งอกงาม. (ป.; ส. วิรูฒ).
วิรุฬหก วิรุฬหก [-รุนหก] น. ชื่อท้าวจาตุมหาราชองค์หนึ่ง ประจําทิศทักษิณ. (ป.).
วิรูป วิรูป ว. น่าเกลียด, พิการ, ไม่น่าดู. (ป., ส.).
วิรูปักษ์ วิรูปักษ์ น. ชื่อท้าวจาตุมหาราชองค์หนึ่ง ประจําทิศประจิม. (ป. วิรูปกฺข).
วิเรนทร์ วิเรนทร์ น. จอมนักรบ, พระเจ้าแผ่นดิน. (ส. วีร + อินฺทฺร).
วิโรค วิโรค ว. ไม่เจ็บไข้, ปราศจากโรค. (ป.).
วิโรจ,วิโรจน์ วิโรจ, วิโรจน์ ว. สว่าง, แจ่มใส, รุ่งเรือง. (ป., ส.).
วิโรฒ วิโรฒ ว. งอกงาม. (ส. วิรูฒ; ป. วิรุฬฺห).
วิโรธ วิโรธ น. พิโรธ.
วิลย,วิลย-,วิลัย วิลย-, วิลัย [วิละยะ-, วิไล] น. ความย่อยยับ, การสลาย, การทําให้สลาย. (ป., ส.).
วิลันดา วิลันดา น. ชาวดัตช์, ชาวฮอลันดา. (ม.).
วิลาด,วิลาศ วิลาด, วิลาศ ว. ที่เป็นของยุโรป (เป็นคําที่ชาวอินเดียในสมัยก่อนเรียกชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวอังกฤษ) เช่น สาคูวิลาด เหล็กวิลาด ผ้าวิลาศ. (เปอร์เซีย wilayat).
วิลาป วิลาป ก. พิลาป. (ป., ส.).
วิลาวัณย์ วิลาวัณย์ ว. งามยิ่ง, งามเลิศ. (ส. วิ + ลาวณฺย).
วิลาส วิลาส ว. พิลาส, งามมีเสน่ห์, งามอย่างสดใส. (ป., ส.).
วิลาสินี วิลาสินี ว. งามอย่างสดใส, งามมีเสน่ห์ เช่น อันว่าเจ้ามัทรีวิลาสินีนงราม. (ม. คําหลวง นครกัณฑ์). (ส.).
วิลิปดา วิลิปดา น. พิลิปดา.
วิลิศมาหรา วิลิศมาหรา (ปาก) ว. หรูหรา เช่น แต่งตัววิลิศมาหรา.
วิเลป,วิเลป-,วิเลปนะ วิเลป, วิเลป-, วิเลปนะ [วิเลบ, วิเลปะ-, วิเลปะนะ] น. การทา, การลูบไล้; เครื่องลูบไล้. (ป., ส.).
วิโลก,วิโลกนะ วิโลก, วิโลกนะ [วิโลกะนะ] ก. แลดู, ตรวจตรา. (ป., ส.).
วิโลจนะ วิโลจนะ [วิโลจะนะ] น. ดวงตา. (ป., ส.).
วิโลม วิโลม ว. ย้อนขน, ทวนกลับ, ผิดธรรมดา. (ป., ส.).
วิไล วิไล ว. งาม เช่น งามวิไล.
วิไลวรรณ วิไลวรรณ น. สีงาม, ผิวงาม.
วิวรณ์ วิวรณ์ น. การเปิด, การเผยแผ่, การไขความ. (ป., ส.).
วิวรรธน์ วิวรรธน์ น. ความเจริญรุ่งเรือง, ความคลี่คลายไปในทางเจริญ. (ส. วิวรฺธน; ป. วิวฑฺฒน).
วิวระ วิวระ [-วะ-] น. ช่อง, ปล่อง, เหว, รู, โพรง; ความผิด. (ป., ส.).
วิวัฏ วิวัฏ น. พระนิพพาน. (ป. วิวฏฺฏ).
วิวัฒน,วิวัฒน-,วิวัฒน์ วิวัฒน-, วิวัฒน์ [-วัดทะนะ-, -วัด] น. ความเจริญรุ่งเรือง, ความคลี่คลายไปในทางเจริญ. (ป. วิวฑฺฒน; ส. วิวรฺธน)
วิวัฒนาการ วิวัฒนาการ [วิวัดทะนากาน] น. กระบวนการเปลี่ยนแปลงหรือคลี่คลายไปสู่ภาวะที่ดีขึ้นหรือเจริญขึ้น เช่น วิวัฒนาการแห่งมนุษยชาติ วิวัฒนาการแห่งศิลปวัฒนธรรม.
วิวัน วิวัน น. ที่เปล่าเปลี่ยว. (ป.).
วิวาท วิวาท ก. ทะเลาะ เช่น เด็กวิวาทกัน, มักใช้เข้าคู่กับคำ ทะเลาะ เป็น ทะเลาะวิวาท. (ป., ส.).
วิวาห,วิวาห-,วิวาห์,วิวาหะ วิวาห-, วิวาห์, วิวาหะ [วิวาหะ-] น. การพาออกไป หมายถึง การแต่งงานแบบหนึ่งที่ฝ่ายชายจะต้องถูกนําไปอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง เรียกว่า วิวาหมงคล, เป็นประเพณีแต่งงานที่นิยมปฏิบัติกันในประเทศอินเดียฝ่ายใต้, การแต่งงานตามประเพณีไทย ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะไปอยู่ที่บ้านฝ่ายชาย หรือฝ่ายชายจะไปอยู่ที่บ้านฝ่ายหญิง หรือจะแยกไปอยู่ตามลําพัง ก็เรียกว่า วิวาหะ หรือ วิวาหมงคล ทั้งสิ้น. (ป., ส.).
วิวาหมงคล วิวาหมงคล น. พิธีแต่งงาน, งานสมรส, เช่น ขอเชิญหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ในงานวิวาหมงคล.
วิวิจ วิวิจ ว. สงัด, ปลีกตัวไปอยู่ในที่สงัด. (ป. วิวิจฺจ).
วิวิต วิวิต ว. สงัด, ปลีกตัวไปอยู่ในที่สงัด. (ป. วิวิตฺต, ส. วิวิกฺต).
วิวิธ วิวิธ ว. ต่าง ๆ กัน. (ป., ส.).
วิเวก วิเวก ว. เงียบสงัดทำให้รู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ, เงียบสงัดทำให้รู้สึกวังเวงใจ, เช่น อยู่ในวิเวก รู้สึกวิเวกวังเวงใจ. (ป.).
วิศรุต วิศรุต [วิดสะรุด] ว. มีชื่อเสียง, ปรากฏ. (ส. วิศฺรุต; ป. วิสฺสุต).
วิศว,วิศว- วิศว- [วิดสะวะ-] ว. ทั้งหมด, ทั้งปวง. (ส. วิศฺว; ป. วิสฺส).
วิศวกร วิศวกร [วิดสะวะกอน] น. ผู้ประกอบงานวิศวกรรม.
วิศวกรรม วิศวกรรม [วิดสะวะกํา] น. ชื่อเทวดาตนหนึ่ง ผู้ชํานาญในการช่างทั้งปวง, วิษณุกรรม วิสสุกรรม เวสสุกรรม หรือ เพชฉลูกรรม ก็เรียก. (ส.; ป. วิสฺสกมฺม, วิสฺสุกมฺม); การนําความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้.
วิศวกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ [วิดสะวะกํามะสาด] น. วิชาที่เกี่ยวกับการนําความรู้ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ มีหลายสาขา เช่น วิศวกรรมโยธา วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล. (อ. engineering).
วิศัลย์ วิศัลย์ ว. ปราศจากความเสียดแทง, ไม่ทุกข์ร้อน. (ส.; ป. วิสลฺล).
วิศาข,วิศาข-,วิศาขะ,วิศาขา,วิศาขา ๑ วิศาข-, วิศาขะ, วิศาขา ๑ น. ชื่อเดือนที่ ๖ แห่งจันทรคติ ตกราวเดือนพฤษภาคม, ถ้าในปีอธิกมาสจะตกราวเดือนมิถุนายน. (ส.; ป. วิสาข, วิสาขา).
วิศาขบูชา วิศาขบูชา น. วิสาขบูชา, การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งเป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า. (ส. วิศาข + ปูชา; ป. วิสาข + ปูชา).
วิศาขา,วิศาขา ๒,วิสาขะ,วิสาขะ ๑ วิศาขา ๒, วิสาขะ ๑ น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๖ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปแขนนาง หนองลาด เหมือง หรือไม้ฆ้อง, ดาวคันฉัตร หรือ ดาวศีรษะกระบือ ก็เรียก. (ส.; ป. วิสาข, วิสาขา).
วิศางค์ วิศางค์ น. ๑ ใน ๒๐ ของเฟื้อง. (ส. วีศ + องฺค).
วิศาล วิศาล ว. ไพศาล, กว้างขวาง. (ส.; ป. วิสาล).
วิศิษฏ์ วิศิษฏ์ ว. เลิศ, ยอดเยี่ยม, เด่น, ดียิ่ง, ประเสริฐ. (ส. วิศิษฺฏ; ป. วิสิฏฺ).
วิศุทธ์,วิศุทธิ์ วิศุทธ์, วิศุทธิ์ ว. วิสุทธ์, วิสุทธิ์. (ส.; ป. วิสุทฺธ, วิสุทฺธิ).
วิเศษ วิเศษ ว. ยอดเยี่ยม, เลิศลอย, เช่น อาหารร้านนี้วิเศษมาก; ยอดเยี่ยมในทางวิทยาคมเป็นต้น เช่น ผู้วิเศษ, กายสิทธิ์, มีอำนาจหรืออิทธิฤทธิ์ในตัว, เช่น พรมวิเศษ ของวิเศษ ดาบวิเศษ. (ส.; ป. วิเสส).
วิเศษณ,วิเศษณ-,วิเศษณ์ วิเศษณ-, วิเศษณ์ [วิเสสะนะ-, วิเสด] (ไว) น. คําจําพวกหนึ่งที่แต่งหรือขยายคํานาม คํากริยา หรือคําวิเศษณ์เพื่อบอกคุณภาพหรือปริมาณเป็นต้น เช่น คนดี นํ้ามาก ทําดี ดีมาก. (ส.).
วิเศษณการก วิเศษณการก [วิเสสะนะ-] (ไว) น. คําที่เรียงอยู่หลังบุรพบทที่ใช้เป็นบทเชื่อม เช่น รถของฉัน เขากินด้วยช้อนส้อม เขามาสู่บ้าน ถ้าละบุรพบทเสีย ก็อยู่ติดกับบทที่มันประกอบ เช่น รถฉัน เขากินช้อนส้อม เขามาบ้าน.
วิษณุ วิษณุ [วิดสะนุ] น. พระนารายณ์. (ส.).
วิษณุกรรม วิษณุกรรม น. พระวิศวกรรม, วิสสุกรรม เวสสุกรรม หรือ เพชฉลูกรรม ก็เรียก.
วิษณุมนตร์ วิษณุมนตร์ น. มนตร์สรรเสริญพระนารายณ์, วิษณุเวท ก็ว่า.
วิษณุโลก วิษณุโลก น. สวรรค์ของพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้า. (ส.).
วิษณุเวท วิษณุเวท น. มนตร์สรรเสริญพระนารายณ์, วิษณุมนตร์ ก็ว่า. (ส.).
วิษธร วิษธร [วิสะทอน] น. งูพิษ. (ส.).
วิษักต์ วิษักต์ ว. ติดอยู่, พันอยู่, พัวพัน. (ส.; ป. วิสตฺต).
วิษัย วิษัย น. วิสัย. (ส.).
วิษาณ วิษาณ น. เขาสัตว์, งาช้าง. (ส.; ป. วิสาณ).
วิษุวัต วิษุวัต (ดารา) น. จุดราตรีเสมอภาค คือ จุดที่เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปถึง โลกจะมีกลางวันกับกลางคืนเท่ากัน มี ๒ จุด คือ วสันตวิษุวัต และ ศารทวิษุวัต. (ส. ว่า มีในกึ่งกลาง; อ. equinox).
วิสกี้ วิสกี้ น. ชื่อสุราชนิดหนึ่งกลั่นจากเมล็ดธัญพืชบางชนิด. (อ. whisky).
วิสม,วิสม- วิสม- [-สะมะ-] ว. ไม่เรียบ, ไม่เสมอ, ขรุขระ, ไม่เท่ากัน. (ป., ส.).
วิสย,วิสย-,วิสัย วิสย-, วิสัย [วิสะยะ-, วิไส] น. ความสามารถ เช่น อยู่ในวิสัยที่จะเลี้ยงดูบุตรภรรยาได้ เป็นเรื่องเหลือวิสัยที่จะทำได้; ขอบ, เขต, เช่น คามวิสัย โคจรวิสัย อยู่ในทัศนวิสัย. (ป.).
วิสรรชนีย์ วิสรรชนีย์ [วิสันชะนี] น. เครื่องหมายสระรูปดังนี้ ะ ใช้ประหลังอักษร. (ส. วิสรฺชนีย).
วิสฤต วิสฤต [วิสฺริด] ว. แผ่ไป, แผ่ซ่าน, กระจาย. (ส.).
วิสสุกรรม วิสสุกรรม น. พระวิศวกรรม, วิษณุกรรม เวสสุกรรม หรือ เพชฉลูกรรม ก็เรียก.
วิสัชนา วิสัชนา [วิสัดชะนา] ก. ตอบ, ชี้แจง, เช่น ขอวิสัชนาดังนี้. (ป. วิสชฺชนา).
วิสัญญี วิสัญญี ว. หมดความรู้สึก, สิ้นสติ, สลบ, เช่น นางก็ถึงวิสัญญีสลบลงตรงหน้าฉานปานประหนึ่งว่าพุ่มฉัตรทองอันต้องสายอัสนีฟาด (ม. ร่ายยาว มัทรี). (ป.).
วิสัญญีแพทย์ วิสัญญีแพทย์ น. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการให้ยาชาและยาสลบ.
วิสัญญีภาพ วิสัญญีภาพ น. ความหมดความรู้สึก, ความสิ้นสติ, เช่น ถึงซึ่งวิสัญญีภาพ.
วิสัญญีวิทยา วิสัญญีวิทยา น. วิชาที่ว่าด้วยการให้ยาชาและยาสลบ.
วิสัยทัศน์ วิสัยทัศน์ น. การมองการณ์ไกล, วิทัศน์. (อ. vision).
วิสาข,วิสาข-,วิสาขะ,วิสาขะ ๒,วิสาขา วิสาข-, วิสาขะ ๒, วิสาขา [วิสาขะ-] น. ชื่อเดือนที่ ๖ แห่งจันทรคติ ตกราวเดือนพฤษภาคม, ถ้าในปีอธิกมาสจะตกราวเดือนมิถุนายน. (ป.).
วิสาขบูชา วิสาขบูชา น. การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งเป็นวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า, โบราณใช้ว่า วิศาขบูชา ก็มี. (ป.).
วิสามัญ วิสามัญ ว. ไม่ใช่ธรรมดา, ไม่ใช่สามัญ, เช่น ข้าราชการวิสามัญ สมาชิกวิสามัญ ประชุมสมัยวิสามัญ, พิเศษเฉพาะเรื่อง เช่น คณะกรรมาธิการวิสามัญ.
วิสามัญฆาตกรรม วิสามัญฆาตกรรม [วิสามันคาดตะกํา] (กฎ) น. ฆาตกรรมที่ผู้ตายถูกเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ฆ่าตาย หรือถูกฆ่าตายในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่.
วิสามานยนาม วิสามานยนาม [วิสามานยะนาม] (ไว) น. คํานามที่เป็นชื่อเฉพาะ ตั้งขึ้นสําหรับเรียกคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ เพื่อให้รู้ชัดว่าเป็นใครหรืออะไร เช่น นายดํา ช้างเอราวัณ เรือสุพรรณหงส์ จังหวัดเชียงใหม่.
วิสาร วิสาร น. การขยาย, การเผยแผ่. (ส.).
วิสารทะ วิสารทะ [-ระ-] ว. แกล้วกล้า, ชํานาญ, ฉลาด. (ป.).
วิสาล วิสาล ว. ไพศาล, กว้างขวาง. (ป.; ส. วิศาล).
วิสาสะ วิสาสะ น. ความคุ้นเคย, ความสนิทสนม; การถือว่าเป็นกันเอง เช่น หยิบของไปโดยถือวิสาสะ.<2t>ก. พูดจาปราศรัยอย่างคุ้นเคยกัน เช่น ไม่เคยวิสาสะกันมาก่อน. (ป. วิสฺสาส; ส. วิศฺวาส).
วิสาหกิจ วิสาหกิจ [วิสาหะกิด] น. การประกอบการที่ยาก สลับซับซ้อน หรือเสี่ยงต่อการขาดทุน ล้มละลาย.
วิสิฐ วิสิฐ ว. วิศิษฏ์. (ป. วิสิฏฺ; ส. วิศิษฺฏ).
วิสุงคามสีมา วิสุงคามสีมา [-คามมะ-] น. เขตที่พระราชทานแก่สงฆ์เพื่อใช้เป็นที่สร้างพระอุโบสถ.
วิสุทธ์,วิสุทธิ์ วิสุทธ์, วิสุทธิ์ ว. สะอาด, ใส, ขาว, หมดจด, บริสุทธิ์, หมดมลทิน. (ป.; ส. วิศุทฺธ, วิศุทฺธิ).
วิสูตร วิสูตร [-สูด] (ราชา) น. ม่าน.
วิเสท วิเสท [-เสด] น. ผู้ทํากับข้าวของหลวง.
วิหค,วิหงค์ วิหค, วิหงค์ น. นก. (ป. วิหค, วิหงฺค; ส. วิหค, วิหํค).
วิหลั่น วิหลั่น น. ค่ายที่ทําให้ขยับลุกเข้าไปหาข้าศึกทีละน้อย ๆ.
วิหายสะ วิหายสะ [-หายะสะ] น. ฟ้า, อากาศ. (ป., ส.).
วิหาร,วิหาร- วิหาร, วิหาร- [วิหาน, วิหาระ-] น. วัด, ที่อยู่ของพระสงฆ์; ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป, คู่กับ โบสถ์; การพักผ่อน เช่น ทิวาวิหาร ว่า การพักผ่อนในเวลากลางวัน. (ป., ส.).
วิหารแกลบ วิหารแกลบ [-แกฺลบ] น. วิหารเล็ก ๆ.
วิหารคด วิหารคด น. วิหารที่มีลักษณะคดเป็นข้อศอกอยู่ตรงมุม อาจมีหลังเดียวก็ได้ โดยมากจะมี ๔ มุม และประดิษฐานพระพุทธรูป, สิ่งก่อสร้างที่คดเป็นข้อศอกอยู่ตรงมุม.
วิหารทิศ วิหารทิศ น. วิหารที่สร้างออกมาทั้ง ๔ ด้านของพระสถูปหรือพุทธเจดีย์ เช่น วิหารทิศวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร, วิหารที่อยู่ตรงกลางของพระระเบียงทั้ง ๔ ด้าน เช่น วิหารทิศวัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม.
วิหารธรรม วิหารธรรม [วิหาระทํา] น. ธรรมประจําใจ.
วิหารยอด วิหารยอด น. วิหารที่มียอดเป็นรูปทรงต่าง ๆ, ถ้ายอดทรงเจดีย์ เรียกว่า วิหารยอดเจดีย์, ถ้ายอดทรงปรางค์ เรียกว่า วิหารยอดปรางค์.
วิหารราย วิหารราย น. วิหารขนาดใกล้เคียงกับวิหารน้อย ตั้งเรียงรายภายในพุทธาวาสโดยรอบ เช่น วิหารรายวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, ศาลารายที่ใช้สำหรับพิธีสวดโอ้เอ้วิหารราย เช่น ศาลารายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร.
วิหารหลวง วิหารหลวง น. วิหารที่ด้านท้ายเชื่อมติดกับพระสถูปเจดีย์หรือพระปรางค์ เช่น วิหารหลวงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตําบลเชลียง อําเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย.
วิหิงสะ,วิหิงสา,วิเหสา วิหิงสะ, วิหิงสา, วิเหสา น. ความเบียดเบียน; การทําร้าย. (ป. วิหึสา, วิเหสา; ส. วิหึส).
วิฬังค์ วิฬังค์ น. ผักดอง. (ป.; ส. วิฑงฺค ว่า ยาสําหรับฆ่าตัวพยาธิในท้อง).
วิฬาร,วิฬาร์ วิฬาร, วิฬาร์ น. แมว. (ป.).
วี,วี ๑ วี ๑ ก. พัด, โบก.
วี,วี ๒ วี ๒ ดู หมอตาล.
วีจิ วีจิ น. คลื่น, ลูกคลื่น. (ป., ส.).
วีชนี วีชนี [วีชะนี] น. วิชนี, พัด. (ป.; ส. วีชน).
วีณา วีณา น. พิณ. (ป., ส.).
วี้ด วี้ด ว. เสียงดังเช่นนั้น.
วีต,วีต- วีต- [วีตะ-] ว. ไปแล้ว, หมดแล้ว, ปราศจาก, มักใช้ประกอบหน้าศัพท์อื่น เช่น วีตราคะ ว่า หมดราคะ วีตโลภะ ว่า หมดความโลภ. (ป., ส.).
วีร,วีร- วีร- [วีระ-] ว. กล้าหาญ. (ป., ส.).
วีรกรรม วีรกรรม [วีระกำ] น. การกระทําที่ได้รับยกย่องว่าเป็นความกล้าหาญ, การกระทําของผู้กล้าหาญ.
วีรชน วีรชน [วีระชน] น. ผู้ที่ได้รับยกย่องว่ามีความกล้าหาญ.
วีรบุรุษ วีรบุรุษ [วีระบุหฺรุด] น. ชายที่ได้รับยกย่องว่ามีความกล้าหาญ. (ส. วีรปุรุษ).
วีรสตรี วีรสตรี [วีระสัดตฺรี] น. หญิงที่ได้รับยกย่องว่ามีความกล้าหาญ.
วี่วัน วี่วัน น. วัน.
วี่แวว วี่แวว น. เค้าเงื่อนตามที่แว่วมา, ร่องรอย, เช่น ของหายไปไม่มีวี่แวว.
วีสะ วีสะ ว. ยี่สิบ. (ป.; ส. วีศ).
วุ้ง วุ้ง ว. เว้าเป็นเวิ้งเข้าไป.
วุฐิ วุฐิ [วุดถิ] น. ฝน. (ป. วุฏฺิ; ส. วฺฤษฺฏิ).
วุฒ วุฒ [วุด] ว. เจริญแล้ว; สูงอายุ. (ป. วุฑฺฒ; ส. วฺฤทฺธ).
วุฒิ,วุฒิ- วุฒิ, วุฒิ- [วุดทิ] น. ภูมิรู้; ความเจริญ, ความงอกงาม, ความเป็นผู้ใหญ่. (ป. วุฑฺฒิ; ส. วฺฤทฺธิ).
วุฒิบัตร วุฒิบัตร น. เอกสารแสดงวุฒิทางการศึกษา, มักใช้กับการศึกษาอบรมระยะเวลาสั้น ๆ.
วุฒิสภา วุฒิสภา (กฎ) น. สภานิติบัญญัติสภาหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกับสภาผู้แทนราษฎรแล้วประกอบเป็นรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช ๒๕๔๐) วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎรเลือกตั้งจำนวน ๒๐๐ คน ตามวิธีแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยใช้เขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง มีอำนาจหน้าที่ในการกลั่นกรองกฎหมายควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินและมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ.
วุฒิสมาชิก วุฒิสมาชิก (ปาก) น. สมาชิกวุฒิสภา.
วุด วุด ก. เป่าชุดให้ไฟลุก, ฮุด ก็ว่า.
วุธวาร วุธวาร [วุดทะวาน] น. วันพุธ.
วุ่น วุ่น ก. ยุ่ง, ก้าวก่าย, เช่น คุณไม่ควรไปวุ่นกับเรื่องของคนอื่นเขา, สับสน เช่น งานมากทําให้สมองวุ่นไปหมด, อาการที่ต้องทําอะไรหลาย ๆ อย่างในขณะเดียวกัน เช่น เขาต้องวุ่นอยู่กับงานสารพัดตลอดเวลา, ชุลมุน เช่น มีแขกมามากทําให้วุ่นกันไปทั้งบ้าน.
วุ้น วุ้น น. ของกินชนิดหนึ่ง ทำจากสาหร่ายทะเลเป็นต้น เมื่อนํามาต้มแล้วทิ้งไว้ให้เย็นจะแข็งตัว มีลักษณะค่อนข้างใสและนุ่ม ใช้ทําเป็นของหวานบางอย่าง เช่น วุ้นกะทิ วุ้นนํ้าเชื่อม, เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เคี่ยวหนังหมูจนเปื่อยเป็นวุ้น.
วุ้นชา วุ้นชา น. วุ้นนํ้าเชื่อม.
วุ้นตาวัว วุ้นตาวัว น. ชื่อวุ้นหวานชนิดหนึ่ง หยอดในถ้วยตะไล มีไส้ทำด้วยถั่วกวนปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง.
วุ่นเป็นจุลกฐิน วุ่นเป็นจุลกฐิน [-จุนละกะถิน] (สํา) ก. อาการที่ต้องทํางานอย่างชุลมุนวุ่นวายเพื่อให้เสร็จทันเวลาอันจํากัด.
วุ่นวาย วุ่นวาย ก. เอาเป็นธุระมากเกินไป เช่น เขาชอบเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องของคนอื่น ไม่ต้องเตรียมอะไรมากหรอก อย่าวุ่นวายไปเลย; ไม่สงบ เช่น บ้านเมืองวุ่นวายเกิดจลาจลไปทุกหนทุกแห่ง.<2t>น. ความไม่สงบ เช่น เกิดวุ่นวายไปทั่วบ้านทั่วเมือง.
วุ้นเส้น วุ้นเส้น น. แป้งถั่วเขียวทําเป็นเส้นเล็ก ๆ ยาวอย่างเส้นลวด เมื่อแช่นํ้าทําให้อ่อนคล้ายวุ้น ใช้ทําเป็นอาหาร เช่น แกงร้อน, เส้นแกงร้อน ก็เรียก.
วุบ วุบ ว. ฉับพลัน, ฉับไว, ใช้ประกอบอาการของแสงหรือสิ่งที่มีรูปร่างที่ปรากฏให้เห็นแล้วหมดสิ้นหรือลับหายไปอย่างรวดเร็วในทันทีทันใด เช่น หายวุบ.
วุ้ย วุ้ย อ. คำที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกตกใจ เก้อเขิน หรือไม่พอใจ เป็นต้น (โดยมากเป็นเสียงผู้หญิง) เช่น วุ้ย น่ารำคาญ.
วุลแฟรม วุลแฟรม น. ทังสเตน. (อ. wolfram).
วู้ วู้ ว. เสียงกู่เรียกหรือขานรับอย่างดัง.
วูดวาด วูดวาด ว. โดยเร็วและแรง (ใช้แก่อาการของลมพัดเป็นต้น).
วูบ วูบ ก. อาการที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น ตะเกียงดับวูบ ร้อนวูบ เย็นวูบ, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น หลบวูบ ใจหายวูบ.
วูบวาบ วูบวาบ ว. ระยับตา เป็นอาการของแสงหรือเงามันที่ปรากฏแล้วหายลับไปทันทีทันใดต่อเนื่องกัน เช่น เสื้อปักเลื่อมดูวูบวาบไปทั้งตัว.
วู่วาม วู่วาม ว. อาการที่พูดหรือทำอย่างรีบร้อนโดยไม่ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน, ขาดสติ, หุนหันพลันแล่น, เช่น อารมณ์วู่วาม ทำไปอย่างวู่วาม.
เว้ เว้ ก. เถลไถล.
เวค เวค น. ความเร็ว. (ป., ส.).
เวคิน,เวคี เวคิน, เวคี น. ผู้มีความเร็ว, ผู้เดินเร็ว. (ส. เวคินฺ; ป. เวคี).
เวจ,เวจ- เวจ, เวจ- [เว็ด, เว็ดจะ-] น. ที่ถ่ายอุจจาระ. (ป. วจฺจ).
เวจกุฎี เวจกุฎี น. ที่ถ่ายอุจจาระ, ส้วม, (ใช้แก่บรรพชิต), วัจกุฎี ก็เรียก. (ป. วจฺจกุฏิ).
เวจมรรค เวจมรรค น. ทวารหนัก, วัจมรรค ก็เรียก. (ป. วจฺจมคฺค).
เวช,เวช- เวช, เวช- [เวด, เวดชะ-] น. หมอรักษาโรค. (ป. เวชฺช; ส. ไวทฺย).
เวชกรรม เวชกรรม น. การรักษาโรค.
เวชภัณฑ์ เวชภัณฑ์ [เวดชะพัน] น. สิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับการแพทย์.
เวชยันต์ เวชยันต์ [เวดชะ-] น. ชื่อวิมานหรือรถของพระอินทร์. (ป.; ส. ไวชยนฺต).
เวชศาสตร์ เวชศาสตร์ [เวดชะสาด] น. ชื่อตํารารักษาโรคแผนโบราณ, วิชาว่าด้วยการรักษาโรคโดยการใช้ยา.
เวฐน์ เวฐน์ น. ผ้าโพก, ผ้าพันศีรษะ. (ป. เวน; ส. เวษฺฏน).
เวณะ เวณะ น. ช่างจักสาน. (ป.; ส. ไวณ).
เวณิ เวณิ น. ผมซึ่งถักปล่อยไว้. (ป., ส.).
เวณิก เวณิก น. คนดีดพิณ. (ป.; ส. ไวณิก).
เวณุ เวณุ น. ไม้ไผ่. (ส.; ป. เวณุ, เวฬุ).
เวณุวัน เวณุวัน น. ป่าไผ่. (ส. เวณุวน; ป. เวฬุวน).
เวตน์ เวตน์ น. สินจ้าง. (ป., ส.).
เวตร เวตร [เวด] น. หวาย. (ส. เวตฺร; ป. เวตฺต).
เวตาล เวตาล น. ผีจําพวกหนึ่ง ชอบสิงอยู่ในป่าช้า. (ส. เวตาล ว่า นักปราชญ์ที่ไม่ได้ถ่ายวิชาให้ใคร ตายไปแล้วเป็นผีชนิดนี้).
เวท,เวท- เวท, เวท- [เวด, เวทะ-] น. ความรู้, ความรู้ทางศาสนา; ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกขึ้นเป็นมนตร์หรือคาถาอาคม เมื่อนํามาเสกเป่าหรือบริกรรมตามลัทธิวิธีที่มีกําหนดไว้ สามารถให้ร้ายหรือดี หรือป้องกันอันตรายต่าง ๆ ตามคติไสยศาสตร์ได้ เช่น ร่ายเวท, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ มนตร์ เป็น เวทมนตร์; ชื่อคัมภีร์ภาษาสันสกฤตโบราณซึ่งเป็นพื้นฐานของศาสนาพราหมณ์ยุคแรก มี ๔ คัมภีร์ ได้แก่ ๑. ฤคเวท ว่าด้วยบทสวดสรรเสริญเทพเจ้าทั้งหลาย ตอนท้ายกล่าวถึงการสร้างโลก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบความเชื่อของชาวอินเดีย ๒. ยชุรเวท ว่าด้วยรายละเอียดการประกอบยัญพิธีและลำดับมนตร์ที่นำมาจากคัมภีร์ฤคเวทเพื่อสวดในขั้นตอนต่าง ๆ ของพิธี ๓. สามเวท ว่าด้วยบทขับที่คัดเลือกมาจากประมาณหนึ่งในหกของฤคเวท และใช้เฉพาะในพิธีที่บูชาด้วยน้ำโสม ๔. อถรรพเวท หรือ อาถรรพเวท เป็นเวทมนตร์คาถาเพื่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายตนหรือผลร้ายแก่ฝ่ายศัตรู ตลอดจนการบันดาลสิ่งที่เป็นมงคลหรืออัปมงคล การทำเสน่ห์ การรักษาโรค และอื่น ๆ สามคัมภีร์แรกเรียกว่า ไตรเวท หรือ ไตรเพท ต่อมารับอถรรพเวทหรืออาถรรพเวทเข้ามารวมเป็นสี่คัมภีร์เรียกว่า จตุรเวท หรือ จตุรเพท, เรียกยุคแรกของศาสนาพราหมณ์จนถึงประมาณสมัยพุทธกาลว่า ยุคพระเวท มีวรรณกรรมหลักประกอบด้วยคัมภีร์พระเวท คัมภีร์พราหมณะ คัมภีร์อารัณยกะและคัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรก. (ป., ส.).
เวทคู เวทคู [เวทะคู] น. ผู้บรรลุถึงซึ่งความรู้ คือ พระอรหันต์. (ป.).
เวทนา,เวทนา ๑ เวทนา ๑ [เวทะ-] น. ความรู้สึก, ความรู้สึกทุกข์สุข, (เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ทั้ง ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ); ความเจ็บปวด, ทุกข์ทรมาน. (ป., ส.).
เวทนา,เวทนา ๒ เวทนา ๒ [เวดทะ-] ก. สังเวชสลดใจ เช่น เรามักเวทนาผู้เคราะห์ร้าย เด็กคนนี้น่าเวทนา.
เวทมนตร์ เวทมนตร์ [เวดมน] น. ถ้อยคําศักดิ์สิทธิ์ที่บริกรรมเพื่อให้สําเร็จความประสงค์ เช่น โบราณใช้เวทมนตร์ในการรักษาโรคบางอย่าง, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ คาถา เป็น เวทมนตร์คาถา เช่น เขาใช้เวทมนตร์คาถาล่องหนหายตัวได้.
เวทย์ เวทย์ ว. พึงรู้, ควรรู้. (ส.).
เวทัลละ เวทัลละ น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
เวทางค์,เวทางคศาสตร์ เวทางค์, เวทางคศาสตร์ น. วิชาประกอบการศึกษาพระเวทมี ๖ อย่าง คือ <1t>๑. ศึกษาวิธีออกเสียงคําในพระเวทให้ถูกต้อง ๒. ไวยากรณ์ ๓. ฉันท์ ๔. โชยติส คือ ดาราศาสตร์ ๕. นิรุกติ คือ กําเนิดของคํา และ ๖. กัลปะ คือ วิธีจัดทําพิธี. (ส.).
เวทานต์,เวทานตะ เวทานต์, เวทานตะ น. ชื่อคัมภีร์หนึ่งที่ถือว่าอาตมันเป็นที่มาของทุกสิ่งทุกอย่าง คัมภีร์นี้อ้างคัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรกเป็นหลัก ซึ่งคัมภีร์เหล่านั้นอยู่ในระยะสุดท้ายของคัมภีร์พระเวท จึงได้ชื่อว่า เวทานต์ คือ ที่สุดแห่งคัมภีร์พระเวท; ชื่อปรัชญาอินเดียฝ่ายพระเวท. (ส.).
เวทิ,เวที,เวที ๑ เวทิ, เวที ๑ น. ที่ที่ยกขึ้นให้สูงใช้เป็นที่ทําการสักการบูชา, แท่นบูชา; ยกพื้นสําหรับเล่นละครและอื่น ๆ เช่น เวทีละคร เวทีมวย. (ป., ส.).
เวที,เวที ๒ เวที ๒ น. ผู้รู้, นักปราชญ์. (ป.; ส. เวทินฺ).
เวธะ เวธะ น. การเจาะ, การแทง. (ป., ส.).
เวน เวน ก. มอบหรือย้ายโอนในอาการที่สละกรรมสิทธิ์ซึ่งมีอยู่ในขณะนั้น เช่น เวนหน้าที่ให้ผู้รับผิดชอบคนต่อไป เวนราชสมบัติ.
เว้น เว้น ก. แยกเอาออก (ไม่ให้พัวพันกันอยู่กับสิ่งซึ่งพึงกระทําหรือไม่พึงกระทํา) เช่น ทำเลขทุกข้อเว้นข้อ ๔ เปิดทุกวันเว้นวันนักขัตฤกษ์ วันโกนไม่ละวันพระไม่เว้น, เป็นคําใช้ได้ทั่ว ๆ ไป ถ้าต้องการให้ทราบชัดว่าเว้นด้วยลักษณะไหน ก็เอาคําอื่นซึ่งมีความหมายคล้ายคลึงกันมาประกอบเข้า เช่น งดเว้น ยกเว้น ละเว้น.
เวนคืน เวนคืน ก. โอนคืนที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นของเอกชนมาเป็นของรัฐ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย.
เว้นช่องไฟ เว้นช่องไฟ ก. เว้นช่องว่างระหว่างตัวหนังสือหรือลวดลายแต่ละตัว.
เว้นแต่ เว้นแต่ สัน. นอกจาก, ยกเว้น, เช่น ฉันจะไป เว้นแต่ฝนตก.
เวนไตย เวนไตย น. ครุฑ. (ป. เวนเตยฺย; ส. ไวนเตย).
เว้นวรรค เว้นวรรค ก. เว้นช่วงของคำ ข้อความ หรือประโยคเป็นระยะ ๆ.
เวไนย เวไนย น. ผู้ควรแนะนําสั่งสอน, ผู้พึงดัดได้สอนได้, ใช้ว่า เวนย ก็มี เช่น จะให้เวนยชาติทั้งปวงได้. (นันโท). (ป. เวเนยฺย).
เวมะ เวมะ น. เครื่องทอผ้า. (ป.).
เวมัต เวมัต น. ความต่าง, ความแปลกไป. (ป. เวมตฺต).
เวมัติก,เวมัติก- เวมัติก- [-มัดติกะ-] ว. สงสัย, ไม่แน่ใจ, ลังเล. (ป.).
เวมาติก เวมาติก น. ผู้ต่างมารดา. (ป.).
เว้ย เว้ย ว. คําลงท้ายของการร้องเรียก ถาม หรือขานรับเป็นต้น ใช้ในลักษณะที่ไม่สุภาพหรือเป็นกันเอง เช่น แดงเว้ย ไปไหนเว้ย ไปตลาดมาเว้ย เบื่อจริงเว้ย, โว้ย ก็ว่า.<2t>อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความสงสัยหรือไม่พอใจเป็นต้น เช่น เว้ย! ไม่มีใครอยู่สักคนเลย, โว้ย ก็ว่า.
เวยยากรณะ เวยยากรณะ น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
เวร,เวร ๑ เวร ๑ น. ความพยาบาท, ความปองร้าย, บาป, เช่นเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร; คําแสดงความรู้สึกเดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมของตนในอดีต เช่นเวรของฉันแท้ ๆ ทำเงินเดือนหายไปทั้งเดือน, กรรมเวร หรือ เวรกรรม ก็ว่า. (ป.; ส. ไวร).
เวร,เวร ๒ เวร ๒ น. รอบผลัดในหน้าที่การงาน เช่น วันนี้เวรฉันทำความสะอาดห้อง.
เวรกรรม เวรกรรม [เวนกำ] น. การกระทำที่สนองผลร้ายซึ่งทำไว้แต่ปางก่อน; คำแสดงความรู้สึกเดือดร้อนเพราะกรรมหรือชะตากรรมของตนในอดีต เช่น ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรต้องมาตกระกำลำบากเมื่อแก่, กรรมเวร หรือ เวร ก็ว่า.
เวรมณี เวรมณี [-ระมะนี] น. การงดเว้น, การละเว้น. (ป.).
เวรี เวรี น. คนจองเวรกัน, ศัตรู. (ป.; ส. ไวรี).
เวโรจน์ เวโรจน์ น. ความรุ่งเรือง, ความสุกใส. (ป.; ส. ไวโรจน).
เวลา เวลา น. ชั่วขณะความยาวนานที่มีอยู่หรือเป็นอยู่ โดยนิยมกําหนดขึ้นเป็นครู่ คราว วัน เดือน ปี เป็นต้น เช่น เวลาเป็นเงินเป็นทอง ขอเวลาสักครู่. (ป., ส.).
เวเลนซี เวเลนซี (เคมี) น. จํานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนที่เคลื่อนย้ายออกจากอะตอมของธาตุหนึ่งเข้าสู่อะตอมอื่น หรือที่ใช้ร่วมกับอะตอมอื่น. (อ. valency).
เววัณ เววัณ ว. ต่างวรรณะกัน. (ป. วิวณฺณ, เววณฺณ; ส. วิวรฺณ).
เววัณณิยะ เววัณณิยะ น. ความเป็นผู้มีวรรณะต่างกันหรือต่างเพศกัน เช่นเพศบรรพชิตต่างกับเพศคฤหัสถ์. (ป.).
เวศม์ เวศม์ น. บ้าน, เรือน, ที่อยู่. (ส.).
เวศย์ เวศย์ น. แพศย์, คนในวรรณะที่ ๓ แห่งอินเดีย คือพ่อค้า. (ส. ไวศฺย; ป. เวสฺส).
เวศยา เวศยา [เวดสะหฺยา] น. แพศยา. (ส.).
เวสน์,เวสม์ เวสน์, เวสม์ น. เรือน, ที่อยู่. (ป.; ส. เวศม).
เวสภู เวสภู [เวดสะ-] น. พระนามของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง. (ป. เวสฺสภู).
เวสมะ เวสมะ [เวสะ-] น. ความไม่เสมอกัน. (ป. วิสม).
เวสวัณ เวสวัณ [เวดสะ-] น. ชื่อท้าวจาตุมหาราชองค์หนึ่งประจําทิศอุดร, ท้าวเวสสุวัณ หรือ ท้าวกุเวร ก็เรียก. (ป. เวสฺสวณ; ส. ไวศฺรวณ).
เวสสะ เวสสะ น. พ่อค้า. (ป. เวสฺส; ส. ไวศฺย).
เวสสันดร เวสสันดร น. พระนามพระโพธิสัตว์ชาติที่ ๑๐ ในทศชาติ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีใจกว้างขวางชอบให้ของแก่ผู้อื่นอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด เช่น ใจกว้างเหมือนพระเวสสันดร มีอะไรให้เขาหมด. (ป.).
เวสสุกรรม เวสสุกรรม น. พระวิศวกรรม, วิษณุกรรม วิสสุกรรม หรือ เพชฉลูกรรม ก็เรียก.
เวสสุวัณ เวสสุวัณ น. ท้าวเวสวัณ, ท้าวกุเวร ก็เรียก.
เวสารัช เวสารัช น. ความเป็นผู้แกล้วกล้า. (ป. เวสารชฺช).
เวสิ,เวสิยา เวสิ, เวสิยา น. หญิงงามเมือง. (ป.).
เวหน เวหน (กลอน) น. ฟ้า.
เวหะ,เวหา เวหะ, เวหา น. ฟ้า, อากาศ. (ส. วิห, วิหา).
เวหังค์ เวหังค์ น. วิหงค์, นก. (ป. วิหงฺค; ส. วิหํค).
เวหัปติ เวหัปติ [-หับปะ-] น. พฤหัสบดี. (ป. วิหปฺปติ).
เวหายส เวหายส [-หายด] น. อากาศ, ฟ้า. (ป., ส. วิหายส).
เวหาส เวหาส [-หาด] น. ฟ้า, อากาศ. (ป.; ส. วิหายส).
เวฬุ เวฬุ [เวลุ] น. ไม้ไผ่. (ป. เวฬุ, เวณุ; ส. เวณุ).
เวฬุการ เวฬุการ น. ช่างจักสาน. (ป.).
เวฬุริยะ เวฬุริยะ น. แก้วไพฑูรย์. (ป.; ส. ไวฑูรฺย).
เวฬุวัน เวฬุวัน น. ป่าไผ่; ชื่ออารามครั้งพุทธกาลซึ่งพระเจ้าพิมพิสารสร้างถวายพระพุทธเจ้า อยู่ใกล้เมืองราชคฤห์.
เว่อ เว่อ ว. เบ้อ เช่น ถูกฟันแผลเว่อ; ชัด เช่น เห็นกระดูกขาวเว่อ.
เว้า,เว้า ๑ เว้า ๑ (ถิ่น-อีสาน) ก. พูด.
เว้า,เว้า ๒ เว้า ๒ ว. มีเส้นรูปนอกหรือพื้นราบโค้งหรือบุ๋มเข้าไป เช่น เสื้อแขนเว้า.
เว้าวอน เว้าวอน ก. วิงวอนออดอ้อน.
เวิก เวิก ก. เลิก เปิด หรือแหวกแต่บางส่วน เช่น ผ้านุ่งเวิก เวิกม่าน.
เวิ้ง เวิ้ง น. ที่เปิดกว้างเข้าไปถัดจากที่แคบ เช่น พ้นปากถ้ำไปเห็นเป็นเวิ้ง.
เวิ้งว้าง เวิ้งว้าง ว. โล่งกว้างทําให้ว้าเหว่ใจ เช่น ทะเลเวิ้งว้าง น้ำท่วมไร่นาล่มหมดจนดูเวิ้งว้าง.
เวี่ย เวี่ย (กลอน) ก. คล้อง, ทัดไว้, เวี่ยว ก็ว่า.
เวียง,เวียง ๑ เวียง ๑ น. เมืองที่มีกําแพงล้อม.
เวียง,เวียง ๒ เวียง ๒ (โบ; เลิก) น. ตำแหน่งเจ้ากระทรวงปกครองครั้งโบราณ มีหน้าที่ปกครองท้องที่ ดูแลทุกข์สุขของราษฎร.
เวียงวัง เวียงวัง น. เมือง, วัง, เช่น จะแบ่งปันข้าวของในท้องคลัง ให้ครอบครองเวียงวังเห็นทันตา. (สังข์ทอง).
เวียด เวียด น. ชนชาติเก่าแก่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีถิ่นฐานทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ปัจจุบันคือประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเวียดนาม.
เวียดนาม เวียดนาม น. ชื่อประเทศและชนชาติที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีพรมแดนติดต่อกับเขมร ลาว และจีน ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อชาติเวียด, เรียกเต็มว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม.
เวียน,เวียน ๑ เวียน ๑ ก. อาการที่ของสิ่งหนึ่งเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ของอีกสิ่งหนึ่ง เช่น เดินเวียนรอบบ้าน; อาการที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น เวียนรับเวียนส่ง เวียนไปเวียนมา.
เวียน,เวียน ๒ เวียน ๒ น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Tor tambroides ในวงศ์ Cyprinidae รูปร่างและเกล็ดใหญ่คล้ายปลาจาดซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน เว้นแต่ที่ส่วนกลางของริมฝีปากบนและล่างมีแผ่นเนื้อขนาดใหญ่ พบตามแหล่งนํ้าใหญ่และนํ้าใสไหลผ่านกรวดทราย ขนาดยาวได้ถึง ๕๐ เซนติเมตร, ยาด ก็เรียก.
เวียนเทียน เวียนเทียน ก. อาการที่ถือดอกไม้ธูปเทียนเดินประทักษิณสิ่งที่เคารพบูชา เช่น เวียนเทียนรอบพระอุโบสถในวันวิสาขบูชา, เดินเทียน ก็ว่า; ยกแว่นที่จุดเทียนติดไว้ วักเข้าหาตัว ๓ ครั้ง แล้วโบกควันออก และส่งต่อให้คนอื่นเวียนไปโดยรอบสิ่งที่ทําขวัญ; โดยปริยายหมายความว่า ทําแล้วกลับมาทําอีก เช่น เด็กเวียนเทียนรับของบริจาค.
เวียนว่ายตายเกิด เวียนว่ายตายเกิด น. คติความเชื่อถือที่ว่ามนุษย์หรือสัตว์เมื่อตายแล้วจะต้องไปเกิดอีก.
เวียนหัว เวียนหัว ก. รู้สึกมึนหัว ตาลาย ใจหวิว มองเห็นอะไรหมุนไปหมด, โดยปริยายหมายถึงอาการที่ทำให้รู้สึกงง สับสน วุ่นวาย รำคาญ เป็นต้น จนทำอะไรไม่ถูกหรือจับต้นชนปลายไม่ติด เช่น งานยุ่งเสียจนเวียนหัว ลายมือยุ่ง อ่านแล้วเวียนหัว.
เวียร เวียร ก. เพียร.
เวี่ยว เวี่ยว (กลอน) ก. คล้อง, ทัดไว้, เวี่ย ก็ว่า.
แว้ แว้ ก. ร้อง (ใช้แก่เด็กแดง ๆ) เช่น เด็กคนนี้ พอแว้ออกมาก็มีเงินเป็นล้านแล้ว, อุแว้ ก็ว่า, โดยปริยายหมายความว่า เกิด เช่น พอหลานแว้ออกมา ย่าก็ดีอกดีใจ.<2t>ว. เสียงอย่างเสียงเด็กแดง ๆ ร้อง เช่น เสียงลูกร้องแว้, อุแว้ ก็ว่า.
แวง,แวง ๑ แวง ๑ ว. ยาว, แถว; เรียกเส้นลองจิจูดว่า เส้นแวง. (ข.).
แวง,แวง ๒ แวง ๒ น. ดาบ.
แวง,แวง ๓ แวง ๓ (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นปรือ. [ดู ปรือ ๑ (๑)].
แวง,แวง ๔ แวง ๔ ก. ล้อมวง.
แว้ง แว้ง ก. อาการที่เอี้ยวหัวหรืออวัยวะบางส่วนโดยเร็วเพื่อกัดหรือทําร้ายเป็นต้น เช่น ควายแว้งขวิด จระเข้แว้งหางฟาดเรือล่ม, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เตือนดี ๆ มาแว้งเอาได้.
แว้งกัด แว้งกัด ก. กิริยาที่เอี้ยวตัวหรือคอไปกัดโดยเร็ว เช่น หมาแว้งกัด, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น อุตส่าห์อุปถัมภ์คํ้าชูมาตั้งแต่เล็ก ยังแว้งกัดได้.
แวด แวด ก. เฝ้า, ระวัง, รักษา.
แว้ด แว้ด ว. เสียงดังเช่นนั้น เช่น ตวาดแว้ด.<2t>(ปาก) ก. ขึ้นเสียง เช่น พูดด้วยดี ๆ กลับมาแว้ดใส่อีก.
แวดล้อม แวดล้อม ก. เฝ้าระวังรักษาอยู่โดยรอบ เช่น ตำรวจแวดล้อมบุคคลสำคัญ ผู้มีอำนาจไปไหนก็มีมือปืนแวดล้อม; ห้อมล้อม เช่น มีบริวารแวดล้อม พอร้องเพลงจบก็มีคนมาแวดล้อมขอลายเซ็น.<2t>ว. ที่ห้อมล้อม, ที่อยู่โดยรอบ, เช่น สิ่งแวดล้อม ภาวะแวดล้อม.
แวดวง แวดวง (ปาก) น. วงการ, กลุ่มที่สังกัดอยู่, เช่น ในแวดวงนักการเมือง ในแวดวงนักธุรกิจ.
แวตร แวตร [แวด] น. ไม้ถือที่ทําด้วยหวาย. (ส. เวตฺร; ป. เวตฺต).
แวน แวน (โบ) ก. อยู่เวร, ประจําเวร.
แว่น,แว่น ๑ แว่น ๑ น. สิ่งที่เป็นแผ่นเป็นวงหรือเป็นดวง เช่น หั่นมะเขือเทศให้เป็นแว่น, ใช้แก่สิ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น อาจจะมีคำอื่นมาขยาย และเรียกชื่อตามหน้าที่ตามความหมาย หรือตามลักษณะของสิ่งนั้น ๆ เช่น แว่นแคว้น แว่นส่องหน้า; (ถิ่น-อีสาน) กระจก; เครื่องโรยขนมจีนเป็นแผ่นกลม ทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดงเป็นต้นที่เจาะรูทั่วแผ่น เย็บติดไว้ตรงกลางผ้าสี่เหลี่ยมซึ่งเจาะรูให้พอเหมาะกับแผ่นทองเหลืองหรือทองแดงนั้น, หน้าแว่น ก็เรียก; ลักษณนามเรียกสิ่งกลม ๆ ที่ตัดออกตามขวางเป็นชิ้นบาง ๆ เช่น บอระเพ็ด ๗ แว่น มันเทศ ๕ แว่น; โดยปริยายหมายถึงหนังสือคู่มือ เช่น แว่นไวยากรณ์ แว่นอังกฤษ.
แว่น,แว่น ๒ แว่น ๒ น. (๑) ชื่อเฟินชนิด Marsilea crenata Presl ในวงศ์ Marsileaceae มีใบกลม ๔ ใบเรียงเป็นวง ทุกส่วนกินได้ เรียกว่า ผักแว่น.<2t>(๒) (ถิ่น-ตราด) ต้นบัวบก. [ดู บัวบก (๑)].
แว่น,แว่น ๓ แว่น ๓ ก. กระโดด, ว่องไว; มา เช่น ผิว่าแว่นเร็วอ้า. (ลอ).
แว่นแก้ว แว่นแก้ว น. แผ่นแก้วกระจกใช้ส่องขยายให้เห็นชัด.
แว่นขยาย แว่นขยาย น. เลนส์นูนที่มีระยะโฟกัสสั้น ใช้สําหรับส่องดูให้เห็นเป็นภาพขยาย.
แว่นแคว้น แว่นแคว้น น. แผ่นดินซึ่งมีขอบเขตเป็นปริมณฑล เช่น แว่นแคว้นตะนาวศรี ฝ่ายเขาเล่าก็สามพารา เป็นใหญ่ในชวาแว่นแคว้น. (อิเหนา).
แวนดา แวนดา น. ชื่อกล้วยไม้ในสกุล Vanda วงศ์ Orchidaceae เช่น เอื้องสามปอย (V. denisoniana Bens. et Rchb.f.).
แว่นตา แว่นตา น. สิ่งที่ทําด้วยแก้วหรือวัสดุใส เป็นเครื่องสวมตาเพื่อช่วยให้แลเห็นชัดขึ้นเป็นต้น.
แว่นฟ้า แว่นฟ้า น. กระจก, เรียกพระแท่นที่ประดับกระจกว่า พระแท่นแว่นฟ้า; เรียกพานที่ซ้อนกัน ๒ ชั้น ชนิดหนึ่งประดับมุกหรือกระจกเป็นต้น ใบบนเป็นพานทรงสูงซ้อนกันอยู่บนตะลุ่ม อีกชนิดหนึ่งทําด้วยโลหะจําหลักลายกะไหล่ทอง ใบบนเป็นพานเล็กซ้อนอยู่บนพานใหญ่ ว่า พานแว่นฟ้า.
แว่นเวียนเทียน แว่นเวียนเทียน น. แว่นสำหรับใช้ติดเทียนทำขวัญ ทำด้วยเงิน ทอง หรือทองเหลือง รูปแบน ๆ มีปลายแหลมเหมือนใบโพสำหรับติดเทียน มีด้ามถือ.
แว่นไว แว่นไว ก. ว่องไว, คล่องแคล่ว.
แว่นส่องหน้า แว่นส่องหน้า น. สิ่งที่ทำด้วยโลหะขัดจนเป็นเงา ใช้ส่องหน้าในสมัยก่อนที่จะมีกระจกเงา.
แวบ,แว็บ แวบ, แว็บ ว. ปรากฏให้เห็นชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็หายไป เช่น แสงไฟจากรถดับเพลิงแวบเข้าตา มาเดี๋ยวเดียวแว็บไปแล้ว.<2t>ว. อาการที่ปรากฏให้เห็นชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง เช่น ไปแวบเดียวกลับมาแล้ว เพิ่งมาได้แว็บเดียวจะกลับแล้วหรือ.
แวบวับ แวบวับ ว. อาการที่แสงสว่างปรากฏอยู่ชั่วแว็บเดียวแล้วก็หายไปและปรากฏขึ้นมาใหม่ต่อเนื่องกัน เช่น ไฟจากป้ายโฆษณามีแสงแวบวับ แสงดาวแวบวับอยู่บนท้องฟ้า.
แวม ๆ,แว็ม ๆ แวม ๆ, แว็ม ๆ ว. ลักษณะของแสงที่เห็นเคลื่อนไหวอยู่เรือง ๆ ไร ๆ เช่น แสงของพรายน้ำแวม ๆ ในความมืด.
แวว แวว ว. สุกใส, วูบวาบ, เช่น ดวงตาฉายแววแห่งความสุข ขัดหัวเข็มขัดเสียแวว เพชรซีกมีแววน้อยกว่าเพชรลูก.<2t>น. ลักษณะที่แสดงให้เห็นว่าจะเป็นคนชนิดไร, เค้า, ร่องรอย, เช่น เด็กคนนี้มีแววจะเป็นนักปราชญ์ต่อไป เขาไม่มีแววว่าจะสอบได้; (ศิลปะ) กระจกเงาที่ตัดเป็นวงกลม ๆ เล็ก ๆ ใช้ติดตกแต่งเป็นไส้ลวดลายปูนปั้นหรืองานไม้แกะสลักปิดทอง.
แว่ว แว่ว ก. ได้ยินแต่ไม่ชัดแจ้ง เช่น มีข่าวแว่วมาว่าปีนี้จะได้เงินเดือนขึ้น, ได้ยินมาจากที่ไกล เช่น แว่วเสียงขลุ่ยมาจากชายป่า.
แววตา แววตา น. สิ่งเป็นเยื่อบาง มีลักษณะใสเป็นแสงวาวดั่งแก้ว หุ้มด้านนอกของดวงตา, ความรู้สึกที่ปรากฏออกทางตาทำให้รู้ว่ารักหรือเกลียดเป็นต้น เช่น ดูแววตาก็รู้ว่ารักหรือชัง ใบหน้าและแววตาปรากฏความเบื่อหน่าย; โดยปริยายหมายความว่า เป็นยอดรักประดุจดวงตา เช่น โอ้พ่อพลายแก้วแววตา มรณาแน่แล้วฤๅอย่างไร. (ขุนช้างขุนแผน).
แวววาม,แวววาว แวววาม, แวววาว ก. มีแสงกลอกกลิ้งอยู่ข้างใน เช่น เพชรเม็ดนี้มีน้ำงาม มีแสงแวววาว, วาวแวว ก็ว่า.
แวววิเชียร แวววิเชียร น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Angelonia goyazensis Benth. ในวงศ์ Scrophulariaceae ใบเรียวยาว ดอกออกตามง่ามใบ มีสีต่าง ๆ เช่น ม่วงแก่ ม่วงอ่อน ขาว ใบและดอกมีกลิ่น.
แววหัวตัวหนังสือ แววหัวตัวหนังสือ น. หัวของพยัญชนะไทยบางตัวที่มีลักษณะเป็นวงกลม เช่นหัวตัว ค ด ง ถ.
แววหางนกยูง แววหางนกยูง น. ตอนปลายของหางนกยูงที่เป็นวงกลม ๆ มีลักษณะเป็นแสงสีสันเลื่อมเป็นมัน.
แวะ แวะ ก. หยุดชั่วคราวระหว่างทาง เช่น แวะตลาดก่อนกลับบ้าน แวะรับส่งคนโดยสาร.
แวะเวียน แวะเวียน ก. แวะมาบ่อย ๆ, วนเวียน, เช่น เขาชอบแวะเวียนอยู่แถวร้านกาแฟ.
โว โว (ปาก) ก. พูดโอ้อวด เช่น โวมากไปหน่อยแล้ว.<2t>ว. โอ้อวด เช่น คุยโว.
โว่ โว่ ว. เป็นช่องเป็นรูที่แลเห็นลึกหรือทะลุ เช่น หม้อทะลุเป็นรูโว่ กางเกงถูกบุหรี่จี้ขาดโว่, โหว้ ก็ใช้.
โวการ โวการ น. ขันธ์ เช่น เบญจโวการ ว่า ขันธ์ ๕. (ป.).
โว่ง โว่ง ว. ว่าง, โล่ง, โปร่ง, เช่น ตัดต้นไม้เสียโว่ง ซดน้ำแกงร้อน ๆ แล้วคอโว่ง.
โวทาน โวทาน น. การทําให้สะอาด; ความบริสุทธิ์. (ป.).
โวย โวย (ปาก) ก. ส่งเสียงแสดงความไม่พอใจเกินกว่าเหตุ เช่น เรื่องเล็กนิดเดียวก็โวยเสียเป็นเรื่องใหญ่โต, ประท้วงด้วยการส่งเสียงเอะอะ เช่น เขาโวยว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม; เปิดเผยให้รู้ทั่วไป เช่น อย่าโวยเรื่องนี้ให้ใคร ๆ รู้เดี๋ยวเขาเสียหาย.
โว้ย โว้ย ว. คําลงท้ายของการร้องเรียก ถาม หรือขานรับเป็นต้น ใช้ในลักษณะที่ไม่สุภาพหรือเป็นกันเอง เช่น แดงโว้ย ไปไหนโว้ย ไปตลาดมาโว้ย เบื่อจริงโว้ย, เว้ย ก็ว่า.<2t>อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความสงสัยหรือไม่พอใจเป็นต้น เช่น โว้ย! ไม่มีใครอยู่สักคนเลย, เว้ย ก็ว่า.
โวยวาย โวยวาย ก. ส่งเสียงร้องเอะอะเป็นการประท้วงหรือแสดงความไม่พอใจ เป็นต้น เช่น พอประกาศเงินเดือนขึ้นอีกกลุ่มก็โวยวาย.<2t>ว. อาการที่ส่งเสียงเอะอะเป็นการประท้วงหรือแสดงความไม่พอใจเป็นต้น เช่น เขาไม่ได้เงินเดือนขึ้นก็ส่งเสียงโวยวาย, กระโวยกระวาย ก็ว่า.
โว้เว้ โว้เว้ ก. พูดเสียงเอ็ดอึง, พูดหาเรื่อง, พูดเหลวไหล; ทําเหลวไหล.
โวสาน โวสาน น. อวสาน, ที่สุด, จบ. (ป.).
โวหาร โวหาร น. ชั้นเชิงหรือสํานวนแต่งหนังสือหรือพูด เช่น มีโวหารดี, ถ้อยคําที่เล่นเป็นสําบัดสํานวน เช่น อย่ามาตีโวหาร เขาชอบเล่นโวหาร. (ป.).
ไว,ไว ๆ ไว, ไว ๆ ว. ลักษณะที่เคลื่อนไหว หรือสามารถคิด หรือกระทําสิ่งใดได้คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที เช่น เด็กคนนั้นเดินไว วิ่งไว ๆ เข้า เดี๋ยวไปไม่ทัน.<2t>ก. เคลื่อนไหว คิด หรือกระทำสิ่งใดได้คล่องแคล่วรวดเร็วหรือฉับพลันทันที เช่น ไวเข้ารถจะออกแล้ว.
ไว้ ไว้ ก. เก็บเข้าที่, เอาเข้าที่, เช่น เอาของไปไว้ที่, วาง เช่นเอาไว้ตรงนั้นแหละ ไว้ของให้เป็นที่, บางทีใช้ประกอบท้ายกริยาบางคําเพื่อให้ความหมายสมบูรณ์หรือหนักแน่นยิ่งขึ้น เช่น เก็บไว้ รักษาไว้ ปลูกไว้, ให้มีอยู่, ให้ดํารงอยู่, รักษา, เช่น ไว้จุก ไว้หนวด ไว้ชีวิต ไว้ยศ.
ไวกูณฐ์ ไวกูณฐ์ น. ที่ประทับพระนารายณ์ เช่น ผู้สิง ณ ไวกูณฐ์. (มัทนะ). (ส.); (โบ) พระนารายณ์ที่แบ่งภาคลงมา เช่น ซึ่งจะให้นารายณ์ลงไป ก็ต้องในไวกูณฐ์อวตาร. (รามเกียรติ์ ร. ๑).
ไว้เกียรติ ไว้เกียรติ ก. รักษาเกียรติ, ให้เกียรติดำรงอยู่.
ไว้ใจ ไว้ใจ ก. มอบความเชื่อความมั่นใจให้, วางใจ, เช่น ไว้ใจให้เก็บรักษาเงิน ไว้ใจให้ดูแลบ้าน, ไว้วางใจ ก็ว่า.
ไว้ชีวิต ไว้ชีวิต ก. ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป, ปล่อยให้รอดชีวิต, เช่น ราชสีห์ไว้ชีวิตหนู.
ไว้ชื่อ ไว้ชื่อ ก. แสดงความรู้ความสามารถเป็นการฝากชื่อเสียงไว้ให้ปรากฏ เช่น ชาติชายต้องไว้ชื่อ.
ไว้เชิง ไว้เชิง ก. รักษาทีท่า เช่น ใจจริงก็อยากไป แต่ขอไว้เชิงหน่อย.
ไวฑูรย์ ไวฑูรย์ น. ไพฑูรย์.
ไว้ตัว ไว้ตัว ก. สงวนฐานะและเกียรติยศของตนให้เหมาะให้ควร เช่น แม้จะยากจนลงก็ต้องไว้ตัวอยู่ เป็นสตรีควรไว้ตัว, ถือตัว เช่น ไว้ตัวว่าเป็นลูกเศรษฐี ไม่คบคนทั่วไป.
ไวทย์ ไวทย์ น. แพทย์. (ส.).
ไว้ท่า ไว้ท่า ก. ทำท่าทางเสมือนว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหรือมีเกียรติสูง.
ไว้ทุกข์ ไว้ทุกข์ ก. แต่งกายหรือแสดงเครื่องหมายตามประเพณีนิยมว่าตนมีทุกข์เพราะบุคคลสำคัญในครอบครัวเป็นต้นตายไป เช่น ไว้ทุกข์ให้พ่อ.
ไว้ธุระ ไว้ธุระ ก. รับทำงานเอง เช่น เรื่องนี้ไว้ธุระฉันเถอะ จะจัดการให้เอง, มอบงานให้ผู้อื่นทำ เช่น เรื่องอาหารไว้ธุระคุณนะ.
ไวน์ ไวน์ น. เหล้าองุ่น (อ. wine).
ไว้เนื้อเชื่อใจ ไว้เนื้อเชื่อใจ ว. ที่ไว้วางใจได้, ที่เชื่อใจได้, เช่น มีอะไรก็พูดกับเขาเถอะ เขาเป็นคนไว้เนื้อเชื่อใจได้.<2t>ก. ไว้วางใจ, เชื่อใจ, เช่น ไว้เนื้อเชื่อใจให้ทำธุระสำคัญ ๆ.
ไว้ฝีมือ ไว้ฝีมือ ว. อาการที่แสดงความสามารถในด้านศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการฝากฝีมือไว้อย่างเต็มที่ เช่น ออกแบบบ้านอย่างไว้ฝีมือ วาดภาพอย่างไว้ฝีมือ.
ไวพจน์ ไวพจน์ น. คําที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาก เช่น มนุษย์กับคน บ้านกับเรือน รอกับคอย ป่ากับดง, คําพ้องความ ก็ว่า, (ป. เววจน); (โบ) ในหนังสือแบบเรียนภาษาไทย ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) หมายถึง คําที่ออกเสียงเหมือนกันแต่เขียนต่างกันและมีความหมายต่างกัน เช่น ใสกับไส โจทก์กับโจทย์ พานกับพาล, ปัจจุบันเรียกว่า คําพ้องเสียง.
ไวไฟ ไวไฟ ว. ที่ติดไฟได้ง่ายและรวดเร็วมาก เช่น น้ำมันไวไฟ, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีความประพฤติหละหลวมในทางชู้สาว มีลักษณะดังสิ่งไวไฟ.
ไว้ภูมิ ไว้ภูมิ ก. ทำท่าเสมือนว่าเป็นผู้มีความรู้สูง.
ไว้ยศ ไว้ยศ ก. รักษายศรักษาเกียรติ.
ไวยากรณ์ ไวยากรณ์ น. วิชาภาษาว่าด้วยรูปคําและระเบียบในการประกอบรูปคําให้เป็นประโยค. (ป. เวยฺยากรณ; ส. ไวยากรณ ว่า นักศึกษาไวยากรณ์, วฺยากรณ ว่า ตําราไวยากรณ์).
ไวยาวัจกร ไวยาวัจกร [-วัดจะกอน] น. คฤหัสถ์ผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่เบิกจ่ายนิตยภัตและมีอํานาจหน้าที่ดูแลรักษาจัดการทรัพย์สินของวัดตามที่เจ้าอาวาสมอบหมายเป็นหนังสือ. (ป. เวยฺยาวจฺจกร).
ไวยาวัจมัย ไวยาวัจมัย [-วัดจะไม] ว. ที่สําเร็จด้วยการขวนขวายช่วยเหลือ (ใช้แก่บุญ). (ป. เวยฺยาวจฺจมย).
ไวรัส ไวรัส น. เชื้อจุลินทรีย์ที่เล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ธรรมดา ไม่จัดเป็นเซลล์ มีทั้งที่ก่อโรคและไม่ก่อโรค เช่น เชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง. (อ. virus).
ไวรัสคอมพิวเตอร์ ไวรัสคอมพิวเตอร์ น. ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถแพร่ไปสู่โปรแกรมอื่น ๆ ด้วยการสำเนาตัวเองไปไว้ในโปรแกรมนั้น ๆ ซึ่งอาจทำความเสียหายแก่โปรแกรมหรือแฟ้มข้อมูล.
ไว้ลาย ไว้ลาย ก. แสดงความกล้าหาญหรือความสามารถอันเป็นลักษณะพิเศษของตนฝากไว้ให้ประจักษ์แก่ผู้อื่น เช่น ชาติเสือต้องไว้ลาย.
ไววรรณ ไววรรณ น. สีจาง, สีซีด. (ส. วิวรฺณ).
ไวษณพ ไวษณพ [ไวสะนบ] น. ชื่อนิกายหนึ่งในศาสนาฮินดู นับถือพระวิษณุหรือพระนารายณ์ว่าเป็นใหญ่กว่าเทพใด ๆ ในกลุ่มตรีมูรติ. (ส. ไวษฺณว).
ไว้หน้า ไว้หน้า ก. รักษาเกียรติฐานะของผู้อื่นไม่ให้ต้องได้รับความอับอายขายหน้า เช่น ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไรควรต้องไว้หน้าผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง ติเตียนศิษย์ต้องไว้หน้าครู.
ไว้เหลี่ยมไว้คู ไว้เหลี่ยมไว้คู ก. แสดงชั้นเชิงอย่างคมคาย เช่น จะเป็นนักเลงต้องไว้เหลี่ยมไว้คูบ้าง.
ไว้อาลัย ไว้อาลัย ว. อาการที่แสดงความระลึกถึงเพราะมีใจผูกพันกับผู้ที่จากไป เช่น ยืนไว้อาลัย กล่าวคำไว้อาลัย.
ไวโอลิน ไวโอลิน น. เครื่องดนตรีจําพวกซอฝรั่งอย่างเล็ก มี ๔ สาย และมีคันชักสําหรับสี. (อ. violin).
ศ ศ พยัญชนะตัวที่ ๓๘ เป็นพวกอักษรสูง ใช้ได้ทั้งเป็นพยัญชนะตัวต้นและเป็นตัวสะกดในแม่กดในคําที่มาจากภาษาสันสกฤตและภาษาอื่น เช่น ศาลา อากาศ ไอศกรีม วงศ์.
ศก,ศก ๑ ศก ๑ น. ผม เช่น พระศกพระพุทธรูป. (ข.).
ศก,ศก ๒ ศก ๒ น. ระบบการคํานวณนับเวลาเรียงลําดับกันเป็นปี ๆ โดยถือเอาเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเป็นจุดเริ่มต้น ดังในคําว่า รัตนโกสินทรศก ซึ่งถือเอาปีเริ่มสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เป็นจุดเริ่มต้น, บางทีก็ใช้เป็นคําย่อของศักราช เช่น พุทธศก คริสต์ศก; คําเรียกปีหนึ่ง ๆ ของจุลศักราช เพื่อให้ทราบว่าเป็นปีที่ลงท้ายด้วย ๑ ๒ ... หรือ ๐ เช่น ถ้าลงท้ายด้วย ๑ เรียกว่า เอกศก ลงท้ายด้วย ๒ เรียกว่า โทศก ... ลงท้ายด้วย ๐ เรียกว่า สัมฤทธิศก; (ปาก) ปี เช่น ศกนี้ ศกหน้า วันเถลิงศก. (ส.).
ศกฏะ ศกฏะ [สะกะตะ] น. เกวียน. (ส.; ป. สกฏ).
ศกละ ศกละ [สะกะละ] น. ส่วน, ซีก. (ส.; ป. สกล).
ศกุน ศกุน น. นก. (ส.; ป. สกุณ).
ศกุนต์ ศกุนต์ น. นก. (ส.; ป. สกุนฺต).
ศกุนิ ศกุนิ น. นก. (ส.; ป. สกุณิ).
ศกุนี ศกุนี น. นกตัวเมีย. (ส.; ป. สกุณี).
ศงกา ศงกา น. ความสงสัย. (ส. ศงฺกา; ป. สงฺกา).
ศจี ศจี น. ชายาพระอินทร์. (ส.).
ศฐะ ศฐะ [สะ-] น. คนโกง, คนล่อลวง; คนโอ้อวด. (ส.; ป. ส).
ศดก ศดก [สะดก] น. หมวด ๑๐๐. (ส. ศตก; ป. สตก).
ศต,ศต-,ศตะ ศต-, ศตะ [สะตะ-] น. ร้อย (๑๐๐). (ส.; ป. สต).
ศตกะ ศตกะ [สะตะกะ] น. หมวด ๑๐๐, มีจํานวน ๑๐๐, ใช้ ศดก ก็มี. (ส.; ป. สตก).
ศตบาท,ศตปที ศตบาท, ศตปที น. ตะขาบ, ตะเข็บ, กิ้งกือ. (ส.).
ศตภิษัช,สตภิสชะ ศตภิษัช, สตภิสชะ [-พิสัด, -พิดสะชะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๔ มี ๔ ดวง เห็นเป็นรูปทิมทองหรือมังกร, ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์ ก็เรียก.
ศตวรรษ,ศตพรรษ ศตวรรษ, ศตพรรษ [สะตะวัด, -พัด] น. รอบ ๑๐๐ ปี. (ส.).
ศตสังวัตสร์ ศตสังวัตสร์ น. เวลานานชั่ว ๑๐๐ ปี. (ส.).
ศตัฆนี ศตัฆนี [สะตักคะนี] น. อาวุธอย่างร้ายแรงฆ่าคนได้ทีละ ๑๐๐ คน. (ส.).
ศตัฆนี ศตัฆนี ดู ศต-, ศตะ.
ศนิ ศนิ [สะ-] น. ดาวพระเสาร์. (ส.).
ศนิวาร ศนิวาร น. วันเสาร์, โสรวาร ก็ว่า. (ส.).
ศพ ศพ น. ซากผี, ร่างคนที่ตายแล้ว. (ส. ศว; ป. ฉว).
ศพละ ศพละ [สะพะละ] ว. หลายสี, ด่าง, ลาย, พร้อย, กระ; วุ่น, รําคาญ. (ส.; ป. สพล).
ศมนะ ศมนะ [สะมะนะ] น. การทําให้สงบ. (ส.; ป. สมน).
ศมะ ศมะ [สะ-] น. ความสงบ, ความนิ่ง. (ส.; ป. สม).
ศยนะ ศยนะ [สะยะ-] น. การนอน, การหลับ; ที่นอน, ฟูก, เบาะ. (ส.; ป. สยน).
ศยะ ศยะ [สะ-] ก. นอน; หลับ; อยู่, พักผ่อน, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส. (ส.).
ศยาม ศยาม [สะหฺยาม] ว. ดํา, คลํ้า. (ส.).
ศยามล ศยามล [สะหฺยามน] น. สีดํา.<2t>ว. ผิวคลํ้า, ดํา. (ส.).
ศร ศร [สอน] น. อาวุธชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยคันสำหรับยิง เรียกว่า คันศร กับลูกที่มีปลายแหลม เรียกว่า ลูกศร, เรียกสายคันศรว่า สายศร, เรียกอาการที่ยิงลูกศรออกไปว่า แผลงศร หรือ ยิงศร; (โบ) ปืน. (ส.).
ศรนารายณ์ ศรนารายณ์ น. ชื่อไม้พุ่มแตกกอชนิด Agave sisalana Perrine ในวงศ์ Agavaceae ใบใหญ่หนาและแข็ง ปลายเป็นหนามแหลม ใบให้ใยใช้ทําสิ่งทอได้.
ศรภะ ศรภะ [สะระพะ] น. สัตว์ในนิยาย ว่ากันว่ามี ๘ เท้า มีแรงมากกว่าช้างและสิงโต. (ส.).
ศรมณะ ศรมณะ [สะระมะ-] น. ผู้ปฏิบัติบําเพ็ญพรต, พระสงฆ์. (ส.; ป. สมณ).
ศรรกรา ศรรกรา [สักกะรา] น. ก้อนกรวด; นํ้าตาลกรวด. (ส. ศรฺกรา; ป. สกฺกร).
ศรวณะ,ศระวณะ,สาวนะ,สาวนะ ๑ ศรวณะ, ศระวณะ, สาวนะ ๑ [สะระวะนะ, สาวะนะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๒ มี ๓ ดวง เห็นเป็นรูปหามผีหรือโลง, ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี ก็เรียก. (ส.).
ศรวณีย์ ศรวณีย์ [สะระวะนี] ว. พึงได้ยิน, ควรได้ยิน; น่าฟัง, น่าชม. (ส.; ป. สวนีย).
ศรวิษฐา ศรวิษฐา [สะระวิดถา] น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ธนิษฐา มี ๔ ดวง, ดาวไซ ดาวเศรษฐี หรือ ดาวธนิษฐะ ก็เรียก.
ศรศิลป์ไม่กินกัน ศรศิลป์ไม่กินกัน (กลอน) ก. ทําอันตรายกันไม่ได้ เช่น ถ้อยทีศรศิลป์ไม่กินกัน. (รามเกียรติ์ ร. ๖); (สํา) ไม่ถูกกัน, ไม่ลงรอยกัน, ไม่ชอบหน้ากัน, เช่น พี่น้องคู่นี้ศรศิลป์ไม่กินกัน เจอหน้ากันเมื่อใดต้องทะเลาะกันเมื่อนั้น.
ศรัณย์ ศรัณย์ [สะรัน] ว. ซึ่งเป็นที่พึ่ง. (ส. ศรณฺย).
ศรัณยู ศรัณยู [สะรันยู] น. ผู้เป็นที่พึ่ง. (ส. ศรณฺยุ).
ศรัถนะ ศรัถนะ [สะรัดถะนะ] น. การปล่อย, การหย่อน. (ส.).
ศรัท ศรัท [สะรัด] น. ฤดูสารท. (ส. ศรท; ป. สรท).
ศรัทธา ศรัทธา [สัดทา] น. ความเชื่อ, ความเลื่อมใส, เช่น สิ้นศรัทธา ฉันมีศรัทธาในความดีของเขา บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ ประสาทะ เป็น ศรัทธาประสาทะ.<2t>ก. เชื่อ, เลื่อมใส, เช่น เขาศรัทธาในการรักษาแบบแพทย์แผนโบราณ. (ส. ศฺรทฺธา; ป. สทฺธา).
ศรัย ศรัย [ไส] น. ที่พักพิง, ที่พึ่ง, ที่อาศัย, ที่ร่มเย็น. (ส. ศฺรย).
ศราทธ,ศราทธ-,ศราทธ์ ศราทธ-, ศราทธ์ [สาดทะ-, สาด] น. การทําบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว. (ส.).
ศราทธพรต ศราทธพรต [สาดทะพฺรด] น. พิธีทําบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว. (ส. ศฺราทฺธ + วฺรต).
ศราพ ศราพ [สะราบ] น. การได้ยิน, การฟัง. (ส. ศฺราว).
ศราพก,ศราวก ศราพก, ศราวก [สะราพก, -วก] น. สาวก, ศิษย์. (ส. ศฺราวก; ป. สาวก).
ศรายุธ ศรายุธ [สะรายุด] น. อาวุธคือศร. (ส. ศร + อายุธ).
ศราวณะ ศราวณะ [สะราวะนะ] น. ชื่อเดือนที่ ๙ แห่งจันทรคติ.<2t>ว. เกี่ยวกับดาวศรวณะ. (ส.).
ศราวรณ์ ศราวรณ์ [สะราวอน] น. เครื่องกําบังลูกศร คือ โล่. (ส.).
ศราสน์ ศราสน์ [สะราด] น. คันศร. (ส.).
ศรี,ศรี ๑ ศรี ๑ [สี] น. มิ่ง, สิริมงคล, ความรุ่งเรือง, ความสว่างสุกใส, ความงาม, ความเจริญ, เช่น ศรีบ้าน ศรีเรือน ศรีเมือง, ใช้นำหน้าคำบางคำเป็นการยกย่อง เช่น พระศรีรัตนตรัย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม. (ส. ศฺรี; ป. สิริ, สิรี).
ศรี,ศรี ๒ ศรี ๒ [สี] น. พลู. (ม.); (ราชา) หมากพลู เรียกว่า พระศรี.
ศรี,ศรี ๓ ศรี ๓ [สี] น. ผู้หญิง. (ข. สี).
ศรี,ศรี ๔ ศรี ๔ [สี] (กลอน) น. ลักษณนามใช้แก่คน เช่น พระปิตุราชมาตุรงค์ทรงพระสรวล เห็นสมควรคู่ครองกันสองศรี. (อภัย).
ศรีตรัง ศรีตรัง น. ชื่อไม้ต้นชนิด Jacaranda filicifolia D. Don ในวงศ์ Bignoniaceae สูงประมาณ ๑๐ เมตร ใบเป็นฝอยเล็ก ดอกสีนํ้าเงินปนม่วง.
ศรีสังคีต ศรีสังคีต น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
ศรุตะ ศรุตะ [สะรุตะ] ก. ได้ยิน, ได้ฟัง; มีชื่อเสียง, มีผู้รู้จัก. (ส.).
ศรุติ ศรุติ [สะรุติ] น. สิ่งที่ได้ยิน, กิตติศัพท์; พระเวท. (ส.).
ศฤคาล,สฤคาล ศฤคาล, สฤคาล [สฺริคาน] น. หมาจิ้งจอก. (ส.).
ศฤงค์ ศฤงค์ [สฺริง] น. เขาสัตว์; ยอดของสถานที่ต่าง ๆ. (ส.).
ศฤงคาร ศฤงคาร [สิงคาน, สะหฺริงคาน] น. สิ่งให้เกิดความรัก, บริวารหญิงผู้บําเรอความรัก เช่น สาวศฤงคารคนใช้. (ม. คําหลวง ทานกัณฑ์). (ส. ศฺฤงฺคาร ว่า ความใคร่).
ศฤงคารรส ศฤงคารรส [สะหฺริงคานระรด] (วรรณ) น. รส ๑ ใน ๙ รสของวรรณคดี มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรัก เช่น เรื่องลิลิตพระลอมีเนื้อเรื่องเป็นศฤงคารรส.
ศฤงคาริน,ศฤงคารี ศฤงคาริน, ศฤงคารี ว. ผู้มีศฤงคาร. (ส. ศฺฤงฺคาริน).
ศลภะ ศลภะ [สะละพะ] น. แมลงมีปีก. (ส.).
ศลัถ ศลัถ [สะลัด] น. ลุ่ย, หลุด; หลวม, ไม่แน่น. (ส.).
ศลิษฏ์ ศลิษฏ์ [สะหฺลิด] ว. ติด, แนบ, เกี่ยวข้อง. (ส.).
ศลิษา ศลิษา [สะลิ-] น. การกอดรัด. (ส.).
ศวศุระ ศวศุระ น. พ่อตา, พ่อผัว. (ส. ศฺวศุร; ป. สสฺสุร).
ศวะ ศวะ น. ศพ. (ส.; ป. ฉว).
ศวัส ศวัส [สะวัด] น. วันพรุ่งนี้. (ส. ศฺวสฺ; ป. เสฺว).
ศวัสนะ ศวัสนะ น. การหายใจ. (ส. ศฺวสน).
ศวา,ศวาน ศวา, ศวาน [สะวา, สะวาน] น. หมา. (ส. ศฺวา, ศฺวานฺ).
ศวาสะ ศวาสะ น. การหายใจ, ลมหายใจ. (ส. ศฺวาส).
ศศ,ศศ-,ศศะ ศศ-, ศศะ [สะสะ-] น. กระต่าย, รอยดําที่ปรากฏในดวงจันทร์ ซึ่งถือกันว่าคล้ายกระต่าย. (ส.; ป. สส).
ศศธร ศศธร น. ทรงไว้ซึ่งรูปกระต่าย คือ ดวงจันทร์. (ส.).
ศศพินทุ์,ศศลักษณ์ ศศพินทุ์, ศศลักษณ์ น. ดวงจันทร์. (ส.).
ศศิ,ศศิ ๑,ศศิน,ศศี ศศิ ๑, ศศิน, ศศี [สะสิ, สะสิน, สะสี] น. ซึ่งมีกระต่าย คือ ดวงจันทร์. (ส.).
ศศิ,ศศิ ๒ ศศิ ๒ [สะสิ] (โหร) น. ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางคืน. (ดู ยาม).
ศศิกษัย ศศิกษัย น. พระจันทร์แรม. (ส.).
ศศิขัณฑ์ ศศิขัณฑ์ น. เสี้ยวพระจันทร์. (ส.).
ศศิเคราะห์ ศศิเคราะห์ น. จันทรคราส. (ส. ศศิคฺรห).
ศศิธร ศศิธร น. ดวงจันทร์. (ส. ว่า พระอิศวรผู้มีพระจันทร์เป็นปิ่น).
ศศิมณฑล ศศิมณฑล น. ดวงพระจันทร์. (ส.).
ศศิวิมล ศศิวิมล ว. บริสุทธิ์เพียงจันทร์. (ส.).
ศสา ศสา [สะ-] น. แตงกวา. (ส.).
ศอ ศอ น. คอ, ราชาศัพท์ ว่า พระศอ.
ศอก ศอก น. ส่วนของแขน ตรงข้ามกับข้อพับ, ข้อศอก ก็ว่า; ช่วงของแขนตั้งแต่ปลายสุดของข้อพับไปถึงปลายนิ้วกลาง; มาตราวัดตามวิธีประเพณี ๑ ศอก เท่ากับ ๒ คืบ.
ศอกกลับ ศอกกลับ ก. หมุนตัวตีศอกทางด้านหลัง เป็นท่ามวยไทยท่าหนึ่ง; โดยปริยายหมายความว่า ย้อนว่าสวนคํา, พูดตอบสวนควัน, เช่น พอเขาว่ามาก็ศอกกลับไป.
ศอกกำ,ศอกกำมา,ศอกตูม ศอกกำ, ศอกกำมา, ศอกตูม น. ระยะตั้งแต่ข้อศอกจนสุดกํามือ โบราณใช้เป็นหน่วยวัดระยะ เช่น ๔ ศอกกับศอกกํามาหนึ่ง.
ศอกคู้ ศอกคู้ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์หัสตะ มี ๕ ดวง, ดาวศีรษะช้าง ดาวหัสต หรือ ดาวหัฏฐะ ก็เรียก.
ศักดา ศักดา (ปาก) น. อํานาจ เช่น อวดศักดา แผลงศักดา. (ส.).
ศักดิ,ศักดิ-,ศักดิ์ ศักดิ-, ศักดิ์ น. อํานาจ, ความสามารถ, เช่น มีศักดิ์สูง ถือศักดิ์; กำลัง; ฐานะ เช่นมีศักดิ์และสิทธิแห่งปริญญานี้ทุกประการ; หอก, หลาว. (ส. ศกฺติ; ป. สตฺติ).
ศักดินา ศักดินา น. (โบ) อํานาจปกครองที่นา คิดเป็นจำนวนไร่ต่างกันตามศักดิ์ของแต่ละคน เช่น พระโหราธิบดี เจ้ากรมโหรหน้า มีศักดินา ๓,๐๐๐ ไร่ ยาจก วรรณิพก ทาษ ลูกทาษ มีศักดินา ๕ ไร่. (สามดวง); (ปาก) คำประชดเรียกชนชั้นสูงหรือผู้ดีมีเงินว่าพวกศักดินา.
ศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรี น. เกียรติศักดิ์ เช่น ประพฤติตนไม่สมศักดิ์ศรี.
ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ว. ที่เชื่อถือว่ามีอำนาจอาจบันดาลให้สำเร็จได้ดังประสงค์, ขลัง, เช่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคลศักดิ์สิทธิ์.
ศักติ ศักติ น. ชื่อนิกายใหญ่นิกายหนึ่งใน ๓ นิกายของศาสนาฮินดู (คือ นิกายไวษณพ ไศวะ และศักติ) บูชาเทวีซึ่งโดยมากหมายเอาพระทุรคาผู้เป็นศักติ เป็นศรี หรือเป็นชายาของพระศิวะ.
ศักย์,ศักยะ ศักย์, ศักยะ [สัก, สักกะยะ] (ไฟฟ้า) น. พลังงานที่ใช้ดันกระแสไฟฟ้า ณ จุดใดจุดหนึ่ง มีหน่วยเป็นโวลต์.
ศักย,ศักย-,ศักย- ๑ ศักย- ๑ [สักกะยะ-] ว. อาจ, สามารถ. (ส.).
ศักย,ศักย-,ศักย- ๒ ศักย- ๒ [สักกะยะ-] น. ศากยะ. (ส. ศากฺย; ป. สกฺย).
ศักยภาพ ศักยภาพ [สักกะยะพาบ] (ปรัชญา) น. ภาวะแฝง, อํานาจหรือคุณสมบัติที่มีแฝงอยู่ในสิ่งต่าง ๆ อาจทําให้พัฒนาหรือให้ปรากฏเป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้ เช่น เขามีศักยภาพในการทำงานสูง น้ำตกขนาดใหญ่มีศักยภาพในการให้พลังงานได้มาก.
ศักร,ศักร- ศักร- [สักกฺระ-] น. พระอินทร์. (ส.; ป. สกฺก).
ศักรภพน์ ศักรภพน์ น. โลกพระอินทร์, สวรรค์ชั้นดาวดึงส์. (ส.).
ศักราช ศักราช [สักกะหฺราด] น. อายุเวลาซึ่งกําหนดตั้งขึ้นเป็นทางการ เริ่มแต่จุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นที่หมายเหตุการณ์สําคัญ เรียงลําดับกันเป็นปี ๆ ไป เช่น พุทธศักราช ๑, ๒, ๓, ... จุลศักราช ๑, ๒, ๓, ... (ตามความนิยมที่ใช้เป็นธรรมเนียมกันมา, คํา ศักราช ในคําเช่น พุทธศักราช คริสต์ศักราช จะใช้ว่า ศก เป็น พุทธศก คริสต์ศก ก็ได้ แต่คําเช่น มหาศักราช จุลศักราช ไม่นิยมใช้ว่า มหาศก จุลศก ส่วนคําว่า รัตนโกสินทรศก ไม่นิยมใช้ว่า รัตนโกสินทรศักราช), (ปาก) โดยปริยายหมายความว่า ช่วงใดช่วงหนึ่งซึ่งเริ่มต้นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตบุคคล เช่น เริ่มศักราชแห่งชีวิตใหม่ พอเรียนหนังสือจบก็เริ่มศักราชของการทำงาน.
ศักรินทร์,ศักเรนทร์ ศักรินทร์, ศักเรนทร์ น. พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่. (ส. ศกฺร + อินฺทฺร).
ศังกร ศังกร [สังกอน] น. นามพระอิศวรผู้ประสาทความสุขเกษม. (ส.).
ศังกา ศังกา น. ความสงสัย, ความลังเล. (ส.; ป. สงฺก).
ศังกุ ศังกุ น. หลาว, หอก. (ส.).
ศัตรู ศัตรู [สัดตฺรู] น. ข้าศึก, ปรปักษ์, เช่น ศัตรูจากภายนอกประเทศ เพลี้ยเป็นศัตรูพืช, ผู้จองเวร เช่น ๒ ตระกูลนี้เป็นศัตรูกันมาหลายชั่วคนแล้ว. (ส. ศตฺรุ; ป. ตฺตุ).
ศัทธนะ ศัทธนะ [สัดทะนะ] ก. พัด (ใช้แก่ลม), มีลมพัดมา. (บ.).
ศันสนะ ศันสนะ [สันสะ-] น. การสรรเสริญ, การบอกเล่า. (ส. ศํสน).
ศันสนีย์ ศันสนีย์ [-สะนี] ว. พึงสรรเสริญ, พึงชม. (ส. ศํสนีย).
ศัพท,ศัพท-,ศัพท์ ศัพท-, ศัพท์ [สับทะ-, สับ] น. เสียง เช่น โทรศัพท์, คำ เช่น ศัพท์บัญญัติ; คำยากที่ต้องแปล, ศัพท์แสง ก็ว่า; เรื่อง เช่น ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด. (ส. ศพฺท; ป. สทฺท ว่า เสียง, คํา).
ศัพท์เฉพาะวิชา ศัพท์เฉพาะวิชา น. คำที่ตราหรือกำหนดขึ้นใช้ในแต่ละวิชา เช่น ปฏิชีวนะ ประสบการณ์ มลพิษ.
ศัพท์บัญญัติ ศัพท์บัญญัติ น. คำที่ตราหรือกำหนดขึ้นไว้ให้มีความหมายเฉพาะเป็นเรื่อง ๆ ไป เช่น โทรทัศน์ ธนาคาร รัฐวิสาหกิจ.
ศัพทมูลวิทยา ศัพทมูลวิทยา [สับทะมูนละ-, สับทะมูน-] น. วิชาว่าด้วยที่มาและประวัติของคํา. (อ. etymology).
ศัพท์สำเนียง ศัพท์สำเนียง น. เสียง เช่น ข้างนอกเสียงเอ็ดอึง อยู่ข้างในฟังไม่ได้ศัพท์สำเนียง.
ศัพท์แสง ศัพท์แสง (ปาก) น. คำยากที่ต้องแปล เช่น เขาชอบพูดจาเล่นศัพท์แสง ฟังไม่รู้เรื่อง.
ศัยยา ศัยยา น. ที่นอน, ฟูก, เบาะ. (ส.; ป. เสยฺยา).
ศัล,ศัลกะ ศัล, ศัลกะ [สัน, สันละกะ] น. เปลือกไม้. (ส. ศลฺล, ศลฺก).
ศัลกี ศัลกี [สันละกี] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Boswellia serrata Roxb. ในวงศ์ Burseraceae ยางมีกลิ่นหอม ใช้ทํายาได้. (ส. ศลฺลกี; ป. สลฺลกี).
ศัลย,ศัลย- ศัลย- [สันละยะ-, สันยะ-] น. ลูกศรหรือของมีปลายแหลมอื่น ๆ. (ส.).
ศัลยกรรม ศัลยกรรม [สันละยะกำ] น. การรักษาโรคโดยวิธีผ่าตัด.
ศัลยกรรมตกแต่ง ศัลยกรรมตกแต่ง น. การผ่าตัดอวัยวะเพื่อรักษาหรือปรับปรุงรูปร่างของอวัยวะให้สวยงามและเหมาะสม โดยอวัยวะนั้น ๆ คงทำหน้าที่ได้ตามปรกติ รวมทั้งเป็นการบูรณะส่วนที่ผิดปรกติให้กลับสู่สภาพปรกติด้วย.
ศัลยแพทย์ ศัลยแพทย์ [สันละยะแพด] น. แพทย์ทางการผ่าตัด.
ศัลยศาสตร์ ศัลยศาสตร์ [สันละยะสาด] น. วิชาว่าด้วยการรักษาโรคโดยวิธีผ่าตัด.
ศัสดร ศัสดร [สัดดอน] น. ศัสตรา, ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง. (ส.).
ศัสตร,ศัสตร- ศัสตร- [สัดตฺระ-] น. ศัสตรา, ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง. (ส.).
ศัสตรกรรม ศัสตรกรรม น. การผ่าตัดทางแพทย์. (ส.).
ศัสตรการ ศัสตรการ น. คนทําอาวุธ. (ส.).
ศัสตรศาสตร์ ศัสตรศาสตร์ น. วิชาใช้อาวุธ, วิชาทหาร.
ศัสตรา,ศัสตราวุธ ศัสตรา, ศัสตราวุธ [สัดตฺรา, สัดตฺราวุด] น. ของมีคมเป็นเครื่องฟันแทง, อาวุธต่าง ๆ. (ส.).
ศัสยะ ศัสยะ [สัดสะยะ] น. ข้าวกล้า. (ส.; ป. สสฺส).
ศาก,ศาก-,ศากะ ศาก-, ศากะ [สากะ-] น. ผัก; ต้นสัก. (ส.).
ศากตะ ศากตะ [สากตะ] น. ผู้นับถือนิกายศักติ.
ศากภักษ์ ศากภักษ์ น. คนที่กินแต่ผัก (ไม่กินเนื้อ). (ส.).
ศากย,ศากย-,ศากยะ ศากย-, ศากยะ [สากกะยะ] น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์ เรียกว่า ศากยวงศ์, เรียกกษัตริย์ในวงศ์นี้ว่า ศากยะ. (ส. ศากฺย; ป. สกฺย).
ศากยเกตุ,ศากยพุทธ,ศากยมุนี ศากยเกตุ, ศากยพุทธ, ศากยมุนี น. พระนามพระพุทธเจ้าผู้มีเชื้อสายศากยวงศ์. (ส.).
ศาฎก ศาฎก [-ดก] น. ผ้า. (ส. ศาฏก; ป. สาฏก).
ศาฐยะ ศาฐยะ [สาถะ-] น. สาไถย, ความคดโกง. (ส.; ป. สาเถยฺย).
ศาณ,ศาณ ๑ ศาณ ๑ น. หินลับมีด, หินเจียระไน. (ส.).
ศาณ,ศาณ ๒ ศาณ ๒ น. ผ้าป่าน.<2t>ว. ทําด้วยป่านหรือปอ. (ส.; ป. สาณ).
ศาต ศาต ว. ลับแล้ว, คม, แหลม; แบบบาง. (ส.).
ศานต,ศานต-,ศานต์ ศานต-, ศานต์ [สานตะ-, สาน] ว. สงบ. (ส.; ป. สนฺต).
ศานตรส ศานตรส น. รสของคําประพันธ์ที่แสดงถึงความสงบจิต. (ส.).
ศานติ ศานติ น. ความสงบ, ความระงับ. (ส.; ป. สนฺติ).
ศานติก,ศานติก- ศานติก- [สานติกะ-] ว. ที่กําจัดเสนียดจัญไร. (ส.).
ศานติโหม ศานติโหม น. การบูชาไฟเพื่อกําจัดเสนียดจัญไร. (ส.).
ศาป,ศาป- ศาป, ศาป- [สาบ, สาปะ-] (แบบ) น. คําแช่ง, การด่า. (ส.; ป. สาป).
ศาปมุกติ์ ศาปมุกติ์ [สาปะมุก] น. การพ้นจากผลคําแช่ง. (ส.).
ศาปานต์ ศาปานต์ ว. พ้นสาป. (ส.).
ศาพระ ศาพระ [สาพะระ] ว. โหดร้าย, พยาบาท. (ส.).
ศารท ศารท [สาด] ว. เกี่ยวกับหรือเกิดในฤดูใบไม้ร่วง; เทศกาลทําบุญสิ้นเดือน ๑๐. (ส.; ป. สารท).
ศารทวิษุวัต ศารทวิษุวัต [สาระทะ-] (ดารา) น. จุดราตรีเสมอภาคที่เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปถึงในราววันที่ ๒๔ กันยายน (autumnal equinox), คู่กับ วสันตวิษุวัต.
ศารทูล ศารทูล [สาระ-] น. เสือโคร่ง. (ส. ศารฺทูล; ป. สทฺทูล).
ศาริกา ศาริกา น. นกจําพวกนกเอี้ยง. (ส.; ป. สาลิกา).
ศาล ศาล [สาน] น. (กฎ) องค์กรที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษาอรรถคดีโดยดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมายและในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ ได้แก่ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และศาลทหาร; ที่ชำระความ เช่น ศาลแพ่ง ศาลอาญา; ที่สิงสถิตของเทวดา เทพารักษ์ หรือเจ้าผี เป็นต้น เช่น ศาลเทพารักษ์ ศาลเจ้า ศาลเจ้าแม่ทับทิม.
ศาลกงสุล ศาลกงสุล (เลิก) น. ศาลของประเทศที่มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ที่ตั้งขึ้นในอีกประเทศหนึ่ง เพื่อให้กงสุลเป็นผู้พิจารณาคดีคนในบังคับของตน.
ศาลแขวง ศาลแขวง (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีและมีอํานาจไต่สวนหรือมีคําสั่งใด ๆ ซึ่งผู้พิพากษาคนเดียวมีอํานาจตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ระบุไว้ในพระธรรมนูญศาลยุติธรรม.
ศาลคดีเด็กและเยาวชน ศาลคดีเด็กและเยาวชน (กฎ; เลิก) ดู ศาลเยาวชนและครอบครัว.
ศาลจังหวัด ศาลจังหวัด (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นที่ตั้งประจําในแต่ละจังหวัดหรือในบางอําเภอ มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งและคดีอาญาทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่นในเขตอํานาจศาลตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดนั้นได้กําหนดไว้.
ศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้น (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นต้นทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา และคดีตามที่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลนั้นกำหนดไว้ ได้แก่ ศาลแขวง ศาลจังหวัด ศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอาญาธนบุรี และศาลยุติธรรมอื่น เช่น ศาลภาษีอากรกลาง.
ศาลฎีกา ศาลฎีกา (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค และคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นโดยตรงต่อศาลฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการอุทธรณ์หรือฎีกา และคดีที่กฎหมายอื่นบัญญัติให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษา รวมทั้งมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดหรือสั่งคำร้องคำขอที่ยื่นต่อศาลฎีกาตามกฎหมาย.
ศาลเตี้ย ศาลเตี้ย (ปาก) น. เรียกการที่คนหรือกลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจดำเนินคดีตามกฎหมายจับกุมคนมาชำระตัดสินความโดยพลการว่า ตั้งศาลเตี้ย.
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเป็นศาลชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งหรือคดีอาญาที่กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ เช่น คดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และคดีแพ่งเกี่ยวกับข้อพิพาทตามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยีหรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าหรือตราสารการเงินระหว่างประเทศ หรือการให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัย และนิติกรรมอื่นที่เกี่ยวเนื่อง คดีแพ่งหรือคดีอาญาที่เกี่ยวกับข้อพิพาทในการออกแบบวงจร รวมการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ชื่อทางการค้า ชื่อทางภูมิศาสตร์ที่แสดงถึงแหล่งกำเนิดของสินค้า ความลับทางการค้าและการคุ้มครองพันธุ์พืช.
ศาลทหาร ศาลทหาร (กฎ) น. ศาลในสังกัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาวางบทลงโทษผู้กระทําผิดต่อกฎหมายทหารหรือกฎหมายอื่นในทางอาญา ในคดีซึ่งผู้กระทําผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอํานาจศาลทหารในขณะกระทําผิด และมีอํานาจสั่งลงโทษบุคคลใด ๆ ที่กระทําผิดฐานละเมิดอํานาจศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.
ศาลปกครอง ศาลปกครอง (กฎ) น. ศาลที่มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครอง ตามที่กฎหมายบัญญัติอันได้แก่ คดีพิพาทที่เกิดจากการกระทำทางปกครองไม่ว่าจะเป็นคดีที่เป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐบาลกับเอกชน หรือระหว่างหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ในบังคับบัญชาหรือในกำกับดูแลของรัฐบาลด้วยกัน.
ศาลโปริสภา ศาลโปริสภา [สานโปริดสะพา] (กฎ; เลิก) น. ศาลชั้นต้นที่จัดตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ แทนศาลกองตระเวนเมื่อ ร.ศ. ๑๑๒ มีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีทํานองเดียวกับศาลแขวงปัจจุบัน.
ศาลพระภูมิ ศาลพระภูมิ น. ที่สถิตของเทพารักษ์ประจำพื้นที่และสถานที่ ทำด้วยไม้เป็นเรือนหลังคาทรงไทยตั้งอยู่บนเสาเดียว ปัจจุบันทำด้วยปูนเป็นรูปปราสาทก็มี.
ศาลเพียงตา ศาลเพียงตา น. ศาลเทพารักษ์ที่ทําขึ้นชั่วคราว มีระดับเสมอนัยน์ตา เพื่อความเคารพและสวัสดิมงคลเป็นต้น.
ศาลแพ่ง ศาลแพ่ง (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งทั้งปวงและคดีอื่นใดที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น.
ศาลภาษีอากร ศาลภาษีอากร (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเป็นศาลชำนัญพิเศษมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีแพ่งที่กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลภาษีอากร เช่น คดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานหรือคณะกรรมการตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร.
ศาลยุติธรรม ศาลยุติธรรม (กฎ) น. ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น ศาลยุติธรรมมี ๓ ชั้น คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา, เดิมเรียกว่า ศาลสถิตยุติธรรม.
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (กฎ) น. องค์กรใหญ่ฝ่ายตุลาการขององค์การสหประชาชาติ ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ (ค.ศ. ๑๙๔๖) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ สืบต่อจากศาลประจำยุติธรรมระหว่างประเทศของสันนิบาตชาติ (Permanent Court of International Justice) ตามบทบัญญัติต่อท้ายกฎบัตรองค์การสหประชาชาติ มีอำนาจจำกัดเฉพาะการพิจารณาตัดสินคดีแพ่งที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติด้วยกัน ซึ่งประเทศคู่กรณียินยอมให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทต่าง ๆ ทางกฎหมายและสนธิสัญญาตามที่สมัชชาใหญ่คณะมนตรีความมั่นคง หรือองค์การชำนัญพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติร้องขอ, เรียกย่อว่า ศาลโลก. (อ. International Court of Justice).
ศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลเยาวชนและครอบครัว (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่งในคดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทําความผิด หรือคดีอาญาที่ศาลซึ่งมีอํานาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตามกฎหมาย หรือคดีครอบครัวอันได้แก่คดีแพ่งที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทําการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวแล้วแต่กรณี ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือคดีที่ศาลจะต้องพิพากษาหรือสั่งเกี่ยวกับตัวเด็กและเยาวชนตามบทบัญญัติของกฎหมายซึ่งบัญญัติให้เป็นอํานาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและครอบครัว ได้แก่ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด หรือแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลจังหวัดซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว.
ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ (กฎ) น. ศาลที่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ เช่น การพิจารณาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอรรถคดีทั่วไป.
ศาลแรงงาน ศาลแรงงาน (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเป็นศาลชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งในคดีที่กฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลแรงงาน เช่น คดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงาน หรือตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หรือคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ หรือคดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างสืบเนื่องจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน.
ศาลล้มละลาย ศาลล้มละลาย (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งเป็นศาลชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลายที่มิใช่คดีอาญา เช่น คดีที่เจ้าหนี้ไม่มีประกันหรือเจ้าหนี้มีประกันฟ้องลูกหนี้ผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวให้ล้มละลาย นอกจากนั้นยังรวมถึงคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีดังกล่าวด้วย ได้แก่ คดีแพ่งธรรมดาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้บริหารแผนของลูกหนี้พิพาทกับบุคคลใด ๆ อันมีมูลจากสัญญาหรือละเมิดอันเนื่องมาจากการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้.
ศาลโลก ศาลโลก (ปาก) น. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ.
ศาลสถิตยุติธรรม ศาลสถิตยุติธรรม (กฎ; โบ) น. เป็นคำรวมที่ใช้เรียกศาลยุติธรรมทั้งปวง.
ศาลสูง ศาลสูง (กฎ) น. ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา.
ศาลสูงสุด ศาลสูงสุด (กฎ) น. ศาลที่อยู่ในลำดับสูงสุดเหนือศาลทั้งหลายในสายเดียวกัน คดีที่ศาลสูงสุดพิจารณาพิพากษาแล้วถือว่าถึงที่สุด.
ศาลอาญา ศาลอาญา (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นต้นซึ่งมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงที่มิได้อยู่ในอำนาจของศาลยุติธรรมอื่น รวมทั้งคดีอื่นใดที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีอาญาแล้วแต่กรณี.
ศาลอาญาศึก ศาลอาญาศึก (กฎ) น. ศาลที่ตั้งขึ้นเมื่อหน่วยทหารหรือเรือรบอยู่ในยุทธบริเวณ เพื่อพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวงซึ่งการกระทำผิดเกิดขึ้นในเขตอำนาจได้ทุกบทกฎหมายและไม่จำกัดตัวบุคคล.
ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ (กฎ) น. ศาลยุติธรรมชั้นสูงถัดจากศาลฎีกาลงมา ได้แก่ ศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค มีอํานาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นต้นตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการอุทธรณ์และว่าด้วยเขตอํานาจศาล และมีอำนาจพิพากษายืนตาม แก้ไข กลับ หรือยกคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต เมื่อคดีนั้นได้ส่งขึ้นมายังศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค วินิจฉัยชี้ขาดคำร้องคำขอที่ยื่นต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาคตามกฎหมาย และวินิจฉัยชี้ขาดคดีที่ศาลอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาคมีอํานาจวินิจฉัยได้ตามกฎหมายอื่นด้วย.
ศาลอุทธรณ์ภาค ศาลอุทธรณ์ภาค (กฎ) ดู ศาลอุทธรณ์.
ศาลา ศาลา น. อาคารทรงไทย ปล่อยโถง ไม่กั้นฝา ใช้เป็นที่พักหรือเพื่อประโยชน์การงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ศาลาวัด ศาลาที่พัก ศาลาท่านํ้า, โดยปริยายหมายถึงอาคารหรือสถานที่บางแห่ง ใช้เพื่อประโยชน์การงานอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ศาลาพักร้อน ศาลาสวดศพ. (ส.; ป. สาลา).
ศาลากลาง ศาลากลาง น. อาคารที่ใช้เป็นที่ทำการของจังหวัด เช่น ศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา.
ศาลากลางย่าน ศาลากลางย่าน น. อาคารทรงไทย คล้ายศาลาการเปรียญ นิยมสร้างไว้กลางหมู่บ้าน สำหรับให้คนในหมู่บ้านมาประชุม ทำบุญ หรือฟังธรรม เช่น ศาลากลางย่านที่ตำบลบ้านบุ, ศาลาโรงธรรม ก็เรียก.
ศาลาการเปรียญ ศาลาการเปรียญ น. ศาลาวัดสำหรับพระสงฆ์แสดงธรรม.
ศาลาฉทาน ศาลาฉทาน [-ฉ้อทาน] น. สถานที่แจกจ่ายอาหารแก่คนทั่วไปเป็นการกุศล, ฉทานศาลา ก็เรียก.
ศาลาดิน ศาลาดิน น. ศาลาที่ใช้พื้นดินเป็นพื้นหรือพื้นติดดิน ใช้ประกอบศาสนกิจเป็นต้น เช่น ศาลาดินที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม.
ศาลาตักบาตร,ศาลาบาตร ศาลาตักบาตร, ศาลาบาตร น. ศาลาที่ลักษณะเป็นโรงยาว มีฐานสำหรับตั้งบาตรได้หลายลูก มักปลูกไว้ในย่านกลางหมู่บ้านที่อยู่ไกลวัด ในเวลาเทศกาลที่นิมนต์พระมาเจริญพระพุทธมนต์ ก็จะตั้งบาตรเรียงไว้ที่ศาลานั้นเพื่อให้ประชาชนได้ตักบาตร.
ศาลาประชาคม ศาลาประชาคม น. สถานที่หรืออาคารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประชุมประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ของประชาชนในชุมชนนั้น ๆ.
ศาลายก ศาลายก น. ศาลาที่ยกพื้นสูงใช้ประกอบศาสนกิจเป็นต้น เช่น ศาลายกที่หน้าวัดสุทัศนเทพวราราม.
ศาลาราย ศาลาราย น. ศาลาที่สร้างเป็นหลัง ๆ เรียงเป็นแนวรอบโบสถ์หรือวิหาร เช่น ศาลารายวัดพระศรีรัตนศาสดาราม.
ศาลาโรงธรรม ศาลาโรงธรรม น. ศาลากลางย่าน.
ศาลาลงสรง ศาลาลงสรง [-สง] น. ศาลาที่สร้างขึ้นชั่วคราวสำหรับใช้ในพระราชพิธีโสกันต์หรือพระราชพิธีเกศากันต์และพระราชพิธีลงท่า.
ศาลาลูกขุน ศาลาลูกขุน (โบ) น. ที่ทำการของลูกขุน.
ศาลาวัด ศาลาวัด น. อาคารที่ปลูกไว้ในวัดสำหรับทำบุญและศึกษาเล่าเรียนเป็นต้น.
ศาลาสรง ศาลาสรง [-สง] (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ศาลาขนาดย่อมมุงหลังคาและมีฝากั้นมิดชิด ใช้เป็นที่สรงนํ้าพระสงฆ์ที่เคารพนับถือ ปฏิบัติกันในเทศกาลสงกรานต์โดยทํารางนํ้ารูปนาคพาดเข้าไปในศาลา เวลาสรงนํ้าพระให้เทนํ้าลงบนรางนั้น.
ศาศวัต ศาศวัต [สาดสะ-] ว. ยั่งยืน. (ส. ศาศฺวต; ป. สสฺสต).
ศาสก ศาสก [สา-สก] น. ครู, ผู้สอน, ผู้ชี้แจง, ผู้ปกครอง. (ส.).
ศาสดา ศาสดา [สาดสะดา] น. ผู้ตั้งลัทธิศาสนา เช่น ศาสดาทั้ง ๖, คำเรียกพระพุทธเจ้าว่า พระบรมศาสดา. (ส. ศาสฺตา; ป. สตฺถา).
ศาสตร,ศาสตร-,ศาสตร์ ศาสตร-, ศาสตร์ [สาดตฺระ-, สาดสะตฺระ-, สาด] น. ระบบวิชาความรู้, มักใช้ประกอบหลังคําอื่น เช่น วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มนุษยศาสตร์. (ส.).
ศาสตรา ศาสตรา [สาดตฺรา] น. ศัสตรา.
ศาสตราจารย์ ศาสตราจารย์ [สาดตฺรา-, สาดสะตฺรา-] น. ตําแหน่งทางวิชาการชั้นสูงสุดของสถาบันระดับอุดมศึกษา.
ศาสน์ ศาสน์ (โบ) น. คําสั่ง, คําสั่งสอน, โดยปริยายหมายถึง พระราชหัตถเลขาทางราชการและลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช เช่น พระราชศาสน์ สมณศาสน์. (ส.; ป. สาสน).
ศาสน,ศาสน-,ศาสนา ศาสน-, ศาสนา [สาสะนะ-, สาดสะนะ-, สาดสะหฺนา] น. ลัทธิความเชื่อถือของมนุษย์อันมีหลัก คือแสดงกําเนิดและความสิ้นสุดของโลกเป็นต้น อันเป็นไปในฝ่ายปรมัตถ์ประการหนึ่ง แสดงหลักธรรมเกี่ยวกับบุญบาปอันเป็นไปในฝ่ายศีลธรรมประการหนึ่ง พร้อมทั้งลัทธิพิธีที่กระทําตามความเห็นหรือตามคําสั่งสอนในความเชื่อถือนั้น ๆ. (ส. ศาสน ว่า คําสอน, ข้อบังคับ; ป. สาสน).
ศาสนกิจ ศาสนกิจ น. งานทางศาสนาที่ภิกษุสามเณรเป็นต้นปฏิบัติ เช่น การทำวัตรสวดมนต์และการเผยแผ่ศาสนาเป็นศาสนกิจของสงฆ์.
ศาสนจักร ศาสนจักร [สาสะนะจัก, สาดสะนะจัก] น. อํานาจปกครองทางศาสนา เช่น ไตรภูมิโลกวินิจฉัยเป็นวรรณกรรมฝ่ายศาสนจักร, ถ้าเป็นฝ่ายพระพุทธศาสนา เรียกว่า พุทธจักร, ถ้าเป็นฝ่ายคริสต์ศาสนา เรียกว่า คริสตจักร, คู่กับ อาณาจักร ซึ่งหมายความว่า อํานาจปกครองทางบ้านเมือง.
ศาสนธรรม ศาสนธรรม น. คำสั่งสอนในศาสนา เช่น ศาสนิกชนควรปฏิบัติตามศาสนธรรมในศาสนาของตน.
ศาสนบุคคล ศาสนบุคคล น. นักบวชในศาสนา เช่น ภิกษุสามเณรเป็นศาสนบุคคลของพระพุทธศาสนา.
ศาสนพิธี ศาสนพิธี น. พิธีกรรมทางศาสนา เช่น พิธีทอดกฐิน พิธีอุปสมบท เป็นศาสนพิธีของพระพุทธศาสนา.
ศาสนวัตถุ ศาสนวัตถุ น. วัตถุที่เกี่ยวเนื่องทางศาสนา มักเป็นสิ่งที่เคารพบูชา เช่น พระพุทธรูปเป็นศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนา.
ศาสนศาสตร์ ศาสนศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยศาสนาต่าง ๆ.
ศาสนสถาน ศาสนสถาน น. สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น โบสถ์ วิหาร สถูป เจดีย์ เป็นศาสนสถานทางพระพุทธศาสนา มัสยิดเป็นศาสนสถานทางศาสนาอิสลาม.
ศาสนสมบัติ ศาสนสมบัติ น. ทรัพย์สินของพระศาสนาทั้งที่เป็นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ มี ๒ อย่าง คือ ศาสนสมบัติกลาง และศาสนสมบัติของวัด.
ศาสนสมบัติกลาง ศาสนสมบัติกลาง น. ทรัพย์สินของพระศาสนาโดยส่วนรวม ส่วนใหญ่ได้แก่ ที่ดิน อาคาร และดอกผลที่เกิดขึ้นจากที่ดินและอาคารนั้น ๆ รวมทั้งที่ดินวัดร้างทั่วประเทศที่ทางการได้ประกาศยุบเลิกวัดแล้ว.
ศาสนสมบัติของวัด ศาสนสมบัติของวัด น. ทรัพย์สินของวัดใดวัดหนึ่งรวมทั้งปูชนียสถานที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด เช่น พระปฐมเจดีย์เป็นศาสนสมบัติของวัดพระปฐมเจดีย์ พระธาตุพนมเป็นศาสนสมบัติของวัดธาตุพนม พระธาตุดอยสุเทพเป็นศาสนสมบัติของวัดพระธาตุดอยสุเทพ.
ศาสนิกชน ศาสนิกชน น. บุคคลที่นับถือศาสนา เช่น ศาสนิกชนของพระพุทธศาสนา เรียกว่า พุทธศาสนิกชน ศาสนิกชนของคริสต์ศาสนา เรียกว่า คริสต์ศาสนิกชน.
ศาสนีย,ศาสนีย-,ศาสนีย์ ศาสนีย-, ศาสนีย์ [สาสะนียะ-, สาสะนี] ว. สมควรจะสั่งสอน. (ส.).
ศาสนูปถัมภก ศาสนูปถัมภก [สาสะนูปะถําพก, สาดสะนูปะถําพก] น. ผู้ทะนุบํารุงศาสนา, ถ้าใช้แก่พระมหากษัตริย์ เรียกว่า องค์เอกอัครศาสนูปถัมภก. (ส. ศาสนูปสฺตมฺภก; ป. สาสนูปตฺถมฺภก).
ศิกษก,ศิกษกะ ศิกษก, ศิกษกะ [สิก-สก, สิกสะกะ] น. ผู้เล่าเรียน; ครู, ผู้สอน; ผู้รู้. (ส.).
ศิการ ศิการ ก. หาเนื้อหาปลา. (บ.).
ศิขร ศิขร [-ขอน] น. ยอด, ยอดเขา, ภูเขา, ใช้ว่า ศิงขร หรือ ศีขร ก็มี. (ส.).
ศิขริน,ศิขรี ศิขริน, ศิขรี [สิขะ-] น. ภูเขา.<2t>ว. มียอด, ใช้ว่า ศิงขริน หรือ ศิงขรี ก็มี. (ส. ศิขรินฺ).
ศิขัณฑ์ ศิขัณฑ์ น. จุกหรือแกละ; หงอน. (ส.).
ศิขา ศิขา น. จุก; หงอน; เปลวไฟ. (ส.; ป. สิข).
ศิคาล ศิคาล น. หมาจิ้งจอก. (ส. ศฺฤคาล; ป. สิงฺคาล).
ศิงขร ศิงขร น. ศิขร, ภูเขา. (ส. ศิขร).
ศิงขริน,ศิงขรี ศิงขริน, ศิงขรี น. ศิขริน, ภูเขา.<2t>ว. มียอด.
ศิตะ ศิตะ ว. คม. (ส.).
ศิถี ศิถี น. พวงดอกไม้, พวงมาลัย. (บ.).
ศิพิระ ศิพิระ น. ค่ายทหาร. (ส. ศิวิร ว่า ปะรํา, ค่าย).
ศิร,ศิร-,ศิระ ศิร-, ศิระ [สิระ-] น. หัว, ยอด, ด้านหน้า. (ส. ศิรสฺ; ป. สิร).
ศิรประภา ศิรประภา น. รัศมีที่พวยพุ่งขึ้นจากศีรษะของผู้ศักดิ์สิทธิ์และพระพุทธรูป. (ส.; ป. สิรปภา).
ศิรา ศิรา น. นํ้า, ลําธาร, คลอง, ท่อ. (เขียน สิลา ก็มี).
ศิราภรณ์ ศิราภรณ์ (ราชา) น. เครื่องประดับศีรษะ เช่น พระมาลา มงกุฎ กรอบหน้า ผ้าโพกหัว.
ศิรามพุช ศิรามพุช น. หัว. (เทียบ ส. ศิร = หัว + อมฺพุช = บัว, รวมความ = หัวต่างดอกบัว).
ศิโรรัตน์ ศิโรรัตน์ น. เพชรประดับหัว. (ส.).
ศิโรราบ ศิโรราบ ก. กราบกราน, ยอมอ่อนน้อม.
ศิโรเวฐน์ ศิโรเวฐน์ น. ผ้าโพก. (ส. ศิโรเวษฺฏ, ศิโรเวษฺฏน; ป. สิโรเวน).
ศิลป์,ศิลป์ ๒ ศิลป์ ๒ [สิน] (กลอน) น. ศร เช่น งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ งามขนงวงวาดดังคันศิลป์. (อิเหนา), พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดั่งจันทร พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์. (รามเกียรติ์ ร. ๑).
ศิลปะ,ศิลป-,ศิลป์,ศิลป์ ๑,ศิลปะ ศิลป-, ศิลป์ ๑, ศิลปะ [สินละปะ-, สิน, สินละปะ] น. ฝีมือ, ฝีมือทางการช่าง, การทำให้วิจิตรพิสดาร, เช่น เขาทำดอกไม้ประดิดประดอยอย่างมีศิลปะ ผู้หญิงสมัยนี้มีศิลปะในการแต่งตัว รูปสลักวีนัสเป็นรูปศิลป์; การแสดงออกซึ่งอารมณ์สะเทือนใจให้ประจักษ์ด้วยสื่อต่าง ๆ อย่างเสียง เส้น สี ผิว รูปทรง เป็นต้น เช่น ศิลปะการดนตรี ศิลปะการวาดภาพ ศิลปะการละคร วิจิตรศิลป์. (ส. ศิลฺป; ป. สิปฺป ว่า มีฝีมืออย่างยอดเยี่ยม).
ศิลปกร,ศิลปะการ,ศิลปการ ๑ ศิลปกร, ศิลปการ ๑ น. นายช่างฝีมือ. (ส.).
ศิลปกรรม ศิลปกรรม น. สิ่งที่เป็นศิลปะ, สิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นศิลปะ, เช่น งานประติมากรรม งานสถาปัตยกรรมจัดเป็นศิลปกรรม.
ศิลปการ,ศิลปการ ๒,ศิลปกิจ ศิลปการ ๒, ศิลปกิจ น. การช่างฝีมือ.
ศิลปธาตุ ศิลปธาตุ น. สิ่งที่เป็นส่วนประกอบร่วมในการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยเฉพาะงานประเภททัศนศิลป์ ได้แก่ เส้น สี ผิว เป็นต้น.
ศิลปลักษณะ ศิลปลักษณะ น. คุณสมบัติของงานศิลปกรรมที่ปรากฏให้เห็นได้จากรูปวัตถุที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างมีระเบียบ มีความกลมกลืนและความเรียบง่าย.
ศิลปวัตถุ ศิลปวัตถุ น. วัตถุอันเป็นผลงานสร้างสรรค์ทางทัศนศิลป์ที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะ เช่น ภาพเขียน รูปปั้น เครื่องลายคราม เครื่องถม; (กฎ) น. สิ่งที่ทำด้วยฝีมืออย่างประณีตและมีคุณค่าสูงในทางศิลปะ.
ศิลปวิทยา ศิลปวิทยา น. ศิลปะและวิชาการ.
ศิลปศาสตร์ ศิลปศาสตร์ น. วิชาต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่วิชาทางเทคนิค หรือทางอาชีพ เช่น ภาษาศาสตร์ ปรัชญา ประวัติศาสตร์; ตำราว่าด้วยวิชาความรู้ต่าง ๆ ในสมัยก่อนพุทธกาล มี ๑๘ ประการ ได้แก่ ๑. สูติ วิชาฟังเสียงคนเสียงสัตว์รู้ว่าดีหรือร้าย ๒. สัมมติ วิชาเข้าใจในกฎธรรมเนียม ๓. สังขยา วิชาคำนวณ ๔. โยคยันตร์ วิชาการช่าง ๕. นีติ วิชาแบบแผนราชการ ๖. วิเสสิกา วิชาการค้า ๗. คันธัพพา วิชานาฏศิลป์ ๘. คณิกา วิชากายบริหาร ๙. ธนุพเพธา วิชายิงธนู ๑๐. ปุราณา วิชาโบราณคดี ๑๑. ติกิจฉา วิชาการแพทย์ ๑๒. อิติหาสา วิชาตำนานหรือประวัติศาสตร์ ๑๓. โชติ วิชาดาราศาสตร์ ๑๔. มายา วิชาตำราพิชัยสงคราม ๑๕. ฉันทสา วิชาการประพันธ์ ๑๖. เกตุ วิชาพูด ๑๗. มันตา วิชาร่ายมนตร์ ๑๘. สัททา วิชาไวยากรณ์.
ศิลปศึกษา ศิลปศึกษา น. วิชาว่าด้วยการเรียนการสอนศิลปะ เช่น ทฤษฎีศิลป์ ประวัติศาสตร์ศิลป์.
ศิลปหัตถกรรม ศิลปหัตถกรรม น. ศิลปวัตถุที่เป็นผลงานประเภทศิลปะประยุกต์ มีจุดประสงค์และความต้องการในด้านประโยชน์ใช้สอย เช่น งานโลหะ งานถักทอ งานเย็บปักถักร้อย.
ศิลปะปฏิบัติ ศิลปะปฏิบัติ น. วิชาว่าด้วยการปฏิบัติทางศิลปะ เช่น วาดเขียน ปั้นดิน จักสาน เย็บปักถักร้อย.
ศิลปะประยุกต์ ศิลปะประยุกต์ น. กรรมวิธีในการนำทฤษฎีและหลักการทางศิลปะไปใช้ในภาคปฏิบัติ เพื่อพัฒนาศิลปะให้มีความงามหรือเป็นประโยชน์แก่สังคมยิ่งขึ้นเป็นต้น อย่างในการออกแบบเครื่องแต่งกาย.
ศิลปะพื้นบ้าน ศิลปะพื้นบ้าน น. ศิลปะแขนงต่าง ๆ เช่น วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม นาฏศิลป์ หัตถกรรม ที่ชาวบ้านได้สร้างสรรค์ขึ้นจากการเรียนรู้และฝึกปรือในครอบครัวหรือในหมู่บ้าน เป็นงานสร้างสรรค์ของสังคมชาวบ้าน และได้พัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องกันมาหลายชั่วคน.
ศิลปะสถาปัตยกรรม ศิลปะสถาปัตยกรรม น. ศิลปะลักษณะด้านสถาปัตยกรรมที่ปรากฏในอาคารที่ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม เช่น พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม.
ศิลปิน,ศิลปี ศิลปิน, ศิลปี [สินละ-] น. ผู้มีความสามารถแสดงออกซึ่งคุณสมบัติทางศิลปะในด้านจิตรกรรมประติมากรรมเป็นต้น และมีผลงานเป็นที่ยอมรับนับถือจากสถาบันทางศิลปะแห่งชาติ.
ศิลา ศิลา น. หิน. (ส.; ป. สิลา).
ศิลาปากนก ศิลาปากนก น. หินเหล็กไฟที่ใช้ติดกับปลายเครื่องสับของปืนโบราณบางชนิดเพื่อสับแก๊ปปืนให้เกิดประกายไฟ, หินปากนก ก็เรียก.
ศิลาฤกษ์ ศิลาฤกษ์ น. แผ่นหินที่จารึกดวงชะตาของสถานที่ที่จะก่อสร้างแล้ววางตามฤกษ์.
ศิลาแลง ศิลาแลง น. หินชนิดหนึ่ง เมื่ออยู่ใต้ดินมีลักษณะอ่อน แต่ถูกลมแล้วแข็ง มีสีแดงอย่างอิฐเผา และเป็นรูพรุนเหมือนไม้เพรียงกิน, หินแลง ก็เรียก.
ศิลาอ่อน ศิลาอ่อน น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวนวดปนกับแป้งถั่วเขียวเล็กน้อย ผสมน้ำเชื่อมกวนในกะทิข้น ๆ ให้สุกจนเหนียว ตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยถั่วลิสงคั่วซอยเป็นต้น.
ศิว,ศิว-,ศิวะ ศิว-, ศิวะ [สิวะ-] น. พระอิศวร; พระนิพพาน. (ส.; ป. สิว).
ศิวโมกข์ ศิวโมกข์ น. พระนิพพาน.
ศิวลึงค์ ศิวลึงค์ น. รูปนิมิตแทนองค์พระศิวะหรือพระอิศวร ทําเป็นรูปอวัยวะเพศชาย ถือว่าเป็นวัตถุบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกไศวะ.
ศิวเวท ศิวเวท น. มนตร์สรรเสริญพระศิวะหรือพระอิศวร, ไสยศาสตร์.
ศิวาลัย ศิวาลัย น. ที่ประทับของพระศิวะ; ที่อยู่อันเกษมสุข.
ศิศีระ ศิศีระ น. ฤดูหนาว; ความหนาว, ความเยือกเย็น.<2t>ว. เย็น, หนาว, เย็นเยือก. (ส. ศิศิร).
ศิศุ ศิศุ น. เด็ก, เด็กแดง ๆ, เด็กเล็ก. (ส.).
ศิษฎิ ศิษฎิ [สิดสะดิ] น. การสอน. (ส. ศิษฺฏิ ว่า การปกครอง, การลงโทษ).
ศิษฏ์ ศิษฏ์ ว. ฝึกแล้ว, คงแก่เรียน, อบรมแล้ว, มีปัญญา, มีความรู้. (ส.).
ศิษย,ศิษย-,ศิษย์ ศิษย-, ศิษย์ [สิดสะยะ-, สิด] น. ผู้ศึกษาวิชาความรู้จากครูหรืออาจารย์, คู่กับ ครู หรืออาจารย์, ผู้อยู่ในความคุ้มครองดูแลของอาจารย์ เช่น ศิษย์วัด, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่ศึกษาหาความรู้จากตำราของผู้ใดผู้หนึ่งแล้วนับถือผู้นั้นเป็นเสมือนครูบาอาจารย์ของตน. (ส.).
ศิษย์ก้นกุฏิ ศิษย์ก้นกุฏิ [-กุติ] น. ศิษย์คนโปรดที่อยู่รับใช้ใกล้ชิดอาจารย์ที่กุฏิตลอดเวลาและเป็นผู้ที่อาจารย์ไว้วางใจมาก, โดยปริยายหมายถึงศิษย์คนโปรดของครูบาอาจารย์เพราะเคยรับใช้ใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจของครูบาอาจารย์ มักจะเรียนเก่งด้วย.
ศิษย์เก่า ศิษย์เก่า น. ผู้ที่เคยศึกษาในสถาบันการศึกษาแห่งใดแห่งหนึ่ง เช่น งานชุมนุมศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย.
ศิษย์คิดล้างครู ศิษย์คิดล้างครู (สำ) น. ศิษย์เนรคุณที่มุ่งคิดจะทำลายล้างครูบาอาจารย์.
ศิษย์นอกครู ศิษย์นอกครู (สำ) น. ศิษย์ที่ประพฤติไม่ตรงตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่ประพฤติไม่ตรงตามแบบฉบับที่นิยมกันมา.
ศิษย์มีครู ศิษย์มีครู (สำ) น. คนเก่งที่มีครูเก่ง.
ศิษย์หัวแก้วหัวแหวน ศิษย์หัวแก้วหัวแหวน น. ศิษย์ที่ครูบาอาจารย์รักใคร่เอ็นดูมาก.
ศิษย์เอก ศิษย์เอก น. ศิษย์ที่มีความรู้ความสามารถเป็นเลิศเหนือศิษย์ทั้งปวงหรือเหนือศิษย์แต่ละรุ่น.
ศิษยานุศิษย์ ศิษยานุศิษย์ [สิดสะยานุสิด] น. ศิษย์น้อยใหญ่.
ศีขร ศีขร [สีขอน] น. ศิขร.
ศีขริน,ศีขรี ศีขริน, ศีขรี [สีขะ-] น. ศิขริน, ศิขรี.
ศีต,ศีต- ศีต- [สีตะ-] ว. หนาว, เย็น, เย็นเยือก. (ส.; ป. สีต).
ศีตกาล ศีตกาล น. ฤดูหนาว. (ส.; ป. สีตกาล).
ศีตละ ศีตละ [สีตะละ] ว. หนาว, เย็น, เยือกเย็น. (ส.; ป. สีตล).
ศีรษะ ศีรษะ [สีสะ] น. หัว (เป็นคําสุภาพที่ใช้แก่คน). (ส.; ป. สีส)
ศีรษะกระบือ ศีรษะกระบือ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์วิศาขา มี ๕ ดวง, ดาวคันฉัตร หรือ ดาววิสาขะ ก็เรียก.
ศีรษะโค ศีรษะโค น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก.
ศีรษะช้าง ศีรษะช้าง น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์หัสตะ มี ๕ ดวง, ดาวศอกคู้ ดาวหัสตะ หรือ ดาวหัฏฐะ ก็เรียก.
ศีรษะเนื้อ ศีรษะเนื้อ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือดาวอาครหายณี ก็เรียก.
ศีล ศีล [สีน] น. ข้อบัญญัติทางพระพุทธศาสนาที่กําหนดการปฏิบัติกายและวาจา เช่น ศีล ๕ ศีล ๘, การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย, เป็นธรรมข้อ ๑ ในทศพิธราชธรรม; (ดู ทศพิธราชธรรม และ ราชธรรม); พิธีกรรมบางอย่างทางศาสนา เช่น ศีลจุ่ม ศีลมหาสนิท. (ส. ศีล ว่า ความประพฤติที่ดี; ป. สีล).
ศีลจุ่ม ศีลจุ่ม น. ศีลล้างบาป.
ศีลธรรม ศีลธรรม [สีนทํา, สีนละทํา] น. ความประพฤติที่ดีที่ชอบ, ศีลและธรรม, ธรรมในระดับศีล.
ศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิท น. พิธีดื่มเหล้าองุ่นแดงและกินขนมปังที่เสกแล้ว ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแทนเลือดและเนื้อที่พระเยซูทรงเสียสละไถ่บาปให้มนุษย์และมีเลือดเนื้อเดียวกับพระองค์.
ศีลล้างบาป ศีลล้างบาป น. พิธีจุ่มหัวหรือตัวลงในนํ้า หรือใช้นํ้าเสกพรมศีรษะเพื่อรับเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชน, พิธีจุ่ม ก็เรียก, เดิมเรียกว่า ศีลจุ่ม.
ศีลวัต ศีลวัต [สีละวัด] ว. มีศีล, มีความประพฤติดี. (ส.).
ศีลอด ศีลอด [สีน-] น. การถือบวชของชาวมุสลิม ไม่ดื่มไม่กินอะไรเลยตลอดเวลากลางวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกในเดือนเราะมะฎอน อันเป็นเดือนที่ ๙ แห่งปีในศาสนาอิสลามนับแบบจันทรคติ.
ศึก ศึก น. การใช้กําลังเข้าประหัตประหารกันอย่างรุนแรงระหว่างรัฐหรือประเทศตั้งแต่ ๒ รัฐหรือ ๒ ประเทศขึ้นไป เช่น ศึกชายแดน, การต่อสู้กันระหว่างบุคคลกับบุคคลหรือระหว่างพวกหนึ่งกับอีกพวกหนึ่ง เช่น ศึกล้างบาง ศึกล้างโคตร, โดยปริยายหมายถึงการเกิดขัดแย้งต่อสู้เป็นปฏิปักษ์ขึ้นในใจ เช่น ศึกในอก.
ศึกชิงนาง ศึกชิงนาง น. การต่อสู้กันเพื่อให้ได้หญิงมา เช่น ศึกชิงนางระหว่างอิเหนากับท้าวกะหมังกุหนิง.
ศึกษา ศึกษา น. การเล่าเรียน ฝึกฝน และอบรม. (ส. ศิกฺษา; ป. สิกฺขา).
ศึกษาธิการ ศึกษาธิการ น. เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมเกี่ยวกับการศึกษาระดับอำเภอ จังหวัด และเขตการศึกษา เรียกว่า ศึกษาธิการอำเภอ ศึกษาธิการจังหวัด ศึกษาธิการเขต, ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา การศาสนา และการวัฒนธรรม.
ศึกษานิเทศก์ ศึกษานิเทศก์ น. ผู้ชี้แจงแนะนําทางการศึกษาแก่ครูอาจารย์ในโรงเรียนหรือวิทยาลัย.
ศึกสงคราม ศึกสงคราม น. สงคราม เช่น ประเทศเพื่อนบ้านเกิดศึกสงคราม.
ศึกเสือเหนือใต้ ศึกเสือเหนือใต้ (สำ) น. สงคราม เช่น ฝึกทหารไว้ให้พร้อมรบ ยามมีศึกเสือเหนือใต้จะได้ป้องกันบ้านเมือง.
ศึกหน้านาง ศึกหน้านาง (สํา) น. การวิวาทหรือต่อสู้กันต่อหน้าหญิงที่ตนหมายปอง.
ศุกร,ศุกร-,ศุกร์ ศุกร-, ศุกร์ [สุกกฺระ-, สุก] น. ชื่อวันที่ ๖ ของสัปดาห์; ชื่อดาวเคราะห์ดวงที่ ๒ ในระบบสุริยะ อยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ ๑๐๘ ล้านกิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๒,๑๐๔ กิโลเมตร ไม่มีบริวาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศหนาทึบด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และไอของกรดกํามะถัน ปรากฏสว่างที่สุดบนฟ้า, ถ้าเห็นทางตะวันตกในเวลาหัวคํ่า เรียกว่า ดาวประจําเมือง, ถ้าเห็นทางตะวันออกในเวลาใกล้รุ่ง เรียกว่า ดาวรุ่ง หรือ ดาวประกายพรึก.<2t>ว. สว่าง. (ส.).
ศุกรวรรณ ศุกรวรรณ [สุกกฺระวัน] ว. มีสีสด. (ส. ศุกฺรวรฺณ).
ศุกรวาร ศุกรวาร น. วันศุกร์.
ศุกระ ศุกระ (โหร) น. ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางวัน. (ดู ยาม).
ศุกล,ศุกล- ศุกล- [สุกกะละ-] ว. สุกใส, สว่าง; ขาว, บริสุทธิ์. (ส. ศุกฺล, ศุกฺร; ป. สุกฺก).
ศุกลปักษ์ ศุกลปักษ์ น. เวลาข้างขึ้น. (ส.).
ศุกลัม ศุกลัม [-กฺลํา] น. เครื่องขาวแต่งศพ. (ส. ว่า สีขาว).
ศุกะ ศุกะ น. นกแก้ว, นกแขกเต้า. (ส.).
ศุโกร ศุโกร [สุกโกฺร] (โหร) น. ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางคืน. (ดู ยาม).
ศุจิ ศุจิ น. ความบริสุทธิ์, ความสะอาด. (ส.; ป. สุจิ).
ศุจิกรรม ศุจิกรรม น. การรักษาความบริสุทธิ์. (ส.; ป. สุจิกมฺม).
ศุทธะ,ศุทธิ ศุทธะ, ศุทธิ [สุดทะ, สุดทิ] น. ความบริสุทธิ์, ความสะอาด. (ส.; ป. สุทฺธ, สุทฺธิ).
ศุนะ,ศุนัก,ศุนิ ศุนะ, ศุนัก, ศุนิ น. หมา. (ส.; ป. สุนข).
ศุภ,ศุภ- ศุภ- [สุบพะ-] น. ความงาม, ความดีงาม, ความเจริญ. (ส.; ป. สุภ).
ศุภกร ศุภกร ว. ที่ทําความเจริญ, ที่เป็นมงคล. (ส.).
ศุภเคราะห์ ศุภเคราะห์ น. คราวมงคล, คราวดี, ทางโหราศาสตร์หมายเอาดาวพระเคราะห์ที่ให้คุณ คือ จันทร์ พุธ พฤหัสบดี ศุกร์. (ส.).
ศุภนิมิต ศุภนิมิต น. นิมิตดี, ลางดี.
ศุภมัสดุ ศุภมัสดุ [-มัดสะดุ] น. ขอความดีความงามจงมี, เป็นคําใช้ขึ้นต้นลงท้ายในประกาศที่เป็นแบบหรือข้อความที่สําคัญ เช่น ประกาศพระบรมราชโองการ.
ศุภมาตรา ศุภมาตรา น. ตําแหน่งข้าราชการหัวเมืองตําแหน่งหนึ่ง ในปัจจุบันหมายถึงผู้ช่วยสรรพากรจังหวัด.
ศุภมาส ศุภมาส น. วันคืนเดือนปี. (ส. ศุภมาส ว่า เดือนดีงาม).
ศุภร,ศุภร- ศุภร- [สุบพฺระ-] ว. ส่องแสง, สว่าง; งาม, สดใส; ขาว, ผ่อง; บริสุทธิ์ไม่มีตําหนิ เช่น ศุภรทนต์ คือฟันงาม. (ส. ศุภฺร).
ศุภอักษร ศุภอักษร น. สาส์นของเจ้าประเทศราช.
ศุภางค์ ศุภางค์ ว. มีรูปงาม. (ส.).
ศุลก,ศุลก- ศุลก- [สุนละกะ-] ว. เนื่องด้วยการเก็บอากรจากสินค้าขาเข้าและขาออก. (ส. ศุลฺก; ป. สุงฺก).
ศุลกากร ศุลกากร [สุนละกากอน] (กฎ) น. อากรที่เรียกเก็บจากสินค้าเข้าและสินค้าออก ได้แก่ อากรขาเข้าและอากรขาออก.
ศุลการักษ์ ศุลการักษ์ [สุนละการัก] น. เจ้าหน้าที่รักษาศุลกากร.
ศุลี ศุลี น. พระอิศวร, ศูลิน ก็เรียก. (ส.).
ศุษิระ,ศุษิร ศุษิระ, ศุษิร [สุสิน] น. เครื่องดนตรีที่ใช้เป่ามีขลุ่ย ปี่ เป็นต้น, เขียนเป็น สุษิร ก็มี. (ส. ศุษิร, สุษิร).
ศูกร ศูกร [-กอน] น. หมู. (ส.; ป. สูกร).
ศูทร ศูทร [สูด] น. วรรณะที่ ๔ ของสังคมฮินดู. (ส.; ป. สุทฺท).
ศูนย,ศูนย-,ศูนย์ ศูนย-, ศูนย์ [สูนยะ-, สูน] ว. ว่างเปล่า.<2t>ก. หายสิ้นไป.<2t>น. ตัวเลข ๐; จุดกลาง, ใจกลาง, แหล่งกลาง, แหล่งรวม, เช่น ศูนย์วัฒนธรรม ศูนย์หนังสือ ศูนย์รวมข่าว. (ส. ศูนฺย; ป. สุญฺ).
ศูนย์กลาง ศูนย์กลาง น. แหล่งกลาง เช่น กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการค้าขาย, ศูนย์ ก็ว่า.
ศูนย์การค้า ศูนย์การค้า น. แหล่งรวมสินค้าเพื่อจำหน่าย มีร้านขายสินค้านานาชนิด มีสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ ให้แก่ผู้มาซื้อสินค้า เช่น ที่จอดรถ ร้านอาหาร.
ศูนย์ชุมชน ศูนย์ชุมชน น. หน่วยงานถาวรที่เป็นศูนย์กลางในการวางแผนปฏิบัติงานและประสานงานบริการของหน่วยราชการและองค์การต่าง ๆ โดยประชาชนในท้องถิ่นนั้นจะเลือกคณะกรรมการขึ้นทําหน้าที่กําหนดนโยบายและบริหารงาน.
ศูนย์ถ่วง ศูนย์ถ่วง น. จุดซึ่งถือว่าแนวน้ำหนักของวัตถุผ่านลงที่จุดนั้น เช่น ตุ๊กตาล้มลุกมีศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ.
ศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์บริการสาธารณสุข น. สถานีอนามัยในเขตเมือง ได้แก่ เขตเทศบาล สุขาภิบาล กรุงเทพมหานคร และที่ตั้งเป็นเมืองพิเศษ.
ศูนย์พ่าห์ ศูนย์พ่าห์ (โหร) น. พระเคราะห์ที่นําหน้าลัคนา อยู่ในราศี ๒.
ศูนยภาพ ศูนยภาพ น. ความไม่มีอะไร, ความว่างเปล่า. (ส. ศูนฺยภาว).
ศูนย์เยาวชน ศูนย์เยาวชน น. สถานที่ซึ่งจัดไว้ให้เยาวชนไปประกอบกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง.
ศูนยวาท ศูนยวาท น. ปรัชญาฝ่ายมหายานที่ถือว่า (๑) โลกเป็นศูนยะ คือ ไม่ใช่สิ่งจริงแท้ถาวร (๒) นิพพานก็เป็นศูนยะ คือ ไม่มีวาทะหรือลัทธิใด ๆ สามารถบรรยายได้ถูกต้องครบถ้วน, มาธยมิกะ ก็เรียก. (ส.).
ศูนย์สัมบูรณ์ ศูนย์สัมบูรณ์ น. อุณหภูมิที่ตํ่าสุดตามทฤษฎี คือ อุณหภูมิศูนย์องศาเคลวิน (0 °K) หรือ -๒๗๓.๑๕ °ซ. หรือ -๕๙.๖๗ °ฟ.
ศูนย์สูตร ศูนย์สูตร น. ชื่อเส้นสมมุติที่ลากรอบโลก แบ่งโลกออกเป็น ๒ ซีก คือ ซีกโลกเหนือกับซีกโลกใต้ จุดทุกจุดบนเส้นศูนย์สูตรอยู่ห่างจากขั้วโลกทั้ง ๒ เท่ากัน.
ศูนย์ไส้ ศูนย์ไส้ (โบ) น. จุดศูนย์กลาง เช่น คนมีศูนย์ไส้อยู่ที่สะดือ.
ศูนย์หน้า ศูนย์หน้า น. ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งกลางของแถวหน้าในการเล่นฟุตบอลทำหน้าที่ยิงประตูเป็นสำคัญ บางครั้งอาจลงมาช่วยเซนเตอร์ฮาล์ฟซึ่งอยู่ในตำแหน่งกลางของแถวกลางและพาลูกขึ้นไปในแดนฝ่ายตรงข้ามด้วย.
ศูละ ศูละ น. หลาว, เหล็กแหลม. (ส.; ป. สูล).
ศูลิน ศูลิน น. พระอิศวร, ศุลี ก็เรียก. (ส.).
เศรณี เศรณี [เสนี] น. แถว, แนว; หมวด, หมู่, พวก. (ส.).
เศรษฐ,เศรษฐ-,เศรษฐ์ เศรษฐ-, เศรษฐ์ [เสดถะ-, เสด] ว. ดีเลิศ, ดีที่สุด, ยอดเยี่ยม, ประเสริฐ. (ส. เศฺรษฺ; ป. เสฏฺ).
เศรษฐกิจ เศรษฐกิจ [เสดถะกิด] น. งานอันเกี่ยวกับการผลิต การจําหน่ายจ่ายแจก และการบริโภคใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ของชุมชน. (ส. เศฺรษฺ + กิจฺจ).
เศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ [เสดถะสาด] น. วิชาว่าด้วยการผลิต การจําหน่ายจ่ายแจก และการบริโภคใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ของชุมชนมี ๒ สาขา คือ เศรษฐศาสตร์จุลภาค ได้แก่ เศรษฐศาสตร์ภาคที่ศึกษาปัญหาเศรษฐกิจส่วนเอกชน หรือ ปัญหาการหาตลาดเป็นต้น และ เศรษฐศาสตร์มหัพภาค ได้แก่ เศรษฐศาสตร์ภาคที่ศึกษาปัญหาเศรษฐกิจของประเทศโดยส่วนรวม เช่น ปัญหาเรื่องรายได้ของประชาชาติ การออมทรัพย์ของประชากร ปัญหาการลงทุน.
เศรษฐี เศรษฐี [เสดถี] น. คนมั่งมี; ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ธนิษฐา มี ๔ ดวง, ดาวไซ ดาวศรวิษฐา หรือ ดาวธนิษฐะ ก็เรียก. (ส. ว่า ประมุขพ่อค้า; ป. เสฏฺิ).
เศร้า เศร้า [เส้า] ก. สลด, ระทด, หมอง, ไม่เบิกบาน, เป็นทุกข์, เหี่ยวแห้ง, เช่น หน้าเศร้า ใจเศร้า ตามีแววเศร้า เรื่องเศร้า.
เศร้าใจ เศร้าใจ ว. มีความรู้สึกสลดหดหู่ใจ เช่น เห็นป่าถูกบุกรุกทำลายแล้วเศร้าใจ.
เศร้าโศก เศร้าโศก ว. มีความทุกข์โศกเสียใจอาลัยอาวรณ์มากเช่น พ่อตายทำให้เขาเศร้าโศกเสียใจมาก, โศกเศร้า ก็ว่า.
เศร้าสร้อย เศร้าสร้อย ว. มีความรู้สึกสะเทือนใจชวนให้โศกเศร้าเพราะคิดถึงหรือผิดหวัง เช่น เขาสอบไม่ผ่านเลยเดินกลับบ้านอย่างเศร้าสร้อย ลูกนั่งเศร้าสร้อยคอยแม่กลับบ้าน, สร้อยเศร้า ก็ว่า.
เศร้าสลด เศร้าสลด ว. มีความรู้สึกรันทดใจ เช่น อุบัติเหตุตายหมู่ ทำให้ผู้พบเห็นเศร้าสลด.
เศร้าหมอง เศร้าหมอง ว. หมองมัว, ไม่ผ่องใส, เช่น ผิวพรรณเศร้าหมอง หน้าตาเศร้าหมอง เครื่องนุ่งห่มเศร้าหมอง.
เศลษ เศลษ [สะเหฺลด] น. การติด, การเกาะ, การเกี่ยวข้อง, การพาดพิง; การกอดรัด. (ส.).
เศวดงค์ เศวดงค์ [สะเหฺวดง] ว. มีตัวขาว. (ส. เศฺวต + องฺค).
เศวดีภ เศวดีภ [สะเหฺวดีบ] น. ช้างเผือก. (ส. เศฺวเตภ).
เศวต,เศวต- เศวต, เศวต- [สะเหฺวด, สะเหฺวดตะ-] น. สีขาว. (ส.; ป. เสต).
เศวตกุญชร เศวตกุญชร [สะเหฺวดกุนชอน] น. ช้างเผือก.
เศวตงค์ เศวตงค์ [สะเหฺวตง] ว. มีตัวขาว. (ส. เศฺวตางฺค).
เศวตฉัตร เศวตฉัตร [สะเหฺวดตะฉัด] น. ฉัตรขาว ใช้เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระเจ้าแผ่นดินเป็นต้น. (ส. เศฺวตจฺฉตฺร ว่า ฉัตรขาว).
เศวตร เศวตร [สะเหฺวด] (โบ) น. สีขาว. (ส. เศฺวตร ว่า โรคเรื้อนนํ้าเต้า; ป. เสต).
เศวตัมพร,เศวตามพร เศวตัมพร, เศวตามพร [สะเหฺวตําพอน, -ตามพอน] น. ชื่อนิกายในศาสนาเชนหรือเดียรถีย์นิครนถ์ซึ่งประพฤติตนเป็นผู้นุ่งห่มผ้าขาว, คู่กับ นิกายทิคัมพร. [ส. เศฺวต (ขาว) + อมฺพร (เครื่องนุ่งห่ม)].
เศวติภ,เศวตีภ,เศวเตภ เศวติภ, เศวตีภ, เศวเตภ [สะเหฺวติบ, -ตีบ, -เตบ] น. ช้างเผือก. (ส. เศฺวเตภ).
เศวาล เศวาล [เสวาน] น. สาหร่าย. (ส.; ป. เสวาล).
เศษ เศษ น. ส่วนที่เหลือใช้การไม่ได้ตามวัตถุประสงค์, ส่วนที่เหลือซึ่งไม่ต้องการ, เช่น เศษกระดาษ เศษอาหาร เศษขยะ; สิ่งที่เกินหรือเลยจากจํานวนเต็มที่กําหนดไว้ เช่น เวลา ๒ นาฬิกาเศษ ยาว ๒ วาเศษ; ส่วนปลีกย่อยหรือส่วนย่อย เช่น เศษสตางค์ เศษเนื้อ เศษผ้า; (คณิต) ส่วนที่เหลือจากการหาร เช่น ๙ หารด้วย ๗ เหลือเศษ ๒. (ส.; ป. เสส).
เศษกระดาษ เศษกระดาษ (ปาก) น. สิ่งที่ไร้ค่า เช่น ใบหุ้นที่ยกเลิกแล้วมีค่าเป็นเศษกระดาษ.
เศษเกิน เศษเกิน (คณิต) น. จํานวนจริงที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า ๑ เช่น .
เศษคน,เศษมนุษย์ เศษคน, เศษมนุษย์ น. คนเลวมากจนหาดีไม่ได้ (ใช้เป็นคำด่า).
เศษซ้อน เศษซ้อน (คณิต) น. จํานวนจริงที่เขียนเป็นรูปเศษส่วนหลาย ๆ ชั้น เช่น .
เศษนรก เศษนรก น. คนเลวอย่างที่สุด.
เศษมนุษย์ เศษมนุษย์ น. คนเลวมากจนหาดีไม่ได้, เศษคน ก็เรียก.
เศษวรรค เศษวรรค [เสสะวัก, เสดวัก] น. พยัญชนะที่เหลือวรรคหรือที่เข้าอยู่ในวรรคทั้ง ๕ ไม่ได้ มี ๑๐ ตัว คือ ย ร ล ว ศ ษ ส ห ฬ ํ, อวรรค ก็เรียก.
เศษส่วน เศษส่วน น. จํานวน ๒ จํานวน หรือนิพจน์ ๒ นิพจน์ที่เขียนในรูปของผลหารโดยไม่ต้องหารต่อไปอีก เช่น หรือ จำนวนบนเรียกว่า เศษ จำนวนล่างเรียกว่า ส่วน. (อ. fraction).
เศษสิบ เศษสิบ น. เศษส่วนที่มีเศษเป็นตัวเลข ๐ ถึง ๙ และมีส่วนเป็นหน่วย ๑๐ เช่น .
เศษเหล็ก เศษเหล็ก น. ชิ้นส่วนของโลหะหรือเครื่องจักรกลเป็นต้นที่ใช้ไม่ได้แล้ว เช่น ซากรถยนต์ที่ถูกชนพังยับเยินถูกขายเป็นเศษเหล็ก.
เศาจ,เศาจ- เศาจ- [เสาจะ-] น. ความสะอาด, ความบริสุทธิ์; การชําระล้าง; ความซื่อตรง. (ส. เศาจ, เศาจฺย; ป. โสเจยฺย).
เศาไจย เศาไจย [-ไจ] น. คนซักฟอก, คนทําความสะอาด. (ส. เศาเจย).
เศาร์ เศาร์ ว. กล้าหาญ, เกี่ยวกับผู้กล้าหาญ. (ส. ศูร; ป. สูร).
เศารยะ เศารยะ [-ระยะ] น. ความกล้าหาญ; อํานาจ. (ส.).
เศิก เศิก (โบ) น. ศึก.
เศียร เศียร [เสียน] น. หัว เช่น เศียรพระพุทธรูป ทศกัณฐ์มีสิบเศียรยี่สิบกร, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระเศียร. (ส. ศิร; ป. สิร); เรียกไพ่ตอง ๓ ใบ พวกเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน เช่น ๓ คน ๓ นก ๓ ตา ว่า ๑ เศียร.
โศก,โศก ๑,โศก- โศก ๑, โศก- [โสกะ-, โสกกะ-] น. ความทุกข์, ความเศร้า, ความเดือดร้อนใจ, เช่น อันทุกข์โศกโรคภัยในมนุษย์ มิรู้สุดสิ้นลงที่ตรงไหน. (อภัย).<2t>ก. ร้องไห้ เช่น เขากำลังทุกข์กำลังโศก อย่าไปรบกวนเขา.<2t>ว. เศร้า เช่น บทโศก ตาโศก; แห้ง เช่น ใบไม้โศกเพราะความแห้งแล้ง. (ส.; ป. โสก).
โศก,โศก ๒ โศก ๒ ดู อโศก.
โศก,โศก ๓ โศก ๓ ว. สีเขียวอ่อนอย่างสีใบอโศกอ่อน เรียกว่า สีโศก.
โศกนาฏกรรม โศกนาฏกรรม [โสกะนาดตะกํา, โสกกะนาดตะกํา] น. วรรณกรรมโดยเฉพาะประเภทละครที่ลงท้ายด้วยความเศร้าหรือไม่สมหวัง ตัวเอกในเรื่องจะตายในที่สุด เช่นเรื่องลิลิตพระลอ สาวเครือฟ้า โรเมโอ-จูเลียต, โดยปริยายหมายถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปที่เป็นเรื่องเศร้าสลดใจ เช่น ชีวิตของเขาเป็นเหมือนโศกนาฏกรรม เกิดในตระกูลเศรษฐี แต่สุดท้ายต้องตายอย่างยาจก.
โศกศัลย์ โศกศัลย์ [โสกสัน] ก. เป็นทุกข์เดือดร้อนเหมือนถูกศรแทง. (ส.; ป. โสกสลฺล).
โศกเศร้า โศกเศร้า ว. มีความทุกข์โศกเสียใจอาลัยอาวรณ์มาก เช่น พ่อตายทำให้เขาโศกเศร้าเสียใจมาก, เศร้าโศก ก็ว่า.
โศกสลด โศกสลด ว. เศร้ารันทดใจเพราะต้องพลัดพรากจากกัน เวลาพูดถึงมักจะทำให้น้ำตาไหล.
โศกา,โศกี โศกา, โศกี ก. ร้องไห้ เช่น รู้ว่าผิดแล้วก็แก้ตัวใหม่ อย่ามัวแต่นั่งโศกาอยู่เลย.
โศกาดูร โศกาดูร ก. เดือดร้อนด้วยความโศก, ร้องไห้สะอึกสะอื้น. (ส. โศก + อาตุร).
โศกาลัย โศกาลัย น. ความเศร้าหมองใจและความห่วงใย, ร้องไห้สะอึกสะอื้น. (ส. โศก + อาลย).
โศจนะ โศจนะ [-จะนะ] น. ความเศร้าใจ. (ส.; ป. โสจน).
โศจนียะ โศจนียะ [-จะ-] ว. อันน่าโศก, น่าเศร้าใจ. (ส.).
โศจิ โศจิ น. แสง, แวว, สี; ความสว่าง, ความงาม.<2t>ว. สว่าง, สุกใส. (ส.).
โศถะ โศถะ น. ความบวม, ความพอง, โศผะ ก็ว่า. (ส. โศถ, โศผ).
โศธนะ โศธนะ น. การชําระ, การทําให้หมดจด, การทําให้สะอาด; การแก้ไข, การตรวจตรา, การชําระสะสาง. (ส.; ป. โสธน).
โศผะ โศผะ (ราชา) น. ความบวม, ความพอง, โศถะ ก็ว่า. (ส. โศผ, โศถ).
โศภน,โศภะ โศภน, โศภะ น. ความงาม, ความดี. (ส.; ป. โสภณ).
โศภา โศภา ว. งาม, ดี. (ส. ว่า สว่าง, ความงาม).
โศภิต โศภิต ว. งาม, ดี. (ส.; ป. โสภิต).
โศภิน,โศภี โศภิน, โศภี ว. งาม, ดี. (ส.).
โศภิษฐ์ โศภิษฐ์ ว. งามยิ่ง, ดียิ่ง. (ส.).
โศรณิ,โศรณี โศรณิ, โศรณี [โสฺร-] น. ตะโพก. (ส. โศฺรณิ, โศฺรณี; ป. โสณี).
โศรดา โศรดา [โสฺร-] น. ผู้ฟัง. (ส. โศฺรตฺฤ; ป. โสตา).
โศรตร โศรตร [โสฺรด] น. หู, ช่องหู. (ส. โศฺรตฺร; ป. โสต).
โศลก โศลก [สะโหฺลก] น. คําประพันธ์ในวรรณคดีสันสกฤต ๔ บาท เป็น ๑ บท ตามปรกติมีบาทละ ๘ พยางค์ เรียกว่า โศลกหนึ่ง เช่น กามโกฺรธวิยุกฺตานามฺ ยตีนำ ยตเจตสามฺ อภิโต พฺรหฺมนิรฺวาณมฺ วรฺตเต วิทิตาตฺมนามฺ ผู้บำเพ็ญพรต พรากจากกามและโกรธ ข่มใจได้ รู้แจ้งอาตมัน ย่อมมีนิพพาน คือพรหมโดยทั่วไป. (ศรีมัทภควัทคีตา), บทสรรเสริญยกย่อง; ชื่อเสียง, เกียรติยศ.
ไศล,ไศล- ไศล, ไศล- [สะไหฺล, ไสละ-] น. เขาหิน เช่น โขดเขินเนินไศล. (ส. ไศล).
ไศวะ ไศวะ น. ชื่อนิกายหนึ่งของศาสนาฮินดู นับถือพระศิวะเป็นเทพเจ้าสูงสุด. (ส.).
ษ ษ พยัญชนะตัวที่ ๓๙ เป็นพวกอักษรสูง ใช้ได้ทั้งเป็นพยัญชนะตัวต้นและตัวสะกดในแม่กดในคําที่มาจากภาษาสันสกฤต เช่น ษมา เศรษฐี และคําว่า อังกฤษ.
ษมา ษมา [สะมา] ก. กล่าวคําขอโทษ. น. การยกโทษให้เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งยอมรับผิด, ขมา ก็ว่า. (ส. กษมา; ป. ขมา).
ษมายุมแปลง ษมายุมแปลง น. เครื่องขมาโทษที่ชายนําไปคํานับพ่อแม่หญิงเพื่อขอโทษในการที่ลักพาลูกสาวท่านไป.
ษัฏ ษัฏ ว. หก. (ใช้ในคําสมาส เมื่อนําหน้าพยัญชนะพวกอโฆษะ). (ส.; ป. ฉ).
ษัฏกะ ษัฏกะ [สัดตะกะ] น. หมวด ๖ คือรวมสิ่งละ ๖. (ส.; ป. ฉกฺก).
ษัฑ ษัฑ ว. หก. (ใช้ในคําสมาส เมื่อนําหน้าพยัญชนะพวกโฆษะ เว้นจาก ณ ม ย). (ส.; ป. ฉ).
ษัณ ษัณ ว. หก. (ใช้ในคําสมาส เมื่อนําหน้าตัว ณ ม ย). (ส.; ป. ฉ).
ษัษ ษัษ ว. หก. (คําสมาสใช้ ษัฏ บ้าง ษัฑ บ้าง ษัณ บ้างตามวิธีสนธิ). (ส.; ป. ฉ).
ษัษฏี ษัษฏี [สัดสะตี] น. จํานวน ๖๐. (ส.; ป. ฉฏฺี).
ษัษฐะ ษัษฐะ ว. ที่ ๖. (ส.; ป. ฉฏฺ).
ษัษฐี ษัษฐี [สัดถี] น. วันที่ ๖ หรือ วัน ๖ คํ่า. (ส.; ป. ฉฏฺี).
โษฑศะ โษฑศะ [โสทะ-] ว. สิบหก. (ส.; ป. โสฬส).
โษฑศัน โษฑศัน [โสทะ-] ว. สิบหก. (ส.; ป. โสฬส).
ส,ส ๑ ส ๑ พยัญชนะตัวที่ ๔๐ เป็นพวกอักษรสูง ใช้ได้ทั้งเป็นพยัญชนะตัวต้นและตัวสะกดในแม่กดในคําที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเป็นต้น เช่น สวย สงสาร สวิตช์ รส สัมผัส สวิส.
ส,ส ๒ ส ๒ คําประกอบหน้าคําอื่นที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต บ่งความว่า กอบด้วย, พร้อมด้วย, เช่น สเทวก ว่า พร้อมด้วยเทวดา. (ป., ส.).
สก,สก-,สก- ๑ สก- ๑ [สะกะ-] ว. ของตน. (ป.; ส. สฺวก).
สก,สก ๒ สก ๒ น. ผม. (ข. สก่).
สก,สก ๓ สก ๓ (โบ) ก. สะเด็ดนํ้า เช่น เอาข้าวที่ซาวนํ้าแล้วใส่ในตะแกรงเพื่อให้นํ้าแห้ง เรียกว่า สก.
สกฏ,สกฏ-,สกฏะ สกฏ-, สกฏะ [สะกะตะ-] น. เกวียน. (ป.).
สกฏภาระ สกฏภาระ [-พาระ] น. ของบรรทุกเกวียน.
สกทาคามิผล,สกิทาคามิผล สกทาคามิผล, สกิทาคามิผล [สะกะ-, สะกิ-] น. ธรรมที่พระสกทาคามีได้บรรลุ. (ป. สกทาคามิผล, สกิทาคามิผล; ส. สกฺฤทาคามินฺ + ผล). (ดู ผล).
สกทาคามิมรรค,สกิทาคามิมรรค สกทาคามิมรรค, สกิทาคามิมรรค [-มัก] น. ทางปฏิบัติที่ให้สําเร็จเป็นพระสกทาคามี. (ส. สกฺฤทาคามินฺ + มารฺค; ป. สกทาคามิมคฺค, สกิทาคามิมคฺค). (ดู มรรค).
สกทาคามี,สกิทาคามี สกทาคามี, สกิทาคามี [สะกะ-, สะกิ-] น. ผู้มาสู่กามภพอีกครั้งหนึ่ง เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นที่ ๒ ใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์, บางทีก็เรียกสั้น ๆ ว่า พระสกทาคา หรือ พระสกิทาคา. (ป.; ส. สกฺฤทาคามินฺ).
สกนธ์ สกนธ์ [สะกน] น. ขันธ์, กอง, ส่วนร่างกาย, ร่างกาย. (ส.; ป. ขนฺธ).
สกปรก สกปรก [สกกะปฺรก] ว. เปรอะหรือเปื้อนด้วยสิ่งที่ถือว่าน่าเกลียดหรือที่ไม่พึงประสงค์ เช่น เสื้อผ้าสกปรก เนื้อตัวสกปรกด้วยฝุ่นละออง, ขุ่นมัว, ไม่สะอาดหมดจด, เช่น น้ำสกปรก จิตใจสกปรก, ลักษณะกิริยาวาจาที่แสดงออกอย่างหยาบคาย เช่น พูดจาสกปรก, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เขาเป็นคนสกปรก เล่นสกปรก.
สกรณีย์ สกรณีย์ [สะกะระ-] (แบบ) น. ผู้ยังมีหน้าที่จะต้องทํา. (ป.).
สกรรจ์ สกรรจ์ [สะกัน] ว. ร้าย, ดุร้าย, เก่งกาจ, แข็งแรง, โดยมากใช้ ฉกรรจ์.
สกรรถ สกรรถ [สะกัด] น. เรียกคำที่เพิ่มเข้าข้างหลังคำเดิม เมื่อเพิ่มแล้ว มีความหมายคงเดิม หรือหมายถึงพวกหรือหมู่ ว่า คำสกรรถ เช่น อากร (ในคำเช่น นรากร ประชากร) อาการ (ในคำเช่น คมนาการ ทัศนาการ) ชาติ (ในคำเช่น มนุษยชาติ ติณชาติ) ประเทศ (ในคำเช่น อุรประเทศ หทัยประเทศ).
สกรรมกริยา สกรรมกริยา [สะกํากฺริยา, สะกํากะริยา] (ไว) น. กริยาที่มีกรรมหรือผู้ถูกกระทํามารับ เช่น ดื่มน้ำ เตะฟุตบอล.
สกล,สกล- สกล, สกล- [สะกน, สะกนละ-] ว. สากล. (ป., ส.).
สกลมหาสังฆปริณายก สกลมหาสังฆปริณายก [สะกนมะหาสังคะปะรินายก] (กฎ) น. ตําแหน่งของสมเด็จพระสังฆราชในฐานะที่ทรงเป็นประมุขแห่งคณะสงฆ์ทั้งปวง ทรงมีอํานาจบัญชาการคณะสงฆ์ ทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม.
สกลโลก สกลโลก น. ทั้งโลก, โลกทั้งสิ้น, ทั่วโลก.
สกวาที สกวาที น. ผู้กล่าวถ้อยคําฝ่ายตน คือ ฝ่ายเสนอหรือฝ่ายถาม, คู่กับ ปรวาที. (ป.).
สกัด สกัด ก. กั้น, ขวาง, เช่น สกัดหน้า; ตัดหรือกะเทาะของแข็งเช่นเหล็ก หิน ให้เป็นร่อง รอย ทะลุ หรือให้ขาดจากกัน, เรียกเหล็กที่ใช้ตัดหรือกะเทาะของแข็งเช่นนั้นว่า เหล็กสกัด; เค้นหรือแยกเอาออกมา เช่น สกัดนํ้ามัน สกัดน้ำหอมจากดอกกุหลาบ. (ข.).
สกัดแคร่ สกัดแคร่ น. โคลงทวารประดับ.
สกา สกา น. เครื่องเล่นการพนันอย่างหนึ่งใช้ลูกบาศก์ทอดแล้วเดินตัวสกาตามแต้มลูกบาศก์. (เทียบทมิฬ บาสกา).
สกาว สกาว [สะกาว] ว. ขาว, สะอาด, หมดจด.
สกิทาคามี สกิทาคามี น. สกทาคามี.
สกี สกี น. แผ่นไม้แคบ ๆ ๒ แผ่น ปรกติยาวแผ่นละ ๑.๕-๒.๔ เมตร มีที่สําหรับสวมเท้าผู้เล่น ใช้ในการเล่นสกี; กีฬาอย่างหนึ่ง ผู้เล่นยืนบนแผ่นสกี แล้วไถตัวให้ลื่นไถลลงไปตามเนินเขาที่มีหิมะปกคลุม โดยมีไม้คู่หนึ่งสําหรับยันหรือถ่อเวลาเล่น. (อ. ski).
สกีน้ำ สกีน้ำ น. กีฬาอย่างหนึ่งคล้ายสกี แต่เล่นในนํ้า ใช้เรือยนต์ลาก. (อ. water ski).
สกุณ สกุณ น. นก. (ป.; ส. ศกุน).
สกุณา,สกุณี สกุณา, สกุณี (กลอน) น. นก.
สกุน สกุน น. รก, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสกุน.
สกุนต์ สกุนต์ น. นก. (ป.; ส. ศกุนฺต).
สกุล สกุล [สะกุน] น. ตระกูล, วงศ์, เชื้อสาย, เผ่าพันธุ์; เชื้อชาติผู้ดี เช่น เป็นคนมีสกุล ผู้ดีมีสกุล.
สกุลรุนชาติ สกุลรุนชาติ [สะกุนรุนชาด] น. ตระกูลผู้ดี เช่น เขาเป็นคนมีสกุลรุนชาติ.
สเกต สเกต น. ที่สวมเท้าทําด้วยโลหะมีล้อเล็ก ๆ ใช้สวมเวลาเล่นสเกต; ชื่อการเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมสเกตวิ่งไปมาบนพื้นเรียบ ๆ. (อ. roller skate).
สเกตน้ำแข็ง สเกตน้ำแข็ง น. รองเท้าหุ้มข้อซึ่งมีพื้นติดแผ่นโลหะคล้ายสันมีดสําหรับแล่นลื่นไปบนลานนํ้าแข็ง; ชื่อการเล่นอย่างหนึ่งที่ผู้เล่นต้องสวมรองเท้าสเกตเช่นนั้นแล้วแล่นลื่นไปบนลานน้ำแข็ง. (อ. skate).
สแกนเดียม สแกนเดียม น. ธาตุลําดับที่ ๒๑ สัญลักษณ์ Sc เป็นโลหะที่หายาก ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่ ๑๕๓๙ °ซ. (อ. scandium).
สขะ,สขา,สขิ สขะ, สขา, สขิ (แบบ) น. เพื่อน, สหาย. (ป., ส.).
สง สง ก. หย่งให้กระจายตัวหรือยกขึ้นให้นํ้าหรือของเล็ก ๆ ร่วงลง เช่น สงข้าว สงฟาง สงถั่วงอก สงเส้นบะหมี่.<2t>ว. สุกจัด, แก่จัด, (ใช้แก่หมาก) ในคำว่า หมากสง.
ส่ง ส่ง ก. ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเคลื่อนพ้นจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง เพื่อให้ถึงผู้รับหรือเป้าหมายด้วยอาการต่าง ๆ กัน เช่น ส่งข้าม ส่งผ่าน ส่งต่อ; หนุน ดัน หรือเสริมให้สูงขึ้น เช่น คนอยู่ข้างล่างช่วยส่งก้นคนข้างบนให้ปีนพ้นกำแพง ติดไม้ปั้นลมส่งหลังคาเรือน; แสดงอัธยาศัยในเมื่อมีผู้จะจากไป เช่น ไปส่ง เลี้ยงส่ง; อาการที่ส่งเครื่องหมาย ข้อความ ข่าวสาร หรือภาพ เป็นต้น ไปให้อีกฝ่ายหนึ่งโดยอาศัยกรรมวิธีต่าง ๆ เช่น ส่งสัญญาณ ส่งรหัส ส่งโทรเลข ส่งวิทยุ ส่งโทรภาพ.
ส่ง ๆ ส่ง ๆ (ปาก) ว. ลวก ๆ, มักง่าย, เช่น พูดส่ง ๆ พอเอาตัวรอด, ส่งเดช ก็ว่า.
สงกร สงกร [-กอน] (แบบ) น. การปะปน, การคาบเกี่ยว. (ป.; ส. สํกร).
ส่งกระแสจิต ส่งกระแสจิต ก. อาการที่ส่งความนึกคิดติดต่อกันระหว่างจิตของคนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างกันโดยไม่ต้องอาศัยประสาทสัมผัสทั้ง ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง.
สงกรานต์ ๑ สงกรานต์ ๑ [-กฺราน] น. เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกําหนดตามสุริยคติ ปรกติตกวันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน วันที่ ๑๓ คือวันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ คือวันเนา และวันที่ ๑๕ คือวันเถลิงศก. (ส. สงฺกฺรานฺติ).
สงกรานต์ ๒ สงกรานต์ ๒ [-กฺราน] น. ชื่อสัตว์พวกหนอนทะเล มีหลายวงศ์ เช่น วงศ์ Phyllodocidae ลำตัวยาวเป็นปล้อง แต่ละปล้องมีรยางค์สีรุ้ง ๑ คู่อยู่ข้างลำตัว อาศัยอยู่ในทะเล ช่วงประมาณเดือนเมษายนใกล้วันสงกรานต์จะพบอยู่ในบริเวณน้ำกร่อยหรือแม่น้ำลำคลองที่ติดต่อกับทะเลเพื่อผสมพันธุ์ จึงเรียกว่า ตัวสงกรานต์.
ส่งกลิ่น ส่งกลิ่น ก. กระจายออกไปจนได้กลิ่น เช่น อาหารส่งกลิ่นหอมน่ากิน.
ส่งกลีบ ส่งกลีบ ก. อาการที่ใช้เข็มร้อยมาลัยให้กลีบดอกไม้หรือใบไม้ยื่นยาวออกมาจากเข็มเสมอกัน.
สงกา สงกา น. ความสงสัย. (ป. สงฺกา; ส. ศงฺกา).
สงโกจ สงโกจ [-โกด] (แบบ) ก. หดเข้า, สั้นเข้า; สยิ้ว, หน้านิ่วคิ้วขมวด. (ป. สงฺโกจ; ส. สํโกจ).
ส่งข่าว ส่งข่าว ก. บอกข่าว เช่น จะเดินทางเมื่อไรก็ส่งข่าวด้วยนะ.
ส่งข้าวส่งน้ำ,ส่งปิ่นโต ส่งข้าวส่งน้ำ, ส่งปิ่นโต ก. เอาข้าวปลาอาหารเป็นต้นไปให้แก่ผู้ต้องหาหรือนักโทษ เช่น ถ้าติดตะรางใครจะส่งข้าวส่งน้ำให้ ญาติติดคุกเลยต้องส่งปิ่นโตให้เป็นประจำ.
สงค์ สงค์ น. ความข้องอยู่, ความเกี่ยวพัน, การติดอยู่. (ป. สงฺค; ส. สํค).
สงคร สงคร [-คอน] (แบบ) น. ความตกลง, สัญญา, ความผัดเพี้ยน. (ป. สงฺคร; ส. สํคร).
สงคราม สงคราม [-คฺราม] น. การรบใหญ่ที่มีคนจำนวนมากต่อสู้ฆ่าฟันกัน, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สงครามชีวิต สงครามปาก. (ส. สํคฺราม; ป. สงฺคาม).
สงครามกลางเมือง สงครามกลางเมือง น. สงครามระหว่างชนที่อาศัยอยู่ในประเทศเดียวกัน.
สงครามนิวเคลียร์ สงครามนิวเคลียร์ น. สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์.
สงครามเย็น สงครามเย็น น. การต่อสู้ระหว่างประเทศต่อประเทศโดยไม่ใช้อาวุธ แต่ใช้อํานาจอื่นแทน เช่น อำนาจทางการเมือง อำนาจทางเศรษฐกิจ.
สงครามโลก สงครามโลก น. สงครามใหญ่ที่มีประเทศมหาอำนาจเป็นคู่สงคราม.
ส่งความสุข ส่งความสุข ก. ตั้งจิตอธิษฐานให้ผู้รับบัตรอวยพรมีความสุขความเจริญในวันสำคัญ เช่น วันปีใหม่ วันเกิด.
สงเคราะห์ สงเคราะห์ [-เคฺราะ] น. การช่วยเหลือ, การอุดหนุน, เช่น ฌาปนกิจสงเคราะห์; การรวบรวม เช่น หนังสือนามสงเคราะห์.<2t>ก. อุดหนุน เช่น สงเคราะห์เด็กกำพร้า. (ส. สงฺคฺรห; ป. สงฺคห).
สงฆ์ สงฆ์ น. ภิกษุ เช่น ของสงฆ์ พิธีสงฆ์, บางทีก็ใช้ควบกับคํา พระ หรือ ภิกษุ เป็น พระสงฆ์ หรือ ภิกษุสงฆ์ เช่น นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ มีภิกษุสงฆ์มารับบิณฑบาตมาก, ลักษณนามว่า รูป หรือ องค์ เช่น ภิกษุสงฆ์ ๒ รูป พระสงฆ์ ๔ องค์; ภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปร่วมกันทําสังฆกรรม แต่จํานวนภิกษุที่เข้าร่วมสังฆกรรมแต่ละอย่างไม่เท่ากัน คือในสังฆกรรมทั่ว ๆ ไป เช่น ในการสวดพิธีธรรม สวดอภิธัมมัตถสังคหะ ประกอบด้วยภิกษุ ๔ รูป เรียกว่า สงฆ์จตุรวรรค ในการรับกฐิน สวดพระปาติโมกข์ ปวารณากรรม และอุปสมบทในถิ่นที่ขาดแคลนภิกษุ ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๕ รูป เรียกว่า สงฆ์ปัญจวรรค ในการอุปสมบทในถิ่นที่มีภิกษุมาก ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๑๐ รูป เรียกว่า สงฆ์ทสวรรค และในการสวดอัพภานระงับอาบัติสังฆาทิเสส ต้องประกอบด้วยภิกษุ ๒๐ รูป เรียกว่า สงฆ์วีสติวรรค, ภิกษุที่เข้าร่วมสังฆกรรมดังกล่าว ถ้ามากกว่าจํานวนที่กําหนดจึงจะใช้ได้ ถ้าขาดจํานวนใช้ไม่ได้. (ป. สงฺฆ; ส. สํฆ).
ส่งใจ ส่งใจ ก. ส่งน้ำใจที่มีความปรารถนาดีเพื่อให้เป็นกำลังใจแก่ผู้รับ เช่น ส่งใจไปช่วยทหารในแนวหน้า.
ส่งดอก ส่งดอก ก. อาการที่ใช้เข็มร้อยก้านดอกไม้เช่นดอกพุด ดอกมะลิ ให้แต่ละดอกยื่นยาวจากเข็มได้ระยะเสมอกัน; นําดอกเบี้ยไปส่งให้, ชําระดอกเบี้ย.
ส่งเดช ส่งเดช (ปาก) ว. ลวก ๆ, มักง่าย, เช่น ทำส่งเดชพอให้พ้นตัว, ส่ง ๆ ก็ว่า.
ส่งตัว ส่งตัว ก. นําตัวเจ้าสาวไปส่งให้แก่เจ้าบ่าวตามฤกษ์ เช่น ได้ฤกษ์ส่งตัว.
ส่งท้าย ส่งท้าย ก. พายกระตุ้นท้ายเรือเพื่อให้แล่นเร็ว เช่น เมื่อใกล้จะถึงเส้นชัยนายท้ายก็เร่งพายส่งท้าย; พูดหรือทําท้ายสุดเพื่ออําลา เช่น เขียนบทส่งท้ายต้องไว้ฝีมือหน่อย ส่งท้ายการเลี้ยงด้วยการให้พร.
ส่งทุกข์ ส่งทุกข์ ก. ถ่ายอุจจาระ.
สงบ สงบ [สะหฺงบ] ก. ระงับ เช่น สงบจิตสงบใจ สงบสติอารมณ์ สงบศึก, หยุดนิ่ง เช่น คลื่นลมสงบ พายุสงบ, กลับเป็นปรกติ เช่น เหตุการณ์สงบแล้ว, ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น จิตใจสงบ, ไม่กำเริบ เช่น อาการไข้สงบลง ภูเขาไฟสงบ, ไม่วุ่นวาย เช่น บ้านเมืองสงบปราศจากโจรผู้ร้าย.
สงบเงียบ สงบเงียบ ก. ปราศจากเสียงรบกวน เช่น เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน ทำให้บ้านสงบเงียบ.
สงบปากสงบคำ สงบปากสงบคำ ก. นิ่ง, ไม่พูด, เช่น เขาเป็นคนสงบปากสงบคำ, ไม่โต้เถียง เช่น สงบปากสงบคำเสียบ้าง อย่าไปต่อล้อต่อเถียงเขาเลย.
สงบราบคาบ สงบราบคาบ ก. เรียบร้อยปราศจากเสี้ยนหนามหรือความกระด้างกระเดื่อง เช่น บ้านเมืองสงบราบคาบ.
สงบเสงี่ยม สงบเสงี่ยม ก. ระงับกิริยาวาจาด้วยความสุภาพเรียบร้อย เช่น เวลาอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว.
ส่งพระเคราะห์ ส่งพระเคราะห์ (โหร) ก. ทำพิธีส่งเทวดาประจำดาวพระเคราะห์ดวงที่กำลังจะสิ้นสุดการเสวยอายุเพื่อความสวัสดิมงคลตามความเชื่อทางโหราศาสตร์.
ส่งภาษา ส่งภาษา ก. เจรจาปราศรัยกับผู้ที่พูดอีกภาษาหนึ่ง โดยกล่าวคําเป็นภาษานั้น เช่น ให้ล่ามไปส่งภาษาถามเขาดูว่าต้องการอะไร; พูดเป็นภาษาอื่นหรือสำเนียงอื่นที่ตนฟังไม่เข้าใจ เช่น เขาส่งภาษาจีนกัน เขาส่งภาษาถิ่นมาเลยฟังไม่รู้เรื่อง.
ส่งลำ ส่งลำ ก. ร้องเพลงส่งให้ปี่พาทย์รับบรรเลงตามทํานองที่ร้อง (ใช้แก่การขับเสภาและสักวา); กระทําครั้งสุดท้าย เช่น เตะส่งลำ.
สงวน สงวน [สะหฺงวน] ก. ถนอมรักษาไว้ เช่น เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ (โลกนิติ) สงวนมรดกของชาติ, หวงแหนไว้ เช่น สงวนเนื้อสงวนตัว สงวนลิขสิทธิ์ สงวนสิทธิ์.<2t>ว. ที่รักษาหวงแหนไว้ เช่น ป่าสงวน.
สงวนท่าที,สงวนทีท่า สงวนท่าที, สงวนทีท่า ก. ไม่แสดงท่าทีให้ปรากฏชัดแจ้ง เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ความคิดของตน เช่น เขาสงวนท่าทีไม่ยอมแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม, ระมัดระวังกิริยาวาจาไม่ให้ใครดูถูก เช่น ก่อนจะทักทายใคร ควรสงวนทีท่าไว้บ้าง.
สงวนปากสงวนคำ สงวนปากสงวนคำ ก. พูดด้วยความระมัดระวัง, ระมัดระวังคำพูด, เช่น จะพูดจาอะไร รู้จักสงวนปากสงวนคำไว้บ้าง ผู้อื่นจะรู้ความคิด.
ส่งวิญญาณ ส่งวิญญาณ ก. ทำพิธีเพื่อให้วิญญาณผู้ตายไปเกิดในสุคติตามคติความเชื่อถือของพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน.
สงเษป สงเษป [-เสบ] (แบบ) น. สังเขป เช่น สวมแสดงบันทึกสาร สงเษป ไส้พ่อ. (ยวนพ่าย). (ส. สํเกฺษป; ป. สงฺเขป).
ส่งสการ ส่งสการ น. สังสการ.
ส่งส่วย ส่งส่วย ก. ส่งเงินเป็นต้นให้เป็นประจำตามที่ตกลงกัน (มักใช้ในทางไม่สุจริต) เช่น ผู้ลักลอบเล่นการพนันต้องส่งส่วยให้พวกนักเลงเจ้าถิ่น.
ส่งสัมผัส ส่งสัมผัส ก. เรียกคำสุดท้ายของวรรคหน้าแห่งคำประพันธ์ที่คล้องจองกับคำใดคำหนึ่งในวรรคถัดไปว่า คำส่งสัมผัส.
สงสัย สงสัย ก. ไม่แน่ใจในข้อเท็จจริง เช่น สงสัยว่าทำดีจะได้ดีจริงหรือ, ลังเล เช่น เมื่อเดินไปถึงทาง ๒ แพร่ง สงสัยว่าจะไปทางไหนจึงจะถูก; ทราบไม่ได้แน่ชัด, เคลือบแคลง, เช่น สงสัยว่าคำตอบข้อไหนถูก สงสัยว่าเขาจะเป็นขโมย; เอาแน่ไม่ได้ เช่น สงสัยว่าเขาจะมาหรือไม่มา. (ป. สํสย; ส. สํศย).
ส่งสายตา ส่งสายตา ก. มองโดยมีเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่าตนมีความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ อ้อนวอน หรือเพื่อเป็นการปรามเป็นต้น เช่น ส่งสายตาปรามไม่ให้เพื่อนพูด.
สงสาร,สงสาร ๑,สงสาร- สงสาร ๑, สงสาร- [สงสาน, สงสาระ-] น. การเวียนว่ายตายเกิด, การเวียนตายเวียนเกิด; โลก. (ป., ส. สํสาร).
สงสาร,สงสาร ๒ สงสาร ๒ [สงสาน] ก. รู้สึกเห็นใจในความเดือดร้อนหรือความทุกข์ของผู้อื่น, รู้สึกห่วงใยด้วยความเมตตากรุณา, เช่น เห็นเด็ก ๆ อดอยากก็รู้สึกสงสาร เห็นเขาประสบอัคคีภัยแล้วสงสาร.
สงสารทุกข์ สงสารทุกข์ น. ทุกข์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด.
สงสารวัฏ สงสารวัฏ น. การเวียนว่ายตายเกิด, สังสารวัฏ หรือ วัฏสงสาร ก็ว่า.
ส่งเสริม ส่งเสริม ก. เกื้อหนุน, ช่วยเหลือสนับสนุนให้ดีขึ้น, เช่น ส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมการศึกษา.
ส่งเสีย ส่งเสีย ก. ให้การอุดหนุน, เกื้อกูล, เช่น ส่งเสียลูกเรียนหนังสือ.
ส่งเสียง ส่งเสียง ก. ร้องเสียงดัง, แผดเสียง, เช่น ดีใจอะไรส่งเสียงมาแต่ไกล ส่งเสียงอื้ออึง.
สงัด สงัด [สะหฺงัด] ก. เงียบสงบ เช่น คลื่นสงัด ลมสงัด.<2t>ว. เงียบเชียบ, สงบเงียบเพราะปราศจากเสียงรบกวน, เช่น ดึกสงัด ยามสงัด.
สงัดคลื่น สงัดคลื่น ก. ไม่มีเสียงคลื่น.
สงัดคลื่นสงัดลม สงัดคลื่นสงัดลม ก. ไม่มีคลื่นไม่มีลม เช่น ทะเลสงัดคลื่นสงัดลม.
สงัดผู้สงัดคน สงัดผู้สงัดคน ก. เงียบเชียบเพราะไม่มีผู้คนผ่านไปมา.
สงัดลม สงัดลม ก. ไม่มีลมพัด.
สง่า สง่า [สะหฺง่า] ว. มีลักษณะผึ่งผายเป็นที่น่ายำเกรงหรือน่านิยมยกย่อง เช่น ผู้นำจะต้องมีบุคลิกลักษณะสง่า, เป็นที่น่าเกรงขาม เช่น เสือโคร่งมีท่าทางสง่า.
สง่างาม สง่างาม ว. มีท่าทางภูมิฐานแลดูงาม.
สง่าผ่าเผย สง่าผ่าเผย ว. มีท่าทางองอาจผึ่งผาย.
สง่าราศี สง่าราศี ว. มีท่าทางภูมิฐานผิวพรรณมีน้ำมีนวล.
สฐะ สฐะ (แบบ) ว. โกง, ล่อลวง; โอ้อวด. (ป.).
สณฑ์ สณฑ์ (แบบ) น. ชัฏ, ดง, ที่รก, ที่ทึบ. (ป. สณฺฑ; ส. ษณฺฑ).
สด สด ว. ใหม่ ใช้แก่ลักษณะของสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาหรือผลิตขึ้นใหม่ ๆ ยังไม่ทันเสื่อมหรือเสียคุณภาพของสิ่งนั้น คือ ไม่เหี่ยวแห้ง ซีดจาง และอาจบริโภคหรือใช้ได้ดีในสภาพของขณะนั้น เช่น ไข่สด กุ้งสด ปลาสด, มีอยู่หรือได้มาใหม่ ๆ เช่น ข่าวสด, ดิบ คือ ยังไม่สุกด้วยไฟ ไม่แห้งหรือหมักดองเป็นต้น เช่น น้ำพริกผักสด ผลไม้สด น้ำตาลสด เบียร์สด ขนมจีนแป้งสด.
สด ๆ,สด ๆ ร้อน ๆ สด ๆ, สด ๆ ร้อน ๆ ว. หยก ๆ, ใหม่ ๆ, เร็ว ๆ นี้, ไว ๆ นี้, เช่น เขาเพิ่งจบการศึกษามาจากต่างประเทศสด ๆ ร้อน ๆ สินค้าเพิ่งผลิตออกจากโรงงานสด ๆ ร้อน ๆ; ซึ่ง ๆ หน้า เช่น เจ้าข้าเอ่ยบุคคลผู้ใดเลย ในโลกนี้ที่น่าจะเจรจาตลบเลี้ยวลดสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดรชีไพรเป็นว่าหามิได้นี้แล้วแล (เวสสันดร), โกหกสด ๆ ร้อน ๆ.
สดก สดก [สะดก] (แบบ) น. หมวด ๑๐๐, จํานวนร้อย. (ป. สตก; ส. ศตก).
สดคาว สดคาว ว. ดิบ ๆ และยังมีคาวอย่างปลาสดหรือเนื้อสด เช่น เขาชอบกินอาหารสดคาว, อาหารที่แสลงแก่โรค เช่น เป็นโรคริดสีดวงห้ามกินของสดคาว.
สดชื่น สดชื่น ว. ใหม่และบริสุทธิ์ทำให้เบิกบานใจและกระปรี้กระเปร่าขึ้น เช่น จิตใจสดชื่น อากาศสดชื่น ดอกไม้บานสดชื่น ผิวพรรณสดชื่น หน้าตาสดชื่น.
สดน,สดัน สดน, สดัน [สะดน, สะ-] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สดมภ์ สดมภ์ [สะดม] น. เสา, หลัก; (คณิต) ช่องในแนวตั้งสําหรับกรอกรายการต่าง ๆ เช่น ตัวเลข สัญลักษณ์ สูตร. (ส. สฺตมฺภ; ป. ถมฺภ).
สดใส สดใส ว. ผ่องใส, ไม่ขุ่นมัว, เช่น หน้าตาสดใส สีสันสดใส.
สดับ สดับ [สะดับ] ก. ตั้งใจฟัง เช่น สดับพระธรรมเทศนา, มักใช้เข้าคู่กับคําตรับฟัง เป็น สดับตรับฟัง; (วรรณ) ได้ยิน เช่น ถึงแม้ว่าจะสนิทนิทรา ก็ผวาเมื่อสดับศัพท์เสียงพี่. (วิวาหพระสมุท). (ข. สฎาบ่).
สดับตรับฟัง สดับตรับฟัง ก. ฟังด้วยความเอาใจใส่ เช่น สดับตรับฟังพระธรรมเทศนา.
สดับปกรณ์ สดับปกรณ์ [สะดับปะกอน] ก. บังสุกุล (ใช้แก่ศพเจ้านาย).<2t>น. พิธีสวดมาติกาบังสุกุลเนื่องด้วยศพ ปัจจุบันใช้เฉพาะเจ้านาย. (ป. สตฺตปฺปกรณ; ส. สปฺตปฺรกรณ หมายถึง พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์).
สดำ สดำ [สะ-] ว. ขวา. (ข. สฺฎำ).
สดี สดี [สะ-] น. นางที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี. (ส. สตี).
สดุดี สดุดี [สะ-] น. คํายกย่อง, คําสรรเสริญ, (โดยปรกติใช้ในลักษณะเป็นพิธีการ), เช่น กล่าวสดุดีวีรกรรมของทหาร. (ส. สฺตุติ; ป. ถุติ).
สดูป สดูป [สะดูบ] (แบบ) น. สถูป, สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้สําหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกแห่งบุคคลที่นับถือเป็นต้น, สตูป ก็ว่า. (ส. สฺตูป; ป. ถูป).
สต,สต-,สตะ,สตะ ๑ สต-, สตะ ๑ [สะตะ-] น. ร้อย (๑๐๐). (ป.; ส. ศต).
สตกะ สตกะ [สะตะ-] น. หมวด ๑๐๐, จํานวนร้อย. (ป.).
สตน,สตัน สตน, สตัน [สะตน, สะ-] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สตภิสชะ,ศตภิษัช สตภิสชะ, ศตภิษัช [สะตะพิดชะ, สะตะพิสัด] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๔ มี ๔ ดวง เห็นเป็นรูปทิมทองหรือมังกร, ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์ ก็เรียก.
สตมาหะ สตมาหะ น. วันที่ครบ ๑๐๐.
สตรอนเชียม สตรอนเชียม [สะตฺรอน-] น. ธาตุลําดับที่ ๓๘ สัญลักษณ์ Sr เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็ง เนื้ออ่อน สีเหลืองอ่อน ไวต่อปฏิกิริยาเคมี หลอมละลายที่ ๗๕๒ °ซ. (อ. strontium).
สตริกนิน สตริกนิน [สะตฺริก-] น. สารประกอบอินทรีย์ประเภทแอลคาลอยด์ มีสูตร C21H22N2O2 ลักษณะเป็นผลึกหรือผงสีขาว ละลายได้เล็กน้อยในนํ้า หลอมละลายที่ ๒๖๘ °-๒๙๐ °ซ. เป็นพิษอย่างแรง. (อ. strychnine).
สตรี สตรี [สัดตฺรี] น. ผู้หญิง, เพศหญิง, คู่กับ บุรุษ, (ใช้ในลักษณะที่สุภาพ). (ส.; ป. อิตฺถี, ถี).
สตรีเพศ สตรีเพศ น. เพศหญิง, คู่กับ บุรุษเพศ.
สตรีลิงค์,สตรีลึงค์ สตรีลิงค์, สตรีลึงค์ (ไว) น. เพศของคําที่เป็นเพศหญิง เช่น ย่า ยาย แม่ นารี, อิตถีลิงค์ ก็ว่า. (ส. สฺตรีลิงฺค; ป. อิตฺถีลิงฺค).
สตะ,สตะ ๒ สตะ ๒ ว. ระลึกได้, จําได้. (ป.; ส. สฺมฺฤต).
สตันย์ สตันย์ [สะ-] (แบบ) น. นํ้านม. (ส.; ป. ถญฺ;).
สตัพธ์ สตัพธ์ [สะตับ] (แบบ) ว. แข็งกระด้าง, เย่อหยิ่ง. (ส. สฺตพฺธ; ป. ถทฺธ).
สตัฟฟ์ สตัฟฟ์ [สะ-] น. การนําวัสดุบางอย่างบรรจุในโครงหนังสัตว์ซึ่งผ่านกรรมวิธีทางเคมีสําหรับรักษาไม่ให้เน่าเปื่อยแล้วตกแต่งให้ดูเหมือนสัตว์จริง. (อ. stuff).
สตัมภ์ สตัมภ์ [สะ-] (แบบ) น. เสา, หลัก; เครื่องค้ำจุน. (ส. สฺตมฺภ, สฺตมฺพ; ป. ถมฺภ).
สตางค์ สตางค์ [สะตาง] น. เหรียญกระษาปณ์ปลีกย่อย ๑๐๐ สตางค์ เป็น ๑ บาท, อักษรย่อว่า สต., โดยปริยายหมายถึงเงินที่ใช้สอย เช่น วันนี้ไม่มีสตางค์ติดตัวมาเลย เขาเป็นคนมีสตางค์; ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณี สําหรับกําหนดนํ้าหนักเท่ากับเงินหนัก ๐.๑๕ กรัม; (โบ) มาตราวัดน้ำฝนเท่ากับ ๑ ใน ๑๐ ของทศางค์.
สติ สติ [สะติ] น. ความรู้สึก, ความรู้สึกตัว, เช่น ได้สติ ฟื้นคืนสติ สิ้นสติ, ความรู้สึกผิดชอบ เช่น มีสติ ไร้สติ, ความระลึกได้ เช่น ตั้งสติ กำหนดสติ. (ป.; ส. สฺมฺฤติ).
สติแตก สติแตก ก. ควบคุมสติไม่ได้.
สติปัญญา สติปัญญา น. ปัญญารอบคอบ, ปัญญารู้คิด, เช่น เขาเป็นคนมีสติปัญญาดี.
สติปัฏฐาน สติปัฏฐาน น. ชื่อธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งสติ ๔ อย่าง คือ กาย เวทนา จิต ธรรม. (ป.).
สติฟั่นเฟือน สติฟั่นเฟือน ว. คุ้มดีคุ้มร้าย.
สติไม่ดี สติไม่ดี ว. บ้า ๆ บอ ๆ; หลง ๆ ลืม ๆ เช่น หมู่นี้สติไม่ดี ทำงานผิดพลาดบ่อย ๆ.
สติลอย สติลอย ว. เหม่อ, เผลอสติ, เช่น เขาเดินสติลอยเลยถูกรถชน.
สติวินัย สติวินัย น. วิธีระงับอนุวาทาธิกรณ์ของสงฆ์โดยไม่ต้องพิจารณา เพียงแต่สวดกรรมวาจาประกาศความไม่มีโทษของจําเลยไว้ซึ่งเรียกว่า ให้สติวินัย แล้วยกฟ้องของโจทก์เสีย. (ป.).
สติวิปลาส สติวิปลาส [-วิปะลาด] ว. มีสติฟั่นเฟือนคล้ายคนบ้า, สัญญาวิปลาส ก็ว่า.
สติสัมปชัญญะ สติสัมปชัญญะ น. ความระลึกได้และความรู้ตัว, ความรู้สึกตัวด้วยความรอบคอบ, เช่น จะทำอะไรต้องมีสติสัมปชัญญะ.
สติอารมณ์ สติอารมณ์ น. ความคิดที่ฟุ้งซ่าน เช่น สงบสติอารมณ์เสียบ้าง อย่าคิดมากไปเลย. (ป.).
สตี สตี [สะ-] น. นางที่มีความซื่อสัตย์ต่อสามี; ธรรมเนียมที่ผู้หญิงชาวฮินดูเผาตัวบนกองไฟพร้อมกับศพสามีเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและความบริสุทธิ์. (ส.).
สตู สตู [สะ-] น. อาหารคาวชนิดหนึ่ง นำเนื้อหรือไก่เป็นต้นเคี่ยวในน้ำสต๊อกให้นุ่มด้วยไฟอ่อน ๆ ใส่ผัก เช่น มะเขือเทศ ถั่วแขก มันฝรั่ง มีน้ำข้น. (อ. stew).
สตูป สตูป [สะตูบ] (แบบ) น. สถูป, สิ่งก่อสร้างซึ่งก่อไว้สําหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกแห่งบุคคลที่นับถือเป็นต้น, สดูป ก็ว่า. (ส.; ป. ถูป).
สเต๊ก สเต๊ก [สะ-] น. ชื่ออาหารคาวชนิดหนึ่งตามแบบตะวันตก ทำด้วยเนื้อสันหรือปลาเป็นต้น หั่นชิ้นใหญ่ ๆ มักปรุงรส แล้วนำไปย่างหรือทอด กินกับมันฝรั่งทอด บดหรือต้ม และผักบางชนิด ใส่เครื่องปรุงรสตามชอบ. (อ. steak).
สถน สถน [สะถน] (แบบ) น. เต้านม. (ส. สฺตน; ป. ถน).
สถบดี สถบดี [สะถะบอดี] (แบบ) น. ช่างก่อสร้าง, ช่างไม้. (ส. สฺถปติ; ป. ถปติ).
สถล,สถล- สถล, สถล- [สะถน, สะถนละ-] น. ที่บก, ที่ดอน, ที่สูง. (ส.; ป. ถล).
สถลทิน สถลทิน น. ชื่อสถานที่สําหรับทําพิธีเกี่ยวกับรับช้างเผือก ทําเป็นเนินดินมีเสาโครงเพดานผ้าขาวเป็นที่หุงข้าวเภาและปักต้นอ้อย.
สถลบถ,สถลมารค สถลบถ, สถลมารค น. ทางบก เช่น กระบวนพยุหยาตราทางสถลมารค. (ส.).
สถวีระ สถวีระ [สะถะวีระ] (แบบ) น. พระเถระ; ชื่อนิกายหนึ่งของฝ่ายเถรวาท เรียกว่า นิกายสถวีระ หรือ สถีรวาท. (ส. สฺถวิร ว่า ผู้ใหญ่, ผู้สูงอายุ; ป. เถร).
สถาน,สถาน ๑ สถาน ๑ [สะถาน] น. ที่ตั้ง เช่น สถานเสาวภา สถานพยาบาล สถานพักฟื้น สถานบริบาลทารก, ถ้าใช้ประกอบคำอื่นหมายถึง ที่, แหล่ง, เช่น โบราณสถาน ศาสนสถาน ฌาปนสถาน ปูชนียสถาน สังเวชนียสถาน; ประการ เช่น มีความผิดหลายสถาน. (ส.; ป. าน).
สถาน,สถาน-,สถาน- ๒,สถานะ สถาน- ๒, สถานะ [สะถานะ-] น. ความเป็นไป, ความเป็นอยู่, เช่น เขาอยู่ในสถานะยากไร้ เศรษฐกิจของประเทศไทยมีสถานะมั่นคง น้ำมีสถานะปรกติเป็นของเหลว.
สถานกงสุล สถานกงสุล น. ที่ทำการของกงสุล.
สถานการณ์ สถานการณ์ น. เหตุการณ์ที่กําลังเป็นไป เช่น สถานการณ์บ้านเมืองเป็นปรกติดี.
สถานการณ์ฉุกเฉิน สถานการณ์ฉุกเฉิน (กฎ) น. สถานการณ์อันอาจเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักร หรืออันอาจทำให้ประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือภาวะการรบหรือการสงคราม.
สถานที่ สถานที่ น. ที่ตั้ง, แหล่ง, เช่น สถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ตากอากาศ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ.
สถานทูต สถานทูต น. ที่ทำการของทูต.
สถานธนานุเคราะห์ สถานธนานุเคราะห์ น. โรงรับจำนำของกรมประชาสงเคราะห์.
สถานธนานุบาล สถานธนานุบาล น. โรงรับจำนำของกรุงเทพมหานคร, โรงรับจำนำของเทศบาล.
สถานบริการ สถานบริการ (กฎ) น. สถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในการค้า ดังต่อไปนี้ (๑) สถานเต้นรำ รำวง หรือรองเง็ง ประเภทที่มีและประเภทที่ไม่มีหญิงพาตเนอร์บริการ (๒) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายและบริการ โดยมีหญิงบำเรอสำหรับปรนนิบัติลูกค้า หรือโดยมีที่สำหรับพักผ่อนหลับนอนหรือมีบริการนวดให้แก่ลูกค้า (๓) สถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัว ซึ่งมีผู้บริการให้แก่ลูกค้า (๔) สถานที่ที่มีอาหาร สุรา น้ำชา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่าย โดยจัดให้มีการแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง.
สถานประกอบการ สถานประกอบการ (กฎ) น. สถานที่ซึ่งผู้ประกอบการใช้ประกอบกิจการเป็นประจำและหมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย.
สถานภาพ สถานภาพ น. ฐานะ เช่น ราชบัณฑิตยสถานมีสถานภาพเป็นแหล่งค้นคว้าและบำรุงสรรพวิชา; ตําแหน่งหรือเกียรติยศของบุคคลที่ปรากฏในสังคม เช่น เขามีสถานภาพเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดี; สิทธิหน้าที่ตามบทบาทของบุคคล เช่น เขามีสถานภาพทางครอบครัวเป็นบิดา.
สถานี สถานี [สะถานี] น. หน่วยที่ตั้งเป็นที่พักหรือที่ทําการ เช่น สถานีตํารวจ สถานีรถไฟ สถานีตรวจอากาศ สถานีขนส่ง; ฐานส่งกำลังบำรุงของกองทัพเรือที่ประจำอยู่บนบก มีฐานใหญ่ ๆ ๓ แห่ง เรียกว่า สถานีทหารเรือ คือ สถานีทหารเรือกรุงเทพ สถานีทหารเรือสงขลา สถานีทหารเรือพังงา, ฐานส่งกำลังบำรุงหน่วยย่อยสำหรับการปฏิบัติการตามลำแม่น้ำโขง เรียกว่า สถานีเรือ เช่น สถานีเรืออำเภอเชียงคาน สถานีเรืออำเภอโขงเจียม สถานีเรืออำเภอธาตุพนม; ตำแหน่งของเรือขณะอยู่ในรูปกระบวน เช่น เรือ ก รักษาสถานีทางขวาของเรือ ข ระยะ ๕๐๐ หลา; ที่ที่กำหนดให้ทหารเรือประจำเพื่อปฏิบัติการตามภารกิจต่าง ๆ เช่น สถานีรบ สถานีจอดเรือ สถานีออกเรือ สถานีช่วยคนตกน้ำ สถานีรับส่งสิ่งของทางทะเล; ที่ที่มีหน่วยปฏิบัติการเฉพาะ เช่น สถานีสื่อสารดาวเทียม สถานีสมุทรศาสตร์ สถานีตรวจอากาศ.
สถานีอนามัย สถานีอนามัย น. สถานบริการสาธารณสุขที่ไม่มีแพทย์ประจำ ให้บริการสาธารณสุขทุกสาขา และส่งเสริมป้องกันด้านอนามัยแก่ประชาชนในระดับตำบลและหมู่บ้าน, เดิมเรียกว่า สุขศาลา.
สถาบก สถาบก [สะ-] (โบ) ก. สร้าง. (จารึกสยาม). (ส. สฺถาปก ว่า ผู้ตั้ง, ผู้สร้าง).
สถาบัน สถาบัน [สะ-] (สังคม) น. สิ่งซึ่งคนในส่วนรวม คือ สังคม จัดตั้งให้มีขึ้นเพราะเห็นประโยชน์ว่ามีความต้องการและจําเป็นแก่วิถีชีวิตของตน เช่น สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันการศึกษา สถาบันการเมือง สถาบันการเงิน. (ส.).
สถาปนา สถาปนา [สะถาปะนา] ก. ยกย่องโดยแต่งตั้งให้สูงขึ้น เช่นเลื่อนเจ้านายให้สูงศักดิ์ขึ้น หรือยกวัดราษฎร์ขึ้นเป็นพระอารามหลวง, ตั้งขึ้น (มักใช้แก่หน่วยราชการหรือองค์การที่สําคัญ ๆ ในระดับกระทรวง ทบวงมหาวิทยาลัย) เช่น วันสถาปนากระทรวงมหาดไทย วันสถาปนาราชบัณฑิตยสถาน วันสถาปนาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (ส. สฺถาปน; ป. าปน).
สถาปนิก สถาปนิก [สะถาปะ-] น. ผู้ทรงคุณวุฒิในการสร้างสรรค์ทางออกแบบก่อสร้าง. (ส.).
สถาปนียพยากรณ์ สถาปนียพยากรณ์ [-นียะ-] น. การจําแนกธรรมหรือพยากรณ์ปัญหาธรรมโดยอาการนิ่ง.
สถาปนียวาที สถาปนียวาที [-นียะ-] น. ผู้จําแนกธรรมหรือพยากรณ์ปัญหาธรรมโดยการนิ่ง.
สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรม [สะถาปัดตะยะกํา] น. ศิลปะและวิทยาเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะ. (ส. สฺถาปตฺย + กรฺมนฺ).
สถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ [สะถาปัดตะยะกำมะสาด] น. วิชาว่าด้วยการออกแบบงานก่อสร้างที่ประกอบด้วยศิลปลักษณะ.
สถาปัตยเรขา สถาปัตยเรขา [สะถาปัดตะยะ-] น. แบบร่างหรือต้นแบบการออกแบบก่อสร้าง.
สถาปัตยเวท สถาปัตยเวท [สะถาปัดตะยะเวด] น. วิชาการก่อสร้าง เป็นสาขาหนึ่งของอุปเวท. (ส. สฺถาปตฺย + เวท). (ดู อุปเวท ประกอบ).
สถาพร,สถาวร สถาพร, สถาวร [สะถาพอน, -วอน] ว. ยืนยง, มั่นคง, เช่น ขอให้มีความสุขสถาพร สถิตสถาพร. (ส. สฺถาวร; ป. ถาวร).
สถาล สถาล [สะถาน] (แบบ) น. ภาชนะใส่ของ, จาน, ชาม. (ส. สฺถาล; ป. ถาล).
สถิต สถิต [สะถิด] ก. อยู่, ยืนอยู่, ตั้งอยู่, (ใช้เป็นคํายกย่องแก่สิ่งหรือบุคคลที่อยู่ในฐานะสูง) เช่น พระเจ้าสถิตบนสวรรค์ พระมหากษัตริย์สถิตบนพระที่นั่ง สมเด็จพระสังฆราชสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร. (ส. สฺถิต; ป. ต).
สถิตยศาสตร์ สถิตยศาสตร์ [สะถิดตะยะ-] น. วิชากลศาสตร์แขนงหนึ่ง ซึ่งว่าด้วยแรงที่กระทําต่อเทหวัตถุซึ่งเป็นของแข็ง โดยที่เทหวัตถุนั้น ๆ หยุดนิ่งอยู่กับที่. (อ. statics).
สถิติ สถิติ [สะ-] น. หลักฐานที่รวบรวมเอาไว้เป็นตัวเลขสําหรับเปรียบเทียบหรือใช้อ้างอิง เช่น สถิติในการส่งสินค้าออกปีนี้สูงกว่าปีที่แล้ว. (ส. สฺถิติ; ป. ติ).
สถิติศาสตร์ สถิติศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยสถิติ. (อ. statistics).
สถิร,สถิร- สถิร- [สะถิระ-] ว. มั่นคง, แข็ง, แข็งแรง. (ส. สฺถิร; ป. ถิร).
สถีรวาท สถีรวาท [สะถีระวาด] (แบบ) น. ชื่อนิกายหนึ่งของฝ่ายเถรวาท เรียกว่า นิกายสถีรวาท หรือ สถวีระ.
สถุล สถุล [สะถุน] ว. หยาบ, ตํ่าช้า, เลวทราม, (ใช้เป็นคำด่า), เช่น เลวสถุล, มักใช้เข้าคู่กับคำ ไพร่ เป็น ไพร่สถุล. (ส. สฺถูล ว่า อ้วน, หยาบ; ป. ถูล).
สถูป สถูป [สะถูบ] น. สิ่งก่อสร้างที่มีรูปโอคว่ำซึ่งก่อไว้สำหรับบรรจุของควรบูชามีกระดูกของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์เป็นต้น, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ เจดีย์ เป็น สถูปเจดีย์ เช่น เดินเวียนเทียนรอบพระสถูปเจดีย์. (แบบ) สดูป, สตูป. (ป. ถูป; ส. สฺตูป).
สทิง สทิง [สะ-] น. แม่น้ำ, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทึง หรือ สรทึง ก็มี. (ข. สฺทึง ว่า คลอง).
สทึง สทึง [สะ-] น. แม่นํ้า, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทิง หรือ สรทึง ก็มี. (ข. สฺทึง ว่า คลอง).
สทุม สทุม [สะ-] น. เรือน. (ป.; ส. สทฺมนฺ).
สธนะ สธนะ [สะทะนะ] ว. มีเงิน, รํ่ารวย. (ป., ส.).
สธุสะ,สาธุสะ สธุสะ, สาธุสะ คําเปล่งขึ้นก่อนกล่าวคําอื่น เพื่อขอความสวัสดิมงคลอย่างเดียวกับคํา ศุภมัสดุ.
สน,สน ๑ สน ๑ น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดหลายสกุลในหลายวงศ์ เช่น สนสองใบ หรือ เกี๊ยะเปลือกหนา (Pinus merkusii Jungh. de Vriese), สนสามใบ หรือ เกี๊ยะเปลือกบาง (P. kesiya Royle ex Gordon) ในวงศ์ Pinaceae, ทั้ง ๒ ชนิดนี้ สนเขา ก็เรียก, พายัพเรียก จ๋วง; สนหางกระรอก (Dacrydium elatum Blume) ในวงศ์ Cupressaceae; สนฉําฉา หรือ สนญี่ปุ่น [Podocarpus macrophyllus (Thunb.) D. Don] ในวงศ์ Podocarpaceae; สนทราย หรือ สนสร้อย (Baeckea frutescens L.) ในวงศ์ Myrtaceae; สนทะเล (Casuarina equisetifolia J.R. et G. Forst.) ในวงศ์ Casuarinaceae.
สน,สน ๒ สน ๒ ก. ร้อยด้วยเชือกหรือด้ายเป็นต้น เช่น สนเข็ม สนตะพาย.
ส้น ส้น น. ส่วนท้ายของเท้า เช่น อย่าเดินลงส้น รองเท้ากัดส้น, เรียกเต็มว่า ส้นเท้า, ส่วนท้ายของบางสิ่งบางอย่าง เช่น ส้นปืน.
สนเข็ม สนเข็ม ก. ร้อยด้ายหรือไหมเป็นต้นเข้าไปในรูเข็ม.
สนใจ สนใจ ก. ตั้งใจจดจ่ออยู่กับสิ่งใดเรื่องใดเป็นพิเศษ เช่น เขาสนใจวิชาคณิตศาสตร์มาก, ใฝ่ใจใคร่รู้ใคร่เห็นเป็นต้น เช่น เขาสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็ก.
สนเดก สนเดก (แบบ) น. สํานัก. (ป. สนฺติก).
สนตะพาย สนตะพาย ก. กิริยาที่เอาเชือกร้อยช่องจมูกวัวควายที่เจาะ ซึ่งเรียกว่า ตะพาย, ใช้โดยปริยายแก่คนว่า ถูกสนตะพาย หรือ ยอมให้เขาสนตะพาย หมายความว่า ถูกบังคับให้ยอมทําตามด้วยความจําใจ ความหลง หรือ ความโง่เขลาเบาปัญญา.
ส้นตีน ส้นตีน (ปาก) น. ส้นเท้า, (มักใช้เป็นคำด่า).
ส้นตีนส้นมือ,ส้นมือส้นตีน ส้นตีนส้นมือ, ส้นมือส้นตีน (ปาก) ว. ไร้สาระ, ไม่มีแก่นสาร, เช่น เรื่องส้นมือส้นตีนเท่านี้ ก็ต้องมาฟ้องด้วย, ใช้เป็นคำด่า.
สนทนา สนทนา [สนทะ-] ก. คุยกัน, ปรึกษาหารือกัน, พูดจาโต้ตอบกัน, เช่น สนทนาปัญหาบ้านเมือง สนทนาสารทุกข์สุกดิบ.<2t>ว. ที่คุยกัน, ที่ปรึกษาหารือกัน, ที่พูดจาโต้ตอบกัน, เช่น บทสนทนาในนวนิยาย บทสนทนาภาษาอังกฤษ. (เทียบ ป. สํสนฺทนา ว่า การเทียบเคียง, การเปรียบเทียบ).
สนทรรศ สนทรรศ [-ทัด] น. ภาพ, สิ่งที่ปรากฏ. (ส. สํ + ทรฺศ).
สนทรรศน์ สนทรรศน์ [-ทัด] น. การดู, การจ้องดู, การแลเห็น. (ส. สํ + ทรฺศน).
สนทิศ สนทิศ ก. ชี้แจง, สั่ง, บอกกล่าว, ประกาศ. (ส. สํ + ทิศ).
สนเทศ สนเทศ น. คําสั่ง, ข่าวสาร, ใบบอก. (ส.; ป. สนฺเทส).
สนเท่ห์ สนเท่ห์ ก. สงสัย, ฉงน, ไม่แน่ใจ, เช่น รู้สึกสนเท่ห์, มักใช้เข้าคู่กับคำ ฉงน เป็น ฉงนสนเท่ห์. (ป., ส. สนฺเทห).
สนธยา สนธยา [สนทะ-] น. เวลาโพล้เพล้พลบคํ่า, บางทีใช้ว่า ยํ่าสนธยา; ช่วงเวลาที่ต่อระหว่างกลางวันกับกลางคืน คือเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตก. (ส.).
สนธิ สนธิ น. ที่ต่อ, การติดต่อ; การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น พจน + อนุกรม เป็น พจนานุกรม ราช + อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์ นว + อรห + อาทิ + คุณ เป็น นวารหาทิคุณ. (ป., ส.).
สนธิสัญญา สนธิสัญญา น. หนังสือสัญญาที่สําคัญยิ่งและทําเป็นตราสารสมบูรณ์แบบ, ความตกลงระหว่างประเทศ; หนังสือสัญญาที่ทําขึ้นระหว่างประเทศเอกราชตั้งแต่ ๒ ประเทศขึ้นไป. (อ. treaty).
สนธิอลงกต สนธิอลงกต [-อะลงกด] น. โคลงนาคพันธ์.
สนน สนน [สะหฺนน] น. ถนน.
สนนราคา สนนราคา [สะหฺนน-] น. ราคา.
สนแผง,สนหางสิงห์ สนแผง, สนหางสิงห์ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Thuja orientalis L. ในวงศ์ Cupressaceae ใบเป็นแผง ใบและเมล็ดใช้ทํายาได้.
สนม,สนม ๑ สนม ๑ [สะหฺนม] น. เจ้าจอมมารดาหรือเจ้าจอมอยู่งานซึ่งทรงพระเมตตายกย่องขึ้นเป็นชั้นสูง โดยได้รับพระราชทานหีบหมากทองคำลงยาราชาวดี เรียกว่า พระสนม. (ข. สฺนํ).
สนม,สนม ๒ สนม ๒ [สะหฺนม] น. ข้าราชการในพระราชสํานักทําหน้าที่เกี่ยวกับพิธีศพ ทําสุกําศพหีบ จัดดอกไม้ ดูแลรักษาเครื่องนมัสการ โกศ หีบ เป็นต้น เรียกว่า เจ้าพนักงานสนมพลเรือน. (ข. ).
สนม,สนม ๓ สนม ๓ [สะหฺนม] (โบ) น. เขตพระราชฐานซึ่งเป็นที่กักบริเวณผู้มีฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์หรือข้าทูลละอองธุลีพระบาทชั้นผู้ใหญ่โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของพวกสนม, เรียกลักษณะที่ถูกกักบริเวณเช่นนั้นว่า ติดสนม.
สนมเอก สนมเอก น. เจ้าจอมมารดาที่ได้รับพระราชทานพานทองเพิ่มจากหีบหมากทองคำลงยาราชาวดี เรียกว่า พระสนมเอก ในสมัยโบราณมี ๔ ตำแหน่ง คือ ท้าวอินสุเรนทร์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ ท้าวอินทรเทวี และท้าวศรีจุฬาลักษณ์.
ส้นมือ ส้นมือ น. ส่วนท้ายของฝ่ามือ.
ส้นรองเท้า ส้นรองเท้า น. ส่วนล่างตอนท้ายของรองเท้าที่รองรับส้น.
สนวน สนวน [สะหฺนวน] ดู ฉนวน ๔.
สนอง สนอง [สะหฺนอง] ก. ทำตามที่ได้รับคำสั่งหรือคำขอร้องเป็นต้น เช่น สนองโครงการในพระราชดำริ สนองนโยบายของรัฐบาล; โต้ตอบ เช่น กรรมตามสนอง, ตอบรับการเสนอ เช่น เสนอขายสนองซื้อ. (ข. สฺนง).
สนองไข สนองไข ก. กล่าวตอบ, อธิบาย.
สนองได สนองได (ราชา) น. ไม้เกาหลัง.
สนอบ สนอบ [สะหฺนอบ] (โบ) น. เสื้อที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานใช้นุ่งห่มเฉพาะในพระราชพิธี โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือในเวลารับแขกเมือง เป็นต้น. (ข. สฺนบ ว่า ผ้าห่อศพ).
สนอม สนอม [สะหฺนอม] ก. ถนอม.
สนะ สนะ [สะหฺนะ] น. เสื้อ; เครื่องสอบสวน; หนัง.<2t>ก. เย็บ, ชุน, ปัก.
สนัด สนัด [สะหฺนัด] ก. ถนัด, สันทัด, มั่นเหมาะ.<2t>ว. ชัด, แม่นยํา.
สนัดใจ สนัดใจ ว. ถนัดใจ.
สนั่น สนั่น [สะหฺนั่น] ว. กึกก้อง, ดังลั่น, ดังมาก, เช่น ฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น.
สนับ,สนับ ๑ สนับ ๑ [สะหฺนับ] น. เสื้อ; เครื่องสวม; เครื่องรองอย่างเครื่องรองมือของช่างเย็บเพื่อกันเข็มแทงมือเป็นต้น.<2t>ก. ทาบ, ซ้อน, เช่นหญ้าที่โทรมทับหญ้าที่ขึ้นใหม่อีก เรียกว่า ตกสนับ.
สนับ,สนับ ๒,สนับทึบ สนับ ๒, สนับทึบ น. ชื่อสัตว์นํ้าเค็มไม่มีกระดูกสันหลังในสกุล Lepas วงศ์ Lepadidae, เพรียงคอห่าน ก็เรียก.
สนับแข้ง สนับแข้ง น. เครื่องสวมแข้ง.
สนับงา สนับงา น. เนื้อหุ้มที่โคนงาช้าง.
สนับนิ้ว,สนับนิ้วมือ สนับนิ้ว, สนับนิ้วมือ น. ปลอกโลหะสวมปลายนิ้วมือสําหรับดุนก้นเข็มเพื่อไม่ให้เจ็บนิ้วมือ.
สนับเพลา สนับเพลา [-เพฺลา] น. กางเกงชั้นในมีขายาวประมาณครึ่งแข้งแล้วนุ่งผ้าโจงกระเบนทับอย่างตัวละคร, (ราชา) พระสนับเพลา.
สนับมือ สนับมือ น. เครื่องรองใบลานเพื่อจารหนังสือได้ถนัด; เครื่องสวมมือมักทําด้วยทองเหลืองเป็นรูปเหมือนแหวน ๔ วงติดกันสําหรับสวมนิ้วมือเวลาชก.
สนับสนุน สนับสนุน ก. ส่งเสริม, ช่วยเหลือ, อุปการะ, เช่น สนับสนุนการกีฬา สนับสนุนการศึกษา.
สนาดก สนาดก [สะนา-] (แบบ) น. ผู้ได้รับนํ้าสรงในพิธีสนานหลังจากจบการศึกษาแล้ว ซึ่งตามคติชีวิตของชาวฮินดูถือเป็นการสิ้นสุดชีวิตขั้นที่ ๑ ในอาศรม ๔ คือ พรหมจารี และย่างเข้าขั้นที่ ๒ คือ คฤหัสถ์. (ส. สฺนาตก; ป. นหาตก).
สนาน สนาน [สะหฺนาน] น. การอาบนํ้า. (ส. สฺนาน; ป. นหาน).
สนาบก สนาบก [สะนา-] น. คนที่มีหน้าที่อาบนํ้าให้ผู้อื่น. (ส. สฺนาปก; ป. นหาปก).
สนาบัน สนาบัน [สะนา-] น. การอาบนํ้า, การอาบนํ้าให้ผู้อื่น. (ส.; ป. นหาปน).
สนาม สนาม [สะหฺนาม] น. ลาน, ที่ว่าง, ที่โล่ง, ที่เล่น, เช่น เขานั่งอยู่ริมสนาม เด็ก ๆ วิ่งเล่นในสนาม, ที่สำหรับเล่นหรือแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่น สนามฟุตบอล สนามกอล์ฟ สนามชนวัว.
สนามกีฬา สนามกีฬา น. สถานที่สำหรับฝึกซ้อมหรือแข่งขันกีฬา.
สนามเด็กเล่น สนามเด็กเล่น น. สถานที่ที่จัดให้เด็กเล่น มักมีอุปกรณ์การเล่น เช่น ชิงช้า ไม้ลื่น.
สนามบิน สนามบิน น. (กฎ) พื้นที่ที่กำหนดไว้บนพื้นดินหรือน้ำสำหรับใช้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนเพื่อการขึ้นลงหรือเคลื่อนไหวของอากาศยาน รวมตลอดถึงอาคาร สิ่งติดตั้งและบริภัณฑ์ซึ่งอยู่ภายในสนามบินนั้น; (ปาก) ท่าอากาศยาน.
สนามบินอนุญาต สนามบินอนุญาต (กฎ) น. สนามบินที่บุคคลได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศและสนามบินที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมประกาศกำหนด.
สนามเพลาะ สนามเพลาะ น. คูที่ขุดกำบังตัวในเวลารบ.
สนามไฟฟ้า สนามไฟฟ้า (วิทยา) น. บริเวณที่มีอำนาจไฟฟ้า, บริเวณที่มีเส้นแรงไฟฟ้าผ่าน.
สนามแม่เหล็ก สนามแม่เหล็ก (วิทยา) น. บริเวณที่มีอำนาจแม่เหล็ก, บริเวณที่มีเส้นแรงแม่เหล็กผ่าน.
สนามรบ สนามรบ น. บริเวณที่คู่สงครามต่อสู้กัน เช่น เขาได้ผ่านสนามรบมามากแล้ว.
สนามวัด สนามวัด น. สถานที่ที่สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแต่ละสำนักได้กำหนดให้เป็นที่ทดสอบบาลีก่อนที่จะส่งเข้าสอบบาลีสนามหลวง.
สนามสอบ สนามสอบ น. สถานที่สำหรับจัดสอบไล่หรือสอบคัดเลือก.
สนามหลวง สนามหลวง น. สถานซึ่งกําหนดให้เป็นที่สอบไล่นักธรรมและบาลี ในคำว่า สอบธรรมสนามหลวง สอบบาลีสนามหลวง.
สนายุ สนายุ [สะนา-] (แบบ) น. เอ็น. (ส. สฺนายุ).
สนิกะ สนิกะ [สะนิกะ] (แบบ) ว. ค่อย ๆ, เบา ๆ. (ป.).
สนิท สนิท [สะหฺนิด] ว. อย่างใกล้ชิด, ชิดชอบ, เช่น เพื่อนสนิท คนสนิท เขาสนิทกันมาก, แนบชิด เช่น เข้าปากไม้ได้สนิท; กลมกล่อม, กลมกลืน, ในลักษณะที่เข้ากันได้ดีไม่มีอะไรบกพร่อง ซึ่งดูประหนึ่งว่าเป็นเนื้อเดียวหรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เช่น ประตูปิดสนิท สีเข้ากันสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ผนังห้องแต่ละด้านแม้จะทาสีต่างกันแต่สีก็เข้ากันได้สนิท; อย่างแท้จริง หรือทั้งหมดโดยไม่มีอะไรแทรกหรือเจือปน เช่น มะปรางหวานสนิท เชื่อสนิท ตีหน้าสนิท. (ป. สินิทฺธ ว่า เสน่หา, รักใคร่; ส. สฺนิคฺธ).
สนิทใจ สนิทใจ ว. ไม่มีอะไรต้องแคลงใจหรือสงสัย เช่น เชื่ออย่างสนิทใจ, ถ้าใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่สนิทใจ หมายความว่า มีลักษณะพึงรังเกียจ เช่น พื้นสกปรกนั่งแล้วไม่สนิทใจ ผ้าเช็ดมือในห้องน้ำรวม ใช้ได้ไม่สนิทใจเลย.
สนิทปาก สนิทปาก ว. ไม่รู้สึกกระดากใจหรือตะขิดตะขวงใจ เช่น พูดเท็จได้สนิทปาก พูดคำหยาบโลนได้สนิทปาก, สนิทปากสนิทคอ ก็ว่า.
สนิทสนม สนิทสนม ก. ชอบพอ, คุ้นเคยกันดี, เช่น สองคนนี้สนิทสนมกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก.<2t>ว. แนบเนียน เช่น เขาพูดเท็จได้อย่างสนิทสนม เขาชำระแผลให้คนเป็นโรคเรื้อนได้อย่างสนิทสนมโดยไม่รังเกียจ.
สนิธ สนิธ [สะหฺนิด] (โบ) ว. สนิท.
สนิม,สนิม ๑ สนิม ๑ [สะหฺนิม] น. ส่วนของผิวโลหะที่แปรสภาพไปจากเดิมเนื่องด้วยปฏิกิริยาเคมีเป็นสาเหตุให้เกิดการผุกร่อน เช่น มีดขึ้นสนิม; (ปาก) มลทิน เช่น สนิมในใจ.
สนิม,สนิม ๒ สนิม ๒ [สะหฺนิม] น. ถนิม, เครื่องประดับ ในคำว่า สนิมพิมพาภรณ์. (ข. ธฺนิม).
สนิมขุม สนิมขุม น. สนิมซึ่งเกิดที่ผิวโลหะแล้วทำให้ผิวโลหะเป็นจุด ๆ หรือเป็นรู ๆ เช่น พระพุทธรูปสัมฤทธิ์เกิดสนิมขุม.
สนิมสร้อย สนิมสร้อย [สะหฺนิมส้อย] ว. ถนิมสร้อย, หนักไม่เอาเบาไม่สู้, ทำเป็นเหยาะแหยะ, ทำเป็นอ่อนแอ, (ใช้เป็นคำตำหนิ), เช่น ดุว่านิดหน่อยก็น้ำตาร่วง ทำเป็นแม่สนิมสร้อยไปได้.
สนุก สนุก [สะหฺนุก] ว. ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน, ทำให้เบิกบานใจ, เช่น หนังสือเรื่องนี้อ่านสนุก ภาพยนตร์เรื่องนี้สนุก. (ข. สฺรณุก).
สนุกเกอร์ สนุกเกอร์ [สะนุก-] น. ชื่อกีฬาในร่มชนิดหนึ่งเล่นบนโต๊ะบิลเลียด ผู้เล่นใช้ไม้แทงลูกเรียกว่า ไม้คิว แทงลูกกลมสีขาวให้กระทบลูกกลมสีต่าง ๆ ซึ่งมีลูกแดง ๑๕ ลูก ลูกดํา ชมพู นํ้าเงิน นํ้าตาล เขียว และเหลือง อีกอย่างละ ๑ ลูก ให้ลงหลุมทีละลูกตามที่กําหนดไว้ในกติกา หรือทําให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถแทงลูกสีขาวให้กระทบกับลูกที่ต้องถูกกระทบได้ ซึ่งเรียกว่า ทําสนุก. (อ. snooker).
สนุกสนาน สนุกสนาน ว. ร่าเริงบันเทิงใจ, เพลิดเพลินเจริญใจ, เช่น เด็ก ๆ เล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน.
สนุข สนุข [สะหฺนุก] น. สุข. (แผลงมาจาก สุข).
สนุต สนุต [สะนุด] ว. ไหล, ย้อย, (ใช้แก่น้ำนมแม่). (ส.).
สนุ่น,สนุ่น ๑ สนุ่น ๑ [สะหฺนุ่น] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Salix tetrasperma Roxb. ในวงศ์ Salicaceae ชอบขึ้นริมนํ้า ใบเรียวเล็ก ท้องใบขาว เปลือกและรากใช้ทํายา, ตะไคร้บก ก็เรียก.
สนุ่น,สนุ่น ๒ สนุ่น ๒ [สะหฺนุ่น] น. สวะหรือซากผุพังของพืชพรรณที่ซับซ้อนกันมาก ๆ ในบึงหรือหนองนํ้า สามารถเหยียบเดินไปได้.
สบ สบ ก. พบ, ปะ, เช่น สบโชค สบตา สบเหมาะ ฟันบนสบฟันล่าง, ถูก, ต้อง, เช่น สบใจ สบปาก สบอารมณ์.<2t>น. บริเวณที่แม่น้ำตั้งแต่ ๒ สายขึ้นไปมาบรรจบกัน เช่น สามสบ คือบริเวณที่แม่น้ำบีคี่ใหญ่ ห้วยซองกะเลีย และแม่น้ำรันตี รวม ๓ สาย มาสบกัน แล้วไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย.<2t>ว. ทุก ๆ, เสมอ, เช่น สบไถง ว่า ทุกวัน, สบสมัย ว่า ทุกสมัย. (ข.).
สบง สบง [สะบง] น. ผ้านุ่งของภิกษุสามเณร. (ข. สฺบ่ง).
สบจ สบจ [สะบด] (แบบ) น. คนชาติตํ่าช้า. (ป. สปจ; ส. ศฺวปจ).
สบถ สบถ [สะบด] ก. เปล่งถ้อยคำเพื่อเน้นให้คนเชื่อโดยอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษตนหรือให้ภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดกับตนถ้าหากตนไม่ปฏิบัติตามหรือไม่เป็นไปอย่างที่พูดไว้. (ป. สปถ; ส. ศปถ).
สบประมาท สบประมาท ก. แสดงกิริยาวาจาดูถูกดูหมิ่นซึ่ง ๆ หน้า เช่น เขาถูกสบประมาทในที่ประชุม, ประมาทหน้า.
สบสังวาส สบสังวาส ว. อยู่ร่วมกัน เช่น พระสงฆ์ที่มีศีลเสมอกันร่วมทําสังฆกรรมด้วยกันได้ เรียกว่า สงฆ์สบสังวาส.
สบเสีย,สบเสีย ๑ สบเสีย ๑ ก. ชอบพอ, โปรดปราน.
สบเสีย,สบเสีย ๒ สบเสีย ๒ ก. ดูถูก.
สบัน สบัน [สะ-] (แบบ) ก. สาบาน. (ป. สปน).
สบาย สบาย [สะบาย] ว. อยู่ดีกินดี เช่น เดี๋ยวนี้เขาสบายขึ้น ลูก ๆ ทำงานหมดแล้ว, เป็นสุขกายสุขใจ เช่น เวลานี้เขาสบายแล้ว เพราะมีฐานะดีขึ้น ไม่มีวิตกกังวลใด ๆ; สะดวก เช่น ทำตามสบายไม่ต้องเกรงใจ มีรถส่วนตัวสบายกว่าไปรถประจำทาง, มักใช้เข้าคู่กับคำ สุข หรือ สะดวก เป็น สุขสบาย หรือ สะดวกสบาย; พอเหมาะพอดี เช่น เก้าอี้ตัวนี้นั่งสบาย; ไม่ลำบากกาย เช่น เขาทำงานสบายขึ้น ไม่ต้องแบกหามเหมือนเมื่อก่อน; ไม่เจ็บไม่ไข้ เช่น เวลานี้เขาสบายดี ไม่ป่วยไข้; มีความพอใจเมื่อได้สัมผัส เช่น สบายหู สบายตา สบายกาย. (ป. สปฺปาย).
สบายใจ สบายใจ ว. ไม่มีทุกข์มีร้อน เช่น ลูก ๆ เรียนจบหมดแล้วก็สบายใจ ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วสบายใจ.
สบายอารมณ์ สบายอารมณ์ ว. มีอารมณ์เบิกบาน เช่น เขาทำงานไปร้องเพลงไปอย่างสบายอารมณ์ วันนี้ขอดูภาพยนตร์ให้สบายอารมณ์สักวัน.
สบู่,สบู่ ๑ สบู่ ๑ [สะ-] น. ชื่อไม้พุ่ม ๒ ชนิดในสกุล Jatropha วงศ์ Euphorbiaceae คือ สบู่ขาว หรือ สบู่ดํา (J. curcas L.) ก้านใบและใบอ่อนสีเขียว และ สบู่แดง (J. gossypifolia L.) ก้านใบและใบสีแดง, ทั้ง ๒ ชนิดมียางใส เมล็ดนําไปหีบได้นํ้ามันใช้เป็นเชื้อเพลิงและหล่อลื่น ทุกส่วนเป็นพิษ.
สบู่,สบู่ ๒ สบู่ ๒ [สะ-] น. สิ่งที่ผลิตขึ้นโดยนําไขสัตว์เช่นไขวัว หรือนํ้ามันพืชเช่นนํ้ามันมะพร้าวนํ้ามันมะกอกไปต้มกับด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ จะได้สบู่แข็ง หรือนําไปต้มกับด่างโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ จะได้สบู่อ่อน ใช้ชําระล้างและซักฟอก. (โปรตุเกส sapu).
สบู่เลือด สบู่เลือด น. ชื่อไม้เถามีหัวชนิด Stephania venosa (Blume) Spreng. ในวงศ์ Menispermaceae ใบ เถา และผิวของหัวมีนํ้ายางสีแดง.
สไบ สไบ [สะ-] น. ผ้าแถบ, ผ้าคาดอกผู้หญิง. (ข. ไสฺบ).
สไบกรองทอง สไบกรองทอง น. ผ้าสไบที่ถักด้วยไหมทองไหมเงินให้เป็นลวดลายโปร่งรูปดอกไม้เป็นต้น และมีผ้าซับในอีกชั้นหนึ่ง.
สไบเฉียง สไบเฉียง น. วิธีห่มผ้าสไบให้เฉวียงบ่าข้างใดข้างหนึ่ง เรียกว่า ห่มสไบเฉียง.
สไบนาง สไบนาง ดู กระแตไต่ไม้ ๒.
สไบปัก สไบปัก น. ผ้าสไบที่ปักด้วยดิ้นเงินหรือดิ้นทองและสอดไส้ด้วยไหมสีต่าง ๆ.
สปริง สปริง [สะปฺริง] น. สิ่งที่ยืดหรือหดแล้วคืนตัวได้เอง มักทำด้วยโลหะ เช่น นาฬิกาเรือนนี้สปริงหลุด จึงไม่เดิน.<2t>ว. ที่ยืดหรือหดแล้วคืนตัวได้เอง เช่น เบาะสปริง เตียงสปริง. (อ. spring).
สปริงตัว สปริงตัว ก. ดีดตัวออก เช่น นักบินสปริงตัวออกจากเครื่องบิน.
สปอร์ สปอร์ น. หน่วยขยายพันธุ์ขนาดเล็ก ทำหน้าที่คล้ายเมล็ดพืชแต่ไม่มีเอ็มบริโอ เมื่อสิ่งแวดล้อมเหมาะสมจะเจริญเป็นต้นใหม่ได้. (อ. spore).
สปาเกตตี สปาเกตตี น. ชื่ออาหารอิตาลีชนิดหนึ่ง ทําจากแป้งสาลี เป็นเส้นกลมตันคล้ายเส้นขนมจีนแต่โตกว่าเล็กน้อย. (อ. spaghetti).
สเปกตรัม สเปกตรัม (ฟิสิกส์) น. ผลที่ได้จากการที่การแผ่รังสีของแม่เหล็กไฟฟ้าถูกแยกออกเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ตามขนาดของช่วงคลื่นหรือความถี่ขององค์ประกอบนั้น ๆ. (อ. spectrum).
สเปกโทรสโกป สเปกโทรสโกป น. เครื่องมือที่ใช้ศึกษาการวิเคราะห์สเปกตรัม. (อ. spectroscope).
สไปริลลัม สไปริลลัม น. แบคทีเรียที่มีรูปร่างเป็นเส้นหรือท่อนที่งอไปงอมาหรือบิดเป็นเกลียว. (อ. spirillum).
สพั้น สพั้น [สะ-] น. ทองเหลือง, ทองแดง. (ข. สฺพาน่).
สพาบ สพาบ [สะ-] ว. พังพาบ เช่น ก็มาให้มึงล้มสพาบ. (ม. คําหลวง ชูชก). (ข.).
สภา สภา น. องค์การหรือสถานที่ประชุม เช่น สภาผู้แทนราษฎร สภาสตรีแห่งชาติ สภามหาวิทยาลัย วุฒิสภา. (ป., ส.).
สภากาชาด สภากาชาด น. องค์การพยาบาลและบรรเทาทุกข์.
สภาค สภาค [สะพาก] ว. ร่วมกัน, อยู่หมวดเดียวกัน; เหมือนกัน, เท่ากัน. (ป.).
สภาจาร สภาจาร น. ขนบธรรมเนียมขององค์การหรือสถานที่ประชุม. (ส.).
สภานายก,สภาบดี สภานายก, สภาบดี น. ผู้เป็นประธานในที่ประชุม. (ส.).
สภาผู้แทนราษฎร สภาผู้แทนราษฎร (กฎ) น. สภานิติบัญญัติสภาหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกับวุฒิสภาแล้วประกอบเป็นรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พุทธศักราช ๒๕๔๐) สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน ๕๐๐ คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้น จำนวน ๑๐๐ คน และสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน ๔๐๐ คน มีหน้าที่ในทางนิติบัญญัติ และมีอำนาจควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามระบบการปกครองแบบรัฐสภา.
สภาพ สภาพ น. ความเป็นเองตามธรรมดาหรือตามธรรมชาติ เช่น สภาพความเป็นอยู่ สภาพดินฟ้าอากาศ, ลักษณะในตัวเอง; ภาวะ, ธรรมชาติ. (ป. สภาว; ส. สฺวภาว).
สภาพเดิม สภาพเดิม น. ลักษณะหรือภาวะหรือธรรมชาติที่เป็นมาแต่แรก.
สภาพธรรม สภาพธรรม น. หลักแห่งความเป็นเอง.
สภาว,สภาว-,สภาวะ สภาว-, สภาวะ [สะพาวะ-] น. สภาพ เช่น สภาวะดินฟ้าอากาศ. (ป.).
สภาวการณ์ สภาวการณ์ น. เหตุการณ์ที่เป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บ้านเมืองตกอยู่ในสภาวการณ์เดือดร้อนเพราะภัยธรรมชาติ.
สม,สม ๑ สม ๑ ว. เหมาะ, เหมาะกับ, ควรแก่, เช่น บ่าวสาวคู่นี้สมกัน เขาแต่งตัวสมฐานะ แสดงละครได้สมบทบาท เขาต่อสู้กันอย่างสมศักดิ์ศรี เด็กคนนี้แต่งตัวไม่สมวัย, รับกัน เช่น หัวแหวนสมกับเรือนแหวน; ตรงกับ เช่น สมคะเน สมปรารถนา สมความตั้งใจ. (ปาก) สมน้ำหน้า เช่น สมแล้วที่สอบตก เพราะขี้เกียจนัก.
สม,สม ๒ สม ๒ ใช้ประกอบกับคำกริยาบางคำมีความหมายว่า ร่วมด้วยกัน รวมกัน เช่น สมคิด สมรู้.
สม,สม-.สม- ๓ สม- ๓ [สะมะ-, สมมะ-, สม-] ว. เท่ากัน, เสมอกัน.
ส้ม,ส้ม ๑ ส้ม ๑ น. ชื่อไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กหลายชนิดในสกุล Citrus วงศ์ Rutaceae ใบ ดอก และผิวผลมีต่อมนํ้ามัน กลิ่นฉุน ผลรสเปรี้ยวหรือหวาน กินได้ เช่น ส้มซ่า (C. aurantium L.) ส้มโอ [C. maxima (Burm.) Merr.] ส้มแก้ว (C. nobilis Lour.) ส้มจุก ส้มเขียวหวาน ส้มจันทบูร (C. reticulata Blanco) ส้มเกลี้ยง ส้มเช้ง (C. sinensis Osbeck), ถ้าผลไม้จําพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคํา ส้ม ออก เช่น ส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด.<2t>ว. สีเหลืองเจือแดง เรียกว่า สีส้ม.
ส้ม,ส้ม ๒ ส้ม ๒ ว. เปรี้ยว เช่น สารส้ม.<2t>น. คําใช้ประกอบหน้าชื่อพรรณไม้และของกินที่มีรสเปรี้ยว เช่น ส้มเช้า ส้มตำ ส้มฟัก.
สมการ สมการ [สะมะกาน, สมมะกาน] (คณิต) น. ข้อความที่แสดงความเท่ากันของนิพจน์ ๒ นิพจน์ เฉพาะบางค่าของตัวไม่ทราบค่าที่ปรากฏในนิพจน์นั้น ๆ หรือการเหมือนกันของข้อความย่อย ๒ ข้อความที่ปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องหมาย =. (อ. equation).
สมการเคมี สมการเคมี (เคมี) น. สมการที่เขียนขึ้นโดยอาศัยสัญลักษณ์ของธาตุ เพื่อแสดงปฏิกิริยาเคมีและปริมาณของธาตุต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในปฏิกิริยาเคมีนั้น ๆ. (อ. chemical equation).
ส้มกุ้ง,ส้มกุ้ง ๑ ส้มกุ้ง ๑ น. ของกินชนิดหนึ่งทําด้วยกุ้ง ใช้หมักด้วยข้าวสุก เกลือ และกระเทียม มีรสเปรี้ยว, กุ้งส้ม ก็ว่า.
ส้มกุ้ง,ส้มกุ้ง ๒ ส้มกุ้ง ๒ น. (๑) ชื่อไม้เถาชนิด Ampelocissus martinii Planch. ในวงศ์ Vitaceae เถาและใบมีขนสีแดง ผลกลมออกเป็นพวงคล้ายองุ่น.<2t>(๒) ชื่อไม้เถาชนิด Embelia ribes Burm.f. ในวงศ์ Myrsinaceae เถาและใบเกลี้ยง ผลกลมออกเป็นช่อ ใช้ทํายาได้.<2t>(๓) ชื่อไม้เถาชนิด Rubus moluccanus L. ในวงศ์ Rosaceae เถามีขนและหนาม ผลออกเป็นกระจุก สุกสีแดง กินได้.<2t>(๔) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Begonia inflata C.B. Clarke ในวงศ์ Begoniaceae ต้นและใบอวบนํ้า ใบมีรสเปรี้ยว.
สมคบ สมคบ ก. ร่วมคบคิดกัน (ใช้ในทางไม่ดี) เช่น เขาสมคบกันไปปล้น.
สมควร สมควร ว. ควรยิ่ง, เหมาะสมยิ่ง, เช่น เขาทำงานดีสมควรขึ้นเงินเดือนให้ ๒ ขั้น.
สมคะเน สมคะเน ก. เหมาะกับที่คาด, ตรงกับที่คิดไว้.
สมจร สมจร ก. ร่วมประเวณี เช่น เจ้าสมจรด้วยเมียข้าคนตนเองไซ้ ท่านให้ไหมให้ผัวมันเปนไท... ข้าสมจรด้วยกันพ่อแม่แลเจ้าข้ามิให้แลมันภากันหนีไกล... (สามดวง) มีนิทานเรื่องนางนาคสมจรกับงูดิน.
สมจริง สมจริง ว. ควรถือได้ว่าเป็นจริง, คล้ายกับที่เป็นจริง, เช่น เขาแสดงบทบาทในละครได้อย่างสมจริง; ตามความเป็นจริง เช่น เขาทำได้สมจริงอย่างที่พูดไว้; (วรรณ) เหมือนจริงแต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เช่น นวนิยายสมจริง เรื่องสมจริง.
สมจริงสมจัง สมจริงสมจัง ว. คล้ายกับที่เป็นจริงมาก เช่น เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ได้สมจริงสมจัง.
สมจารี สมจารี [สะมะ-] น. ผู้ประพฤติสมํ่าเสมอ. (ป.).
ส้มจี๊ ส้มจี๊ น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้พุทราตากแห้งป่นให้ละเอียด กวนกับน้ำตาลทรายให้งวด อัดเป็นแท่ง.
สมใจ สมใจ ก. เป็นไปดังที่คิดไว้ เช่น เขาอยากได้หนังสือเล่มนี้มานานแล้ว วันนี้มีคนเอามาให้ ก็เลยได้ไว้สมใจ.
ส้มฉุน ส้มฉุน น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้มะม่วงดิบมะยมดิบยำกับกุ้งแห้งใส่น้ำปลาน้ำตาล บางทีก็นำไปตากแดด, ส้มลิ้ม ก็เรียก.
ส้มชื่น ส้มชื่น (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ต้นเขยตาย. (ดู เขยตาย).
ส้มเช้า ส้มเช้า น. (๑) ชื่อไม้พุ่มชนิด Euphorbia ligularia Roxb. ในวงศ์ Euphorbiaceae ต้นคล้ายต้นสลัดได แต่มีใบซึ่งมีรสเปรี้ยวในเวลาเช้า.<2t>(๒) ดู ต้นตายใบเป็น.
สมญา สมญา [สมยา] น. ชื่อที่ตั้งให้ กร่อนมาจากคำว่า สมัญญา.
สมญานาม สมญานาม [สมยานาม] น. สมญา.
สมเญศ สมเญศ [สมเยด] (กลอน) น. ชื่อ.
สมณ,สมณ-,สมณะ สมณ-, สมณะ [สะมะนะ-] น. ผู้สงบกิเลสแล้ว โดยเฉพาะหมายถึงภิกษุในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศฺรมณ).
สมณบริขาร สมณบริขาร น. เครื่องใช้สอยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มี ๘ อย่าง คือ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม ประคดเอว กระบอกกรองนํ้า (ธมกรก), อัฐบริขาร ก็เรียก. (ป.).
สมณโวหาร สมณโวหาร น. ถ้อยคําที่ควรแก่สมณะ เช่น อาตมา ฉันจังหัน กัปปิยภัณฑ์. (ป.).
สมณศักดิ์ สมณศักดิ์ น. ยศพระสงฆ์ที่ได้รับพระราชทานมีหลายชั้น แต่ละชั้นมีพัดยศเป็นเครื่องกําหนด.
สมณสารูป สมณสารูป ว. ที่สมควรแก่พระ (ใช้แก่กิริยามารยาทเป็นต้น).<2t>น. กิริยามารยาทเป็นต้นที่สมควรแก่สมณะ เช่น ภิกษุพูดจาควรมีสมณสารูป. (ป. สมณสารุปฺป).
สมณสาสน์ สมณสาสน์ [-สาด] น. จดหมายของสมเด็จพระสังฆราชหรือประมุขของประเทศซึ่งเป็นนักบวชที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ.
สมดุล สมดุล [สะมะดุน, สมดุน] ว. เสมอกัน, เท่ากัน. (อ. equilibrium).
สมเด็จ สมเด็จ น. คํายกย่องหน้าชื่อฐานันดรศักดิ์โดยกำเนิด หรือแต่งตั้ง หมายความว่า ยิ่งใหญ่หรือประเสริฐ เช่น สมเด็จพระราชินี สมเด็จเจ้าฟ้า สมเด็จเจ้าพระยา สมเด็จพระราชาคณะ, ใช้แต่ลำพังว่า สมเด็จ ก็มี.
สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระสังฆราช (กฎ) น. ประมุขแห่งคณะสงฆ์ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาให้ดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปริณายก.
ส้มตำ ส้มตำ น. ของกินชนิดหนึ่ง เอาผลไม้มีมะละกอเป็นต้นมาตําประสมกับเครื่องปรุงมี กระเทียม พริก มะนาว กุ้งแห้ง เป็นต้น มีรสเปรี้ยว, บางท้องถิ่นเรียก ตําส้ม.
สมถ,สมถ-,สมถะ สมถ-, สมถะ [สะมะถะ-] น. การทำใจให้สงบโดยเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอารมณ์.<2t>ว. มักน้อย เช่น คนสมถะมีความเป็นอยู่เรียบง่าย. (ป.; ส. ศมถ).
สมถยานิก สมถยานิก น. ผู้มีสมถะเป็นยาน, ผู้บำเพ็ญสมถะจนได้ฌานก่อนแล้วจึงเจริญวิปัสสนา. (ป.).
สมถวิปัสสนา สมถวิปัสสนา น. สมถะและวิปัสสนา เป็นแบบปฏิบัติในการเจริญกรรมฐานทางพุทธศาสนา. (ป.). (ดู วิปัสสนา ประกอบ).
สมทบ สมทบ ก. รวมเข้าด้วย เช่น เดินล่วงหน้าไปก่อนแล้วจะตามไปสมทบ.
ส้มทับ ส้มทับ น. ส้มจีนขนาดเล็กที่เชื่อมแล้วทับให้แห้ง. (พจน. ๒๔๙๓).
สมนอก สมนอก น. เลกของเจ้านายที่ทรงกรมหรือขุนนางที่มีสิทธิ์มีเลก.
สมนัย สมนัย ก. สอดคล้องกับ, สอดคล้องกัน.
สมนาคุณ สมนาคุณ [สมมะนาคุน] ก. ตอบแทนบุญคุณด้วยทรัพย์ สิ่งของ หรือแรงงาน เป็นต้นแล้วแต่กรณี เช่น ร้านค้ามีของสมนาคุณผู้ซื้อ ธนาคารให้ของสมนาคุณแก่ลูกค้า, เรียกทรัพย์หรือสิ่งของเป็นต้นที่ให้ในลักษณะเช่นนั้นว่า เงินสมนาคุณ ของสมนาคุณ.
สมน้ำสมเนื้อ สมน้ำสมเนื้อ ว. พอเหมาะพอดีกัน เช่น ขิงก็ราข่าก็แรง สมน้ำสมเนื้อกันดีแล้ว.
สมน้ำหน้า สมน้ำหน้า ว. คําแดกดันหรือซํ้าเติมว่าควรได้รับผลร้ายเช่นนั้น เช่น ขี้เกียจท่องหนังสือ สอบตกก็สมน้ำหน้า, (ปาก) สม ก็ว่า เช่น สมแล้วที่สอบตก เพราะขี้เกียจนัก.
สมใน สมใน น. เลกของเจ้านายฝ่ายใน.
สมบัติ,สมบัติ ๑ สมบัติ ๑ น. ความถึงพร้อม หมายถึง ทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้ เป็นต้นที่มีอยู่ เช่น ถึงมีสมบัติมากมายก็ไม่พ้นความตายไป ทำงานมาเกือบ ๒๐ ปี มีสมบัติอย่างเดียวคือบ้าน. (ป., ส. สมฺปตฺติ).
สมบัติ,สมบัติ ๒ สมบัติ ๒ (วิทยา) น. ลักษณะประจําของสาร เช่น ไอโอดีน มีสมบัติเป็นอโลหะ ลักษณะเป็นของแข็ง สีเทาดําเป็นเงาวาว หลอมละลายที่ ๑๑๔ °ซ. เมื่อระเหิดให้ไอสีม่วง.
สมบัตินักเลง สมบัตินักเลง น. ทรัพย์สมบัติที่ได้มาด้วยการเสี่ยงโชค.
สมบัติบ้า สมบัติบ้า น. ทรัพย์สินหรือยศถาบรรดาศักดิ์ที่เพ้อฝันว่าจะได้ เช่น คิดสมบัติบ้า; ข้าวของที่เก็บไว้แต่ไม่มีประโยชน์ เช่น สมบัติบ้าเต็มตู้ไปหมด ไม่รู้จักทิ้งเสียบ้าง.
สมบัติผู้ดี สมบัติผู้ดี น. มารยาทของผู้ที่มีความประพฤติดีทั้งทางกาย วาจา และความคิด.
สมบัติพัสถาน สมบัติพัสถาน [สมบัดพัดสะถาน] น. ทรัพย์สิน ที่ดิน และบ้านเรือน.
สมบุกสมบัน สมบุกสมบัน ว. ทนลําบากตรากตรำโดยไม่คิดถึงตัว เช่น เขาทำงานสมบุกสมบันจึงประสบความสำเร็จ; อาการที่ใช้โดยไม่ปรานีปราศรัยหรือโดยไม่ทะนุถนอม เช่น ใช้เสื้อผ้าสมบุกสมบันทำให้ขาดเร็ว ใช้วัวควายไถนาอย่างสมบุกสมบันโดยไม่ให้พักผ่อน.
สมบุญ สมบุญ ว. เหมาะแก่ที่มีบุญ.
สมบูรณ์ สมบูรณ์ ก. บริบูรณ์ เช่น สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ สมบูรณ์ด้วยข้าทาสบริวาร, ครบถ้วน เช่น หลักฐานยังไม่สมบูรณ์; อ้วนท้วน, แข็งแรง, เช่น เขาสมบูรณ์ขึ้น เดี๋ยวนี้สุขภาพเขาสมบูรณ์ดีแล้ว.<2t>ว. มีคุณสมบัติหรือคุณลักษณะครบถ้วน เช่น มีคุณสมบัติสมบูรณ์ตามที่กำหนด; อ้วนท้วน, แข็งแรง, เช่น มีร่างกายสมบูรณ์ สุขภาพสมบูรณ์. (ส.).
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ [สมบูระนายาสิดทิราด] น. ระบอบการปกครองซึ่งพระมหากษัตริย์มีอํานาจสิทธิ์ขาดในการบริหารประเทศ. (อ. absolute monarchy).
สมประกอบ สมประกอบ ว. มีอวัยวะสมบูรณ์เป็นปรกติ เช่น เขาเป็นคนมีร่างกายสมประกอบ.
สมประดี,สมปฤดี,สมปฤๅดี สมประดี, สมปฤดี, สมปฤๅดี [สมปฺระ-, สมปะรึ-, สมปะรือ-] น. ความรู้สึกตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ สติ เป็น สติสมประดี เช่น ไม่ได้สติสมประดี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
ส้มป่อย ส้มป่อย น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Acacia concinna (Willd.) DC. ในวงศ์ Leguminosae ใบเป็นฝอยคล้ายใบชะอมแต่รสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้ ฝักใช้สระ หัวต่างสบู่และใช้ทํายาได้.
สมปัก สมปัก น. ผ้าลายหรือผ้าปูมสมัยเก่าสําหรับขุนนางนุ่งหรือห่อคัมภีร์เป็นต้น, ผ้าเกี้ยว ก็เรียก. (เทียบ ข. สํพต ว่า ผ้านุ่ง).
สมผุส สมผุส [-ผุด] (โหร) น. การคํานวณชนิดหนึ่งเกี่ยวกับโลกและดาวพระเคราะห์เล็งร่วมกัน.
ส้มแผ่น ส้มแผ่น น. มะม่วงสุกที่กวนแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ, ส้มลิ้ม ก็เรียก.
สมพง สมพง น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Tetrameles nudiflora R. Br. ในวงศ์ Datiscaceae ชอบขึ้นริมนํ้า โคนต้นเป็นพอนแผ่กว้าง เปลือกสีเทาหรือเทาแกมน้ำตาลเลื่อมเป็นมัน ใบมน ทิ้งใบหมดต้นในฤดูร้อน เนื้อไม้อ่อนเบา ใช้ทําก้านไม้ขีดไฟ เรือขุด และฝ้าเพดานได้, กะพง ก็เรียก.
สมพงศ์ สมพงศ์ น. การร่วมวงศ์หรือตระกูลกัน, (โหร) วิธีคํานวณว่าหญิงชายที่จะเป็นคู่ครองกันมีชะตาต้องกันหรือไม่.
สมพรปาก สมพรปาก คํารับคำหวังดีต่อผู้ที่พูดอวยพรให้เป็นมงคล เช่น ขอให้สมพรปากนะ.
สมพล,สมพล ๑ สมพล ๑ [-พน] น. เลกของขุนนางที่ปกครองหัวเมือง; (โบ) แบบวิธีเลขไทยในการฝึกหัดให้คูณคล่อง.
สมพล,สมพล ๒,สัมพล สมพล ๒, สัมพล น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สมพัตสร สมพัตสร [-พัดสอน] น. อากรสวนใหญ่เก็บจากผลของไม้ยืนต้นเป็นรายปี. (ส. สํวตฺสร ว่า ปี).
สมพาส สมพาส [-พาด] น. การอยู่ร่วม, การร่วมประเวณี. (ป., ส. สํวาส).
สมเพช สมเพช [-เพด] ก. สงสารสลดใจ, ควรได้รับความกรุณา, เช่น เห็นคนอนาถาแล้วอดสมเพชไม่ได้, มักใช้เข้าคู่กับคำ เวทนา เป็น สมเพชเวทนา. (ป., ส. สํเวชน ว่า สยดสยอง, สังเวช).
สมโพธน์ สมโพธน์ น. คําร้องเรียก, คําอาลปนะในไวยากรณ์. (ส. ว่า การร้องเรียก, การปราศรัย).
สมโพธิ สมโพธิ [-โพด] น. การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า. (ป.).
ส้มฟัก ส้มฟัก น. อาหารทําด้วยปลาสับละเอียดผสมกับข้าวสุกหมักเกลือ กระเทียม โขลกจนเหนียวแล้วห่อใบตองทับเอาไว้จนมีรสเปรี้ยว.
สมภพ สมภพ [-พบ] น. การเกิด, ใช้เป็นราชาศัพท์ว่า พระราชสมภพ และ พระบรมราชสมภพ. (ป., ส. สมฺภว).
สมภาร สมภาร [-พาน] น. พระที่เป็นเจ้าอาวาส. (ป., ส. สมฺภาร).
สมโภค สมโภค [-โพก] น. การเสวยสุขกายใจอันเป็นไปในทางโลก. (ป., ส.).
สมโภช สมโภช [-โพด] น. การกินร่วม, การเลี้ยงอาหาร; งานเลี้ยง, งานฉลองในพิธีมงคลเพื่อความยินดีร่าเริง เช่น งานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี งานสมโภชพระสุพรรณบัฏ (ใช้เฉพาะแต่ในงานพระราชพิธีเท่านั้น). (ป.; ส. สมฺโภชน).
สมมต,สมมติ,สมมติ-,สมมุติ,สมมุติ- สมมต, สมมติ, สมมติ-, สมมุติ, สมมุติ- [สมมด, สมมด, สมมดติ-, สมมุด, สมมุดติ-] ก. รู้สึกนึกเอาว่า เช่น สมมติให้ตุ๊กตาเป็นน้อง.<2t>สัน. ต่างว่า, ถือเอาว่า, เช่น สมมุติว่าได้มรดกสิบล้าน จะบริจาคช่วยคนยากจน สมมุติว่าถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ ๑ จะไปเที่ยวรอบโลก.<2t>ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยาย โดยไม่คํานึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่น สมมติเทพ.
สมมติฐาน,สมมุติฐาน สมมติฐาน, สมมุติฐาน [สมมดติ-, สมมุดติ-] น. ข้อคิดเห็นหรือถ้อยแถลงที่ใช้เป็นมูลฐานแห่งการหาเหตุผล การทดลอง หรือการวิจัย. (อ. hypothesis).
สมมติเทพ สมมติเทพ น. เทวดาโดยสมมติ หมายถึง พระเจ้าแผ่นดิน.
ส้มมะขาม ส้มมะขาม น. เนื้อในมะขามเปรี้ยวที่แก่จัด ซึ่งใช้เป็นเครื่องปรุงอาหารให้มีรสเปรี้ยว, ถ้าปั้นเป็นก้อนเรียก มะขามเปียก.
สมมาตร สมมาตร [สมมาด] น. ลักษณะที่รูป ๒ รูปหรือรูปรูปเดียว แต่แยกได้เป็น ๒ ส่วน มีสมบัติว่า ถ้านํารูปแรกไปทับรูปที่ ๒ หรือพับส่วนแรกไปทับส่วนที่ ๒ ในกรณีที่เป็นรูปเดียวกันแล้ว ทั้ง ๒ รูปหรือ ๒ ส่วนนั้นจะทับกันสนิท, ถ้าเป็นรูปทรง ๓ มิติ เมื่อแบ่งครึ่งออกไป ๒ ซีกจะเหมือนกันทุกประการ. (อ. symmetry).
ส้มมือ ส้มมือ น. ชื่อส้มชนิด Citrus medica L. var.sarcodactylis Swing. ในวงศ์ Rutaceae ส่วนล่างของผลมีลักษณะคล้ายนิ้วมือ ใช้ทํายาดมได้.
สมมูล สมมูล [สะมะมูน, สมมูน] ว. มีค่าเท่าเทียมกัน, เสมอเหมือนกัน, เปลี่ยนแทนกันได้. (อ. equivalent).
สมมูลเคมี สมมูลเคมี น. จํานวนเลขที่บ่งแสดงนํ้าหนักของสารที่ทําปฏิกิริยาโดยทางตรงหรือทางอ้อมได้พอดีกับ ๑.๐๐๘ หน่วยนํ้าหนักเดียวกันของธาตุไฮโดรเจน หรือกับ ๘ หน่วยนํ้าหนักเดียวกันของธาตุออกซิเจน. (อ. chemical equivalent).
สมโมท สมโมท [-โมด] ก. ยินดี, ร่าเริง, พอใจ, สัมโมท ก็ว่า. (ป., ส. สมฺโมท).
สมยอม สมยอม ก. ยอมตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาบางอย่าง (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น เจ้าทุกข์สมยอมกับเจ้าหน้าที่.
สมโยค สมโยค [-โยก] ก. ร่วมประเวณี. (ส.).
สมร,สมร ๑,สมร- สมร ๑, สมร- [สะหฺมอน, สะหฺมอนระ-, สะหฺมอระ-] น. การรบ, การสงคราม. (ป., ส.).
สมร,สมร ๒ สมร ๒ [สะหฺมอน] น. นางงามซึ่งเป็นที่รัก. (ส. สฺมร ว่า กามเทพ).
สมรด สมรด น. เครื่องตกแต่งขอบต้นแขน และปลายแขนเสื้อครุย ปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่ง เป็นลวดลายต่าง ๆ; ผ้าคาดเอวปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่ง เป็นลวดลายต่าง ๆ โบราณใช้เป็นเครื่องประกอบอย่างหนึ่งที่แสดงศักดิ์, สํารด หรือ ผ้าแฝง ก็เรียก.
สมรภูมิ สมรภูมิ [สะหฺมอนระพูม, สะหฺมอระพูม] น. สนามรบ. (ส.).
สมรรถ,สมรรถ- สมรรถ, สมรรถ- [สะมัด, สะมัดถะ-, สะหมัดถะ-] ว. สามารถ. (ส. สมรฺถ ว่า ผู้สามารถ; ป. สมตฺถ).
สมรรถนะ สมรรถนะ [สะมัดถะนะ] น. ความสามารถ (ใช้แก่เครื่องยนต์) เช่น รถยนต์แบบนี้มีสมรรถนะดีเยี่ยมเหมาะสำหรับเดินทางไกล.
สมรรถภาพ สมรรถภาพ [สะมัดถะ-, สะหฺมัดถะ-] น. ความสามารถ เช่น เขาเป็นคนมีสมรรถภาพในการทำงานสูงสมควรได้เลื่อนตำแหน่ง.
สมรส สมรส [-รด] ก. แต่งงาน เช่น นาย ก สมรสกับนางสาว ข.<2t>ว. ที่เกี่ยวกับการแต่งงาน เช่น พิธีมงคลสมรส.
สมรัก สมรัก ก. ร่วมประเวณี เช่น ชายลอบลักสมรักทำชู้ด้วยลูกสาวท่านก็ดี... สองลอบสมรักด้วยกัน มิได้สู่ขอมีขันหมากเปนคำนับ. (สามดวง).
สมรู้ สมรู้ ก. ร่วมคิดกัน, เป็นใจกัน, (มักใช้ในทางที่ไม่ดี) เช่น เขาสมรู้กันในทางทุจริต, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ร่วมคิด เป็น สมรู้ร่วมคิด เช่น เขาสมรู้ร่วมคิดกันในการฉ้อราษฎร์บังหลวง.
สมฤดี,สมฤๅดี สมฤดี, สมฤๅดี [สมรึดี, สมรือดี] น. ความรู้สึกตัว, ใช้เป็น สมปฤดี สมปฤๅดี หรือ สมประดี ก็มี. (ส. สฺมฺฤติ; ป. สติ).
สมฤติ สมฤติ [สะมะรึติ] น. ชื่อคัมภีร์ทางศาสนาพราหมณ์ซึ่งแต่งขึ้นภายหลังคัมภีร์พวกศรุติ เช่น คัมภีร์เวทางคศาสตร์ ศูตระ รามายณะ มหาภารตะ ปุราณะ ธรรมศาสตร์. (ส.).
ส้มลิ้ม,ส้มลิ้ม ๑ ส้มลิ้ม ๑ น. ของกินชนิดหนึ่ง ใช้มะม่วงดิบมะยมดิบยำกับกุ้งแห้งใส่น้ำปลาน้ำตาล บางทีก็นำไปตากแดด, ส้มฉุน ก็เรียก; มะม่วงสุกที่กวนแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ, ส้มแผ่น ก็เรียก.
ส้มลิ้ม,ส้มลิ้ม ๒ ส้มลิ้ม ๒ น. ต้นไม้ชนิดหนึ่ง ใช้ทํายาได้. (พจน. ๒๔๙๓).
สมวัย สมวัย [สะมะ-] ว. มีวัยเสมอกัน, รุ่นราวคราวเดียวกัน. (ป.; อ. contemporary).
สมวายะ สมวายะ [สะมะวายะ] น. หมู่, พวก, ประชุม. (ป., ส.).
สมส่วน สมส่วน ว. มีส่วนสัดเหมาะเจาะ เช่น การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสมส่วน, รับกันพอเหมาะพอดี เช่น หลังคากับตัวเรือนสมส่วนกันดี.
สมสอง สมสอง (วรรณ) ก. อยู่เป็นคู่ผัวเมีย, เขียนเป็น สํสอง ก็มี เช่น ยงงขวบคืนสํสอง เศกไท้. (กำสรวล).
สมสัก สมสัก (โบ) น. เรียกชายที่มีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปี นับว่าเป็นชายฉกรรจ์ควรจะสักข้อมือประจําการรับราชการแผ่นดินว่า เลกสมสัก.
ส้มสันดาน ส้มสันดาน น. ชื่อไม้เถาชนิด Cissus hastata Miq. ในวงศ์ Vitaceae ใบมีรสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้.
สมสู่ สมสู่ ก. ร่วมประเวณี (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น เขาไปสมสู่กันเอง สมสู่อยู่กินกันฉันผัวเมีย, บางทีก็ใช้กับสัตว์บางชนิด เช่น เดือน ๑๒ เป็นฤดูที่สุนัขสมสู่กัน.
สมเสร็จ สมเสร็จ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Tapirus indicus ในวงศ์ Tapiridae เป็นสัตว์กีบคี่ขนาดใหญ่ ลําตัวตอนกลางสีขาว ส่วนหัวและท้ายสีดํา ขอบหูสีขาว จมูกและริมฝีปากบนยื่นยาวออกมาคล้ายงวงยืดหดเข้าออกได้ หางสั้น ลูกเกิดใหม่ตัวมีลายสีขาวตามยาว กินหญ้า ใบไม้ และผลไม้ เป็นสัตว์ป่าสงวนของไทย, ผสมเสร็จ ก็เรียก.
ส้มเสี้ยว ส้มเสี้ยว น. ชื่อไม้ต้นชนิด Bauhinia malabarica Roxb. ในวงศ์ Leguminosae ใบมีรสเปรี้ยว ใช้ทํายาได้.
สมหน้าสมตา สมหน้าสมตา ว. เหมาะแก่เกียรติและฐานะ เช่น ลูกสาวบ้านนั้นเขาแต่งงานไปอย่างสมหน้าสมตา.
สมหวัง สมหวัง ก. ได้ดังที่หวัง.
สมเหตุสมผล สมเหตุสมผล ว. มีเหตุผลสมควร, มีเหตุผลรับกัน, เช่น คำชี้แจงของเขาสมเหตุสมผล เขาอภิปรายได้สมเหตุสมผล.
สมอ,สมอ ๑ สมอ ๑ [สะหฺมอ] น. หิน. (ข. ถฺม); ของหนักที่ล่ามโซ่หรือเชือกอยู่กับเรือ เวลาจอดเรือใช้ทอดลงไปในนํ้าให้เกาะพื้นเพื่อไม่ให้เรือเคลื่อนไปที่อื่น.
สมอ,สมอ ๒ สมอ ๒ [สะหฺมอ] น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Terminalia วงศ์ Combretaceae ใช้ทํายาได้ เช่น สมอไทย (T. chebula Retz.), สมอพิเภก [T. bellirica (Gaertn.) Roxb.], สมอดีงู [T. citrina (Gaertn.) Roxb. ex Flem.].
สมอ,สมอ ๓ สมอ ๓ [สะหฺมอ] น. ลูกฝ้าย.
สมอกานน สมอกานน ดู ตีนนก (๑).
สมอเกา สมอเกา ก. อาการที่สมอหลุดจากพื้นที่ทอดไว้ แล้วครูดไปตามพื้นท้องน้ำด้วยแรงลมและกระแสน้ำ.
สมอง สมอง [สะหฺมอง] น. เรียกส่วนที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ มีลักษณะนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ เป็นลูกคลื่น เป็นที่รวมประสาทให้เกิดความรู้สึก ฯลฯ ว่า มันสมอง; โดยปริยายหมายความว่า ปัญญาความคิด เช่น เขาเป็นคนสมองดี, หัวสมอง ก็ว่า, (ปาก) ขมอง.
สมองตาย สมองตาย ว. สภาวะที่สมองถูกทําลายจนสูญเสียการทํางานโดยสิ้นเชิง ถือว่าสิ้นชีวิตแล้ว.
สมองฝ่อ สมองฝ่อ น. เนื้อสมองน้อยลงเนื่องจากมีการเสื่อมสลายของเซลล์ประสาทและเนื้อเยื่อของสมองหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง. (อ. cerebral atrophy).
สมอจีน สมอจีน ดู กาน้า.
สมอทะเล สมอทะเล ดู กุระ.
สมอสำเภา สมอสำเภา น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุษยะ มี ๕ ดวง, ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวปู ดาวสิธยะ ดาวบุษย์ ดาวปุษยะ หรือ ดาวปุสสะ ก็เรียก.
สมอ้าง สมอ้าง ก. รับรองถ้อยคําที่เขากล่าว.
สมะ สมะ น. ความสงบ, ความราบคาบ. (ป.).
สมัคร สมัคร [สะหฺมัก] ก. ยื่นความจำนงขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือร่วมในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นต้น เช่น สมัครเป็นสมาชิกสมาคม สมัครเข้าทำงาน, บางทีก็มีคํา ใจ ประกอบอยู่ด้วย ซึ่งเป็นคําผสมชนิดที่ต้องการเน้น เช่น ใจสมัคร ว่า ใจที่สมัคร, สมัครใจ ว่า สมัครด้วยความเต็มใจ. (ต. สมัค ว่า เต็มใจ; ป. สมคฺค; ส. สมคฺร ว่า พร้อม).
สมัครใจ สมัครใจ ก. สมัครด้วยความเต็มใจ เช่น งานนี้เขาสมัครใจเป็นแม่ครัว ชาวเขาสมัครใจย้ายถิ่นฐาน.<2t>น. ความเต็มใจ เช่น ทำโดยสมัครใจ.
สมัครพรรคพวก สมัครพรรคพวก น. ผู้เข้าร่วมเป็นพวกด้วย เช่น เขาเป็นคนกว้างขวาง มีสมัครพรรคพวกมาก.
สมัครสมา สมัครสมา [สะหฺมักสะมา] ก. ขอขมาในความผิดที่ได้กระทําไปแล้ว.
สมัครสมาน สมัครสมาน [สะหฺมักสะหฺมาน] ก. เชื่อมสามัคคี เช่น จะทำการงานอะไรขอให้สมัครสมานกัน.
สมังคี สมังคี [สะมัง-] ว. ประกอบด้วย, พร้อมเพรียงด้วย. (ป.).
สมัช,สมัชชา สมัช, สมัชชา [สะมัด-] น. การประชุมเพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น ไปร่วมประชุมสมัชชาแห่งชาติ; ที่ประชุม เช่น สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ. (ป.).
สมัญญา สมัญญา [สะมันยา] น. ชื่อที่มีผู้ยกย่องหรือตั้งให้ เช่น พระพุทธเจ้าได้รับสมัญญาว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ศาสดาของศาสนาเชนได้รับสมัญญาว่า มหาวีระ เพราะเป็นผู้มีความกล้าหาญมาก. (ป.).
สมัต สมัต [สะมัด] ก. จบแล้ว, จบข้อความ, สําเร็จแล้ว; เต็ม, บริบูรณ์. (ป. สมตฺต).
สมัน สมัน [สะหฺมัน] น. ชื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องชนิด Cervus schomburgki ในวงศ์ Cervidae ขนาดเล็กกว่ากวางป่า ขนสีนํ้าตาล หางสั้น เขาแตกแขนงมากกว่ากวางชนิดอื่น เป็นกวางที่มีเขาสวยงามมาก และมีถิ่นกําเนิดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งสูญพันธุ์แล้ว, เนื้อสมัน ก็เรียก.
สมันต์ สมันต์ [สะมัน] ว. โดยรอบ, ใกล้เคียง. (ป., ส.).
สมัย สมัย [สะไหฺม] น. เวลา, คราว, เช่น สมัยโบราณ สมัยกลาง สมัยปัจจุบัน, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาล เป็น กาลสมัย. (ป., ส.).
สมัยเก่า สมัยเก่า น. สมัยโบราณ เช่น ถ้วยชามชุดนี้เป็นของสมัยเก่า.<2t>ว. พ้นสมัย, ไม่ใช่สมัยใหม่, ก่อนเวลาปัจจุบัน, เช่น เขามีความคิดอย่างคนสมัยเก่า.
สมัยนิยม สมัยนิยม น. ความนิยมในแต่ละสมัย เช่น แต่งตัวตามสมัยนิยม ไว้ผมตามสมัยนิยม.
สมัยใหม่ สมัยใหม่ น. สมัยปัจจุบัน เช่น ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ปรัชญาสมัยใหม่.<2t>ว. ทันสมัย เช่น แม้เขาจะอายุมาก แต่เขามีความคิดอย่างคนสมัยใหม่.
สมา,สมา ๑ สมา ๑ [สะมา] ก. ขมา.
สมา,สมา ๒ สมา ๒ [สะมา] น. ปี. (ป., ส.).
สมาคม สมาคม [สะมา-] น. การประชุม, การเข้าร่วมพวกร่วมคณะ, การคบค้า; แหล่งหรือที่ประชุมของบุคคลหลายคนมาร่วมกันด้วยมีจุดประสงค์เพื่อประโยชน์บางประการ เช่น เข้าสมาคม สมาคมศิษย์เก่า; (กฎ) นิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อกระทําการใด ๆ อันมีลักษณะต่อเนื่องร่วมกันและมิใช่เป็นการหาผลกําไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน สมาคมต้องมีข้อบังคับและจดทะเบียนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์. (ป., ส.).<2t>ก. คบค้า, คบหา, เช่น อย่าสมาคมกับคนพาล ให้สมาคมกับนักปราชญ์.
สมาคมการค้า สมาคมการค้า (กฎ) น. สถาบันที่บุคคลหลายคนซึ่งเป็นผู้ประกอบวิสาหกิจจัดตั้งขึ้นเพื่อทำการส่งเสริมการประกอบวิสาหกิจอันมิใช่เป็นการหาผลกำไรหรือรายได้แบ่งปันกัน.
สมาจาร สมาจาร [สะมาจาน] น. ความประพฤติที่ดี, ธรรมเนียม, ประเพณี. (ป., ส.).
สมาชิก,สมาชิก ๑ สมาชิก ๑ [สะมา-] น. ผู้มีสิทธิและมีส่วนร่วมในสมาคม องค์การ หรือกิจกรรมใด ๆ เช่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสมาคมศิษย์เก่า สมาชิกวารสาร, (ปาก) ลูกค้า, ขาประจำ, เช่น หมู่นี้สมาชิกไม่ค่อยมาอุดหนุนที่ร้านเลย. (ป., ส.).
สมาชิก,สมาชิก ๒ สมาชิก ๒ [สะมา-] (คณิต) น. สิ่งแต่ละสิ่งที่มีปรากฏอยู่ในเซตใดเซตหนึ่ง เช่น { ก, ข, ค } คือ เซตของอักษร ๓ ตัวแรกในภาษาไทย มีสมาชิก ๓ ตัว, สิ่งที่ปรากฏอยู่ในคู่อันดับใดคู่อันดับหนึ่ง เช่น (ก, ข) คือ คู่อันดับหนึ่งที่มี ก เป็นสมาชิกตัวหน้า ข เป็นสมาชิกตัวหลัง. (อ. element, member).
สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภา น. สมาชิกของวุฒิสภา, (ปาก) วุฒิสมาชิก.
สมาทาน สมาทาน [สะมา-] ก. รับเอาถือเอาเป็นข้อปฏิบัติ เช่น สมาทานศีล. (ป., ส.).
สมาธิ สมาธิ [สะมาทิ] น. ความตั้งมั่นแห่งจิต; ความสํารวมใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบหรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง. (ป., ส.).
สมาน,สมาน-,สมาน- ๑ สมาน- ๑ [สะมานะ-, สะหฺมานนะ-] ว. เสมอกัน, เท่ากัน. (ป., ส.).
สมาน,สมาน ๒ สมาน ๒ [สะหฺมาน] ก. ทําให้ติดกัน, ทําให้สนิท, เช่น ยาสมานแผล การสมานเนื้อไม้; เชื่อม, ผูกพัน, เช่น สมานไมตรี.
สมานคติ สมานคติ [สะมานะ-] น. การดําเนินอย่างเดียวกัน, การมีความเห็นพ้องกัน. (ส.).
สมานฉันท์ สมานฉันท์ [สะมานะ-, สะหฺมานนะ-] น. ความพอใจร่วมกัน, ความเห็นพ้องกัน, เช่น มีความเห็นเป็นสมานฉันท์. (ป. สมาน + ฉนฺท).
สมานสังวาส สมานสังวาส [สะมานะ-] น. การอยู่ร่วมเสมอกัน (ใช้แก่พระสงฆ์ที่มีศีลเสมอกัน ทําอุโบสถหรือสังฆกรรมร่วมกันได้). (ป. สมานสํวาส).
สมาบัติ สมาบัติ [สะมาบัด] น. ภาวะที่จิตสงบประณีต, คุณวิเศษที่เกิดจากการที่จิตเพ่งอารมณ์จนแน่วแน่, การบรรลุคุณวิเศษชั้นสูงด้วยอำนาจของการเข้าสมาธิ, มีหลายอย่าง เช่น ฌานสมาบัติ ผลสมาบัติ, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ฌาน เป็น ฌานสมาบัติ มี ๘ ได้แก่ รูปฌาน ๔ อรูปฌาน ๔. (ป., ส. สมาปตฺติ).
สมาพันธรัฐ สมาพันธรัฐ [-พันทะ-] น. รัฐหลาย ๆ รัฐที่รวมกันเพื่อประโยชน์ร่วมกันบางอย่าง โดยมีข้อตกลงระหว่างกันให้มีรัฐบาลกลาง และให้มีอํานาจหน้าที่เฉพาะกิจการบางอย่างที่รัฐสมาชิกยินยอมมอบหมายให้เท่านั้น, ปัจจุบันไม่มีแล้ว. (อ. confederation of states).
สมาส สมาส [สะหฺมาด] น. การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒ ศัพท์ขึ้นไปมาต่อกันเป็นศัพท์เดียวตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น สุนทร + พจน์ เป็น สุนทรพจน์ รัฐ + ศาสตร์ เป็น รัฐศาสตร์ อุดม + การณ์ เป็น อุดมการณ์. (ป., ส.).
สม่ำเสมอ สม่ำเสมอ [สะหฺมํ่าสะเหฺมอ] ว. เสมอเป็นปรกติ เช่น มาประชุมสม่ำเสมอ, เสมอตามกำหนด เช่น ส่งดอกเบี้ยสม่ำเสมอ; ราบเรียบ, ไม่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น พื้นไม่สม่ำเสมอ.
สมิง สมิง [สะหฺมิง] น. เสือที่เชื่อว่าเดิมเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้าแล้วต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นเสือได้ หรือเสือที่กินคนมาก ๆ เข้า เชื่อกันว่าวิญญาณคนตายเข้าสิง ต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ เรียกว่า เสือสมิง; ตําแหน่งขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายมอญ. (ต. สมิง ว่า พระเจ้าแผ่นดิน, เจ้าเมือง, ผู้ปกครอง).
สมิงทอง สมิงทอง น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สมิงพราย สมิงพราย น. เจ้าผี.
สมิงมิ่งชาย สมิงมิ่งชาย น. ชายชาติทหาร, ยอดชาย.
สมิต,สมิต ๑ สมิต ๑ [สะมิด] ก. ยิ้ม, เบิกบาน. (ส.; ป. สิต).
สมิต,สมิต ๒ สมิต ๒ [สะมิด] ก. ประสม, รวบรวม. (ป.).
สมิต,สมิต ๓ สมิต ๓ [สะมิด] น. กิ่งแห้งของต้นไม้บางชนิด เช่นต้นโพใช้เป็นเชื้อไฟในพิธีโหมกูณฑ์. (ส.); ใบไม้ ๓ ชนิด คือ ใบมะม่วง ใบทอง และใบตะขบ ที่ถวายพระเจ้าแผ่นดินในพิธีอภิเษก เช่นราชาภิเษก.
สมิต,สมิต ๔ สมิต ๔ ดู สมิทธ์, สมิทธิ.
สมิติ สมิติ [สะ-] น. ที่ประชุม. (ป., ส.).
สมิทธ์,สมิทธิ สมิทธ์, สมิทธิ [สะมิด, สะมิดทิ] ว. สําเร็จพร้อม, สมบูรณ์, สัมฤทธิ์, เขียนว่า สมิต ก็มี. (ป.).
สมี,สมี ๑ สมี ๑ [สะหฺมี] น. คําเรียกพระภิกษุผู้ต้องอธิกรณ์ขั้นปาราชิก; (โบ) คําใช้เรียกพระภิกษุ.
สมี,สมี ๒ สมี ๒ [สะหฺมี] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Sesbania sesban (L.) Merr. ในวงศ์ Leguminosae ดอกสีเหลืองมีประสีนํ้าตาล ใบคล้ายใบโสนใช้ทํายาและใช้ในพิธีพลีกูณฑ์. (ส. ศมี).
สมีปะ สมีปะ [สะมี-] (แบบ) ว. ใกล้ เช่น สมีปสร้อยสระศรี. (สมุทรโฆษ). (ป.).
สมีระ สมีระ [สะมี-] น. ลม. (ป., ส. สมีรณ).
สมุก,สมุก ๑ สมุก ๑ [สะหฺมุก] น. ถ่านทําจากใบตองแห้งใบหญ้าคาเป็นต้นป่นให้เป็นผงประสมกับรักนํ้าเกลี้ยง สําหรับทารองพื้นบนสิ่งต่าง ๆ เช่นบานประตูหน้าต่างโบสถ์วิหารก่อนที่จะเขียนลายรดนํ้าปิดทอง.
สมุก,สมุก ๒ สมุก ๒ [สะหฺมุก] น. ภาชนะสานก้น ๔ มุม มีฝาสวมครอบ สําหรับใส่สิ่งของต่าง ๆ. (ป. สมุคฺค ว่า หีบ, ตะกร้า).
สมุจจัย สมุจจัย [สะหฺมุดไจ] น. การรวบรวม. (ป., ส.).
สมุจเฉท,สมุจเฉท- สมุจเฉท, สมุจเฉท- [สะหฺมุดเฉด, -เฉดทะ-] น. การตัดขาด. (ป., ส.).
สมุจเฉทปหาน สมุจเฉทปหาน [-ปะหาน] น. การละกิเลสได้ขาดอย่างพระอรหันต์.
สมุฏฐาน สมุฏฐาน [สะหฺมุดถาน] น. ที่เกิด, ที่ตั้ง, เหตุ, เช่น สมุฏฐานของโรค โรคนี้มีจิตเป็นสมุฏฐาน. (ป.).
สมุด สมุด [สะหฺมุด] น. กระดาษที่ทําเป็นเล่ม มีหลายชนิดเรียกชื่อตามประโยชน์ใช้สอย เช่น สมุดวาดเขียน สมุดแผนที่ สมุดแบบฝึกหัดคัดลายมือ.
สมุดข่อย สมุดข่อย น. สมุดไทย.
สมุดไทย สมุดไทย น. สมุดที่ทําด้วยกระดาษข่อยแผ่นยาว ๆ หน้าแคบ พับทางขวางทบกลับไปกลับมาคล้ายผ้าจีบ เป็นสมุดเล่มสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทั้งชนิดกระดาษขาวและกระดาษดํา, สมุดข่อย ก็เรียก.
สมุดปูมเดินทาง สมุดปูมเดินทาง น. สมุดบันทึกรายการต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินเรือหรือการเดินอากาศ เช่น เดินทางจากไหนถึงไหน วันที่เดินทาง จํานวนชั่วโมง ฯลฯ.
สมุดรายงาน สมุดรายงาน น. สมุดบันทึกผลการเรียนและพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของนักเรียน, เดิมเรียกว่า สมุดพก.
สมุตถาน สมุตถาน [สะหฺมุดถาน] น. สมุฏฐาน. (ส.; ป. สมุฏฺาน).
สมุทร,สมุทร ๑,สมุทร- สมุทร ๑, สมุทร- [สะหฺมุด, สะหฺมุดทฺระ-] น. ทะเลลึก; เรียกทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งมีแผ่นดินโอบล้อมเป็นตอน ๆ ว่า มหาสมุทร เช่น มหาสมุทรอินเดีย มหาสมุทรแปซิฟิก. (ส.; ป. สมุทฺท).
สมุทร,สมุทร ๒ สมุทร ๒ [สะหฺมุด] น. ดาวเนปจูน.
สมุทรโคดม สมุทรโคดม [สะหฺมุดทฺระ-] น. ข้าวฟ่างสมุทรโคดม. (ดู ข้าวฟ่าง).
สมุทรโจร สมุทรโจร [สะหฺมุดทฺระ-] น. โจรสลัด.
สมุทรศาสตร์ สมุทรศาสตร์ [สะหฺมุดทฺระ-] น. วิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสมบัติทางเคมีและฟิสิกส์ของนํ้าทะเล ชีววิทยาทะเล และปรากฏการณ์ต่าง ๆ ของทะเลและมหาสมุทร. (อ. oceanography).
สมุทรเสนา สมุทรเสนา [สะหฺมุดทฺระ-] (เลิก) น. เรียกลูกเสือพวกหนึ่งตามจังหวัดชายทะเลว่า ลูกเสือสมุทรเสนา.
สมุทัย สมุทัย [สะหฺมุไท, สะหฺมุดไท] น. ต้นเหตุ, ที่เกิด, ในคำว่า ทุกขสมุทัย หมายถึง ต้นเหตุหรือที่เกิดแห่งทุกข์. (ป., ส.).
สมุน,สมุน ๑ สมุน ๑ [สะหฺมุน] น. บริวาร, คนอยู่ในบังคับ, มักเรียกว่า ลูกสมุน.
สมุน,สมุน ๒ สมุน ๒ [สะหฺมุน] น. จาก คา หรือใบไม้ที่ใช้มุงหลบหลังคา.
สมุน,สมุน ๓ สมุน ๓ [สะหฺมุน] น. สวะหญ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ชายฝั่ง.
สมุน,สมุน ๔ สมุน ๔ [สะหฺมุน] น. หมอทําพิธีเบิกไพรเพื่อป้องกันภัยในป่า.
สมุนไพร สมุนไพร [สะหฺมุนไพฺร] น. ผลิตผลธรรมชาติ ได้จาก พืช สัตว์ และแร่ธาตุ ที่ใช้เป็นยา หรือผสมกับสารอื่นตามตํารับยา เพื่อบําบัดโรค บํารุงร่างกาย หรือใช้เป็นยาพิษ เช่น กระเทียม นํ้าผึ้ง รากดิน (ไส้เดือน) เขากวางอ่อน กํามะถัน ยางน่อง โล่ติ๊น.
สมุลแว้ง สมุลแว้ง [สะหฺมุนละ-] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cinnamomum thailandica Kosterm. ในวงศ์ Lauraceae เปลือกมีกลิ่นหอมร้อน ใช้ทํายาได้.
สมุห,สมุห-,สมุห์ สมุห-, สมุห์ [สะหฺมุหะ-, สะหฺมุ] น. หมู่, กอง, พวก. (ป.; ส. สมูห); หัวหน้าในตําแหน่งหน้าที่ เช่น สมุหพระราชพิธี สมุหราชองครักษ์ สมุห์บัญชี; ตําแหน่งพระฐานานุกรมเหนือใบฎีกา เช่น พระสมุห์ พระครูสมุห์.
สมุหกลาโหม,สมุหพระกลาโหม สมุหกลาโหม, สมุหพระกลาโหม น. ตําแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารครั้งโบราณ.
สมุหเทศาภิบาล สมุหเทศาภิบาล น. ผู้สําเร็จราชการมณฑลสมัยโบราณ.
สมุหนาม สมุหนาม (ไว) น. คํานามที่บอกลักษณะของคน สัตว์ และสิ่งของที่รวมกันอยู่เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นพวก เช่น กอง หมู่ คณะ ฝูง พวก.
สมุหนายก สมุหนายก น. ตําแหน่งข้าราชการชั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนครั้งโบราณ.
สมุหประธาน สมุหประธาน (โบ) น. เสนาบดีชั้นจตุสดมภ์ คือ เวียง วัง คลัง นา.
สโมธาน สโมธาน [สะโมทาน] น. การประชุม, การรวมกัน. (ป.; ส. สมวธาน).
สโมสร สโมสร [สะโมสอน] น. ที่สําหรับร่วมประชุมคบหากัน เช่น สโมสรข้าราชการ สโมสรทหารบก.<2t>ก. ร่วมชุมนุมกัน เช่น ไปร่วมสโมสร. (ป. สโมสรณ; ส. สมวสรณ).
สโมสรสันนิบาต สโมสรสันนิบาต น. งานชุมนุมใหญ่อย่างเป็นทางการ เช่น รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตที่ทำเนียบรัฐบาลเนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา.
สยด สยด [สะหฺยด] ก. ใจหายวาบขึ้นทันที เพราะความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ได้เห็น.
สยดสยอง สยดสยอง [สะหฺยดสะหฺยอง] ว. รู้สึกหวาดเสียวมีอาการขนลุกขนพองตามมาด้วย เช่น เห็นเขาใช้ดาบแทงกันจนไส้ทะลักรู้สึกสยดสยอง.
สยดแสยง สยดแสยง ก. สยดโดยมีอาการขยะแขยงทั้งเกลียดทั้งกลัวตามมาด้วย.
สยนะ สยนะ [สะยะ-] น. ที่นอน; การนอน. (ป.).
สยบ สยบ [สะหฺยบ] ก. ซบลง, ฟุบลง, เช่น สยบอยู่แทบเท้า; แพ้ เช่น เขายอมสยบอย่างราบคาบ, ทําให้พ่ายแพ้ เช่น พระพุทธเจ้าสยบมาร.
สยมพร สยมพร [สะหฺยมพอน] น. พิธีเลือกคู่ของกษัตริย์สมัยโบราณ; การเลือกผัวของนางกษัตริย์สมัยโบราณ, สยัมพร สยุมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้. (ป. สยํวร; ส. สฺวยํวร).
สยมภู สยมภู [สะหฺยมพู] น. พระผู้เป็นเอง, พระอิศวร, สวยมภู ก็ใช้. (ป. สยมฺภู; ส. สฺวยมฺภู).
สยอง สยอง [สะหฺยอง] ว. อาการที่ขนลุกขนชันเพราะความหวาดกลัว ในความว่า ขนพองสยองเกล้า.
สยองขวัญ สยองขวัญ ว. น่าหวาดกลัวจนขวัญหาย เช่น นวนิยายสยองขวัญ.
สยอน สยอน [สะหฺยอน] ก. หวาดเสียว, กลัว.
สยัมพร สยัมพร [สะหฺยําพอน] น. สยมพร, สยุมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้.
สยัมวรา สยัมวรา [สะยําวะ-] น. หญิงที่เลือกคู่เอาเอง. (ป.; ส. สยํวรา, สฺวยํวรา).
สยาม,สยาม- สยาม, สยาม- [สะหฺยาม, สะหฺยามมะ-] น. ชื่อเรียกประเทศไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒; ของประเทศไทย.
สยามรัฐ สยามรัฐ [สะหฺยามมะ-] น. แคว้นไทย, ประเทศไทย.
สยามานุสติ สยามานุสติ [สะหฺยามมานุดสะติ, สะหฺยามานุดสะติ] น. การระลึกถึงประเทศสยาม, ชื่อโคลง ๔ สุภาพ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.
สยามินทร์ สยามินทร์ [สะหฺยามิน] น. ผู้เป็นใหญ่ในสยามหมายถึง พระมหากษัตริย์ของประเทศไทย.
สยาย สยาย [สะหฺยาย] ก. คลี่หรือคลายสิ่งที่มุ่นหรือเป็นกลุ่มก้อนอยู่ให้แผ่กระจายออก เช่น สยายผม.<2t>ว. ที่คลี่หรือคลายสิ่งที่มุ่นหรือเป็นกลุ่มก้อนอยู่ให้แผ่กระจายออก เช่น ผมสยาย.
สยิว สยิว [สะหฺยิว] ก. รู้สึกเย็นเยือก, รู้สึกเสียวซ่าน, รู้สึกวาบหวาม เช่น สยิวกาย สยิวใจ.
สยิ้ว สยิ้ว [สะยิ่ว] ก. ทําหน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงความไม่พอใจหรือเบื่อหน่าย ในคำว่า สยิ้วหน้า สยิ้วพระพักตร์.
สยุ่น สยุ่น [สะหฺยุ่น] น. เครื่องมือกลึงไม้ชนิดหนึ่ง รูปเหมือนสิ่ว ตัวทำด้วยเหล็ก ด้ามทำด้วยไม้ยาวประมาณ ๑ ศอก มีหน้าต่าง ๆ เช่น หน้าตัด หน้าสามเหลี่ยม หน้าโค้ง.
สยุมพร,สยุมพร ๑ สยุมพร ๑ [สะหฺยุมพอน] น. สยมพร, สยัมพร หรือ สวยมพร ก็ใช้.
สยุมพร,สยุมพร ๒ สยุมพร ๒ ดู ชะโอน.
สยุมภู สยุมภู [สะหฺยุมพู] ว. เป็นเองตามธรรมชาติ เช่น รกสยุมภู ว่า รกอย่างเป็นเองตามธรรมชาติ.
สร,สร ๑ สร ๑ [สอน] น. ศร. (ป.; ส. ศร).
สร,สร-,สร- ๒ สร- ๒ [สอระ-] ว. ทิพย์, แกล้วกล้า, เช่น สรศาสดา สรศักดิ์ สรสีห์. (ป., ส. สุร).
สร,สร-,สร- ๓ สร- ๓ [สฺระ-] คํานําหน้าคําอื่นที่ใช้ในบทกลอนเพื่อความสละสลวย เช่น ดื่น เป็น สรดื่น, คําที่แผลงมาจากคําที่ขึ้นต้นด้วยตัว ส ซึ่งใช้ในบทกลอน เช่น สนุก เป็น สรนุก.
สรกะ สรกะ [สะระกะ] น. จอก, ขัน. (ป., ส.).
สรง สรง [สง] ก. อาบนํ้า (ใช้แก่บรรพชิตและเจ้านาย). (ข.).
สร่ง,สร่ง ๑ สร่ง ๑ [สะหฺร่ง] น. วิธีฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ขนาดไข่ปลาลงไปบนพื้นที่ทําให้โปร่ง, ถ้าแกะแรให้ผิวเป็นเหลี่ยมขึ้นเงาดูเหมือนฝังเพชร เรียกว่า ตัดสร่ง.
สร่ง,สร่ง ๒ สร่ง ๒ [สะหฺร่ง] น. ชื่ออาหารว่างชนิดหนึ่ง ทำด้วยหมูสับคลุกกับรากผักชี พริกไทย น้ำปลา ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ พันด้วยเส้นมี่สั้วลวก ทอดให้เหลืองนวล รับประทานกับน้ำจิ้ม.
สรฏะ สรฏะ [สะระ-] น. กิ้งก่า. (ป., ส.).
สรณ,สรณ-,สรณะ สรณ-, สรณะ [สะระนะ-] น. ที่พึ่ง, ที่ระลึก; ความระลึก. (ป.; ส. ศรณ).
สรณคมน์,สรณาคมน์ สรณคมน์, สรณาคมน์ น. การยึดเอาเป็นที่พึ่งที่ระลึก, ในพระพุทธศาสนาหมายถึง การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เรียกว่า ไตรสรณคมน์ หรือ ไตรสรณาคมน์. (ป.).
สรณตรัย สรณตรัย น. ที่พึ่งทั้ง ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.
สรดัก สรดัก [สฺระ-] (กลอน) ก. เต็มไป, ดาษไป, แน่นไป.
สรดึ่น สรดึ่น [สฺระ-] (กลอน) ก. ตื่นใจ.<2t>ว. เป็นพืดไป.
สรดื่น สรดื่น [สฺระ-] (กลอน) ว. เกลื่อนกลาด, ดาษดื่น.
สรตะ สรตะ [สะระ-] น. การคาดคะเนตามเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องการพนัน มีหวย ถั่ว โป เป็นต้น; โดยปริยายหมายความว่า การคาดคะเนตามข้อสังเกตหรือสันนิษฐาน, การเก็งหรือการคาดหมายเอาโดยยึดเค้าเดิมเป็นหลัก, เช่น คิดสรตะแล้วงานนี้ขาดทุน, เขียนเป็น สะระตะ ก็มี.
สรตัก สรตัก [สฺระ-] (กลอน) ก. เต็มไป, ดาษไป, แน่นไป.
สรทะ สรทะ [สะระ-] น. ฤดูใบไม้ร่วง, ฤดูสารท. (ป.; ส. ศรท).
สรทึง สรทึง [สฺระ-] (กลอน) น. แม่นํ้า, ใช้ว่า จทึง ฉทึง ชทึง ชรทึง สทิง หรือ สทึง ก็มี. (ข. สฺทึง ว่า คลอง).
สรแทบ สรแทบ [สฺระ-] (กลอน) ว. ไม่นูน, ราบ.
สรนุก สรนุก [สฺระหฺนุก] (กลอน) ว. สนุก.
สรไน สรไน [สฺระ-] น. ปี่ไฉน เช่น นักคุณแคนคู่ฆ้อง สรไน. (หริภุญชัย).
สรบ สรบ [สฺรบ] (โบ; กลอน) ว. ทั่ว, พร้อม, เขียนเป็น สรับ ก็มี.
สรบบ สรบบ [สฺระ-] (กลอน) น. สารบบ.
สรบับ สรบับ [สฺระ-] (กลอน) น. สารบับ.
สรพะ สรพะ [สะระพะ] ว. เสียงดัง, เอ็ดอึง. (ป.; ส. ศรว).
สรเพชญ สรเพชญ [สฺระเพด] น. สรรเพชญ. (ส. สรฺวชฺ).
สรภะ สรภะ [สะระ-] น. สัตว์ในนิยายว่ามี ๘ ขา มีกําลังยิ่งกว่าราชสีห์. (ป.; ส. ศรภ).
สรภัญญะ สรภัญญะ [สะระพันยะ, สอระพันยะ] น. ทํานองสําหรับสวดคําที่เป็นฉันท์, ทํานองขับร้องทํานองหนึ่ง, เช่น สวดสรภัญญะ ทำนองสรภัญญะ. (ป.).
สรภู สรภู [สะระ-] น. ตุ๊กแก. (ป.).
สรม สรม [สฺรม] ก. ขอ, มักใช้ว่า สรวม. (ข. สูม).<2t>ว. พร้อม.
สรร สรร [สัน] ก. เลือก, คัด, เช่น จัดสรร เลือกสรร. (ข. สรัล).
สรรค์ สรรค์ [สัน] ก. สร้างให้มีให้เป็นขึ้น, มักใช้เข้าคู่กับคำ สร้าง เป็น สรรค์สร้าง หรือ สร้างสรรค์. (ส. สรฺค ว่า สร้างอย่างพระพรหมสร้างโลก).
สรรพ,สรรพ- สรรพ, สรรพ- [สับ, สับพะ-] ว. ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด, เช่น พร้อมสรรพ งามสรรพ เสร็จสรรพ สรรพสิ่ง สรรพสินค้า. (ส. สรฺว; ป. สพฺพ).
สรรพคราส สรรพคราส น. สุริยุปราคาหมดดวง.
สรรพคุณ สรรพคุณ น. คุณสมบัติของสิ่งที่เป็นยา, โดยปริยายหมายถึงคุณสมบัติ เช่น เขามีสรรพคุณเชื่อถือได้. (ส. สรฺว + คุณ).
สรรพนาม สรรพนาม (ไว) น. คําที่ใช้แทนชื่อ นาม หรือข้อความที่กล่าวมาแล้ว เพื่อไม่ต้องกล่าวชื่อ นาม หรือข้อความนั้นซ้ำอีก เช่น ฉัน เขา เรา ท่าน.
สรรพสามิต สรรพสามิต [สับพะ-, สันพะ-] น. อากรที่เก็บจากสิ่งประดิษฐ์และผลิตขึ้นภายในประเทศ เรียกว่า อากรสรรพสามิต.
สรรพัชญ สรรพัชญ (แบบ) น. สรรเพชญ. (ส. สรฺวชฺ).
สรรพากร สรรพากร [สันพากอน] น. อากรที่เก็บจากสิ่งที่เป็นเองหรือมีบ่อเกิดเป็นรายได้.
สรรพางค์ สรรพางค์ [สันระพาง] น. ทั้งตัว, ทั่วตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาย เป็น สรรพางค์กาย เช่น เจ็บปวดทั่วสรรพางค์กาย, สารพางค์ ก็ว่า. (ส. สรฺวางฺค).
สรรเพชญ สรรเพชญ (แบบ) น. ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, ผู้รู้ทั่ว, พระนามของพระพุทธเจ้า, สรรพัชญ ก็เรียก. (ส. สรฺวชฺ; ป. สพฺพญฺญู).
สรรเพชุดา สรรเพชุดา [สันเพดชุ-] (แบบ) น. ความเป็นผู้รู้ทุกสิ่ง หมายเอาความเป็นพระพุทธเจ้า. (ส. สรฺวชฺาตฺฤ; ป. สพฺพญฺญุตา).
สรรเพชุดาญาณ สรรเพชุดาญาณ น. ญาณหรือปัญญาที่รู้ทุกสิ่ง หมายเอาญาณของพระพุทธเจ้า. (ส. สรฺวชฺาน; ป. สพฺพญฺญุตาณ).
สรรวง สรรวง [สฺระรวง] (กลอน) น. สรวง.
สรรเสริญ สรรเสริญ [สันเสิน, สันระเสิน] ก. กล่าวคํายกย่อง เชิดชู หรือ เทิดทูน เช่น สรรเสริญพระพุทธคุณ, กล่าวคําชมด้วยความนิยมพอใจ หรือเยินยอคุณความดี เช่น สรรเสริญคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ, สรเสริญ ก็ใช้.
สรรแสร้ง สรรแสร้ง ก. เลือกว่า, แกล้งเลือก.
สรรหา สรรหา ก. เลือกมา, คัดมา, เช่น สรรหาของมาตกแต่งบ้าน คณะกรรมการสรรหาอธิการบดี.
สรลน สรลน [สฺระหฺลน] (กลอน) ว. สลอน, แน่น; เชิดชู.
สรลม สรลม [สฺระหฺลม] (กลอน) ว. สล้าง, ดาษ, ระกะ.
สรลมสลวน สรลมสลวน [-สะหฺลวน] ว. แน่นหนา, ดาดาษ, สล้าง, สลอน.
สรลอด สรลอด [สฺระหฺลอด] (กลอน) น. สลอด.
สรลอน สรลอน [สฺระหฺลอน] (กลอน) ว. สลอน.
สรละ สรละ [สฺระหฺละ] (กลอน) ก. สละ.
สรล้าย สรล้าย [สฺระหฺล้าย] (กลอน) ก. สลาย, แตก, กระจาย, เรี่ยราย, เป็นแนวติด ๆ กันไป.
สรลิด สรลิด [สฺระหฺลิด] (กลอน) น. ดอกสลิด.
สรเลข สรเลข [สอระ-] น. ตําแหน่งข้าราชการหัวเมืองในสมัยโบราณ.
สรวง สรวง [สวง] น. ฟ้า, สวรรค์; เทวดา.<2t>ก. เซ่น, บูชา, บน.
สรวงเส สรวงเส ก. บูชา, เสสรวง ก็ว่า.
สรวป สรวป [สะหฺรวบ] (โบ) ก. สรุป. (แผลงมาจาก สรุป).
สรวม สรวม [สวม] ก. ขอ. (ข.).
สรวมชีพ สรวมชีพ ก. ขอชีวิต, ขอจงให้ชีวิตหรือปกป้องชีวิต, ใช้ขึ้นต้นคํากราบบังคมทูลอย่างขอเดชะ.
สรวล สรวล [สวน] ก. หัวเราะ, ราชาศัพท์ใช้ว่า ทรงพระสรวล.
สรวลสันหรรษา สรวลสันหรรษา ก. หัวเราะร่าเริงยินดี, หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ, เช่น บรรดาศิษย์เก่ามาร่วมสรวลสันหรรษาในงานชุมนุมศิษย์เก่าประจำปี.
สรวลเส,สรวลเสเฮฮา สรวลเส, สรวลเสเฮฮา ก. หัวเราะร่าเริง, หัวเราะอย่างสนุกสนานครึกครื้น, เช่น เขาชอบหาเรื่องขำขันมาเล่า ทำให้เพื่อน ๆ ได้สรวลเสเฮฮาเสมอ, เสสรวล ก็ว่า.
สรสรก สรสรก [สะระสก] ว. โซก, ซ่ก, โชก, เช่น แล้วมันก็เชือดเอาหัวใจนาง เลือดตกพลางสรสรก แล่นฉวยฉกหาไปบอยู่แล. (ม. คำหลวง กุมาร).
สรเสริญ สรเสริญ [สฺระ-] (กลอน) ก. สรรเสริญ.
สรเหนาะ,สระเหนาะ สรเหนาะ, สระเหนาะ [สฺระเหฺนาะ] (กลอน) ว. เสนาะ, ไพเราะ; วังเวงใจ, เศร้าใจ, เช่น สรเหนาะนิราษน้อง ลงเรือ. (โคลงกำสรวล), สระเหนาะน้ำคว่วงคว้วง ควิวแด. (โคลงกำสรวล). (ข. สฺรโณะ ว่า นึกสังเวช สงสาร วังเวงใจ อาลัยถึง).
สร้อย,สร้อย ๑ สร้อย ๑ [ส้อย] น. ขนคอสัตว์ เช่น สร้อยคอไก่ สร้อยคอสิงโต; เครื่องประดับที่ทําเป็นเส้น เช่น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ, สายสร้อย ก็เรียก.
สร้อย,สร้อย ๒ สร้อย ๒ [ส้อย] น. ชื่อปลานํ้าจืดหลายสกุลในวงศ์ Cyprinidae พบอยู่รวมกันเป็นฝูงในตอนปลายฤดูนํ้าหลาก และว่ายทวนนํ้าขึ้นไปหากินในแหล่งนํ้าที่สูงขึ้นไป ส่วนใหญ่ลําตัวสีขาวเงินและมีจุดคลํ้าหรือจุดดําบนเกล็ดจนเห็นเป็นเส้นสายหลายแถบพาดตามยาวอยู่ข้างตัว เช่น สร้อยขาว (Cirrhinus jullieni), กระสร้อย ก็เรียก.
สร้อย,สร้อย ๓ สร้อย ๓ [ส้อย] น. คำหรือวลีที่ใช้ลงท้ายวรรค ท้ายบาท หรือท้ายบทร้อยกรอง เพื่อให้ครบตามจำนวน เพื่อความไพเราะของเสียงและความหมายหรือเพื่อแสดงว่าจบตอน เช่น นา เฮย ฤๅ บารนี แก่แม่นา โสตถิ์เทอญ, คำสร้อย ก็ว่า; คำที่เติมหรือประกอบคำอื่นเพื่อให้ไพเราะหรือเต็มความ เช่น เสื้อแสง หนังสือหนังหา, คำต่อท้ายราชทินนาม เช่น พระราชปัญญาสุธี ศรีปริยัติธาดา มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี เจ้าพระยาอภัยราชาสยามานุกูลกิจ สกลนิติธรรมศาสตราจารย์ มหิบาลมหาสวามิภักดิ์ ปรมัคราชมนตรีอภัยพิริยปรากรมพาหุ.
สร้อย,สร้อย ๔ สร้อย ๔ [ส้อย] น. ผู้หญิง, นาง, เช่น จําใจจําจากสร้อย. (ตะเลงพ่าย).
สร้อย,สร้อย ๕ สร้อย ๕ [ส้อย] น. ดอกไม้ เช่น สร้อยสลา.
สร้อย,สร้อย ๖ สร้อย ๖ [ส้อย] ก. โศก.
สร้อยทอง สร้อยทอง น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Solidago polyglossa DC. ในวงศ์ Compositae ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อ.
สร้อยทะแย สร้อยทะแย น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สร้อยนกเขา สร้อยนกเขา น. (๑) ดู ข้างตะเภา.<2t>(๒) ดู ขี้ขม และ ทองลิน.
สร้อยน้ำผึ้ง สร้อยน้ำผึ้ง ดู รากกล้วย.
สร้อยระย้า,สร้อยระย้า ๑ สร้อยระย้า ๑ น. ชื่อตุ้มหูชนิดหนึ่งที่มีระย้าห้อยลงมา.
สร้อยระย้า,สร้อยระย้า ๒ สร้อยระย้า ๒ น. (๑) ชื่อกล้วยไม้อิงอาศัยชนิด Otochilus fusca Lindl. ในวงศ์ Orchidaceae ดอกเล็ก สีขาว ออกเป็นช่อห้อยลง กลิ่นหอม.<2t>(๒) ชื่อไม้พุ่มอิงอาศัยชนิด Medinilla magnifica Lindl. ในวงศ์ Melastomataceae ใบรูปไข่เป็นมัน เส้นกลางใบสีขาวนวล ดอกสีชมพู ออกเป็นช่อห้อยลง.
สร้อยเศร้า สร้อยเศร้า ก. เศร้าสร้อย.
สร้อยสน สร้อยสน น. สร้อยที่ถักเป็นลายคดกริช; ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง; ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง.
สร้อยอ่อน สร้อยอ่อน น. สร้อยขนาดเล็กตั้งแต่ ๒ สายขึ้นไปเรียงกัน มีหัวเป็นที่ร้อย.
สร้อยอินทนิล สร้อยอินทนิล น. ชื่อไม้เถาชนิด Thunbergia grandiflora Roxb. ในวงศ์ Acanthaceae ดอกสีฟ้าอมม่วงหรือขาว ออกเป็นพวงห้อยระย้า, ช่ออินทนิล หรือ ม่านอินทนิล ก็เรียก.
สระ,สระ ๑ สระ ๑ [สะ] น. แอ่งนํ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเองหรือคนขุด. (ป. สร; ส. สรสฺ).
สระ,สระ ๒ สระ ๒ [สะหฺระ] น. เสียงพูดที่เปล่งออกมาโดยอาศัยการเคลื่อนไหวของลิ้นและริมฝีปากเป็นสําคัญ แต่ไม่มีการสกัดกั้นจากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในปาก เช่น เสียง อะ อา โดยทั่วไปจะออกเสียงสระร่วมกับเสียงพยัญชนะ หรือออกเสียงเฉพาะเสียงสระอย่างเดียวก็ได้, เสียงสระ ก็เรียก; ตัวอักษรที่ใช้แทนเสียงสระ เช่น ะ า, รูปสระ ก็เรียก. (ป. สร; ส. สฺวร).
สระ,สระ ๓ สระ ๓ [สะ] ก. ฟอกให้สะอาดหมดจด ในคำว่า สระหัว สระผม, ชำระล้างให้สะอาด เช่น สระหวี.
สระ,สระ ๔ สระ ๔ [สฺระ] คําที่แผลงมาจากคําที่ขึ้นต้นด้วยคํา สะ ซึ่งใช้ในบทกลอน เช่น สะท้อน เป็น สระท้อน.
สระ,สระ ๕ สระ ๕ [สะระ] น. เสียง. (ป.; ส. สฺวร).
สระกอ สระกอ [สฺระ-] (กลอน) ว. สะกอ.
สระคราญ สระคราญ [สฺระ-] (กลอน) ว. สะคราญ.
สระดะ สระดะ [สฺระ-] (กลอน) ว. ระดะไป, เกะกะไป, ดาษไป, แน่นไป.
สระท้อน สระท้อน [สฺระ-] (กลอน) ว. สะท้อน; อ่อน. (ข.).
สระพรั่ง สระพรั่ง [สฺระ-] (กลอน) ว. สะพรั่ง.
สระสม สระสม [สฺระ-] (วรรณ) ว. สวย เช่น พิศดูคางสระสม. (ลอ).
สระอาด สระอาด [สฺระ-] (กลอน) ว. สะอาด.
สระอื้น สระอื้น [สฺระ-] (กลอน) ก. สะอื้น.
สรั่ง สรั่ง [สะหฺรั่ง] น. หัวหน้ากะลาสี. (เปอร์เซีย).
สรัสวดี สรัสวดี [สะรัดสะวะดี] น. เทวีองค์หนึ่งในลัทธิศักติของศาสนาฮินดู เป็นชายาของพระพรหม ถือว่าเป็นเทวีแห่งศิลปวิทยา มีหลายชื่อ เช่น ภารตี พราหมี สารทา, ไทยใช้ว่า สุรัสวดี ก็มี. (ส. สรสฺวตี).
สร่าง สร่าง [ส่าง] ก. คลาย, ถอย, ทุเลา, (ใช้แก่ลักษณะความเป็นไปของร่างกายหรืออารมณ์ที่ผิดปรกติจากธรรมดา), เช่น สร่างไข้ สร่างโศก ไข้ยังไม่สร่าง สร่างเมา เมาไม่สร่าง.
สร้าง,สร้าง ๑ สร้าง ๑ [ส้าง] ก. เนรมิต, บันดาลให้มีให้เป็นขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจ, เช่น พระพรหมสร้างโลก, ทำให้มีให้เป็นขึ้นด้วยวิธีต่าง ๆ กัน (ใช้ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรม) เช่น สร้างบ้าน สร้างเมือง สร้างศัตรู สร้างชื่อเสียง.
สร้าง,สร้าง ๒ สร้าง ๒ [ส้าง] น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างใน สำหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม อยู่ ๔ มุมพระเมรุ, ซ่าง คดซ่าง คดสร้าง สำซ่าง หรือ สำสร้าง ก็เรียก. (เทียบ ส. ศมฺศาน; ป. สุสาน).
สร้างชาติ สร้างชาติ ก. ทำให้ชาติมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง.
สร้างฐานะ สร้างฐานะ ก. ประกอบอาชีพจนมีทรัพย์สินเป็นหลักฐานมั่นคง.
สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างเนื้อสร้างตัว ก. สร้างฐานะให้ดีขึ้น, สร้างฐานะให้มั่นคง.
สร้างวิมานในอากาศ สร้างวิมานในอากาศ (สํา) ก. ใฝ่ฝันถึงความมั่งมี, คิดคาดหรือหวังจะมีหรือเป็นอะไรอย่างเลิศลอย.
สร้างสถานการณ์ สร้างสถานการณ์ ก. สร้างให้เป็นเรื่องเป็นข่าวขึ้นมาโดยไม่มีมูล เพื่อหวังประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง.
สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ ก. สร้างให้มีให้เป็นขึ้น (มักใช้ทางนามธรรม) เช่น สร้างสรรค์ความสุขความเจริญให้แก่สังคม.<2t>ว. มีลักษณะริเริ่มในทางดี เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะสร้างสรรค์.
สร้างเสริม สร้างเสริม ก. ทำให้เกิดมีขึ้นและเพิ่มพูนให้มากยิ่งขึ้น เช่น การศึกษาสร้างเสริมคนให้เป็นพลเมืองดี.
สราญ สราญ [สะ-] ว. สําราญ.
สร้าวเสียว สร้าวเสียว [ส้าว-] ก. เร่ง; เตือนใจ.
สริตะ สริตะ [สะริตะ] น. แม่นํ้า, ลําธาร. (ส.; ป. สริตา).
สรี้ สรี้ [สะรี้] ดู กระซิก ๒.
สรีร,สรีร-,สรีระ สรีร-, สรีระ [สะรีระ-] น. ร่างกาย. (ป.; ส. ศรีร).
สรีรกิจ สรีรกิจ น. การทํากิจเกี่ยวกับร่างกาย เช่น ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ; การปลงศพ.
สรีรธาตุ สรีรธาตุ น. กระดูกของศพที่เผาแล้ว.
สรีรวิทยา,สรีรศาสตร์ สรีรวิทยา, สรีรศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยสมบัติและการกระทําหน้าที่ของอินทรีย์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนของสิ่งที่เป็นรูปร่างและมีชีวิต. (อ. physiology).
สรีรังคาร,สรีรางคาร สรีรังคาร, สรีรางคาร [สะรีรังคาน, สะรีรางคาน] น. เถ้าถ่านที่ปะปนกับกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยของศพที่เผาแล้ว.
สรีสฤบ สรีสฤบ [สะรีสฺริบ] น. สัตว์เลื้อยคลาน, งู. (ส.; ป. สิรึสป).
สรุก สรุก [สฺรุก] น. เมือง. (ข. สฺรุก).
สรุกเกรา สรุกเกรา [-เกฺรา] น. บ้านนอก. (ข. สฺรุกเกฺรา).
สรุง สรุง [สุง] (กลอน) น. อํานาจ, เดช.
สรุโนก สรุโนก [สฺรุ-] น. นก. (แผลงมาจาก สุโนก).
สรุป,สรูป สรุป, สรูป [สะหฺรุบ, สะหฺรูบ] ก. ย่อเอาเฉพาะใจความสำคัญของเรื่องเป็นประเด็น ๆ ไป เช่น สรุปข่าว สรุปสถานการณ์, โบราณใช้ว่า สรวป ก็มี.<2t>น. ประเด็นย่อ ๆ ของเรื่อง เช่น กล่าวโดยสรุป.
สรุสระ สรุสระ [สะหฺรุสะหฺระ] ว. ขรุขระ, ไม่เรียบร้อย.
สโรชะ สโรชะ น. ดอกบัว, บัว. (ส. ว่า เกิดในสระ).
สฤก สฤก [สฺริก] น. บัวขาว. (ส.).
สฤคาล สฤคาล [สฺริคาน] น. หมาจิ้งจอก. (ส.).
สฤต สฤต [สฺริด] ก. ผ่านไป, พ้นไป, ล่วงไป. (ส.).
สฤษฎิ,สฤษฎี,สฤษฏ์ สฤษฎิ, สฤษฎี, สฤษฏ์ [สะหฺริดสะ-, สะหฺริด] น. การทํา, การสร้าง, ใช้ว่า สฤษดิ์ ก็มี. (ส.).
สฤษดิ์ สฤษดิ์ น. สฤษฏ์.
สลด สลด [สะหฺลด] ก. สังเวชใจ, รู้สึกรันทดใจ; เผือด, ถอดสี, เช่น หน้าสลด; เฉา, เหี่ยว, (ใช้แก่ใบไม้ดอกไม้ซึ่งขาดนํ้าเลี้ยงหรือถูกความร้อน) เช่น ต้นไม้ถูกความร้อนมาก ๆ ใบสลด.
สลดใจ สลดใจ ก. รู้สึกเศร้าใจแกมสังเวช, รู้สึกหดหู่ใจ, เช่น ข่าวแผ่นดินไหวคนตายเป็นหมื่น ๆ ฟังแล้วสลดใจ เห็นสุนัขถูกรถทับตาย รู้สึกสลดใจ.
สลบ สลบ [สะหฺลบ] ก. อาการที่หมดความรู้สึก เช่น ถูกตีหัวจนสลบ เป็นลมล้มสลบ.
สลบแดด สลบแดด ก. อาการที่ใบไม้ดอกไม้เหี่ยวหรือเฉาเมื่อถูกแดดหรือความร้อน.
สลบไสล สลบไสล ก. อาการที่แน่นิ่งไม่ไหวติง, อาการที่หลับใหลจนไม่รู้สึกตัว, เช่น อดนอนมาหลายวัน วันนี้เลยนอนสลบไสล.
สลบเหมือด สลบเหมือด (ปาก) ก. สลบไสล.
สลวน สลวน [สนละวน] ก. สาละวน.
สลวย สลวย [สะหฺลวย] ว. ลักษณะของเส้นผมที่ละเอียด อ่อนนุ่ม ทิ้งตัว และมีปลายช้อยงอนงาม เช่น ผมสลวยจัดทรงง่าย, ลักษณะชายผ้าที่ทิ้งตัวห้อยลง เช่น ผ้าม่านทิ้งชายห้อยสลวย.
สลอด สลอด [สะหฺลอด] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Croton tiglium L. ในวงศ์ Euphorbiaceae เมล็ดเป็นพิษ.
สลอน สลอน [สะหฺลอน] ว. เห็นเด่นสะพรั่ง เช่น นั่งหน้าสลอน ยกมือสลอน.
สลอย สลอย [สะหฺลอย] (กลอน) ว. งาม.
สละ,สละ ๑ สละ ๑ [สะละ] น. ขนเม่น. (ป.).
สละ,สละ ๒ สละ ๒ [สะหฺละ] น. ชื่อปาล์มชนิด Salacca edulis Reinw. ในวงศ์ Palmae ขึ้นเป็นกอคล้ายระกํา ผลสีคลํ้า ไม่มีหนาม เนื้อสีขาวหนาล่อน รสหวาน (เทียบ ม. salak); ชื่อระกําพันธุ์หนึ่ง ส่วนมากผลมีเมล็ดเดียว.
สละ,สละ ๓ สละ ๓ [สะหฺละ] น. ชื่อปลาทะเลชนิด Scomberoides sancti-petri ในวงศ์ Carangidae ลําตัวแบนข้างและกว้างมาก มีจุดดําใหญ่อยู่บนเส้นข้างตัว ๕-๘ จุด ตาเล็กอยู่ค่อนไปทางด้านสันหัว ขนาดโตได้ถึง ๑.๕ เมตร.
สละ,สละ ๔ สละ ๔ [สะหฺละ] ก. บริจาค เช่น สละทรัพย์ช่วยการกุศล, เสียสละ ก็ใช้; ผละออก เช่น กัปตันสละเรือ, ละทิ้ง เช่น สละบ้านเรือนออกบวช, ละวาง, ปล่อยวาง, (สิ่งที่ยังต้องการจะรักษาไว้กับตนอยู่เพื่อเห็นแก่ความสุขความสงบเรียบร้อย หรือเพื่อพลีบูชาเป็นต้น), เช่น สละกิเลส.
สละชีพเพื่อชาติ สละชีพเพื่อชาติ ก. ยอมเสียชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติ.
สละราชสมบัติ สละราชสมบัติ ก. สละความเป็นพระมหากษัตริย์.
สละสลวย สละสลวย [สะหฺละสะหฺลวย] ว. ที่กล่าวหรือเรียบเรียงได้เนื้อถ้อยกระทงความ และมีสำนวนกลมกลืนไพเราะระรื่นหู (ใช้แก่ถ้อยคำสำนวน) เช่น บทความนี้มีสำนวนสละสลวย.
สลัก,สลัก ๑ สลัก ๑ [สะหฺลัก] ก. สกัดกั้น เช่น สลักโจรไว้อย่าให้หนีไปได้.<2t>น. เครื่องกั้นหรือกลอนประตูหน้าต่างเป็นต้นแบบเรือนไทยที่ลงไว้เพื่อไม่ให้เลื่อนหรือผลักเข้าไปได้ เช่น ลงสลักประตู.
สลัก,สลัก ๒ สลัก ๒ [สะหฺลัก] ก. ทําให้เป็นลวดลายหรือรูปภาพด้วยวิธีใช้สิ่วสกัด ตัด ตอก ดุน เป็นต้น เช่น สลักไม้ สลักลูกนิมิต หรือใช้สิ่งอื่นขูด ขีด ให้เป็นตัวหนังสือเป็นต้น เช่น สลักชื่อบนหีบบุหรี่. (เทียบ ม. selak).
สลักเกลียว สลักเกลียว น. แท่งโลหะที่หัวมีลักษณะกลมหรือเหลี่ยม ตอนปลายมีเกลียวสําหรับใส่ขันยึดกับนอต. (ดู นอต ๒).
สลักเต้ สลักเต้ [สะหฺลัก-] น. ใบชา. (ข. สฺลึกแต).
สลักเพชร สลักเพชร น. ไม้หรือเหล็กสําหรับสอดขัดกลอนประตูหน้าต่างแบบเรือนไทยเพื่อไม่ให้เคลื่อนที่; วิธีเข้าปากไม้แบบหนึ่ง บากปากไม้และเดือยเป็นรูปหางเหยี่ยว ใช้ลิ่มสอดเข้าไปที่หัวเดือยซึ่งบากไว้ เมื่อสอดเดือยเข้าไปในปากไม้แล้วตอกอัด ลิ่มจะดันให้ปลายเดือยขยายออกอัดแน่นกับปากไม้; กล้ามเนื้อที่เกาะอยู่ระหว่างขอบกระดูกเชิงกรานตรงตะโพกกับหัวกระดูกต้นขาทําให้ขากางออกได้.
สลักสำคัญ สลักสำคัญ ว. สําคัญมาก, สําคัญยิ่ง, เช่น เรื่องนี้สลักสำคัญมาก ไม่เห็นสลักสำคัญอะไรเลย.
สลักเสลา สลักเสลา [-สะเหฺลา] ก. สลักให้เป็นลวดลายเรียบร้อยสวยงาม เช่น เสียเวลานั่งสลักเสลาผักครึ่งวันกว่าจะได้ลงมือทำกับข้าว สลักเสลาเสาหินเป็นลายเทพนม.
สลักหลัง สลักหลัง (กฎ) ก. เขียนข้อความลงในด้านหลังตราสาร เพื่อโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่ตราสารนั้น เช่น สลักหลังตั๋วแลกเงิน; เขียนลงข้างหลังเอกสารเป็นต้น เช่น สลักหลังเช็ค สลักหลังรูปให้ไว้เป็นที่ระลึก.
สลัด,สลัด ๑ สลัด ๑ [สะหฺลัด] น. ชื่อยําชนิดหนึ่งตามแบบชาวตะวันตก ประกอบด้วยผักสดหลายชนิด เช่น ผักกาดหอม หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ แตงกวา เป็นหลัก และอาจมีเนื้อสัตว์หรือไข่ด้วย ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เรียกว่า น้ำสลัด สลัดมีหลายชนิด เช่น สลัดผัก สลัดเนื้อสัน สลัดแขก.
สลัด,สลัด ๒ สลัด ๒ [สะหฺลัด] น. โจรที่ปล้นเรือในทะเล เรียกว่า โจรสลัด. (เทียบ ม. salat ว่า ช่องแคบ).
สลัด,สลัด ๓ สลัด ๓ [สะหฺลัด] ก. ทำให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ให้หลุดไปโดยวิธีสะบัด ซัด หรือกระพือ เป็นต้น เช่น สลัดรองเท้าให้หลุดจากเท้า เม่นสลัดขน เขาสลัดมีดสั้นไปที่คู่ต่อสู้ ไก่สลัดขนปีก, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สลัดรัก.
สลัดได,สลัดได ๑ สลัดได ๑ [สะหฺลัด-] น. ชื่อไม้พุ่มหลายชนิดในสกุล Euphorbia วงศ์ Euphorbiaceae ต้นเป็นเหลี่ยม มีหนาม ไม่มีใบ เช่น ชนิด E. lacei Craib, สลัดไดป่า (E. antiquorum L.) ส่วนที่ใช้ทํายาได้เรียก กระลําพัก.
สลัดได,สลัดได ๒ สลัดได ๒ [สะหฺลัด-] น. เครื่องประดับยอดปรางค์ ทําเป็นรูปหอก มีกิ่งเป็นรูปดาบแตกสาขาออกไป ๔ ทิศ, แง่งขิง นพศูล นภศูล ฝักเพกา หรือ ลําภุขัน ก็เรียก.
สลัดผลไม้ สลัดผลไม้ น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่งตามแบบตะวันตก ทำด้วยผลไม้หลายชนิด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ราดด้วยน้ำเชื่อมหรือครีม หรือใช้โรยหน้าไอศกรีม.
สลัดอากาศ สลัดอากาศ น. โจรที่จี้หรือปล้นเครื่องบินในอากาศ.
สลับ สลับ [สะหฺลับ] ว. คั่นเป็นลําดับ เช่น เขียวสลับแดง ผู้หญิงผู้ชายนั่งสลับกัน สร้อยทับทิมสลับเพชร; สับเปลี่ยน เช่น สลับคู่.
สลับฉาก สลับฉาก น. เรียกการแสดงสั้น ๆ ที่คั่นระหว่างการแสดงละครแต่ละฉากเพื่อให้มีเวลาสําหรับเปลี่ยนฉากละครว่า การแสดงสลับฉาก.
สลับฟันปลา สลับฟันปลา ว. สับหว่างสลับเยื้องกันอย่างฟันปลา เช่น นั่งสลับฟันปลา ยืนสลับฟันปลา.
สลับเรือน สลับเรือน (โหร) ก. อาการที่ดาวพระเคราะห์สับเปลี่ยนเรือนเกษตรกันในดวงชะตาบุคคล เช่นเจ้าเรือนเกษตรพุธราศีกันย์มาครองเรือนเกษตรศุกร์ราศีตุลย์ และเจ้าเรือนเกษตรศุกร์ราศีตุลย์ไปครองเรือนเกษตรพุธราศีกันย์.
สลับสล้าง สลับสล้าง [สะหฺลับสะล่าง] ว. เรียกลักษณะต้นไม้ที่ขึ้นเป็นดง มองจากที่สูงแลเห็นยอดสูง ๆ ต่ำ ๆ เช่น ขึ้นไปบนยอดเขา เห็นต้นไม้ขึ้นสลับสล้างเต็มไปหมด.
สลัว,สลัว ๆ สลัว, สลัว ๆ [สะหฺลัว] ว. ไม่แจ่ม, ไม่กระจ่าง, เช่น ในห้องมีแสงสลัวมองเห็นได้ราง ๆ ใกล้ค่ำมีแสงสลัว ๆ.
สลา สลา [สะหฺลา] น. หมาก. (ข.).
สลาก,สลาก ๑ สลาก ๑ [สะหฺลาก] น. สิ่งเช่นติ้ว ตั๋ว หรือแผ่นกระดาษเล็ก ๆ เป็นต้น ซึ่งทําเป็นเครื่องหมายกําหนดไว้เนื่องในการเสี่ยงโชคเสี่ยงทายเป็นต้น เช่น สลากภัต; ป้ายบอกชื่อยา ใช้ปิดขวดยารักษาโรค เรียกว่า สลากยา, ฉลาก ก็ว่า. (ป.; ส. ศลาก).
สลาก,สลาก ๒ สลาก ๒ [สะหฺลาก] ดู กระดี่ ๑.
สลากกินแบ่ง สลากกินแบ่ง น. สลากที่จัดให้มีขึ้นเพื่อขายให้แก่ผู้เล่นเป็นการเสี่ยงโชค โดยมีการให้รางวัลที่แบ่งเป็นหลายรางวัลแก่ผู้เล่นซึ่งถือสลากเลขหมายรางวัลที่ออกตามวิธีการที่กำหนด, ลอตเตอรี่ หวย หรือ หวยเบอร์ ก็เรียก.
สลากกินรวบ สลากกินรวบ น. สลากชนิดที่จําหน่ายแก่ผู้ถือเพื่อรับสิ่งของเป็นรางวัลในการเสี่ยงโชคโดยผู้จําหน่ายรวบเงินค่าสลากไว้ทั้งหมด.
สลากภัต สลากภัต [สะหฺลากกะพัด] น. อาหารแห้งหรือผลไม้ถวายพระโดยวิธีจับฉลาก เช่น สลากภัตข้าวสาร สลากภัตทุเรียน. (ป. สลากภตฺต).
สลาง สลาง ดู กระดี่ ๑.
สล้าง สล้าง [สะล่าง] ว. ที่ตั้งอยู่สูงเด่นเป็นหมู่เป็นพวก เช่น ต้นสักสูงสล้าง.
สลาด สลาด [สะหฺลาด] น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Notopterus notopterus ในวงศ์ Notopteridae รูปร่างคล้ายปลากราย หัวและลําตัวแบนข้างมาก ท้องเป็นสันคม ปากตํ่า สันหัวแอ่นลงเล็กน้อย ครีบหลังเด่นแต่มีขนาดเล็กเท่า ๆ กันกับครีบอก ครีบท้องเล็ก ครีบก้นยาวต่อเนื่องกับครีบหางซึ่งเล็กและมีขอบกลม พื้นลําตัวสีขาว หลังเทา ไม่มีจุดสีเด่นหรือลวดลายสีเข้มใด ๆ ขนาดยาวเพียง ๓๕ เซนติเมตร, ฉลาด หรือ ตอง ก็เรียก.
สลาตัน สลาตัน [สะหฺลา-] น. เรียกลมที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในปลายฤดูฝนว่า ลมสลาตัน, เรียกลมพายุที่มีกําลังแรงจัดทุกชนิด เช่น ไต้ฝุ่น ไซโคลน ว่า ลมสลาตัน, โดยปริยายใช้เป็นความเปรียบเทียบหมายถึงอาการที่ไป มา หรือเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างลมสลาตัน เช่น เวลาเขาโกรธอย่างกับลมสลาตัน. (เทียบ ม. selatan ว่า ลมใต้).
สลาบ สลาบ [สะหฺลาบ] น. ปีกของนก; ขน. (ข.).
สลาย สลาย [สะหฺลาย] ก. สูญสิ้นไป เช่น ฝันสลาย เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น หมอกก็สลายไป, ทำให้สูญสิ้นไป เช่น ใช้ยาสมุนไพรสลายพิษงู, ฉลาย ก็ว่า.
สลายตัว สลายตัว ก. เปลี่ยนสภาพ เช่น ยาบางชนิดสลายตัวในน้ำ; อาการที่ฝูงชนซึ่งรวมตัวกันเพื่อประท้วงเป็นต้นแล้วต่อมาได้แยกย้ายกันไป เช่น กลุ่มชนที่มาประท้วงได้สลายตัวไปหมดแล้ว.
สลาเหิน สลาเหิน น. หมากที่ถือกันว่าเมื่อเสกแล้วเป็นตัวแมลงภู่ ทําให้ผู้กินแล้วลุ่มหลงรัก.
สลิด,สลิด ๑ สลิด ๑ [สะหฺลิด] น. ชื่อไม้เถาชนิด Telosma minor Craib ในวงศ์ Asclepiadaceae ใบมนป้อม ผลเรียวยาว ดอกสีเขียวอมเหลือง กลิ่นหอม กินได้, ขจร ก็เรียก.
สลิด,สลิด ๒ สลิด ๒ [สะหฺลิด] น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Trichogaster pectoralis ในวงศ์ Anabantidae รูปร่างคล้ายปลากระดี่ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน มีเกล็ดเล็กและไม่มีจุดดําข้างตัว แต่มีลายสีคลํ้าหลายแนวพาดเฉียงตลอดข้างลําตัว และมีขนาดโตกว่าถึง ๒๐ เซนติเมตร พบตามแหล่งนํ้านิ่ง เช่น หนอง คลองบึงทั่วไป ทํารังเป็นหวอดที่ผิวนํ้า, ราชาศัพท์เรียกว่า ปลาใบไม้.
สลิล สลิล [สะลิน] น. นํ้า. (ป., ส.).
สลึก สลึก [สะหฺลึก] น. ใบไม้. (ข.).
สลึง สลึง [สะหฺลึง] น. มาตราเงินตามวิธีประเพณี ๒๕ สตางค์ เท่ากับ ๑ สลึง, เขียนตามวิธีโบราณดังนี้ หมายความว่า ๒ สลึง; ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณี สําหรับกําหนดนํ้าหนักเท่ากับเงินหนัก ๑ ใน ๔ บาท หรือ ๓.๗๕ กรัม.
สลุต สลุต [สะหฺลุด] ก. คํานับ เช่น ยิงสลุต. (อ. salute).
สลุบ สลุบ [สะหฺลุบ] น. เรือใบเดินทะเลชนิดหนึ่งแบบชาวตะวันตก. (อ. sloop).
สลุมพร สลุมพร [สะหฺลุมพอน] น. ปลาเนื้ออ่อน. (พจน. ๒๔๙๓).
สแลง สแลง น. ถ้อยคําหรือสํานวนที่ใช้เข้าใจกันเฉพาะกลุ่มหรือชั่วระยะเวลาหนึ่ง ไม่ใช่ภาษาที่ยอมรับกันว่าถูกต้อง. (อ. slang).
สว,สว- สว- [สะวะ-] น. ของตนเอง. (ส.; ป. สก).
สวก,สวก ๑ สวก ๑ ว. มีเนื้อไม่แน่นและไม่ซุย (ใช้แก่ลักษณะหัวเผือกหัวมันและผลไม้บางชนิด).
สวก,สวก ๒ สวก ๒ [สะหฺวก] น. สวิงขนาดเล็กชนิดหนึ่งสําหรับตักปลา.
สวกรรม สวกรรม น. งานส่วนตัว. (ส. สฺวกรฺมนฺ).
สวการย์ สวการย์ น. หน้าที่หรือธุระของตนเอง. (ส. สฺวการฺย).
ส้วง ส้วง น. ช่อง, โพรง, (โดยมากมักใช้แก่ทวารหนัก).
สวด สวด ก. ว่าเป็นทํานองอย่างพระสวดมนต์ เช่น สวดสังคหะ สวดพระอภิธรรม; (ปาก) นินทาว่าร้าย, ดุด่า, ว่ากล่าว, เช่น ถูกแม่สวด.
สวน,สวน ๑ สวน ๑ น. บริเวณที่ปลูกต้นไม้เป็นจํานวนมาก เช่น สวนทุเรียน สวนยาง สวนกุหลาบ สวนผัก, โดยปริยายหมายถึงสถานที่ซึ่งมีลักษณะเช่นนั้นในบางกรณี เช่น สวนสัตว์ สวนงู.
สวน,สวน ๒ สวน ๒ ก. อาการที่เคลื่อนไปตรงข้ามในเส้นทางเดียวกัน เช่น เดินสวนกัน มีรถสวนมา; เทียบสอบขนาดหรือปริมาณเครื่องตวง เช่น สวนสัด สวนทะนาน; เอาสายสวนใส่ทางช่องปัสสาวะให้เข้าไปในกระเพาะปัสสาวะเพื่อให้ปัสสาวะออก, เอาลูกสวนใส่ทวารหนักแล้วบีบนํ้ายาหรือนํ้าสบู่ให้เข้าไปในลําไส้ใหญ่เพื่อกระตุ้นให้ลําไส้ใหญ่บีบตัวให้อุจจาระออก.
สวน,สวน ๓ สวน ๓ ก. เย็บแบบด้วยดอกไม้หรือใบไม้ให้เป็นแถบยาว เพื่อใช้ตกแต่งประดับโครงประทุนคลุมผ้าไตรเป็นต้น, เซ็น ก็ว่า.
สวน,สวน-,สวน- ๔,สวนะ,สวนะ ๑ สวน- ๔, สวนะ ๑ [สะวะนะ-] น. การฟัง. (ป.; ส. ศฺรวณ).
ส่วน ส่วน น. สิ่งที่แบ่งจากสิ่งรวม เช่น เงินส่วนนี้จะเอาไว้ทําบุญ; การเข้าร่วม เช่น เรื่องนี้ขอมีส่วนด้วย; แผนกย่อย, ฝ่าย, เช่น งานกองนี้แบ่งออกเป็นหลายส่วน, ตอน, ท่อน, เช่น เรื่องนี้แบ่งออกเป็น ๕ ส่วน; ขนาดที่พอเหมาะพอดี เช่น ได้ส่วน สมส่วน ผิดส่วน; ด้าน เช่น ส่วนกว้าง ส่วนยาว ส่วนหนา; จำนวนที่อยู่ข้างล่างของเศษในเลขเศษส่วน.<2t>สัน. ฝ่าย, ข้าง, เช่น พอสอบเสร็จเพื่อน ๆ ก็ไปเที่ยวภูเก็ต ส่วนฉันไปเชียงใหม่.
ส่วนกลาง ส่วนกลาง น. ส่วนเมืองหลวง, ศูนย์กลาง.
ส่วนเกิน ส่วนเกิน น. ส่วนที่นอกเหนือไปจากที่กำหนด เช่น ได้รับบัตรเชิญไปงาน ๒ คน แต่ไป ๓ คน คนที่ ๓ เป็นส่วนเกิน.
สวนครัว สวนครัว น. บริเวณที่ปลูกพืชผักที่ใช้เป็นอาหารในครัวเรือน เช่น พริก มะเขือ ข่า ตะไคร้ โหระพา.
ส่วนควบ ส่วนควบ (กฎ) น. ส่วนของทรัพย์ซึ่งโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น และไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากจะทำลาย ทำให้บุบสลายหรือทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพไป.
สวนควัน สวนควัน ว. อาการที่ย้อนตอบทันที เช่น พูดสวนควัน ยิงสวนควัน เตะสวนควัน.
สวนความ สวนความ ก. สอบเปรียบเทียบข้อความ.
สวนคำ สวนคำ ว. อาการที่พูดย้อนตอบทันที เช่น พอเขาว่ามา ฉันก็ว่าสวนคำไป.
สวนญี่ปุ่น สวนญี่ปุ่น น. สวนที่จัดตามแบบญี่ปุ่น มีสิ่งประดับที่สำคัญคือ ไม้ดอก ไม้ใบ สะพาน โคม เป็นต้น.
ส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนได้ส่วนเสีย น. ประโยชน์ที่ควรได้ควรเสียซึ่งมีอยู่ในส่วนรวม, การได้การเสียร่วมกับคนอื่น, เช่น เขาไม่สนใจงานนี้เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย.
ส่วนตัว ส่วนตัว ว. เฉพาะตัว, เฉพาะบุคคล, เช่น เรื่องส่วนตัว ของใช้ส่วนตัว.
ส่วนท้องถิ่น ส่วนท้องถิ่น น. เขตเทศบาล.
สวนแทง สวนแทง ก. แทงตอบทันที.
ส่วนบุญ ส่วนบุญ น. ส่วนที่เป็นบุญกุศล เช่น แผ่ส่วนบุญ เปรตขอส่วนบุญ.
ส่วนแบ่ง ส่วนแบ่ง น. ส่วนย่อยที่แยกออกจากส่วนใหญ่ เช่น เขาได้ส่วนแบ่งมรดก ๓ ใน ๑๐ ส่วน.
ส่วนประกอบ ส่วนประกอบ น. สิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบเป็นสิ่งใหญ่, ส่วนของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องประกอบทําให้เกิดเป็นรูปขึ้นใหม่โดยเฉพาะ, องค์ประกอบ ก็เรียก.
สวนป่า สวนป่า น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้ทดแทนป่าที่ถูกทำลาย มักเป็นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจ อาจปลูกไม้ชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมกันก็ได้ เพื่อใช้ไม้ทำเครื่องเรือน เยื่อกระดาษ หรืออนุรักษ์พรรณไม้ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เป็นต้น เช่น สวนป่าสัก สวนป่าไม้ยาง. (อ. forest garden); สวนไม้ใบที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน มักเป็นพรรณไม้ที่มีค่า เช่น เฟิน ว่าน.
สวนปากสวนคำ สวนปากสวนคำ ก. สอบปากคํายันกันดู.
ส่วนผสม ส่วนผสม น. สิ่งต่าง ๆ ที่ผสมกันให้เกิดเป็นสิ่งรวม เช่น ส่วนผสมของอาหาร ส่วนผสมของยา ส่วนผสมของปูนซีเมนต์.
ส่วนพระองค์ ส่วนพระองค์ (ราชา) ว. ส่วนตัว (ใช้แก่เจ้านายตั้งแต่พระองค์เจ้าขึ้นไป) เช่น หนังสือส่วนพระองค์.
สวนพฤกษศาสตร์ สวนพฤกษศาสตร์ น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้มากชนิดทั้งในและต่างประเทศ รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ มักเขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ด้วย เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและพักผ่อนหย่อนใจเป็นต้น เช่น สวนพฤกษศาสตร์ที่พุแค จังหวัดสระบุรี. (อ. botanic garden, botanical garden).
ส่วนภูมิภาค ส่วนภูมิภาค น. ส่วนหัวเมือง.
ส่วนรวม ส่วนรวม น. หมู่คณะ เช่น เห็นแก่ส่วนรวม ทำเพื่อส่วนรวม, ส่วนที่ใช้ร่วมกัน เช่น ห้องน้ำส่วนรวม ของใช้ส่วนรวม.
ส่วนร่วม ส่วนร่วม น. ส่วนได้ส่วนเสียในกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น มีส่วนร่วมในการบำเพ็ญกุศล มีส่วนร่วมในการทุจริต มีส่วนร่วมในการลงทุนบริษัท.
สวนรุกขชาติ สวนรุกขชาติ น. บริเวณที่ปลูกพรรณไม้นานาชนิด โดยเฉพาะไม้ยืนต้นที่มีค่าทางเศรษฐกิจและไม้ดอกซึ่งมีอยู่ในท้องถิ่น มักเขียนป้ายบอกชื่อสามัญและชื่อวิทยาศาสตร์ไว้ด้วย เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ เช่น สวนรุกขชาติที่ห้วยแก้ว จังหวัดเชียงใหม่. (อ. arboretum).
ส่วนลด ส่วนลด น. ส่วนที่หักจากจํานวนเงินที่เก็บมาได้ หรือจากจํานวนที่ซื้อหรือที่ใช้ตามส่วนที่กําหนดไว้.
สวนสนาม สวนสนาม น. พิธีชุมนุมพลกองทหารที่ลานกว้างเพื่อแสดงความสง่าผ่าเผย ความพร้อมเพรียง และอานุภาพของเครื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ให้เป็นเกียรติแก่ผู้เป็นประธานในพิธีซึ่งจะได้ตรวจดูแถวทหารที่ตั้งอยู่ คือ ตรวจพลและดูการเดินแถวของทหารเหล่านั้น.
สวนสนุก สวนสนุก น. สถานที่ที่รวบรวมบรรดาสิ่งที่ทำให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินไว้บริการประชาชน.
สวนสมุนไพร สวนสมุนไพร น. บริเวณที่ปลูกพืชที่ใช้เป็นสมุนไพร.
ส่วนสัด ส่วนสัด น. ขนาดที่พอเหมาะพอดีตามเกณฑ์ที่กําหนดหรือที่นิยม เช่น ผู้หญิงคนนี้มีรูปร่างได้ส่วนสัด; (ศิลปะ) ส่วนที่กําหนดขึ้นให้มีความสัมพันธ์กันเพื่อให้เกิดความพอดี.
ส่วนหน้า ส่วนหน้า น. เรียกเขตที่มีการรบว่า พื้นที่ส่วนหน้า, เรียกส่วนราชการที่แยกออกไปเพื่ออํานวยความสะดวกในการควบคุมบังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติงานพิเศษ เช่น เรียกกองบัญชาการทหารสูงสุดว่า กองบัญชาการทหารสูงสุดส่วนหน้า.
สวนหย่อม สวนหย่อม น. สวนไม้ประดับขนาดเล็ก จัดในเนื้อที่จำกัด.
ส่วนหลัง ส่วนหลัง น. เรียกเขตของกองทหารที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการส่งกําลังบํารุงว่า พื้นที่ส่วนหลัง.
ส่วนองค์ ส่วนองค์ (ราชา) ว. ส่วนตัว (ใช้แก่หม่อมเจ้า) เช่น ของใช้ส่วนองค์.
สวนะ,สวนะ ๒ สวนะ ๒ น. การไหลไป. (ป.; ส. สฺรวณ).
สวนาการ สวนาการ น. อาการฟัง. (ป.).
สวนิต สวนิต [สะวะ-] (กลอน) ก. ยิน, ฟัง.
สวนีย,สวนีย- สวนีย- [สะวะนียะ-] น. คําที่น่าฟัง, คําไพเราะ. (ป.; ส. ศฺรวณีย).
สวบ,สวบ ๆ สวบ, สวบ ๆ ว. เสียงดังอย่างเสียงกรับพวง; เสียงคนหรือสัตว์ยํ่าไปบนใบไม้หรือสิ่งที่ทําให้เกิดเสียงเช่นนั้น เช่น เสียงเดินบุกป่าดังสวบ ๆ, สวบสาบ ก็ว่า; อาการที่ก้มหน้าก้มตากินเอา ๆ ด้วยความหิวโหยหรือตะกละตะกลาม; อาการที่ก้าวเดินจ้ำเอา ๆ.
สวภาพ สวภาพ น. สภาพ, ความเป็นอยู่ของตนเอง. (ส. สฺวภาว).
สวม สวม ก. กิริยาที่เอาของที่เป็นโพรงเป็นวงเป็นต้นครอบลงบนอีกสิ่งหนึ่ง เช่น สวมชฎา สวมหมวก เกี้ยวสวมจุก, คล้อง เช่น สวมพวงมาลัย, นุ่ง ในคําว่า สวมกางเกง, ใส่ เช่น สวมเสื้อ สวมรองเท้า; เข้าแทนที่ เช่น สวมตําแหน่ง.
ส้วม,ส้วม ๑ ส้วม ๑ น. สถานที่ที่สร้างไว้สำหรับถ่ายอุจจาระปัสสาวะโดยเฉพาะ มักทำเป็นห้อง.
ส้วม,ส้วม ๒ ส้วม ๒ (ถิ่น-อีสาน) น. ห้องนอน.
ส้วม,ส้วม ๓ ส้วม ๓ ก. เอามือทั้ง ๒ ข้างโอบรัดเข้าไว้ในวงแขน เรียกว่า ส้วมกอด, สวมกอด ก็ว่า.
สวมกอด สวมกอด ก. เอามือทั้ง ๒ ข้างโอบรัดเข้าไว้ในวงแขน เช่น แม่สวมกอดลูก, ส้วมกอด ก็ว่า.
สวมเขา สวมเขา ก. ทำความอัปยศให้แก่สามีด้วยการมีชู้โดยที่สามีไม่รู้ระแคะระคาย.
ส้วมชักโครก ส้วมชักโครก น. ส้วมแบบส้วมซึมชนิดหนึ่ง ต่างกันตรงที่เมื่อถ่ายแล้วใช้กดหรือชักให้น้ำที่อยู่ในถังด้านหลังหรือข้างบนหัวส้วมไหลชำระสิ่งที่ถ่ายแทนการราดน้ำ.
ส้วมซึม ส้วมซึม น. ส้วมที่ตั้งถังซีเมนต์ซ้อนกันลงไปในดินหลาย ๆ ถัง มีหัวส้วมสำหรับนั่งถ่ายอยู่เหนือถังบนสุด เมื่อถ่ายแล้วต้องราดน้ำเพื่อชำระสิ่งที่ถ่ายให้ลงสู่ถังส้วมแล้วซึมหายไปในดิน.
สวมบท,สวมบทบาท สวมบท, สวมบทบาท ก. แสดงบทบาท เช่น สวมบทพระเอก สวมบทบาทผู้ร้าย; แสดงออกในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น คนใจบาปสวมบทนักบุญ.
สวมรอย สวมรอย ก. เข้าแทนที่คนอื่นโดยทําเป็นทีให้เข้าใจว่าตนเองเป็นตัวจริง เช่น ผู้ร้ายสวมรอยเจ้าของบ้านเข้าไปขโมยของ.
สวมวิญญาณ สวมวิญญาณ ก. เอาวิญญาณของผู้อื่นหรือสัตว์อื่นเป็นต้นมาสวมใส่ในจิตใจของตน เช่น สวมวิญญาณนักรบ สวมวิญญาณสัตว์ป่า.
สวมหน้ากาก สวมหน้ากาก (สำ) ก. แสดงทีท่าหรือกิริยาอาการที่มิได้เกิดจากนิสัยใจจริง, แสดงกิริยาท่าทีลวงให้เข้าใจผิด, เช่น ต่างคนต่างสวมหน้ากากเข้าหากัน, ใส่หน้ากาก ก็ว่า.
สวมหมวกหลายใบ สวมหมวกหลายใบ (สำ) ก. ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งในเวลาเดียวกัน.
ส้วมหลุม ส้วมหลุม น. ส้วมที่ขุดหลุมแล้วใช้ไม้กระดานหรือไม้ท่อนใหญ่ทอดพาดปากหลุมสำหรับนั่งถ่าย.
สวมหัวโขน สวมหัวโขน ก. เอาหัวโขนสวมศีรษะ, โดยปริยายหมายความว่า ดำรงตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตหรือมียศถาบรรดาศักดิ์แล้วมักลืมตัวชอบแสดงอำนาจ.
สวย สวย ว. งามน่าพึงพอใจ, มักใช้เข้าคู่กับคํา งาม เป็น สวยงาม, ในบทกลอนใช้ว่า ส้วย ก็มี; ไม่เปียก (ใช้แก่ข้าวสุก) เช่น หุงข้าวสวยดี ไม่ดิบ ไม่แฉะ.
ส่วย,ส่วย ๑ ส่วย ๑ น. ของที่เรียกเก็บจากพื้นเมืองส่งเป็นภาคหลวงตามวิธีเรียกเก็บภาษีอากรในสมัยโบราณ; เงินช่วยราชการตามที่กําหนดเรียกเก็บจากราษฎรชายที่มิได้รับราชการทหารเป็นรายบุคคล, รัชชูปการ ก็ว่า.
ส่วย,ส่วย ๒ ส่วย ๒ น. ชนชาติพูดภาษาตระกูลมอญ-เขมรพวกหนึ่ง อยู่ทางภาคอีสาน.
ส้วย,ส้วย ๑ ส้วย ๑ ก. ชําแหละ, ผ่าล้าง.
ส้วย,ส้วย ๒ ส้วย ๒ ว. ลักษณะที่เป็นมุมแหลมออกไป.
สวยแต่รูป จูบไม่หอม สวยแต่รูป จูบไม่หอม (สํา) ว. มีรูปร่างงาม แต่มีความประพฤติ ท่าทีวาจา และกิริยามารยาทไม่ดี.
สวยม สวยม [สะวะหฺยม] ว. ด้วยตัวเอง. (ส.).
สวยมพร สวยมพร น. สยมพร, สยัมพร หรือ สยุมพร ก็ใช้.
สวยมภู สวยมภู น. สยมภู.
ส้วยเสี้ยว ส้วยเสี้ยว น. ของที่มีมุม ๓ มุม เช่นใบเรือที่อยู่ตอนหัวเรือ. (ปรัดเล).
สวรรค,สวรรค-,สวรรค์ สวรรค-, สวรรค์ [สะหฺวันคะ-, สะหฺวัน] น. โลกของเทวดา, เมืองฟ้า. (ส. สฺวรฺค; ป. สคฺค).
สวรรคต สวรรคต [สะหฺวันคด] ก. ไปสู่สวรรค์, ตาย, (ใช้ในราชาศัพท์ สําหรับพระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และพระบรมราชวงศ์ที่ทรงได้รับพระราชทานฉัตร ๗ ชั้น). (ส. สฺวรฺค + คต ว่า ไปสู่สวรรค์).
สวรรค์ในอก นรกในใจ,สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ สวรรค์ในอก นรกในใจ, สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ (สํา) น. ความสุขที่เกิดจากการทำความดี หรือความทุกข์ที่เกิดจากการทำความชั่ว ย่อมอยู่ในใจของผู้ทำเอง.
สวรรคบดี สวรรคบดี [สะหฺวันคะบอดี] น. เจ้าเมืองสวรรค์ คือ พระอินทร์. (ส. สฺวรฺคปติ).
สวรรคาลัย สวรรคาลัย ก. ตาย (ใช้แก่เจ้านายชั้นสูง), (กลอน) ตาย.
สวรรยา สวรรยา [สะหฺวันยา] (กลอน) น. สมบัติ.
สวระ สวระ น. เสียง. (ส.).
สวราชย์ สวราชย์ น. ความเป็นเอกราช; การปกครองด้วยตนเอง. (ส. สฺวราชฺย).
สวะ,สวะ ๑ สวะ ๑ [สะหฺวะ] น. ต้นหญ้า ต้นผัก หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ลอยเป็นแพอยู่ในน้ำ.
สวะ,สวะ ๒,สวะ ๆ สวะ ๒, สวะ ๆ [สะหฺวะ] (ปาก) ว. เลว, ไร้ประโยชน์, เช่น คนสวะ เรื่องสวะ ๆ; ดาษดื่น, มีมาก, เช่น ของสวะ ๆ.
สวะ,สวะ ๓ สวะ ๓ [สะหฺวะ] (กลอน) ก. สละ เช่น สวะบาปแสวงบุญบท ที่แล้ว. (ยวนพ่าย).
สวัสดิ,สวัสดิ-,สวัสดิ์,สวัสดิ์ ๑,สวัสดี,สวัสดี ๑ สวัสดิ-, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑ [สะหฺวัดดิ-, สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] น. ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง;ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺวสฺติ; ป. โสตฺถิ).
สวัสดิ์,-สวัสดิ์,-สวัสดิ์ ๒,สวัสดี,สวัสดี ๒ -สวัสดิ์ ๒, สวัสดี ๒ [-สะหฺวัด, สะหฺวัดดี] คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน เช่น อรุณสวัสดิ์ ราตรีสวัสดิ์ สวัสดีปีใหม่ สวัสดีครับคุณครู.
สวัสดิการ สวัสดิการ น. การให้สิ่งที่เอื้ออํานวยให้ผู้ทํางานมีชีวิตและสภาพความเป็นอยู่ที่ดีและสะดวกสบาย เช่น มีสถานพยาบาล ให้ที่พักอาศัย จัดรถรับส่ง.
สวัสดิภาพ สวัสดิภาพ น. ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ตำรวจออกตรวจท้องที่ในเวลากลางคืนเพื่อสวัสดิภาพของประชาชน.
สวัสดิมงคล สวัสดิมงคล น. สิ่งที่ให้ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง เช่น ประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ในบ้านเพื่อสวัสดิมงคล.
สวัสติ,สวาตี สวัสติ, สวาตี [สะหฺวัดติ, สะวาตี] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๕ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปช้างพัง เหนียงผูกคอสุนัข ดวงแก้ว หรือ กระออมนํ้า, ดาวช้างพัง หรือ ดาวงูเหลือม ก็เรียก. (ส. สฺวาติ).
สวัสติกะ สวัสติกะ [สะหฺวัดติกะ] น. สัญลักษณ์รูปกากบาทปลายหักมุมเวียนขวา ใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความสุขสวัสดีมาแต่โบราณ สันนิษฐานกันว่าเป็นรูปดวงอาทิตย์โคจรเวียนขวา. (ส. สฺวสฺติกา).
สวา สวา [สะหฺวา] น. ลิง. (ข.).
สวาคตะ สวาคตะ [สะหฺวาคะตะ] น. คํากล่าวต้อนรับ. (ป., ส.).
สวาง สวาง [สะหฺวาง] น. ผี, สาง ก็เรียก.
สว่าง สว่าง [สะหฺว่าง] ว. ระยะเวลาฟ้าสาง, ระยะเวลาเมื่อรุ่งอรุณ, เช่น สว่างแล้ว, กระจ่าง, มีแสงมาก, เช่น แสงไฟสว่าง แสงจันทร์สว่าง; แจ้ง, รู้แจ้ง, เช่น ปัญญาสว่าง; หายจากความหลงผิด เช่น หูตาสว่าง; โล่ง, ปลอดโปร่ง, เช่น สว่างอก สว่างใจ; หายง่วง ในคําว่า ตาสว่าง.
สว่างไสว สว่างไสว [สะหฺว่างสะไหฺว] ว. สว่างรุ่งเรืองทั่วไป เช่น บริเวณงานมีแสงไฟสว่างไสว, โดยปริยายหมายความว่า มีความสุข เช่น โลกนี้ช่างสว่างไสวเหลือเกิน เดี๋ยวนี้ฉันหมดหนี้สินแล้ว ชีวิตฉันจึงสว่างไสวขึ้น.
สวาด สวาด [สะหฺวาด] น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Caesalpinia bonduc (L.) Roxb. ในวงศ์ Leguminosae ลําต้นมีหนาม ฝักมีหนามละเอียด เมล็ดกลม เปลือกแข็งสีเทาอมเขียว.<2t>ว. สีเทาอมเขียวอย่างสีเมล็ดสวาด เรียกว่า สีสวาด, เรียกแมวที่มีสีเช่นนั้นว่า แมวสีสวาด ว่าเป็นแมวไทยที่ชาวต่างประเทศนิยมเลี้ยงและมีราคาแพง.
สวาดิ,สวาดิ ๑ สวาดิ ๑ [สะหฺวาด] ดู สวัสติ.
สวาดิ,สวาดิ ๒ สวาดิ ๒ [สะหฺวาด] (โบ) ก. รักใคร่, ยินดี.
สวาท สวาท [สะหฺวาด] น. ความรัก ความพอใจ หรือความยินดีในทางกามารมณ์ เช่น รสสวาท พายุสวาท ไฟสวาท. (ปาก) ก. รัก ยินดี หรือ พอใจ เป็นต้น (มักใช้ในเชิงปฏิเสธ) เช่น หน้าตาน่าสวาทนักนี่ คุณคิดว่าเขาสวาทคุณนักหรือ. (ส. สฺวาท ว่า รสอร่อย, รสหวาน).
สว่าน สว่าน [สะหฺว่าน] น. เครื่องมือช่างไม้ปลายเป็นเกลียวแหลมสําหรับเจาะไช มี ๒ ชนิด คือ ชนิดหนึ่งเป็นเหล็กปลายเป็นเกลียวแหลมในตัวสําหรับเจาะไชสิ่งเล็ก ๆ หรือบาง ๆ อีกชนิดหนึ่งมีรูปร่างคล้ายลูกดาล ๒ อันต่อกัน ปลายด้านบนมีแป้นสําหรับมือกด ตรงกลางมีที่สําหรับมือจับหมุนให้ดอกสว่านซึ่งสวมติดกับปลายอีกด้านหนึ่งเจาะไชสิ่งที่ค่อนข้างใหญ่หน้าหนา.
สว้าน สว้าน [สะว่าน] ก. อาการที่ลมในท้องดันขึ้นมา เป็นอาการของไข้หนักจวนจะสิ้นใจ.
สวาบ สวาบ [สะหฺวาบ] น. ส่วนกายของคนและสัตว์สี่เท้า อยู่ระหว่างชายโครงกับสันกระดูกตะโพก เป็นส่วนที่ไม่มีกระดูก.
สวาปาม สวาปาม [สะหฺวา-] ก. ขยุ้มกินอย่างตะกละลุกลนอย่างลิงกิน, (ปาก) กินอย่างตะกละ.
สวามิ,สวามี สวามิ, สวามี [สะหฺวา-] น. เจ้า, ผู้เป็นใหญ่, นาย; ผัว, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสวามี; เจ้าของ. (ส. สฺวามี, สฺวามินฺ; ป. สามิ).
สวามินี สวามินี น. หญิงผู้เป็นใหญ่เป็นเจ้าของ. (ส. สฺวามินี).
สวามิภักดิ์ สวามิภักดิ์ ก. ยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อํานาจ เช่น ข้าศึกเข้ามาสวามิภักดิ์, สามิภักดิ์ ก็ว่า. (ส. สฺวามินฺ + ภกฺติ ว่า ความซื่อตรงต่อเจ้า).
สวาย,สวาย ๑ สวาย ๑ [สะหฺวาย] น. ต้นมะม่วง. (ข. สฺวาย).
สวาย,สวาย ๒ สวาย ๒ [สะหฺวาย] น. ชื่อปลานํ้าจืดขนาดใหญ่ชนิด Pangasius pangasius ในวงศ์ Schilbeidae ลําตัวแบนข้างเล็กน้อย ไม่มีเกล็ด มีหนวดสั้น ๆ ๒ คู่ ลักษณะคล้ายปลาเทโพแต่ไม่มีจุดเหนือครีบอก ขนาดยาวได้ถึง ๑.๖ เมตร.
สวายสอ สวายสอ น. ชื่อมะม่วงชนิดหนึ่ง. (ข.).
สวาสดิ์ สวาสดิ์ [สะหฺวาด] ก. รักใคร่, ยินดี.
สวาหะ สวาหะ [สะหฺวาหะ] คํากล่าวเมื่อจบการเสกเป่า. (ส. สฺวาหา).
สวิง สวิง [สะหฺวิง] น. เครื่องช้อนปลาชนิดหนึ่ง ถักเป็นร่างแห ลักษณะเป็นถุง มักใช้ไม้หรือหวายทําเป็นขอบปาก.
สวิงสวาย สวิงสวาย [สะหฺวิงสะหฺวาย] ก. อาการที่รู้สึกใจหวิว วิงเวียน คลื่นไส้ ตาพร่า จะเป็นลม เช่น เดินฝ่าแดดนาน รู้สึกสวิงสวาย; โลดโผน, เกินพอดี, เช่น สำนวนสวิงสวาย เต้นรำสวิงสวาย.
สวิญญาณกทรัพย์ สวิญญาณกทรัพย์ [สะวินยานะกะซับ, สะวินยานนะกะซับ] (กฎ; โบ) น. สิ่งที่มีวิญญาณหรือชีวิตซึ่งนับเป็นทรัพย์ เช่น ทาส ช้าง ม้า วัว ควาย, ตรงข้ามกับ อวิญญาณกทรัพย์, วิญญาณกทรัพย์ ก็ว่า.
สวิตช์ สวิตช์ [สะวิด] น. อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง ใช้สําหรับปิดเปิดหรือเปลี่ยนวงจรไฟฟ้า. (อ. switch).
สสาร,สสาร- สสาร, สสาร- [สะสาน, -สานระ-] น. สิ่งที่มีมวลสาร ต้องการที่อยู่ และสัมผัสได้ อาจมีเพียงสารเดียว เช่น ทองคํา เงิน แก้ว เกลือ น้ำ หรือประกอบด้วยสารหลายสาร เช่น ดินปืน อากาศ ก็ได้.
สสารนิยม สสารนิยม น. วัตถุนิยม.
สสุระ สสุระ [สะ-] น. พ่อตา, พ่อผัว. (ป.; ส. ศฺวศุร).
สสุรี,สัสุรี สสุรี, สัสุรี [สะ-, สัดสุ-] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สห,สห- สห- [สะหะ-] ว. ด้วยกัน, พร้อม, ร่วม, ร่วมกัน, (ใช้ประกอบหน้าคําอื่น) เช่น สหประชาชาติ สหพันธ์สหรัฐ. (ป., ส.).
สหกรณ์ สหกรณ์ น. งานร่วมมือกัน เช่นทางธุรกิจหรืออุตสาหกรรม เพื่อหากําไรหรือเพื่อประโยชน์อื่น ๆ ในงานนั้น ๆ ร่วมกัน, (กฎ) คณะบุคคลซึ่งร่วมกันดําเนินกิจการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์.
สหการ สหการ น. การร่วมมือกัน.
สหจร สหจร น. ผู้ร่วมทาง, เพื่อน, สหาย. (ส.).
สหชาต,สหชาติ สหชาต, สหชาติ น. ผู้เกิดวันเดือนปีเดียวกัน, ผู้เกิดร่วมปีนักษัตรในรอบเดียวกัน. (ป.); (ราชา) รก.
สหธรรม สหธรรม น. ธรรมอันเดียวกัน, กฎหรือความเชื่อถืออย่างเดียวกัน.
สหธรรมิก สหธรรมิก [สะหะทํามิก] น. ผู้มีการประพฤติธรรมร่วมกัน เช่น พระสงฆ์ทั้งปวงเป็นเพื่อนสหธรรมิกกัน อุบาสกอุบาสิกาเป็นสหธรรมิกกัน. (ป. สหธมฺมิก).
สหบาน สหบาน น. การดื่มร่วมกัน.
สหประชาชาติ สหประชาชาติ (กฎ) น. องค์การระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ (ค.ศ. ๑๙๔๕) ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ แทนสันนิบาตชาติตามมติของที่ประชุมผู้แทนประเทศ ๕๐ ประเทศ ในการประชุมใหญ่ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญ คือ การป้องกันสงคราม การยืนยันรับรองสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การเคารพและปฏิบัติตามพันธกรณีที่เกิดจากสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศ, เรียกชื่อเต็มว่า องค์การสหประชาชาติ (United Nations Organization).
สหพันธ์ สหพันธ์ น. สหภาพหรือสมาคมตั้งแต่ ๒ สหภาพหรือ ๒ สมาคมขึ้นไปที่ร่วมกันดำเนินกิจการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสหภาพหรือสมาคมที่เข้าร่วมกันนั้น เช่น สหพันธ์กรรมกร.
สหพันธรัฐ สหพันธรัฐ น. รัฐหลายรัฐที่รวมกันเป็นรัฐรวม โดยมีรัฐบาลกลางเป็นผู้ดําเนินกิจการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประโยชน์ส่วนรวมตามที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ละรัฐมีอํานาจเฉพาะกิจการภายในรัฐของตนเท่านั้น. (อ. federal state).
สหภาพ สหภาพ น. การรวมตัวขององค์การตั้งแต่ ๒ องค์การขึ้นไป เพื่อทํากิจการทั่วไปหรือกิจการเฉพาะอย่างตามวัตถุประสงค์ขององค์การที่เข้าร่วมกันนั้น เช่น สหภาพศุลกากร สหภาพรัฐสภา; ชื่อรูปแบบหนึ่งของการรวมตัวของรัฐตั้งแต่ ๒ รัฐขึ้นไป เช่น สหภาพพม่า; องค์การของลูกจ้าง เช่น สหภาพแรงงาน. (อ. union).
สหภาพแรงงาน สหภาพแรงงาน (กฎ) น. องค์การของลูกจ้างที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแสวงหาและคุ้มครองผลประโยชน์เกี่ยวกับสภาพการจ้าง และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง และระหว่างลูกจ้างด้วยกัน เช่น สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทย สหภาพแรงงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิต.
สหศึกษา สหศึกษา น. การศึกษาที่ให้นักเรียนชายและหญิงเรียนรวมในสถานศึกษาเดียวกัน.
สหัช สหัช ว. ที่มีมาแต่กําเนิด. (ป., ส.).
สหัมบดี สหัมบดี [สะหําบอดี] น. ชื่อท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง. (ป.).
สหัส,สหัส-,สหัสสะ สหัส-, สหัสสะ [สะหัดสะ-] ว. หนึ่งพัน คือ ๑๐ ร้อย (๑,๐๐๐). (ป.; ส. สหสฺร).
สหัสธารา สหัสธารา [สะหัดสะ-] น. เครื่องโปรยน้ำให้เป็นฝอย (ใช้ในการอภิเษก), โดยปริยายหมายถึงการสรงนํ้าของพระเจ้าแผ่นดิน. (ป. สหสฺสธารา; ส. สหสฺรธารา).
สหัสนัยน์,สหัสเนตร สหัสนัยน์, สหัสเนตร [สะหัดสะ-] น. พันตา หมายถึง พระอินทร์. (ป. สหสฺสเนตฺต, สหสฺสนยน; ส. สหสฺรเนตฺร, สหสฺรนยน).
สหัสรังสี สหัสรังสี [สะหัดสะ-] น. พันแสง หมายถึง พระอาทิตย์. (ป. สหสฺสรํสิ).
สหัสา สหัสา [สะหัดสา] ว. โดยเร็ว, ทันใด, โดยตรง; ยิ่งนัก. (ป., ส. สหสา).
สหาย สหาย น. เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข. (ป., ส.).
สอ,สอ ๑ สอ ๑ ว. ขาว เช่น ดินสอพอง. (เทียบเขมร ส ว่า ขาว).
สอ,สอ ๒ สอ ๒ ว. ประดังกัน เช่น วิ่งสอกันมารับหน้า, หลั่งออกมาออ ในคำว่า น้ำลายสอ.
สอ,สอ ๓ สอ ๓ น. คอ. (ข.).
สอ,สอ ๔ สอ ๔ น. โกฐสอ. (ดู โกฐสอ).
ส่อ ส่อ ก. แสดงให้รู้เป็นนัย ๆ (ส่วนมากใช้ไปในทางที่ไม่ดี) เช่น สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ส่อเจตนาทุจริต ส่อพิรุธ; (โบ) ฟ้อง.
สอง สอง น. จํานวนหนึ่งบวกหนึ่ง; เดือน ๒ ทางจันทรคติ เรียกว่า เดือนยี่ ตกในราวเดือนมกราคม.
ส่อง ส่อง ก. ฉายแสง เช่น แดดส่อง ไฟส่อง ส่องไฟ แสงจันทร์ส่อง ตะวันส่องหน้า, ฉายแสงดู เช่น ส่องสัตว์ในป่า ส่องทาง ส่องกบ; เพ่งมอง เช่น ส่องกล้อง, เล็ง เช่น ส่องปืน; (ปาก) ยิง เช่น ถูกส่องด้วยปืนลูกซอง.
ส้อง ส้อง (กลอน) น. ซ่อง, ประชุม.
ส่องกระจก ส่องกระจก ก. ดูภาพตนเองในกระจกเงา, โดยปริยายหมายความว่า ให้สำรวจดูฐานะหรือข้อบกพร่องของตน (มักใช้ในอาการที่ดูหมิ่น) เช่น กลับไปส่องกระจกดูเงาตัวเองเสียบ้าง.
สองเกลอ สองเกลอ น. เครื่องมือสำหรับตอกกระทุ้งเสาเข็ม ลักษณะเป็นไม้ท่อนกลม มีที่จับสำหรับยก ๒ ที่.
สองแง่สองง่าม สองแง่สองง่าม ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย ทั้งความหมายธรรมดาและความหมายที่ส่อไปในทางหยาบโลน (มักใช้ในปริศนาคำทาย) เช่นนอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย.
สองแง่สองมุม สองแง่สองมุม ว. มีความหมายตีได้เป็น ๒ นัย เช่นสาบานขอให้ตายใน ๗ วัน.
สองจิตสองใจ สองจิตสองใจ ว. ลังเล, ตัดสินใจไม่ได้, เช่น จะไปเชียงใหม่ดีหรือไม่ไปดี ยังสองจิตสองใจอยู่.
สองใจ สองใจ ว. มีจิตใจไม่แน่นอนในเรื่องชู้สาว (มักใช้แก่ผู้หญิง).
สองชั้น สองชั้น น. จังหวะของดนตรีไทยที่มีระดับปานกลางคือช้ากว่าชั้นเดียวเท่าตัว หรือเร็วกว่าสามชั้นเท่าตัว เรียกเต็มว่า อัตราสองชั้น, เรียกหน้าทับและเพลงที่มีจังหวะเช่นนี้ว่า หน้าทับสองชั้น เพลงสองชั้น.
สองต่อสอง สองต่อสอง ว. แต่ลําพัง ๒ คน โดยเฉพาะในที่ลับหูลับตาคนอื่น (มักใช้แก่ชายหนึ่งและหญิงหนึ่งที่อยู่ด้วยกันตามลําพัง).
สองตาก็ไม่แล,สองตาก็ไม่อยากแล สองตาก็ไม่แล, สองตาก็ไม่อยากแล (สำ) คำที่แสดงอาการว่าไม่แยแสหรือตัดรอนไม่เป็นมิตรไมตรีกันอีกต่อไป.
สองผม สองผม ว. มีอายุแล้ว หมายถึงคนที่มีผมหงอกบ้างแล้ว เช่นพูดว่า คนสองผม.
สองฝักสองฝ่าย สองฝักสองฝ่าย (สํา) ว. ที่ทําตัวเข้าด้วยทั้ง ๒ ข้าง ซึ่งมักไม่เป็นมิตรกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน เช่น ประเทศเล็กที่ช่วยตัวเองไม่ได้ มักต้องทําตัวสองฝักสองฝ่ายกับประเทศใหญ่เพื่อความอยู่รอดของตน.
สองไม้ สองไม้ น. ทํานองเพลงที่ใช้หน้าทับทําจังหวะ.
สองฤดู สองฤดู ดู คริสต์มาส ๒.
สองสลึงเฟื้อง สองสลึงเฟื้อง (ปาก) ว. บ้า ๆ บอ ๆ, มีสติไม่สมบูรณ์, มีจิตใจใกล้ไปทางบ้า ๆ บอ ๆ, สามสลึงเฟื้อง ไม่เต็มเต็ง หรือ ไม่เต็มบาท ก็ว่า.
สองหน้า สองหน้า น. ชื่อกลองชนิดหนึ่ง รูปคล้ายเปิงมางแต่ใหญ่กว่า ใช้ตีทั้ง ๒ ข้าง.<2t>(สํา) ว. ที่ทําตัวให้ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน โดยหวังประโยชน์เพื่อตน เช่น เขาเป็นคนสองหน้า อย่าไว้ใจเขานักนะ.
สอด สอด ก. เสือกหรือใส่เข้าไปในช่องหรือในระหว่างที่แคบ ๆ เช่น สอดจดหมายเข้าไปใต้ประตู สอดขาเข้าไปในกางเกง, ใส่ เช่น สอดสนับเพลา, แทรกเข้าไประหว่างกลาง เช่น เอาธนบัตรสอดไว้ในหนังสือ, แทรกเข้าในระหว่าง (มักใช้ในเชิงตำหนิ) เช่น ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดอยู่ เด็กไม่ควรพูดสอดขึ้น.
สอดคล้อง สอดคล้อง ว. พ้อง, ประสาน, ไม่ขัดกัน, เช่น มีความเห็นสอดคล้องกัน ทำงานสอดคล้องกัน ความคิดกับการกระทำสอดคล้องกัน.
สอดแคล้ว สอดแคล้ว ว. สงสัย, กินแหนง.
สอดแทรก สอดแทรก ก. เข้าไปยุ่งในเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตน เช่น เขาชอบไปสอดแทรกในเรื่องส่วนตัวของคนอื่น.
สอดแนม สอดแนม ก. ลอบเข้าไปสืบความ เช่น ส่งทหารไปสอดแนมข้าศึก.
สอดรู้,สอดรู้สอดเห็น สอดรู้, สอดรู้สอดเห็น ก. เที่ยวเข้าไปรู้ในเรื่องของคนอื่น (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น ใครเขาจะทำอะไรกันที่ไหน ก็เที่ยวไปสอดรู้เขาหมด เขาเป็นคนช่างสอดรู้สอดเห็น มีเรื่องของชาวบ้านมาเล่าเสมอ.
สอดส่อง สอดส่อง ก. ตรวจดูทั่ว ๆ ไป, เอาใจใส่ดูแล, เช่น รัฐบาลที่ดีจะต้องสอดส่องดูแลทุกข์สุขของราษฎร.
สอดส่าย สอดส่าย ก. ส่ายตาค้นหา ในคำว่า สอดส่ายสายตา เช่น สอดส่ายสายตาหาเพื่อนที่นัดไว้ ตำรวจสอดส่ายสายตาหาคนร้าย, โดยปริยายหมายถึงส่ายตามองหาช่องทางหรือโอกาสที่จะลักขโมยเป็นต้น.
สอดสี สอดสี ว. ลักษณะการพิมพ์ให้เป็นสีตั้งแต่ ๒ สีขึ้นไป เรียกว่า พิมพ์สอดสี.
สอดใส่ สอดใส่ ก. ใส่โดยวิธีสอดเข้าไป.
สอดไส้ สอดไส้ ก. ใส่ไส้ไว้ข้างใน, โดยปริยายหมายความว่า แอบสอดสิ่งแปลกปลอมปนเข้าไปโดยมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เช่น สอดไส้ธนบัตรปลอมไว้ในปึกธนบัตรจริง สอดไส้เอกสารที่เป็นประโยชน์แก่ตนปะปนเข้าไปพร้อมกับเอกสารในแฟ้มเสนอเซ็น.<2t>ว. เรียกขนมชนิดหนึ่ง มีไส้หน้ากระฉีก ปั้นเป็นก้อนหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียวดำ แล้วหยอดด้วยแป้งข้าวเจ้า กะทิ และเกลือ ซึ่งกวนสุกแล้ว ห่อด้วยใบตองหรือใส่กระทงนึ่งให้สุก ว่า ขนมสอดไส้, ขนมใส่ไส้ ก็เรียก.
สอดหมุด สอดหมุด ก. สอดผ้ากอซเข้าไปในโพรงฝีเป็นต้นเพื่อซับของเหลวภายใน.
สอน สอน ก. บอกวิชาความรู้ให้ เช่น ครูสอนหนังสือนักเรียน, แสดงให้เข้าใจโดยวิธีบอกหรือทําให้เห็นเป็นตัวอย่างเพื่อให้รู้ดีชั่วเป็นต้น เช่น สอนแม่ไม้มวยไทย สอนเย็บปักถักร้อย สอนเท่าไรไม่รู้จักจํา; เริ่มฝึกหัด เช่น เด็กสอนพูด ผู้เป็นอัมพาตต้องมาสอนเดินใหม่ ไก่สอนขัน, เริ่มมีผล เช่น ต้นไม้สอนเป็น.
ส่อน ส่อน ว. เรียกตาที่มีตาดําอยู่ไม่ตรงที่ตามปรกติว่า ตาส่อน.
สอนขัน สอนขัน ว. เรียกไก่อ่อนที่เพิ่งหัดขันว่า ไก่อ่อนสอนขัน หรือ ไก่สอนขัน, โดยปริยายหมายถึงมีประสบการณ์น้อยยังรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคน.
สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ (สํา) ก. สอนสิ่งที่เขารู้ดีหรือที่เขาถนัดอยู่แล้ว.
สอนใจ สอนใจ ว. ที่เตือนสติตนเอง เช่น สุภาษิตสอนใจ หนังสือสอนใจ.
สอนเดิน สอนเดิน ว. เรียกเด็กที่เริ่มหัดเดินเตาะแตะว่า เด็กสอนเดิน.<2t>ก. ฝึกหัดเดิน เช่น เขานอนป่วยอยู่หลายเดือน เมื่อหายป่วยแล้วต้องสอนเดินใหม่.
สอนนาค สอนนาค ก. กล่าวคำทำขวัญนาคเพื่อสอนกุลบุตรที่จะอุปสมบทให้รู้สึกซาบซึ้งถึงพระคุณของพ่อแม่ และให้เห็นว่าการบวชนั้นเป็นการตอบสนองพระคุณพ่อแม่อย่างหนึ่ง.
สอนพูด สอนพูด ว. เรียกเด็กที่เริ่มหัดพูดว่า เด็กสอนพูด.
สอนยาก สอนยาก ว. ดื้อดึง, ไม่อยู่ในโอวาท, เช่น เขาเป็นเด็กสอนยาก, มักใช้เข้าคู่กับคำ ว่ายาก เป็น ว่ายากสอนยาก.
สอนยืน สอนยืน ว. เรียกเด็กที่เริ่มตั้งไข่ว่า เด็กสอนยืน.
สอนลูกให้เป็นโจร สอนลูกให้เป็นโจร (สำ) ก. ไม่ว่ากล่าวอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี เมื่อลูกไปลักขโมยของใครมาได้กลับชมเชยว่าเก่ง ในที่สุดลูกก็กลายเป็นโจร.
สอนสั่ง สอนสั่ง ก. ชี้แจงให้เข้าใจและบอกให้ทำ, สั่งสอน ก็ว่า.
สอนหนังสือสังฆราช,บอกหนังสือสังฆราช สอนหนังสือสังฆราช, บอกหนังสือสังฆราช (สํา) ก. สอนสิ่งที่เขารู้ดีอยู่แล้ว.
สอบ,สอบ ๑ สอบ ๑ ก. ตรวจ ทดลอง เปรียบเทียบ หรือไล่เลียง เพื่อหาข้อเท็จจริง หรือวัดให้รู้ว่ามีความรู้หรือความสามารถแค่ไหน เช่น สอบตาชั่งให้ได้มาตรฐาน สอบราคาสินค้า สอบปากคำผู้ต้องหา สอบพิมพ์ดีด.
สอบ,สอบ ๒ สอบ ๒ ว. มีลักษณะเรียวลงด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง ๒ ด้าน ใช้แก่รูปทรงของภาชนะหรือสิ่งที่มีลักษณะกลวง เช่น พ้อมก้นสอบปากสอบ เสื้อแขนสอบ กางเกงขาสอบ.
สอบข้อเขียน สอบข้อเขียน ก. สอบความรู้โดยให้ผู้สอบเขียนคำตอบลงในกระดาษ.
สอบเขตที่ดิน สอบเขตที่ดิน ก. ตรวจสอบที่ดินโดยพนักงานที่ดินและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทราบเนื้อที่และแนวเขตที่แน่นอน.
สอบแข่งขัน สอบแข่งขัน ก. สอบเพื่อพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับทุนหรือบรรจุในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเป็นต้น.
สอบความถนัด สอบความถนัด ก. ทดสอบดูว่ามีความถนัดหรือความสามารถในทางใดบ้าง, ทดสอบดูว่ามีความถนัดในสาขาวิชาที่ต้องการเข้าศึกษาหรือในงานที่จะต้องทำหรือไม่.
สอบซ่อม สอบซ่อม ก. สอบเพื่อให้ผ่านวิชาที่เคยสอบตก.
สอบซ้อม สอบซ้อม ก. ทดสอบความรู้ก่อนสอบไล่ (ใช้ในโรงเรียน).
สอบถาม สอบถาม ก. ถามเพื่อขอทราบข้อมูลที่ต้องการ เช่น สอบถามเวลาเดินรถ.
สอบทาน สอบทาน ก. ตรวจสอบหนังสือ ข้อความ หรือตัวเลข ให้ตรงกับต้นฉบับหรือถ้อยคำที่บอกเป็นต้น.
สอบเทียบ,สอบเทียบความรู้ สอบเทียบ, สอบเทียบความรู้ ก. สอบเพื่อเทียบว่ามีความรู้เข้าเกณฑ์มาตรฐานที่ทางราชการกำหนดหรือไม่.
สอบใบขับขี่ สอบใบขับขี่ ก. สอบเพื่อแสดงว่ามีความรู้ในกฎจราจรและสามารถขับขี่ยานยนต์ได้.
สอบประวัติส่วนบุคคล สอบประวัติส่วนบุคคล ก. ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจท้องที่ที่บุคคลซึ่งจะบรรจุเข้ารับราชการเป็นต้นอาศัยอยู่ สอบประวัติย่อ ภูมิลำเนาครั้งสุดท้าย และลายพิมพ์นิ้วมือเป็นต้นของบุคคลนั้น.
สอบปากคำ สอบปากคำ ก. ซักถามเพื่อให้บุคคลให้การโดยพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ เช่น สอบปากคําพยาน สอบปากคําผู้ต้องหา, กฎหมายใช้ว่า ถามปากคํา.
สอบปากเปล่า สอบปากเปล่า ก. สอบโดยวิธีซักถามให้ตอบด้วยวาจา.
สอบพยาน สอบพยาน ก. ซักถามพยานเพื่อหาข้อเท็จจริง.
สอบราคา สอบราคา ก. สอบดูราคาสิ่งของตามร้านค้าต่าง ๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร, ตรวจสอบราคาที่ขายว่าถูกต้องตามที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่, สอบถามราคาในการพิมพ์หรือการซื้อเป็นต้นจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อหาราคาต่ำสุด.
สอบไล่ สอบไล่ ก. สอบความรู้ที่เล่าเรียนมาว่าได้ตามมาตรฐานของหลักสูตรแต่ละขั้นหรือทั้งหมด.
สอบสวน สอบสวน (กฎ) ก. รวบรวมพยานหลักฐานและดําเนินการอย่างอื่นซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทําไปเกี่ยวกับความผิดที่กล่าวหา เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิด และเพื่อจะเอาตัวผู้กระทําผิดมาฟ้องลงโทษ.
สอบสวนทวนพยาน สอบสวนทวนพยาน (สํา) ก. สอบพยาน.
สอบสัมภาษณ์ สอบสัมภาษณ์ ก. สอบท่วงทีวาจาและไหวพริบพิจารณาดูชั้นเชิงและความสามารถของผู้เข้าสอบ ว่าจะเป็นผู้เหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่.
สอบอารมณ์ สอบอารมณ์ ก. สอบถามประสบการณ์ทางจิตของผู้ที่เจริญวิปัสสนากรรมฐานว่าก้าวหน้าไปถึงขั้นใดแล้ว.
สอปูน สอปูน ก. นําปูนสอมาเชื่อมอิฐหรือหินให้ติดกัน.
สอพลอ สอพลอ [สอพฺลอ] ก. กล่าวร้ายป้ายสีผู้อื่นเพื่อให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีฐานะสูงกว่าเกลียดชังผู้นั้นเพื่อประโยชน์ของตน.
ส้อม ส้อม น. เหล็ก ๒ ง่าม ปลายแหลม ใช้แทงปลาเป็นต้น; เครื่องใช้จิ้มอาหารกิน, คู่กับ ช้อน; ไม้ไผ่ที่จักให้เป็นซี่ ๆ ทำปลายซี่ให้แหลมสำหรับเสียบอ้อยที่ควั่นเป็นข้อ ๆ, เรียกอ้อยควั่นที่เสียบซี่ไม้ไผ่ปลายแหลมดังกล่าวว่า อ้อยส้อม.<2t>ก. ปาด เหลา หรือเจียน เช่น ส้อมงวงมะพร้าว.
ส้อมเสียง ส้อมเสียง น. อุปกรณ์ทำด้วยโลหะเป็นรูปอักษร U มีก้านสำหรับจับยึด เมื่อเคาะจะเกิดเสียงที่มีความถี่คงที่ เป็นเวลานาน ใช้เป็นความถี่อ้างอิง เช่นใช้เทียบเสียงเครื่องดนตรี.
สอย,สอย ๑ สอย ๑ ก. เอาไม้มีขอหรือมีง่ามหรือไม้จำปาเกี่ยว ดึงดัน หรือบิดเอาดอกไม้ลูกไม้เป็นต้นลงมา; แทงด้วยเข็มหรือสิ่งที่แหลมอย่างเข็มเย็บผ้าให้เป็นตะเข็บ.
สอย,สอย ๒ สอย ๒ ก. ใช้, ใช้เข้าคู่กันเป็น ใช้สอย.
สอยดอกฟ้า สอยดอกฟ้า (สํา) ก. หมายปองที่จะได้หญิงผู้สูงศักดิ์กว่าตนมาเป็นคู่ครอง.
สอยดาว สอยดาว ว. เรียกอาการที่เดินหงายหน้าว่า เดินสอยดาว; เรียกหมัดที่ชกตวัดขึ้นสู่ปลายคางของคู่ต่อสู้ว่า หมัดสอยดาว.
สอยผม สอยผม ก. เอาไม้แหลมเล็ก ๆ เป็นต้นแทงผมให้เรียบเรียงเส้น.
สอยไร สอยไร ก. เอาไม้แหลมเล็ก ๆ เป็นต้นแทงผมให้เห็นรอยไร.
ส่อเสียด ส่อเสียด ก. อาการที่พูดยุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน.
ส่อเสียด ส่อเสียด ก. อาการที่พูดยุยงให้ผู้อื่นแตกแยกกัน.
สะ,สะ ๑,สะสวย สะ ๑, สะสวย ว. สวย.
สะ,สะ ๒ สะ ๒ ก. ใส่หรือสุมเพื่อกันไว้ เช่น เอาหนามสะ.
สะกด สะกด ก. กลั้นไว้, ข่มไว้, เช่น เมื่อเกิดความไม่พอใจ ก็รู้จักสะกดอารมณ์ไว้บ้าง; เขียนหรือบอกตัวอักษรที่ประกอบกันเป็นคํา, เรียกพยัญชนะที่บังคับตัวอักษรข้างหน้าให้เป็นมาตราต่าง ๆ เช่น แม่กน น สะกด แม่กด ด สะกด.<2t>น. เรียกลูกประคําที่เป็นลูกคั่นว่า ลูกสะกด. (เทียบ ข. สงฺกด).
สะกดจิต สะกดจิต ก. ใช้อำนาจจิตเป็นสื่อสะกดให้หลับแล้วบังคับให้กระทําตามความต้องการของตน.
สะกดทัพ สะกดทัพ ก. ใช้อำนาจเวทมนตร์บังคับให้ทหารในกองทัพของฝ่ายตรงข้ามหลับ.
สะกดผี สะกดผี ก. ใช้เวทมนตร์สะกดไม่ให้ผีอาละวาดหรือให้อยู่ในอำนาจเป็นต้น.
สะกดรอย สะกดรอย ก. ตามไปติด ๆ โดยไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัว.
สะกดอกสะกดใจ,สะกดอารมณ์ สะกดอกสะกดใจ, สะกดอารมณ์ ก. ข่มอารมณ์มิให้หวั่นไหวต่อเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วหรือที่กำลังประสบ.
สะกอ สะกอ ว. ตะกอ, หนุ่ม, รุ่น, ในคำว่า หนุ่มสะกอ รุ่นสะกอ; รวมอยู่เป็นพวก ๆ. (ข. สรกอ ว่า รุ่นราวคราวเดียวกัน).
สะกาง สะกาง น. เครื่องดักจระเข้อย่างหนึ่ง มีเงี่ยง ๒ ข้าง สําหรับผูกเหยื่อลอยนํ้าไว้; เครื่องล่อใจ เช่น สินสะกาง; ตะกาง ก็เรียก.
สะการะ สะการะ น. ดอกไม้. (ช.).
สะการะตาหรา สะการะตาหรา น. ดอกกรรณิการ์. (ช.).
สะกิด สะกิด ก. เอาปลายเล็บหรือสิ่งที่คล้ายคลึงกันเขี่ยหรือแคะแต่เบา ๆ เพื่อให้รู้ตัวหรือเพื่อให้หลุดหรือให้แตกออกเป็นต้น เช่น เอามือสะกิดสีข้าง ใช้เข็มสะกิดฝีให้หนองออก; โดยปริยายหมายความว่า เตือนให้นึกถึง.
สะกิดใจ สะกิดใจ ก. ฉุกคิดถึงเหตุการณ์หรือถ้อยคำที่เคยได้เห็นหรือได้ยินมา เช่น คำพูดของเขาสะกิดใจฉัน เมื่อได้ยินเขาพูดเรื่องเงิน ก็รู้สึกสะกิดใจว่าเขาจะมาทวงหนี้.
สะกิดสะเกา สะกิดสะเกา ก. สะกิดบ่อย ๆ, โดยปริยายหมายถึงพูดหรือทำให้กระทบใจบ่อย ๆ เช่น เรื่องนี้จบไปแล้วจะสะกิดสะเกาขึ้นมาทำไม.
สะเก็ด สะเก็ด น. ชิ้นย่อยของไม้หรือหินเป็นต้นที่ตัดหรือแยกออกจากส่วนใหญ่ เช่น สะเก็ดไม้; เลือดและนํ้าเหลืองซึ่งแห้งติดกรังอยู่ที่ปากแผล เช่น สะเก็ดแผล; โดยปริยายหมายความว่า เศษเล็กเศษน้อยซึ่งมีค่าตํ่ากว่ามาตรฐาน, เลว, เช่น คนสะเก็ดอย่างนั้น ใครจะคบด้วย.
สะเก็ดตีนเมรุ สะเก็ดตีนเมรุ (ปาก) ก. เลวมาก, ไม่มีค่า, เช่น เขาเป็นพวกสะเก็ดตีนเมรุ จะอบรมสั่งสอนอย่างไรก็ไม่ได้ดี.
สะแก,สะแก ๑ สะแก ๑ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Combretum quadrangulare Kurz ในวงศ์ Combretaceae นิยมใช้ทําฟืน เมล็ดใช้ทํายาได้.
สะแก,สะแก ๒ สะแก ๒ น. ชื่อการพนันชนิดหนึ่งคล้ายสกา.
สะแกวัลย์ สะแกวัลย์ น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Combretum punctatum Blume ในวงศ์ Combretaceae.
สะแกแสง สะแกแสง น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cananga latifolia Finet et Gagnep. ในวงศ์ Annonaceae ใช้ทํายาได้.
สะคร้อ สะคร้อ ดู ตะคร้อ.
สะคราญ สะคราญ น. หญิงงาม เช่น โฉมสะคราญ.<2t>ว. งาม, สวย, เช่น สะคราญตา สะคราญใจ.
สะค้าน สะค้าน น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งในสกุล Piper วงศ์ Piperaceae ใช้ทํายาได้, ตะค้าน ก็เรียก.
สะเงาะสะแงะ สะเงาะสะแงะ ว. เปะปะอย่างคนเมา เช่น เดินสะเงาะสะแงะ พูดจาสะเงาะสะแงะ.
สะใจ สะใจ ว. หนําใจ, สาแก่ใจ, สมใจอยาก, เช่น อยากกินหูฉลามมานานแล้ว วันนี้ต้องกินให้สะใจเสียที เขาโมโหน้องมาก เลยตีเสียสะใจ.
สะดม สะดม ก. ปล้นโดยใช้วิธีรมยาให้เจ้าของทรัพย์หลับสนิทไม่รู้สึกตัว, ใช้เข้าคู่กับคำ ปล้น เป็น ปล้นสะดม. (ข. สณฺฎํ).
สะดวก สะดวก ว. คล่อง, ไม่ติดขัด, เช่น ทางสะดวก การเดินทางสมัยนี้สะดวกกว่าสมัยก่อน, มักใช้เข้าคู่กับคำ สบาย เป็น สะดวกสบาย.
สะดัก,สังดัก สะดัก, สังดัก ก. คอย, กั้นไว้.
สะดิ้ง สะดิ้ง (ปาก) ว. ดัดจริตดีดดิ้น เช่น ทำเป็นสะดิ้งไปได้ อย่าสะดิ้งให้มากนัก, สะดุ้งสะดิ้ง ก็ว่า.
สะดึง สะดึง น. กรอบไม้สําหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวร, กรอบไม้หรือไม้แบบสําหรับขึงผ้าในเวลาปักดิ้นหรือไหมเป็นต้น, ขอบไม้สําหรับขึงเปล มี ๔ ด้าน.
สะดือ สะดือ น. ส่วนของร่างกายอยู่ตรงกลางพื้นท้องเป็นรูหวําเข้าไป.
สะดือจุ่น สะดือจุ่น น. สะดือที่มีลักษณะโปนออกมา.
สะดือทะเล สะดือทะเล น. บริเวณทะเลตอนที่มีน้ำไหลวนเป็นเกลียวลึกลงไปซึ่งถือกันว่าเป็นศูนย์กลางของทะเล.
สะดืออ่าง สะดืออ่าง น. รูเหนือท่อน้ำทิ้งที่อ่างล้างหน้าหรืออ่างอาบน้ำเป็นต้น สำหรับให้น้ำไหลลงสู่ท่อน้ำทิ้ง.
สะดุ้ง,สะดุ้ง ๑ สะดุ้ง ๑ ก. ไหวตัวขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เพราะไม่ทันรู้ตัวหรือไม่ได้นึกคาดหมายไว้เป็นต้น เช่น เมื่อได้ยินเสียงระเบิดก็สะดุ้งสุดตัว.
สะดุ้ง,สะดุ้ง ๒ สะดุ้ง ๒ น. เครื่องมือจับสัตว์นํ้าชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายยอยก, อีสานเรียก กะดุ้ง.
สะดุ้งมาร สะดุ้งมาร (ปาก) น. เรียกพระพุทธรูปปางมารวิชัย คือ ปางชนะมาร ว่า พระสะดุ้งมาร.
สะดุ้งสะดิ้ง สะดุ้งสะดิ้ง ว. ดัดจริตดีดดิ้น, สะดิ้ง ก็ว่า.
สะดุ้งสะเทือน สะดุ้งสะเทือน ก. หวั่นไหว, เดือดร้อน, กังวลใจ, มักใช้ในความปฏิเสธ เช่น ใครจะนินทาว่าร้ายอย่างไรก็ไม่สะดุ้งสะเทือน มหาเศรษฐีเสียเงินล้านสองล้านไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก.
สะดุด,สะดุด ๑ สะดุด ๑ ก. อาการที่เดินหรือวิ่ง ปลายเท้าไปกระทบสิ่งที่ขวางหน้า ทําให้ก้าวผิดจังหวะ เซ ถลา หรือหกล้ม เป็นต้น เช่น เขาสะดุดก้อนหินล้มลง เด็กวิ่งไปสะดุดตอไม้.
สะดุด,สะดุด ๒,สะดุด ๆ สะดุด ๒, สะดุด ๆ ว. ไม่ราบเรียบ (ใช้แก่ภาษาหนังสือทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง) เช่น เรียงความสำนวนนี้อ่านสะดุด ๆ, ตะกุกตะกัก เช่น เด็กคนนี้ยังอ่านหนังสือสะดุดมาก, ไม่สม่ำเสมอ เช่น เครื่องจักรเดินสะดุด ๆ.
สะดุดขาตัวเอง สะดุดขาตัวเอง (สำ) ก. ทำผิดหลักเกณฑ์ที่ตนกำหนดไว้เอง.
สะดุดใจ สะดุดใจ ก. ฉุกคิดขึ้นมาได้, ฉุกใจได้คิดเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างมากระทบใจทำให้รู้สึกสงสัยตงิด ๆ.
สะดุดตา สะดุดตา ก. กระทบตาชวนให้มอง เช่น ผู้หญิงคนนี้สวยสะดุดตาจริง ๆ วันนี้เขาใส่เสื้อสีสะดุดตา, ชวนให้สนใจ เช่น เขามีบุคลิกลักษณะเด่นกว่าคนอื่น ๆ เห็นแล้วรู้สึกสะดุดตาทีเดียว, ที่เห็นเด่นชัด เช่น ร้านอาหารร้านนี้ทาสีแดง สะดุดตาแต่ไกล.
สะดุดหู สะดุดหู ก. กระทบหูชวนให้อยากฟัง หรือรู้สึกเคลือบแคลงใจเป็นต้น เช่น ได้ยินเสียงเพลงเขมรไทรโยค รู้สึกสะดุดหูทำให้นึกถึงความหลัง ได้ยินเสียงคนพาลพูดแขวะ รู้สึกสะดุดหูทันที.
สะเด็ด,สะเด็ด ๑,สะเด็ดน้ำ สะเด็ด ๑, สะเด็ดน้ำ ก. ทำให้น้ำหยุดหยดหรือหยุดไหลโดยวิธีรินหรือสงเป็นต้น เช่น เช็ดน้ำข้าวให้สะเด็ดน้ำ สงถั่วงอกให้สะเด็ดน้ำ.
สะเด็ด,สะเด็ด ๒ สะเด็ด ๒ (ปาก) ว. อย่างยิ่ง เช่น กับข้าววันนี้อร่อยสะเด็ด.
สะเด็ด,สะเด็ด ๓ สะเด็ด ๓ ดู หมอ ๒.
สะเด็ดยาด สะเด็ดยาด (ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น ผู้หญิงคนนั้นสวยสะเด็ดยาด.
สะเดา สะเดา น. ชื่อไม้ต้นชนิด Azadirachta indica Juss. var. siamensis Valeton ในวงศ์ Meliaceae ใบมีรสขม ใบอ่อนและช่อดอกกินได้และใช้ทํายาได้.
สะเดาดิน สะเดาดิน น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Hydrolea zeylanica (L.) Vahl ในวงศ์ Hydrophyllaceae ขึ้นในนา ใบยาวคล้ายหญ้า.<2t>(๒) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Lobelia alsinoides Lam. ในวงศ์ Campanulaceae ต้นเล็กกว่าชนิดแรก ใบค่อนข้างป้อม.<2t>(๓) ดู ขวง ๑.
สะเดาอินเดีย สะเดาอินเดีย น. ชื่อไม้ต้นชนิด Azadirachta indica Juss. var. indica Juss. ในวงศ์ Meliaceae ใบมีรสขม ใบอ่อนและช่อดอกกินได้และใช้ทํายาได้, ชาวบ้านเข้าใจว่าเป็นชนิดเดียวกับต้นซิงโคนาที่ใช้เปลือกสกัดเป็นยาควินิน.
สะเดาะ สะเดาะ ก. ทําให้หลุดออกมาด้วยคาถาอาคม เช่น สะเดาะโซ่ตรวน สะเดาะกุญแจ; ทำให้หมดสิ้นไปหรือเบาบางลง เช่น ทำบุญสะเดาะเคราะห์ ปล่อยนกปล่อยปลาสะเดาะเคราะห์.
สะตอ สะตอ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Parkia speciosa Hassk. ในวงศ์ Leguminosae ฝักแบน เมล็ดในกินได้ มีมากทางภาคใต้.
สะตอเบา สะตอเบา ดู กระถิน.
สะตาหมัน สะตาหมัน น. สวน. (ช. สะ ว่า หนึ่ง, ตาหมัน ว่า สวน).
สะตึ,สะตึ ๆ สะตึ, สะตึ ๆ (ปาก) ว. ไม่มีอะไรดี, ไม่ได้เรื่อง, ไม่มีค่า, เช่น หนังเรื่องนี้สะตึดูแล้วเสียดายเงิน ของสะตึ ๆ อย่างนี้ไม่ซื้อหรอก.
สะตือ,สะตือ ๑ สะตือ ๑ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Crudia chrysantha Schum. ในวงศ์ Leguminosae ฝักแบนกลม ใช้ทํายาได้.
สะตือ,สะตือ ๒ สะตือ ๒ น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Notopterus borneensis ในวงศ์ Notopteridae รูปร่างคล้ายปลากราย แต่ไม่มีจุดดําเด่น มีจุดสีนํ้าตาลกระจายอยู่ทั่วตัว.
สะตุ สะตุ ก. แปรรูปลักษณะของบางอย่าง เช่นเกลือ สารส้ม จุนสี ให้เป็นผงบริสุทธิ์โดยวิธีทําให้ร้อนจัดด้วยไฟ เพื่อให้สิ่งที่ไม่ต้องการสลายกลายเป็นควันไป.
สะเต๊ะ สะเต๊ะ น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อหมูหรือเนื้อวัวเป็นต้นที่ปรุงรสแล้วเสียบไม้ย่างไฟ กินกับนํ้าจิ้มและอาจาด.
สะโตก สะโตก น. ขันโตก.
สะทกสะท้าน สะทกสะท้าน ก. รู้สึกเกรงกลัว, รู้สึกเกรงกลัวจนตัวสั่น, เช่น เขาข่มขู่ฉันเสียจนสะทกสะท้านพูดไม่ถูก เธอตอบคำถามผู้บังคับบัญชาอย่างไม่สะทกสะท้าน.
สะทน สะทน ก. สะท้อน, หวั่นไหว.
สะท้อน,สะท้อน ๑ สะท้อน ๑ ก. วกกลับ, ย้อนกลับ, เช่น แสงสะท้อน เสียงสะท้อน, โดยปริยายหมายความว่า แสดงให้เห็นภาพหรือลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น นวนิยายสะท้อนภาพสังคม ละครสะท้อนชีวิตจริง.
สะท้อน,สะท้อน ๒ สะท้อน ๒ ดู กระท้อน ๑.
สะท้อนใจ สะท้อนใจ ก. อาการที่หายใจแรงขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะอารมณ์สะเทือนใจเป็นต้น.
สะท้าน สะท้าน ก. รู้สึกเย็นเยือกเข้าหัวใจ ทําให้ครั่นคร้าม หรือหวั่นกลัวจนตัวสั่น เช่น เห็นไฟไหม้แล้วสะท้าน, หนาวสั่น เช่น หนาวสะท้านเหมือนจะเป็นไข้ หนาวสะท้านเพราะเดินกรำฝนมาหลายชั่วโมง, มักใช้เข้าคู่กับคำ สะทก เป็น สะทกสะท้าน; ดังลั่น, ดังก้อง, สั่นสะเทือน, เช่น เสียงปืนใหญ่ดังสะท้านก้องไปทั้งกรุง.
สะทึก สะทึก ก. ใจเต้นตึก ๆ.
สะทึน,สะทึ่น สะทึน, สะทึ่น (กลอน) ว. ใจผิดปรกติ, ใจเป็นทุกข์, เช่น พระทองผทมตื่นขึ้น สะทึ่นเที้ยรสระอื้น. (ลอ).
สะเทิน,สะเทิน ๑ สะเทิน ๑ ว. ครึ่ง ๆ กลาง ๆ, กํ้ากึ่ง, เช่น สาวสะเทิน คือ เพิ่งจะขึ้นสาว หรืออยู่ในระหว่างสาวกับเด็กกํ้ากึ่งกัน.
สะเทินสะเทิน ๒ สะเทิน ๒ (เคมี) ก. ทำให้เป็นกลาง เช่น สามารถสะเทินด่างได้.
สะเทิน,สะเทิน ๓ สะเทิน ๓ ก. ไหว, โคลง, เช่น ช้างตัวนี้เดินไม่สะเทิน.
สะเทิ้น,สะเทิ้นอาย สะเทิ้น, สะเทิ้นอาย ก. แสดงกิริยาวาจาอย่างขัด ๆ เขิน ๆ เพราะรู้สึกขวยอาย (มักใช้แก่หญิงสาว) เช่น หญิงสาวพอมีผู้ชายชมว่าสวยก็รู้สึกสะเทิ้น หญิงสาวพอมีชายหนุ่มมาจ้องมองก็สะเทิ้นอาย.
สะเทินน้ำสะเทินบก สะเทินน้ำสะเทินบก ว. ที่อยู่ได้หรือปฏิบัติการได้ทั้งในนํ้าและบนบก เช่น การรบสะเทินนํ้าสะเทินบก เรือสะเทินนํ้าสะเทินบก เครื่องบินสะเทินนํ้าสะเทินบก, เรียกสัตว์จําพวกที่อยู่ได้ทั้งในนํ้าและบนบก เช่น กบ คางคก อึ่งอ่าง ว่า สัตว์สะเทินนํ้าสะเทินบก.
สะเทือน,สะเทื้อน สะเทือน, สะเทื้อน ก. มีอาการเหมือนไหวหรือสั่นเพราะถูกกระทบกระทั่ง เช่น นั่งรถที่แล่นไปตามทางขรุขระก็รู้สึกสะเทือน เสียงระเบิดทำให้บ้านสะเทือน, โดยปริยายหมายความว่า รู้สึกหวั่นไหว เช่น เขาว่าลูกก็สะเทือนไปถึงแม่ ใครจะว่าอย่างไร ๆ ก็ไม่สะเทือน, กระเทือน ก็ว่า.
สะเทือนใจ สะเทือนใจ ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างแรงในเมื่อได้ประสบกับสิ่งที่ไม่น่าพอใจ เช่น เห็นภาพแม่กอดศพลูกร้องไห้แล้วรู้สึกสะเทือนใจ.
สะเทือนอารมณ์ สะเทือนอารมณ์ ก. มีจิตใจหวั่นไหวอย่างแรงเพราะมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากระทบทำให้รู้สึกเศร้าหมอง เช่น นวนิยายสะเทือนอารมณ์ อ่านเรื่องเศร้าแล้วสะเทือนอารมณ์.
สะบะ สะบะ น. ตะกร้อ. (ช.).
สะบัก สะบัก น. กระดูกส่วนที่เป็นฐานรองรับต้นแขน อยู่ถัดบ่าลงไปข้างหลัง ปลายด้านนอกเป็นที่หัวกระดูกต้นแขนเกาะยึด.
สะบักจม สะบักจม ก. อาการที่ปวดเมื่อยบริเวณสะบักเพราะเลือดเดินไม่สะดวก.
สะบักสะบอม สะบักสะบอม ก. บอบชํ้าเต็มที เช่น ถูกชกเสียสะบักสะบอม.
สะบัด สะบัด ก. เคลื่อนไหวหรือทําให้เคลื่อนไหวไปมาอย่างเร็วและแรง เพื่อให้สิ่งที่ติดอยู่หลุดไป เช่น หมาสะบัดขนเพื่อให้นํ้าที่ติดอยู่หลุดกระเซ็นไป หรือเพื่อให้หมดทางต่อสู้ดิ้นรน เช่น แมวคาบหนูสะบัดไปมา หรือเพื่อให้เข้าที่ ให้กลับเข้ารูปเดิม เป็นต้น เช่น เขาชอบสะบัดผม สะบัดแขนเสื้อ, เอาใบมีดโกนปัดไปปัดมาบนแผ่นหนังเป็นต้นเพื่อลับให้คม เรียกว่า สะบัดมีดโกน หรือ สะบัดมีด, เรียกอาการของสิ่งเช่นธงเมื่อถูกลมพัดกระพือหรือถูกโบกไปมาเป็นต้นให้ปลิวพลิ้วเกิดเป็นริ้ว ๆ ว่า ธงสะบัด, สลัด ปัด หรือ ฟัด ก็ใช้โดยอนุโลม; โดยปริยายหมายความว่า อย่างมาก, อย่างยิ่ง, เช่น สวยสะบัด โกงสะบัด; (โบ) ฉ้อโกง, กระบัด ประบัด หรือ ตระบัด ก็ใช้.
สะบัด ๆ สะบัด ๆ ว. อาการที่พูดห้วน ๆ ไม่มีหางเสียง แสดงความไม่พอใจ เช่น แม่ค้าไม่พอใจที่ลูกค้าต่อราคามากไป จึงพูดสะบัด ๆ.
สะบัดก้น สะบัดก้น ก. อาการที่ลุกผละไปทันทีด้วยความไม่พอใจเป็นต้น เช่น กินแล้วก็สะบัดก้นไป พูดยังไม่ทันรู้เรื่องก็โกรธสะบัดก้นไปแล้ว.
สะบัดช่อ สะบัดช่อ (ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น สวยสะบัดช่อ.
สะบัดมือ สะบัดมือ ก. ลุกไปทันทีเป็นเชิงเอาเปรียบหรือรู้มาก เช่น งานยังไม่ทันเสร็จก็สะบัดมือไปแล้ว กินอิ่มแล้วก็สะบัดมือไป.
สะบัดย่าง สะบัดย่าง ว. อาการที่ม้าเดินเหยาะย่างอย่างสง่างามพร้อมกับสะบัดหางด้วย ในความว่า ม้าเดินสะบัดย่าง.
สะบัดร้อนสะบัดหนาว สะบัดร้อนสะบัดหนาว ก. ครั่นเนื้อครั่นตัว, มีอาการคล้ายจะเป็นไข้เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว, โดยปริยายหมายความว่า มีความเร่าร้อนใจกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือถูกตำหนิเป็นต้น เช่น ผู้ที่ทำความผิดไว้ พอเห็นผู้บังคับบัญชามาก็รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว, ร้อน ๆ หนาว ๆ หรือ หนาว ๆ ร้อน ๆ ก็ว่า.
สะบัดลุกสะบัดนั่ง สะบัดลุกสะบัดนั่ง ก. ผุดลุกผุดนั่ง, มีอาการคล้ายกระวนกระวายใจเพราะเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง.
สะบัดสะบิ้ง สะบัดสะบิ้ง ก. แสดงอาการกะบึงกะบอนแสนงอน เช่น เวลางอนก็ทำกิริยาสะบัดสะบิ้ง.<2t>น. ชื่อกลบทแบบหนึ่ง.
สะบัดหน้า สะบัดหน้า ก. ไม่พอใจโดยผินหรือเบือนหน้าไปทันที เช่น สะบัดหน้าหนี.
สะบั้น สะบั้น ว. อาการที่แยกหรือขาดจากกันอย่างเด็ดขาด เช่น สัมพันธภาพขาดสะบั้น ความรักขาดสะบั้น, โดยปริยายหมายความว่า อย่างยิ่ง, อย่างมาก, เช่น กินสะบั้น.
สะบันงา สะบันงา ดู กระดังงา.
สะบันงาจีน สะบันงาจีน ดู กระดังงาจีน.
สะบันงาต้น สะบันงาต้น ดู กระดังงา.
สะบั้นหั่นแหลก สะบั้นหั่นแหลก (ปาก) ว. อย่างที่สุด เช่น โกงสะบั้นหั่นแหลก บู๊สะบั้นหั่นแหลก.
สะบ้า สะบ้า น. ชื่อไม้เถาชนิด Entada rheedii Spreng. ในวงศ์ Leguminosae ฝักมีเมล็ดกลมแบนแข็ง เรียกว่า ลูกสะบ้า ใช้ขัดสมุดไทยและทํายาได้, สะบ้ามอญ ก็เรียก; ชื่อการเล่นชนิดหนึ่ง ใช้ลูกสะบ้าหรือของกลม ๆ อย่างงบนํ้าอ้อยล้อหรือทอยเป็นต้น.
สะบ้ามอญ สะบ้ามอญ ดู สะบ้า.
สะบ้าหัวเข่า สะบ้าหัวเข่า น. กระดูกมีลักษณะกลม ๆ แบน ๆ คล้ายลูกสะบ้า มีเอ็นยึดระหว่างกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้ากับกระดูกหน้าแข้ง ประกอบเป็นส่วนนูนสุดของกระดูกหัวเข่า, ลูกสะบ้า ก็ว่า.
สะบู สะบู น. ดอกไม้ (?) เช่น ถนัดดั่งสะบูบังใบ แม่เร้น. (กําสรวล).
สะแบง,สะแบง ๑ สะแบง ๑ ดู กราด ๔.
สะแบง,สะแบง ๒ สะแบง ๒ ก. สะพาย, ตระแบง ก็ว่า.
สะเปะสะปะ สะเปะสะปะ ว. ไม่ตรงเป้า เช่น ชกต่อยสะเปะสะปะ, ไม่ตรงทาง เช่น คนเมาเดินสะเปะสะปะ, ไม่เป็นระเบียบ เช่น นอนแขนขาก่ายกันสะเปะสะปะ, อาการที่พูดเลอะเทอะเรื่อยเจื้อยไม่มีประเด็น เช่น พูดสะเปะสะปะ.
สะพรัก สะพรัก ว. พร้อม.
สะพรั่ง สะพรั่ง ว. อาการที่สิ่งอย่างเดียวกันจำนวนมากปรากฏพร้อม ๆ กัน เช่น ดอกไม้ในสวนบานสะพรั่ง มะม่วงออกช่อสะพรั่ง เขามีลูกสาว ๓ คน กำลังเป็นสาวสะพรั่ง.
สะพรึงกลัว สะพรึงกลัว ว. น่าพรั่นพรึง ใช้ว่า น่าสะพรึงกลัว เช่น เห็นร่างดำทะมึน น่าสะพรึงกลัว.
สะพรึบ,สะพรึ่บ,สะพรึบพร้อม,สะพรึ่บพร้อม สะพรึบ, สะพรึ่บ, สะพรึบพร้อม, สะพรึ่บพร้อม ว. พร้อมพรั่งอยู่มากมายอย่างเต็มที่ เช่น พากันมาพร้อมสะพรึบ มากันสะพรึบพร้อม.
สะพัก สะพัก น. ผ้าห่มเฉียงบ่า ราชาศัพท์ใช้ว่า ผ้าทรงสะพัก.<2t>ก. ห่มผ้า, ห่มคลุม, เช่น สะพักพระถันปทุเมศ. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์).
สะพัง สะพัง น. แอ่ง, บ่อ, หนอง, ตะพัง ตระพัง หรือ กระพัง ก็ว่า. (เทียบ ข. ตฺรพําง ว่า บ่อที่เกิดเอง).
สะพัด,สะพัด ๑ สะพัด ๑ ก. ล้อมไว้, กั้นไว้, เช่น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สะพัดสามรอบ. (ลอ).<2t>ว. อาการที่เคลื่อนไหวเรื่อยไปอย่างรวดเร็วดุจกระแสน้ำไหล เช่น ข่าวแพร่สะพัด เงินหมุนเวียนสะพัด, ตะพัด ก็ว่า.
สะพัด,สะพัด ๒ สะพัด ๒ (วรรณ) ก. ผูก, คาด, ล้อม, เช่น ครั้นราตรีดึกสงัด เขาก็สะพัดสามรอบ. (ลอ), กระพัด ก็ว่า.
สะพั้น สะพั้น น. ชื่อโรคชนิดหนึ่ง มักเกิดแก่เด็กอ่อนหรือเด็กเล็ก ๆ มีอาการชัก มือเท้ากํา ตามตําราแพทย์แผนโบราณว่า มักเกิดเพราะผิดอากาศเป็นต้น, ตะพั้น ก็ว่า.
สะพาน สะพาน น. สิ่งปลูกสร้างที่ทําสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง เป็นต้น บางทีทํายื่นลงในนํ้าสําหรับขึ้นลง, ไม้ที่ทอดระหว่างหัวเสาสำหรับรับคอสองของอาคารที่เป็นตึกโบราณ, โดยปริยายหมายความว่า สื่อเชื่อมโยง เช่น ตีสนิทกับน้องชายเพื่อเป็นสะพานไปรู้จักกับพี่สาว, ตะพาน ก็ว่า.
สะพานแขวน สะพานแขวน น. สะพานที่สร้างแขวนไว้กับโซ่หรือสายลวด ไม่ใช้เสารับนํ้าหนักสะพาน แต่อาจมีเสาคํ้าสายลวดให้สูงตํ่าตามต้องการ.
สะพานชัก สะพานชัก น. สะพานที่สร้างให้ยกเก็บได้เมื่อไม่ต้องการใช้.
สะพานช้าง สะพานช้าง น. สะพานที่ทำแข็งแรงสำหรับให้ช้างข้ามในสมัยโบราณ, ตะพานช้าง ก็ว่า.
สะพานเชือก สะพานเชือก น. สะพานชั่วคราวที่ทําด้วยเชือกสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง.
สะพานเดินเรือ สะพานเดินเรือ น. พื้นที่ยกสูงขึ้นจากดาดฟ้าเรือ สําหรับนายเรือหรือนายยามเรือเดิน หรือสําหรับต้นหน กัปตันเรือ หรือผู้บังคับการเรือควบคุมและสั่งการเกี่ยวกับการนําเรือในน่านนํ้าให้ปลอดภัย, (โบ) สะพานเดินเรือใช้เป็นหอบังคับการด้วย.
สะพานทุ่น สะพานทุ่น น. สะพานชั่วคราวที่ใช้ทุ่นรองไม้กระดานเป็นต้นสําหรับข้ามแม่นํ้าลําคลอง.
สะพานเบี่ยง สะพานเบี่ยง น. สะพานที่สร้างขึ้นใช้ชั่วคราวโดยเบี่ยงจากสะพานที่กําลังสร้างหรือซ่อมอยู่.
สะพานปลา สะพานปลา น. สะพานที่สร้างทอดยาวออกไปในนํ้า ใช้เป็นท่าเทียบเรือประมงเพื่อขนปลาเป็นต้นขึ้นจากเรือ.
สะพานโป๊ะ สะพานโป๊ะ น. สะพานที่ทอดจากฝั่งไปที่โป๊ะเรือ ทำด้วยไม้กระดานเป็นต้น มีไม้ตอกประกับทางด้านขวางสำหรับเดิน.
สะพานไฟ สะพานไฟ น. อุปกรณ์ไฟฟ้าคล้ายสวิตช์ สําหรับตัดกระแสไฟฟ้าจากวงจร, (ปาก) สวิตช์ขนาดใหญ่.
สะพานเรือก สะพานเรือก น. สะพานชั่วคราวที่ทำด้วยไม้ไผ่ผ่าซีกถักด้วยหวายหรือเชือก.
สะพานลอย สะพานลอย น. สะพานสูงแคบ ๆ ที่สร้างคร่อมขวางถนน ใช้เป็นทางให้คนเดินข้ามถนน รถสามารถแล่นผ่านใต้สะพานได้, สะพานสูง กว้าง และยาวมาก มักสร้างคร่อมทางรถไฟหรือสี่แยกที่ถนนสายสําคัญ ๆ ตัดกัน เพื่อให้รถยนต์แล่นผ่านไปมาได้โดยไม่ต้องรอให้รถไฟผ่านหรือรอสัญญาณไฟ.
สะพานเสี้ยว สะพานเสี้ยว น. สะพานที่สร้างให้ปลายโค้งเลี้ยวไปทางขวาหรือซ้าย.
สะพานหก สะพานหก น. สะพานที่สร้างให้ส่วนหนึ่งยกขึ้นได้เพื่อเปิดทางให้เรือแล่นผ่าน.
สะพานหนู สะพานหนู น. ไม้กระดานเล็กตรึงทับบนไม้เชิงกลอน, ตะพานหนู ก็ว่า.
สะพานหัน สะพานหัน น. สะพานที่สร้างให้บางส่วนหันเบนออกไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อเปิดทางให้เรือแล่นผ่าน.
สะพาย สะพาย น. แขวนบ่า, ห้อยเฉียงบ่า, เช่น สะพายย่าม สะพายกระเป๋า, ตะพาย ก็ว่า.
สะพายเฉียง สะพายเฉียง ก. ห่มเฉียงบ่า.
สะพายแล่ง สะพายแล่ง ว. ลักษณะที่ถูกฟันขาดเฉียงบ่า เรียกว่า ขาดสะพายแล่ง, ตะพายแล่ง ก็ว่า.
สะเพร่า สะเพร่า [-เพฺร่า] ว. อาการที่ทําอย่างหวัด ๆ ลวก ๆ, ขาดความรอบคอบ, ไม่ถี่ถ้วน, ไม่เรียบร้อย, เช่น เขียนหนังสือสะเพร่าตก ๆ หล่น ๆ ล้างแก้วสะเพร่า ไม่สะอาด.
สะโพก สะโพก น. ส่วนของร่างกายเบื้องหลังถัดบั้นเอวลงไป มีเนื้อเป็นกระพุ้งทั้ง ๒ ข้าง, กล้ามเนื้อส่วนบนที่นูนขึ้นของโคนขาสัตว์สองเท้าหรือโคนขาหลังของสัตว์สี่เท้า, ตะโพก ก็ว่า.
สะเภา,สะเภา ๑ สะเภา ๑ น. เรือสําเภา, ตะเภา ก็เรียก.
สะเภา,สะเภา ๒ สะเภา ๒ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ปุนัพพสุ มี ๓ ดวง, ดาวหัวสําเภา ดาวสําเภาทอง ดาวยามเกา ดาวตาเรือชัย หรือ ดาวปุนัพพสู ก็เรียก.
สะใภ้ สะใภ้ น. หญิงที่มาแต่งงานกับญาติผู้ชาย, เมียของญาติ, เช่น ถ้าเป็นเมียของลูกชาย เรียก ลูกสะใภ้ ถ้าเป็นเมียของลุง เรียก ป้าสะใภ้, (ปาก) ตะใภ้.
สะโมง สะโมง ดู กระแตไต่ไม้ ๒.
สะระตะ สะระตะ (แบบ) ก. เก็งหรือคาดหมายเอาโดยยึดเค้าเดิมเป็นหลัก เช่น ข้าพระพุทธเจ้าคิดสะระตะอยู่ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี. (หนังสือเจ้าพระยาพระเสด็จฯ กราบบังคมทูล ร. ๕), สรตะ ก็ว่า.
สะระแหน่ สะระแหน่ [-แหฺน่] น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Mentha cordifolia Opiz ในวงศ์ Labiatae ใบมีกลิ่นฉุน กินได้.
สะละปะตุ่น สะละปะตุ่น (โบ) น. ไหมชนิดหนึ่ง.
สะลาง สะลาง ดู กระดูกค่าง.
สะลาบ สะลาบ น. ผิวของพิมพ์หล่อพระที่แตกออกเป็นกาบเล็ก ๆ เมื่อความร้อนลดลงกะทันหัน.
สะลึมสะลือ สะลึมสะลือ ว. ครึ่งหลับครึ่งตื่นหรืองัวเงียเพราะเมาหรือง่วง เช่น พอเมาได้ที่ก็นั่งสะลึมสะลือ เมื่อคืนนอนดึก ตื่นขึ้นมาเลยสะลึมสะลือ.
สะวี้ดสะว้าด สะวี้ดสะว้าด (ปาก) ว. รวดเร็ว, ฉวัดเฉวียน, เช่น ขับรถสะวี้ดสะว้าด; ฉูดฉาด, นำสมัยแบบโลดโผน, เช่น เด็ก ๆ ไม่ควรแต่งตัวสะวี้ดสะว้าด.
สะสม สะสม ก. สั่งสม, รวบรวมให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ, เช่น เขาสะสมนาฬิกาเป็นงานอดิเรก.
สะสวย สะสวย ว. ค่อนข้างสวย, อยู่ในเกณฑ์สวย, (มักใช้แก่ผู้หญิง), เช่น เด็ก ๆ แต่งตัวสะสวย เธอเป็นคนหน้าตาสะสวย.
สะสาง สะสาง ก. ทําเรื่องที่มีปัญหาหรือสิ่งที่สะสมหมักหมมอยู่ให้เสร็จสิ้นไป เช่น สะสางงานที่คั่งค้าง สะสางคดี.
สะเหล่อ สะเหล่อ ว. ทั้งเซ่อและเล่อ, ทั้งเซ่อซ่าและเล่อล่า.
สะอาง สะอาง ว. งามสะอาดหมดจด เช่น สาวสะอาง สวยสะอาง สะอางองค์.
สะอาด สะอาด ว. ไม่สกปรก เช่น เสื้อผ้าสะอาด บ้านเรือนสะอาด น้ำสะอาด, หมดจด, ผ่องใส, เช่น จิตใจสะอาด, ไม่มีตําหนิ, บริสุทธิ์, ไม่ทุจริต, เช่น เขาเป็นคนใจซื่อมือสะอาด.
สะอาดสะอ้าน สะอาดสะอ้าน ว. สะอาดหมดจด เช่น เด็กคนนี้หน้าตาสะอาดสะอ้าน.
สะอ้าน สะอ้าน ว. หมดจด, สะอาด, มักใช้เข้าคู่กับคํา สะอาด เป็น สะอาดสะอ้าน.
สะอิ้ง สะอิ้ง ว. อาการที่เดินเอวอ่อนไปอ่อนมา เช่น เดินสะอิ้ง.<2t>น. สายรัดเอว เป็นเครื่องประดับสําหรับผู้หญิง, สะเอ้ง ก็ว่า. (ไทยใหญ่ แอ้ง ว่า เอว).
สะอิดสะเอียน สะอิดสะเอียน ก. ชวนให้คลื่นไส้อย่างรุนแรง ทั้งโดยตรงและโดยปริยายต่อสิ่งที่เร้าเร่งให้เกิดอารมณ์เช่นนั้น เช่น เห็นหมาเน่าแล้วสะอิดสะเอียน เห็นคนฉ้อราษฎร์บังหลวงแล้วสะอิดสะเอียนไม่อยากเข้าใกล้.
สะอึก สะอึก ก. อาการที่หายใจชะงักเนื่องจากกะบังลมหดตัว และช่องสายเสียงก็ปิดตามมาทันทีทันใดในเวลาเดียวกัน; โดยปริยายหมายความว่า ชะงักงัน เช่น พอถูกถามปัญหาแทงใจดำเข้าก็สะอึกทันที.
สะอึกเข้าใส่ สะอึกเข้าใส่ ก. กรากเข้าใส่, พรวดเข้าใส่, เช่น เมื่อมีคนจะทำร้ายนาย ลูกน้องก็สะอึกเข้าใส่ทันที พอถูกฝ่ายหนึ่งชกก็สะอึกเข้าใส่.
สะอึกสะอื้น สะอึกสะอื้น ก. ร้องไห้ร่ำไรมีเสียงสะอื้นเป็นห้วง ๆ เช่น เด็กถูกตี หลังจากหยุดร้องไห้แล้วก็ยังสะอึกสะอื้นอยู่.<2t>ว. อาการที่ร้องไห้รํ่าไรมีเสียงสะอื้นเป็นห้วง ๆ เช่น แม่ตีทีเดียว ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปตั้งชั่วโมง.
สะอื้น สะอื้น ก. ถอนใจสะท้อนเป็นระยะ ๆ เพราะร้องไห้มากเนื่องจากเสียใจระทมใจเป็นต้น, ถอนใจสะท้อนเป็นระยะ ๆ.
สะเอ้ง,สะเอ้ง ๑ สะเอ้ง ๑ น. สายรัดเอว เป็นเครื่องประดับสําหรับผู้หญิง, สะอิ้ง ก็ว่า. (ไทยใหญ่ แอ้ง ว่า เอว).
สะเอ้ง,สะเอ้ง ๒ สะเอ้ง ๒ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Pternandra caerulescens Jack ในวงศ์ Melastomataceae ใบมีเส้นตามยาว ๓ เส้น ดอกสีม่วงแกมน้ำเงิน.
สะเอว สะเอว น. ส่วนกลางของร่างกายระหว่างชายโครงกับกระดูกตะโพกทั้ง ๒ ข้าง, กะเอว บั้นเอว หรือ เอว ก็ว่า.
สะเออะ,สะเออะ ๑ สะเออะ ๑ ก. เสนอหน้าเข้าไปในสถานที่ที่ไม่สมควรเช่นในที่รโหฐานเมื่อไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง, เจ๋อ, เช่น สะเออะไปนั่งเก้าอี้ประธาน, เสนอหน้าพูดเป็นต้นโดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เช่น นายยังไม่ทันถาม ก็สะเออะรายงาน.
สะเออะ,สะเออะ ๒ สะเออะ ๒ น. เรียกนํ้าที่ได้จากเนื้อสัตว์สดเช่นกุ้ง เนื้อที่คั้นกับนํ้ามะนาว ตั้งไฟให้สุก ใช้ปรุงรส ว่า นํ้าสะเออะ.
สะโอดสะอง สะโอดสะอง ว. งามอย่างมีรูปร่างระหง เช่น นางแบบคนนี้รูปร่างสะโอดสะอง.
สะไอ สะไอ น. กลิ่น (ใช้เฉพาะกลิ่นของสิ่งที่จวนจะบูด) เช่น แกงมีสะไอจวนจะบูดแล้ว, กระไอ ก็ว่า.<2t>ว. มีกลิ่นเหม็นแสดงว่าจวนจะบูด เช่น ข้าวเหม็นสะไอ, กระไอ ก็ว่า.
สัก,สัก ๑ สัก ๑ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Tectona grandis L.f. ในวงศ์ Labiatae เนื้อไม้แข็งและคงทน ปลวกไม่กิน เหมาะแก่การสร้างบ้านและทําเครื่องเรือน ใบและเนื้อไม้ใช้ทํายาได้.
สัก,สัก ๒ สัก ๒ ก. ทําให้ตึง, ทําให้แน่น, เช่น สักว่าว สักที่นอน.
สัก,สัก ๓ สัก ๓ ก. เอาของแหลมแทงลงด้วยวิธีการหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ กัน เช่น สักปลาไหล สักหาของในนํ้า สักรอยชํ้าเพื่อรีดเอาเลือดที่คั่งออก, ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือนํ้ามันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระเครื่องหมาย หรือลวดลาย, ถ้าใช้หมึก เรียกว่า สักหมึก, ถ้าใช้นํ้ามัน เรียกว่า สักนํ้ามัน, (โบ) ทําเครื่องหมายโดยใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกแทงที่ผิวหนังเพื่อแสดงเป็นหลักฐาน เช่น สักข้อมือ แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือเป็นเลกมีสังกัดกรมกองแล้ว สักหน้า แสดงว่าเป็นผู้ที่ต้องโทษปาราชิกเป็นต้น.
สัก,สัก ๔ สัก ๔ ว. อย่างน้อย, เพียง, ราว, เช่น ขอเวลาสัก ๒ วัน.
สักกระหม่อม สักกระหม่อม ก. ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือน้ำมันแทงลงกลางศีรษะให้เป็นอักขระหรือเครื่องหมาย.
สักกะ,สักกะ ๑ สักกะ ๑ (แบบ) น. พระอินทร์. (ป.; ส. ศกฺร).
สักกะ,สักกะ ๒,สักยะ สักกะ ๒, สักยะ น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์, ศากยะ ก็ว่า. (ป.; ส. ศากฺย). (ดู ศากย-, ศากยะ).
สักกัจจะ สักกัจจะ ว. ด้วยความเคารพ. (ป.).
สักกาย,สักกาย- สักกาย- [-กายะ-] น. กายของตน. (ป.; ส. สฺวกาย).
สักกายทิฐิ สักกายทิฐิ น. ความยึดถือว่ากายหรือตัวเป็นของตน. (ป. สกฺกายทิฏฺ;).
สักการ,สักการ-,สักการะ สักการ-, สักการะ [-การะ-] ก. บูชาด้วยสิ่งหรือเครื่องอันพึงบูชา เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ บูชา เป็น สักการบูชา. (ป.; ส. สตฺการ).
สักขรา สักขรา [-ขะรา] น. นํ้าตาล, นํ้าตาลกรวด. (ป.; ส. ศฺรกรา).
สักขี,สักขี ๑ สักขี ๑ น. พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง, มักใช้เข้าคู่กับคํา พยาน เป็น สักขีพยาน. (ป.; ส. สากฺษี).
สักขี,สักขี ๒ สักขี ๒ น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Dalbergia candenatensis Prain ในวงศ์ Leguminosae แก่นแดง มีเสี้ยนดํา ใช้ทํายาได้, กรักขี หรือ ขรี ก็เรียก.
สักขี้ไก่ สักขี้ไก่ (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกะเปียด. (ดู กะเปียด).
สักขีพยาน สักขีพยาน น. พยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง.
สักฏะ,สักตะ สักฏะ, สักตะ [สักกะตะ] (แบบ) น. ภาษาสันสกฤต. (ป. สกฺกฏ, สกฺกต).
สักแต่ว่า,สักว่า สักแต่ว่า, สักว่า ว. เพียงแต่ว่า...เท่านั้น เช่น สักแต่ว่ากวาดบ้าน ยังมีขี้ผงอยู่เลย สักว่าทำพอให้พ้นตัว.
สักที่นอน สักที่นอน ก. เย็บกรึงที่นอนเป็นระยะ ๆ เพื่อให้นุ่นเป็นต้นอยู่คงที่ไม่เลื่อนไปเลื่อนมา.
สักวา สักวา [สักกะวา] น. ชื่อกลอนแบบหนึ่ง บทหนึ่งมี ๔ คํากลอน ขึ้นต้นด้วยคํา สักวา และลงท้ายด้วยคํา เอย, ชื่อลํานําเพลงอย่างหนึ่ง ร้องเป็นทํานองโต้ตอบกัน. (โบราณ เขียนเป็น สักระวา ก็มี).
สักว่าว สักว่าว ก. เอาลูกปลาปิดทับเชือกที่ผูกโครงว่าวจุฬาตรงที่ไขว้กันเป็นตาตารางเพื่อยึดกระดาษและเชือกให้แน่น.
สักหมาย สักหมาย (โบ) น. เครื่องหมายที่สักเป็นรูปต่าง ๆ เพื่อให้รู้ว่าสังกัดอยู่ในหมู่ใดกรมใด เช่น ไพร่หลวงทั้งปวงซึ่งมีสักหมายหมู่กรมนั้นแล้ว. (ตราสามดวง).
สักหลาด สักหลาด [สักกะหฺลาด] น. ผ้าทําด้วยขนสัตว์. (ฮินดูสตานี sakalet).
สัขยะ สัขยะ [สักขะยะ] (แบบ) น. มิตรภาพ, ความสนิทสนมกัน, ความรักใคร่กัน. (ส.).
สัค,สัคคะ สัค, สัคคะ น. สวรรค์. (ป.; ส. สฺวรฺค).
สัง สัง (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นมะสัง. (ดู มะสัง).
สั่ง,สั่ง ๑ สั่ง ๑ ก. บอกไว้เพื่อให้ทําหรือให้ปฏิบัติเป็นต้น เช่น ครูสั่งให้นักเรียนทำการบ้าน แม่สั่งให้ถูบ้าน; บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป เช่น ฝนสั่งฟ้า ทศกัณฐ์สั่งเมือง อิเหนาสั่งถ้ำ สิ้นเสียงก็สิ้นสั่ง ตายไม่ทันสั่ง.
สั่ง,สั่ง ๒ สั่ง ๒ ก. ทําให้ลมดันนํ้ามูกออกจากจมูกโดยแรง ในคำว่า สั่งน้ำมูก.
สังกมทรัพย์ สังกมทรัพย์ [สังกะมะ-] (กฎ; เลิก) น. สังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยปรกติอาจใช้ของอื่นอันเป็นประเภทและชนิดเดียวกันมีปริมาณเท่ากันแทนได้, คู่กับ อสังกมทรัพย์.
สังกร สังกร [-กอน] น. ความปะปน, ความคาบเกี่ยว. (ป.; ส. สํกร).
สังกรณี สังกรณี [-กะระนี, -กอระนี] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Barleria strigosa Willd. ในวงศ์ Acanthaceae ดอกสีฟ้า รากใช้ทํายาได้.
สังกรประโยค สังกรประโยค [สังกะระปฺระโหฺยก, สังกอระปฺระโหฺยก] น. ประโยคใหญ่ที่มีประโยคเล็กตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไปมารวมกัน โดยมีประโยคหลักที่มีใจความสำคัญเพียงประโยคเดียว ส่วนประโยคเล็กทำหน้าที่แต่งหรือประกอบประโยคหลัก.
สังกะตัง สังกะตัง ว. ลักษณะที่ติดแน่นเป็นปมเหนียวที่ผมหรือขนสัตว์สางไม่ออก เช่น ผมเป็นสังกะตัง.
สังกะวัง สังกะวัง น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Pangasius polyuranodon ในวงศ์ Schilbeidae ลักษณะรูปร่างคล้ายปลาสวาย หนวดยาวถึงหรือเลยครีบอก ขนาดโตได้ถึง ๕๒ เซนติเมตร.
สังกะวาด สังกะวาด น. ชื่อปลานํ้าจืดหลายชนิดในสกุล Pangasius วงศ์ Schilbeidae ลักษณะทั่วไปคล้ายปลาสวาย แต่เมื่อโตเต็มที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น สังกะวาดท้องโต (P. micronemus) สังกะวาดเหลือง (P. siamensis).
สังกะสี สังกะสี น. ธาตุลําดับที่ ๓๐ สัญลักษณ์ Zn เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวแกมนํ้าเงิน หลอมละลายที่ ๔๑๙ °ซ. ใช้ประโยชน์ได้มาก เช่น นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ ใช้ฉาบผิวเหล็กเพื่อกันสนิม. (อ. zinc); เหล็กชุบสังกะสีบาง ๆ เป็นแผ่นเรียบหรือเป็นลอนอย่างลูกฟูก ใช้มุงหลังคาเป็นต้น เช่น หลังคาสังกะสี รั้วสังกะสี.
สังกัด สังกัด ก. ขึ้นอยู่, รวมอยู่, เช่น กรมวิชาการสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ.<2t>น. ส่วนราชการที่มีหน่วยงานย่อย ๆ ขึ้นอยู่ เช่น กรมสามัญศึกษาอยู่ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, โดยปริยายหมายถึงที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เช่น เขาเป็นคนไม่มีสังกัด คือ เป็นคนที่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หมายถึง คนที่เร่ร่อนพเนจร. (ข. สงฺกาต่).
สังกัปปะ สังกัปปะ น. ความดําริ. (ป.).
สังกา สังกา น. สงกา. (ป.).
สังการ สังการ (แบบ) น. หยากเยื่อ, ขยะกุมฝอย. (ป.).
สังกาศ สังกาศ ว. คล้าย, เหมือน, เปรียบ. (ส.).
สังกิเลส สังกิเลส น. เครื่องทําให้ใจเศร้าหมอง. (ป.).
สังเกต สังเกต ก. กําหนดไว้, หมายไว้, เช่น ทำเครื่องหมายไว้เป็นที่สังเกต; ตั้งใจดู, จับตาดู, เช่น ไม่ได้สังเกตว่าวันนี้เขาแต่งตัวสีอะไร สังเกตกิริยาท่าทางเขาไว้ว่าเป็นคนดีหรือคนร้าย. (ป., ส.).
สังเกตการณ์ สังเกตการณ์ ก. เฝ้าดูหรือศึกษาเหตุการณ์หรือเรื่องราวพอรู้เรื่อง.<2t>น. เรียกผู้เข้าร่วมประชุมที่ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงว่า ผู้สังเกตการณ์.
สังข,สังข-,สังข์ สังข-, สังข์ น. ชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยวหลายชนิดในหลายวงศ์ เช่น สังข์รดน้ำ (Turbinella pyrum) เปลือกสีขาว รูปทรงงดงาม ใช้สำหรับหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนตร์, สังข์แตร (Chalonia tritonis) เปลือกมีลาย ใช้เป่าในงานพิธีของชาวเกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้, ลักษณนามว่า ขอน เช่น สังข์ ๒ ขอน. (ป.; ส. ศงฺข).
สังขกร สังขกร [สังขะกอน] น. ผู้มีสังข์อยู่ในมือคือ พระนารายณ์. (ป.).
สังขต,สังขต-,สังขตะ สังขต-, สังขตะ [-ขะตะ-] ว. ที่ปรุงแต่งขึ้น (ใช้ในทางศาสนา). (ป.).
สังขตธรรม สังขตธรรม น. สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่งขึ้น. (ป. สงฺขต + ส. ธรฺม).
สังขยา,สังขยา ๑ สังขยา ๑ [-ขะหฺยา] น. การนับ, การคํานวณ. (ป. สงฺขฺยา; ส. สํขฺยา).
สังขยา,สังขยา ๒ สังขยา ๒ [-ขะหฺยา] น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง โดยมากทําด้วยไข่ขาว นํ้าตาล และกะทิ, ถ้าทำเป็นหน้าข้าวเหนียวไม่ใส่กะทิ; ขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยไข่ น้ำตาลทราย กะทิหรือนมข้น บางทีมีน้ำใบเตยเล็กน้อย กวนในกระทะ กินกับขนมปัง.
สังขลิก,สังขลิกา สังขลิก, สังขลิกา [-ขะลิก, -ขะลิกา] น. เครื่องจองจํา, โซ่ตรวน. (ป.).
สังขาร,สังขาร- สังขาร, สังขาร- [-ขาน, -ขาระ-, -ขานระ-] น. ร่างกาย, ตัวตน, สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน, เช่น สังขารร่วงโรย สังขารไม่เที่ยง; ความคิด เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. (ป.; ส. สํสฺการ).<2t>ก. ตาย เช่น ถึงซึ่งสังขาร, ในบทกลอนใช้ว่า สังขาร์ ก็มี.
สังขารธรรม สังขารธรรม [สังขาระ-] น. สิ่งที่มีปัจจัยปรุงแต่ง.
สังขารโลก สังขารโลก [สังขานระ-] น. ชุมนุมแห่งสังขารทั้งปวง. (ป.).
สังขารา สังขารา น. ชื่อทำนองเพลงไทย ใช้ขับร้องในการเล่นหุ่นกระบอก.
สังเขป สังเขป น. ใจความย่อ, เค้าความย่อ, เช่น เขียนมาพอเป็นสังเขป. (ป.; ส. สํเกฺษป).
สังโขภ สังโขภ [-โขบ] (แบบ) น. ความปั่นป่วน เช่น ธาตุสังโขภ ว่า ความปั่นป่วนแห่งธาตุ. (ป.; ส. สํโกฺษภ).
สังค,สังค-,สังค์ สังค-, สังค์ [สังคะ-, สัง] น. ความข้องอยู่, การติดอยู่. (ป.; ส. สํค).
สังคญาติ สังคญาติ (ปาก) น. บรรดาญาติ, ผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นญาติกัน, เช่น คนทั้งหมู่บ้านล้วนเป็นสังคญาติกันทั้งนั้น.
สังคม,สังคม- สังคม, สังคม- [-คมมะ-] น. คนจํานวนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันตามระเบียบ กฎเกณฑ์ โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญร่วมกัน เช่น สังคมชนบท; วงการหรือสมาคมของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น สังคมชาวบ้าน.<2t>ว. ที่เกี่ยวกับการพบปะสังสรรค์หรือชุมนุมชน เช่น วงสังคม งานสังคม. (ป.).
สังคมนิยม สังคมนิยม [สังคมมะ-, สังคม-] น. ทฤษฎีเศรษฐกิจและการเมือง ที่มีหลักการให้รัฐหรือส่วนรวมเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิต ตลอดจนการจําแนกแจกจ่าย และวางระเบียบการบริโภคผลผลิต.
สังคมวิทยา สังคมวิทยา [สังคมมะ-, สังคม-] น. วิชาว่าด้วยเรื่องสังคม.
สังคมศาสตร์ สังคมศาสตร์ [สังคมมะ-, สังคม-] น. ศาสตร์ว่าด้วยความรู้เกี่ยวกับสังคม มีหมวดใหญ่ ๆ เช่น ประวัติศาสตร์ (เกี่ยวกับสังคม) มานุษยวิทยา สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ จิตวิทยาสังคม.
สังคมศึกษา สังคมศึกษา [สังคมมะ-, สังคม-] น. หมวดวิชาที่ประกอบด้วยวิชาภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง และศีลธรรม.
สังคมสงเคราะห์ สังคมสงเคราะห์ [สังคมสงเคฺราะ] น. การดําเนินงานเพื่อช่วยเหลือบุคคลให้สามารถช่วยตนเองได้.
สังคหะ สังคหะ (แบบ) น. การรวบรวม; การย่อ; ความเกื้อกูล, ความเอื้อเฟื้อ; การสงเคราะห์. (ป.; ส. สํคฺรห).
สังคัง สังคัง (ปาก) น. โรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อรา (Epidermophyton floccosum) บางรายเกิดจากเชื้อราในสกุล Trichophyton เกิดที่ถุงอัณฑะ ลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ด มีอาการคันมาก.
สังคาตา สังคาตา น. พ่อ. (ช.).
สังคายนา,สังคายนาย สังคายนา, สังคายนาย [-คายะ-, -คายยะ-] น. การซักซ้อม, การสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน, การประชุมชําระพระไตรปิฎกให้เป็นแบบเดียวกัน.<2t>(ปาก) ก. สะสาง เช่น เรื่องนี้ต้องสังคายนากันเสียที. (ป. สงฺคายน).
สังคีต สังคีต [-คีด] น. การร้องรําทําเพลง เช่น สังคีตศิลป์. (ป.; ส. สํคีต).
สังคีติ สังคีติ น. สังคายนา, การสวดพร้อมกันและเป็นแบบเดียวกัน, การประชุมชําระพระไตรปิฎกให้เป็นแบบเดียวกัน. (ป.).
สังเค็ด สังเค็ด น. ทานวัตถุมีตู้พระธรรมโต๊ะหมู่เป็นต้น ที่เจ้าภาพจัดถวายแก่สงฆ์หรือภิกษุผู้เทศน์หรือชักบังสุกุลในเวลาปลงศพ เรียกว่า เครื่องสังเค็ด.
สังเคราะห์ สังเคราะห์ (เคมี) ก. ทําให้ธาตุมีปฏิกิริยาเคมีกันเป็นสารประกอบ, ทําให้สารประกอบมีปฏิกิริยาเคมีกันเป็นสารประกอบอื่น.<2t>ว. ที่สร้างขึ้นโดยกรรมวิธีทางเคมี เช่น ใยสังเคราะห์. (อ. synthesise).
สังฆ,สังฆ- สังฆ- [สังคะ-] น. สงฆ์, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส.
สังฆกรรม สังฆกรรม [สังคะกำ] น. กิจที่พระสงฆ์ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปรวมกันทําภายในสีมา เช่น การทำอุโบสถ การสวดพระปาติโมกข์. (ส. สํฆ + กรฺมนฺ; ป. สงฺฆกมฺม).
สังฆการี สังฆการี น. เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับสงฆ์ในงานหลวง.
สังฆเถระ สังฆเถระ น. ภิกษุผู้เป็นใหญ่ในพระสงฆ์หมู่หนึ่ง ๆ, ภิกษุผู้เป็นประธานในที่ประชุมสงฆ์. (ป.).
สังฆทาน สังฆทาน น. ทานที่ทายกถวายแก่สงฆ์หรือภิกษุโดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง, คู่กับ บุคลิกทาน. (ป.).
สังฆนายก สังฆนายก (กฎ; เลิก) น. ตําแหน่งหัวหน้าคณะสังฆมนตรีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔.
สังฆปาโมกข์ สังฆปาโมกข์ น. หัวหน้าสงฆ์. (ป.).
สังฆภัต สังฆภัต น. ข้าวที่ทายกถวายแก่สงฆ์ มักเรียกว่า ข้าวสงฆ์ โดยปรกติทายกนําอาหารไปถวายแก่สงฆ์ที่วัด และพระทําอปโลกนกรรมแบ่งกัน. (ป.).
สังฆเภท สังฆเภท [-เพด] น. การที่ภิกษุทําให้สงฆ์แตกหมู่แตกคณะออกไป, นับเป็นอนันตริยกรรมอย่าง ๑ ในอนันตริยกรรม ๕. (ป.).
สังฆมณฑล สังฆมณฑล [-มนทน] น. วงการคณะสงฆ์.
สังฆมนตรี สังฆมนตรี (กฎ; เลิก) น. ตําแหน่งพระเถระผู้รับผิดชอบในองค์การของคณะสงฆ์ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ เช่น สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง.
สังฆราช สังฆราช [-ราด] น. ตําแหน่งพระมหาเถระผู้เป็นใหญ่สูงสุดในสังฆมณฑล. (ป.).
สังฆสภา สังฆสภา (กฎ; เลิก) น. สภาของคณะสงฆ์ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔.
สังฆาฏิ สังฆาฏิ น. ผ้าคลุมกันหนาวที่ภิกษุใช้ทาบบนจีวร ตามปรกติใช้พับพาดบ่าซ้ายในพิธีสงฆ์. (ป.; ส. สํฆาฏิ).
สังฆาณัติ สังฆาณัติ (กฎ; เลิก) น. กฎข้อบังคับของคณะสงฆ์ ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชทรงบัญญัติขึ้นโดยคําแนะนําของสังฆสภา ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔, ปัจจุบันเรียกว่า พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช. (ป.).
สังฆาทิเสส สังฆาทิเสส [-เสด] น. ชื่ออาบัติหนักหมวดหนึ่งรองจากปาราชิก. (ป.).
สังฆาธิการ สังฆาธิการ น. พระภิกษุผู้ดํารงตําแหน่งปกครองคณะสงฆ์นับตั้งแต่ตําแหน่งเจ้าคณะภาคลงมาจนถึงตําแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส เรียกว่า พระสังฆาธิการ.
สังฆานุสติ สังฆานุสติ น. การระลึกถึงคุณพระสงฆ์ เป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง. (ป.).
สังฆาวาส สังฆาวาส น. บริเวณที่อยู่อาศัยของพระสงฆ์ ประกอบด้วยกุฏิ หอฉัน ศาลาการเปรียญ เป็นต้น.
สังปะติแหงะ,สังปะลิเหงะ สังปะติแหงะ, สังปะลิเหงะ [-แหฺงะ, -เหฺงะ] น. ฤษี. (ช.).
สังยุตนิกาย สังยุตนิกาย [สังยุดตะ-] น. ชื่อคัมภีร์นิกายที่ ๓ แห่งพระสุตตันตปิฎก แปลว่า หมวดประมวล คือ ประมวลเรื่องประเภทเดียวกันไว้ด้วยกันทั้งหมด.
สังโยค สังโยค น. การประกอบกัน, การอยู่ร่วมกัน, การผูกรัด; (ไว) ตัวพยัญชนะ ๒ ตัวที่เรียงกัน ตัวหน้าเป็นตัวสะกด ตัวหลังเป็นตัวตาม พยัญชนะที่เป็นตัวสะกด เรียกว่า พยัญชนะสังโยค เช่น มนุสฺส สตฺต พุทฺธ รฏฺ. (ป. สํโยค, สญฺโค; ส. สํโยค).
สังโยชน์ สังโยชน์ น. เครื่องพัวพัน, เครื่องผูกรัด, หมายเอากิเลสที่ผูกคนไว้กับวัฏสงสาร มี ๑๐ อย่าง มีสักกายทิฐิเป็นต้น พระอริยบุคคลเมื่อละสังโยชน์เป็นลําดับจนหมดก็เป็นพระอรหันต์. (ป. สํโยชน, สญฺโชน; ส. สํโยชน).
สั่งลา สั่งลา ก. บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป เช่น เขาสั่งลาลูกเมียก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เขาตายโดยไม่ได้สั่งลา.
สังวร สังวร [-วอน] น. ความระวัง, ความเหนี่ยวรั้ง, ความป้องกัน.<2t>ก. สํารวม, เหนี่ยวรั้ง, เช่น สังวรศีล สังวรธรรม, ถ้าใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส หมายความว่า ความสำรวม, ความระวัง, เช่น อินทรียสังวร จักษุสังวร ญาณสังวร ศีลสังวร, (ปาก) ให้ระวังจงดี (ผู้ใหญ่สั่งสอนเตือนสติผู้น้อย) เช่น เรื่องนี้พึงสังวรไว้ อย่าให้ผิดอีกเป็นครั้งที่ ๒. (ป., ส. สํวร).
สังวัจฉระ สังวัจฉระ [-วัดฉะระ] น. ปี. (ป. สํวจฺฉร; ส. สํวตฺสร).
สังวัธยาย สังวัธยาย [-วัดทะ-] ก. ท่องบ่น, อ่านดัง ๆ เพื่อให้จําได้, สวดท่องให้จําได้. (ส. สฺวาธฺยาย; ป. สชฺฌาย).
สังวาล สังวาล น. สร้อยเครื่องประดับชนิดหนึ่งใช้คล้องเฉวียงบ่า. (ป. เสวาล; ส. เศวาล, ไศวาล ว่า สาหร่าย).
สังวาลพราหมณ์ สังวาลพราหมณ์ น. สายธุรําของพราหมณ์.
สังวาส สังวาส น. การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน; การร่วมประเวณี.<2t>ก. ร่วมประเวณี, มักใช้ว่า ร่วมสังวาส หรือ เสพสังวาส. (ป., ส. สํวาส).
สังเวคะ สังเวคะ น. ความสลด. (ป., ส. สํเวค).
สังเวช,สังเวช- สังเวช, สังเวช- [สังเวด, สังเวชะ-] ก. รู้สึกเศร้าสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้รับทุกขเวทนา หรือต้องตายไป หรือต่อผู้ที่ตนเคารพนับถือซึ่งประพฤติตนไม่เหมาะสมเป็นต้น เช่น เห็นผู้คนประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกแล้วสังเวช พอรู้ข่าวว่าญาติผู้ใหญ่ของตนพัวพันคดีฉ้อราษฎร์บังหลวงก็สังเวช. (ป., ส. สํเวชน).
สังเวชนียสถาน สังเวชนียสถาน [สังเวชะนียะสะถาน] น. สถานที่ทางพระพุทธศาสนาอันเป็นที่ตั้งแห่งความสลดสังเวช มี ๔ แห่ง คือ ๑. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประสูติ ได้แก่ สวนลุมพินี ปัจจุบันได้แก่ รุมมินเด ในประเทศเนปาล ๒. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือ ที่ควงพระศรีมหาโพธิ ปัจจุบันได้แก่ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ๓. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันได้แก่ สารนาถ ประเทศอินเดีย ๔. สถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน คือ ป่าสาลวัน เมืองกุสินารา ปัจจุบันได้แก่ เมืองกาเซีย ประเทศอินเดีย.
สังเวย สังเวย ก. บวงสรวง, เซ่นสรวง, เช่น สังเวยเทวดา.
สังเวียน,สังเวียน ๑ สังเวียน ๑ น. คอกหรือวงล้อมสําหรับชนไก่เป็นต้น; ที่ต่อสู้ เช่น สังเวียนมวย.
สังเวียน,สังเวียน ๒ สังเวียน ๒ น. ชื่อลายชนิดหนึ่ง.
สังสกฤต สังสกฤต [-สะกฺริด] น. สันสกฤต.
สังสการ สังสการ [-สะกาน] (โบ) น. พิธีกรรมเกี่ยวกับการปลงศพ, ส่งสการ ก็ว่า เช่น รุดเร่งส่งสการ. (ม. คําหลวง ชูชก). (ส. สํสการ).
สังสดมภ์ สังสดมภ์ น. ความแข็งทื่อ, การต้านทาน; เครื่องคํ้าจุน. (ส. สํสฺตมฺภ).
สังสนทนา,สั่งสนทนา สังสนทนา, สั่งสนทนา ก. พูดกันฐานกันเอง, พูดจาหารือกัน, มักใช้ สั่งสนทนา. (ป. สํสนฺทนา ว่า การเทียบเคียงกัน).
สั่งสม สั่งสม ก. สะสม, รวบรวมให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ, เช่น พระโพธิสัตว์สั่งสมบารมี.
สังสรรค์ สังสรรค์ ก. พบปะวิสาสะกันเป็นครั้งคราวด้วยความสนิทสนม เช่น จัดงานสังสรรค์กันในหมู่พนักงาน เพื่อน ๆ ได้พบปะสังสรรค์กันในงานชุมนุมศิษย์เก่า.<2t>ว. ที่พบปะวิสาสะกันเป็นครั้งคราวด้วยความสนิทสนม เช่น งานสังสรรค์. (ส. สํสรฺค).
สั่งสอน สั่งสอน ก. ชี้แจงให้เข้าใจและบอกให้ทํา เช่น แม่สั่งสอนลูกให้เป็นคนดี, สอนสั่ง ก็ว่า.
สังสารวัฏ สังสารวัฏ [-สาระ-] น. การเวียนว่ายตายเกิด, สงสารวัฏ หรือ วัฏสงสาร ก็ว่า. (ป. สํสารวฏฺฏ).
สังสิทธิ สังสิทธิ [-สิดทิ] น. ความสําเร็จ, ความเรียบร้อย, ความดีเลิศ; ผลสุดท้าย. (ส. สํสิทฺธิ).
สังสุทธ์,สังสุทธิ สังสุทธ์, สังสุทธิ [-สุด, -สุดทิ] น. ความบริสุทธิ์, ความสะอาด; การชําระ, การล้าง. (ส. สํศุทฺธ, สํศุทฺธิ).
สั่งเสีย สั่งเสีย ก. เตือน, กําชับ, บอกให้เข้าใจ, เช่น พอแม่จะออกจากบ้าน ก็สั่งเสียลูกให้ปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย; บอกไว้อาลัยในการที่จะจากไป, บอกเป็นการอำลา, เช่น เขาตายโดยไม่ได้สั่งเสียลูกเมีย.
สังหร,สังหรณ์ สังหร, สังหรณ์ [-หอน] ก. รู้สึกคล้ายมีอะไรมาดลใจ ทําให้รู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้น (มักใช้แก่เหตุร้าย) เช่น สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นที่บ้าน. (เทียบ ส. สํหรณ ว่า ยึดไว้).
สังหรรษ สังหรรษ [-หัด] น. ความเต็มตื้นด้วยความยินดี, ความปีติยินดี; ความเสียวซ่าน. (ส. สํหรฺษ).
สังหาร สังหาร [-หาน] ก. ฆ่า, ผลาญชีวิต. (ส.).
สังหาริมทรัพย์,สังหาริมะ สังหาริมทรัพย์, สังหาริมะ [-หาริมะ-, -หาริมมะ-] น. ทรัพย์ที่นําไปได้ เช่น แหวน สร้อย โต๊ะ เก้าอี้, คู่กับ อสังหาริมทรัพย์; (กฎ) ทรัพย์สินอื่นนอกจากอสังหาริมทรัพย์ และรวมถึงสิทธิอันเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นด้วย.
สังหิต สังหิต ก. รวมไว้, ผูกหรือติดเข้าด้วยกัน. (ส. สํหิต).
สัจ,สัจ-,สัจจะ สัจ, สัจ-, สัจจะ [สัด, สัดจะ-] น. ความจริง, ความจริงใจ, เช่น ทำงานร่วมกันต้องมีสัจจะต่อกัน. (ป. สจฺจ; ส. สตฺย).
สัจกิริยา สัจกิริยา [สัดจะ-] น. การตั้งความสัตย์.
สัจญาณ สัจญาณ [สัดจะ-] น. ความรู้เรื่องแห่งความจริง, ในพระพุทธศาสนาประสงค์เอาปรีชาหยั่งรู้อริยสัจ. (ป. สจฺจาณ).
สัจธรรม สัจธรรม [สัดจะทำ] น. ความจริงแท้ เช่น บรรลุสัจธรรม เข้าถึงสัจธรรม.
สัจนิยม สัจนิยม [สัดจะ-] (ศิลปะและวรรณคดี) น. คตินิยมในการสร้างสรรค์วรรณกรรมหรือศิลปะซึ่งแสดงให้เห็นชีวิตและโลกอย่างสมจริง; (ปรัชญา) ทฤษฎีที่ถือว่าโลกและวัตถุเป็นสิ่งมีอยู่จริงเช่นเดียวกับจิต และมีอยู่อย่างอิสระจากจิต. (อ. realism).
สัจพจน์ สัจพจน์ [สัดจะ-] น. ข้อความที่ยอมรับในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ว่าจริงโดยไม่ต้องพิสูจน์. (อ. postulate, axiom).
สัชฌ,สัชฌ-,สัชฌะ,สัชฌุ สัชฌ-, สัชฌะ, สัชฌุ น. เงิน. (ป.).
สัชฌกร,สัชฌการ,สัชฌุกร,สัชฌุการ สัชฌกร, สัชฌการ, สัชฌุกร, สัชฌุการ น. ช่างเงิน. (ป.).
สัชฌายะ สัชฌายะ ก. สังวัธยาย. (ป.; ส. สฺวาธฺยาย).
สัญจร สัญจร [-จอน] ก. ผ่านไปมา เช่น ทางสัญจร.<2t>น. ช่องทาง, ถนน; การผ่านไปมา. (ป., ส.).
สัญจรโรค สัญจรโรค น. กามโรค.<2t>ว. เรียกหญิงโสเภณีว่า หญิงสัญจรโรค.
สัญจาระ สัญจาระ [-ระ] น. การเดินไป, การเที่ยวไป. (ป., ส.).
สัญเจตนา สัญเจตนา [-เจดตะนา] น. ความตั้งใจ, ความจงใจ.
สัญชาต,สัญชาต- สัญชาต- [-ชาตะ-, -ชาดตะ-] ว. เกิดเอง เช่น สัญชาตสระ ว่า สระที่เกิดเอง. (ป.).
สัญชาตญาณ สัญชาตญาณ [-ชาดตะ-] น. ความรู้ที่มีมาแต่กําเนิดของคนและสัตว์ ทําให้มีความรู้สึกและกระทําได้เองโดยไม่ต้องมีใครสั่งสอน เช่น สัญชาตญาณในการป้องกันตัว สัญชาตญาณในการรวมหมู่, สัญชาตเวค ก็ว่า. (อ. instinct).
สัญชาติ สัญชาติ [-ชาด] น. ความเกิด, การเป็นขึ้น, ความอยู่ในบังคับ คืออยู่ในความปกครองของประเทศชาติเดียวกัน เช่น ฝรั่งถือสัญชาติไทย, โดยปริยายหมายความว่า สันดาน เช่น สัญชาติพาล สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก. (ป. สญฺชาติ ว่า ความเกิด, การเป็นขึ้น); (กฎ) สถานะตามกฎหมายของบุคคลที่แสดงว่าเป็นพลเมืองหรือคนในบังคับของประเทศใดประเทศหนึ่ง. (อ. nationality).
สัญฌา สัญฌา น. เวลาเย็น. (ป.; ส. สนฺธฺยา).
สัญญา สัญญา น. (กฎ) ข้อตกลงระหว่างบุคคล ๒ ฝ่ายหรือหลายฝ่ายว่าจะกระทําการหรืองดเว้นกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง; ข้อตกลงกัน, คำมั่น, เช่น เขาให้สัญญาว่าจะมาหาพรุ่งนี้; ความจํา เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ.<2t>ก. ให้คํามั่น, รับปาก, ทําความตกลงกัน, เช่น แม่สัญญากับลูกว่าถ้าสอบได้ที่ ๑ จะให้รางวัล. (ป.).
สัญญาณ สัญญาณ น. เครื่องหมายหรือเครื่องแสดงไว้ให้เห็นหรือให้ได้ยินเป็นต้นแม้อยู่ในระยะไกล เพื่อให้รู้ล่วงหน้าจะได้ระวังอันตรายหรือกระทําตามที่บอกหรือแนะไว้ เช่น สัญญาณไฟจราจร สัญญาณธง ตีระฆังเป็นสัญญาณให้พระลงโบสถ์.
สัญญาณจราจร สัญญาณจราจร (กฎ) น. สัญญาณใด ๆ ไม่ว่าจะแสดงด้วยธง ไฟ ไฟฟ้า มือ แขน เสียงนกหวีด หรือด้วยวิธีอื่นใดสำหรับให้ผู้ขับขี่ คนเดินเท้า หรือคนที่จูง ขี่ หรือไล่ต้อนสัตว์ ปฏิบัติตามสัญญาณนั้น.
สัญญาบัตร สัญญาบัตร น. ใบตั้งยศ บรรดาศักดิ์ หรือสมณศักดิ์ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้ง เช่น นายทหารสัญญาบัตร พระราชาคณะสัญญาบัตร พระครูสัญญาบัตร, ถ้าเป็นใบที่เจ้ากระทรวงตั้ง เรียกว่า ใบประทวน.
สัญญาประกันชีวิต สัญญาประกันชีวิต (กฎ) ดู ประกันชีวิต.
สัญญาประกันภัย สัญญาประกันภัย (กฎ) ดู ประกันภัย.
สัญญาวิปลาส สัญญาวิปลาส ว. มีสติฟั่นเฟือนคล้ายคนบ้า, สติวิปลาส ก็ว่า. (ป. สญฺาวิปลฺลาส).
สัญญี สัญญี ว. มีความหมายรู้ได้, มีความรู้สึก, มีความระลึก, มีความจําได้. (ป.).
สัญโญชน์ สัญโญชน์ น. สังโยชน์. (ป.).
สัญนิยม สัญนิยม [สันยะนิยม] น. การปฏิบัติหรือธรรมเนียมทั่วไปที่ใช้กันอยู่ในกลุ่มสังคมในขณะนั้น เช่น การไหว้เป็นสัญนิยมอย่างหนึ่งของคนไทย การใช้ตะเกียบคีบอาหารเป็นสัญนิยมในการกินอาหารของคนจีน. (อ. convention).
สัญประกาศ สัญประกาศ [สันยะปฺระกาด] น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ - ใช้ขีดไว้ใต้คําหรือข้อความที่สําคัญ เพื่อเน้นให้ผู้อ่านสังเกตเป็นพิเศษ, ขีดเส้นใต้ ก็เรียก.
สัญโยค สัญโยค น. สังโยค. (ป.).
สัญลักษณ์ สัญลักษณ์ [สันยะ-] น. สิ่งที่กําหนดนิยมกันขึ้นเพื่อให้ใช้หมายความแทนอีกสิ่งหนึ่ง เช่น ตัวหนังสือเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงพูด H เป็นสัญลักษณ์แทนธาตุไฮโดรเจน เป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายทางคณิตศาสตร์. (อ. symbol).
สัฐิ สัฐิ [สัดถิ] ว. หกสิบ. (ป. สฏฺิ; ส. ษษฺฏิ).
สัณฐาน สัณฐาน น. รูปทรง, ลักษณะ, เช่น ป้อมปราการมีสัณฐานแปดเหลี่ยม โลกมีสัณฐานกลมอย่างผลส้ม. (ป.; ส. สํสฺถาน).
สัณฐิติ สัณฐิติ น. ความตั้งมั่น. (ป.; ส. สํสฺถิติ).
สัณฑ์ สัณฑ์ น. สณฑ์. (ป.; ส. ษณฺฑ).
สัณห์ สัณห์ ว. เกลี้ยงเกลา; อ่อน, นุ่ม; นุ่มนวล, สุภาพ; งาม, ละมุนละม่อม, ละเอียด. (ป.; ส. ศฺลกฺษฺณ).
สัด,สัด ๑ สัด ๑ น. ภาชนะรูปทรงกระบอก ทําด้วยไม้หรือสานด้วยไม้ไผ่ ใช้ตวงข้าว; เครื่องตวงบางชนิดในสมัยโบราณ ใช้ตวงดินปืนบรรจุปากกระบอกปืน; ชื่อมาตราตวงโบราณ ๒๕ ทะนาน เป็น ๑ สัด มีอัตราเท่ากับ ๑ ถัง หรือ ๒๐ ลิตร.
สัด,สัด ๒ สัด ๒ ก. ร่วมเพศเพื่อสืบพันธุ์ (ใช้แก่สัตว์).
สัดจอง สัดจอง น. ทุ่น, แพ, เรือน้อย, จัดจอง ก็ว่า. (ข.).
สัดส่วน สัดส่วน น. ส่วนผสมของสิ่งต่าง ๆ ตามอัตราที่กําหนด เช่น ในการผสมปูนโบกฝาผนังจะใช้ซีเมนต์ ทราย และปูนขาว ตามสัดส่วน ๓ : ๒ : ๑; (คณิต) การเท่ากันของ ๒ อัตราส่วน หมายความว่า อัตราส่วนของปริมาณที่ ๑ ต่อปริมาณที่ ๒ เท่ากับอัตราส่วนของปริมาณที่ ๓ ต่อปริมาณที่ ๔ เช่น ๑ กิโลกรัม, ๒ กิโลกรัม; ๑๐๐ บาท, ๒๐๐ บาท ได้ชื่อว่าเป็นสัดส่วนกันก็เพราะ
๑ กิโลกรัม : ๒ กิโลกรัม = ๑๐๐ บาท : ๒๐๐ บาท. (อ. proportion).
สัต,สัต ๑,สัต-,สัต- ๑ สัต ๑, สัต- ๑ [สัด, สัดตะ-] ว. ดี, งาม; น่านับถือ. (ส.).
สัต,สัต ๒,สัต-,สัต- ๒,สัตตะ,สัตตะ ๑ สัต ๒, สัต- ๒, สัตตะ ๑ [สัด, สัดตะ-] ว. เจ็ด. (ป. สตฺต; ส. สปฺต).
สัตการ สัตการ น. การยกย่อง, การนับถือ; การรับรอง. (ส.).
สัตตบงกช สัตตบงกช [สัดตะบงกด] น. ชื่อบัวหลวงพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว).
สัตตบรรณ สัตตบรรณ [สัดตะบัน] น. ชื่อบัวสายพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว).
สัตตบุษย์ สัตตบุษย์ [สัดตะบุด] น. (๑) ชื่อบัวหลวงพันธุ์หนึ่ง. (ดู บัว).<2t>(๒) เทียนสัตตบุษย์. (ดู เทียนสัตตบุษย์).
สัตตะ,สัตตะ ๒ สัตตะ ๒ ก. ข้องอยู่, ติดอยู่, พัวพัน.<2t>น. สัตว์. (ป.).
สัตตาห,สัตตาห- สัตตาห- น. เจ็ดวัน.
สัตตาหกรณียะ สัตตาหกรณียะ [สัดตาหะกะระนียะ, สัดตาหะกอระนียะ] น. กิจที่พึงทำเป็นเหตุให้ภิกษุออกจากวัดไปพักแรมในที่อื่นในระหว่างพรรษาได้ไม่เกิน ๗ วัน เช่นเพื่อไปพยาบาลภิกษุสามเณรหรือบิดามารดาที่ป่วยไข้หรือเพื่อบำรุงศรัทธาของทายก.
สัตตาหกาลิก สัตตาหกาลิก น. ของที่เก็บไว้ฉันได้ชั่วคราวเพียง ๗ วัน ได้แก่ เภสัชทั้ง ๕ คือ เนยใส เนยข้น นํ้ามัน นํ้าผึ้ง นํ้าอ้อย. (ป.).
สัตตู สัตตู น. ข้าวตู. (ป. สตฺตุ; ส. สกฺตุ).
สัตถ,สัตถ-,สัตถ- ๑ สัตถ- ๑ [สัดถะ-] (แบบ) น. คัมภีร์, ตํารา. (ป.; ส. ศาสฺตฺร).
สัตถ,สัตถ-,สัตถ- ๒ สัตถ- ๒ (แบบ) น. เกวียน. (ป.; ส. สารฺถ).
สัตถ,สัตถ-,สัตถ- ๓ สัตถ- ๓ (แบบ) น. อาวุธ, มีด, หอก. (ป.; ส. ศสฺตฺร).
สัตถันดร,สัตถันดรกัป สัตถันดร, สัตถันดรกัป [สัดถันดอน, สัดถันดะระกับ] น. ชื่อกัปหรือกัลป์หนึ่ง ซึ่งถือว่าคนเสื่อมจากศีลธรรมอย่างที่สุด มีการรบราฆ่าฟันกัน ไม่รู้จักญาติพี่น้อง เช่น ห้าขวบมีฆราวาส ใจร้ายกาจโกลี กัลปนั้นมีนามกร ชื่อสัตถันดรพึงมี. (มาลัยคําหลวง). (ป. สตฺถ + อนฺตร).
สัตถา สัตถา (แบบ) น. ครู, ผู้สอน. (ป.; ส. ศาสฺตฺฤ).
สัตถิ สัตถิ (แบบ) น. ขา. (ป.; ส. สกฺถิ).
สัตถุ สัตถุ น. ครู, ผู้สอน, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส. (ป.).
สัตถุศาสนา สัตถุศาสนา น. คําสั่งสอนของพระศาสดา คือพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. ศาสฺตฺฤ).
สัตบถ สัตบถ น. ทางที่ถูก, คติที่ชอบ. (ส.).
สัตบรรณ สัตบรรณ [สัดตะ-] ดู ตีนเป็ด. (ป. สตฺตปณฺณ; ส. สปฺตปรฺณ).
สัตบริภัณฑ์,สัตภัณฑ์,สัตภัณฑ์ ๑ สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์ ๑ [สัดตะบอริพัน, สัดตะพัน] น. ภูเขาที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุเป็นชั้น ๆ รวม ๗ ชั้น สูงลดหลั่นกันลงมาตามลำดับชื่อภูเขาชั้นในที่สุดจากเขาพระสุเมรุออกมา คือ ยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัสนะ เนมินธร วินตกะ อัสกัณ ระหว่างภูเขาแต่ละชั้นมีทะเลสีทันดรคั่น. (ป. สตฺตปริภณฺฑ, สตฺตภณฺฑ).
สัตบุรุษ สัตบุรุษ [สัดบุหฺรุด] น. คนที่เป็นสัมมาทิฐิ, คนดีน่านับถือ มีคุณธรรม ประพฤติอยู่ในศีลในธรรม. (ส. สตฺปุรุษ; ป. สปฺปุริส).
สัตภัณฑ์,สัตภัณฑ์ ๒ สัตภัณฑ์ ๒ [-พัน] น. ชื่อเชิงเทียน ทำเป็นแผงรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วติดไม้กลึงเป็นเชิงเทียน ๗ เชิง กรอบมักทำเป็นรูปพญานาคเลื้อยลงมาคล้ายกรอบหน้าบัน.
สัตม,สัตม- สัตม- ว. ที่ ๗. (ป. สตฺตม).
สัตมวาร สัตมวาร [สัดตะมะวาน] น. วันที่ครบ ๗, วันทำบุญครบ ๗ วันของผู้ตาย.
สัตมหาสถาน สัตมหาสถาน [สัดตะมะหาสะถาน] น. สถานที่ ๗ แห่งที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขภายหลังตรัสรู้.
สัตย,สัตย-,สัตย์ สัตย-, สัตย์ [สัดตะยะ-, สัด] น. ความจริง เช่น รักษาสัตย์, คำมั่นสัญญา, เช่น เสียชีพอย่าเสียสัตย์ ลูกเสือให้สัตย์ปฏิญาณ.<2t>ว. จริง เช่น วาจาสัตย์, มักใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น สัตย์ซื่อ ซื่อสัตย์ สัตย์จริง. (ส.; ป. สจฺจ).
สัตยพรต สัตยพรต น. การถือคํามั่นสัญญา. (ส. สตฺย + วฺรต).
สัตยวาที สัตยวาที น. ผู้พูดแต่ความจริง เช่น อันว่าพระมหาบุรุษรัตน ผู้อยู่ในสัตยวาที. (ม. คําหลวง กุมาร). (ส. สตฺยวาทินฺ).
สัตยาเคราะห์ สัตยาเคราะห์ น. การยึดความจริงเป็นหลักการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม โดยใช้วิธีดื้อแพ่งไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือคําสั่งที่ไม่ยุติธรรม แต่ไม่ใช้วิธีรุนแรง. (ส. สตฺยาคฺรห).
สัตยาธิษฐาน สัตยาธิษฐาน น. การตั้งความจริงใจเป็นหลักอ้าง เช่น ขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก. (ส. สตฺย + อธิษฺาน; ป. สจฺจ + อธิฏฺาน).
สัตยาบัน สัตยาบัน น. (กฎ) การยืนยันรับรองความตกลงระหว่างประเทศที่ได้กระทําขึ้นไว้; การรับรองนิติกรรมที่เป็นโมฆียะอันเป็นผลให้นิติกรรมนั้นสมบูรณ์มาแต่เริ่มแรก; (กลอน) การอ้างความสัตย์. (ส. สตฺย + อาปนฺน).
สัตโลหะ สัตโลหะ [สัดตะ-] น. โลหะ ๗ ชนิด คือ เหล็ก ๑ ปรอท ๑ ทองแดง ๑ เงิน ๑ และทองคำ ๑, เพียงนี้เรียกว่า เบญจโลหะ, ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ เจ้า ๑ (เป็นคำตัดมาจาก เจ้าน้ำเงิน ว่า เป็นแร่ชนิดหนึ่ง สีเขียวเป็นสีน้ำเงิน) และสังกะสี ๑ เรียกว่า สัตโลหะ, ถ้าเติมอีก ๒ ชนิด คือ ชิน ๑ และบริสุทธิ์ ๑ (คือทองแดงบริสุทธิ์) เรียกว่า นวโลหะ. (ตำราสร้างพระพุทธรูป).
สัตว,สัตว-,สัตว์ สัตว-, สัตว์ [สัดตะวะ-, สัด] น. สิ่งมีชีวิตซึ่งแตกต่างไปจากพรรณไม้ ส่วนมากมีความรู้สึกและเคลื่อนไหวย้ายที่ไปได้เอง, ความหมายที่ใช้กันเป็นสามัญหมายถึง สัตว์ที่ไม่ใช่คน, เดรัจฉาน. (ส. สตฺตฺว; ป. สตฺต).
สัตวชาติ สัตวชาติ น. สัตว์, หมู่สัตว์.
สัตวบาล สัตวบาล น. การเลี้ยงและดูแลสัตว์; ผู้เลี้ยงและดูแลสัตว์.
สัตวแพทย์ สัตวแพทย์ น. หมอรักษาสัตว์.
สัตวโลก สัตวโลก น. หมู่สัตว์.
สัตววิทยา สัตววิทยา น. วิทยาศาสตร์ชีวภาพสาขาหนึ่ง ว่าด้วยเรื่องของสัตว์. (อ. zoology).
สัตว์หิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ [-หิมมะ-] น. สัตว์ในวรรณคดีที่เชื่อกันว่าอยู่ในป่าหิมพานต์ เช่น คชสีห์ กินนร นรสิงห์, รูปหุ่นที่ผูกเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดี ใช้บรรทุกผ้าไตรแห่เข้าขบวนพระบรมศพในสมัยโบราณ.
สัตวา สัตวา [สัดตะวา] น. ชื่อนกชนิดหนึ่งในจําพวกนกแก้ว ตัวโต สีเขียวเกือบเป็นสีคราม. (พจน. ๒๔๙๓).
สัตวาร สัตวาร น. สัปดาห์หนึ่ง, ๗ วัน. (ป. สตฺตวาร).
สัตสดก สัตสดก [-สะดก] น. หมวดละ ๗๐๐ เช่น แล้วประจงจัดสัตสดกมหาทานเป็นต้นว่าคชสารเจ็ดร้อย. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์). (ป. สตฺตสตก).
สัทธรรม สัทธรรม [สัดทํา] น. คําสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่า พระสัทธรรม, ธรรมของสัตบุรุษหรือคนดี. (ส. สทฺธรฺม; ป. สทฺธมฺม).
สัทธา สัทธา น. ความเชื่อ, ความเลื่อมใส. (ป.; ส. ศฺรทฺธา).
สัทธาจริต สัทธาจริต ว. มีความเชื่อเป็นเจ้าเรือน, มีนิสัยเชื่อง่าย, เช่น เขาเป็นคนสัทธาจริตเชื่ออะไรง่าย. (ป.).
สัทธาธิกะ สัทธาธิกะ น. ผู้ยิ่งด้วยศรัทธา. (ป.).
สัทธิงวิหาริก,สัทธิวิหาริก สัทธิงวิหาริก, สัทธิวิหาริก น. คําเรียกผู้ได้รับการอุปสมบทแล้ว, ถ้าอุปสมบทต่อพระอุปัชฌาย์องค์ใดก็เป็นสัทธิงวิหาริกของพระอุปัชฌาย์องค์นั้น, (ใช้เข้าคู่กับ อุปัชฌาย์). (ป.).
สัทธินทรีย์ สัทธินทรีย์ น. ความมีใจเชื่อ, ความเลื่อมใส. (ป.).
สัทวิทยา สัทวิทยา [สัดทะวิดทะยา] น. วิชาว่าด้วยการศึกษาระบบเสียงของแต่ละภาษาโดยพิจารณาหน้าที่ของเสียงและการประกอบเสียงในภาษานั้น. (อ. phonology).
สัทศาสตร์ สัทศาสตร์ [สัดทะ-] น. วิชาว่าด้วยการศึกษาธรรมชาติของการออกเสียงและการเปล่งเสียงพูด. (อ. phonetics).
สัทอักษร สัทอักษร [สัดทะอักสอน] น. อักษรและเครื่องหมายที่กำหนดใช้แทนเสียงประเภทต่าง ๆ เช่น สัญลักษณ์แทนเสียงสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ และเครื่องหมายพิเศษแทนการออกเสียงอื่น ๆ. (อ. phonetic alphabet).
สัน,สัน ๑ สัน ๑ น. สิ่งที่มีลักษณะนูนสูงขึ้นเป็นแนวยาว เช่น สันหลังคา สันหน้าแข้ง ดั้งจมูกเป็นสัน; ส่วนหนาของมีดหรือขวานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคม.
สัน,สัน ๒ สัน ๒ (ถิ่น-พายัพ) น. ปีวอก.
สั่น สั่น ก. ไหวถี่ ๆ เช่น กลัวจนตัวสั่น หนาวจนคางสั่น, ทําให้ไหวถี่ ๆ เช่น สั่นกระดิ่ง สั่นหัว.
สั้น สั้น ว. ลักษณะส่วนหนึ่งของสิ่งใด ๆ มีกําหนดระยะยืดหรือยืนเป็นเส้นตรงจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่งน้อยกว่าอีกสิ่งหนึ่งเมื่อมีการเปรียบเทียบกัน เช่น เสื้อแขนสั้น กระโปรงสั้น ถนนสายนี้สั้นกว่าถนนสายอื่น ๆ, มีระยะเวลานานน้อยกว่าอีกช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อมีการเปรียบเทียบกัน เช่น หน้าหนาวกลางวันสั้นกว่ากลางคืน.
สันเขา สันเขา น. ส่วนสูงของภูเขาที่ยาวเป็นทิวพืดไป.
สั่นงั่ก สั่นงั่ก ก. สั่นสะท้าน.
สันดอน สันดอน น. ดินหรือกรวดทรายเป็นต้นซึ่งนํ้าพัดเอามารวมกัน ปรากฏนูนยาวอยู่ใต้นํ้า ทําให้สูงเป็นสันขึ้น, หลังเต่า ก็เรียก.
สันดาน,สันดาน ๑ สันดาน ๑ น. อุปนิสัยที่มีมาแต่กําเนิด เช่น มีสันดานดี มีสันดานเลว, (ปาก) มักใช้ไปในทางไม่สู้จะดี เช่นสันดานของเขาเป็นเช่นนั้น อย่าไปถือเลย. (ป., ส. สนฺตาน ว่า สืบต่อ).
สันดาน,สันดาน ๒ สันดาน ๒ น. ชื่อโรคลมอย่างหนึ่งมีอาการให้จุกเสียดเรื้อรังอยู่เสมอ เรียกว่า ลมสันดาน.
สันดาป สันดาป [-ดาบ] น. ความเร่าร้อน, ความแผดเผา; การเผาไหม้; ชื่อนรกขุมหนึ่ง. (ป., ส.).
สันเดก สันเดก (โบ) น. สันติกะ, สํานัก. (ป. สนฺติก).
สันโดษ สันโดษ [-โดด] น. ความยินดีหรือพอใจเท่าที่ตนมีอยู่หรือเป็นอยู่ เช่น เขาถือสันโดษ.<2t>(ปาก) ก. มักน้อย เช่น เขาเป็นคนสันโดษ. (ส. สํโตษ; ป. สนฺโตส).
สันต์ สันต์ ว. เงียบ, สงบ, สงัด. (ป.; ส. ศานฺต).
สันตติ สันตติ [-ตะติ] น. ความสืบต่อ เช่น สืบสันตติวงศ์. (ป.; ส. สํตติ ว่า ลูกหลาน).
สันตะปาปา สันตะปาปา น. ผู้เป็นประมุขคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก, โป๊ป ก็เรียก.
สันตะวา สันตะวา น. ชื่อไม้นํ้าชนิด Ottelia alismoides (L.) Pers. ในวงศ์ Hydrocharitaceae ใบบาง สีเขียวอมนํ้าตาล กินได้.
สันติ สันติ น. ความสงบ เช่น อยู่ร่วมกันโดยสันติ. (ป.; ส. ศานฺติ).
สันติกะ สันติกะ น. สํานัก, ที่ใกล้. (ป.).
สันติบาล สันติบาล น. ผู้รักษาความสงบ.
สันติภาพ สันติภาพ น. ความสงบ เช่น โลกต้องการสันติภาพ จงร่วมมือกันรักษาสันติภาพของโลก. (ป. สนฺติ + ภาว).
สันติวิธี สันติวิธี น. วิธีที่จะก่อให้เกิดความสงบ เช่น เจรจาสงบศึกโดยสันติวิธี.
สันติสุข สันติสุข น. ความสุขที่เกิดจากความสงบ เช่น รัฐบาลบริหารประเทศเพื่อสันติสุขของประชาชน.
สันตุฏฐี สันตุฏฐี น. สันโดษ. (ป.; ส. สํตุษฺฏิ).
สันถระ สันถระ น. ที่นอน, เสื่อ. (ป.).
สันถว,สันถว-,สันถวะ สันถว-, สันถวะ [สันถะวะ-] น. การนิยมชมชอบกัน, การสรรเสริญซึ่งกันและกัน; ความคุ้นเคย, ความสนิทสนมกัน. (ป.; ส. สํสฺตว).
สันถวไมตรี สันถวไมตรี น. ความเป็นมิตรสนิทสนมกัน เช่น ต้อนรับด้วยสันถวไมตรี ทูตสันถวไมตรี.
สันถัต สันถัต น. ผ้าที่พระภิกษุรองนั่ง. (ป. สนฺถต ว่า ปูแล้ว, ลาดแล้ว).
สันถาร สันถาร น. การปูลาด; ที่ปูลาด, พื้น. (ป.; ส. สํสฺตาร).
สันทนะ สันทนะ น. รถ, รถศึก. (ป.; ส. สฺยนฺทน).
สันทะ สันทะ ว. หนาทึบ. (ป.; ส. สานฺทฺร).
สันทัด สันทัด ก. ถนัด, จัดเจน, เช่น เรื่องนี้เขาไม่สันทัด เขาสันทัดในด้านคำนวณ.<2t>ว. ปานกลาง, ไม่ใหญ่ไม่เล็ก, ไม่สูงไม่ตํ่า, (ใช้แก่รูปร่าง), เช่น รูปร่างสันทัด.
สันทัดกรณี สันทัดกรณี [สันทัดกะระนี, สันทัดกอระนี] ว. ที่รู้เรื่องนั้น ๆ ดี เช่น เขาเป็นผู้สันทัดกรณีในด้านการต่างประเทศ.
สันทัสนะ สันทัสนะ [สันทัดสะนะ] น. การแสดง, การชี้แจง. (ป. สนฺทสฺสน).
สันทาน สันทาน น. สายป่าน, เชือก, เครื่องผูกพัน. (ป., ส.).
สันทิฐิก,สันทิฐิก- สันทิฐิก- [สันทิดถิกะ-] (แบบ) ว. ควรเห็นเอง, เป็นคุณของพระธรรมอย่างหนึ่ง. (ป. สนฺทิฏฺิก; ส. สานฺทฺฤษฺฏิก).
สันทิส สันทิส [-ทิด] ก. สนทิศ. (ส. สํ + ทิศ).
สันเทส สันเทส [-เทด] น. สนเทศ. (ป.).
สันเทหะ สันเทหะ น. สนเท่ห์. (ป., ส.).
สั่นเทา สั่นเทา ก. สั่นรัว ๆ อย่างคนเป็นไข้.
สั่นเทิ้ม สั่นเทิ้ม ก. สั่นไปทั้งตัว.
สันธาน สันธาน น. การเกี่ยวข้อง, การเป็นเพื่อน; เครื่องพัวพัน; (ไว) คําพวกที่เชื่อมประโยคให้เกี่ยวเนื่องกัน เช่น เขาชอบสีเหลือง แต่ฉันชอบสีแดง น้ำท่วมเพราะฝนตกหนัก. (ป., ส.).
สันนิธิ สันนิธิ น. การสะสม, การรวบรวม; ที่ใกล้, ที่ต่อหน้า. (ป., ส.).
สันนิบาต,สันนิบาต ๑ สันนิบาต ๑ น. การประชุม, ที่ประชุม, เช่น สังฆสันนิบาต สันนิบาตชาติ, งานชุมนุม เช่น รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตที่ทำเนียบรัฐบาล.
สันนิบาต,สันนิบาต ๒ สันนิบาต ๒ น. เรียกไข้ชนิดหนึ่งมีอาการสั่นเทิ้ม ชักกระตุก และเพ้อ ว่า ไข้สันนิบาต เช่น ไข้สันนิบาตลูกนก ไข้สันนิบาตหน้าเพลิง. (ป., ส.).
สันนิบาตเทศบาล สันนิบาตเทศบาล น. องค์กรของเทศบาลทั่วประเทศรวมทั้งเทศบาลเมืองพัทยาและกรุงเทพมหานคร ซึ่งรวมตัวกันโดยมีจุดมุ่งหมายช่วยเหลือ สนับสนุน และติดต่อประสานงานเทศบาลทั่วประเทศ โดยไม่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เรียกว่า สันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย.
สันนิวาส สันนิวาส น. ที่อยู่, ที่พัก; การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน. (ป., ส.).
สันนิเวส สันนิเวส น. การตระเตรียม, การตั้งลง. (ป.; ส. สนฺนิเวศ).
สันนิษฐาน สันนิษฐาน [-นิด-] ก. ลงความเห็นเป็นการคาดคะเนไว้ก่อน. (ป. สนฺนิฏาน ว่า ลงความเห็นในที่สุด).
สันปันน้ำ สันปันน้ำ น. แนวสันเขาหรือสันเนินซึ่งเป็นแนวเขตแบ่งระหว่างลุ่มน้ำ, สันเขาหรือบริเวณที่สูงซึ่งแบ่งนํ้าให้ไหลไปลงแม่นํ้าลําธารที่อยู่แต่ละด้านของสันเขาหรือบริเวณที่สูงนั้น มักปรากฏเป็นแนวตอนบนสุดของทิวเขาซึ่งแบ่งเขตระหว่างลุ่มนํ้าที่มีทิศทางการไหลตรงข้ามกัน.
สันพร้านางแอ สันพร้านางแอ ดู เฉียงพร้านางแอ.
สันพร้ามอญ สันพร้ามอญ ดู กระดูกไก่ดํา.
สันพร้าหอม สันพร้าหอม น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Eupatorium stoechadosmum Hance ในวงศ์ Compositae ใช้ทํายาได้.
สันมือ สันมือ น. ส่วนข้างฝ่ามือด้านนิ้วก้อย เช่น สับด้วยสันมือ.
สันรวง สันรวง (กลอน) น. สรวง.
สันลึก สันลึก น. ใบตาล. (ข. สฺลึก ว่า ใบไม้).
สันสกฤต สันสกฤต [-สะกฺริด] น. ชื่อภาษาในตระกูลอินเดีย-ยุโรป ซึ่งมีใช้ในวรรณคดีอินเดียโบราณ เช่น คัมภีร์ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท ต่อมาใช้ในวรรณคดีของพราหมณ์โดยทั่วไป และในคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน, ใช้ว่า สังสกฤต ก็มี.<2t>ว. ที่ทำให้ดีพร้อมแล้ว, ที่ทำให้ประณีตแล้ว, ที่ขัดเกลาแล้ว. (ส. สํสฺกฤต; ป. สกฺกฏ).
สันหลัง สันหลัง น. ส่วนของร่างกายด้านหลัง ซึ่งมีกระดูกเป็นแนวนูนลงมาตลอดหลัง; โดยปริยายหมายความว่า ส่วนที่ตั้งมั่นของสิ่งใด ๆ.
สันหลังยาว สันหลังยาว (สํา) ว. เรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอนว่า ขี้เกียจสันหลังยาว หรือใช้สั้น ๆ ว่า สันหลังยาว ก็มี, ขี้เกียจหลังยาว ก็ว่า.
สับ,สับ ๑ สับ ๑ ก. เอาของมีคมเช่นมีดหรือขวานฟันลงไปโดยแรงหรือซอยถี่ ๆ เช่น สับกระดูกหมู สับมะละกอ, กิริยาที่เอาสิ่งมีปลายงอนหรือปลายแหลมเจาะลงไป เช่น เอาขอสับช้าง, เอาสิ่งที่เป็นขอเกี่ยวเข้าไว้ เช่น สับขอหน้าต่าง, โดยปริยายหมายถึงอาการที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สับด้วยสันมือ ถูกโขกถูกสับ; ทําเชือกให้เข้าเกลียวตั้งแต่ ๓ เกลียวขึ้นไปให้เขม็งแน่น เรียกว่า สับเชือก; เปลี่ยนแทนที่กัน เช่น วางของสับที่ ใส่รองเท้าสับข้าง เต้นรำสับคู่ สับตัวจำเลย.
สับ,สับ ๒ สับ ๒ (โบ) ว. สรรพ.
สับ,สับ ๓ สับ ๓ ว. ถ้วน, พอดี, เช่น ห้าสองหนเป็นสิบสับ. (มูลบทบรรพกิจ).
สับเกลียว,สับเชือก สับเกลียว, สับเชือก ก. เอาเชือก ๒ เส้นฟั่นควบเป็นเส้นเดียวกัน แล้วเอาเชือกเส้นที่ ๓ ซึ่งเขม็งแล้วควบเข้าไประหว่างเชือก ๒ เส้นนั้น โดยคลายเกลียวที่ปลายเชือก ๒ เส้นแรกเล็กน้อย เพื่อให้เชือกเส้นที่ ๓ สอดควบเข้าด้วยกันได้จนตลอด.
สับโขก สับโขก ก. ดุด่าว่าให้เจ็บใจอยู่เสมอ ๆ, โขกสับ ก็ว่า.
สับเงา สับเงา ว. สัปหงก, อาการที่หน้าหงุบลงเพราะง่วงนอน.
สับนก สับนก ว. เรียกแกงเผ็ดชนิดหนึ่ง ใช้ปลาตัวเล็ก ๆ สับละเอียดทั้งเนื้อและก้างว่า แกงสับนก.
สับปลับ สับปลับ ว. กลับกลอกเชื่อไม่ได้ (มักใช้แก่กริยาพูด) เช่น พูดสับปลับ เขาเป็นคนสับปลับ, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ สับปลี้ เป็น สับปลี้สับปลับ.
สับปลี้ สับปลี้ ก. พูดกลับกลอกเชื่อไม่ได้ มักใช้ประกอบกับคํา สับปลับ เป็น สับปลี้สับปลับ หรือ สับปลับสับปลี้.
สับปะขาว สับปะขาว ดู ชีปะขาว ๒ (๑).
สับปะรด สับปะรด น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Ananas comosus Merr. ในวงศ์ Bromeliaceae ไม่มีลําต้นปรากฏบนพื้นดิน ใบเป็นกาบยาวให้ใยใช้ทําสิ่งทอ ขอบใบมีหนาม ผลมีตาโดยรอบ กินได้ รสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ; เรียกใยของพรรณไม้บางชนิดที่มีลักษณะอย่างใยสับปะรด ใช้ทำหมวกเป็นต้นว่า ไหมสับปะรด.
สับเปลี่ยน สับเปลี่ยน ก. เปลี่ยนแทนที่กัน เช่น สับเปลี่ยนตําแหน่ง.
สับไพ่ สับไพ่ ก. นำไพ่ทั้งสำรับมาตัดเป็นกอง ๆ แล้วรวมโดยสับกองกัน.
สับสน สับสน ก. ปะปนกันยุ่งไม่เป็นระเบียบ เช่น ข่าวสับสนทำให้ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ผู้คนมากมายเดินไปมาสับสน.
สับหลีก สับหลีก (ปาก) ก. เปลี่ยนทางหลีกของรถไฟ, โดยปริยายหมายความว่า เปลี่ยนหรือกำหนดนัดไม่ให้ผู้มาหาตนพบกับอีกคนหนึ่ง (มักใช้ในทางชู้สาว).
สับหว่าง สับหว่าง ว. เยื้องระหว่างแถว จะเป็น ๒ แถวหรือหลายแถวก็ได้ เช่น นั่งสับหว่าง ยืนสับหว่าง.
สัปคับ สัปคับ [สับปะคับ] น. ที่สำหรับนั่งผูกติดบนหลังช้าง, แหย่งช้าง.
สัปคับช้าง สัปคับช้าง น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุรพอาษาฒ มี ๓ ดวง, ดาวราชสีห์ตัวผู้ ดาวปุรพษาฒ หรือ ดาวบุพพาสาฬหะ ก็เรียก.
สัปด,สัปด- สัปด- [สับดะ-] ว. เจ็ด. (ส. สปฺต; ป. สตฺต).
สัปดน สัปดน [สับปะดน] ว. หยาบโลน เช่น พูดสัปดนสองแง่สองง่าม, อุตรินอกแบบนอกแผน เช่น เด็กคนนี้ชอบเล่นสัปดน เอาประทัดผูกหางหมาแล้วจุด, (ปาก) ใช้ว่า สัปโดกสัปดน.
สัปดปกรณ์,สัปดประกรณ์ สัปดปกรณ์, สัปดประกรณ์ น. พระอภิธรรม ๗ คัมภีร์. (ส. สปฺตปฺรกรณ).
สัปดสดก สัปดสดก [-สะดก] น. หมวดละ ๑๐๐ ๗ หมวด. (ส. สปฺตสตก).
สัปดาห์,สัปดาหะ สัปดาห์, สัปดาหะ [สับดา, สับปะดา, สับดาหะ] น. รอบ ๗ วัน เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ถึงวันเสาร์, ระยะ ๗ วัน เช่น สัปดาห์แห่งการส่งเสริมพระพุทธศาสนา สัปดาห์แห่งการเขียนจดหมาย. (ส. สปฺตาห).
สัปต,สัปต- สัปต- [สับตะ-] ว. เจ็ด. (ส.).
สัปตศก สัปตศก น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๗ เช่น ปีฉลู สัปตศก จุลศักราช ๑๓๔๗. (ส.).
สัปทน สัปทน [สับปะทน] น. (โบ) ร่มทำด้วยผ้ามีระบายรอบ คันยาว เป็นเครื่องแสดงยศขุนนางโบราณชั้นสูงกว่าพระยา; ร่มขนาดใหญ่ทำด้วยผ้าหรือแพรสีต่าง ๆ มีระบายรอบ มีด้ามยาว ใช้กั้นนาค ผ้าไตร หรือพระพุทธรูป เป็นต้น.
สัปปะ สัปปะ [สับ-] น. งู. (ป.; ส. สรฺป).
สัปปิ สัปปิ [สับ-] น. เนยใส. (ป.; ส. สรฺปิสฺ).
สัปปุริส,สัปปุริส-,สัปปุรุษ สัปปุริส-, สัปปุรุษ [สับปุริสะ-, สับปุหฺรุด] น. คนที่เป็นสัมมาทิฐิ, คฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาในพระศาสนา, คนที่มีความเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม. (ป. สปฺปุริส; ส. สตฺปุรุษ).
สัประยุทธ์ สัประยุทธ์ [สับปฺระยุด] ก. รบพุ่งชิงชัยกัน.
สัปหงก สัปหงก [สับปะหฺงก] ว. อาการที่หน้าหงุบลงเพราะง่วงนอน.
สัปเหร่อ สัปเหร่อ [สับปะเหฺร่อ] น. ผู้ที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการศพตั้งแต่ทำพิธีมัดตราสัง จนกระทั่งนำศพไปฝังหรือเผา.
สัพ,สัพพะ สัพ, สัพพะ ว. สรรพ, ทุกสิ่ง, ทั้งปวง, ทั้งหมด. (ป. สพฺพ; ส. สรฺว).
สัพพัญญู สัพพัญญู [สับ-] น. ผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, ผู้รู้ทั่ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป.).
สัพเพเหระ สัพเพเหระ (ปาก) ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, ไม่ใช่สิ่งสําคัญ, เช่น ของสัพเพเหระ เรื่องสัพเพเหระไม่มีประโยชน์.
สัพยอก สัพยอก [สับพะยอก] ก. หยอกเย้า เช่น ผู้ใหญ่สัพยอกเด็กว่าเป็นแม่สายบัวแต่งตัวเก้อ.<2t>ว. ที่พูดหยอกเย้า เช่น อย่าโกรธเลย เขาพูดจาสัพยอกเท่านั้น, มักใช้เข้าคู่กันเป็น สัพยอกหยอกเย้า เช่น พูดจาสัพยอกหยอกเย้า.
สัมบูรณ์ สัมบูรณ์ ว. สมบูรณ์ยิ่ง เช่น ความชื้นสัมบูรณ์. (อ. absolute).
สัมปชัญญะ สัมปชัญญะ [สําปะชันยะ] น. ความรู้ตัวอยู่เสมอ, ความไม่เผลอตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ สติ เป็น สติสัมปชัญญะ. (ป.).
สัมปทา สัมปทา [สําปะทา] น. ความถึงพร้อมด้วยคุณความดี เช่น อุฏฐานสัมปทา = ความถึงพร้อมด้วยความเพียร. (ป., ส.).
สัมปทาน สัมปทาน [สําปะทาน] (กฎ) น. การที่รัฐอนุญาตให้เอกชนจัดทําบริการสาธารณะหรือจัดทําประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภายในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่รัฐกําหนด เช่น สัมปทานการเดินรถประจําทาง สัมปทานทําไม้ในป่าสัมปทาน. (ป.).
สัมปยุต สัมปยุต [สําปะยุด] ก. ประกอบด้วย. (ป. สมฺปยุตฺต; ส. สมฺปฺรยุกฺต).
สัมปโยค สัมปโยค [สําปะโยก] น. การประกอบกัน. (ป.; ส. สมฺปฺรโยค).
สัมประสิทธิ์ สัมประสิทธิ์ (คณิต) น. จํานวนจริงที่มีค่าคงตัวซึ่งคูณอยู่กับตัวแปร. (อ. coefficient).
สัมประหาร สัมประหาร น. การสู้รบกัน, การต่อสู้กัน. (ส. สมฺปฺรหาร; ป. สมฺปหาร).
สัมปรายภพ,สัมปรายิกภพ สัมปรายภพ, สัมปรายิกภพ [-ปะรายะ-, -ปะราย-, -ปะรายิกะ-] น. ภพหน้า. (ป., ส.).
สัมปัตติ สัมปัตติ น. สมบัติ. (ป., ส.).
สัมผัปลาป,สัมผัปลาปะ สัมผัปลาป, สัมผัปลาปะ [สําผับปะลาบ, -ปะลาปะ] น. คําพูดเพ้อเจ้อ. (ป. สมฺผปฺปลาป; ส. สมฺปฺรลาป).
สัมผัส สัมผัส ก. ถูกต้อง, แตะต้อง, กระทบกัน, เช่น มีใครมาสัมผัสไหล่ พยายามให้เท้าสัมผัสหญ้าเสียบ้าง จะได้มีสุขภาพดี สัมผัสมือกัน; คล้องจองกัน เช่น คําในกลอนบทนี้สัมผัสกันดี.<2t>น. การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึก เช่น ประสาทสัมผัส, การแตะต้อง, การกระทบกัน, เช่น พอออกไปข้างนอกก็สัมผัสอากาศเย็นเฉียบ; ความคล้องจองของถ้อยคํา เช่น ในนํ้ามีปลาในนามีข้าว; (วรรณ) ข้อบังคับที่ใช้ในฉันทลักษณ์เพื่อให้เสียงรับกัน. (ป. สมฺผสฺส; ส. สํสฺปรฺศ).
สัมผัสนอก สัมผัสนอก น. สัมผัสนอกวรรคหรือระหว่างวรรคตามข้อบังคับแห่งฉันทลักษณ์ซึ่งเป็นสัมผัสสระและไม่ซ้ำเป็นคำเดียวกัน เช่น
สัมผัสใน สัมผัสใน น. สัมผัสที่อยู่ภายในวรรคเพื่อเพิ่มเสียงไพเราะ มิได้ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร เช่น เห็นโรงเรียงไร่ฝ้ายทั้งซ้ายขวา. (ขุนช้างขุนแผน), ในโคลงหมายรวมถึงสัมผัสสระและสัมผัสอักษรที่อยู่ระหว่างวรรคในบาทเดียวกันด้วย คือ คำสุดท้ายของวรรคแรกสัมผัสกับคำแรกของวรรคหลัง เช่น อ้าศรีเสาวภาคย์เพี้ยง<2t>เพ็ญแข. (ตะเลงพ่าย).
สัมผัสสระ สัมผัสสระ น. สัมผัสที่มีเสียงสระหรือเสียงสระกับตัวสะกดในมาตราเดียวกัน เช่น . (เพลงยาวถวายโอวาท), . (นิ. วัดสิงห์).
สัมผัสอักษร สัมผัสอักษร น. สัมผัสพยัญชนะที่มีพยัญชนะต้นตัวเดียวกันหรือเสียงพ้องกัน เช่น จําใจจําจากเจ้า จําจร. (ตะเลงพ่าย), คูนแคขิงข่าขึ้น เคียงคาง. (หลักภาษาไทยของกำชัย ทองหล่อ).
สัมพล,สมพล สัมพล, สมพล [สําพน, สมพน] น. อาหาร, เสบียง. (ป.; ส. ศมฺพล).
สัมพหุลา สัมพหุลา (ปาก) ว. รวมปะปนกันหลาย ๆ อย่าง เช่น งานสัมพหุลาเต็มไปหมด ทำไม่ไหวหรอก, สรรพหุลา ก็ว่า. (ป.).
สัมพัจฉร,สัมพัจฉร- สัมพัจฉร- [สําพัดฉะระ-] น. ปี. (ป. สํวจฺฉร; ส. สํวตฺสร).
สัมพัจฉรฉินท์ สัมพัจฉรฉินท์ น. พิธีสิ้นปี, ตรุษ. (ป.).
สัมพัตสร สัมพัตสร น. สมพัตสร. (ส.; ป. สํวจฺฉร).
สัมพัทธ์ สัมพัทธ์ ว. ที่เปรียบเทียบกัน เช่น ความเร็วสัมพัทธ์ ความชื้นสัมพัทธ์. (ป., ส.).
สัมพันธ,สัมพันธ-,สัมพันธ์,สัมพันธน์ สัมพันธ-, สัมพันธ์, สัมพันธน์ [สําพันทะ-, สําพัน] ก. ผูกพัน, เกี่ยวข้อง, เช่น เขากับฉันสัมพันธ์กันฉันญาติ ข้อความข้างหลังไม่สัมพันธ์กับข้อความข้างหน้า.<2t>(ไว) น. การแยกความออกเป็นประโยค ๆ หรือส่วนต่าง ๆ ของประโยค แล้วบอกการเกี่ยวข้องของประโยคและคำต่าง ๆ ในประโยคนั้น ๆ. (ป., ส.).
สัมพันธภาพ สัมพันธภาพ น. ความผูกพัน, ความเกี่ยวข้อง, เช่น สัมพันธภาพระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตดีขึ้นตามลำดับ.
สัมพันธมิตร สัมพันธมิตร น. เรียกกลุ่มประเทศอันประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต อังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน ที่รวมเป็นแกนร่วมรบกับกลุ่มประเทศฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ว่า ฝ่ายสัมพันธมิตร.
สัมพันธไมตรี สัมพันธไมตรี น. ความเกี่ยวข้องผูกพันกันฉันมิตร เช่น ประเทศไทยมีสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน.
สัมพาธะ สัมพาธะ น. ความคับแคบ, การเบียดเสียด, การยัดเยียด, การอัดแอ. (ป., ส.).
สัมพาหน์,สัมพาหะ สัมพาหน์, สัมพาหะ น. การนวดฟั้น. (ป.; ส. สํวาหน).
สัมพุทธ,สัมพุทธ-,สัมพุทธะ สัมพุทธ-, สัมพุทธะ น. ผู้รู้พร้อม, ผู้ตื่นแล้ว, ผู้สว่างแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
สัมโพธิ สัมโพธิ [-โพทิ] น. สมโพธิ. (ป., ส.).
สัมภวะ สัมภวะ [สำพะ-] น. สมภพ. (ป., ส.).
สัมภเวสี สัมภเวสี [สำพะ-] น. ผู้แสวงหาที่เกิด ในคติของศาสนาพราหมณ์หมายถึงคนที่ตายแล้ววิญญาณกำลังแสวงหาที่เกิด แต่ยังไม่ได้เกิดในกำเนิดใดกำเนิดหนึ่ง, ผู้ต้องเกิด, สัตว์โลก. (ป.; ส. สมฺภเวษินฺ).
สัมภัต,สัมภัตตะ สัมภัต, สัมภัตตะ น. ผู้ร่วมคบหากัน, เพื่อนร่วมกินร่วมนอน. (ป. สมฺภตฺต; ส. สมฺภกฺต).
สัมภาระ สัมภาระ [สำพาระ] น. สิ่งของต่าง ๆ เช่น เครื่องมือเครื่องใช้และเสบียงซึ่งสะสมรวบรวมหรือจัดเตรียมไว้เพื่อภาระต่าง ๆ เช่น เตรียมสัมภาระสำหรับไปต่างจังหวัด; การเกื้อหนุน, การเลี้ยงดู. (ป., ส.).
สัมภาษณ์ สัมภาษณ์ ก. สนทนาหรือสอบถามเพื่อนำเรื่องราวไปเผยแพร่ทางหนังสือพิมพ์หรือวิทยุกระจายเสียงเป็นต้น เช่น เจ้าหน้าที่กรมประชาสัมพันธ์สัมภาษณ์นายกราชบัณฑิตยสถานเกี่ยวกับความเป็นมาของราชบัณฑิตยสถาน.<2t>น. การพบปะสนทนากันในลักษณะที่ฝ่ายหนึ่งต้องการทราบเรื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อนำไปเผยแพร่ เรียกว่า ผู้สัมภาษณ์ และอีกฝ่ายหนึ่งที่ต้องการจะแถลงข่าวแก่อีกฝ่ายหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้สัมภาษณ์; การสอบท่วงทีวาจาและไหวพริบ พิจารณาดูชั้นเชิงและความสามารถของผู้เข้าสอบ ว่าจะเป็นผู้เหมาะสมตามที่ต้องการหรือไม่ เรียกว่า สอบสัมภาษณ์. (ส. สมฺภาษณ ว่า การสนทนากัน, การพูดจาซักถามกัน; คําพูดให้ตรงกัน).
สัมเภทะ สัมเภทะ น. การปะปน, การรวมกัน; การแยก, การแตกออก, การแบ่ง. (ป., ส.).
สัมโภคกาย สัมโภคกาย [สําโพกคะ-] น. พระกายของพระพุทธเจ้าอันเป็นทิพยภาวะ มีรัศมีรุ่งเรืองแผ่ซ่านทั่วไป และจะปรากฏแก่พระโพธิสัตว์ มหาสัตว์ แม้จนบัดนี้. (ส.).
สัมมนา สัมมนา น. การประชุมแบบหนึ่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และหาข้อสรุปหรือข้อเสนอแนะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลสรุปที่ได้ถือว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะ ผู้เกี่ยวข้องจะนําไปปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ เช่น สัมมนาการศึกษาประชาบาล. (อ. seminar).
สัมมัปธาน สัมมัปธาน [สํามับปะทาน] น. ความเพียรที่ตั้งไว้ชอบ. (ป. สมฺมปฺปธาน; ส. สมฺยกฺปฺรธาน).
สัมมา สัมมา ว. ชอบ, ดี, (มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส) เช่น สัมมาทิฐิ สัมมาชีพ. (ป.; ส. สมฺยกฺ).
สัมมากัมมันตะ สัมมากัมมันตะ น. การงานชอบ คือ ประพฤติกายสุจริต.(ป.).
สัมมาคารวะ สัมมาคารวะ น. ความเคารพนบนอบ เช่น พูดกับผู้ใหญ่ต้องมีสัมมาคารวะ.
สัมมาจริยา สัมมาจริยา น. การประพฤติชอบ. (ป.).
สัมมาชีพ สัมมาชีพ น. อาชีพที่สุจริต, อาชีพที่ชอบธรรม, เช่น การทำไร่ทำนานับว่าเป็นสัมมาชีพอย่างหนึ่ง. (ป. สัมมา + อาชีว).
สัมมาทิฐิ สัมมาทิฐิ น. ความเห็นชอบตามทํานองคลองธรรม เช่น เห็นว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว. (ป. สมฺมาทิฏฺิ).
สัมมาวาจา สัมมาวาจา น. การเจรจาชอบ คือ ประพฤติวจีสุจริต. (ป.).
สัมมาวายามะ สัมมาวายามะ น. ความพยายามชอบ. (ป.).
สัมมาสติ สัมมาสติ น. ความระลึกชอบ. (ป.).
สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิ น. สมาธิชอบ, ความตั้งใจชอบ. (ป.).
สัมมาสังกัปปะ สัมมาสังกัปปะ น. ความดําริในทางที่ชอบ. (ป.).
สัมมาอาชีวะ สัมมาอาชีวะ น. การเลี้ยงชีวิตในทางที่ชอบ. (ป.).
สัมโมทนียกถา สัมโมทนียกถา [สำโมทะนียะกะถา] น. ถ้อยคําที่แสดงความชื่นชมยินดี เป็นที่ชุ่มชื่นใจแก่ผู้ฟังหรือผู้อ่าน. (ป., ส.).
สัมฤทธิ,สัมฤทธิ-,สัมฤทธิ์ สัมฤทธิ-, สัมฤทธิ์ [สําริดทิ-, สําริด] น. ความสําเร็จ ในคําว่า สัมฤทธิผล; โลหะเจือชนิดหนึ่ง ส่วนใหญ่ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุก, ทองสัมฤทธิ์ หรือ ทองบรอนซ์ ก็เรียก, โบราณเขียนว่า สําริด. (ส. สมฺฤทฺธิ; ป. สมิทฺธิ).
สัมฤทธิศก สัมฤทธิศก [สำริดทิสก] น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๐ เช่น ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช ๑๓๕๐, ปีสําเร็จ (ครบรอบ คือ ปีที่ ๑๐ ของรอบ ๑๐ ปีของจุลศักราช) ซึ่งตั้งต้นด้วยเอกศก โทศก เป็นลําดับไปจน นพศก แล้วสัมฤทธิศก เป็นครบรอบแล้วตั้งต้นใหม่.
สัยน์ สัยน์ [ไส] น. สยนะ. (ป.; ส. ศยน).
สัลลาป,สัลลาป- สัลลาป- [สันลาปะ-] น. การพูดจากัน. (ป.; ส. สํลาป).
สัลเลข,สัลเลข- สัลเลข- [สันเลขะ-] น. การขัดเกลากิเลส. (ป.; ส. สํเลข).
สัสดี สัสดี [สัดสะดี] น. ผู้รวบรวมบัญชีคน, เจ้าหน้าที่บัญชีทหาร; การรวมบัญชีคน.
สัสต,สัสต- สัสต- [สัดสะตะ-] ว. เที่ยง, แน่นอน, คงที่, ถาวร. (ป. สสฺสต; ส. ศาศฺวต).
สัสตทิฐิ สัสตทิฐิ น. ลัทธิที่ถือว่าโลกและวิญญาณเป็นของเที่ยงไม่เสื่อมสูญ. (ป. สสฺสตทิฏฺ).
สัสสะ สัสสะ [สัดสะ] น. ข้าวกล้า. (ป.; ส. ศสฺย).
สัสสุ,สัสสู สัสสุ, สัสสู [สัด-] น. แม่ยาย, แม่ผัว. (ป.; ส. ศฺวศฺรู).
สา,สา ๑ สา ๑ น. หมา. (ป.; ส. ศฺวนฺ).
สา,สา ๒ สา ๒ (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกระสา. (ดู กระสา ๓), ชื่อกระดาษที่ทำจากเปลือกต้นกระสา ใช้ทำร่มเป็นต้น เรียกว่า กระดาษสา.
สา,สา ๓ สา ๓ (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่องูหลายชนิดในหลายวงศ์ เช่น สาเหลือง หมายถึง งูลายสอบ้าน (Xenochrophis piscator) สาขาว หมายถึง งูทับสมิงคลา (Bungarus candidus) สาคอแดง หมายถึง งูลายสาบคอแดง (Rhabdophis subminiatus).
สา,สา ๔ สา ๔ สัน. แม้ว่า, หาก, เช่น สาอวรอรวนิดา โดยพี่มานี. (หริภุญชัย).
ส่า ส่า น. สิ่งที่เป็นเชื้อทําให้ปรากฏเป็นฟอง รา หรือเม็ดผื่นเป็นต้นแก่สิ่งอื่นบางลักษณะ.
สาก,สาก ๑ สาก ๑ น. เครื่องมือสําหรับตําอย่างหนึ่ง, คู่กับ ครก.
สาก,สาก ๒ สาก ๒ ดู นํ้าดอกไม้ ๓.
สาก,สาก ๓ สาก ๓ ว. อาการที่ระคายเพราะมีลักษณะไม่ละเอียดอ่อนหรือไม่นุ่มนวล เช่น ใบข่อยจับแล้วสากมือ ผู้หญิงคนนี้มือสากเพราะทำงานหนักตั้งแต่เด็ก, ขรุขระเพราะมีพื้นไม่ราบเรียบ เช่น กระดานแผ่นนี้ผิวสากเพราะยังไม่ได้ไสกบ.
สากกะเบือ สากกะเบือ น. สากไม้สําหรับตําข้าวเบือหรือนํ้าพริกเป็นต้น, ใช้คู่กับ ครกกะเบือ.
สากรรจ์ สากรรจ์ คําเลือนมาจาก ฉกรรจ์.
สากล สากล ว. ทั่วไป, ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, เช่น สากลโลก สากลจักรวาล; เป็นที่นิยมทั่วไป เช่น เครื่องแต่งกายชุดสากล, สามัญหมายถึงแบบซึ่งเดิมเรียกว่า ฝรั่ง เช่น มวยฝรั่ง เรียก มวยสากล, ใช้แทนคํา ระหว่างประเทศ ก็มี เช่น สภากาชาดสากล น่านน้ำสากล. (ป., ส. สกล).
สากษิน,สากษี สากษิน, สากษี [สากสิน, -สี] น. สักขี. (ส.; ป. สกฺขี).
สากหยาก สากหยาก [สากกะหฺยาก] ว. ขรุขระ, น่าสะอิดสะเอียนอย่างหนังคางคก.
สากะ สากะ น. ผัก. (ป.; ส. ศาก).
สากัจฉา สากัจฉา น. การพูดจา, การปรึกษา. (ป.).
สากัลย์ สากัลย์ (แบบ) น. ความรวมกันของสิ่งทั้งหมด. (ป., ส.).
สากิย,สากิย-,สากิยะ สากิย-, สากิยะ น. ชื่อวงศ์กษัตริย์วงศ์หนึ่งในเมืองกบิลพัสดุ์ เรียกว่า ศากยวงศ์ หรือ สากิยวงศ์, เรียกกษัตริย์ในวงศ์นี้ว่า ศากยะ หรือ สากิยะ, ถ้าเพศหญิง ใช้ว่า สากิยา หรือ สากิยานี. (ป.; ส. ศากฺย).
สากิยบุตร สากิยบุตร น. สาวกของพระพุทธเจ้า.
สากิยมุนี สากิยมุนี น. ศากยมุนี, พระนามของพระศากยพุทธเจ้า. (ป.).
สาเก สาเก น. ชื่อเรียกขนุนสําปะลอพันธุ์ที่ผลไม่มีเมล็ด. (ดู ขนุนสําปะลอ). (เทียบทมิฬ sakki ว่า ขนุน).
สาแก่ใจ สาแก่ใจ ว. หนำใจ, สะใจ, (มักใช้ในความประชดหรือแดกดัน) เช่น บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเขา โดนเขาด่ามา สาแก่ใจไหมล่ะ วันนี้เงินเดือนออก ต้องจ่ายให้สาแก่ใจ.
ส่าขนุน ส่าขนุน น. ดอกขนุนที่เกิดขึ้นก่อนแล้วร่วงไป ซึ่งเป็นเครื่องหมายว่าขนุนนั้นจะมีลูก.
สาขา สาขา น. กิ่งไม้, กิ่งก้าน, เช่น ต้นจามจุรีมีสาขามาก; แขนง, ส่วนย่อย, ส่วนรอง, เช่น วิทยาศาสตร์กายภาพเป็นสาขาหนึ่งของวิชาวิทยาศาสตร์ ธนาคารออมสินสาขาหน้าพระลาน. (ป.; ส. ศาขา).
ส่าไข้ ส่าไข้ น. เม็ดผื่นขึ้นตามตัวก่อนจะเป็นไข้, เรียกไข้ที่มีเม็ดผื่นเช่นนั้นว่า ไข้ส่า.
สาคร,สาคร ๑ สาคร ๑ [-คอน] น. แม่นํ้า, ทะเล. (ป., ส.).
สาคร,สาคร ๒ สาคร ๒ [-คอน] น. ชื่อขันขนาดใหญ่ทำด้วยโลหะผสม ได้แก่ สัมฤทธิ์ ทองเหลือง ตัวขันเป็นทรงลูกมะนาวตัด ก้นขันมีเชิง ข้างขันทำเป็นรูปหน้าสิงโตปากคาบห่วงซึ่งใช้เป็นหูหิ้วข้างละหู ใช้บรรจุน้ำสำหรับทำน้ำมนต์ หรือสำหรับผู้มีบรรดาศักดิ์ใช้อาบ เรียกว่า ขันสาคร.
สาคเรศ สาคเรศ [-คะเรด] (กลอน) น. แม่นํ้า, ทะเล.
สาคู,สาคู ๑ สาคู ๑ น. (๑) ชื่อปาล์ม ๒ ชนิดในสกุล Metroxylon วงศ์ Palmae คือ ชนิด M. sagus Rottb. กาบใบไม่มีหนาม และชนิด M. rumphii Mart. กาบใบมีหนาม, ทั้ง ๒ ชนิด ใบใช้มุงหลังคา ไส้ในลําต้นแก่ใช้ทําแป้ง เรียกว่า แป้งสาคู. (เทียบ ม. sagu).<2t>(๒) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Maranta arundinacea L. ในวงศ์ Marantaceae ต้นขนาดต้นขมิ้น เหง้าใช้ทําแป้งและต้มกิน.
สาคู,สาคู ๒ สาคู ๒ น. ชื่อตัวอ่อนของพยาธิตัวตืดหมูชนิด Taenia solium ในวงศ์ Taeniidae ฝังตัวอยู่ในอวัยวะต่าง ๆ ของหมู ลักษณะเป็นถุงรูปคล้ายเม็ดสาคู ภายในมีหัวของตัวตืด.
สาคูน้ำเชื่อม สาคูน้ำเชื่อม น. ชื่อขนมชนิดหนึ่งทำด้วยสาคูเม็ดใหญ่ใส่น้ำเชื่อม.
สาคูเปียก สาคูเปียก น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ต้มสาคูเม็ดเล็กจนบานใส แล้วใส่น้ำตาล จะใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนหรือแห้วเป็นต้นก็ได้ เมื่อจะกินจึงหยอดหน้าด้วยกะทิ.
สาคูลาน สาคูลาน น. แป้งสาคูที่เอาเยื่อในลําต้นแก่ของสาคูชนิดคล้ายต้นลานมาทําเป็นแป้งเม็ดโต ๆ ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น ซุปสาคู สาคูน้ำเชื่อม, สาคูเม็ดใหญ่ ก็ว่า.
สาคูวิลาด สาคูวิลาด น. สาคูที่มาจากต่างประเทศ หมายถึงแป้งสาคูเม็ดเล็ก ๆ.
สาคูไส้หมู สาคูไส้หมู น. ชื่ออาหารว่างชนิดหนึ่ง ทำด้วยสาคูเม็ดเล็กนวดน้ำร้อนให้ดิบ ๆ สุก ๆ ปั้นเป็นก้อน มีเนื้อหมูเป็นต้นสับผัดกับเครื่องปรุงทำเป็นไส้ แล้วนึ่ง.
สาง,สาง ๑ สาง ๑ น. ผี, บางทีใช้เข้าคู่กันเป็น ผีสาง; กลิ่นเหม็นของซากศพ ซากสัตว์ เช่น เหม็นสาบเหม็นสาง, โดยปริยายหมายความว่า มีกลิ่นเหม็นคล้ายคลึงเช่นนั้น.
สาง,สาง ๒ สาง ๒ น. สัตว์ในนิยาย เข้าใจกันว่ามีรูปร่างอย่างเสือ.
สาง,สาง ๓ สาง ๓ (วรรณ) น. ช้าง เช่น เสือสางสรรโสงสรรพและไกร สรร้องสำเทินสาร. (สมุทรโฆษ).
สาง,สาง ๔ สาง ๔ น. ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าในเวลาเช้ามืด เริ่มแต่มีความมืดน้อยลง ๆ ตามลําดับ จนกว่าจะสว่างแจ้งเป็นที่สุด เรียกว่า ท้องฟ้าสาง.<2t>ก. ทําให้แจ้งให้กระจ่าง เช่น สางคดี, ทําให้หายยุ่ง เช่น สางผม.
สาง,สาง ๕ สาง ๕ น. หวี, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสาง.
ส้าง ส้าง น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างในสําหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรมอยู่ ๔ มุมเมรุ, คดซ่าง คดสร้าง ซ่าง สร้าง หรือ สําซ่าง ก็เรียก.
สางคลื่น สางคลื่น น. คลื่นที่ยอดไม่แตก, คลื่นใต้น้ำ.
สางห่า สางห่า (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อจิ้งเหลนหางยาวชนิด Takydromus sexlineatus ในวงศ์ Lacertidae ตัวเล็ก หางยาวประมาณ ๕ เท่าของความยาวลําตัว พบทุกภาคของประเทศไทย ที่เรียกสางห่าเพราะเข้าใจผิดว่ามีพิษร้ายแรง.
สาชล สาชล (กลอน) น. สายชล, สายน้ำ, เช่น โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา. (นิ. ภูเขาทอง).
สาฎก สาฎก [สาดก] น. ผ้า. (ป. สาฏก; ส. ศาฏก).
สาฏิก,สาฏิก- สาฏิก- [สาติกะ-] น. เสื้อ, เสื้อคลุม; ผ้า. (ป.; ส. ศาฏิกา).
สาณ,สาณ- สาณ- [สานะ-] น. ผ้าหยาบ, ผ้าป่าน. (ป.; ส. ศาณ).
สาณี สาณี น. ม่าน, ฉาก, มู่ลี่; ผ้าป่าน. (ป.; ส. ศาณี).
สาด,สาด ๑ สาด ๑ น. เสื่อ, มักใช้ประกอบหลังคํา เสื่อ เป็น เสื่อสาด.
สาด,สาด ๒ สาด ๒ ก. ซัดไป เช่น สาดน้ำ สาดโคลน สาดทราย, วักน้ำหรือตักน้ำซัดออกไปโดยแรง เช่น สาดน้ำรดแปลงผัก, ซัดหรือกระเซ็นเข้ามา เช่น ฝนสาด, ซัดหรือยิงอาวุธหรือกระสุนปืนทีละมาก ๆ เช่น สาดอาวุธเข้าหากัน สาดกระสุนเข้าใส่กัน; ส่องแสงเข้ามา เช่น ดวงจันทร์สาดแสง ห้องนี้แดดสาดทั้งวัน, กระจาย เช่น ถูกตีหัวเลือดสาด.
สาดโคลน สาดโคลน [-โคฺลน] (สํา) ก. ใส่ร้ายป้ายสี.
สาดน้ำรดกัน สาดน้ำรดกัน (สํา) ก. กล่าวให้ร้ายซึ่งกันและกัน, ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กันและกัน.
สาดเสียเทเสีย สาดเสียเทเสีย ก. ใช้สิ่งของสิ้นเปลืองไปเปล่า ๆ.<2t>ว. อย่างเจ็บแสบทําให้เสียหายอย่างรุนแรง เช่น ด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย.
สาต สาต ว. สําราญ, ยินดี, เป็นที่พอใจ. (ป.; ส. ศาต).
สาตรา สาตรา [สาดตฺรา] (โบ) น. ของมีคม. (ส. ศสฺตฺร; ป. สตฺถ).
สาไถย สาไถย น. การแสร้งทําให้เขาหลงผิดเข้าใจผิด, มักใช้เข้าคู่กับคำ มารยา เป็น มารยาสาไถย. (ป. สาเยฺย; ส. ศาฐฺย).
สาทร สาทร [-ทอน] ก. เอื้อเฟื้อ, เอาใจใส่. (ป., ส.).
สาทิส,สาทิส- สาทิส, สาทิส- [สาทิด, สาทิดสะ-] ว. เหมือนกัน, คล้ายกัน, เช่นกัน. (ป. สาทิสฺส; ส. สาทฺฤศฺย).
สาทิสลักษณ์ สาทิสลักษณ์ (ราชา) น. ภาพเขียนเหมือนบุคคลจริง, ใช้ว่า พระบรมสาทิสลักษณ์ หรือ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์.
สาทุ สาทุ ว. หวาน, อร่อย; น่าปรารถนา. (ป.; ส. สฺวาทุ).
สาโท สาโท น. น้ำเมาที่ได้จากการหมัก เช่น น้ำขาว อุ กะแช่. (ป. สาโท ว่า ยินดี).
สาธก สาธก [-ทก] ก. ยกตัวอย่างมาอ้างให้เห็น. (ป.; ส. ว่า ช่วยทํา, ทําให้สําเร็จ).
สาธย,สาธย-,สาธยะ สาธย-, สาธยะ [-ทะยะ-] ว. ควรทําให้สําเร็จ. (ปรัชญา) น. สิ่งหรือเรื่องที่อนุมาน. (ส. สาธฺย).
สาธยาย สาธยาย [สาทะยาย, สาดทะยาย] น. การท่อง, การสวด, การทบทวน, เช่น สาธยายมนต์, (ปาก) การชี้แจงแสดงเรื่อง เช่น สาธยายอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักจบเสียที. (ส. สฺวาธฺยาย; ป. สชฺฌาย).
สาธารณ์ สาธารณ์ [สาทาน] ว. ตํ่า, เลว; ชั่วช้า, เช่น ดังกากาจชาติช้าสาธารณ์ จะประมาณหมายหงส์พงศ์พระยา. (อิเหนา), บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ชั่วช้า เป็น ชั่วช้าสาธารณ์; ทั่ว ๆ ไป เช่น ของสาธารณ์. (ป., ส. ว่า ทั่วไป, สามัญ).
สาธารณ,สาธารณ-,สาธารณะ สาธารณ-, สาธารณะ [สาทาระนะ] ว. เพื่อประชาชนทั่วไป เช่น สวนสาธารณะ โทรศัพท์สาธารณะ บ่อน้ำสาธารณะ, ทั่วไป เช่น ถนนนี้ไม่ใช่ถนนสาธารณะ อย่าแต่งตัวประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ. (ป., ส.).
สาธารณชน สาธารณชน น. ประชาชนทั่วไป.
สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ น. ประโยชน์ทั่วไปแก่ประชาชน เช่น บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์.
สาธารณภัย สาธารณภัย น. ภัยที่เกิดแก่คนหมู่มากอย่างไฟไหม้ น้ำท่วม เช่น หน่วยบรรเทาสาธารณภัย; (กฎ) อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย ตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีมาเป็นสาธารณะ ไม่ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือมีผู้ทําให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายของประชาชน หรือความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชนหรือของรัฐ.
สาธารณรัฐ สาธารณรัฐ น. ประเทศหรือการปกครองที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี. (อ. republic).
สาธารณสถาน สาธารณสถาน (กฎ) น. สถานที่ใด ๆ ซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้.
สาธารณสมบัติ สาธารณสมบัติ น. ทรัพย์สินส่วนรวมของประชาชน เช่น ถนนสาธารณะ แม่นํ้า ลําคลอง.
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สาธารณสมบัติของแผ่นดิน (กฎ) น. ทรัพย์สินทุกชนิดของแผ่นดินซึ่งใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน เช่น ที่ดินรกร้างว่างเปล่า และที่ดินซึ่งมีผู้เวนคืนหรือทอดทิ้งหรือกลับมาเป็นของแผ่นดินโดยประการอื่นตามกฎหมายที่ดิน ทรัพย์สินสําหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ.
สาธารณสุข สาธารณสุข น. ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการแพทย์ การสาธารณสุข การควบคุมอาหารและยา รวมทั้งสิ่งที่อาจเป็นพิษหรือเป็นภัยแก่สุขภาพ และควบคุมกิจการกาชาด; กิจการเกี่ยวกับการป้องกัน การบําบัดโรค การรักษา และส่งเสริมสุขภาพของประชาชน. (อ. public health).
สาธารณูปการ สาธารณูปการ น. กิจการเกี่ยวกับการสงเคราะห์บุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ เช่น คนชรา คนพิการ เด็กกําพร้า. (อ. public assistance); การก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ทางศาสนา เช่น งานด้านสาธารณูปการ.
สาธารณูปโภค สาธารณูปโภค น. บริการสาธารณะที่จัดทําเพื่ออํานวยประโยชน์แก่ประชาชนในสิ่งอุปโภคที่จําเป็นต่อการดําเนินชีวิต เช่น การไฟฟ้า การประปา การเดินรถประจําทาง โทรศัพท์. (อ. public utility).
สาธิต สาธิต ก. แสดงเป็นตัวอย่าง เช่น สาธิตการสอน สาธิตการทำขนม.<2t>ว. ที่แสดงเป็นตัวอย่าง เช่น แปลงสาธิต โรงเรียนสาธิต. (ส., ป. ว่า ให้สําเร็จ).
สาธุ สาธุ ว. ดีแล้ว, ชอบแล้ว, (เป็นคําที่พระสงฆ์เปล่งวาจาเพื่อยืนยันหรือรับรองพิธีทางศาสนาที่กระทําไป).<2t>(ปาก) ก. เปล่งวาจาแสดงความเห็นว่าชอบแล้วหรืออนุโมทนาด้วย, มักใช้เข้าคู่กับคำ โมทนา เป็น โมทนาสาธุ; ไหว้ (เป็นคําบอกให้เด็กแสดงความเคารพตามธรรมเนียม กร่อนเสียง เป็น ธุ ก็มี). (ป., ส.).
สาธุการ สาธุการ น. การเปล่งวาจาว่าชอบแล้วเมื่อเวลาเห็นควรหรือยกย่องสรรเสริญ เช่น แซ่ซ้องสาธุการ กล่าวสาธุการขึ้นพร้อม ๆ กัน; ชื่อเพลงหน้าพาทย์ที่สําคัญยิ่ง ใช้บรรเลงในพิธีกรรมเมื่อบูชาหรืออัญเชิญพระรัตนตรัย เทพยดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และใช้เพื่อแสดงกิริยาน้อมไหว้ เป็นเพลงอันดับแรกของชุดโหมโรงเช้าโหมโรงเย็น. (ป., ส.).
สาธุชน สาธุชน น. คนดี, คนที่มีคุณงามความดี, (ใช้ในการยกย่อง). (ป.).
สาน สาน ก. อาการที่ใช้เส้นตอกทําด้วยไม้ไผ่ หวาย กก ใบลาน เป็นต้น ขัดกันให้เป็นผืนเช่นเสื่อ หรือทําขึ้นเป็นวัตถุมีรูปร่างต่าง ๆ เช่นกระบุง กระจาด.
ส่าน ส่าน น. ผ้าขนสัตว์โบราณ. (เปอร์เซีย).
สานตวะ สานตวะ [-ตะวะ] น. การปลอบโยน, การเกลี้ยกล่อม; คําอ่อนโยนและไพเราะ. (ส.).
สานะ สานะ น. หมา. (ป.; ส. ศฺวาน).
สานุ,สานู สานุ, สานู น. ยอดเขา, เนินเขา, ไหล่เขา. (ป., ส.).
สานุศิษย์ สานุศิษย์ น. ศิษย์น้อยใหญ่. (กร่อนมาจาก ส. ศิษฺยานุศิษฺย; ป. สิสฺสานุสิสฺส).
สาบ,สาบ ๑ สาบ ๑ น. กลิ่นเหม็นชนิดหนึ่ง เช่นกลิ่นเสื้อผ้าที่ใช้แล้วแต่ยังไม่ได้ซัก, กลิ่นตัวที่มีประจําอยู่กับสัตว์บางชนิด เช่น สาบเสือ สาบแพะ, กลิ่นอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.
สาบ,สาบ ๒ สาบ ๒ น. ชื่อแมลงพวกเดียวกับแมลงแกลบแต่ตัวโตกว่า ลําตัวยาวประมาณ ๒ เซนติเมตรหรือมากกว่านี้ รูปร่างรูปไข่ค่อนข้างแบนราบ หัวซ่อนอยู่ใต้อก หนวดยาวคล้ายเส้นด้าย ขายาวมีหนามคลุม ตัวเต็มวัยมีทั้งพวกมีปีกและไม่มีปีก ที่พบบ่อยเป็นพวกอาศัยตามบ้านเรือน ได้แก่ ชนิด Periplaneta americana และชนิด Blatta orientalis ในวงศ์ Blattidae.
สาบ,สาบ ๓ สาบ ๓ น. เรียกผ้าทาบที่อกเสื้อสําหรับติดดุมและเจาะรังดุมว่า สาบเสื้อ, ปัจจุบันอนุโลมเรียกผ้าทาบที่คอ แขน กระเป๋า เป็นต้น เพื่อให้หนาขึ้น ว่า สาบคอ สาบแขน สาบกระเป๋า.
สาบ,สาบ ๔ สาบ ๔ น. เรียกห้วงนํ้าใหญ่คล้ายบึง แต่โตกว่า ว่า ทะเลสาบ. (ข. สาบ ว่า จืด).
สาบขนุน สาบขนุน ดู ใบขนุน (๑).
สาบแร้ง สาบแร้ง ดู กระต่ายจาม (๑).
สาบแร้งสาบกา สาบแร้งสาบกา น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในวงศ์ Compositae ใบมีขน กลิ่นฉุน คือ ชนิด Ageratum conyzoides L. ดอกสีฟ้าอ่อน และชนิด Blumea aurita (L.) DC. ดอกสีขาว ต้นสูงกว่าชนิดแรก.
สาบสูญ สาบสูญ ก. สูญหายไปอย่างไม่ทิ้งร่องรอย.<2t>(กฎ) น. เรียกบุคคลซึ่งได้ไปจากภูมิลําเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลา ๕ ปี และศาลมีคําสั่งให้เป็นคนสาบสูญ ว่า คนสาบสูญ ระยะเวลา ๕ ปี ดังกล่าว ลดลงเหลือ ๒ ปี นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว หรือนับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทางไป ได้อับปาง ถูกทำลายหรือสูญหาย หรือนับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิต นอกจากที่ระบุไว้ใน ๒ กรณีดังกล่าวข้างต้นได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น.
สาบเสือ สาบเสือ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Chromolaena odorata (L.) R.M. King ในวงศ์ Compositae เป็นวัชพืชขึ้นทั่วไป ใบมีกลิ่นเหม็นใช้ทํายาได้, เสือหมอบ ก็เรียก.
สาบาน สาบาน ก. กล่าวคําปฏิญาณโดยอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยาน, ประเพณีเดิมจะต้องดื่มนํ้าพระพุทธมนต์ นํ้าเทพมนตร์ หรือ สุราผสมเลือดที่ผู้ร่วมกล่าวคำปฏิญาณกรีดให้หยดลงไปด้วย เช่น สาบานเป็นพี่น้องกัน เพื่อนร่วมสาบาน; (กฎ) กล่าวคําปฏิญาณตามลัทธิศาสนาหรือจารีตประเพณีแห่งชาติของตนว่า จะให้การตามสัตย์จริง. (ป. สปน; ส. ศปน).
สาบานธง สาบานธง ก. กล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าธงชัยเฉลิมพล (ใช้แก่ทหาร).
สาป,สาปสรร สาป, สาปสรร น. คําแช่งให้เป็นไปต่าง ๆ ของผู้มีฤทธิ์อำนาจ เช่นเทวดา ฤๅษี แม่มด. (ป.; ส. ศาป).
สาปแช่ง สาปแช่ง ก. กล่าวมุ่งร้ายให้ผู้อื่นเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง เช่น สาปแช่งไม่ให้ผุดให้เกิด.
สาปไตย สาปไตย [สาปะไต] น. ทรัพย์, สมบัติ. (ป. สาปเตยฺย; ส. สฺวาปเตย).
สาปส่ง สาปส่ง (ปาก) ก. ตัดขาดไม่เกี่ยวข้องด้วย เช่น คนคนนี้ฉันขอสาปส่งไม่คบอีก.
สาม,สาม ๑ สาม ๑ น. จํานวนสองบวกหนึ่ง; ชื่อเดือนจันทรคติ เรียกว่า เดือน ๓ ตกในราวเดือนกุมภาพันธ์.
สาม,สาม-,สาม- ๒ สาม- ๒ [สามะ-, สามมะ-] น. บทสรรเสริญ; การสรรเสริญ. (ส.).
สามกษัตริย์ สามกษัตริย์ น. รูปพรรณที่ในชิ้นเดียวกันมีทั้งทอง นาก และเงินสลับกัน โบราณถือว่าเป็นมงคลแก่ผู้สวม เช่น สายสร้อยสามกษัตริย์ กําไลสามกษัตริย์.
สามเกลอ สามเกลอ น. เครื่องมือสำหรับตอกกระทุ้งเสาเข็ม ลักษณะเป็นไม้ท่อนกลม มีที่จับสำหรับยก ๓ ที่; ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เล็ก ๆ มีไส้หน้ากระฉีก ร้อยด้วยตอกให้ติดกัน ๓ ก้อน แล้วนำไปทอด.
สามแก้ว สามแก้ว ดู ดุกทะเล.
สามขา สามขา น. เครื่องวางภาชนะต้มนํ้าเป็นต้น ทําด้วยโลหะ มี ๓ เส้า; ชื่อตะเกียงที่มีพวยใส่ไส้จุดไฟ ๓ พวย; เต้าเสียบไฟฟ้าชนิดที่มีขาเสียบ ๓ ขา.
สามขุม สามขุม น. เรียกท่าเดินเข้าหาคู่ต่อสู้หรือถอยจากคู่ต่อสู้ของนักมวยนักกระบี่กระบองเป็นต้น โดยเดินก้าวย่างเป็นสลับฟันปลา มีตำแหน่งวางเท้าเป็น ๓ เส้า ว่า ย่างสามขุม.
สามเขี้ยว สามเขี้ยว ดู ขยุย ๒.
สามคาน,สามลำคาน สามคาน, สามลำคาน น. เรียกพระยานมาศขนาดใหญ่มีคานสําหรับแบก ๓ คานว่า พระยานมาศสามลำคาน.
สามง่าม สามง่าม น. ไม้หรือเหล็กที่แยกออกเป็น ๓ แฉกเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน, เรียกอาวุธที่มีปลายแหลมเป็น ๓ แฉกเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน ด้ามยาว ว่า สามง่าม, เรียกสิ่งอื่น ๆ ที่มีลักษณะเช่นนั้น.
สามชั้น สามชั้น น. เรียกเนื้อหมูส่วนท้องที่ชำแหละให้ติดทั้งหนัง มัน และเนื้อว่า หมูสามชั้น; จังหวะของดนตรีไทยที่มีระดับช้า คือช้ากว่าสองชั้นเท่าตัว หรือช้ากว่าชั้นเดียว ๔ เท่า เรียกเต็มว่า อัตราสามชั้น, เรียกหน้าทับและเพลงที่มีจังหวะเช่นนี้ว่า หน้าทับสามชั้น เพลงสามชั้น.
สามชาย สามชาย น. เรียกธงสามเหลี่ยมมุมฉาก ปลายธงมี ๓ แฉก เป็น ๓ ชายลดหลั่นกัน มักใช้นำริ้วกระบวน ถ้าใช้เข้ากระบวนแห่ในพระราชพิธี ผืนธงทำด้วยผ้าสักหลาดสอดสีปักดิ้นหักทองขวางเป็นลวดลาย ว่า ธงสามชาย.
สามชุก สามชุก น. ภาชนะสานรูปฟักผ่าตามยาว ใช้สอดลงในเกวียน สําหรับใส่ข้าวเปลือกเป็นต้น, กระชุก ก็เรียก. (ดู กระชุก ๒).
สามแซ่ สามแซ่ น. ชื่อของหวานประเภทน้ำเชื่อม ประกอบด้วยของ ๓ อย่าง คือ วุ้น ลูกพลับแห้ง และชิ้นฟักแช่อิ่ม.
สามเณร สามเณร [สามมะเนน] น. ผู้ดํารงเพศอย่างภิกษุ แต่สมาทานศีล ๑๐, เรียกสั้น ๆ ว่า เณร. (ป.).
สามเณรี สามเณรี [สามมะ-] น. หญิงที่บวชเป็นสามเณร. (ป.).
สามตา สามตา น. ชื่อวิธีจับยามของหมอดู ใช้นับหลักทั้ง ๓ เวียนไป มักใช้ทายเกี่ยวกับของหาย เรียกว่า ยามสามตา; เต้ารับไฟฟ้าที่มีรู ๓ คู่ สําหรับนําเต้าเสียบมาเสียบเพื่อนํากระแสไฟฟ้าออกไปใช้ได้ ๓ วงจร.
สามนต,สามนต-,สามนต์ สามนต-, สามนต์ [สามนตะ-] ว. รอบ ๆ, ใกล้เคียง. (ป.).
สามนตราช สามนตราช น. พระราชาแห่งแคว้นที่ใกล้เคียง, เจ้าประเทศราช.
สามบาน สามบาน น. การแสดงกระบี่กระบองแบบหนึ่ง ใช้อาวุธหลายชนิดเข้าต่อสู้กันโดยไม่จับคู่กับอาวุธชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น กระบองคู่กับดาบสองมือ ง้าวคู่กับดาบดั้ง.
สามใบเถา สามใบเถา น. เรียกตลับหรือโถแป้งเป็นต้น ๓ ใบที่มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก รวมเป็นชุดหนึ่ง เช่น ตลับหมากสามใบเถา โถแป้งสามใบเถา, (ปาก) เรียกพี่น้องผู้หญิง ๓ คนเรียงกันว่า สามใบเถา.
สามเพลงตกม้าตาย สามเพลงตกม้าตาย (สํา) ว. แพ้เร็ว, ยุติเร็ว, ใช้สั้น ๆ ว่า ตกม้าตาย ก็มี.
สามแพร่ง สามแพร่ง น. ทางที่แยกเป็น ๓ สาย เกิดจากทางสายหนึ่งมาบรรจบเป็นมุมฉากกับทางอีกสายหนึ่ง เรียกว่า ทางสามแพร่ง, โบราณถือว่าเป็นทางผีผ่าน ไม่เป็นมงคล เช่น ไปทำพิธีเซ่นวักเสียกบาลที่ทางสามแพร่ง.
สามเมา สามเมา (ปาก) ว. เรียกคนติดเหล้า กัญชา และยาฝิ่น ว่า คนสามเมา.
สามยทรัพย์ สามยทรัพย์ [สามะยะ-] (กฎ) น. อสังหาริมทรัพย์ที่ผู้เป็นเจ้าของได้รับประโยชน์เหนืออสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นที่ตกอยู่ในภาระจํายอม, คู่กับ ภารยทรัพย์.
สามรส,สามรส ๑ สามรส ๑ น. เรียกอาหารที่มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน เช่น ปลาเก๋าสามรส.
สามรส,สามรส ๒ สามรส ๒ ดู ปากแตร ๒.
สามล สามล [-มน] ว. สีคลํ้า, สีดํา. (ป.; ส. ศฺยามล).
สามล้อ สามล้อ น. ยานพาหนะถีบขนาดเล็กชนิดหนึ่งมีล้อ ๓ ล้อ เรียกเต็มคําว่า จักรยานสามล้อ, ถ้าติดเครื่องยนต์ เรียกว่า สามล้อเครื่อง หรือ จักรยานสามล้อเครื่อง.
สามโลก สามโลก น. โลกทั้ง ๓ คือ มนุษยโลก เทวโลก และพรหมโลก.
สามวันดีสี่วันไข้ สามวันดีสี่วันไข้ ว. เจ็บออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ.
สามเวท สามเวท [สามะเวด, สามมะเวด] น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๓ ของพระเวท ประพันธ์เป็นฉันท์ ส่วนใหญ่คัดมาจากฤคเวท สำหรับขับในพิธีบูชาด้วยน้ำโสม. (ส.). (ดู เวท, เวท- ประกอบ).
สามเศียร สามเศียร น. ไพ่ตองที่เข้าเศียร แล้ว ๓ ชุด.
สามสบ สามสบ น. บริเวณที่แม่น้ำ ๓ สายมาบรรจบกัน.
สามสลึงเฟื้อง สามสลึงเฟื้อง (ปาก) ว. บ้า ๆ บอ ๆ, มีสติไม่สมบูรณ์, มีจิตใจใกล้ไปทางบ้า ๆ บอ ๆ, สองสลึงเฟื้อง ไม่เต็มเต็ง หรือ ไม่เต็มบาท ก็ว่า.
สามสาย สามสาย น. ชื่อซอชนิดหนึ่ง มีกะโหลกทำด้วยกะลามะพร้าว ใช้หนังปิดด้านหนึ่ง มีสาย ๓ สาย คันชักอยู่ต่างหาก.
สามสิบกลีบ สามสิบกลีบ น. ชื่อเครื่องในวัว คือ กระเพาะอาหารหยาบ ข้างในเป็นกลีบ.
สามสี,สามสี ๑ สามสี ๑ น. เรียกแมวที่มีสีดำ เหลืองและขาว ในตัวเดียวกันว่า แมวสามสี; พลอยชนิดหนึ่ง เมื่อโดนแสงอาทิตย์จะมีสีเขียวมรกต เมื่อโดนแสงอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แสงอาทิตย์เช่นแสงจากหลอดไฟ จะมีสีแดงแล้วเปลี่ยนเป็นสีม่วง เรียกว่า พลอยสามสีหรือ เจ้าสามสี.
สามสี,สามสี ๒ สามสี ๒ ดู ราชินี ๒.
สามเส้า สามเส้า ก. อาการที่นกเขาขันคูเป็น ๓ จังหวะ, สามกุก ก็ว่า. (พจน. ๒๔๙๓); ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สามหมุด สามหมุด น. ชื่อมีดสําหรับปอกหรือฝานชนิดที่ตรึงกั่นติดกับด้ามด้วยหมุด ๓ ตัวว่า มีดสามหมุด.
สามหยิบ สามหยิบ น. เรียกหมวกลูกเสือที่มีรอยบุ๋ม ๓ รอยตรงด้านบนหมวกว่า หมวกสามหยิบ.
สามหาบ สามหาบ น. เรียกอาหารคาว ๑ หาบ หวาน ๑ หาบ และเครื่องหุงต้ม ๑ หาบที่เจ้าภาพหาบเดินรอบเมรุแล้วถวายพระสงฆ์ในเวลาเก็บอัฐิ ว่า สามหาบ, เรียกการเดินในพิธีเช่นนั้นว่า เดินสามหาบ.
สามหาว,สามหาว ๑ สามหาว ๑ ว. หยาบคาย, โอหังก้าวร้าวผู้หลักผู้ใหญ่, (ใช้แก่วาจา) เช่น เด็กพูดจาสามหาวกับผู้ใหญ่.
สามหาว,สามหาว ๒ สามหาว ๒ (ราชา) น. เรียกผักตบชนิด Monochoria hastata (L.) Solms. ว่า ผักสามหาว เช่น นางสงกรานต์ทัดดอกสามหาว.
สามเหลี่ยม,สามเหลี่ยม ๑ สามเหลี่ยม ๑ น. รูปเหลี่ยมที่มีด้านโดยรอบเป็นเส้นตรง ๓ เส้น ปลายเส้นจดกัน.
สามเหลี่ยม,สามเหลี่ยม ๒ สามเหลี่ยม ๒ น. ชื่องูพิษชนิด Bungarus fasciatus ในวงศ์ Elapidae โตเต็มวัยยาวประมาณ ๑.๓ เมตร สีสวย ลายปล้องดําสลับเหลือง หลังเป็นสันทําให้ลําตัวมีลักษณะคล้ายรูปสามเหลี่ยม ปลายหางทู่ออกหากินในเวลากลางคืน.
สามเหลี่ยมด้านเท่า สามเหลี่ยมด้านเท่า น. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านทั้ง ๓ ยาวเท่ากัน.
สามเหลี่ยมมุมฉาก สามเหลี่ยมมุมฉาก น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมหนึ่งเป็นมุมฉาก.
สามเหลี่ยมมุมป้าน สามเหลี่ยมมุมป้าน น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมหนึ่งเป็นมุมป้าน.
สามเหลี่ยมมุมแหลม สามเหลี่ยมมุมแหลม น. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมทั้ง ๓ เป็นมุมแหลม.
สามเหลี่ยมหน้าจั่ว สามเหลี่ยมหน้าจั่ว น. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านคู่หนึ่งยาวเท่ากัน.
สามแหยม สามแหยม น. เรียกปอยผมที่แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนเพื่อเตรียมโกนจุก (ใช้แก่พระองค์เจ้าลงมาถึงสามัญชน).
สามะ สามะ น. สีดํา, สีนิล. (ป.; ส. ศฺยาม).
สามัคคี สามัคคี น. ความพร้อมเพรียงกัน, ความปรองดองกัน.<2t>ว. ที่พร้อมเพรียงกันทำ, ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำ, เช่น กฐินสามัคคี ผ้าป่าสามัคคี. (ป.; ส. สามคฺรี).
สามัญ,สามัญ-,สามัญ- ๑ สามัญ- ๑ [สามันยะ-] น. ความเป็นสมณะ เช่น สามัญผล. (ป. สามญฺ; ส. ศฺรามณฺย).
สามัญ,สามัญ ๒ สามัญ ๒ [สามัน] ว. ปรกติ, ธรรมดา, เช่น ชนชั้นสามัญ คนสามัญ. (ป. สามญฺ; ส. สามานฺย).
สามัญชน สามัญชน น. คนธรรมดาที่มิใช่เจ้า.
สามัญสำนึก สามัญสำนึก น. ความสำนึกหรือความเฉลียวใจที่คนปรกติธรรมดาทั่วไปควรจะต้องรู้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอน เช่น ทำอะไรให้มีสามัญสำนึกเสียบ้างว่าอะไรควรอะไรไม่ควร.
สามัตถิยะ สามัตถิยะ น. ความสามารถ, อํานาจ, ความแข็งแรง. (ป. สมตฺถิย; ส. สามารฺถฺย).
สามานย์ สามานย์ ว. เลวทรามตํ่าช้า เช่น ลูกสามานย์ทำร้ายพ่อแม่, มักใช้เข้าคู่กับคำ ชั่วช้า เป็น ชั่วช้าสามานย์. (ส. สามานฺย).
สามานย,สามานย- สามานย- [สามานนะยะ-, สามานยะ-] ว. ปรกติ, ธรรมดา, เช่น สามานยนาม. (ส. สามานฺย; ป. สามญฺ).
สามานยนาม สามานยนาม [สามานยะ-] (ไว) น. คํานามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ และสิ่งของ เช่น เด็ก นก หนังสือ ลม ใจ.
สามารถ สามารถ [สามาด] เป็นคำช่วยกริยาบอกว่ามีคุณสมบัติที่จะทำได้ เช่น เขาสามารถเดินได้ชั่วโมงละ ๕ กิโลเมตร เพื่อนฉันสามารถขี่จักรยานไต่ลวดได้.<2t>ว. มีคุณสมบัติที่จะทำได้ โดยเฉพาะทางความรู้หรือความชำนาญเป็นต้น เช่น ลูกเขาเป็นคนสามารถเรียนอะไรก็เรียนได้. (ส. สมรฺถ; ป. สมตฺถ).
สามิกะ สามิกะ น. เจ้าของ; ผัว. (ป.).
สามิต สามิต น. ความเป็นเจ้าของ. (ป. สามิตฺต).
สามินี สามินี น. หญิงผู้เป็นเจ้าของ. (ป.; ส. สฺวามินี).
สามิภักดิ์ สามิภักดิ์ น. ความจงรักภักดีต่อเจ้านาย, การยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อํานาจ.<2t>ก. จงรักภักดีเจ้านาย, ยอมตนหรือมอบตนอยู่ใต้อำนาจ, สวามิภักดิ์. (ป. สามิ + ส. ภกฺติ; ส. สฺวามินฺ + ภกฺติ).
สามี สามี น. ผัว, ชายที่เป็นคู่ครองของหญิง, คู่กับ ภรรยา หรือ ภริยา; นาย, เจ้าของ. (ป.; ส. สฺวามินฺ).
สามีจิกรรม สามีจิกรรม น. การแสดงความเคารพตามธรรมเนียมของพระเณรในระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย เช่น ระหว่างพระอุปัชฌาย์กับสัทธิวิหาริก ระหว่างอาจารย์กับอันเตวาสิก หรือระหว่างผู้แก่พรรษากับผู้อ่อนพรรษากว่า. (ส.; ป. สามีจิกมฺม).
สาย,สาย ๑ สาย ๑ น. เวลาระหว่างเช้ากับเที่ยงประมาณ ๙.๐๐ น. ถึง ๑๐.๐๐ น. เช่น พอสายก็ออกเดินทาง.<2t>ว. ช้ากว่าเวลาที่กําหนด, ล่าช้า, เช่น มาทำงานสาย, โดยปริยายหมายความว่า พ้นเวลาที่จะแก้ไข, สุดที่จะแก้ไขได้ เช่น เรื่องนี้ทำอะไรไม่ได้ สายเกินไปเสียแล้ว.
สาย,สาย ๒ สาย ๒ น. สิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นเป็นแนวยาว เช่น สายสร้อย สายไฟฟ้า สายรุ้ง สายนาฬิกา สายเข็มขัด, ทาง, เส้นทาง, เช่น รถไฟสายเหนือ รถไฟสายใต้, โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สายการบิน สายการเดินเรือ สายงาน; ญาติที่สืบมาจากต้นวงศ์หรือต้นสกุลเดียวกัน แล้วแยกเป็นสกุลย่อยออกไป; ผู้เข้าไปสืบความลับหรือความเคลื่อนไหวเป็นต้นของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ระวังคนใช้เป็นสายให้โจร; ลักษณนามเรียกสิ่งที่เป็นแนวหรือเส้นยาวว่า สาย เช่น สายสะพาย ๒ สาย ทาง ๓ สาย.
ส่าย,ส่าย ๑ ส่าย ๑ ก. แกว่งไปมา เช่น ส่ายผ้าอ้อมในน้ำ, ย้ายไปมา เช่น ส่ายหัว ส่ายสะโพก ว่าวส่าย.<2t>น. กระโปรงยาวที่ผู้หญิงนุ่ง.
ส่าย,ส่าย ๒ ส่าย ๒ ว. เสียงอย่างเสียงที่เกิดจากผ้าแพรเนื้อหนาแข็งเสียดสีกัน เช่น ได้ยินเสียงแพรส่าย.
ส้าย ส้าย ก. กําจัด, สู้.
สายกระได สายกระได น. เชือกถักที่ผูกเหนือจอมแห ใช้สาวดึงแหกลับ.
สายง่อง สายง่อง น. สายโยงใต้คางม้าไม่ให้เงย.
สายใจ สายใจ น. กระแสแห่งความรักและความผูกพัน, เรียกผู้ที่เป็นที่รักดังดวงใจ.
สายชนวน สายชนวน น. กระดาษห่อดินปืนม้วนเป็นเส้น ใช้จุดให้ไฟลุกแล่นเข้าไปติดดินระเบิด.
สายชู สายชู น. ของเหลวซึ่งมีกรดแอซีติกละลายอยู่ไม่เกินร้อยละ ๖ มีรสเปรี้ยว ใช้ปรุงอาหาร เรียกว่า นํ้าส้มสายชู, นํ้าส้ม ก็เรียก.
สายซุง สายซุง น. เชือกที่ใช้ปลายทั้ง ๒ ผูกกับอกว่าว ห่างกันพอสมควรสําหรับต่อกับสายป่านเพื่อให้ว่าวต้านลมได้ตรงตัว, ซุง ก็เรียก.
สายดำ สายดำ น. แถบผ้าสีดำที่แสดงว่าผู้ที่ได้รับมีความสามารถระดับสูงสุดในการเล่นยูโด ใช้คาดเอว.
สายดิ่ง สายดิ่ง น. เชือกที่ปลายด้านหนึ่งผูกติดกับลูกดิ่งสำหรับวัดความลึกของน้ำหรือตรวจสอบเสาหรือกำแพงเป็นต้นว่าอยู่ในแนวดิ่งหรือไม่, เชือกที่ผูกตะกั่วหรือเหล็กเป็นต้นเป็นคู่สกัดหัวท้ายดอกจำปาของว่าวจุฬา.
สายดิน สายดิน น. สายตัวนําไฟฟ้าที่ต่อกับจุดใด ๆ ในวงจรไฟฟ้าให้เชื่อมกับพื้นโลก โดยประสงค์ให้จุดนั้น ๆ มีศักย์ไฟฟ้าเท่ากับศักย์ไฟฟ้าของโลก.
สายตรวจ สายตรวจ น. เรียกผู้ตรวจผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยหรือความถูกระเบียบเป็นย่าน ๆ ไป เช่น สายตรวจสรรพสามิต ตำรวจสายตรวจ.
สายตะพาย สายตะพาย น. เชือกที่ร้อยจมูกวัวควาย.
สายตัว สายตัว น. เนื้อตัว เช่น ทํางานสายตัวแทบขาด.
สายตัวแทบขาด สายตัวแทบขาด (สำ) ว. เหน็ดเหนื่อยเพราะทำงานหนักแทบไม่ได้พักผ่อน เช่น เพราะสามีตาย ภรรยาจึงต้องทำงานสายตัวแทบขาดเพื่อเลี้ยงลูก ๕ คน.
สายตา สายตา น. ระยะที่ตาจะมองเห็นได้ เช่น สุดสายตา อยู่ในสายตา, โดยปริยายหมายความว่า ความเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น ความประพฤติของนักเรียนอยู่ในสายตาของครูอาจารย์, ความสอดส่องจับตาดูอยู่เสมอ เช่น พวกนักเลงอยู่ในสายตาของตำรวจ, ความสนใจ เช่น คนจนไม่อยู่ในสายตาของพวกเศรษฐี.
ส่ายตา ส่ายตา ก. กวาดตามองทั่ว ๆ เช่น เขาส่ายตามองหาคนรู้จัก.
สายตาไกล สายตาไกล ว. สามารถคิดและคาดการณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าได้ค่อนข้างจะถูกต้อง เช่น ผู้ใหญ่มักจะเป็นผู้มีสายตาไกล, สายตากว้างไกล ก็ว่า.
สายตาพิการ สายตาพิการ น. ความพิการในการเห็น, สายตาที่บกพร่องมองเห็นไม่เหมือนคนปรกติ เช่นตาบอดสี, การเห็นไม่ดีจนเป็นอุปสรรคต่อการงานซึ่งต้องใช้การมองเห็นเป็นหลัก.
สายตายาว สายตายาว น. ความสามารถของนัยน์ตาที่มองเห็นชัดเฉพาะสิ่งที่อยู่ไกลเท่านั้น ส่วนสิ่งที่อยู่ใกล้มองเห็นพร่าไม่ชัดเจน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์นูน.
สายตาสั้น สายตาสั้น น. ความสามารถของนัยน์ตาที่มองเห็นชัดเฉพาะสิ่งที่อยู่ใกล้เท่านั้น ส่วนสิ่งที่อยู่ไกลมองเห็นพร่าไม่ชัดเจน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์เว้า.
สายตาเอียง สายตาเอียง น. ความบกพร่องของนัยน์ตาที่มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในแนวระดับหรือในแนวดิ่งไม่ได้ชัดสม่ำเสมอกัน ช่วยได้โดยสวมแว่นที่เป็นเลนส์รูปกาบกล้วย.
สายติ่ง สายติ่ง น. ชื่อไม้น้ำชนิด Nymphoides parvifolium Kuntze ในวงศ์ Menyanthaceae กินได้, บัวสายติ่ง หรือ บัวสายทิ้ง ก็เรียก.
สายทิ้ง สายทิ้ง น. สายที่ห้อยโยงกับนาฬิกาพกหรือกำไลเป็นต้น.
สายน้ำ สายน้ำ น. กระแสนํ้าที่ไหลเห็นเป็นสายยาวไป เช่น เรือล่องลอยไปตามสายน้ำ.
สายน้ำผึ้ง สายน้ำผึ้ง น. ชื่อไม้เถาชนิด Lonicera japonica Thunb. ในวงศ์ Caprifoliaceae ดอกสีนวลแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม ใช้ทํายาได้.
สายบังเหียน สายบังเหียน น. สายที่ผูกปลายบังเหียนทั้ง ๒ ข้างสำหรับโยงไปให้ผู้ขี่ม้าถือเพื่อบังคับม้า.
สายบัว สายบัว น. ก้านดอกบัวสายที่เป็นเส้นยาว ๆ มีลักษณะอ่อน ไม่มีหนาม ใช้กินเป็นผัก.
สายพาน สายพาน น. เส้นด้ายที่คล้องโยงในเครื่องไนหูก, สายหนังหรือสายยางเป็นต้นสําหรับคล้องโยงเครื่องยนต์ต่าง ๆ เพื่อพาให้หมุนไปด้วยกัน เช่น สายพานจักรเย็บผ้า สายพานพัดลมเป่าหม้อน้ำรถยนต์.
สายฟ้า สายฟ้า น. แสงที่เป็นสายแวบวาบเมื่อเวลาฟ้าแลบฟ้าผ่า; ใยแมงมุมที่ลอยอยู่ในอากาศ.
สายไฟฟ้า สายไฟฟ้า น. เส้นโลหะตัวนำไฟฟ้า ใช้เพื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านอาจมีฉนวนหุ้มหรือไม่มีก็ได้, ถ้าไม่มีฉนวนหุ้มเรียก สายเปลือย.
สายมงคล สายมงคล น. สายธุรําของพราหมณ์, ยัชโญปวีต ก็เรียก.
สายม่าน สายม่าน น. ชื่องูขนาดเล็กในวงศ์ Colubridae ตัวเล็กเรียวยาว ส่วนมากสีนํ้าตาล เกล็ดสันหลังมักวาวคล้ายทองเหลือง ว่องไวปราดเปรียว ออกหากินเวลากลางวันตามป่าหญ้าและบนต้นไม้ มีหลายชนิดและชุกชุมทุกภาคของประเทศไทย เช่น สายม่านลิ้นแดง (Dendrelaphis pictus) สายม่านหลังทอง (D. formosus) ไม่มีพิษ.
สายยงยศ สายยงยศ น. สายที่ข้าราชการทหารหรือตำรวจใช้เพื่อแสดงสถานะ มี ๓ ชนิด ได้แก่ สายยงยศราชองครักษ์ สายยงยศเสนาธิการ และสายยงยศนายทหารคนสนิท.
สายยาง สายยาง น. ยางหรือวัสดุอื่นที่ทำเป็นเส้นยาว กลวง ใช้เป็นอุปกรณ์ฉีดน้ำรดน้ำต้นไม้เป็นต้น.
สายยู,สายยู ๑ สายยู ๑ น. เหล็กยาวประมาณ ๑ คืบ ๒ ท่อนเกี่ยวกันเป็นสายด้านหนึ่งใช้ติดกับบานประตูขนาดใหญ่ เพื่อล่ามบานประตูให้ติดกับห่วงเหล็กที่ธรณีประตู สําหรับลั่นกุญแจ เช่น สายยูโบสถ์วิหาร, อุปกรณ์สําหรับติดโต๊ะตู้เป็นต้นสําหรับลั่นกุญแจ มี ๒ ชิ้น ชิ้นหนึ่งมีลักษณะเป็นช่องหรือห่วงเพื่อพับลงมาคล้องบนอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายรูปเกือกม้าควํ่า.
สายยู,สายยู ๒ สายยู ๒ น. ชื่อปลาน้ำจืดในวงศ์ Schilbeidae ตัวเรียวยาว มีหนวดยาว ๔ คู่ และมีครีบหลัง ๒ ตอน เฉพาะตอนหลังเป็นแผ่นเนื้อขนาดเล็กมาก ได้แก่ ชนิด Platytropius siamensis, เกด ก็เรียก.
สายโยก สายโยก น. สายถลกบาตรสําหรับคล้องที่ไหล่.
สายใย สายใย น. โลหะเส้นเล็ก ๆ ขดเป็นวงในเครื่องนาฬิกาชนิดที่ไม่มีลูกตุ้ม ทําให้เกิดแรงเหวี่ยง บังคับให้นาฬิกาเดินเที่ยงตรง, โดยปริยายหมายถึงความผูกพัน เช่น สายใยแห่งความรักระหว่างแม่กับลูก.
สายรก สายรก น. ส่วนที่ต่อระหว่างผนังมดลูกกับสายสะดือเด็ก.
สายระเดียง สายระเดียง น. หวายหรือสายลวดเป็นต้นที่ขึงสําหรับตากผ้า (ใช้แก่ภิกษุสามเณร).
สายระยาง,สายระโยง สายระยาง, สายระโยง น. สายเชือกหรือลวดที่รั้งเสากระโดงเรือเป็นต้น.
สายรัดคาง สายรัดคาง น. สายหนังหรือเชือกที่โยงจากขอบหมวกหรือชฎาเป็นต้น สำหรับรัดคางกันหลุด.
สายรัดทึบ สายรัดทึบ น. สายรัดท้องม้าเพื่อยึดอานให้แน่น.
สายรุ้ง สายรุ้ง น. กระดาษม้วนสีต่าง ๆ ทำเป็นแถบเล็กยาว ใช้ตกแต่งสถานที่หรือใช้ขว้างให้คลี่ออกแสดงความรื่นเริง.
สายล่อฟ้า สายล่อฟ้า น. แท่งโลหะปลายแหลมใช้ติดบนหลังคาอาคารสูง ๆ โดยโยงต่อกับพื้นดินด้วยลวดโลหะ เพื่อทําหน้าที่เป็นตัวนําไฟฟ้าให้อิเล็กตรอนจํานวนมากเคลื่อนที่ได้ระหว่างเมฆกับพื้นโลก เป็นการป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า.
สายลับ สายลับ น. ผู้เข้าไปสืบความลับ เช่น ภาพยนตร์เกี่ยวกับการจารกรรมของสายลับ, สาย ก็ว่า.
สายเลือด สายเลือด น. ญาติพี่น้องที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน, ลูก, เช่น เด็กคนนี้เป็นสายเลือดของเขาแท้ ๆ เขายังไม่เอาใจใส่เลย; โดยปริยายหมายถึงนิสัย, สันดาน, เช่น เขาชอบเล่นการพนันอยู่ในสายเลือด.
สายโลหิต สายโลหิต น. ญาติพี่น้องที่มีบรรพบุรุษร่วมกัน.
สายวัด สายวัด น. เครื่องวัดระยะชนิดหนึ่งเป็นแถบเล็กยาว มีหน่วยวัดระยะ ใช้วัดสิ่งต่าง ๆ เช่น สายวัดตัวของช่างเย็บเสื้อ สายวัดของช่างไม้.
ส่ายศึก,ส่ายเศิก ส่ายศึก, ส่ายเศิก ก. กวาดล้างให้หมดสิ้นข้าศึกศัตรู เช่น ส่ายเศิกเหลี้ยนล่งหล้า ราญราบหน้าเภริน. (นิ. นรินทร์).
สายส่ง สายส่ง น. ผู้ดำเนินกิจการเป็นตัวแทนในการส่งหนังสือหรือสินค้าอื่นให้แก่ผู้รับ.
สายสนกลใน สายสนกลใน น. เลศนัยสลับซับซ้อน (มักใช้ในทางไม่บริสุทธิ์) เช่น เรื่องนี้มีสายสนกลในมาก ต้องใช้นักสืบมืออาชีพสืบดู.
สายสมร สายสมร [-สะหฺมอน] น. หญิงที่รัก, นาง.
สายสร้อย สายสร้อย น. เครื่องประดับที่ทำเป็นเส้น เช่น สายสร้อยคอ สายสร้อยข้อมือ, สร้อย ก็ว่า.
สายสวน สายสวน น. สายยางหรือท่อโลหะที่ใช้สวนปัสสาวะ.
สายสวาท สายสวาท น. ผู้เป็นที่รัก.
สายสะดือ สายสะดือ น. ส่วนที่ต่อระหว่างรกกับสะดือเด็ก.
สายสะพาย สายสะพาย น. แพรแถบสีเดียวหรือหลายสี เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง ใช้สะพายบ่า.
สายสัมพันธ์ สายสัมพันธ์ น. ความผูกพันกันมาช้านาน, ความเกี่ยวข้องเป็นมิตรไมตรีกันมานาน, เช่น ไทยกับจีนมีสายสัมพันธ์อันดีมาหลายร้อยปีแล้ว.
สายสำอาง สายสำอาง น. เชือกหรือลวดหนังตีเป็นเกลียวหุ้มผ้าแดง ผูกติดกับรัดประคนทั้ง ๒ ข้าง ปรกติทอดขนานลำตัวช้างไปผูกติดกับกระวินคล้องกับระวิงหรือซองหาง เมื่อตั้งสัปคับหรือกูบ ใช้สายสำอางนี้สอดผูกเพื่อช่วยรั้งมิให้เลื่อนไปทางหัวช้าง ขณะเดินลงที่ลาด.
สายสิญจน์ สายสิญจน์ น. ด้ายดิบสีขาวที่นำมาจับทบเป็น ๓ เส้น หรือ ๙ เส้น ใช้ในพิธีทางศาสนา เช่นสำหรับพระถือในเวลาสวดมนต์ หรือพราหมณ์ใช้ในพระราชพิธีบางอย่าง.
สายสืบ สายสืบ น. ผู้เข้าไปสืบความลับหรือความเคลื่อนไหวเป็นต้นของอีกฝ่ายหนึ่ง, สาย ก็ว่า.
สายสูตร สายสูตร น. เชือกหนังที่ผูกช้างให้เดินตามกัน; เส้นด้ายที่เจ้านายหรือสมเด็จพระสังฆราชจับโยงไปเพื่อกระทำกิจกรรมทางศาสนา เช่น ยกช่อฟ้าหรือเททองหล่อพระพุทธรูปเป็นต้น.
สายสูบ สายสูบ น. สายส่งน้ำทำด้วยวัสดุทนไฟ ปลายสายทั้ง ๒ ข้างมีข้อต่อสำหรับต่อกับถังน้ำบนรถหรือต่อกับหัวประตูน้ำดับเพลิง อีกข้างหนึ่งสวมเข้ากับหัวฉีดน้ำ, ถ้าใช้ในการชลประทาน หรือส่งน้ำให้ประชาชนใช้ เรียกว่า สายสูบส่งน้ำ, ถ้าใช้ในการดับเพลิง เรียกว่า สายสูบส่งน้ำดับเพลิง; สายที่ทำด้วยสารสังเคราะห์ ปลายสายทั้ง ๒ ข้างมีข้อต่อสำหรับต่อกับถังบนรถ อีกข้างหนึ่งจุ่มลงในของเหลวหรือสิ่งปฏิกูลแล้วสูบขึ้นมา.
ส่ายหน้า ส่ายหน้า ก. อาการที่ทำหน้าหันไปมาช้า ๆ แสดงถึงความหมดหวัง หมดศรัทธา หมดปัญญาเป็นต้น เช่น หมอเห็นผลการตรวจคนไข้แล้วส่ายหน้า.
สายหยก สายหยก น. เชือกผูกรั้งตรวนเพื่อให้นักโทษเดินสะดวกขึ้น เช่น มือถือสายหยกยกสะเทิน พลั้งเท้าก้าวเกินก็ล้มลง. (ขุนช้างขุนแผน).
สายหยุด สายหยุด น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Desmos chinensis Lour. ในวงศ์ Annonaceae ดอกสีเหลือง กลิ่นหอม พอสายก็หมดกลิ่น.
สายเหา สายเหา น. สายเชือกหรือหนังที่รั้งอานหรือเบาะม้า แล้วมาโยงกับโคนหางม้า.
สายไหม สายไหม น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยน้ำตาลซึ่งใช้เครื่องปั่นจนเป็นเส้นฝอย ๆ คล้ายเส้นไหม ห่อด้วยแผ่นโรตีหรือแผ่นเปาะเปี๊ยะ, ถ้าห่อด้วยแผ่นโรตี เรียกว่า โรตีสายไหม.
สายอากาศ สายอากาศ น. สายลวดที่ขึงไว้เพื่อส่งหรือรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า.
สายเอก สายเอก น. สายสมอเรือสําเภา ทําด้วยเชือกเหนียวกว่าเชือกอื่น สําหรับลงสมอเมื่อพายุแรง; เรียกสายเครื่องดนตรีที่เป็นเสียงสูงว่า สายเอก, ส่วนสายที่มีเสียงรองลงมาเรียกว่า สายทุ้ม.
สายัณห์,สายาห์ สายัณห์, สายาห์ น. เวลาเย็น. (ป. สายณฺห; ส. สายาหฺน).
สายา สายา (กลอน) น. ผู้หญิง, นางผู้มีโฉมงาม, เช่น สายาอยู่ในถนน ถามข่าว รยมฤๅ. (กำสรวล).
สาร,สาร ๑,สาร-,สาร- ๑ สาร ๑, สาร- ๑ [สาน, สาระ-] น. แก่น, เนื้อแท้, มักใช้เข้าคู่กับคำ แก่น เป็น แก่นสาร; ข้อความ, ถ้อยคำ, เรื่องราว, เช่น กล่าวสาร สื่อสาร, หนังสือ เช่น นิตยสาร วารสาร, จดหมาย เช่น เขียนสาร สารของนายกรัฐมนตรีถึงเยาวชน. (ป., ส.).
สาร,สาร ๒ สาร ๒ [สาน] น. สิ่งที่มีองค์ประกอบเป็นอย่างเดียวกัน มีสมบัติเฉพาะของตนเอง และไม่สามารถใช้วิธีกลใด ๆ มาแบ่งแยกให้เป็นส่วนอื่นที่มีองค์ประกอบและสมบัติแตกต่างออกไปได้; (โบ) เรียกธาตุจําพวกหนึ่งและธาตุที่เข้าแทรกในต้นไม้ว่า สาร.
สาร,สาร ๓ สาร ๓ น. ช้างใหญ่ ใช้ว่า ช้างสาร.
สาร,สาร ๔ สาร ๔ น. ข้าวที่สีหรือตําเอาเปลือกออกแล้ว เรียกว่า ข้าวสาร.
สาร,สาร-,สาร- ๒ สาร- ๒ [สาระ-] คําประกอบหน้าคํา แปลว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุก, เช่น สารทิศ ว่า ทุกทิศ, สารทุกข์ ว่า ทุกข์ทั้งหมด, สารเลว ว่า เลวทั้งสิ้น. (เลือนมาจาก สรฺว ในสันสกฤต เช่น สรฺวงฺค เป็น สารพางค์ หรือ สรรพางค์).
สารกรมธรรม์ สารกรมธรรม์ [สานกฺรมมะ-] ดู กรมธรรม์.
สารคดี สารคดี [สาระ-] น. เรื่องที่เรียบเรียงขึ้นจากความจริง ไม่ใช่จากจินตนาการ เช่น สารคดีท่องเที่ยว สารคดีชีวประวัติ.
สารตรา สารตรา [สาน-] (กฎ; โบ) น. หนังสือราชการที่เชิญพระบรมราชโองการซึ่งประทับตราใหญ่; หนังสือราชการที่เสนาบดีเจ้ากระทรวงลงชื่อและประทับตรากระทรวงส่งไปยังหัวเมือง ซึ่งในสมัยต่อมาเรียกว่า ท้องตรา.
สารถี สารถี [สาระถี] น. คนขับรถ, คนบังคับม้า, โดยปริยายหมายความว่า ผู้บังคับหรือฝึกหัด ในความว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก. (ป., ส. สารถิ).
สารถีชักรถ สารถีชักรถ น. ชื่อเพลงไทย ๒ ชั้นทำนองหนึ่ง ต่อมามีผู้แต่งขยายเป็น ๓ ชั้น แล้วตัดลงเป็นชั้นเดียว เพื่อให้ครบเป็นเพลงเถา เรียกว่า เพลงสารถีเถา; วิธีรำละครท่าหนึ่งอยู่ในอันดับว่า สารถีชักรถ กลดพระสุเมรุ ตระเวนเวหา.(ฟ้อน).; ชื่อเพลงยาวกลบทแบบหนึ่ง ตัวอย่างว่า สงสารกายหมายมิตร์คิดสงสาร ประมาณจิตร์ผิดเพราะเชื่อเหลือประมาณ เสียดายการที่คิดเปล่าเศร้าเสียดาย. (จารึกวัดโพธิ์).
สารท,สารท ๑ สารท ๑ [สาด] น. เทศกาลทำบุญในวันสิ้นเดือน ๑๐ โดยนำพืชพรรณธัญญาหารแรกเก็บเกี่ยวมาปรุงเป็นข้าวทิพย์และข้าวมธุปายาสถวายพระสงฆ์. (ป. สรท, สารท; ส. ศารท).
สารท,สารท ๒,สารทฤดู สารท ๒, สารทฤดู [สาด, สาระทะรึดู] น. ฤดูใบไม้ร่วง, ในประเทศเขตอบอุ่นทางซีกโลกเหนือ ซึ่งแบ่งฤดูกาลออกเป็น ๔ ฤดู คือ ฤดูหนาว (เหมันตฤดู) ฤดูใบไม้ผลิ (วสันตฤดู) ฤดูร้อน (คิมหันตฤดู) และฤดูใบไม้ร่วง (สารทฤดู) นั้น ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นในเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน. (อ. autumn).
สารทา สารทา [สาระทา] น. ชื่อหนึ่งของพระสุรัสวดี.
สารทุกข์สุกดิบ สารทุกข์สุกดิบ (ปาก) น. ข่าวคราวความเป็นไปหรือความเป็นอยู่ เช่น ไม่พบกันมานาน เพื่อน ๆ ต่างก็ถามสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน.
สารธรรม สารธรรม [สาระ-] น. ธรรมเป็นหลักฐาน, ธรรมที่มั่นคง.
สารนิเทศ สารนิเทศ [สาระนิเทด] น. การชี้แจงแนะนําเกี่ยวกับข่าวสารหรือข้อมูลต่าง ๆ. (ส. สาร + นิรฺเทศ; ป. สาร + นิทฺเทส).
สารบบ,สารบับ สารบบ, สารบับ [สาระ-] น. คําบอกเรื่อง, บัญชีเรื่อง, เช่น เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสารบบ.
สารบบความ สารบบความ น. บัญชีคดีความต่าง ๆ ของศาล.
สารบรรณ สารบรรณ [สาระ-] น. หนังสือที่เป็นหลักฐาน, เรียกงานที่เกี่ยวกับการบริหารงานเอกสาร เริ่มตั้งแต่การจัดทำ การรับ การส่ง การเก็บรักษา การยืม จนถึงการทำลายเอกสาร ว่า งานสารบรรณ.
สารบัญ,สารบาญ สารบัญ, สารบาญ [สาระ-] น. บัญชีเรื่อง, รายชื่อเรื่อง. (ตัดจาก สารบัญชี และ สารบาญชี).
ส้ารบับ ส้ารบับ [ส้าระบับ] น. ผ้าเยียรบับ.
สารบาญชี สารบาญชี [สาระ-] น. การจัดวิธีเกณฑ์คนเข้ารับราชการฝ่ายทหารและพลเรือนในสมัยโบราณตั้งเป็นกรม เรียกว่า กรมพระสุรัสวดี คือ สัสดี เดี๋ยวนี้.
สารประกอบ สารประกอบ (เคมี) น. สารที่เกิดจากธาตุตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปมารวมตัวกันโดยอาศัยปฏิกิริยาเคมี และมีอัตราส่วนผสมคงที่เสมอ. (อ. compound).
สารประโยชน์ สารประโยชน์ [สาระ-] น. ประโยชน์ที่เป็นแก่นสาร เช่น สารประโยชน์ของกฎหมายฉบับนี้ เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานของประชาชน, สารัตถประโยชน์ ก็ว่า.
สารพัด สารพัด [สาระพัด] ว. ทั้งปวง, ทั้งหมด, ทุก, ทุกอย่าง, เช่น ร้านชำมีของขายสารพัด, เขียนเป็น สารพัตร ก็มี.
สารพัน สารพัน [สาระพัน] ว. สารพัด เช่น สารพันปัญหา, มักใช้เข้าคู่กัน เป็น สารพัดสารพัน ก็มี.
สารพางค์ สารพางค์ [สาระพาง] น. ทั้งตัว, ทั่วตัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ กาย เป็น สารพางค์กาย เช่น เจ็บปวดทั่วสารพางค์กาย, สรรพางค์ ก็ว่า. (ดู สรรพ, สรรพ-).
สารภาพ สารภาพ [สาระพาบ] ก. รับว่ากระทำผิด เช่น จำเลยสารภาพว่าขโมยของไปจริง; บอกความในใจ เช่น สารภาพรัก.
สารภี สารภี [สาระพี] น. ชื่อไม้ต้น ๒ ชนิดในสกุล Mammea วงศ์ Guttiferae ดอกสีขาว กลิ่นหอม ใช้ทํายาได้ คือ ชนิด M. harmandii Kosterm. ดอกใหญ่ และชนิด M. siamensis (Miq.) T. Anderson ดอกเล็ก. (ป., ส. สุรภิ).
สารภีทะเล สารภีทะเล ดู กระทิง ๒.
สารภีป่า สารภีป่า ดู พะวา.
สารไมย สารไมย [สาระไม] น. หมา. (ป. สารเมยฺย; ส. สารเมย).
สารละลาย สารละลาย (เคมี) น. ของผสมเนื้อเดียวล้วน ซึ่งประกอบด้วยสารต่างชนิดกันตั้งแต่ ๒ สารขึ้นไป แผ่กระจายผสมรวมกันอยู่อย่างสมํ่าเสมอโดยไม่มีปฏิกิริยาเคมีต่อกัน เช่น ของแข็งละลายในของเหลว ของเหลวละลายในของเหลว ของแข็งละลายในของแข็ง แก๊สละลายในแก๊ส. (อ. solution).
สารวัตร สารวัตร [สาระวัด] น. ผู้ตรวจงานทั่วไป เช่น สารวัตรจราจร สารวัตรปราบปราม.
สารวัตรทหาร สารวัตรทหาร น. ทหารที่ได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจสั่งใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ เช่น สอดส่อง ตรวจตรา ตักเตือน จับกุมทหาร ข้าราชการพลเรือนและคนงานสังกัดกระทรวงกลาโหมที่กระทำความผิดหรือไม่อยู่ในระเบียบวินัยซึ่งอยู่ภายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร.
สารวัตรนักเรียน สารวัตรนักเรียน น. เจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแลและควบคุมความประพฤติของนักเรียน.
สารสนเทศ สารสนเทศ [สาระสนเทด, สานสนเทด] น. ข่าวสาร; การแสดงหรือชี้แจงข่าวสารข้อมูลต่าง ๆ. (ส. สาร + สนฺเทศ; ป. สาร + สนฺเทส).
สารส้ม สารส้ม น. เกลือเคมีประเภทหนึ่ง ทั่วไปรู้จักกันเฉพาะชนิดที่ใช้ประโยชน์ทําให้นํ้าใสสะอาด ชนิดนี้มีสูตร K2SO4Al2(SO4)3·24H2O ลักษณะเป็นก้อนแข็ง สีขาว มีรสเปรี้ยวฝาด.
สารหนู สารหนู น. ธาตุลําดับที่ ๓๓ สัญลักษณ์ As ลักษณะเป็นของแข็ง มี ๓ อัญรูป คือ สารหนูสีเทา สารหนูสีดํา และสารหนูสีเหลือง เป็นธาตุที่มีพิษอย่างร้ายแรง. (อ. arsenic).
สารหนูขาว สารหนูขาว น. สารประกอบชนิดหนึ่ง ซึ่งมีธาตุสารหนูและออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ มีสูตร As2O3 ลักษณะเป็นผงสีขาว มีพิษอย่างร้ายแรง ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทําสีบางประเภท และยาฆ่าแมลง, ชาวบ้าน เรียกว่า สารหนู.
สาระ สาระ น. ส่วนสำคัญ, ข้อใหญ่ใจความ, เช่น เขียนมายืดยาวแต่มีสาระน้อย ทำดีย่อมได้ดีเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้; ประโยชน์ เช่น เรื่องไม่เป็นสาระ ไร้สาระ.
สาระโกก สาระโกก ว. โกงเกะกะเกเร, เป็นพาล.
สาระแน สาระแน ว. ชอบเข้าไปยุ่งในเรื่องของคนอื่น, ชอบเข้าไปยุ่งในเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตน, เช่น เขากำลังทำงานกันอยู่ดี ๆ ก็สาระแนเข้าไปทำงานเขาเสีย; ยุแหย่ให้เขาผิดใจกัน, ยุยงให้เขาแตกกัน, เช่น พูดอะไรให้ฟัง ก็สาระแนไปบอกเขาหมด.
สาระพา,สาระพาเฮโล สาระพา, สาระพาเฮโล ว. เสียงร้องพร้อม ๆ กันเพื่อบอกจังหวะให้ออกแรงพร้อมกันเมื่อเวลาลากหรือยกของหนักเป็นต้น, เฮโลสาระพา ก็ว่า.
สาระยำ สาระยำ ก. ชั่วมาก เช่น ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระยำ. (พระไชยสุริยา).
สาระวอน สาระวอน ก. พูดออดอ้อน เช่น สาระวอนอยู่นั่นแล้ว ไม่รู้จักเลิก.
สาระวารี สาระวารี น. ดอกการะเกด. (ช.).
สาระสะมา สาระสะมา น. ดอกชมพู่. (ช.).
สารัตถ,สารัตถ-,สารัตถะ สารัตถ-, สารัตถะ [สารัดถะ-] น. เนื้อหาหลัก, ใจความสําคัญ, ความคิดสําคัญของเรื่อง.
สารัตถประโยชน์ สารัตถประโยชน์ น. ประโยชน์ที่เป็นแก่นสาร, สารประโยชน์ ก็ว่า.
สารัตถศึกษา สารัตถศึกษา น. การศึกษาวิชาที่เป็นพื้นฐาน เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ประวัติศาสตร์.
สารัทธ์ สารัทธ์ ว. ปั่นป่วน, ฉุนเฉียว, รุนแรง. (ป.).
สารัมภ์ สารัมภ์ ก. เริ่ม. (ป.).
สาราณีย,สาราณีย-,สาราณียะ สาราณีย-, สาราณียะ [-นียะ-] ว. เป็นที่ตั้งแห่งความระลึก. (ป.; ส. สฺมรณีย).
สาราณียกร สาราณียกร [-นียะกอน] น. ตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของสมาคมหรือสถาบันการศึกษาเป็นต้น ทําหน้าที่อย่างบรรณาธิการ.
สาราณียธรรม สาราณียธรรม น. ธรรมอันเป็นไปเพื่อความระลึกถึงกันและกัน. (ป. สาราณีย + ส. ธรฺม).
สารานุกรม สารานุกรม น. หนังสือที่รวบรวมความรู้ทุกแขนงหรือเฉพาะแขนงใดแขนงหนึ่ง มักเรียงตามลําดับอักษร.(อ. encyclopaedia).
สารีริกธาตุ สารีริกธาตุ [-ริกกะทาด] น. พระอัฐิธาตุของพระพุทธเจ้า, ใช้ว่า พระบรมสารีริกธาตุ. (ป. สารีริก + ธาตุ).
สารูป สารูป ว. เหมาะ, สมควร, เช่น สมณสารูป ว่า สมควรแก่สมณะ. (ป. สารุปฺป; ส. สารูปฺย).
สาโรช สาโรช [-โรด] น. บัว. (ป., ส. สโรช).
สาละ สาละ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Shorea robusta Roxb. ในวงศ์ Dipterocarpaceae. (ป., ส.).
สาละวน สาละวน ก. วุ่นอยู่กับการงาน เช่น มัวสาละวนอยู่กับการเย็บเสื้อจนลืมทำกับข้าว.
สาลิ,สาลี,สาลี ๑ สาลิ, สาลี ๑ น. ข้าว; ข้าวสาลี. (ป.).
สาลิกา,สาลิกา ๑ สาลิกา ๑ น. ชื่อนกชนิด Acridotheres tristis ในวงศ์ Sturnidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับนกกิ้งโครง ลําตัวสีนํ้าตาลเข้ม หัวสีดํา ขอบตาและปากสีเหลือง มีแต้มขาวที่ปีก ปลายหางสีขาว กินแมลงและผลไม้ พบทั่วทุกภาคของประเทศไทย, เอี้ยง หรือ เอี้ยงสาริกา ก็เรียก. (ป.; ส. ศาริกา).
สาลิกา,สาลิกา ๒ สาลิกา ๒ น. ชื่อตะกรุดดอกเล็ก ๆ ชนิดหนึ่ง ใช้ในทางเมตตามหานิยม.
สาลิกาแก้ว สาลิกาแก้ว น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลิกาเขมร สาลิกาเขมร น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลิกาชมเดือน สาลิกาชมเดือน น. ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง.
สาลินี สาลินี น. ชื่อฉันท์อย่างหนึ่ง บาทหนึ่งมี ๑๑ คํา วรรคหน้ามี ๕ คํา เป็นครุล้วน วรรคหลังมี ๖ คํา คําที่ ๑ และคําที่ ๔ เป็นลหุ นอกนั้นเป็นครุ เช่น
<3t><3t><3t><3t>(สามัคคีเภท). (ป.).
สาลี,สาลี ๒ สาลี ๒ น. ข้าวสาลี. (ดู ข้าวสาลี).
สาลี่,สาลี่ ๑ สาลี่ ๑ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Pyrus pyriflora L. ในวงศ์ Rosaceae ผลเนื้อกรอบ รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กลิ่นหอม. (จ.).
สาลี่,สาลี่ ๒ สาลี่ ๒ น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งสาลีตีกับไข่และน้ำตาลจนฟู แล้วนึ่งจนสุก.
สาลี่,สาลี่ ๓ สาลี่ ๓ น. เครื่องบรรทุกของหนักมี ๒ ล้อ ใช้ลากหรือผลักไป.
สาลี่,สาลี่ ๔ สาลี่ ๔ น. คันเหล็กติดอยู่บนหลังคารถราง ปลายมีลูกรอกยันอยู่กับสายไฟฟ้า เพื่อเป็นทางให้กระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องรถ. (อ. trolley).
สาลี่กรอบ สาลี่กรอบ น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งสาลีนวดกับไข่ มะพร้าวผสมน้ำตาล และกะทิ ผิงหรืออบจนหน้าเกรียม.
สาลู สาลู น. ผ้าขาวเนื้อบางละเอียด, ในปัจจุบันอนุโลม เรียกผ้าขาวบางเนื้อนุ่ม มักใช้ทําเป็นผ้าอ้อม ว่า ผ้าสาลู ด้วย.
ส่าเลือด ส่าเลือด น. เม็ดผื่นที่ขึ้นตามตัวเนื่องจากความผิดปรกติของเลือดประจําเดือน.
สาโลหิต สาโลหิต (แบบ) น. สายโลหิต, มักใช้เข้าคู่กับคํา ญาติ เป็น ญาติสาโลหิต. (ป.).
สาว,สาว ๑ สาว ๑ น. หญิงที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕-๓๐ ปีขึ้นไป เช่น ย่างเข้าสู่วัยสาว โตเป็นสาวแล้วยังซุกซนเหมือนเด็ก ๆ, ถ้ายังไม่ได้แต่งงาน ใช้คําว่า นางสาว นําหน้าชื่อ.<2t>ว. เรียกคนและสัตว์ที่มีท้องครั้งแรกว่า ท้องสาว, เรียกต้นไม้ที่เริ่มผลิดอกออกผลครั้งแรก เช่น หมากสาว มะพร้าวสาว, เรียกหญิงที่ยังไม่แก่ตามวัย เช่น แม้จะอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูสาวอยู่, เรียกหญิงที่ยังไม่แต่งงาน เช่น จะพูดอะไรให้เกรงใจเขาบ้าง ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังเป็นสาวอยู่.
สาว,สาว ๒ สาว ๒ ก. ชักหรือดึงสิ่งที่เป็นเส้นยาว ๆ ออกจากที่เข้าหาตัว เช่น สาวไหม สาวเชือก; โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น สาวความ.
สาว,สาว-,สาว- ๓ สาว- ๓ [สาวะ-] ว. สีดําแดง, สีนํ้าตาลแก่. (ป.; ส. ศฺยาว).
สาวก สาวก น. ศิษย์ของศาสดา. (ป.; ส. ศฺราวก).
สาวกระทืบหอ สาวกระทืบหอ น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L..
สาวก้าว สาวก้าว ก. ก้าวยาวอย่างเร็ว, เดินเร็ว.
สาวแก่ สาวแก่ น. หญิงที่มีอายุเลยวัยสาว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน.
สาวใช้ สาวใช้ น. หญิงลูกจ้างช่วยแม่บ้านทำงาน.
สาวทึนทึก,สาวทึมทึก สาวทึนทึก, สาวทึมทึก น. สาวใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งงาน, สาวเทื้อ ก็ว่า.
สาวเท้า สาวเท้า ก. ก้าวยาว ๆ เร่งฝีเท้าให้เร็ว.
สาวเทื้อ สาวเทื้อ น. สาวแก่, สาวทึนทึก, สาวทึมทึก.
สาวน้อย สาวน้อย น. หญิงที่อยู่ในวัยรุ่น.
สาวน้อยร้อยชั่ง สาวน้อยร้อยชั่ง น. หญิงที่มีค่าตัวสูง มีคุณสมบัติและรูปสมบัติเป็นที่ยกย่อง.
สาวน้อยเล่นน้ำ สาวน้อยเล่นน้ำ น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สาวนะ,สาวนะ ๑,ศรวณะ,ศระวณะ สาวนะ ๑, ศรวณะ, ศระวณะ [สาวะนะ, สะระวะนะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๒ มี ๓ ดวง เห็นเป็นรูปหามผีหรือโลง, ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี ก็เรียก.
สาวนะ,สาวนะ ๒ สาวนะ ๒ [สาวะนะ] น. เดือน ๙. (ป.; ส. ศฺราวณ).
สาวพรหมจารี สาวพรหมจารี น. สาวที่ยังไม่มีสามี, หญิงที่ยังไม่มีระดู, เช่น ตามที่ถือกันว่า ผู้ซึ่งสำหรับกวนข้าวทิพย์นั้นต้องเป็นสาวพรหมจารี คือที่ยังไม่มีสามีนั้นประการหนึ่ง อีกนัยหนึ่งคือหญิงซึ่งยังไม่มีระดูกล่าวว่าเป็นพรหมจารีแท้... (สิบสองเดือน); สาวบริสุทธิ์, หญิงที่ยังบริสุทธิ์, หญิงที่ยังไม่เคยร่วมประเวณี.
สาวรุ่น สาวรุ่น น. หญิงที่เพิ่งแตกเนื้อสาว.
สาวศรี สาวศรี (กลอน) น. สาววัยรุ่น.
สาวศรีสาวใช้ สาวศรีสาวใช้ (สำ) น. สาวใช้.
สาวสะ สาวสะ น. หญิงสาววัยรุ่นแต่งตัวใส่เกี้ยว นุ่งผ้าลายพื้นเขียว ห่มผ้าแพรพื้นแดง เดินประนมมือตามกระบวนแห่เต็มยศขนาบพระราชยานในพระราชพิธีโสกันต์, นางแต่งตัวสะ หรือ นางสะ ก็เรียก, โดยปริยายหมายถึงสาวรุ่น.
สาวสะเทิน สาวสะเทิน น. หญิงที่อยู่ในวัยระหว่างสาวกับเด็กก้ำกึ่งกัน.
สาวแส้ สาวแส้ น. หญิงสาว.
สาวไส้ สาวไส้ ก. นําความลับที่ไม่ควรเปิดเผยไปให้คนอื่นรู้, มักใช้ในทางไม่ดี.
สาวไส้ให้กากิน สาวไส้ให้กากิน (สํา) ก. นำความลับของฝ่ายตนไปเปิดเผยให้คนอื่นรู้เป็นการประจานตนหรือพรรคพวกของตน.
สาวใหญ่ สาวใหญ่ น. หญิงที่อยู่ในวัยกลางคน.
สาวิกา สาวิกา น. ศิษย์ผู้หญิงของศาสดา. (ป.; ส. ศฺราวิกา).
สาวิตร สาวิตร [-วิด] ว. เกี่ยวเนื่องกับพระอาทิตย์. (ส.).
สาวิตรี สาวิตรี [-วิดตฺรี] น. คําสดุดีพระอาทิตย์บทหนึ่งในฤคเวท. (ส.).
สาสน,สาสน-,สาสน์,สาส์น สาสน, สาสน-, สาสน์, สาส์น [สาน, สาสะนะ-, สาดสะนะ-, สาด, สาน] น. คําสั่ง, คําสั่งสอน, เช่น สาสนธรรม; จดหมายของประมุขของประเทศหรือประมุขสงฆ์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, ถ้าเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ เรียกว่า พระราชสาส์น, เขียนเป็น พระราชสาสน หรือ พระราชสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่า อักษรสาส์น, เขียนเป็น อักษรสาสน หรือ อักษรสาสน์ ก็ได้, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่า สมณสาสน์, ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า เรียกว่า พระสมณสาสน์. (ป.).
สาสนธรรม สาสนธรรม น. คําสั่งสอนทางศาสนา.
สาสนา สาสนา [สาดสะหฺนา] น. ศาสนา, คําสั่งสอนของศาสดา. (ป. สาสน; ส. ศาสน).
สาสม สาสม [สา-สม] ว. เหมาะ, สมควร, เช่น ต้องลงโทษให้สาสมแก่ความผิด.
สาหร่าย,สาหร่าย ๑ สาหร่าย ๑ น. ชื่อพืชชั้นตํ่าที่ไม่มีลําต้น ใบ และรากที่แท้จริง แต่มีคลอโรฟิลล์ บ้างเป็นเซลล์เดียว บ้างเป็นกลุ่มเซลล์ เป็นสาย หรือเป็นต้นคล้ายพืชชั้นสูง ขึ้นทั่วไปในนํ้าหรือที่ชื้นแฉะ เช่น สาหร่ายไส้ไก่ [Enteromorpha intestinalis (L.) Link] ในวงศ์ Ulvaceae; ชื่อพืชชั้นสูงที่มีดอกบางชนิดซึ่งขึ้นอยู่ในนํ้า เช่น สาหร่ายพุงชะโด (Ceratophyllum demersum L.) ในวงศ์ Ceratophyllaceae สาหร่ายเส้นด้าย (Najas graminea Del.) ในวงศ์ Najadaceae.
สาหร่าย,สาหร่าย ๒ สาหร่าย ๒ น. ชื่อลายประเภทเครื่องห้อยแบบหนึ่งนิยมประดับริมเสามุขเด็จพระมหาปราสาทหรือพระอุโบสถเป็นต้น.
สาหรี สาหรี [-หฺรี] ว. งาม, น่ารัก, ดี. (ช.).
ส่าหรี ส่าหรี [-หฺรี] น. เครื่องแต่งกายสตรีอินเดียแบบหนึ่ง เป็นผ้าชิ้นยาวประมาณ ๕-๖ เมตร ใช้เป็นทั้งผ้านุ่งและผ้าห่ม ส่วนที่นุ่ง ยาวกรอมส้น พันรอบตัวและจีบข้างหน้าเหน็บไว้ที่เอว ส่วนผ้าห่มใช้ชายผ้าที่เหลือพาดอกและสะพายบ่า โดยมากเป็นบ่าซ้ายห้อยชายไปข้างหลัง ชายที่ห้อยดึงมาคลุมหัวก็ได้.
สาหัตถ,สาหัตถ-,สาหัตถิก,สาหัตถิก- สาหัตถ-, สาหัตถิก- [-ถะ-, -ถิกะ-] ว. ที่ทําด้วยมือของตนเอง. (ป.).
สาหัส สาหัส [-หัด] ว. ร้ายแรง เช่น บาดเจ็บสาหัส, รุนแรงเกินควร เช่น ถูกลงโทษอย่างสาหัส. (ป., ส.).
สาหัสสากรรจ์ สาหัสสากรรจ์ ว. แสนสาหัส, ร้ายแรงมาก, คอขาดบาดตาย, เช่น ได้รับทุกข์ทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์, โดยปริยายหมายความว่า ลำบากยิ่ง เช่น ทางนี้ทุรกันดารสาหัสสากรรจ์ บุกป่าฝ่าดงอย่างสาหัสสากรรจ์.
ส่าเห็ด ส่าเห็ด น. ราที่ขึ้นตามพื้นดินก่อนที่เห็ดจะขึ้น.
สาเหตุ สาเหตุ [สาเหด] น. ต้นเหตุ เช่น ความประมาทเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุ บุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคมะเร็ง.
ส่าเหล้า,ส่าเหล้า ๑ ส่าเหล้า ๑ น. ส่าที่เติมลงไปเพื่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมี ทำให้มีเอทิลแอลกอฮอล์เกิดขึ้น.
ส่าเหล้า,ส่าเหล้า ๒ ส่าเหล้า ๒ น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Desmos cochinchinensis Lour. ในวงศ์ Annonaceae ใบด้านล่างเป็นคราบขาว ดอกสีเหลือง กลิ่นหอม.
สาแหรก,สาแหรก ๑ สาแหรก ๑ [-แหฺรก] น. เครื่องใส่ของสําหรับหิ้วหรือหาบเป็นต้น ปรกติทําด้วยหวาย มี ๔ สาย ตอนบนทําเป็นหูสําหรับหิ้วหรือสอดไม้คาน ตอนล่างขัดกันเป็นสี่เหลี่ยมสําหรับวางกระจาดเป็นต้น. (เทียบ ข. สงฺแรก).
สาแหรก,สาแหรก ๒ สาแหรก ๒ น. ชื่อชมพู่ชนิด Syzygium malaccensis (L.) Merr. et L.M. Perry ในวงศ์ Myrtaceae ผลใหญ่ สีชมพู เนื้อหนา มีลายสีแดงเข้มเป็นเส้น ๆ ตามยาว.
สาแหรก,สาแหรก ๓ สาแหรก ๓ น. ร่องที่อยู่บนข้าวเปลือก ถ้าร่องนั้นลึกก็จะปรากฏบนเมล็ดข้าวด้วย.
สาฬุระ สาฬุระ น. หมา. (ป.); กบ, เขียด. (ส. สาลูร ว่า กบ, ศาลูร ว่า กบ, เขียด).
สำ สำ ก. ซับซ้อนกัน, ปะปนกัน, ไม่เป็นลําดับ, ไม่เป็นระเบียบ.
ส่ำ ส่ำ น. หมู่, เหล่า, พวก, ชนิด, เช่น สํ่าสัตว์.
สำคัญ สำคัญ ว. เป็นพิเศษกว่าธรรมดา เช่น เรื่องสําคัญ, มีคุณค่า เช่น ของสําคัญ, มีชื่อเสียง เช่น คนสําคัญ; ควรกําหนดจดจํา เช่น หัวข้อสำคัญ.<2t>ก. เข้าใจ เช่น สำคัญตนผิด สำคัญว่าเชือกเป็นงู, คะเน, คาดว่า, เช่น ลงทุนไปแล้วก็สำคัญว่าจะได้กำไรมาก. น. เครื่องหมาย, เครื่องจดจํา, เช่น ถือหลักเขตเป็นสําคัญ ให้ไว้เป็นสำคัญ ประทับตราบัวแก้วไว้เป็นสำคัญ.
สำซ่าง สำซ่าง น. โรงขนาดเล็กมียกพื้นข้างใน สําหรับพระสงฆ์นั่งสวดพระอภิธรรม อยู่ ๔ มุมเมรุ, คดซ่าง คดสร้าง ซ่าง สร้าง หรือ ส้าง ก็เรียก.
สำแดง,สำแดง ๑ สำแดง ๑ ก. แสดง, ทําให้เห็นปรากฏ, เช่น สําแดงฤทธิ์ สําแดงเดช ปีศาจสำแดงตน. (แผลงมาจาก แสดง).
สำแดง,สำแดง ๒ สำแดง ๒ น. ของแสลงที่ทำให้โรคกำเริบ, สำแลง ก็ว่า, ใช้ในคำว่า ผิดสำแดง หรือ ผิดสำแลง.
สำแดง,สำแดง ๓ สำแดง ๓ คํากล่าวประกอบชื่อผู้อื่นซึ่งปรากฏอยู่เฉพาะหน้า, เป็นสํานวนแปลบาลีเก่า ใช้ในที่ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสาวก เช่น สําแดงอานนท์.
สำทับ สำทับ ก. ยํ้า, กำชับ, เช่น เขาสั่งให้ทำงานแล้วสำทับว่าต้องเสร็จใน ๓ วัน, ซ้ำเติม เช่น ลูกถูกแม่ตีแล้วพ่อยังสำทับว่าถ้าทำอีกก็จะถูกตีอีก, ขู่ เช่น ผู้ร้ายสำทับว่า อย่าไปบอกตำรวจมิฉะนั้นจะฆ่าปิดปาก.
สำนวด สำนวด [สําหฺนวด] (กลอน) ก. สวด. (แผลงมาจาก สวด).
สำนวน สำนวน น. ถ้อยคําที่เรียบเรียง, โวหาร, บางทีก็ใช้ว่า สํานวนโวหาร เช่น สารคดีเรื่องนี้สํานวนโวหารดี ความเรียงเรื่องนี้สํานวนโวหารลุ่ม ๆ ดอน ๆ; คดี เช่น ปิดสำนวน; ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู่ เช่น สอนจระเข้ให้ว่ายนํ้า รําไม่ดีโทษปี่โทษกลอง, ถ้อยคําที่แสดงออกมาเป็นข้อความพิเศษ เฉพาะภาษาหนึ่ง ๆ เช่น สํานวนฝรั่ง สํานวนบาลี, ชั้นเชิงหรือท่วงทํานองในการแต่งหนังสือหรือพูด เช่น สํานวนเจ้าพระยาพระคลัง (หน) สํานวนยาขอบ สํานวนไม้ เมืองเดิม; ลักษณนามใช้เรียกข้อความหรือบทประพันธ์รายหนึ่ง ๆ เช่น อิเหนามีหลายสํานวน บทความ ๒ สํานวน.
สำนวนความ สำนวนความ (กฎ) น. บรรดาคําคู่ความและเอกสารหรือแผ่นกระดาษไม่ว่าอย่างใด ๆ ที่คู่ความหรือศาลหรือเจ้าพนักงานศาลได้ทําขึ้น ซึ่งประกอบเป็นสํานวนของคดี.
สำนอง สำนอง ก. รับผิดชอบ, ต้องรับใช้แทน. (แผลงมาจาก สนอง).
สำนัก สำนัก น. ที่อยู่อาศัย เช่น อยู่สำนักวัดมหาธาตุ, ที่ทําการ เช่น สํานักนายกรัฐมนตรี; แหล่งศึกษาอบรม เช่น สํานักวิปัสสนาวัดปากน้ำ สำนักทิศาปาโมกข์. ก. อยู่ เช่น เวลานี้สํานักที่ไหน. (โบ เขียนเป็น สํานักนิ).
สำนักงาน สำนักงาน น. สถานที่ทำการของรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทห้างร้านเป็นต้น เช่น สำนักงานสลากกินแบ่ง สำนักงานใหญ่ธนาคารออมสิน สำนักงานทนายความ.
สำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์ น. สถานที่ดำเนินธุรกิจจัดพิมพ์และจำหน่ายตำราหรือหนังสือสารคดี นวนิยาย เป็นต้น.
สำนักสงฆ์ สำนักสงฆ์ น. วัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานที่วิสุงคามสีมา.
สำนาน สำนาน น. เสียง, เสียงพูด.
สำนึก สำนึก ก. รู้สึกซาบซึ้ง เช่น สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์.
สำนึกผิด สำนึกผิด ก. รู้สึกตระหนักในความผิดที่ได้ทำไป เช่น ผู้ร้ายสำนึกผิดจึงได้สารภาพ, บางทีก็ใช้ว่า สำนึก เช่น ทำผิดถูกลงโทษแล้วยังไม่สำนึกอีก.
สำนึง สำนึง ก. อยู่. (แผลงมาจาก สึง).
สำเนา สำเนา น. ข้อความหรือภาพเป็นต้นที่ผลิตซํ้าจากต้นแบบหรือต้นฉบับ; ลักษณนามเรียกจํานวนแผ่นหรือชุดที่ผลิตซํ้าจากต้นแบบหรือต้นฉบับ.<2t>ก. คัดหรือถ่ายข้อความหรือภาพเป็นต้นจากต้นแบบหรือต้นฉบับ เช่น ก่อนส่งใบเสร็จรับเงินไปให้ลูกค้า ควรสําเนาไว้ก่อน.
สำเนียง สำเนียง น. เสียง, นํ้าเสียง, หางเสียง, วิธีออกเสียง, เช่น สําเนียงส่อภาษา สําเนียงไม่ชัด พูดภาษาไทยแต่สำเนียงเป็นฝรั่ง.
สำบอก สำบอก น. เปลือก. (ข. สํบก).
สำบัดสำนวน สำบัดสำนวน ก. พูดจาหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าใจตรง ๆ, ใช้คารมพลิกแพลง, เล่นลิ้น, เช่น อย่าสำบัดสำนวนให้มากนัก.<2t>น. สํานวน, คารมพลิกแพลง, เช่น เขาพูดมีสำบัดสำนวนมาก บทความของเขาเต็มไปด้วยสำบัดสำนวน.
สำปะลอ สำปะลอ น. ขนุนสําปะลอ. (ดู ขนุนสําปะลอ).
สำปะหลัง สำปะหลัง น. ชื่อมันชนิด Manihot esculenta Crantz ในวงศ์ Euphorbiaceae หัวดิบเป็นพิษ, สําโรง ก็เรียก.
สำปั้น,สำปั้น ๑ สำปั้น ๑ น. ชื่อเรือต่อเสริมกราบชนิดหนึ่ง เดิมทําด้วยไม้กระดาน ๓ แผ่น ท้ายสูงกว่าหัวเรือ ใช้แจวหรือพาย.
สำปั้น,สำปั้น ๒ สำปั้น ๒ น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L..
สำปันนี,สำปันนี ๑ สำปันนี ๑ น. ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่ง รูปร่างอย่างเรือมาด แต่เพรียวกว่า หัวและท้ายแบนโตเรี่ยนํ้า.
สำปันนี,สำปันนี ๒ สำปันนี ๒ น. ชื่อขนมชนิดหนึ่งทําด้วยแป้งมัน ตั้งไฟกวนกับกะทิและน้ำตาลทรายให้เข้ากันพอปั้นได้ ตักใส่พิมพ์อัดให้เป็นรูป แล้วเคาะออก อบด้วยควันเทียนอบ.
สำเภา,สำเภา ๑ สำเภา ๑ น. ชื่อเรือเดินทะเลชนิดหนึ่งแบบจีน แล่นด้วยใบ.
สำเภา,สำเภา ๒ สำเภา ๒ น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Chaetocarpus castanocarpus (Roxb.) Thwaites ในวงศ์ Euphorbiaceae ขึ้นตามป่าดิบทั่วไป ผลมีหนามละเอียดโดยรอบ, ขี้หนอน ก็เรียก.
สำเภาทอง สำเภาทอง น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ปุนัพสุ มี ๓ ดวง, ดาวสะเภา ดาวยามเกา ดาวตาเรือชัย ดาวหัวสําเภา หรือ ดาวปุนัพพสู ก็เรียก.
สำมะงา สำมะงา น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Clerodendrum inerme Gaertn. ในวงศ์ Labiatae ขึ้นตามป่าชายเลน ใช้ทํายาได้.
สำมะโน สำมะโน (กฎ) น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประชากร เคหะ การเกษตร อุตสาหกรรม ธุรกิจ และการอื่น เพื่อใช้ประโยชน์ในทางสถิติ โดยการแจงนับจากทุกหน่วยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ.
สำมะโนครัว สำมะโนครัว น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจํานวนราษฎรในแต่ละครัวเรือน.
สำมะโนประชากร สำมะโนประชากร น. การเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจํานวนและลักษณะต่าง ๆ ของราษฎรทุกคนในทุกครัวเรือน ในระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อใช้ประโยชน์ในทางสถิติ.
สำมะลอ สำมะลอ น. สําปะลอ.
สำมะเลเทเมา สำมะเลเทเมา ก. คบหากันอย่างเลอะเทอะ เช่น พอตกเย็นก็พากันไปสำมะเลเทเมา, ประพฤติเหลวไหลเช่นกินเหล้าเมายาเป็นต้น เช่น เขาชอบสำมะเลเทเมา กลางวันเล่นม้ากลางคืนกินเหล้า.
สำมะหาอะไร สำมะหาอะไร ว. นับประสาอะไร, จะพูดไปทำไมมี, จะกล่าวไปทำไม, เช่น งานเล็ก ๆ เช่นนี้ยังทำไม่สำเร็จ สำมะหาอะไรจะไปทำงานใหญ่, สำหาอะไร ก็ว่า.
สำรด สำรด น. ผ้าคาดเอวปักด้วยดิ้น เงินแล่ง ทองแล่ง เป็นลวดลายต่าง ๆ โบราณใช้เป็นเครื่องประกอบอย่างหนึ่งที่แสดงศักดิ์, สมรด หรือ ผ้าแฝง ก็เรียก.
สำรวจ สำรวจ [สำหฺรวด] ก. ตรวจสอบ เช่น สํารวจสํามะโนครัว สำรวจพฤติกรรม, ตรวจหา เช่น สํารวจแหล่งแร่.
สำรวม,สำรวม ๑ สำรวม ๑ ก. ระมัดระวัง เช่น สํารวมกิริยามารยาท สำรวมตา สำรวมปาก, เหนี่ยวรั้ง, ครอง, เช่น สํารวมสติ.
สำรวม,สำรวม ๒ สำรวม ๒ ว. รวม, ประสม, ปนกัน, เช่น อาหารสำรวม.
สำรวมใจ สำรวมใจ ก. ทําใจให้แน่วแน่, ทำใจให้สงบ, เช่น เวลานั่งสมาธิต้องสำรวมใจ.
สำรวมอินทรีย์ สำรวมอินทรีย์ ก. ระมัดระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ.
สำรวย สำรวย ว. ทํากิริยากรีดกรายหยิบหย่ง, เอาแต่แต่งตัว, เช่น ท่าทางสำรวยอย่างนี้ คงจะทำงานหนักไม่ไหว. (แผลงมาจาก สวย).
สำรวล สำรวล ก. หัวเราะ, รื่นเริง. (แผลงมาจาก สรวล).
สำรอก สำรอก ก. ขย้อนเอาสิ่งที่กลืนลงไปในกระเพาะแล้วออกมาทางปาก เช่น สำรอกอาหาร; ทำให้สิ่งที่ติดอยู่กับผิวหลุดออกมา เช่น สำรอกทอง สำรอกสี.
สำรอง,สำรอง ๑ สำรอง ๑ น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Scaphium scaphigerum (G. Don) Guib. et Planch. ในวงศ์ Sterculiaceae ผลแช่นํ้าแล้วพองเป็นวุ้น ใช้กินกับนํ้าตาลและใช้ทํายาได้ เรียก พุงทะลาย.
สำรอง,สำรอง ๒ สำรอง ๒ ว. ที่เตรียมเผื่อไว้ เช่น อาหารสำรอง ตัวสำรอง.
สำรับ สำรับ น. ของหรือคนที่รวมกันเข้าได้ไม่ผิดหมู่ผิดพวกเป็นชุดเป็นวงเป็นต้น เช่น ไพ่ ๒ สำรับ พระพิธีธรรม ๑ สำรับ มี ๔ รูป นักสวดคฤหัสถ์ ๑ สำรับ มี ๔ คน, ภาชนะเช่นถาดเป็นต้นใส่ถ้วยชามพร้อมบรรจุอาหารคาวหรือหวานเป็นชุด เช่น สำรับคาว สำรับหวาน.
สำราก สำราก ก. พูดกระโชกโฮกฮาก เช่น อย่ามาสำรากกับฉันนะ.
สำราญ สำราญ ก. สุขสบาย เช่น วันอาทิตย์จะนอนให้สำราญเลย.<2t>ว. ที่ทำให้มีความสุขสบาย เช่น เรือสำราญ. (ข. สํราล).
สำราญกาย สำราญกาย ก. สบายกาย.
สำราญใจ สำราญใจ ก. สบายใจ.
สำริด สำริด (โบ) น. สัมฤทธิ์.
สำเร็จ สำเร็จ ก. เสร็จ เช่น สำเร็จการศึกษา; ถึง, บรรลุ, เช่น สําเร็จโสดา.<2t>ว. ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น เครื่องแกงสำเร็จ, ได้ผลสมประสงค์ เช่น วางแผนการขายสินค้าได้สำเร็จ.
สำเร็จโทษ สำเร็จโทษ (โบ; ราชา) ก. ประหารชีวิต.
สำเร็จรูป สำเร็จรูป ว. ที่ทำไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น เสื้อผ้าสําเร็จรูป อาหารสําเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป.
สำเรา สำเรา ก. ทุเลา, อาการไข้ที่สร่างจากตัวร้อน, ยังมีอาการตัวร้อนน้อย ๆ.
สำเริง สำเริง ก. รื่นเริง, ร่าเริง, เช่น นวนิยายให้ความสำเริงอารมณ์, มักใช้เข้าคู่กับคำ สำราญ เป็น สำเริงสำราญ หรือ สำราญสำเริง.
สำโรง สำโรง น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Sterculia foetida L. ในวงศ์ Sterculiaceae ดอกมีกลิ่นเหม็น เมล็ดให้นํ้ามัน เรียกว่า นํ้ามันลูกไม้. (ข.).<2t>(๒) ดู สําปะหลัง.
สำลัก สำลัก ก. อาการที่เกิดเมื่ออาหารหรือนํ้าเข้าไปในหลอดลม; แช่จมอยู่ในนํ้านาน ๆ เช่น ผักบุ้งสําลักนํ้า ต้นข้าวสําลักนํ้า.<2t>น. เรียกป้านสีขาว เนื้อไม่แน่นละเอียด นํ้าซึมออกมาได้ ว่า ป้านสําลัก.
สำลาน สำลาน ว. สีเหลืองปนแดง.
สำลี,สำลี ๑ สำลี ๑ น. (๑) ชื่อไม้ต้นขนาดเล็กชนิด Gossypium barbadense L. var. acuminatum (Roxb.) Mast. ในวงศ์ Malvaceae เมล็ดมีปุยขาวใช้ทอผ้าได้; ชื่อเรียกปุยของเมล็ดฝ้ายหรือเมล็ดสําลี.<2t>(๒) อ้อยสําลี. [ดู ตะเภา ๔ (๑)].
สำลี,สำลี ๒ สำลี ๒ น. ชื่อเรียกปุยฝ้ายที่นํามาฟอกให้ขาวปราศจากไขมันและสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เพื่อใช้ในทางการแพทย์เป็นต้น; เรียกผ้าชนิดหนึ่ง มีขนเนื้อนุ่ม มักใช้ห่มหรือตัดเสื้อกันหนาว ว่า ผ้าสําลี.
สำลี,สำลี ๓ สำลี ๓ น. ชื่อปลาทะเลชนิด Seriolina nigrofasciata ในวงศ์ Carangidae ลําตัวค่อนข้างกลม สีเทาคลํ้า เกล็ดเล็ก คอดหางกิ่ว, ช่อลำดวน ก็เรียก.
สำแลง สำแลง น. ของแสลงที่ทําให้โรคกําเริบ, สำแดง ก็ว่า, ใช้ในคําว่า ผิดสําแลง หรือ ผิดสำแดง.
สำสร้าง สำสร้าง ดู สําซ่าง.
สำส่อน สำส่อน ก. ปะปนโดยไม่เลือกเช่นในการคบค้าสมาคมหรือในการซ่องเสพเป็นต้น เช่น สำส่อนทางเพศ จะเป็นเอดส์ไม่รู้ตัว อย่าสำส่อนในการกินอาหาร.<2t>ว. ที่ปะปนในลักษณะเช่นนั้น เช่น เที่ยวสำส่อน กินสำส่อน.
สำสา สำสา (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นก้ามปู. (ดู ก้ามปู).
สำเส็ด สำเส็ด น. ต้นไม้ขนาดเล็ก ลูกเหมือนลูกชมพู่. (พจน. ๒๔๙๓).
ส่ำเสีย ส่ำเสีย ก. เสียหายอย่างป่นปี้.
สำหรวด สำหรวด น. ฝาเรือนเครื่องสับแบบหนึ่ง มีโครงไม้คร่าวยืนเป็นหลักซึ่งวางห่างกัน ๑ ฝ่ามือ ระหว่างไม้คร่าวแต่ละช่อง ขัดไม้แผ่นเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ไม้เซ็น หรือ ลูกเซ็น วางตามขวาง ด้านหลังไม้เซ็นกรุใบจากอ่อนเป็นต้นแล้วขัดด้วยเข็มไม้ไผ่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า ฝาสําหรวด.
สำหรับ สำหรับ ว. คู่กับ, ควรกับ, เช่น ช้อนกับส้อมเป็นของสำหรับกัน หมากพลูกับเชี่ยนเป็นของสำหรับกัน.<2t>บ. เพื่อ เช่น ของสำหรับถวายพระ วันนี้ฉันทำกับข้าวเป็นพิเศษสำหรับเธอ.
สำหาอะไร สำหาอะไร ว. นับประสาอะไร, จะพูดไปทำไมมี, จะกล่าวไปทำไม, เช่น เรียนชั้นมัธยมยังสอบตก สำหาอะไรจะไปเรียนมหาวิทยาลัย, สำมะหาอะไร ก็ว่า.
สำเหนียก สำเหนียก [สำเหฺนียก] ก. ฟัง, คอยเอาใจใส่, กําหนดจดจํา, เช่น ผู้ใหญ่สอนอะไรก็ให้สำเหนียกไว้ให้ดี.
สำเหร่ สำเหร่ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Melastoma malabathricum L. ในวงศ์ Melastomataceae ดอกสีชมพู.
สำออย สำออย ก. พูดพรํ่ารําพันให้เอ็นดูสงสาร, ร้องออดอ้อนจะเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น เจ็บนิดเดียว สำออยอยู่นั่นแหละ ลูกสำออยพ่อแม่ขอซื้อตุ๊กตา.
สำอาง สำอาง น. เครื่องแป้งเครื่องหอม เรียกว่า เครื่องสําอาง, ปัจจุบันหมายถึง สิ่งเสริมแต่งหรือบำรุงใบหน้า ผิวพรรณ ผม เป็นต้นให้ดูงาม เช่น แป้ง ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสําอาง. ว. ที่ทําให้งามสะอาดหมดจด, งามสะอาดหมดจด, งามกรีดกรายหยิบหย่ง เช่น เขาเป็นหนุ่มสำอางท่าทางกรีดกราย.
สิ สิ คําประกอบท้ายคําอื่นเพื่อเสริมข้อความให้เด่น ให้ชัด หรือให้สละสลวย เป็นต้น, โดยมากใช้กับกริยาเป็นเชิงบังคับ เชิงชวน หรือรับคำ เป็นต้น เช่น ไปสิ มาสิ, ซิ หรือ ซี ก็ว่า.
สิกข์,สิข สิกข์, สิข น. ชื่อศาสนาหนึ่งในอินเดีย มีศาสดาชื่อ คุรุนานัก; ชื่อชาวอินเดียพวกหนึ่งที่นับถือศาสนาสิกข์ ส่วนมากอยู่ในแคว้นปัญจาป ประเทศอินเดีย; ซิก หรือ ซิกข์ ก็ว่า.
สิกขมานา สิกขมานา (โบ) น. สามเณรีที่มีอายุครบ ๑๘ ปี ก่อนอุปสมบทเป็นภิกษุณีจะต้องรักษาสิกขาบท ๖ ประการ เป็นเวลา ๒ ปี. (ป.).
สิกขา สิกขา น. ข้อที่จะต้องศึกษา, ข้อที่จะต้องปฏิบัติ ได้แก่ ศีล เรียกว่า ศีลสิกขา สมาธิ เรียกว่า จิตสิกขา และปัญญา เรียกว่า ปัญญาสิกขา รวมเรียกว่า ไตรสิกขา; การศึกษา, การเล่าเรียน, เช่น ปริยัติสิกขา ปฏิบัติสิกขา. (ป.; ส. ศิกฺษา).
สิกขากาม,สิกขากาม- สิกขากาม- [-กามะ-] ว. ผู้ใคร่ต่อการศึกษา, ผู้นับถือข้อบัญญัติโดยเคร่งครัด, สิกขกาม ก็ว่า เช่น สิกขกามบุคคล หมายถึง บุคคลที่ใคร่ต่อการศึกษา. (ป.).
สิกขาบท สิกขาบท น. ข้อศีล, ข้อวินัย, บทบัญญัติในพระวินัยที่พึงศึกษาปฏิบัติ. (ป.).
สิขร สิขร [-ขอน] น. จอม, ยอด, หงอน; ยอดเขา. (ป.; ส. ศิขร).
สิขรี สิขรี [-ขะรี] น. ภูเขา. (ป.; ส. ศิขรินฺ).
สิขเรศ สิขเรศ (กลอน) น. ภูเขา.
สิขา สิขา น. เปลวไฟ; ยอด, ปลาย. (ป.; ส. ศิขา).
สิขานล สิขานล น. เปลวไฟ. (ป.).
สิขี สิขี น. เปลวไฟ; นกยูง; พระนามของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง. (ป.; ส. ศิขินฺ).
สิคาล สิคาล [-คาน] น. หมาจิ้งจอก, หมาป่า, สิงคาล ก็ว่า. (ป.; ส. ศฺฤคาล).
สิง,สิง ๑ สิง ๑ ก. อยู่, เข้าแทรกอยู่ เช่น ผีสิง, สึง ก็ว่า, (ปาก) อยู่, มาอาศัยอยู่, เช่น เพื่อน ๆ ของลูกมาสิงอยู่ที่บ้านหลายคน, สิงสู่ ก็ว่า. (ข.).
สิง,สิง ๒ สิง ๒ ดู ตะลาน ๑.
สิง,สิง ๓ สิง ๓ ดู กระฉง.
สิ่ง สิ่ง น. ของต่าง ๆ โดยไม่จำกัดว่ามีชีวิตหรือไม่มีชีวิต เช่น คน สัตว์ และพืช เป็นสิ่งมีชีวิต ก้อนหินเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ทองคำเป็นสิ่งมีค่า; ภาวะ, ความมีความเป็น, เช่น สิ่งที่มีคุณค่าในสังคมอย่างหนึ่งคือ ความยุติธรรม, อย่าง, อัน, เช่น ในกระเป๋ามีของกี่สิ่ง.
สิ่งก่อสร้าง สิ่งก่อสร้าง น. อาคารบ้านเรือนเป็นต้นที่สร้างโดยใช้อิฐและปูนเป็นส่วนใหญ่.
สิงขร สิงขร [-ขอน] น. สิขร.
สิ่งของ สิ่งของ น. วัตถุต่าง ๆ เช่น ก่อนลงจากรถควรตรวจสิ่งของให้ครบถ้วน, ของ หรือ ข้าวของ ก็ว่า.
สิงค์ สิงค์ น. เขาสัตว์ต่าง ๆ; เขา, ยอดเขา, ที่ที่สูงสุด. (ป.).
สิงคลิ้ง สิงคลิ้ง (กลอน) ว. งามอย่างสง่า เช่น บพิตรพ่องามสิงคลิ้ง. (ลอ).
สิงคลี สิงคลี [-คฺลี] ว. วุ่นวาย, พัลวัน.
สิงคาร สิงคาร [-คาน] น. ศฤงคาร, สิ่งให้เกิดความรัก, บริวารหญิงผู้บําเรอความรัก. (ป.; ส. ศฺฤงฺคาร).
สิงคาล สิงคาล [-คาน] น. หมาป่า, หมาจิ้งจอก, สิคาล ก็ว่า. (ป. สิคาล; ส. ศฺฤคาล).
สิงคี สิงคี น. สัตว์มีเขา, วัว, ควาย; ชื่อปลาชนิดหนึ่ง; ทองคํา; ชื่อผักชนิดหนึ่ง. (ป.; ส. ศฺฤงฺคี).
สิ่งตีพิมพ์ สิ่งตีพิมพ์ (ไปร) น. ไปรษณียภัณฑ์ประเภทข้อความ รูป หรือรอยประดิษฐ์บนกระดาษ กระดาษแข็ง หรือวัสดุที่ใช้กันทั่วไปในกิจการพิมพ์ ซึ่งทำขึ้นเป็นหลายสำเนาเหมือนกันทุกประการ ด้วยกระบวนการทางเครื่องกลไก หรือการถ่ายภาพอันเกี่ยวข้องกับการใช้แม่พิมพ์ต้นแบบ กระดาษไข เนกาทีฟ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้กันโดยทั่วไปในกิจการพิมพ์.
สิงโต,สิงโต ๑ สิงโต ๑ น. ชื่อสัตว์ในจินตนาการของจีน ถือว่ามีกําลังมากและมีหน้าตาดุร้าย.
สิงโต,สิงโต ๒ สิงโต ๒ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ชนิด Panthera leo ในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว ขนาดไล่เลี่ยกับเสือโคร่ง ตัวสีนํ้าตาล ไม่มีลาย ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่จะมีขนสร้อยคอยาว ขนปลายหางเป็นพู่ อาศัยอยู่เป็นฝูงตามทุ่งโล่ง ตัวเมียมักทําหน้าที่ล่าเหยื่อ มีถิ่นกําเนิดในทวีปแอฟริกาและประเทศอินเดีย.
สิงโต,สิงโต ๓ สิงโต ๓ น. ชื่อปลาทะเลในสกุล Pterois วงศ์ Scorpaenidae ครีบต่าง ๆ แผ่กว้างโดยเฉพาะครีบอก สีฉูดฉาดสวยงามเป็นริ้วลาย หนามและก้านครีบแข็งเป็นพิษ ขนาดยาวได้ถึง ๓๕ เซนติเมตร มีหลายชนิด เช่น ชนิด P. russelli, P. volitans.
สิงโตทะเล สิงโตทะเล น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Otariidae ซึ่งอาศัยอยู่ตามริมทะเล มีใบหูเห็นได้ชัด ลําคอยาว ขาไม่มีขนปกคลุม นิ้วไม่มีเล็บ ขาคู่หน้ายาวและอ่อนไปมาช่วยในการยันตัวและว่ายนํ้า ขาคู่หลังแยกออกจากหางช่วยในการเคลื่อนไหว มีหลายชนิด เช่น ชนิด Zalophus californianus, Otaria byronia.
สิ่งปฏิกูล สิ่งปฏิกูล น. สิ่งสกปรกน่ารังเกียจ เช่น ขยะเป็นสิ่งปฏิกูล.
สิ่งปลูกสร้าง สิ่งปลูกสร้าง น. อาคารบ้านเรือนที่ทำโดยวิธีฝังเสาลงในดิน.
สิ่งพิมพ์ สิ่งพิมพ์ (กฎ) น. สมุด แผ่นกระดาษ หรือวัตถุใด ๆ ที่พิมพ์ขึ้น รวมตลอดทั้งบทเพลง แผนที่ แผนผัง แผนภาพ ภาพวาด ภาพระบายสี ใบประกาศ แผ่นเสียง หรือสิ่งอื่นใดอันมีลักษณะเช่นเดียวกัน.
สิ่งละอันพันละน้อย สิ่งละอันพันละน้อย น. อย่างนี้บ้างอย่างนั้นบ้าง, อย่างละเล็กอย่างละน้อย, เช่น ของขายมีสิ่งละอันพันละน้อย.<2t>ว. มีอย่างนี้บ้างอย่างนั้นบ้าง, มีอย่างละเล็กอย่างละน้อย, เช่น แม่ค้าเก็บของสิ่งละอันพันละน้อยมาขาย.
สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อม น. สิ่งต่าง ๆ ทั้งทางธรรมชาติและทางสังคมที่อยู่รอบ ๆ มนุษย์มีทั้งที่ดีและไม่ดี เช่น โรงเรียนสร้างสวนดอกไม้ให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีแก่นักเรียน ชุมชนที่มีการทะเลาะวิวาทกันหรือเล่นการพนันเป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีแก่เด็ก.
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ น. สิ่งหรือภาวะที่เชื่อว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติ สามารถบันดาลให้เป็นไปหรือให้สำเร็จได้ดังปรารถนา เช่น ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้เขาหายจากโรคร้าย.
สิงสถิต สิงสถิต ก. อยู่, มาอาศัยอยู่, (มักใช้แก่เทวดา), เช่น ต้นไม้ต้นนี้มีรุกขเทวดาสิงสถิต.
สิงสาราสัตว์ สิงสาราสัตว์ น. สัตว์ต่าง ๆ มักหมายถึงสัตว์ป่า เช่น ในป่าใหญ่มีสิงสาราสัตว์นานาชนิด.
สิงสู่ สิงสู่ (ปาก) ก. อยู่, มาอาศัยอยู่, เช่น โรงเรียนปิดเทอมแล้วไม่ยอมกลับบ้าน มัวสิงสู่อยู่ที่หอพัก, สิง ก็ว่า.
สิงห-,สิงห์,สิงห์ ๑ สิงห-, สิงห์ ๑ [สิงหะ-] น. สัตว์ในนิยาย ถือว่ามีความดุร้ายและมีกําลังมาก, ราชสีห์ ก็เรียก; ชื่อกลุ่มดาวรูปสิงห์ เรียกว่า ราศีสิงห์ เป็นราศีที่ ๔ ในจักรราศี. (ส. สึห; ป. สีห).
สิงห์,สิงห์ ๒ สิงห์ ๒ ดู กระฉง.
สิงหนาท สิงหนาท น. พระราชดํารัสอันเป็นที่น่าเกรงขามของคนทั้งปวง เหมือนเสียงของราชสีห์เป็นที่น่าเกรงขามของสัตว์ทั้งปวง, เสียงตวาดของนักรบเพื่อให้เป็นที่เกรงขามของข้าศึก, สีหนาท ก็ว่า. (ส. สึห + นาท; ป. สีห + นาท).
สิงหบัญชร สิงหบัญชร น. หน้าต่างที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกรับแขกเมืองเป็นต้น, สีหบัญชร ก็ว่า.
สิงหรา สิงหรา [สิงหะ-] (กลอน) น. สิงห์, สิงห์ตัวเมีย.
สิงหราช สิงหราช น. พญาราชสีห์, สีหราช ก็ว่า.
สิงหล สิงหล [-หน] น. ชื่อเรียกประเทศศรีลังกาในสมัยโบราณ, สิงหลทวีป ก็เรียก, เรียกชาวพื้นเมืองดั้งเดิมของศรีลังกาว่า ชาวสิงหล, เรียกภาษาของชาวสิงหลว่า ภาษาสิงหล. (ส. สึหล; ป. สีหล).
สิงหลก,สิงหลก- สิงหลก- [-หะละกะ-] น. ชาวสิงหล.<2t>ว. เกี่ยวกับเกาะสิงหล. (ส. สึหลก; ป. สีหลก).
สิงหาคม สิงหาคม น. ชื่อเดือนที่ ๘ ของปีสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนมกราคม มี ๓๑ วัน; (เลิก) ชื่อเดือนที่ ๕ ตามสุริยคติ ซึ่งเริ่มด้วยเดือนเมษายน. (ส. สึห + อาคม).
สิงหาสน์ สิงหาสน์ น. ราชอาสน์หรือที่ประทับ ทําเป็นแท่นหรือเตียงจมูกสิงห์.
สิญจ,สิญจ-,สิญจน์ สิญจ-, สิญจน์ [สินจะ-, สิน] ก. รดนํ้า; รดนํ้ามนต์, สรงมุรธาภิเษก. (ป., ส.).
สิต,สิต- สิต- [-ตะ-] ว. ขาว. (ป., ส.).
สิตะ สิตะ ว. ยิ้ม, ยิ้มแย้ม. (ป.; ส. สฺมิต).
สิตางศุ์ สิตางศุ์ น. พระจันทร์. (ส.).
สิถิล สิถิล ว. เบา, เสียงพยัญชนะบางประเภทที่เปล่งเสียงโดยไม่มีกลุ่มลมออกมาด้วย ในภาษาไทยได้แก่เสียง ป ต ก จ, (ไว) เรียกพยัญชนะในภาษาบาลีและสันสกฤตที่มีเสียงเบาว่า พยัญชนะสิถิล ได้แก่ พยัญชนะตัวที่ ๑ และ ๓ ของวรรค. (ป.; ส. ศิถิล).
สิทธ,สิทธ-,สิทธ์ สิทธ-, สิทธ์ [สิดทะ-, สิด] น. ผู้สําเร็จ, ฤษีผู้สําเร็จ, เช่นที่พูดว่า นักสิทธ์. (ป., ส.).
สิทธัตถะ สิทธัตถะ น. ผู้ที่สำเร็จความมุ่งหมายแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป. สิทฺธตฺถ).
สิทธา สิทธา (กลอน) น. ฤษี.
สิทธาจารย์ สิทธาจารย์ น. อาจารย์ผู้สําเร็จ, ฤษี.
สิทธานต์ สิทธานต์ น. ลัทธิหรือความเห็นที่ตกลงกันแล้ว; หลัก. (ส.).
สิทธารถ สิทธารถ [สิดทาด] น. ผู้ที่สําเร็จความมุ่งหมายแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ส. สิทฺธารฺถ).
สิทธิ,สิทธิ์ สิทธิ, สิทธิ์ [สิดทิ, สิด] น. อำนาจอันชอบธรรม เช่น บุคคลมีสิทธิและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เขามีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้. (ป., ส.); (กฎ) อํานาจที่จะกระทําการใด ๆ ได้อย่างอิสระ โดยได้รับการรับรองจากกฎหมาย. (อ. right).
สิทธิกร สิทธิกร ว. ให้ผล, ให้ความสําเร็จ.
สิทธิการิยะ สิทธิการิยะ คำขึ้นต้นในตำราโบราณ เช่น ตำรายา ตำราหมอดู หรือคาถาเมตตามหานิยม เป็นการอธิษฐานขอให้การกระทำนั้น ๆ ประสบความสำเร็จ.
สิทธิ์ขาด สิทธิ์ขาด ว. เด็ดขาด เช่น ในสมัยโบราณแม่ทัพมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบัญชาการรบ.
สิทธิชัย สิทธิชัย น. ผู้มีความรู้ขลังในเวทมนตร์; ใช้เรียกหัวหน้าพราหมณ์พฤฒิบาศ.
สิทธิโชค สิทธิโชค น. ฤกษ์ยามที่จะนําความสําเร็จมาให้.
สิทธิบัตร สิทธิบัตร (กฎ) น. หนังสือสําคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามที่กําหนดโดยกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตร. (อ. patent).
สิทธิสภาพนอกอาณาเขต สิทธิสภาพนอกอาณาเขต (กฎ) น. สิทธิพิเศษที่จะใช้กฎหมายของประเทศหนึ่งบังคับแก่บุคคลที่เป็นพลเมืองของตนที่ไปอยู่ในดินแดนของอีกประเทศหนึ่ง.
สิธยะ สิธยะ [สิดทะยะ] น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุษยะ มี ๕ ดวง, ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวบุษย์ ดาวปุษยะ หรือ ดาวปุสสะ ก็เรียก.
สิน,สิน ๑ สิน ๑ น. เงิน, ทรัพย์, เช่น ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ, มักใช้เข้าคู่กับคำ ทรัพย์ เป็น ทรัพย์สิน หรือ สินทรัพย์.
สิน,สิน ๒ สิน ๒ ก. ตัด, ฟันให้ขาด, เช่น สินมือสินเท้า, ใช้ของมีคมตัดและแต่งให้เรียบร้อย เช่น สินหัวไม้.
สิ้น สิ้น ก. หมด, จบ, เช่น กินอาหารมื้อนี้สิ้นเงินไป ๕๐๐ บาท สิ้นปีนี้เขาจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่; ตาย เช่น พ่อแม่เขาสิ้นไปหมดแล้ว.
สิ้นกรรม,สิ้นกรรมสิ้นเวร,สิ้นเวร,สิ้นเวรสิ้นกรรม สิ้นกรรม, สิ้นกรรมสิ้นเวร, สิ้นเวร, สิ้นเวรสิ้นกรรม ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป เช่น เมื่อเขามีชีวิตอยู่ มีภาระมากหรือเจ็บป่วยทรมาน ตายไปก็ถือว่าสิ้นเวรสิ้นกรรม, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร หมดเวร หรือ หมดเวรหมดกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ (สำ) ก. หมดอำนาจวาสนา, สิ้นฤทธิ์, หมดเขี้ยวหมดงา หรือ หมดเขี้ยวหมดเล็บ ก็ว่า.
สินค้า สินค้า น. สิ่งของที่ซื้อขายกัน เช่น ร้านนี้มีสินค้านานาชนิด.
สินค้าเข้า สินค้าเข้า น. สินค้าที่นําเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องจักร เป็นสินค้าเข้าที่สำคัญ.
สินค้าออก สินค้าออก น. สินค้าที่ส่งออกต่างประเทศ เช่น ข้าว เสื้อผ้าสำเร็จรูป อัญมณี เป็นสินค้าออกที่สำคัญ.
สิ้นคิด สิ้นคิด ก. หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, หมดหนทางคิดอ่าน, เช่น บางคนพอสิ้นคิดเข้าจริง ๆ ก็ฆ่าตัวตาย.<2t>ว. ที่หมดปัญญาจะแก้ปัญหา, ที่หมดหนทางคิดอ่าน, เช่น เขาทำตัวเหมือนคนสิ้นคิด เที่ยวลักขโมยเขากิน.
สินจ้าง สินจ้าง น. เงินค่าบําเหน็จตอบแทน; (กฎ) ค่าตอบแทนที่นายจ้างหรือผู้ว่าจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือผู้รับจ้าง.
สิ้นใจ สิ้นใจ ก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาพึ่งสิ้นใจเมื่อเที่ยงนี้เอง, สิ้นลม หมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นชาติ สิ้นชาติ ก. เสียเอกราช เช่น ถ้าโกงกินกันมาก ๆ วันหนึ่งจะต้องสิ้นชาติอย่างแน่นอน; โดยปริยายหมายความว่า ตัดความสัมพันธ์, ตัดไมตรี, เช่น สิ้นชาติขาดกันจนวันตาย.
สิ้นชีพ สิ้นชีพ ก. ตาย เช่น เขาสิ้นชีพในสงคราม.
สิ้นชีพตักษัย,สิ้นชีพิตักษัย สิ้นชีพตักษัย, สิ้นชีพิตักษัย (ราชา) ก. ตาย (ใช้เฉพาะหม่อมเจ้า), ถึงชีพิตักษัย ก็ใช้.
สิ้นชีวิต สิ้นชีวิต ก. ตาย เช่น บิดามารดาเขาสิ้นชีวิตไปนานแล้ว.
สิ้นชื่อ สิ้นชื่อ ก. หมดชื่อเสียง เช่น เขาชกแพ้หลายครั้งติด ๆ กัน เลยสิ้นชื่อ; ตาย เช่น เขาถูกแทงทะลุหัวใจ เลยสิ้นชื่อ.
สิ้นเชิง สิ้นเชิง ก. สิ้นท่า, หมดท่า, หมดชั้นเชิง, เช่น อันธพาลเมื่อเจอนักสู้เข้าก็สิ้นเชิงนักเลง, โดยปริยายมักใช้กับคำ โดย หรือ อย่าง เป็น โดยสิ้นเชิง อย่างสิ้นเชิง หมายความว่า ทั้งหมด, ทั้งสิ้น, ทุกประการ, เช่น ข่าวลือนี้ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง โครงการนี้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง.
สินเชื่อ สินเชื่อ น. เงินที่ให้เป็นหนี้ไว้ด้วยความเชื่อ.
สินใช้ สินใช้ น. เงินที่ต้องรับผิดชอบจ่ายตามมูลค่าของหุ้น.
สิ้นซาก สิ้นซาก ก. ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่ เช่น รื้อตลาดเก่าออกไปจนสิ้นซาก.
สินเดิม สินเดิม (กฎ; เลิก) น. ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงมีอยู่แล้วก่อนสมรส หรือทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างเป็นสามีภรรยาโดยทางพินัยกรรม หรือมีผู้ยกให้โดยเสน่หาเมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้นั้นแสดงไว้ว่าให้เป็นสินเดิม.
สิ้นตำรา สิ้นตำรา (สํา) ว. จนปัญญา, หมดทาง, หมดฝีมือ, เช่น หมอช่วยคนไข้จนสิ้นตำรา คนไข้ก็ไม่ฟื้น, หมดตํารา ก็ว่า.
สิ้นแต้ม สิ้นแต้ม ก. หมดตาเดิน, ไม่มีตาเดิน, (มักใช้แก่การเล่นสกา), โดยปริยายหมายความว่า หมดหนทางคิดอ่าน เช่น พอมีปัญหาประดังกันเข้ามามาก ๆ เขาก็สิ้นแต้ม ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร.
สินไถ่ สินไถ่ น. (กฎ) จํานวนเงินที่ชําระเป็นค่าไถ่ทรัพย์ ที่ทําสัญญาขายฝากไว้คืน; เรียกทาสที่เอาเงินไปซื้อมาว่า ทาสสินไถ่.
สินทรัพย์ สินทรัพย์ น. บรรดาทรัพย์สินซึ่งบุคคลเป็นเจ้าของ. (อ. asset).
สิ้นท่า สิ้นท่า ก. หมดกระบวนท่าในการต่อสู้, ไม่มีทางต่อสู้, เช่น เขาเป็นคนเก่งแต่ปาก พอประสบปัญหาเข้าจริง ๆ ก็สิ้นท่า.
สินทูระ สินทูระ น. ชาด, เสน, ตะกั่วแดง. (ส.).
สินเทา สินเทา น. พื้นที่ว่างซึ่งกันไว้เป็นพื้นหลังของรูปภาพเพื่อแบ่งภาพเป็นตอน ๆ โดยเขียนล้อมด้วยเส้นแผลงหรือด้วยเส้นฮ่อเป็นต้น มักเขียนในงานจิตรกรรมฝาผนัง.
สินธพ สินธพ น. ม้าพันธุ์ดี, เดิมหมายถึงม้าพันธุ์ดีที่เกิดในลุ่มแม่น้ำสินธุ. (ป. สินฺธว; ส. ไสนฺธว).
สินธุ์ สินธุ์ (กลอน) น. ลำน้ำ, แม่น้ำ, สายน้ำ, น้ำ, ทะเล, มหาสมุทร, เช่น เหาะข้ามสินธุ์ไปยังขุนยุคุนธร. (สมบัติอัมรินทร์), ใช้ว่า สินธุ หรือ สินธู ก็มี.
สินธุ สินธุ น. ลํานํ้า, แม่นํ้า, สายนํ้า, นํ้า, ทะเล, มหาสมุทร, ใช้ว่า สินธุ์ หรือ สินธู ก็มี เช่น สุวรรณหงส์เหินเห็จฟ้า ชมสินธุ์ (พยุหยาตรา), สินสมุทรสุดรักพระธิดา เอาใส่บ่าแบกว่ายสายสินธู. (อภัย); ชื่อแม่นํ้าสําคัญสายหนึ่งในชมพูทวีป ปัจจุบันอยู่ในประเทศอินเดียและปากีสถาน. (ป., ส.).
สินธุระ สินธุระ น. ช้าง. (ป., ส.).
สินธู สินธู (กลอน) น. ลำน้ำ, แม่น้ำ, สายน้ำ, น้ำ, ทะเล, มหาสมุทร, เช่น มังกรเกี่ยวเลี้ยวล่องท้องสินธู เป็นคู่คู่เคียงมาในวารี. (อภัย), ใช้ว่า สินธุ หรือ สินธุ์ ก็มี.
สินเธาว์ สินเธาว์ น. เกลือที่ได้จากดินเค็มที่ห่างไกลจากฝั่งทะเล เรียกว่า เกลือสินเธาว์. (ป. สินฺธว).
สินน้ำใจ สินน้ำใจ น. เงินหรือทรัพย์ที่ให้เป็นรางวัล.
สิ้นเนื้อประดาตัว สิ้นเนื้อประดาตัว ว. ไม่มีทรัพย์สมบัติเหลือติดตัว เช่น เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะหมกมุ่นในการพนัน กิจการค้าของเขาล้มเหลวจนสิ้นเนื้อประดาตัว.
สินบน สินบน (โบ) น. ทรัพย์หรือสิ่งของที่จะให้เป็นเครื่องบูชาคุณหรือตอบแทนผู้ที่จะช่วยให้สําเร็จตามประสงค์; (กฎ) ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่ให้แก่บุคคลเพื่อจูงใจให้ผู้นั้นกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่ง ไม่ว่าการนั้นชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่; เงินตราที่จ่ายให้แก่ผู้นําจับ.
สินบริคณห์ สินบริคณห์ (กฎ; เลิก) น. สินเดิมและสินสมรส.
สิ้นบุญ สิ้นบุญ ก. หมดบุญ, ตาย, เช่น เขาเป็นลูกกำพร้า พ่อแม่สิ้นบุญไปหลายปีแล้ว.
สิ้นประตู สิ้นประตู (สํา) ว. ไม่มีทาง.
สิ้นแผ่นดิน สิ้นแผ่นดิน ก. ไม่มีแผ่นดินอยู่ เช่น บ้านเมืองที่เสียเอกราช คนในชาติก็สิ้นแผ่นดิน; สิ้นรัชสมัย เช่น สิ้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว.
สิ้นฝีมือ สิ้นฝีมือ ว. เต็มความสามารถที่มีอยู่; หมดความสามารถ; หมดฝีมือ ก็ว่า; ไม่มีใครเทียบความสามารถได้ เช่น ม่านนี้ฝีมือวันทองทำ จำได้ไม่ผิดนัยน์ตาพี่ เส้นไหมแม้นเขียนแนบเนียนดี สิ้นฝีมือแล้วแต่นางเดียว. (ขุนช้างขุนแผน).
สิ้นพระชนม์ สิ้นพระชนม์ (ราชา) ก. ตาย (ใช้แก่เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช).
สินระบาด สินระบาด น. ทรัพย์ของผู้ตายที่กระจัดกระจายอยู่.
สินแร่ สินแร่ น. แร่จากเหมืองที่ยังไม่ได้ถลุง.
สิ้นไร้ไม้ตอก สิ้นไร้ไม้ตอก ว. ยากไร้, ขัดสนถึงที่สุด, เช่น เขาเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก บ้านไม่มีจะอยู่ เสื้อผ้าแทบไม่มีจะใส่.
สิ้นฤทธิ์ สิ้นฤทธิ์ ก. หมดฤทธิ์ เช่น เสือโคร่งพอถูกยิงด้วยลูกดอกยาสลบก็สิ้นฤทธิ์, หมดพยศ เช่น เด็กทำฤทธิ์ไม่ยอมกินข้าว พอหิวก็สิ้นฤทธิ์ จึงยอมกินแต่โดยดี.
สิ้นลม สิ้นลม ก. ขาดใจ, ตาย, เช่น เขาสิ้นลมไปด้วยอาการสงบ, สิ้นใจ หมดลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
สิ้นลมปราณ สิ้นลมปราณ ก. ตาย เช่น เขาสิ้นลมปราณไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้.
สิ้นลาย สิ้นลาย ก. หมดชั้นเชิง, ไม่มีชั้นเชิงเหลืออยู่, เช่น เสือปล้นธนาคารถูกตำรวจจับ เลยสิ้นลาย.
สิ้นสติ สิ้นสติ ก. สลบ, หมดความรู้สึก, เช่น เขาตกใจแทบสิ้นสติ เขาถูกต่อยจนสิ้นสติ.<2t>ว. อาการที่ขาดความรู้สึกตัว เช่น เที่ยวดึก ๆ ทุกคืน พอกลับถึงบ้านก็นอนหลับเหมือนสิ้นสติ.
สินสมรส สินสมรส (กฎ) น. ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส หรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรม หรือโดยการให้เป็นหนังสือ เมื่อพินัยกรรมหรือหนังสือยกให้ระบุว่าเป็นสินสมรส รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว.
สินส่วนตัว สินส่วนตัว (กฎ) น. ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอยู่ก่อนสมรส หรือที่เป็นเครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับกายตามควรแก่ฐานะ หรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จําเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรสโดยการรับมรดก หรือโดยการให้โดยเสน่หา หรือทรัพย์สินที่เป็นของหมั้น.
สินสอด สินสอด น. เงินที่ฝ่ายชายให้แก่บิดามารดาหญิงที่จะแต่งงานเป็นค่านํ้านม ข้าวป้อน; (กฎ) ทรัพย์สินซึ่งฝ่ายชายให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรมหรือผู้ปกครองฝ่ายหญิง แล้วแต่กรณี เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส; (โบ) สินบน.
สิ้นสังขาร สิ้นสังขาร (วรรณ) ก. ตาย เช่น ร้องประกาศแก่พหลพลยักษ์ อันรามลักษมณ์สุดสิ้นสังขาร. (รามเกียรติ์).
สิ้นสุด สิ้นสุด ก. ถึงที่สุด, จบ, เช่น การแข่งขันบาสเกตบอลสิ้นสุดลงเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ น. การเจรจายุติสงครามสิ้นสุดลงแล้ว, สุดสิ้น ก็ว่า.
สิ้นไส้สิ้นพุง สิ้นไส้สิ้นพุง ว. อาการที่เปิดเผยโดยมิได้ปิดบังอำพราง เช่น ผู้ร้ายสารภาพจนสิ้นไส้สิ้นพุง; หมดความรู้; ที่ออกมาจนหมดท้อง เช่น เขาเมารถ อาเจียนเสียสิ้นไส้สิ้นพุง, หมดไส้หมดพุง ก็ว่า.
สิ้นหวัง สิ้นหวัง ก. ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย, หมดหวัง ก็ว่า.
สินหัวบัวนาง สินหัวบัวนาง (กฎ; โบ) น. สินสอดที่ตกเป็นของหญิงในกรณีที่หญิงได้เสียตัวแก่ชายและชายนั้นได้ตายไปโดยยังมิได้แต่งการมงคล ตามข้อความที่ว่า ถ้าหญิงได้เสียตัวแก่ชาย ๆ ตายสีนสอดนั้นให้ตกอยู่แก่หญิงจงสิ้น เพราะว่าสีนนั้นเปนสีนหัวบัวนาง. (สามดวง).
สินไหม สินไหม (โบ) น. เงินค่าปรับ.
สินไหมทดแทน สินไหมทดแทน (กฎ) ดู ค่าสินไหมทดแทน.
สิ้นอายุขัย สิ้นอายุขัย ก. ตาย (มักใช้แก่ผู้สูงอายุ).
สินาด สินาด น. หน้าไม้, ปืน.
สินิทธ์ สินิทธ์ ว. สนิท, เกลี้ยงเกลา, อ่อนโยน, รักใคร่. (ป.; ส. สฺนิคฺธ).
สินี สินี น. นางผู้มีผิวเนื้อขาวงาม. (ส.).
สิเนรุ สิเนรุ [-เน-รุ] น. ชื่อหนึ่งของเขาพระสุเมรุ. (ป.).
สิเนหก สิเนหก น. เพื่อน. (ป.).
สิเนหนียะ สิเนหนียะ [-หะนียะ] ว. น่ารัก. (ป.).
สิเนหะ,สิเนหา,สิเน่หา สิเนหะ, สิเนหา, สิเน่หา [สิเหฺน่หา] น. ความรัก, ความมีเยื่อใย, เช่น เขาให้สร้อยเส้นนี้แก่ฉันด้วยความสิเน่หา. (ป.; ส. เสฺนห).
สิบ,สิบ ๑ สิบ ๑ น. จํานวนเก้าบวกหนึ่ง; เรียกเดือนที่ ๑๐ ทางจันทรคติว่า เดือน ๑๐ ตกในราวเดือนกันยายน.
สิบ,สิบ ๒ สิบ ๒ น. ยศทหารบกหรือตำรวจชั้นประทวน ต่ำกว่าจ่า เช่น สิบตรี สิบตำรวจโท.
สิบเบี้ยใกล้มือ สิบเบี้ยใกล้มือ (สํา) น. ของเล็กน้อยที่จะได้แน่ ๆ ควรเอาไว้ก่อน.
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น (สำ) น. การได้ยินได้ฟังจากผู้อื่นหลาย ๆ คน ก็ไม่เท่ากับพบเห็นด้วยตนเอง.
สิบแปดมงกุฎ สิบแปดมงกุฎ น. เหล่าเสนาวานรของกองทัพพระรามในเรื่องรามเกียรติ์ มี ๑๘ ตน; โดยปริยายหมายถึงพวกมิจฉาชีพที่ทำมาหากินโดยใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายหลอกลวงผู้อื่น.
สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง (สำ; โบ) น. พ่อค้าหลายคนเลี้ยงก็สู้ขุนนางผู้ใหญ่คนเดียวเลี้ยงไม่ได้.
สิบสองพระกำนัล สิบสองพระกำนัล (โบ) น. กำนัลที่มีหน้าที่รับใช้พระมหากษัตริย์ มี ๑๒ ตำแหน่ง ได้แก่ กำนัลรับพระหัตถ์ กำนัลพระขันหมาก กำนัลน้ำเสวย กำนัลพัชนี กำนัลพระสำอาง กำนัลพระมาลา กำนัลพระบังคน กำนัลพระไสยาสน์ กำนัลทิพยรส กำนัลพระโภชน์ กำนัลพระโอษฐ์ และกำนัลทาพระองค์. (กาพย์ขับไม้).
สิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ สิบห้าหยก ๆ สิบหกหย่อน ๆ น. หญิงที่อยู่ในวัยแรกรุ่น.
สิปปะ สิปปะ น. ศิลปะ. (ป.; ส. ศิลฺป).
สิพนะ สิพนะ [สิบพะ-] น. การเย็บ. (ป. สิพฺพน).
สิมพลี สิมพลี [-พะลี] น. ไม้งิ้ว. (ป.; ส. ศาลฺมลี).
สิร,สิร-,สิระ สิร-, สิระ [-ระ-] น. หัว, ยอด, ที่สุด. (ป.; ส. ศิรา).
สิริ,สิริ ๑ สิริ ๑ ก. ผสม เช่น สามีภรรยาสิริอายุเข้าด้วยกัน ๑๕๐ ปี, รวม เช่น สิริอายุได้ ๗๒ ปี.
สิริ,สิริ ๒,สิรี สิริ ๒, สิรี น. ศรี, มิ่งขวัญ, มงคล, เช่น สิริราชสมบัติ, มักใช้เข้าคู่กับคำ มงคล เป็น สิริมงคล; สวย, งาม, เช่น ทรงมีพระสิริโฉม. (ป.; ส. ศฺรี).
สิโรดม,สิโรตม์ สิโรดม, สิโรตม์ น. หัว, เบื้องสูงสุดของหัว. (ป. สิร + อุตฺตม).
สิลา สิลา น. หิน, หินก้อน. (ป.; ส. ศิลา).
สิโลก สิโลก น. โศลก, บทสรรเสริญยกย่อง; ชื่อเสียง, เกียรติยศ. (ป.; ส. โศฺลก).
สิว,สิว ๑ สิว ๑ น. ตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน มักขึ้นตามหน้า.
สิว,สิว-,สิว- ๒,สิวะ สิว- ๒, สิวะ [สิวะ-] น. ความดี, สิริมงคล; พระศิวะ, พระอิศวร. (ป.; ส. ศิว).
สิ่ว สิ่ว น. ชื่อเครื่องมือของช่างไม้ช่างทองเป็นต้น มีทั้งชนิดมีคมและไม่มีคม สําหรับใช้ตอก เจาะ สลัก เซาะ ดุน แร เป็นต้น.
สิ่วน่อง สิ่วน่อง น. สิ่วชนิดหนึ่งตัวหนาเป็นสี่เหลี่ยม มีคม.
สิวเสี้ยน สิวเสี้ยน น. สิวเม็ดเล็ก ๆ หัวสิวมักขาว เมื่อบีบหัวสิวจะเคลื่อนออกมาลักษณะเหมือนเสี้ยน มีมากบริเวณจมูก.
สิวหัวช้าง สิวหัวช้าง น. สิวที่เป็นตุ่มใหญ่ มีสีแดง เพราะอักเสบค่อนข้างรุนแรงจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีหนองและปวด มักขึ้นบริเวณแก้มและจมูก.
สิวาลัย สิวาลัย น. ศิวาลัย, ที่ประทับของพระศิวะ; ที่อยู่อันเกษมสุข.
สิวิกา,สีวิกา สิวิกา, สีวิกา น. วอ, เสลี่ยง, คานหาม. (ป.).
สี,สี ๑ สี ๑ น. ชื่อเครื่องสําหรับหมุนบดข้าวเปลือกเพื่อทำให้เปลือกแตกเป็นข้าวกล้อง.<2t>ก. ถู เช่น ช้างเอาตัวสีกับต้นไม้ ลมพัดแรงทำให้ลำไม้ไผ่สีกัน, ครู่, ครูด, รู่, ชัก เช่น สีซอ; ทำให้เปลือกออกด้วยเครื่องอย่างสีข้าว.
สี,สี ๒ สี ๒ น. ลักษณะของแสงสว่าง ปรากฏแก่ตาให้เห็นเป็น ขาว ดํา แดง เขียว เป็นต้น; สิ่งที่ทําให้ตาเห็นเป็น ขาว ดํา แดง เขียว เป็นต้น เช่น สีทาบ้าน สีย้อมผ้า สีวาดภาพ.
สี,สี ๓ สี ๓ (ถิ่น-พายัพ) น. ปีมะโรง.
สี่ สี่ น. จํานวนสามบวกหนึ่ง; เรียกเดือนที่ ๔ ทางจันทรคติว่า เดือน ๔ ตกในราวเดือนมีนาคม.
สี้ สี้ น. ยาสีฟันโบราณ ใช้สีเพื่อให้ฟันดํา, ชี่ ก็เรียก.
สีกรุด สีกรุด น. ชื่อปลาทะเลชนิด Pomadasys maculatum ในวงศ์ Pomadasyidae ลักษณะคล้ายปลาจวด ใต้คางมีรู ๒ รู ลําตัวสีเงิน แนวสันหลังสีเข้มเป็นแถบและจุดยาว ส่งเสียงดังเมื่อถูกจับพ้นผิวนํ้า, มโหรี กระต่ายขูด กะทิขูด หรือ หัวขวาน ก็เรียก.
สีกา สีกา (ปาก) น. คําที่บรรพชิตเรียกคฤหัสถ์ผู้หญิง, คู่กับ ประสก. (ตัดมาจาก อุบาสิกา).
สีกุน สีกุน น. ชื่อหนึ่งของปลาทะเลหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Carangidae อยู่ในกลุ่มปลาหางแข็ง หางกิ่ว หรือม่ง ลําตัวเพรียว แบนข้างเล็กน้อย มักมีจุดดําใหญ่ที่มุมแผ่นปิดเหงือก โดยเฉพาะชนิดที่มีแถบสีเหลืองพาดจากตาถึงคอดหาง หรือมีสีเหลือบเหลืองพาดข้างตัว โดยเฉพาะสีกุนข้างเหลือง (Selaroides leptolepis) สีกุนทอง อันได้แก่ ชนิด Selar boops, S. crumenopthalmus, Alepis melanoptera และ A. djeddaba เป็นต้น.
สีขน สีขน ดู หางกิ่ว (๑).
สีข้าง สีข้าง น. ข้างทั้ง ๒ ของร่างกาย ถัดรักแร้ลงมาถึงสะเอว.
สีฆ,สีฆ- สีฆ- [-คะ-] ว. เร็ว, ไว. (ป.).
สีจัก สีจัก น. ขวัญที่แสกหน้า ถือว่าเป็นลักษณะไม่ดีสําหรับหญิง ๑ ใน ๓ อย่าง คือ สีจัก ยักหล่ม ถ่มร้าย, ฝีจัก ก็ว่า.
สีจาง สีจาง (ศิลปะ) น. สีที่เจือสีขาวเพื่อลดประกายสดใสให้อ่อนลง อย่างสีแดงเจือสีขาว เป็นสีชมพู.
สีชมพูดง สีชมพูดง ดู กระติ๊ด.
สีชมพูสวน สีชมพูสวน น. ชื่อนกชนิด Dicaeum cruentatum ในวงศ์ Dicaeidae ตัวเล็ก ปากเล็กแหลม ตัวผู้สีขาว มีสีแดงเป็นแถบตั้งแต่หัวถึงโคนหางด้านล่าง ตัวเมียสีนํ้าตาลอมเทา ตะโพกแดง กินแมลง.
สีชอล์ก สีชอล์ก น. สีสำหรับวาดเขียนชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีผสมกับยางสนหรือกาวบางชนิด อัดเป็นแท่งกลม ขนาดสั้น ๆ.
สีซอให้ควายฟัง สีซอให้ควายฟัง (สํา) ก. สั่งสอนแนะนำคนโง่มักไม่ได้ผล เสียเวลาเปล่า.
สีด สีด (โบ) ก. สูดเข้าไป เช่น สีดน้ำมูก.
สีดอ สีดอ น. ชื่อเรียกช้างตัวผู้ที่ไม่มีงาหรืองาสั้น.
สีดา สีดา น. ชื่อตัวเอกในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นมเหสีของพระราม.
สีต,สีต- สีต- [-ตะ-] ว. เย็น, หนาว. (ป.).
สีต้น สีต้น น. ชีต้น, พระสงฆ์.
สีตล,สีตล- สีตล- [-ตะละ-] ว. เย็น, หนาว. (ป.).
สีตลรัศมี สีตลรัศมี ว. มีรัศมีเย็น หมายถึง พระจันทร์ คู่กับ อุษณรัศมี มีรัศมีร้อน หมายถึง พระอาทิตย์.
สีตลหฤทัย สีตลหฤทัย ว. มีใจเยือกเย็น.
สีตโลทก สีตโลทก น. นํ้าเย็น.
สีโตทก สีโตทก น. นํ้าเย็น. (ป.).
สีถ่าน สีถ่าน น. ถ่านสำหรับวาดเขียน ทำขึ้นจากไม้เนื้ออ่อนชิ้นเล็ก ๆ ที่เผาหรืออบด้วยความร้อนจนเป็นสีดำสนิท มีทั้งชนิดเป็นแท่งและเป็นผง.
สีทันดร สีทันดร [-ดอน] น. ชื่อทะเล ๗ แห่ง อยู่ระหว่างภูเขาพระสุเมรุกับภูเขายุคนธร ๑ ระหว่างภูเขายุคนธรกับภูเขาอิสินธร ๑ ระหว่างภูเขาอิสินธรกับภูเขากรวิก ๑ ระหว่างภูเขากรวิกกับภูเขาสุทัสนะ ๑ ระหว่างภูเขาสุทัสนะกับภูเขาเนมินธร ๑ ระหว่างภูเขาเนมินธรกับภูเขาวินตกะ ๑ ระหว่างภูเขาวินตกะกับภูเขาอัสกัณ ๑. (ดู บริภัณฑ์ ๑).
สีเทียน สีเทียน น. สีสำหรับวาดเขียนชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีผสมกับขี้ผึ้ง อัดเป็นแท่งกลมขนาดสั้น ๆ.
สีน้ำ สีน้ำ น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ใช้น้ำเจือให้ละลายก่อนจะใช้ระบาย.
สีน้ำมัน สีน้ำมัน น. สีสำหรับระบายรูปหรือใช้ทาผนังชนิดหนึ่ง ทำขึ้นมาจากผงสีผสมกับน้ำมันลินสีดเป็นต้น มีลักษณะข้นและเหนียวไม่ละลายน้ำ.
สี่บท สี่บท น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สีโปสเตอร์ สีโปสเตอร์ น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีชนิดที่เรียกว่า สีฝุ่น ผสมกับกาวหนังสัตว์ ยางไม้ หรือ ไข่แดง เนื้อสีค่อนข้างข้น.
สีผึ้ง สีผึ้ง น. ขี้ผึ้งที่ปรุงแล้วใช้สําหรับสีปาก, บางทีเรียกว่า สีผึ้งสีปาก.
สีฝัด สีฝัด น. ชื่อเครื่องฝัดข้าวโดยใช้หมุนกงพัดให้เกิดลมพัดแกลบและรําออกจากเมล็ดข้าว.
สีฝุ่น สีฝุ่น น. สีสำหรับระบายชนิดหนึ่ง ทำขึ้นจากผงสีซึ่งมีลักษณะละเอียด เนื้อสีค่อนข้างข้น.
สีฟันคนทา สีฟันคนทา ดู คนทา.
สีฟันนางแอ สีฟันนางแอ ดู เฉียงพร้านางแอ.
สีไฟ,สีไฟ ๑ สีไฟ ๑ ก. เอาไม้ไผ่แห้ง ๒ อันถูกันให้เกิดเป็นไฟ.
สีไฟ,สีไฟ ๒ สีไฟ ๒ น. เรียกไม้ที่สีให้เกิดไฟว่า ไม้สีไฟ.
สีไฟ,สีไฟ ๓ สีไฟ ๓ น. เรียกโรงงานที่สีข้าวด้วยเครื่องจักรว่า โรงสีไฟ.
สีมันต์ สีมันต์ น. เขต, แดน. (ป.).
สีมา สีมา น. เขต, แดน; เครื่องหมายบอกเขตโบสถ์ มักทําด้วยแผ่นหินหรือหลักหินเป็นต้น เรียกว่า ใบพัทธสีมา, ใบสีมา หรือ ใบเสมา ก็ว่า. (ป., ส.).
สีลม สีลม น. ชื่อเครื่องสีข้าวซึ่งใช้กําลังลมหมุนใบพัดให้หมุนเครื่องจักร.
สีละมัน สีละมัน ดู ลิ้นจี่.
สีวิกา สีวิกา น. สิวิกา, วอ, เสลี่ยง, คานหาม.
สีสด สีสด (ศิลปะ) น. สีแท้หรือสีที่เปล่งประกายสดใสอย่างสีแดง เหลือง ส้ม เขียว.
สีสวรรค์ สีสวรรค์ น. สีสําหรับย้อมผ้าหรือกระดาษ ลักษณะเป็นผงละเอียด ละลายนํ้าได้ มีสมบัติติดทน และสีสดใส.
สีสอ สีสอ ดู คนทีสอ.
สีสะ,สีสะ ๑ สีสะ ๑ น. ตะกั่ว. (ป., ส.).
สีสะ,สีสะ ๒ สีสะ ๒ น. ศีรษะ. (ป.; ส. ศีรฺษ).
สีสา สีสา (ปาก) ว. ประสีประสา (มักใช้ในประโยคปฏิเสธ) เช่น เด็กคนนี้พูดจาไม่รู้สีสา อย่าถือสาเลย.
สีสุก สีสุก น. ชื่อไผ่ ๒ ชนิดในสกุล Bambusa วงศ์ Gramineae แขนงมีหนาม คือ ชนิด B. blumeana Schult. ลําต้นใหญ่ตรง และชนิด B. flexuosa Munro ลําต้นเล็กไม่ค่อยตรง. (ข. ฤสฺสีสฺรุก).
สีเสียด,สีเสียด ๑ สีเสียด ๑ น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Acacia catechu Willd. ในวงศ์ Leguminosae กิ่งมีหนาม เนื้อไม้ให้สารที่เรียกว่า สีเสียด ใช้ผสมปูนกินกับหมาก ย้อมผ้า และฟอกหนัง, สีเสียดแก่น หรือ สีเสียดเหนือ ก็เรียก. (๒) ชื่อไม้ต้นชนิด Pentace burmanica Kurz ในวงศ์ Tiliaceae เปลือกรสขมฝาดใช้กินกับหมาก, สีเสียดเปลือก ก็เรียก.
สีเสียด,สีเสียด ๒ สีเสียด ๒ น. สารที่สกัดได้จากเนื้อไม้ของต้นสีเสียด (Acacia catechu Willd.) และใบกิ่งของต้นกะเมีย (Uncaria gambier Roxb.) ชนิดหลัง สีเสียดเทศ ก็เรียก.
สีเสียด,สีเสียด ๓ สีเสียด ๓ น. ชื่อปลาทะเลชนิด Scomberoides tol ในวงศ์ Carangidae ตัวเรียวเล็กกว่าปลาสละ ตาโต ลําตัวด้านบนสีนํ้าเงิน ด้านข้างสีเงิน โคนหางสีเหลือง ปลายครีบหลังและครีบหางสีดํา ขนาดยาวได้ถึง ๕๐ เซนติเมตร, ขานกยาง ก็เรียก.
สีเสียดแก่น สีเสียดแก่น ดู สีเสียด ๑ (๑).
สีเสียดเปลือก สีเสียดเปลือก ดู สีเสียด ๑ (๒).
สีเสียดเหนือ สีเสียดเหนือ ดู สีเสียด ๑ (๑).
สีเสื้อน้อย สีเสื้อน้อย (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นคนทีสอ. (ดู คนทีสอ).
สีห,สีห-,สีห์,สีหะ สีห-, สีห์, สีหะ น. ราชสีห์ เช่น ราชสีห์อาจจะตั้งใจหมายความว่า สีหะ ตัวที่เป็นนายฝูง. (สาส์นสมเด็จ). (ดู สิงห-, สิงห์ ๑). (ป.).
สีหน้า สีหน้า น. อารมณ์ที่ปรากฏทางหน้า เช่น วันนี้สีหน้าเขาไม่ดีเลย คงจะโกรธใครมา พอถูกดุก็ทำสีหน้าไม่พอใจ.
สีหนาท สีหนาท น. สิงหนาท.
สีหบัญชร สีหบัญชร น. หน้าต่างที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จออกรับแขกเมืองเป็นต้น, สิงหบัญชร ก็ว่า.
สีหม่น สีหม่น (ศิลปะ) น. สีที่เจือสีดำเพื่อลดประกายสดใสให้คล้ำลง อย่างสีแดงเจือสีดำ เป็นสีแดงเลือดหมู.
สีหราช สีหราช น. พญาราชสีห์, สิงหราช ก็ว่า.
สีหไสยา,สีหไสยาสน์ สีหไสยา, สีหไสยาสน์ น. ท่านอนอย่างราชสีห์ คือ นอนตะแคงขวา แขนซ้ายพาดไปตามลำตัว เท้าซ้ายซ้อนบนเท้าขวา มือขวารองรับศีรษะด้านข้าง.
สี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยม น. รูปเหลี่ยมที่มีด้านโดยรอบเป็นเส้นตรง ๔ เส้นปลายเส้นจดกัน.
สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านทั้ง ๔ ยาวเท่ากัน แต่ไม่มีมุมภายในเป็นมุมฉาก, สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ก็เรียก.
สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด น. สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน.
สี่เหลี่ยมคางหมู สี่เหลี่ยมคางหมู น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านขนานกันเพียงคู่เดียว.
สี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมจัตุรัส น. รูปสี่เหลี่ยมด้านเท่าที่มีมุมภายในเป็นมุมฉาก.
สี่เหลี่ยมด้านขนาน สี่เหลี่ยมด้านขนาน น. รูปสี่เหลี่ยมที่มีด้านคู่ตรงข้ามขนานกัน.
สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่า น. รูปสี่เหลี่ยมที่ไม่มีด้านเท่ากันเลย.
สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมผืนผ้า น. รูปสี่เหลี่ยมด้านขนานที่มีด้านขนานคู่หนึ่งยาวกว่าอีกคู่หนึ่ง และมีมุมภายในเป็นมุมฉาก.
สึก,สึก ๑ สึก ๑ ก. กร่อนไป, ร่อยหรอไป, เช่น รองเท้าสึก บันไดสึก.
สึก,สึก ๒ สึก ๒ (ปาก) ก. ลาสิกขา, ลาสึก ก็ว่า.
สึก,สึก ๓ สึก ๓ น. การรู้ตัว, การระลึกได้, การจําได้, มักใช้ควบกับคํา รู้ เป็น รู้สึก และแผลงว่า สํานึก ก็มี.
สึกหรอ สึกหรอ ก. กร่อนไป เช่น เครื่องจักรสึกหรอ, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น การด่าว่าไม่ทำให้สึกหรออะไร.
สึง สึง ก. สิง, อยู่, ประจํา, แทรก. (ดู สิง ๑).
สืบ,สืบ ๑ สืบ ๑ ก. ต่อเนื่องเป็นลําดับ เช่น สืบราชสมบัติ สืบตระกูล.
สืบ,สืบ ๒ สืบ ๒ ก. เสาะหา, แสวงหา, เช่น สืบความลับ สืบข้อเท็จจริง สืบข่าว.
สืบค้น สืบค้น ก. ค้นหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะได้ผล เช่น สืบค้นหาสมบัติตามลายแทง.
สืบเชื้อสาย สืบเชื้อสาย ก. สืบสกุล, สืบสาย ก็ว่า.
สืบทอด สืบทอด ก. รับช่วงปฏิบัติต่อ เช่น เขาสืบทอดความรู้มาจากบรรพบุรุษ.
สืบเท้า สืบเท้า ก. เหยียดขาเลื่อนเท้าไปข้างหน้าโดยไม่งอเข่า เช่น สืบเท้าก้าวเดินไป ตำรวจสืบเท้าเข้าไปประชิดตัวผู้ร้าย.
สืบไป สืบไป ว. ต่อไป, ต่อเนื่องไป, เช่น ขอให้ดำเนินงานสืบไป ขอให้อยู่เป็นสุขสืบไปชั่วกาลนาน.
สืบพยาน สืบพยาน (กฎ) ก. สอบปากคําพยาน เพื่อให้เบิกความเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดี.
สืบพันธุ์ สืบพันธุ์ ก. ทําให้เกิดลูกหลานสืบเนื่องต่อไป.
สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ ก. สืบพันธุ์โดยไม่ต้องมีการรวมตัวของเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การแบ่งตัวของแบคทีเรีย.
สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ก. สืบพันธุ์โดยการผสมของเซลล์สืบพันธุ์ เช่น การผสมของเชื้ออสุจิกับไข่ของเพศหญิง.
สืบราชวงศ์ สืบราชวงศ์ ก. สืบวงศ์พระมหากษัตริย์.
สืบราชสกุล สืบราชสกุล ก. สืบตระกูลฝ่ายพระราชา.
สืบราชสมบัติ สืบราชสมบัติ ก. เป็นพระมหากษัตริย์ต่อเนื่องแทน, สืบราชบัลลังก์ ก็ว่า.
สืบราชสันตติวงศ์ สืบราชสันตติวงศ์ ก. ครองราชสมบัติสืบต่อจากพระมหากษัตริย์พระองค์ก่อนซึ่งอยู่ในราชวงศ์เดียวกัน เช่น กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์, สืบสันตติวงศ์ ก็ว่า.
สืบศาสนา สืบศาสนา ก. ต่ออายุพระศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป.
สืบสกุล สืบสกุล ก. สืบวงศ์ตระกูล, สืบเชื้อสาย.
สืบสวน สืบสวน (กฎ) ก. แสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานซึ่งพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจได้ปฏิบัติไปตามอํานาจและหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อที่จะทราบรายละเอียดแห่งความผิด.
สืบสันดาน สืบสันดาน ก. สืบเชื้อสายมาโดยตรง.
สืบสาย สืบสาย ก. สืบสกุล, สืบเชื้อสาย ก็ว่า.
สืบสาว สืบสาว ก. สืบให้ได้เรื่องถึงที่สุด เช่น เรื่องนี้จะต้องสืบสาวหาตัวคนผิดให้ได้.
สืบสาวราวเรื่อง สืบสาวราวเรื่อง ก. ค้นคว้าให้ได้เรื่อง เช่น ไฟไหม้ครั้งนี้สืบสาวราวเรื่องได้ว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร.
สืบเสาะ สืบเสาะ ก. ค้นหา, แสวงหา, เช่น ตำรวจสืบเสาะหาแหล่งผลิตเฮโรอีน.
สืบหูก สืบหูก ก. ต่อหูก คือ เอาด้ายยาวที่จะทอเป็นผืนผ้ามาต่อกับด้ายซัง.
สื่อ สื่อ ก. ติดต่อให้ถึงกัน เช่น สื่อความหมาย, ชักนําให้รู้จักกัน.<2t>น. ผู้หรือสิ่งที่ติดต่อให้ถึงกันหรือชักนําให้รู้จักกัน เช่น เขาใช้จดหมายเป็นสื่อติดต่อกัน กุหลาบแดงเป็นสื่อของความรัก, เรียกผู้ที่ทำหน้าที่ชักนำเพื่อให้ชายหญิงได้แต่งงานกันว่า พ่อสื่อ หรือ แม่สื่อ; (ศิลปะ) วัสดุต่าง ๆ ที่นำมาสร้างสรรค์งานศิลปกรรม ให้มีความหมายตามแนวคิด ซึ่งศิลปินประสงค์แสดงออกเช่นนั้น เช่น สื่อผสม.
สื่อการศึกษา สื่อการศึกษา น. วิธีการ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นสื่อในการศึกษา.
สื่อผสม สื่อผสม น. วัสดุที่ใช้สำหรับการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ร่วมกันตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป เช่น สีน้ำที่มีคุณลักษณะบางสดใสกับสีโปสเตอร์ที่มีคุณสมบัติหนาทึบ ดินสอกับหมึก.
สื่อมวลชน สื่อมวลชน น. สื่อกลางที่นำข่าวสาร สาร และเนื้อหาสาระทุกประเภทไปสู่มวลชน เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และภาพยนตร์, (ปาก) นักข่าว นักหนังสือพิมพ์ เป็นต้น.
สื่อสาร สื่อสาร ก. นำถ้อยคำ ข้อความ หรือหนังสือ เป็นต้น ของฝ่ายหนึ่งส่งให้อีกฝ่ายหนึ่งโดยมีสื่อนำไป.
สื่อสารมวลชน สื่อสารมวลชน น. กระบวนการติดต่อสื่อสารสู่มวลชนโดยส่งสารผ่านสื่อมวลชน.
สุ,สุ ๑ สุ ๑ ก. ซักสบงจีวรวิธีหนึ่งโดยใช้นํ้าร้อนหรือมะกรูดมะนาวเป็นต้น, มักใช้ว่า ซักสุ.
สุ,สุ ๒,สุ ๆ สุ ๒, สุ ๆ ว. เสีย แต่ยังไม่เน่า (มักใช้แก่แตงโม) เช่น แตงโมใบนี้สุแล้ว แตงโมสุ ๆ.
สุ,สุ ๓ สุ ๓ คําอุปสรรคในภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า ดี งาม ง่าย สําหรับเติมข้างหน้าคํา เช่น สุคนธ์. (ป., ส.).
สุก,สุก ๑ สุก ๑ ก. พ้นจากห่าม เช่น ผลไม้สุก, เปลี่ยนสภาพจากดิบด้วยกรรมวิธีต่าง ๆ อย่างต้ม ผัด ย่าง เป็นต้น เช่น ต้มไก่สุกแล้ว ย่างเนื้อให้สุก, ถึงระยะที่ได้ที่หรือแก่จัดแล้ว เช่น ข้าวในนาสุกเกี่ยวได้แล้ว ฝีสุกจนแตก ต้อสุกผ่าได้แล้ว, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ร้อนจนเนื้อตัวจะสุกแล้ว ถูกเขาต้มจนสุก, เรียกชายที่บวชเป็นพระภิกษุและสึกแล้วว่า คนสุก; ปลั่งเป็นมันแวววาว เช่น ทองเนื้อสุกดี.
สุก,สุก ๒ สุก ๒ น. นกแก้ว, นกแขกเต้า. (ป.; ส. ศุก).
สุก,สุก-,สุก- ๓ สุก- ๓ [สุกกะ-] ว. ขาว, สว่าง, สะอาด, ดี, เช่น สุกธรรม. (ป. สุกฺก).
สุก,สุก ๔ สุก ๔ ก. เดินจบพ้นกระดานไปแล้ว (ใช้แก่การเล่นดวด).
สุก ๆ ดิบ ๆ สุก ๆ ดิบ ๆ ว. ยังไม่สุกทั่วกัน เช่น หุงข้าวสุก ๆ ดิบ ๆ.
สุกก่อนห่าม สุกก่อนห่าม (สํา) ว. ที่ทําสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัยหรือยังไม่ถึงเวลา (มักหมายถึงการลักลอบได้เสียกันก่อนแต่งงาน) เช่น ใครเขาจะเอาเยี่ยงอย่างอีซนซุก อีสุกก่อนห่าม มันมาอยู่สักกี่วันกี่เดือน นี่มันจะมาตั้งเตือนต่อก่อความให้ขุ่นไปทั้งบ้าน. (ม. ร่ายยาว ชูชก).
สุกข์ สุกข์ ก. แห้ง, แล้ง. (ป.).
สุกงอม สุกงอม ก. แก่จัดจนเกือบเน่าหรือเละ เช่น มะม่วงสุกงอมคาต้น, โดยปริยายหมายความว่า เต็มที่ เช่น ความรักของเขาสุกงอม แก่แล้วก็เหมือนผลไม้ที่สุกงอม.
สุกดิบ สุกดิบ ว. เรียกวันเตรียมงาน ซึ่งเป็นวันก่อนถึงกำหนดวันงานพิธี ๑ วันว่า วันสุกดิบ.
สุกแดด สุกแดด ว. ที่ถูกแดดเผาให้สุกก่อนเวลาที่ควรจะสุก (ใช้แก่ผลไม้) เช่น มะม่วงสุกแดด.
สุกปลั่ง สุกปลั่ง ว. สุกใสเป็นมันแวววาว เช่น ทองสุกปลั่ง ขัดถาดทองเหลืองเสียสุกปลั่ง.
สุกร สุกร [สุกอน] น. หมู (มักใช้เป็นทางการ) เช่น เนื้อสุกร สุกรชําแหละ. (ป.; ส. ศูกร, สูกร).
สุกรม สุกรม [สุกฺรม] น. ชื่อต้นไม้ขนาดใหญ่ ใบรี ผลเมื่อสุกสีแดง ใช้ทํายา. (พจน. ๒๔๙๓).
สุกใส สุกใส ว. แวววาว, แจ่มใส, เช่น ดวงตามีประกายสุกใส คืนนี้ท้องฟ้ามีดาวสุกใส.
สุกเอาเผากิน สุกเอาเผากิน (สํา) ว. อาการที่ทำลวก ๆ, อาการที่ทำพอเสร็จไปคราวหนึ่ง ๆ เช่น เขาทำงานสุกเอาเผากิน พอให้พ้นตัวไป.
สุกำศพ สุกำศพ ก. อาการที่เจ้าพนักงานภูษามาลาหรือเจ้าพนักงานสนมพลเรือนเอาผ้าขาวห่อศพและใช้ด้ายดิบมัดตราสัง แล้วบรรจุศพลงโกศหรือหีบศพซึ่งมีกระดาษฟางปูรองรับ เช่น เจ้าหน้าที่จะสุกําศพ, ทําสุกําศพ ก็ว่า เช่น เมื่อทําสุกําศพเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยกโกศหรือหีบศพขึ้นตั้ง.
สุกียากี้ สุกียากี้ น. ชื่ออาหารแบบญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ เต้าหู้ และผักบางชนิด, ไทยนำมาดัดแปลงโดยใช้เนื้อสัตว์ ผักต่าง ๆ วุ้นเส้น และไข่ เป็นต้น ลวกในน้ำซุป กินกับน้ำจิ้ม, บางทีเรียกสั้น ๆ ว่า สุกี้.
สุข,สุข- สุข, สุข- [สุก, สุกขะ-] น. ความสบายกายสบายใจ เช่น ขอให้อยู่ดีมีสุข เกิดมาก็มีสุขบ้างทุกข์บ้าง, มักใช้เข้าคู่กับคำ เป็น เช่น ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ขอให้เป็นสุข ๆ นะ.<2t>ว. สบายกายสบายใจ เช่น เดี๋ยวนี้เขาอยู่สุขสบายดี. (ป., ส.).
สุขนาฏกรรม สุขนาฏกรรม [สุกขะนาดตะกํา] น. วรรณกรรมโดยเฉพาะประเภทละครที่ลงท้ายด้วยความสุขหรือสมหวัง เช่นเรื่องอิเหนา ศกุนตลา ชิงนาง ปริศนา, โดยปริยายหมายถึงเรื่องราวหรือเหตุการณ์ทั่ว ๆ ไปที่ลงท้ายด้วยความสุขหรือสมหวัง เช่น ชีวิตเธอเป็นเหมือนนวนิยายสุขนาฏกรรม แม้จะตกระกําลําบากในวัยเด็ก แต่แล้วก็ได้พบกับความสุขสมหวังในบั้นปลายชีวิต.
สุขภัณฑ์ สุขภัณฑ์ น. เครื่องอุปกรณ์ที่ใช้สําหรับห้องนํ้า เช่นอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ โถส้วม.
สุขภาพ สุขภาพ น. ภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ.
สุขลักษณะ สุขลักษณะ น. ลักษณะที่ถูกต้องตามหลักปฏิบัติเพื่อความปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น สร้างบ้านเรือนให้ถูกสุขลักษณะ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ส้วมที่ถูกสุขลักษณะย่อมไม่แพร่กระจายเชื้อโรค.
สุขวิทยา สุขวิทยา น. วิชาวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับสุขศึกษา.
สุขศาลา สุขศาลา [สุกสาลา] น. สถานบริการสาธารณสุขที่ไม่มีแพทย์ประจํา ให้บริการสาธารณสุขทุกสาขา และส่งเสริมป้องกันด้านอนามัยแก่ประชาชนในระดับตําบลและหมู่บ้าน, ปัจจุบันเรียกว่า สถานีอนามัย.
สุขศึกษา สุขศึกษา [สุกขะ-, สุก-] น. การศึกษาที่ว่าด้วยกระบวนการที่เกี่ยวกับสุขภาพ.
สุขา สุขา [สุ-] (ปาก) น. ห้องนํ้าห้องส้วม, เป็นคำที่มักใช้เรียกตามสถานที่บางแห่ง เช่นโรงภาพยนตร์ สถานีรถไฟ, ห้องสุขา ก็เรียก.
สุขาภิบาล สุขาภิบาล [สุ-] (เลิก) น. ราชการบริหารส่วนท้องถิ่นมีฐานะตํ่ากว่าเทศบาล มีคณะกรรมการบริหารประกอบด้วยนายอําเภอ ปลัดอําเภอ กํานัน เป็นต้น โดยมีนายอําเภอหรือปลัดอําเภอผู้เป็นหัวหน้าประจํากิ่งอําเภอเป็นประธาน มีหน้าที่จัดทํากิจการภายในเขตที่รับผิดชอบ เช่น จัดให้มีและบํารุงทางนํ้า ทางบก และระบายนํ้า รักษาความสะอาดถนนหนทาง กําจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล. (ป. สุข + อภิบาล).
สุขารมณ์ สุขารมณ์ [สุ-] น. อารมณ์ที่มีสุข เช่น เขาเดินผิวปากอย่างสุขารมณ์; เรียกลัทธิที่ถือว่าความสุขทางผัสสะหรือโลกียสุขในชีวิตปัจจุบันเป็นสิ่งสูงสุดหรือเป็นความดีสูงสุดของชีวิตว่า คติสุขารมณ์. (ป. สุข + อารมฺมณ).
สุขาวดี สุขาวดี [สุขาวะดี] น. แดนอันมีความสุขตามความเชื่อของลัทธิมหายาน. (ส. สุขาวดี ว่า สวรรค์ของพระอมิตาภพุทธเจ้าของฝ่ายมหายาน).
สุขิน,สุขี สุขิน, สุขี (กลอน) น. ผู้มีความสุข.<2t>ว. สบาย. (ป. สุขี; ส. สุขินฺ).
สุขี ๆ สุขี ๆ (ปาก) ว. มีความสุข, มีความสบาย, เช่น ขอให้สุขี ๆ ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร.
สุขุม สุขุม ว. ประณีต, ลึกซึ้ง, รอบคอบ, ไม่วู่วาม, เช่น เขาจะไม่ด่วนตัดสินใจ ก่อนที่จะพิจารณาอย่างสุขุมทั้งทางได้และทางเสีย เขามีปัญญาสุขุม, บางครั้งใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น สุขุมคัมภีรภาพ สุขุมรอบคอบ สุขุมลึกซึ้ง. (ป.; ส. สูกฺษม).
สุขุมาล สุขุมาล [สุขุมาน] ว. ละเอียดอ่อน, อ่อนโยน, นุ่มนวล; ผู้ดี, ตระกูลสูง. (ป.; ส. สุกุมาร).
สุขุมาลชาติ สุขุมาลชาติ [สุขุมานละชาด] ว. มีตระกูลผู้ดี, มีตระกูลสูง, โดยปริยายหมายความว่า มีลักษณะอย่างผู้ดี เช่น เขาเป็นคนสุขุมาลชาติ กิริยามารยาทเรียบร้อย.
สุโข สุโข (ปาก) ว. เป็นสุข เช่น นอนหลับอย่างสุโข.
สุคต สุคต [-คด] น. ผู้ไปดีแล้ว; พระนามพระพุทธเจ้า. (ป., ส.).
สุคติ สุคติ [สุคะติ, สุกคะติ] น. ภูมิที่ถือว่าไปเกิดแล้วมีความสุขความสบาย, สวรรค์, เช่น ขอให้วิญญาณไปสู่สุคติ. (ป., ส.).
สุคนธ,สุคนธ-,สุคนธ์,สุคันธ์ สุคนธ-, สุคนธ์, สุคันธ์ [สุคนทะ-] น. กลิ่นหอม; เครื่องหอม, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องพระสุคนธ์. (ป., ส.).
สุคนธชาติ สุคนธชาติ น. ความหอม, กลิ่นหอม; กลิ่นหอมที่มีอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ ได้แก่ ราก แก่น กระพี้ เปลือก สะเก็ด น้ำในต้น ใบ ดอก และผล.
สุคนธรส,สุคันธรส สุคนธรส, สุคันธรส น. กลิ่นหอม, ของหอม, เครื่องหอม.
สุงก,สุงก-,สุงกะ สุงก-, สุงกะ [สุงกะ-] น. ส่วย.<2t>ว. เนื่องด้วยการเก็บอากรจากสินค้าขาเข้าและขาออก. (ป.; ส. ศุลฺก).
สุงกากร สุงกากร น. ศุลกากร, ค่าอากรที่เรียกเก็บจากสินค้าขาเข้าและขาออก. (ป.; ส. ศุลฺก + อากร).
สุงสิง สุงสิง ก. เล่นหัวกันอย่างสนิทสนม, ติดต่ออย่างใกล้ชิดเป็นกันเอง, เช่น เด็ก ๒ บ้านนี้ชอบมาสุงสิงกัน เขาเป็นคนหัวสูงไม่ชอบสุงสิงกับใคร.
สุงสุมาร,สุงสุมารี สุงสุมาร, สุงสุมารี น. จระเข้. (ป.; ส. ศิศุมาร, ศึศุมาร).
สุจริต สุจริต [สุดจะหฺริด] น. ความประพฤติชอบ. (ป., ส.).
สุจริตใจ สุจริตใจ ว. บริสุทธิ์ใจ, จริงใจ, เช่น เขาช่วยเหลือเด็กคนนั้นด้วยความสุจริตใจ ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน.
สุจหนี่ สุจหนี่ [สุดจะหฺนี่] น. เครื่องปูลาดชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทําด้วยผ้าเยียรบับไหมทอง สําหรับทอดถวายพระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เป็นที่ประทับหรือทรงยืน เรียกว่า พระสุจหนี่. (ม. suji ว่า ผ้าเครื่องปัก).
สุจะ สุจะ น. ริ้น. (ข.).
สุจิ สุจิ ว. สะอาด, หมดจด, ผ่องใส. (ป.; ส. ศุจิ).
สุจิต สุจิต ว. สั่งสมด้วยดี. (ป., ส.).
สุจิตร สุจิตร [-จิด] ว. หลายสี, หลายชั้นหลายเชิง; เด่น, ยิ่งใหญ่. (ส. สุ + จิตฺร).
สุชน สุชน น. คนดี, คนประพฤติดี. (ป., ส.).
สุชัมบดี สุชัมบดี น. ชื่อพระอินทร์. (ป. สุชมฺปติ ว่า ผัวของนางสุชาดา).
สุชา,สุชาดา สุชา, สุชาดา น. ผู้มีกําเนิดดี, ลูกผู้มีสกุลดี. (ป. สุ + ชา, สุ + ชาต).
สุญ,สุญ-,สุญญ,สุญญ- สุญ, สุญ-, สุญญ- [สุน, สุนยะ-] ว. ว่างเปล่า. (ป. สุญฺ; ส. ศูนฺย).
สุญญากาศ สุญญากาศ [สุนยากาด] น. ที่ที่ไม่มีอากาศ เช่น อยู่ในสุญญากาศ.<2t>ว. ที่ไม่มีอากาศ เช่น ขวดสุญญากาศ หลอดสุญญากาศ.
สุญตา สุญตา [สุนยะตา] น. ความว่างเปล่า. (ป. สุญฺตา; ส. ศูนฺยตา).
สุญนิยม สุญนิยม น. (ศาสน) ลัทธิที่ถือว่าคนและสัตว์เกิดหนเดียว ตายแล้วสูญ บุญบาป พระเป็นเจ้า นรก สวรรค์ ไม่มี; (อภิปรัชญา) ลัทธิที่ถือว่าไม่มีอะไรตั้งอยู่อย่างเที่ยงแท้ถาวร; (จริย) ลัทธิที่ถือว่าคุณค่าทางศีลธรรมจรรยาไม่มี; (สังคม) ลัทธิที่ถือว่าความเจริญก้าวหน้าจะเกิดขึ้นได้ก็โดยวิธีทําลายองค์การทางสังคมที่มีอยู่เดิมให้หมดไป. (อ. nihilism).
สุณ สุณ น. หมา. (ป.; ส. ศุนก).
สุณหา สุณหา [สุน-] น. ลูกสะใภ้. (ป.).
สุณิสา สุณิสา น. ลูกสะใภ้, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสุณิสา. (ป.; ส. สฺนุษา).
สุด สุด ก. สิ้น เช่น สุดกระแสความ สุดความ, หมด เช่น รักสุดหัวใจ, จบ เช่น สุดสายรถประจำทาง.<2t>ว. ปลายหรือท้าย เช่น สุดแดน สุดแผ่นดิน ในที่สุด, ปลายทางใดทางหนึ่ง เช่น เหนือสุด ขวาสุด บนสุด; อย่างมาก, อย่างยิ่งยวด, เช่น สุดรัก สุดเสียดาย สุดอาลัย, เต็มที่เต็มกำลัง, เช่น สู้จนสุดชีวิต งานนี้เขาทุ่มจนสุดตัว; เกินกว่าจะทำได้ เช่น สุดกลั้น สุดไขว่คว้า สุดทน.
สุดกั่น,สุดด้าม,สุดด้าม ๑,สุดลิ่ม,สุดลิ่ม ๑ สุดกั่น, สุดด้าม ๑, สุดลิ่ม ๑ ว. อาการที่ใช้มีดหรือของมีคมแทงเข้าไปจนจมถึงด้าม, มิดด้าม ก็ว่า.
สุดกำลัง สุดกำลัง ว. เต็มที่, เต็มกำลังทั้งหมดที่มีอยู่, เช่น ออกแรงยกของจนสุดกำลัง ช่วยจนสุดกำลัง.
สุดกู่ สุดกู่ ว. ไกลมากจนไม่ได้ยินเสียงกู่ เช่น เขาไปปลูกบ้านเสียจนสุดกู่, อยู่ท้าย ๆ เช่น สอบได้ที่สุดกู่ จอดรถไว้สุดกู่.
สุดขอบฟ้า สุดขอบฟ้า ว. ไกลมากที่สุด เช่น ต่อให้หนีไปอยู่สุดขอบฟ้า ก็จะตามให้พบ, สุดหล้าฟ้าเขียว ก็ว่า.
สุดขีด สุดขีด ว. เต็มที่, มากที่สุด, เช่น กลัวสุดขีด โมโหสุดขีด.
สุดคน สุดคน ว. ยอดคน.
สุดความสามารถ สุดความสามารถ ว. เต็มที่, เต็มความสามารถที่มีอยู่, เช่น หมอช่วยจนสุดความสามารถแล้ว คนไข้ก็ยังไม่ดีขึ้น.
สุดคิด สุดคิด ว. หมดปัญญาที่จะคิดอ่านต่อไป, ใช้ปัญญาจนหมดแล้วก็ยังคิดไม่ออก.
สุดจิต,สุดใจ สุดจิต, สุดใจ ว. ยอดรัก, อย่างยอด.
สุดด้าม,สุดด้าม ๒ สุดด้าม ๒ ว. ที่สุดทางใดทางหนึ่ง.
สุดแต่ สุดแต่ ว. แล้วแต่ เช่น สุดแต่จะพิจารณา สุดแต่จะโปรด, สุดแล้วแต่ ก็ว่า.
สุดโต่ง สุดโต่ง ว. ไกลมาก, ปลายไกลสุด, เช่น บ้านของเขาอยู่สุดโต่ง ไปมาลำบาก แถวลูกเสือยาวเหยียดลูกผมยืนอยู่เสียสุดโต่ง เลยมองไม่เห็น; มากเกินขอบเขตที่ควรเป็น, ตึงหรือหย่อนเกินไป, เช่น การปฏิบัติสุดโต่ง.
สุดท้อง สุดท้อง ว. ที่เกิดทีหลังเพื่อน เช่น ลูกคนสุดท้อง น้องสุดท้อง.
สุดท้าย สุดท้าย ว. ทีหลังเพื่อน, หลังสุด, เช่น เขาเป็นแขกคนสุดท้ายที่มาในงาน เด็กคนนั้นทำการบ้านเสร็จเป็นคนสุดท้าย, เหลือเพียงหนึ่งเดียว เช่น สมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่คือบ้าน โอกาสสุดท้ายแล้วที่จะแก้ตัวได้.
สุดท้ายปลายโต่ง สุดท้ายปลายโต่ง (ปาก) ว. หลังสุด, ท้ายสุด, (มักใช้ในเชิงตำหนิหรือเย้ยหยัน), เช่น ทำไมมาเสียสุดท้ายปลายโต่ง ไหนเคยคุยว่าเก่ง ทำไมถึงสอบได้ที่สุดท้ายปลายโต่ง.
สุดที่รัก สุดที่รัก น. ผู้เป็นยอดรักหรือเป็นที่รักยิ่ง เช่น เธอเป็นสุดที่รักของผม.<2t>ว. ยอดรัก, ที่รักยิ่ง, เช่น ลูกสุดที่รัก.
สุดปัญญา สุดปัญญา ว. ใช้ปัญญาเท่าที่มีอยู่ทั้งหมด เช่น เลขข้อนี้คิดจนเกือบสุดปัญญาจึงทำได้ ฉันช่วยเขาจนสุดปัญญาแล้วก็ยังไม่สำเร็จ.
สุดฝีมือ สุดฝีมือ ว. เต็มที่, เต็มกำลังความสามารถที่มีอยู่, เช่น อาหารมื้อนี้เขาทำสุดฝีมือ.
สุดแรงเกิด สุดแรงเกิด (ปาก) ว. สุดกําลัง, เต็มแรงที่มีอยู่, เช่น เขาตกใจ วิ่งหนีสุดแรงเกิด.
สุดลิ่ม,สุดลิ่ม ๒ สุดลิ่ม ๒ ว. ถึงที่สุด, เต็มกําลัง.
สุดลูกหูลูกตา สุดลูกหูลูกตา ว. กว้างไกลมาก เช่น เขามีที่ดินมากมายสุดลูกหูลูกตา ทะเลเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา.
สุดวิสัย สุดวิสัย ว. พ้นกําลังความสามารถ, พ้นความสามารถที่ใครจะอาจป้องกันได้, เช่น ภัยธรรมชาติเป็นเหตุสุดวิสัย.
สุดสงวน สุดสงวน น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุดสวาทขาดใจ สุดสวาทขาดใจ ว. ยอดรัก, อย่างยอด.
สุดสายตา สุดสายตา ว. สุดระยะที่ตาจะมองเห็น เช่น มองจนสุดสายตา ก็ไม่เห็นต้นไม้สักต้น, สุดวิสัยที่จะมองเห็น เช่น ลูกอยู่สุดสายตาที่พ่อแม่จะตามไปดูแล.
สุดสายป่าน สุดสายป่าน ว. สุดกําลังความสามารถที่จะควบคุมดูแลหรือดึงกลับได้ เช่น ตามใจลูกเสียจนสุดสายป่านจะไม่เสียเด็กได้อย่างไร.
สุดสิ้น สุดสิ้น ก. ถึงที่สุด เช่น เธอกับฉันสุดสิ้นกันนับแต่วันนี้, จบ เช่น การสัมมนาได้สุดสิ้นลงแล้ว, สิ้นสุด ก็ว่า.
สุดเสียง สุดเสียง ว. อาการที่ตะโกนหรือเปล่งเสียงเต็มที่ เช่น ฉันตะโกนเรียกจนสุดเสียงแล้วเขาก็ยังไม่ได้ยิน เขาร้องให้คนช่วยจนสุดเสียง แต่ไม่มีใครมาช่วย.
สุดเสียงสังข์ สุดเสียงสังข์ (สำ) ว. ที่ผายออกมาก (ใช้แก่ตะโพกหญิง) ในความว่า ตะโพกสุดเสียงสังข์.
สุดหนทาง สุดหนทาง ว. สุดทางที่จะไป เช่น สุดหนทางบกแล้ว ต่อไปก็เป็นทางน้ำ, โดยปริยายหมายความว่า ไม่มีทางอื่นให้เลือก เช่น เมื่อสุดหนทางเข้าจริง ๆ ก็เลยต้องยอมแพ้เขา.
สุดหล้าฟ้าเขียว สุดหล้าฟ้าเขียว ว. ไกลมากที่สุด เช่น เขาหนีไปอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว ยากที่ใครจะตามไปถึง, สุดขอบฟ้า ก็ว่า.
สุดเหวี่ยง สุดเหวี่ยง ว. เต็มที่ เช่น สนุกจนสุดเหวี่ยง.
สุดเอื้อม สุดเอื้อม ว. เกินระยะที่มือจะเอื้อมถึง เช่น มะม่วงลูกนั้นอยู่สูงสุดเอื้อม สอยไม่ถึง, โดยปริยายหมายความว่า เกินฐานะและความสามารถเป็นต้นที่จะเอามาเป็นของตนได้ เช่น เธอเกิดในตระกูลสูงศักดิ์ สุดเอื้อมที่จะได้เธอมาเป็นคู่ครอง.
สุดา สุดา น. ลูกสาว. (ป., ส. สุตา); หญิงสาว.
สุต,สุต ๑ สุต ๑ [สุด] น. ลูกชาย (มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส). (ป., ส.).
สุต,สุต-,สุต- ๒ สุต- ๒ [สุตะ-, สุดตะ-] ก. ได้ยิน, ได้ฟังแล้ว.
สุตกวี สุตกวี [สุตะกะวี, สุดตะกะวี] น. กวีผู้มีความสามารถในการแต่งร้อยกรองตามที่ได้ยินมา. (ป.; ส. ศฺรุต).
สุตตนิบาต สุตตนิบาต น. คัมภีร์ที่รวบรวมพระสูตรเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ไว้ด้วยกัน.
สุตตะ สุตตะ [-ตะ] ก. หลับแล้ว. (ป.; ส. สุปฺต).<2t>น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วน ที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
สุตตันตปิฎก,สุตตันตะ สุตตันตปิฎก, สุตตันตะ [สุดตันตะปิดก] น. ชื่อปิฎก ๑ ในพระไตรปิฎก. (ป.).
สุตะ สุตะ ก. ไหลไป. (ป.; ส. สฺรุต).
สุติ,สุติ ๑ สุติ ๑ น. การไหลไป. (ป.; ส. สฺรุติ).
สุติ,สุติ ๒ สุติ ๒ น. การได้ยินได้ฟัง; ขนบธรรมเนียม; เสียง. (ป.; ส. ศฺรูติ).
สุทธ,สุทธ-,สุทธ์ สุทธ-, สุทธ์ ว. หมดจด, สะอาด; ล้วน, แท้. (ป.).
สุทธาวาส สุทธาวาส น. ชื่อพรหมโลกซึ่งเป็นที่ที่พระอนาคามีไปเกิด. (ป.).
สุทธิ สุทธิ [สุดทิ] ว. แท้ ๆ, ล้วน ๆ, เช่น กาแฟขวดนี้น้ำหนักสุทธิ ๑๐๐ กรัม. (ป.; ส. ศุทฺธิ).
สุทรรศน์,สุทัศน์ สุทรรศน์, สุทัศน์ [-ทัด] ว. สวย, งดงาม, น่าดู. (ส. สุทรฺศน; ป. สุทสฺสน).
สุทัสนะ สุทัสนะ [-ทัดสะนะ] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๔ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป. สุทสฺสน; ส. สุทรฺศน). (ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).
สุธา,สุธา ๑ สุธา ๑ น. นํ้าอมฤต, อาหารทิพย์.
สุธา,สุธา ๒ สุธา ๒ น. ปูนขาว; เครื่องโบกและทา. (ป., ส.).
สุธาการ สุธาการ น. ช่างอิฐช่างปูน. (ส.).
สุธาโภชน์ สุธาโภชน์ น. ของกินอันเป็นทิพย์. (ป.).
สุธารส สุธารส [สุทารด] (ราชา) น. น้ำกิน, ใช้ว่า พระสุธารส.
สุธารสชา สุธารสชา [สุทารดชา] (ราชา) น. นํ้าชา, ใช้ว่า พระสุธารสชา.
สุธาสินี,สุธาสี สุธาสินี, สุธาสี น. ผู้กินอาหารทิพย์ คือ เทวดา. (ป.; ส. สุธาศินฺ).
สุธี สุธี น. คนมีปัญญา, นักปราชญ์. (ป., ส.).
สุนทร,สุนทร- สุนทร, สุนทร- [-ทอน, -ทอนระ-, -ทอระ-] ว. งาม, ดี, ไพเราะ, เช่น วรรณคดีเป็นสิ่งสุนทร, มักใช้เข้าสมาสกับคำอื่น เช่น สุนทรพจน์ สุนทรโวหาร. (ป., ส.).
สุนทรพจน์ สุนทรพจน์ [สุนทอนระ-, สุนทอระ-] น. คําพูดที่ประธานหรือบุคคลสําคัญเป็นต้นกล่าวในพิธีการหรือในโอกาสสําคัญต่าง ๆ เช่น นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ.
สุนทรี สุนทรี [-ทะรี] น. หญิงงาม, นางงาม, หญิงทั่วไป. (ส., ป.).
สุนทรีย,สุนทรีย-,สุนทรียะ สุนทรีย-, สุนทรียะ ว. เกี่ยวกับความนิยม ความงาม.
สุนทรียภาพ สุนทรียภาพ น. ความงามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ ที่แต่ละบุคคลสามารถเข้าใจและรู้สึกได้, ความเข้าใจและรู้สึกของแต่ละบุคคลที่มีต่อความงามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ.
สุนทรียศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ น. ปรัชญาสาขาหนึ่งว่าด้วยความงาม และสิ่งที่งามในธรรมชาติหรืองานศิลปะ.
สุนัข สุนัข น. หมา (มักใช้เป็นทางการ) เช่น สุนัขตำรวจ. (ป. สุนข; ส. ศุนก).
สุนันท์ สุนันท์ ว. เป็นที่ยินดี, น่าสบาย. (ป.).
สุโนก สุโนก น. นก.
สุบดี สุบดี [-บอดี] น. ผัวที่ดี, เจ้านายที่ดี. (ป., ส. สุ + ปติ).
สุบรรณ สุบรรณ [-บัน] น. ครุฑ. (ส. สุปรฺณ; ป. สุปณฺณ).
สุบิน สุบิน น. ความฝัน, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสุบิน. (ป. สุปิน).
สุปรีดิ์ สุปรีดิ์ น. ความยินดียิ่ง. (ส. สุ + ปฺรีติ; ป. สุ + ปีติ).
สุปรีย์ สุปรีย์ ว. เป็นที่รักยิ่ง. (ส. สุ + ปฺรีย; ป. สุ + ปิย).
สุปาณี สุปาณี ว. ฝีมือเก่ง, คล่องแคล่ว. (ส.).
สุพพัต สุพพัต [สุบพัด] น. ผู้ประพฤติดี. (ป. สุพฺพต; ส. สุวรฺต).
สุพรรณ,สุพรรณ- สุพรรณ, สุพรรณ- [สุพัน, สุพันนะ-] น. ทองคํา. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุพรรณถัน สุพรรณถัน [สุพันนะ-] น. กํามะถัน.
สุพรรณบัฏ สุพรรณบัฏ [สุพันนะบัด] (ราชา) น. แผ่นทองคํารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จารึกพระนามพระมหากษัตริย์ พระบรมราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าขึ้นไป เจ้าประเทศราช และสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่า พระสุพรรณบัฏ; แผ่นทองคํารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่จารึกราชทินนามของสมเด็จพระราชาคณะ ขุนนางชั้นสมเด็จเจ้าพระยา และขุนนางชั้นเจ้าพระยาบางคน ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นพิเศษ; (โบ) แผ่นทองคำที่จารึกพระราชสาส์น.
สุพรรณภาชน์ สุพรรณภาชน์ [สุพันนะพาด] (ราชา) น. ภาชนะสําหรับใส่พระกระยาหาร ทําด้วยทองคําทั้งชุด, ใช้ว่า พระสุพรรณภาชน์; โต๊ะเท้าช้าง.
สุพรรณราช สุพรรณราช [สุพันนะราด] (ราชา) น. กระโถนใหญ่, ใช้ว่า พระสุพรรณราช.
สุพรรณศรี สุพรรณศรี [สุพันนะสี] (ราชา) น. กระโถนเล็ก, ใช้ว่า พระสุพรรณศรี.
สุพรรณิการ์ สุพรรณิการ์ น. ชื่อไม้ต้นขนาดเล็ก ๒ ชนิดในสกุล Cochlospermum วงศ์ Cochlospermaceae คือ ชนิด C. regium (Mart. et Schrank) Pilger ผลมีขน ก้านชูอับเรณูสีเหลืองครึ่งหนึ่งสีแดงครึ่งหนึ่ง และชนิด C. religiosum (L.) Alston ผลเกลี้ยงไม่มีขน ก้านชูอับเรณูสีเหลืองตลอด, ฝ้ายคํา ก็เรียก.
สุภ,สุภ- สุภ- [สุบพะ-] น. ความงาม, ความดีงาม, ความเจริญ. (ป.; ส. ศุภ).
สุภร สุภร [-พอน] ว. เลี้ยงง่าย. (ป.).
สุภัค สุภัค ว. งาม, มีโชค. (ส.).
สุภา สุภา น. ตุลาการ.
สุภาพ สุภาพ ว. เรียบร้อย เช่น เขาแต่งกายสุภาพตามกาลเทศะและความนิยม, อ่อนโยน, ละมุนละม่อม, เช่น เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ไม่กระโชกโฮกฮาก.
สุภาพชน สุภาพชน น. ผู้ที่แต่งกายเรียบร้อย, ผู้ที่มีกิริยามารยาทอ่อนโยน พูดจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะ, เช่น สุภาพชนย่อมไม่ส่งเสียงดังในห้องสมุด.
สุภาพบุรุษ สุภาพบุรุษ น. ชายที่มีกิริยาวาจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะ และมีคุณธรรม เช่น เขาช่วยเหลือเธอตามหน้าที่สุภาพบุรุษ.
สุภาพสตรี สุภาพสตรี น. หญิงที่มีกิริยาวาจาเรียบร้อย รู้กาลเทศะ และมีคุณธรรม เช่น ท่าทางเธอเรียบร้อยสมเป็นสุภาพสตรี.
สุภาษิต สุภาษิต น. ถ้อยคําหรือข้อความที่กล่าวสืบต่อกันมาช้านานแล้ว มีความหมายเป็นคติสอนใจ เช่น รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ นํ้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ. (ส.; ป. สุภาสิต ว่า ถ้อยคําที่กล่าวดีแล้ว).
สุม สุม ก. วางทับซ้อน ๆ กันลงไปจนสูงเป็นกองอย่างไม่มีระเบียบ เช่น สุมหญ้า สุมฟาง สุมหนังสือไว้เต็มโต๊ะ, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ความทุกข์สุมอก. (โบ) น. ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น สุมม่วง คือ ป่าม่วง. (จารึกสุโขทัย).
สุ่ม,สุ่ม ๑ สุ่ม ๑ น. เครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่ง มักสานด้วยไม้ไผ่เป็นตา ๆ ลักษณะคล้ายทรงกระบอก ด้านบนสอบเข้า มีช่องให้มือล้วงลงไปได้ เรียกว่า สุ่มปลา; เครื่องสานตาห่าง ๆ มีลักษณะครึ่งทรงกลมหรือโอควํ่า ข้างบนมีช่องกลม ๆ ใช้สําหรับครอบขังไก่เป็นต้น เรียกว่า สุ่มไก่, โดยปริยายเรียกกระโปรงที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายสุ่มไก่ว่า กระโปรงทรงสุ่มไก่.<2t>ก. อาการที่เอาสุ่มครอบเพื่อจับปลาเป็นต้น, โดยปริยายเรียกอาการที่เดาโดยนึกเอาเองอย่างสุ่มปลาว่า เดาสุ่ม; พูนสูงขึ้นจนล้น เช่น ข้าวสุ่มจาน.
สุ่ม,สุ่ม ๒,สุ่ม ๆ สุ่ม ๒, สุ่ม ๆ ว. อาการที่ทำไปโดยไม่แน่ใจว่าจะถูกหรือไม่, ไม่เฉพาะเจาะจง, เช่น ทำสุ่มไปไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ลองถามสุ่ม ๆ ไปเผื่อจะมีใครไปด้วย.
สุมกระหม่อม สุมกระหม่อม ก. เอายาสมุนไพรพอกโปะไว้บนกระหม่อมเด็กเล็ก ๆ เพื่อแก้หวัดเป็นต้น, สุมหัว ก็ว่า.
สุมขอน สุมขอน ก. สุมไฟที่ขอน, เรียกไฟที่ยังไหม้ขอนกรุ่นอยู่ว่า ไฟสุมขอน.
สุมควัน สุมควัน ก. สุมไฟให้เป็นควันเพื่อไล่ยุง, สุมไฟไล่ยุง ก็ว่า.
สุ่มตัวอย่าง สุ่มตัวอย่าง ก. หาตัวอย่างเพื่อแทนกลุ่มโดยไม่เฉพาะเจาะจง เช่น สุ่มตัวอย่างสินค้าเพื่อตรวจคุณภาพ.
สุมทุม สุมทุม น. ที่ซึ่งมีต้นไม้หรือเถาวัลย์ปกคลุมให้ร่มครึ้ม, มักใช้เข้าคู่กับคำ พุ่มไม้ เป็น สุมทุมพุ่มไม้.
สุมน สุมน ว. ใจดี, พอใจ. (ส.).
สุมนะ,สุมนา สุมนะ, สุมนา [สุมะ-] น. ดอกไม้, ดอกมะลิ. (ป., ส.).
สุมนัส สุมนัส [สุมะนัด] ว. ใจดี; ดีใจ, พอใจ. (ส.).
สุมพล สุมพล ก. ประชุมพล, รวมพล, ชุมนุมพล.
สุมไฟ สุมไฟ ก. เอาฟืนหรือแกลบเป็นต้นทับลงบนกองไฟเพื่อให้ไฟติดกรุ่นอยู่เสมอ.
สุมยุง สุมยุง ก. สุมไฟไล่ยุง.
สุ่มสี่สุ่มห้า สุ่มสี่สุ่มห้า ว. ซุ่มซ่าม, ไม่ระมัดระวังให้ดี, ไม่ดูให้ดี, เช่น เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเลยตกบันได กินอาหารสุ่มสี่สุ่มห้าเลยท้องเสีย.
สุ้มเสียง สุ้มเสียง น. กระแสเสียง, (โบ) เขียนเป็น ซุ่มเสียง ก็มี เช่น จึงตั้งนะโม ซุ่มเสียงใหญ่โต. (ประถม ก กา).
สุมหัว สุมหัว ก. เอายาสมุนไพรพอกโปะไว้บนกระหม่อมเด็กเล็ก ๆ เพื่อแก้หวัดเป็นต้น, สุมกระหม่อม ก็ว่า; มั่วสุม (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น สุมหัวนินทาเจ้านาย.
สุมะ สุมะ (แบบ) น. พระจันทร์. (ป., ส. โสม).
สุมาลี สุมาลี น. ดอกไม้, พวงดอกไม้.
สุเมธ สุเมธ [-เมด] น. คนมีปัญญาดี, นักปราชญ์. (ป., ส.).
สุเมรุ สุเมรุ [-เมน] น. เขาสิเนรุ, ชื่อภูเขาซึ่งถือว่าเป็นที่ตั้งแห่งเมืองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์. (ไตรภูมิ). (ส.).
สุร,สุร-,สุร- ๑ สุร- ๑ [-ระ-] น. ผู้กล้าหาญ, นักรบ; พระอาทิตย์.<2t>ว. กล้าหาญ, เข้มแข็ง. (ป. สูร; ส. ศูร).
สุร,สุร-,สุร- ๒ สุร- ๒ [-ระ-] น. เทวดา.<2t>ว. ทิพย์. (ป., ส.).
สุรคต สุรคต ก. ตาย (ใช้แก่พระเจ้าแผ่นดินบางประเทศ).
สุรงค์,สุรังค์ สุรงค์, สุรังค์ ว. มีสีดี, มีสีงาม, งามฉูดฉาด, งามเรืองรอง, ใช้เพี้ยนไปเป็น สุหร่ง ก็มี. (ป., ส.).
สุรเชษฐ์ สุรเชษฐ์ น. พระพรหม. (ส. สุรเชฺยษฺ; ป. สุรเชฏ).
สุรบดี สุรบดี น. พระอินทร์. (ส. สุรปติ).
สุรบถ สุรบถ น. ฟ้า, สวรรค์. (ส. สุรปถ).
สุรภาพ สุรภาพ น. อํานาจแห่งเทวดา.
สุรภี,สุรภี ๑ สุรภี ๑ [สุระ-] น. ต้นสารภี.
สุรภี,สุรภี ๒ สุรภี ๒ [สุระ-] น. เครื่องหอม. (ป.; ส. สุรภิ).
สุรโลก สุรโลก น. สวรรค์. (ส.).
สุรสีหนาท สุรสีหนาท น. พระดํารัสอันเป็นที่น่าเกรงขามของคนทั้งปวงเหมือนเสียงของราชสีห์เป็นที่น่าเกรงขามของสัตว์ทั้งปวง, เสียงตวาดของนักรบเพื่อให้เป็นที่เกรงขามของข้าศึก.
สุรเสียง สุรเสียง น. เสียงก้องกังวาน หมายความว่า เสียงของผู้มีอํานาจ.
สุรัติ สุรัติ [สุรัด] น. ความปลาบปลื้มหรือความยินดียิ่ง. (ส. สุ + รติ).
สุรัสวดี สุรัสวดี [-รัดสะวะดี] น. สรัสวดี; ชื่อกรมในสมัยโบราณมีหน้าที่เกี่ยวกับการรวบรวมบัญชีเลกหรือชายฉกรรจ์, เรียกเต็มว่า กรมพระสุรัสวดี.
สุรา สุรา น. เหล้า, น้ำเมาที่ได้จากการกลั่น, (มักใช้เป็นทางการ), เช่น ร้านนี้ขายแต่สุราต่างประเทศ. (ป., ส.).
สุรางค์จำเรียง สุรางค์จำเรียง น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุรางคนา,สุรางคนา ๑ สุรางคนา ๑ น. นางสวรรค์. (ส.).
สุรางคนา,สุรางคนา ๒,สุรางคนางค์ สุรางคนา ๒, สุรางคนางค์ น. ชื่อกาพย์และฉันท์ มี ๒๘ คำ คือ มี ๗ วรรค วรรคละ ๔ คำ เช่น ตัวอย่างกาพย์ อย่าเยี่ยงหญิงชั่ว<2t>ไป่รู้คุณผัว<2t>ไม่กลัวความอาย ลิ้นลมข่มคำ<2t>ห่อนยำเยงชาย<2t>จงจิตรคิดหมาย มุ่งร้ายภรรดา. <3t><3t><3t><3t>(กฤษณา), ตัวอย่างฉันท์ ชะอมชะบา<2t>มะกอกมะกา<2t>มะค่าและแค ตะขบตะค้อ<2t>สมอแสม<2t>มะกล่ำสะแก ก็แลไสว. <3t><3t><3t><3t>(หลักภาษาไทย), ถ้าเป็นกาพย์ขับไม้มี ๓๖ คำ เช่น <2t>กรุงเทพเทียมทัด<2t>เทพไทเธอจัด<2t>สร้างสิ้นทั้งหลาย แทบทางวางรุกข์<2t>ร่มเย็นเป็นสุข<2t>แซ่ซร้องหญิงชาย ไปมาค้าขาย<2t>ออกร้านเรียงราย<2t>รื่นเริงสำราญ. <3t><3t>(กาพย์ขับไม้ กล่อมพระเศวตรัตนกรีฯ).
สุราบาน สุราบาน น. การดื่มเหล้า; นํ้าเหล้า.
สุรารักษ์ สุรารักษ์ น. เทวดาผู้คุ้มครอง.
สุราลัย สุราลัย น. ที่อยู่ของเทวดา, สวรรค์. (ส.).
สุรินทร์ สุรินทร์ น. พระอินทร์. (ส.; ป. สุรินฺท).
สุรินทราหู สุรินทราหู [สุรินทะราหู] น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
สุริย,สุริย-,สุริย-,สุริยะ สุริย-, สุริยะ [-ริยะ-] น. พระอาทิตย์, ดวงตะวัน. (ป. สุริย; ส. สูรฺย); (โหร) ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยามในเวลากลางวัน. (ดู ยาม).
สุริยกันต์,สุริยกานต์ สุริยกันต์, สุริยกานต์ น. ชื่อแก้วชนิดหนึ่งถือกันว่าเมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ทําให้เกิดไฟ, สูรยกานต์ ก็ว่า. (ป. สุริยกนฺต; ส. สูรฺยกานฺต).
สุริยการ สุริยการ น. แสงพระอาทิตย์.
สุริยกาล สุริยกาล น. เวลากลางวัน.
สุริยคติ สุริยคติ [สุริยะคะติ] น. วิธีนับวันและเดือนแบบสากล โดยถือกําหนดตําแหน่งดวงอาทิตย์เป็นหลัก เช่น วันที่ ๑ ถึงวันที่ ๓๑ เป็นการนับวันทางสุริยคติ เดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม เป็นการนับเดือนทางสุริยคติ.
สุริยคราส,สูรยคราส สุริยคราส, สูรยคราส [สุริยะคฺราด, สูระยะคฺราด] (ปาก) น. การกลืนดวงอาทิตย์ ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวงอาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สุริยเคราะห์ สุริยเคราะห์ น. สุริยคราส.
สุริยง,สุริยา,สุริเยนทร์,สุริเยศ,สุริโย สุริยง, สุริยา, สุริเยนทร์, สุริเยศ, สุริโย (กลอน) น. พระอาทิตย์.
สุริยน,สุริยัน สุริยน, สุริยัน น. พระอาทิตย์. (ทมิฬ).
สุริยภิม สุริยภิม (โบ) น. เรียกทองที่พระมหากษัตริย์พระราชทานแก่ผู้ทำนายสุริยุปราคาได้ถูกต้องว่า ทองสุริยภิม ในข้อความว่า เมื่อสุริยุปราคาได้ทองสุริยภิมคนแลบาทด้วยกัน. (สามดวง).
สุริยมณฑล สุริยมณฑล น. ดวงหรือวงตะวัน, สูรยพิมพ์ หรือ สูรยมณฑล ก็ว่า. (ป.; ส. สูรยมณฺฑล).
สุริยวงศ์ สุริยวงศ์ น. วงศ์แห่งกษัตริย์เนื่องมาจากพระอาทิตย์, คู่กับ จันทรวงศ์. (ส.).
สุริยุปราคา สุริยุปราคา [-ยุปะราคา, -ยุบปะราคา] น. ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกัน ดวงจันทร์จึงบังแสงอาทิตย์ที่ส่องมายังโลก เป็นเหตุให้เห็นดวงอาทิตย์มืดเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด, (ปาก) สุริยคราส หรือ สูรยคราส.
สุรีย์ สุรีย์ น. พระอาทิตย์, ดวงตะวัน.
สุรุ่ยสุร่าย สุรุ่ยสุร่าย ว. ชอบจับจ่ายใช้สอยสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น เช่น เขามีนิสัยสุรุ่ยสุร่าย เงินเดือนจึงไม่พอใช้.
สุเรนทร์ สุเรนทร์ น. พระอินทร์. (ส.).
สุลต่าน สุลต่าน [สุนละ-] น. ประมุขของบางประเทศหรือเจ้าครองนครบางรัฐที่นับถือศาสนาอิสลาม. (อ. sultan).
สุว,สุว- สุว- [-วะ-] คําอุปสรรคในภาษาบาลีและสันสกฤตแปลว่า ดี, งาม, ง่าย, สําหรับเติมหน้าคํา เช่น สุวคนธ์. (ป., ส. สุ).
สุวภาพ สุวภาพ ว. สุภาพ.
สุวรรณ,สุวรรณ- สุวรรณ, สุวรรณ- [-วัน, -วันนะ-] น. ทอง. (ส. สุวรฺณ; ป. สุวณฺณ).
สุวรรณภูมิ สุวรรณภูมิ [สุวันนะพูม] น. ดินแดนแหลมทองซึ่งเชื่อกันว่ามีอาณาบริเวณครอบคลุมพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์.
สุวะ สุวะ [-วะ] น. นกแขกเต้า. (ป.; ส. ศุก).
สุวาน สุวาน น. หมา. (ป.; ส. ศฺวาน).
สุวินัย สุวินัย ว. สอนง่าย, ว่าง่าย, ดัดง่าย. (ป., ส.).
สุวิมล สุวิมล ว. กระจ่างหรือบริสุทธิ์แท้. (ส.).
สุษิระ สุษิระ น. เครื่องดนตรีที่ใช้เป่า มีขลุ่ย ปี่ เป็นต้น. (ส.).
สุสาน สุสาน น. สถานที่สำหรับฝังหรือเผาศพ. (ป.; ส. ศฺมศาน).
สุหนัต สุหนัต น. พิธีขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายตามข้อกำหนดในศาสนาอิสลาม.
สุหร่ง สุหร่ง ว. มีสีดี, มีสีงาม, งามฉูดฉาด, งามเรืองรอง, เพี้ยนมาจาก สุรงค์.
สุหร่าย สุหร่าย [-หฺร่าย] น. เครื่องโปรยนํ้า รูปทรงคล้ายภาชนะกรวดน้ำ คอสูง ปากมีจุกปิดและเจาะรูอย่างฝักบัว สำหรับสลัดนํ้าให้เป็นฝอย. (เปอร์เซีย surahi).
สุหฤท,สุหัท สุหฤท, สุหัท [-หะริด, -หัด] น. เพื่อน, ผู้มีใจดี, ใช้ว่า โสหัท หรือ เสาหฤท ก็มี. (ส. สุหฺฤท; ป. สุหท).
สุเหร่า สุเหร่า [-เหฺร่า] น. ที่ประชุมทำศาสนกิจของมุสลิม, มัสยิด ก็เรียก.
สู,สู ๑ สู ๑ (วรรณ) ว. อาย เช่น มาเดียวเปลี่ยวอกอ้า อายสู. (ตะเลงพ่าย).
สู,สู ๒ สู ๒ (โบ) ส. ท่าน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
สู่ สู่ ก. ไปเยี่ยม เช่น ไปมาหาสู่กัน; แบ่งให้ เช่น มีอะไรก็เอามาสู่กันกิน.<2t>บ. ถึง, ยัง, เช่น หันหน้าสู่ทิศเหนือ ขอจงไปสู่สุคติ.
สู้ สู้ ก. เอาชนะกันด้วยกำลังกาย อาวุธ หรือสติปัญญาความสามารถเป็นต้น เช่น ชกสู้เขาไม่ได้จึงยอมแพ้ ทหารสู้กันในสนามรบ เล่นหมากรุกสู้กัน; มีสติปัญญาความสามารถเป็นต้นทัดเทียมกันหรือเหนือกว่า เช่น มีสติปัญญาสู้เขาได้; ยอมทน เช่น พูดไปก็ไม่ดี สู้นิ่งไม่ได้.
สูกษมะ สูกษมะ [สูกสะมะ] ว. สุขุม, ละเอียด. (ส. สูกฺษม; ป. สุขุม).
สู่ขวัญ สู่ขวัญ ก. ประกอบพิธีทำขวัญ เช่น ทำพิธีสู่ขวัญ.
สู่ขอ สู่ขอ ก. เจรจาขอหญิงจากพ่อแม่หรือผู้ปกครองเพื่อการแต่งงาน เช่น เขาขอให้พ่อแม่ไปสู่ขอลูกสาวกำนัน.
สู้คดี,สู้ความ สู้คดี, สู้ความ (ปาก) ก. เป็นความ, มีคดีพิพาทหรือฟ้องร้องกันในโรงศาล.
สู้คน สู้คน ก. มีใจกล้าไม่ยอมแพ้ใคร เช่น เขาเป็นคนสู้คน, บางทีก็ใช้เรียกคนที่ขี้ขลาดไม่ยอมสู้ใครว่า เป็นคนไม่สู้คน.
สู้ครู สู้ครู ก. มีความรู้พอ ๆ กับครูหรือเหนือกว่า เช่น ความรู้ของเขาสู้ครูได้; (โหร) เรียกคนที่ดวงชะตามีพฤหัสอยู่ในราศีสิงห์มีอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนว่า พฤหัสสู้ครู ซึ่งหมายความว่า มีใจกล้า มีใจเข้มแข็งพอที่จะสู้กับผู้รู้หรือผู้ชำนาญชั้นครูได้.
สูง สูง ว. มีระยะที่วัดตรงขึ้นไปตามแนวตั้งฉากกับพื้น เช่น ต้นไม้สูง ภูเขาสูง; เหนือระดับปรกติ เช่น อุณหภูมิสูง ไข้สูง ความสามารถสูง; แหลม เช่น เสียงสูง, ระดับเหนือเสียงกลาง เช่น อักษรสูง; ตรงข้ามกับ ต่ำ เช่น จิตใจสูง.
สูงค่า สูงค่า ว. มีค่ามาก เช่น แจกันลายครามใบนี้สูงค่ามากเพราะเป็นสมบัติตกทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว, มีค่าสูง, มีราคาสูง, เช่น แหวนเพชรวงนี้สูงค่ามาก.
สูงชั่วนกเขาเหิน,สูงเท่านกเขาเหิน สูงชั่วนกเขาเหิน, สูงเท่านกเขาเหิน (สํา) ว. สูงระดับที่นกเขาบิน.
สูงเทียมเมฆ สูงเทียมเมฆ (สํา) ว. สูงมาก.
สูงศักดิ์ สูงศักดิ์ ว. มียศศักดิ์หรือตระกูลสูง เช่น เจ้านายเป็นบุคคลที่สูงศักดิ์ เขาสืบเชื้อสายมาจากขุนนางผู้สูงศักดิ์.
สูงส่ง สูงส่ง ว. ที่ยกย่องกันว่าดีเด่น เช่น วรรณคดีเรื่องนี้ยกย่องกันว่ามีค่าทางวรรณศิลป์สูงส่ง.
สูงสุด สูงสุด ว. มากที่สุด เช่น ตัวเลขสูงสุด เขาได้คะแนนคณิตศาสตร์สูงสุดในชั้น.
สูงสุดสอย,สูงสุดเอื้อม สูงสุดสอย, สูงสุดเอื้อม (สํา) ว. สูงเกินกว่าที่จะสอยหรือเอื้อมได้, โดยปริยายใช้หมายถึงหญิงสูงศักดิ์ที่ยากเกินกว่าที่คนธรรมดาสามัญจะเอามาเป็นภรรยาได้.
สูงเสียดฟ้า สูงเสียดฟ้า (สำ) ว. สูงมากจนเสมือนว่าจดฟ้า.
สูงอายุ สูงอายุ ว. มีอายุมาก.
สูจกะ สูจกะ [-จะกะ] น. ผู้ชี้แจง; ผู้นําจับ; ผู้ส่อเสียด. (ป., ส.).
สูจนะ สูจนะ [-จะนะ] น. การชี้แจง; การนําจับ; การส่อเสียด. (ป., ส.).
สูจิ สูจิ น. เข็ม; เครื่องชี้; รายการ; สารบัญ. (ป., ส.).
สูจิบัตร สูจิบัตร น. ใบแจ้งกำหนดการต่าง ๆ ในการประชุม การแสดงมหรสพเป็นต้น เช่น สูจิบัตรการแสดงวิพิธทัศนา.
สูเจ้า สูเจ้า (โบ) ส. ท่าน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
สูญ สูญ ก. ทําให้หายสิ้นไป เช่น คนโบราณใช้ปูนแดงสูญฝี, หายไป เช่น ทรัพย์สมบัติสูญไปในกองเพลิง.<2t>ว. ที่หมดไป ในคำว่า หนี้สูญ. (ป. สุญฺ; ส. ศูนฺย).
สูญขี้ผึ้ง สูญขี้ผึ้ง น. กรรมวิธีหนึ่งในการหล่อโลหะ ใช้ขี้ผึ้งพอกหุ้มแกนทรายให้เป็นหุ่น แล้วทาไล้ด้วยดินเหนียวผสมขี้วัวและน้ำ จึงเข้าดินเป็นพิมพ์ นำไปเผาไฟสำรอกขี้ผึ้งให้ละลายออกจากพิมพ์ จากนี้เทโลหะหลอมเหลวเข้าแทนที่ขี้ผึ้ง.
สูญเปล่า สูญเปล่า ว. หมดสิ้นไปโดยไร้ประโยชน์ เช่น ลงทุนครั้งนี้สูญเปล่าจริง ๆ นอกจากไม่ได้กำไรแล้วยังขาดทุนอีกด้วย.
สูญสิ้น สูญสิ้น ก. หมดไปโดยไม่มีอะไรเหลือ เช่น เขาสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเป็นทาสการพนัน.
สูญเสีย สูญเสีย ก. สูญไปทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน เช่น สูญเสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สมบัติ สูญเสียอวัยวะ.
สูญหาย สูญหาย ก. หายไป เช่น พี่น้องสูญหายไปในสงคราม.
สูด,สูด ๑ สูด ๑ ก. หายใจเข้าไปโดยแรง เช่น สูดลมหายใจ สูดอากาศ; เดินหมากรุกข้ามตาตรงไปโดยไม่เป็นไปตามกําหนดที่วางไว้ (ใช้เฉพาะเม็ดและขุน); ส่งให้สูง.
สูด,สูด ๒ สูด ๒ ดู กระสูบ.
สู้แดดสู้ฝน สู้แดดสู้ฝน ก. ทนแดดทนฝน.
สูต สูต น. ผู้ขับรถหรือนายม้าต้น, สารถี. (ป., ส.).
สูตร,สูตร ๑ สูตร ๑ [สูด] น. กฎสําหรับจดจํา เช่น สูตรคูณ สูตรคณิตศาสตร์; ส่วนประกอบที่กำหนดขึ้นในการปรุงยา อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น. (ส.; ป. สุตฺต).
สูตร,สูตร ๒ สูตร ๒ [สูด] น. ชื่อหลักธรรมในพระสุตตันตปิฎก เรียกว่า พระสูตร เช่น มงคลสูตร กาลามสูตร; ข้อความทางปรัชญาที่เรียบเรียงร้อยกรอง หรือย่อขึ้นไว้สำหรับท่องจำ เช่น โยคสูตร นยายสูตร สูตรสนธิ.
สูตร,สูตร ๓ สูตร ๓ น. มุ้ง, ม่าน, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสูตร หรือ พระวิสูตร.
สูตรเคมี สูตรเคมี น. หมู่สัญลักษณ์ของธาตุซึ่งเขียนขึ้นแทนสารใดสารหนึ่งเพื่อแสดงให้ทราบว่า ๑ โมเลกุลของสารนั้น ๆ ประกอบด้วยธาตุใดบ้าง และมีอย่างละกี่อะตอม เช่น H2O เป็นสูตรเคมีที่เขียนขึ้นแทนนํ้า เพื่อแสดงว่านํ้า ๑ โมเลกุล ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน ๒ อะตอม และธาตุออกซิเจน ๑ อะตอม.
สู้ตา,สู้สายตา สู้ตา, สู้สายตา ก. กล้าสบตา เช่น ว่าแล้วยังสู้สายตาอีก.
สู้ตาย,สู้จนตัวตาย สู้ตาย, สู้จนตัวตาย ก. สู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน, สู้ถวายหัว ก็ว่า.
สูติ,สูติ- สูติ, สูติ- [สู-ติ-] น. การเกิด, กําเนิด, การคลอดบุตร. (ส.).
สูติกรรม สูติกรรม น. การทำคลอด.
สูตินรีเวช สูตินรีเวช [-นะรีเวด] น. วิชาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ การคลอด และโรคเฉพาะสตรี.
สูติบัตร สูติบัตร น. เอกสารที่แสดงถึงสัญชาติ วัน เดือน ปี เวลา สถานที่เกิด และชื่อบิดามารดาของบุคคล โดยนายทะเบียนเป็นผู้ออกให้.
สูติแพทย์ สูติแพทย์ น. แพทย์ทำคลอดและรักษาโรคที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์.
สูติศาสตร์ สูติศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยการปฏิบัติรักษาเรื่องการตั้งครรภ์ การทำคลอด และภาวะหลังคลอด.
สู้ถวายหัว สู้ถวายหัว ก. สู้อย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน, สู้ตาย หรือ สู้จนตัวตาย ก็ว่า.
สูท,สูท- สูท, สูท- [สูด, สูทะ-] น. คนครัว. (ป., ส.).
สูทกรรม สูทกรรม [สูทะ-] น. การทํากับข้าวของกิน. (ส. สูทกรฺมนฺ).
สูทศาสตร์ สูทศาสตร์ [สูทะ-] น. วิชาทํากับข้าว.
สูนะ สูนะ (แบบ) ก. เกิด, เป็นขึ้น; บาน, ผลิ, (ใช้แก่ดอกไม้). (ส.).
สูนุ สูนุ (แบบ) น. ลูก, ลูกเล็ก ๆ, เด็ก. (ป., ส.).
สูบ,สูบ ๑ สูบ ๑ น. เครื่องสําหรับดูดของเหลวเช่นนํ้าให้เคลื่อนจากระดับเดิมไปสู่ระดับใหม่, เครื่องสำหรับดูดหรืออัดลม.<2t>ก. ดูดเข้าไป เช่น สูบบุหรี่ สูบกัญชา, ดูดออกมา เช่น สูบส้วม สูบน้ำออกจากนา.
สูบ,สูบ ๒ สูบ ๒ ดู กระสูบ.
สูบเลือด,สูบเลือดสูบเนื้อ สูบเลือด, สูบเลือดสูบเนื้อ ก. เรียกเอาเงินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยอาการขูดรีดหรือเอารัดเอาเปรียบอย่างยิ่ง.
สูป,สูป-,สูปะ สูป-, สูปะ [สูปะ-] น. ของกินที่เป็นนํ้า, แกง, ของต้มที่เป็นนํ้า, มักใช้เข้าคู่กับคํา พยัญชนะ เป็น สูปพยัญชนะ หมายความว่า กับข้าว. (ป., ส.).
สูปการ สูปการ น. คนครัว.
สู้ปาก,สู้ฝีปาก สู้ปาก, สู้ฝีปาก ก. เถียงกัน เช่น สู้ปากเขาไม่ได้, สู้สีปาก ก็ว่า.
สู้ยิบตา สู้ยิบตา (สำ) ก. สู้จนถึงที่สุด, สู้ไม่ถอย, เช่น เขาสู้ยิบตาแม้ว่าจะสะบักสะบอมเพียงใดก็ไม่ยอมแพ้. (กร่อนมาจากสำนวนเกี่ยวกับการตีไก่ซึ่งถูกตีจนต้องเย็บตาว่า สู้จนเย็บตา).
สูร สูร [สูน, สูระ] น. ผู้กล้าหาญ, นักรบ; พระอาทิตย์. (ป., ส.).<2t>ว. กล้าหาญ, เข้มแข็ง. (ป.; ส. ศูร).
สู้รบตบมือ สู้รบตบมือ ก. ต่อสู้, ทะเลาะวิวาท, เช่น เราจะเอากำลังที่ไหนไปสู้รบตบมือกับคนมีอำนาจอย่างเขา เขาไม่ยอมสู้รบตบมือด้วย.
สูรย์ สูรย์ [สูน] (ปาก) น. สุริยุปราคา ในคำว่า เกิดสูรย์.
สูรย,สูรย- สูรย- [สูระยะ-] น. พระอาทิตย์, ตะวัน, มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส. (ส.; ป. สุริย).
สูรยกานต์ สูรยกานต์ น. ชื่อแก้วชนิดหนึ่งถือกันว่าเมื่อถูกแสงพระอาทิตย์ทําให้เกิดไฟ, สุริยกันต์ หรือ สุริยกานต์ ก็ว่า. (ส. สูรฺยกานฺต; ป. สุริยกนฺต).
สูรยคราส,สุริยคราส สูรยคราส, สุริยคราส น. การกลืนดวงอาทิตย์ ตามความเข้าใจของคนโบราณที่เชื่อว่าพระราหูอมดวงอาทิตย์, สุริยุปราคา ก็เรียก.
สูรยพิมพ์ สูรยพิมพ์ น. ดวงหรือวงตะวัน, สุริยมณฑล หรือ สูรยมณฑล ก็ว่า.
สูรยมณฑล สูรยมณฑล น. ดวงหรือวงตะวัน, สุริยมณฑล หรือ สูรยพิมพ์ ก็ว่า. (ส.; ป. สุริยมณฺฑล).
สูรยวาร สูรยวาร น. วันอาทิตย์, อาทิจจวาร หรือ อาทิตยวาร ก็ว่า.
สู้ราคา สู้ราคา ก. มีกำลังที่จะซื้อได้ เช่น ไม่ว่าของชิ้นนี้จะแพงสักเท่าใด ฉันก็จะสู้ราคา.
สูริ สูริ น. คนมีปัญญา. (ป., ส.); ผู้กล้าหาญ. (ป.; ส. ศูริ).
สู่รู้ สู่รู้ ก. อวดรู้ เช่น ถ้าไม่รู้จริง อย่าสู่รู้.
สู่สม สู่สม (วรรณ) ก. อยู่ร่วมกันเสมือนผัวเมีย, อยู่ร่วมกันอย่างผัวเมีย, เขียนเป็น สู่สํ ก็มี เช่น ดินฤขัดเจ้าหล้า สู่สํสองสํฯ. (กำสรวล).
สูสี สูสี ก. เกี่ยวพัน, ข้องแวะ, เช่น อย่าไปสูสีกับคนพาล; ไล่เลี่ย, พอ ๆ กัน, เช่น ฝีมือของ ๒ คนนี้สูสีกัน สอบได้คะแนนสูสีกัน.
สู่สุขคติ สู่สุขคติ ก. ตาย.
สู้หน้า สู้หน้า ก. รอหน้า, เผชิญหน้า, เช่น เขาทำผิด เลยไม่กล้าสู้หน้าฉัน.
สู่หา สู่หา ก. ไปมาหากัน.
สู้เหมือนหมาจนตรอก สู้เหมือนหมาจนตรอก (สํา) ก. ฮึดสู้เพราะไม่มีทางหนี เช่น พอจนมุมเข้า เขาก็สู้เหมือนหมาจนตรอก.
เส เส ก. เฉ, ไถล, เช่น เสไปพูดเรื่องอื่น, เชือนแช เช่น เสความ.
เสก เสก ก. ร่ายมนตร์เพื่อทำให้ขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ เช่น เสกน้ำล้างหน้า เสกแป้งผัดหน้า, ร่ายมนตร์เพื่อทำให้สิ่งหนึ่งกลายเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เช่น เสกหญ้าให้เป็นหุ่นพยนต์ เสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตน, ร่ายมนตร์เพื่อให้เกิดพลังส่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปทำร้ายศัตรู เช่น เสกหนังเข้าท้อง.
เสกข,เสกข-,เสกขะ เสกข-, เสกขะ [-ขะ-] น. ผู้ยังต้องศึกษาอยู่, พระอริยบุคคลผู้ยังไม่บรรลุพระอรหัตผล. (ป.; ส. ไศกฺษ).
เสกขบุคคล,เสขบุคคล เสกขบุคคล, เสขบุคคล น. ผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ หมายถึง พระอริยะที่ยังไม่บรรลุพระอรหัตผล. (ป.).
เสกคาถา เสกคาถา ก. ร่ายมนตร์.
เสกเป่า เสกเป่า ก. ร่ายมนตร์หรือคาถาแล้วเป่าลงไป.
เสกสมรส เสกสมรส ก. แต่งงาน (ใช้แก่เจ้านาย).
เสกสรร เสกสรร [-สัน] ก. เลือกทำหรือพูดเอาเอง เช่น เขามีเงินมีทอง จะเสกสรรอะไรก็ทำได้.
เสกสรรปั้นแต่ง,เสกสรรปั้นเรื่อง เสกสรรปั้นแต่ง, เสกสรรปั้นเรื่อง ก. แต่งเรื่องขึ้นมาโดยจะมีความจริงหรือไม่ก็ได้เพื่อให้เข้าใจผิด เช่น คนคนนี้ช่างเสกสรรปั้นเรื่องมาเล่าให้ผู้ใหญ่ผิดใจกันอยู่เสมอ.
เสข,เสข-,เสขะ เสข-, เสขะ [เสขะ-] น. เสกขะ.
เสขบุคคล,เสกขบุคคล เสขบุคคล, เสกขบุคคล น. ผู้ที่ยังต้องศึกษาอยู่ หมายถึง พระอริยะที่ยังไม่บรรลุพระอรหัตผล. (ป.).
เสความ เสความ ก. ทําเนื้อความให้เชือนแชหรือไถลไปเป็นเรื่องอื่น.
เส็ง เส็ง (กลอน) ว. พาลเกะกะ.
เส้ง เส้ง น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในวงศ์ Sterculiaceae คือ ชนิด Pentapetes phoenicea L. ใบเรียวยาว ดอกสีแดงคลํ้า และชนิด Melochia corchorifolia L. ดอกสีชมพูอ่อน.<2t>(๒) (ถิ่น-พายัพ) ปอกระเจา. [ดู กระเจา (๑)]; ชื่อไม้พุ่มขนาดเล็กชนิด Triumfetta bartramia L. ในวงศ์ Tiliaceae ดอกสีเหลือง ผลกลมเล็ก มีขนแข็งคล้ายหนาม.
เส็งเคร็ง เส็งเคร็ง ว. เลว, ไม่ดี, ไม่มีค่า, ไม่มีราคา, เช่น ของเส็งเคร็งไม่มีใครต้องการ ป่านี้ไม้ดี ๆ ถูกตัดไปหมดแล้ว เหลือแต่ไม้เส็งเคร็ง.
เสงี่ยม เสงี่ยม [สะเหฺงี่ยม] ก. สํารวมกิริยาวาจาด้วยเจียมตัว.<2t>ว. สุภาพเรียบร้อย. (ข. เสฺงี่ยม).
เสงี่ยมเจียมตัว เสงี่ยมเจียมตัว [สะเหฺงี่ยม-] ก. สำรวมกิริยาวาจาด้วยเจียมตัว.<2t>ว. สุภาพเรียบร้อย.
เสงี่ยมหงิม เสงี่ยมหงิม [สะเหฺงี่ยม-] ก. สำรวมกิริยาไม่ค่อยพูดจา.
เสฏฐี เสฏฐี น. เศรษฐี, คนมั่งมี. (ป.; ส. เศฺรษฺินฺ).
เสณี เสณี น. แถว, สาย; พวก, หมวด. (ป.; ส. เศฺรณี).
เสด เสด (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ปีจอ.
เสด็จ เสด็จ [สะเด็ด] น. คําเรียกเจ้านายชั้นพระองค์เจ้าที่เป็นลูกเธอและหลานเธอซึ่งพระอัยกาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน. (ราชา) ก. ไป เช่น เสด็จประพาส, อยู่ เช่น เสด็จประทับ.
เสด็จในกรม เสด็จในกรม (ปาก) น. คําเรียกเจ้านายที่ทรงกรม.
เสด็จพระราชดำเนิน เสด็จพระราชดำเนิน ก. ไป (ใช้แก่พระเจ้าแผ่นดิน สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และสมเด็จพระบรมราชกุมารี) เช่น เสด็จพระราชดำเนินโดยทางลาดพระบาท เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง.
เสต,เสต- เสต- [-ตะ-] (แบบ) ว. เศวต, สีขาว. (ป.; ส. เศฺวต).
เสตุ เสตุ น. สะพาน, ทํานบ. (ป., ส.).
เสถียร,เสถียร- เสถียร, เสถียร- [สะเถียน, -เถียนระ-] ว. มั่นคง, แข็งแรง, คงตัว. (ส. สฺถิร; ป. ถิร).
เสถียรภาพ เสถียรภาพ [สะเถียนระ-] น. ความมั่นคง, ความคงตัว, ความไม่เปลี่ยนแปลง, เช่น เสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจไม่ดีรัฐบาลก็ไม่มีเสถียรภาพ.
เสทะ,เสโท เสทะ, เสโท น. เหงื่อ, เหงื่อไคล. (ป.; ส. เสฺวท).
เสน,เสน ๑ เสน ๑ น. สารประกอบประเภทออกไซด์ของตะกั่ว มีสูตร Pb3O4 ลักษณะเป็นผงละเอียด สีแดงเข้ม ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมทําสีทาและทําแก้ว, ตะกั่วแดง ก็เรียก. (อ. red lead, minium). (ดู ตะกั่วแดง).
เสน,เสน ๒ เสน ๒ น. ชื่อลิงชนิด Macaca arctoides ในวงศ์ Cercopithecidae ตัวใหญ่ สีนํ้าตาลแดง หน้าแดง ก้นแดง หางสั้นมาก.
เสน,เสน-,เสน- ๓ เสน- ๓ น. เสนา, กองทหาร, หมู่ทหาร. (ป., ส. เสนา).
เส้น เส้น น. สิ่งที่มีลักษณะเป็นสาย แถว แนว ที่ไม่จำกัดความยาว เช่น เส้นผม เส้นขน เส้นโลหิต; เส้นเลือด เส้นเอ็น และเส้นประสาท; รอยที่ปรากฏเป็นทางบนพื้นเป็นแนว เช่น เส้นขอบฟ้า; ชื่อมาตราวัด ๒๐ วา เป็น ๑ เส้น; (คณิต) สิ่งซึ่งมีแต่ความยาว ไม่มีความกว้างและความหนา.
เส้นแกงร้อน เส้นแกงร้อน น. แป้งถั่วเขียวทําเป็นเส้นเล็ก ๆ ยาวอย่างเส้นลวด เมื่อแช่นํ้าทําให้อ่อนคล้ายวุ้น ใช้ทําเป็นอาหาร เช่นแกงร้อน, วุ้นเส้น ก็เรียก.
เส้นขนาน เส้นขนาน (คณิต) น. เส้นตรงคู่ใด ๆ ซึ่งอยู่ห่างกันเป็นระยะเท่ากันโดยตลอด; (ภูมิ) เส้นหรือวงกลมเล็กบนผิวโลกที่ขนานกับเส้นศูนย์สูตร ซึ่งจุดทุกจุดบนเส้นนี้มีค่าละติจูดเท่ากัน, เรียกเต็มว่า เส้นขนานละติจูด.
เส้นแข็ง เส้นแข็ง น. อาการที่กล้ามเนื้อตึงจนแข็งทำให้เลือดลมเดินไม่สะดวก; (ปาก) ผู้มีอํานาจสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง.
เสนง,เสน่ง เสนง, เสน่ง [สะเหฺนง, สะเหฺน่ง] น. เขาสัตว์, เขนง, แสนง ก็ใช้. (ข.).
เส้นจม เส้นจม น. อาการที่เส้นเลือดถูกกล้ามเนื้อที่ตึงแข็งกดให้อยู่ลึกลงไปกว่าปรกติ.
เส้นชัย เส้นชัย น. เส้นที่กำหนดไว้ว่าผู้เข้าแข่งขันที่ไปถึงก่อนเป็นผู้ชนะ.
เส้นด้าย เส้นด้าย น. ชื่อพยาธิชนิด Enterobius vermicularis ในวงศ์ Oxyuridae ลําตัวเรียวยาว สีขาวหม่น ตัวผู้ยาว ๒-๕ มิลลิเมตร ตัวเมียยาว ๘-๑๓ มิลลิเมตร หางแหลม เป็นปรสิตอยู่ในลําไส้ใหญ่ของมนุษย์และลิงชิมแปนซี.
เส้นตรง เส้นตรง (คณิต) น. เส้นที่สั้นที่สุดระหว่างจุด ๒ จุด.
เส้นตั้งฉาก เส้นตั้งฉาก น. เส้นตรงที่ทำมุม ๙๐ ° กับอีกเส้นตรงหนึ่ง.
เส้นตาย เส้นตาย น. วันเวลาที่กําหนดเป็นขั้นเด็ดขาด ใช้ว่า ขีดเส้นตาย หรือ กำหนดเส้นตาย เช่น กำหนดเส้นตายให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปให้หมดภายใน ๓๐ วัน.
เส้นตึง เส้นตึง น. อาการที่กล้ามเนื้อตึงเกิดจากเลือดลมเดินไม่สะดวกหรือออกกำลังกายไม่ถูกวิธีเป็นต้น.
เส้นตื้น เส้นตื้น ว. ที่ทําให้รู้สึกขันหรือหัวเราะได้ง่าย เช่น เขาเป็นคนเส้นตื้น ได้ยินเรื่องขำขันนิดหน่อยก็หัวเราะ.
เส้นทแยง เส้นทแยง น. เส้นตรงที่ลากในแนวเอียงจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง.
เส้นทแยงมุม เส้นทแยงมุม น. เส้นตรงที่ลากจากมุมหนึ่งไปยังมุมตรงข้าม.
เส้นทาง เส้นทาง น. ทาง, แนวทาง, เช่น ไปสำรวจเส้นทางก่อนเดินทาง.
เส้นบรรทัด เส้นบรรทัด น. เส้นที่ตีหรือพิมพ์ไว้บนกระดาษเป็นต้นเพื่อเขียนหรือพิมพ์ตัวอักษรบนเส้น ใต้เส้น หรือระหว่างเส้น.
เส้นบังคับ เส้นบังคับ (คณิต) น. เส้นตรงที่ตรึงอยู่กับที่ซึ่งคู่กับจุดโฟกัส ใช้กําหนดบังคับเซตของจุดชุดหนึ่งให้เรียงกันเป็นเส้นโค้งในระบบภาคตัดกรวย, เดิมใช้ว่า ไดเรกตริกซ์.
เส้นผมบังภูเขา เส้นผมบังภูเขา (สํา) น. เรื่องง่าย ๆ แต่คิดไม่ออก เหมือนมีอะไรมาบังอยู่.
เส้นผมผ่าแปด เส้นผมผ่าแปด (ปาก) ว. เฉียดกันนิดเดียว เช่น เขายิงพลาดเป้าไปเพียงเส้นผมผ่าแปด; เล็กมาก, ละเอียดมาก, เช่น เรื่องนี้ไม่ต้องอธิบายถี่ถ้วนอย่างเส้นผมผ่าแปด, เส้นยาแดงผ่าแปด ก็ว่า.
เส้นผ่านศูนย์กลาง,เส้นผ่าศูนย์กลาง เส้นผ่านศูนย์กลาง, เส้นผ่าศูนย์กลาง (คณิต) น. คอร์ดของวงกลมหรือของวงรี ซึ่งลากผ่านจุดศูนย์กลาง.
เส้นแผลง เส้นแผลง [-แผฺลง] น. เส้นที่เยื้องไปเยื้องมามีลักษณะเหมือนฟันปลา ใช้เขียนแบ่งภาพเป็นตอน ๆ ในงานจิตรกรรมฝาผนัง.
เส้นยาแดงผ่าแปด เส้นยาแดงผ่าแปด (ปาก) ว. เฉียดกันนิดเดียว เช่น เขายิงพลาดเป้าไปเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด; เล็กมาก, ละเอียดมาก, เช่น เรื่องนี้ไม่ต้องอธิบายถี่ถ้วนอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด, เส้นผมผ่าแปด ก็ว่า.
เส้นยึด เส้นยึด น. อาการที่เส้นตึงหรือแข็งยึดทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก.
เส้นใย เส้นใย น. วัสดุที่เป็นเส้น ใช้ประโยชน์นําไปทําสิ่งทอเช่นเสื้อผ้า พรม แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ เส้นใยธรรมชาติ ประเภทนี้มีอยู่ในธรรมชาติ เช่น เส้นใยที่ได้จากขนสัตว์ ฝ้าย นุ่น ป่าน ปอ ไหม แร่ซิลิเกต และเส้นใยสังเคราะห์ ประเภทนี้ไม่มีในธรรมชาติ เป็นเส้นใยที่สร้างขึ้นโดยวิธีทางเคมี เช่น ไนลอน ไหมเทียม เส้นใยแก้ว.
เส้นใยแก้ว เส้นใยแก้ว น. เส้นใยสังเคราะห์ทําจากแก้วให้เป็นเส้นเล็ก ๆ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า เซนติเมตร นําไปทอให้เป็นแผ่นแล้วชุบฉาบด้วยเรซินซึ่งเป็นสารประเภทพลาสติก ผลที่ได้เป็นแผ่นวัสดุที่เหนียวแข็งแรง ใช้ประโยชน์ทําเป็นแผ่นฉนวนความร้อน กันเสียง เสื้อเกราะกันกระสุน สร้างเรือขนาดเล็ก สร้างส่วนตัวถังรถยนต์ เป็นต้น. (อ. glass fibre).
เส้นรอบวง เส้นรอบวง (คณิต) น. เส้นโค้งที่เป็นแนวขอบทั้งหมดของรูปวงกลมหรือของวงรี.
เส้นรัศมี เส้นรัศมี (คณิต) น. เส้นตรงที่เชื่อมจุดศูนย์กลางของวงกลมกับจุดใด ๆ บนเส้นรอบวง.
เส้นรุ้ง เส้นรุ้ง น. ละติจูด.
เส้นแร เส้นแร น. เส้นที่แกะบนไม้หรือบนผิวโลหะ.
เส้นลายมือ เส้นลายมือ น. รอยเส้นที่ฝ่ามือและนิ้ว, ลายมือ ก็ว่า, ราชาศัพท์ใช้ว่า เส้นลายพระหัตถ์.
เส้นลึก เส้นลึก ว. ที่ทําให้รู้สึกขันหรือหัวเราะได้ยาก เช่น เขาเป็นคนเส้นลึก แม้จะได้ยินเรื่องขำขันอย่างไรก็ไม่หัวเราะ; อาการที่เก็บความรู้สึกได้ดีจนยากที่จะสังเกตได้ว่าพอใจหรือไม่พอใจสิ่งใด เช่น เขาจับเส้นเจ้านายไม่ถูก เพราะเป็นคนเส้นลึกมาก.<2t>น. เส้นที่อยู่ในตำแหน่งลึกของร่างกาย เช่นอยู่ชิดหรือใกล้ซอกกระดูกหรือในท้อง ทำให้กดหรือจับยาก.
เส้นเลือด เส้นเลือด น. หลอดเลือด. (อ. blood vessel), โดยปริยายหมายถึงเส้นทางนําความสมบูรณ์ไปหล่อเลี้ยงแหล่งต่าง ๆ เช่น แม่นํ้าเจ้าพระยาเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงภาคกลางของประเทศไทย.
เส้นวันที่ เส้นวันที่ (ภูมิ) น. เส้นสมมุติซึ่งนานาชาติได้ตกลงกันโดยกําหนดให้ใช้เป็นเขตการเปลี่ยนวันที่เมื่อเดินทางข้ามเส้นนี้ไป. (อ. date line).
เส้นแวง เส้นแวง น. ลองจิจูด.
เส้นศูนย์สูตร เส้นศูนย์สูตร น. เส้นวงกลมสมมุติที่ลากรอบโลก และแบ่งโลกออกเป็นส่วนซีกโลกเหนือกับส่วนซีกโลกใต้.
เส้นสมมาตร เส้นสมมาตร น. เส้นตรงซึ่งแบ่งรูปใด ๆ ออกเป็น ๒ ส่วนที่มีรูปร่างและขนาดเท่ากันทุกประการ.
เส้นสัมผัส เส้นสัมผัส (คณิต) น. เส้นตรงที่ตัดเส้นโค้งเส้นหนึ่ง ณ ตำแหน่งที่จุดตัดทั้ง ๒ ใกล้ชิดกันมากจนถือได้ว่าเป็นจุดเดียวกัน.
เส้นสาย เส้นสาย น. ระบบเส้นของร่างกาย โดยปริยายหมายความว่า พวกพ้องหรือผู้ช่วยเหลือที่สามารถอำนวยประโยชน์ให้ได้.
เส้นเสียง เส้นเสียง น. แผ่นเอ็นบาง ๆ ที่อยู่ในกล่องเสียง เป็นส่วนสำคัญในการเปล่งเสียง.
เสนห,เสนห-,เสนหา,เสน่หา เสนห-, เสนหา, เสน่หา [สะเนหะ-, สะเน-, สะเหฺน่-] น. ความรัก. (ส.).
เสน่ห์ เสน่ห์ [สะเหฺน่] น. ลักษณะที่ชวนให้รัก เช่น เธอเป็นคนมีเสน่ห์; วิธีการทางไสยศาสตร์ที่ทำให้คนอื่นรัก เช่น เขาถูกเสน่ห์.
เสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์ขาว น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวชนิด Alocasia lindenii Rod. ในวงศ์ Araceae, ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว ก็เรียก.
เสน่ห์จันทร์แดง เสน่ห์จันทร์แดง น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Homalomena rubescens Kunth ในวงศ์ Araceae เหง้ามีกลิ่นหอมใช้ทํายาได้, ว่านเสน่ห์จันทร์แดง ก็เรียก.
เสน่ห์ปลายจวัก เสน่ห์ปลายจวัก (สํา) น. เสน่ห์ที่เกิดจากฝีมือปรุงอาหารให้โอชารส.
เส้นหมี่ เส้นหมี่ น. แป้งข้าวเจ้าที่โรยเป็นเส้นลงในนํ้าเดือดพอสุกแล้วนํามาตากแห้ง.
เสนอ เสนอ [สะเหฺนอ] ก. ยื่นเรื่องราว ความเห็น ญัตติ เป็นต้น เพื่อให้ทราบ ให้พิจารณา หรือให้สั่งการ เช่น เสนอรายงานการเดินทางให้ผู้บังคับบัญชาทราบ เสนอโครงการให้พิจารณา เสนอบันทึกความเห็นเพื่อพิจารณาสั่งการ ลูก ๆ เสนอให้ไปพักผ่อนชายทะเล, แสดงให้เห็น เช่น เสนอตัวอย่างสินค้า เสนอละครเรื่องใหม่.
เสนอตัว เสนอตัว ก. แสดงความจำนงมอบตัวให้พิจารณาเพื่อแต่งตั้งหรือรับไว้ทำงานเป็นต้น เช่น เขาเสนอตัวรับใช้ประชาชน เขาเสนอตัวเป็นนายกสมาคม.
เสนอหน้า เสนอหน้า ก. แสดงตัวให้ผู้มีอำนาจเหนือเห็นอยู่เสมอทั้ง ๆ ที่ตนเองมิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลประโยชน์ตอบแทน, พยายามแสดงตัวให้ปรากฏต่อสาธารณชนอยู่เสมอ เช่น เวลาเขาถ่ายรูปกันจะต้องเสนอหน้าเข้าไปร่วมถ่ายรูปด้วย.
เส้นเอ็น เส้นเอ็น น. เอ็น.
เส้นฮ่อ เส้นฮ่อ น. ลายเส้นที่เขียนเป็นไพรคิ้ว ไพรปาก บนหน้าโขน ประกอบด้วยเส้นสีแดง ดินแดง และสีทอง, ลายฮ่อ ก็เรียก.
เสนะ เสนะ [เส-นะ] น. เหยี่ยว. (ป.; ส. เศฺยน).
เสนา,เสนา ๑ เสนา ๑ [เส-นา] น. ไพร่พล. (ป., ส.).
เสนา,เสนา ๒ เสนา ๒ [เส-นา] น. วัดนา, ตรวจสอบที่นา, แสนา ก็ว่า. (เทียบ ข. แสฺร = นา).
เสน่า เสน่า [สะเหฺน่า] น. มีดสั้นสำหรับเหน็บประจำตัว.
เสนากุฎ เสนากุฎ [เส-นากุด] น. เสื้อทหารสมัยโบราณ พิมพ์เป็นลายสี รูปสิงห์ขบที่หน้าอกและต้นแขน สําหรับแต่งเข้ากระบวนแห่ของหลวง.
เสนางค์,เสนางคนิกร เสนางค์, เสนางคนิกร [เส-นาง, -คะนิกอน] น. ส่วนแห่งกองทัพโบราณมี ๔ ส่วน คือ พลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า. (ป.).
เสนาธิการ เสนาธิการ น. ตำแหน่งนายทหารผู้ทำหน้าที่หาและให้ข่าวสารประมาณการ ให้ข้อเสนอแนะ ทำแผนและคำสั่ง กำกับดูแลทางฝ่ายอำนวยการ และติดต่อประสานงานระหว่างผู้บังคับบัญชากับหน่วยทหาร แต่ไม่มีหน้าที่สั่งการบังคับบัญชาหน่วยทหาร.
เสนาธิปัต เสนาธิปัต น. ฉัตรผ้าขาวองค์ ๑ ใน ๓ องค์ ซึ่งเป็นชุดที่เรียกว่า พระกรรภิรมย์, เสมาธิปัต ก็ว่า.
เสนานี เสนานี น. ผู้นําทัพ. (ป., ส.).
เสนาบดี เสนาบดี [-บอดี] (โบ) น. แม่ทัพ; ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่; เจ้ากระทรวงซึ่งเทียบเท่ารัฐมนตรีว่าการในปัจจุบัน. (ป., ส.).
เสนาพยุห์,เสนาพยูห์ เสนาพยุห์, เสนาพยูห์ [-พะ-] น. กระบวนทัพ. (ป., ส.).
เสนาสนะ เสนาสนะ [เส-นาสะ-] น. ที่นอนและที่นั่ง, ที่อยู่. (ใช้เฉพาะพระภิกษุ สามเณร). (ป. เสน + อาสน).
เสนาะ,เสนาะ ๑ เสนาะ ๑ [สะเหฺนาะ] ว. น่าฟัง, เพราะ, เช่น เพลงนี้ไพเราะเสนาะหู; (กลอน) วังเวงใจ, เศร้าใจ, เช่น แถลงปางบำราศห้อง โหยครวญ เสนาะเสน่ห์กำสรวล สั่งแก้ว. (นิ. นรินทร์). (ข. สฺรโณะ ว่า นึกสังเวช สงสาร วังเวงใจ อาลัยถึง).
เสนาะ,เสนาะ ๒ เสนาะ ๒ [สะเหฺนาะ] น. เสื้อชนิดหนึ่ง เช่น บ้างสวมใส่เสนาะเกราะพราย. (ขุนช้างขุนแผน).
เสนี เสนี (กลอน) น. เสนา.
เสนีย์,เสนียะ เสนีย์, เสนียะ น. จอมทัพ, ผู้นําทัพ. (ป.).
เสนียด,เสนียด ๑ เสนียด ๑ [สะเหฺนียด] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Justicia adhatoda L. ในวงศ์ Acanthaceae ใบยาวรีออกตรงข้ามกัน ดอกสีขาวออกเป็นช่อตามยอด มีกาบหุ้ม ใบใช้ทํายาได้, กระเหนียด ก็เรียก.
เสนียด,เสนียด ๒ เสนียด ๒ [สะเหฺนียด] น. เรียกหวีที่มีซี่ละเอียดทั้ง ๒ ข้างว่า หวีเสนียด. (ข. สฺนิต).
เสนียด,เสนียด ๓ เสนียด ๓ [สะเหฺนียด] ว. จัญไร, อัปมงคล, เช่น อย่าทำตัวเป็นเสนียดแผ่นดิน.
เสบย เสบย [สะเบย] (ปาก) ก. สบาย เช่น วันนี้ดูหน้าตาไม่เสบย. (ข. เสฺบิย).
เสบียง เสบียง [สะเบียง] น. อาหารที่จะเอาไปกินระหว่างเดินทางไกล, อาหารที่เก็บไว้สำหรับบริโภค, มักใช้เข้าคู่กับคำ อาหาร เป็น เสบียงอาหาร, เขียนว่า สะเบียง ก็มี.
เสบียงกรัง เสบียงกรัง น. อาหารที่เก็บไว้กินได้นาน ๆ, อาหารรองรัง, เช่น ในยามสงครามต้องเตรียมเสบียงกรังไว้มาก ๆ.
เสพ เสพ ก. คบ เช่น ซ่องเสพ; กิน, บริโภค, เช่น เสพสุรา; ร่วมประเวณี เช่น เสพเมถุน. (ป., ส.).
เสเพล เสเพล [-เพฺล] ว. ชอบประพฤติเหลวไหล, ไม่เอางานเอาการ, เช่น คนเสเพล, มีความประพฤติเหลวแหลก ในคำว่า หญิงเสเพล.
เสภา เสภา น. ชื่อกลอนชนิดหนึ่ง นิยมแต่งเล่าเรื่องค่อนข้างยาว ใช้ขับ เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน, เวลาขับมีกรับเป็นเครื่องประกอบจังหวะ ต่อมาใช้ปี่พาทย์รับ.
เสภาทรงเครื่อง เสภาทรงเครื่อง น. เสภาที่ใช้ปี่พาทย์บรรเลงรับเวลาร้องส่ง บางทีมีเพลงหน้าพาทย์ประกอบ, เสภาส่งเครื่อง ก็ว่า.
เสภารำ เสภารำ น. เสภาทรงเครื่องที่มีตัวละครออกมารำประกอบการขับ.
เสม็ด เสม็ด [สะเหฺม็ด] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Melaleuca cajuputi (Powell) L. ในวงศ์ Myrtaceae ใช้เปลือกและเนื้อไม้ผุคลุกกับนํ้ามันยางทําไต้ เรียกว่า ไต้เสม็ด ใบให้น้ำมันเขียว ใช้ทํายาได้.
เสมหะ เสมหะ [เสม-] น. เสลด, เมือกที่ออกจากลำคอ ทรวงอก และลำไส้. (ป.; ส. เศฺลษฺม).
เสมอ,เสมอ ๑ เสมอ ๑ [สะเหฺมอ] ว. เท่ากัน, พอ ๆ กัน, เหมือนกัน, เช่น กรรมการตัดสินให้เสมอกัน ไม่มีใครแพ้ใครชนะ; เพียง, แค่, เช่น ราคาของ ๔๐,๐๐๐ บาท เห็นจะซื้อไม่ไหว เสมอสัก ๓๐,๐๐๐ บาท ก็พอจะสู้ได้.
เสมอ,เสมอ ๒ เสมอ ๒ [สะเหฺมอ] ก. เข้าข้าง, คาดว่าจะชนะ, เช่น มวยคู่นี้คุณจะเสมอฝ่ายไหน.
เสมอ,เสมอ ๓ เสมอ ๓ [สะเหฺมอ] น. ชื่อเพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับอาการเยื้องกราย และการเดินของตัวละครในนาฏกรรมไทย เรียกว่า เพลงเสมอ เช่น เสมอบาทสกุณี (เสมอตีนนก) เสมอนาง เสมอมาร.
เสมอ ๆ เสมอ ๆ [สะเหฺมอสะเหฺมอ] ว. เรียบราบ, ไม่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ, เช่น ปรับพื้นให้เสมอ ๆ กัน; ตลอดไป, บ่อยและเป็นประจำ, เช่น เขามาหาเสมอ ๆ.
เสมอใจ เสมอใจ ว. เหมือนใจ, ได้ดังใจ.
เสมอต้นเสมอปลาย เสมอต้นเสมอปลาย ว. สมํ่าเสมอ, คงเส้นคงวา, ไม่เปลี่ยนแปลง, มักใช้ในทางดี เช่น แม้เขาจะมีอำนาจวาสนา เขาก็ยังไปเยี่ยมเยียนครูบาอาจารย์เสมอต้นเสมอปลาย.
เสมอตัว เสมอตัว ว. ไม่ได้ไม่เสีย, ไม่ขาดทุน, เช่น เขาลงทุนครั้งนี้มีแต่เสมอตัว ไม่มีหวังได้กำไร.
เสมอนอก เสมอนอก ว. เข้าข้างอยู่ภายนอก เช่น ในการแข่งขันชกมวย ผู้ดูเป็นฝ่ายเสมอนอก.
เสมอบ่าเสมอไหล่ เสมอบ่าเสมอไหล่ ว. เทียบเท่ากัน, เท่าเทียมกัน, เช่น เขาพยายามสร้างฐานะจนเสมอบ่าเสมอไหล่กับญาติพี่น้อง, เทียมบ่าเทียมไหล่ หรือ เทียมหน้าเทียมตา ก็ว่า.
เสมอภาค เสมอภาค ว. มีส่วนเท่ากัน, เท่าเทียมกัน, เช่น ในปัจจุบันบุรุษและสตรีมีสิทธิเสมอภาคกัน.
เสมอสอง เสมอสอง (วรรณ) ว. เทียบเท่า, เทียบคู่, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น พระสังข์ครั้งนี้จะถอดเงาะ งามเหมาะไม่มีเสมอสอง. (สังข์ทอง).
เสมอหน้า เสมอหน้า ว. ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน, ทัดเทียม, ไม่โอนเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง, เช่น รักลูกเสมอหน้ากัน.
เสมอเหมือน เสมอเหมือน ว. เทียบเท่า, เทียบเหมือน, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ผู้หญิงคนนี้งามไม่มีใครเสมอเหมือน เด็กคนนั้นซนไม่มีใครเสมอเหมือน.
เสมา,เสมา ๑ เสมา ๑ [เส-มา] น. สีมา, เครื่องหมายบอกเขตโบสถ์; เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายใบสีมาที่เรียงกันอยู่บนกําแพงอย่างกําแพงเมืองว่า ใบเสมา; เครื่องประดับหรือเครื่องรางสําหรับห้อยคอ มีรูปร่างอย่างใบเสมา. (ป., ส. สีมา).
เสมา,เสมา ๒ เสมา ๒ [เส-มา] น. ชื่อไม้พุ่ม ๒ ชนิดในสกุล Opuntia วงศ์ Cactaceae ลําต้นแบนอวบนํ้า มีหนามแข็งเป็นกระจุกทั่วไป คือ ชนิด O. elatior Miller และชนิด O. vulgaris Miller.
เสมา,เสมา ๓ เสมา ๓ [สะเหฺมา] น. หญ้า. (ข. เสฺมา).
เสมียน เสมียน [สะเหฺมียน] น. เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับหนังสือ, (โบ) ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับล่างที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการเขียนหนังสือเป็นต้น.
เสมียนตรา เสมียนตรา [-ตฺรา] (โบ) น. เรียกตำแหน่งเจ้ากรมหนึ่งในกระทรวงกลาโหมว่า เจ้ากรมเสมียนตรา.
เสมือน เสมือน [สะเหฺมือน] ว. เหมือนกับ, เหมือนกัน, คล้ายคลึงกัน, เช่น รักกันเสมือนญาติ.
เสย เสย ก. ช้อนขึ้น เช่น ช้างเสยงา, เอาหวีหรือนิ้วมือไสผมขึ้นไป ในคำว่า เสยผม, เกย เช่น เสยหัวเรือเข้าตลิ่ง, โดยปริยายหมายถึงอาการอย่างอื่นที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น เอาหมัดเสยคาง.
เสร็จ เสร็จ [เส็ด] ก. จบ, สิ้น, เช่น พอเสร็จงานเขาก็กลับบ้าน; (ปาก) สมใจหมาย เช่น ถ้าเขาเชื่อเรา เขาก็เสร็จเราแน่; เสียที, เสียรู้, เช่น ถ้าเราไว้ใจคนขี้โกง เราก็เสร็จเขาแน่; เสียหาย, พัง, เช่น เกิดพายุใหญ่ นาเสร็จไปหลายร้อยไร่; ตาย เช่น ใครที่ป่วยเป็นมะเร็งถึงขั้นนี้แล้ว อีกไม่นานก็เสร็จแน่; เกิดผลร้าย เช่น ขืนเสนอเรื่องนี้ขึ้นไป มีหวังเสร็จแน่.<2t>ว. แล้ว เช่น พอพูดเสร็จก็เดินออกไป.
เสร็จกัน,เสร็จเลย เสร็จกัน, เสร็จเลย (ปาก) คำที่เปล่งออกมาแสดงความผิดหวัง เช่น เสร็จกัน ยังไม่ทันได้ออกแสดง เสื้อผ้าก็เปื้อนหมดแล้ว เสร็จเลย ลืมเอากระเป๋าสตางค์มา.
เสร็จสรรพ เสร็จสรรพ ว. เสร็จหมดทุกอย่าง เช่น เมื่อปฏิบัติงานเสร็จสรรพ เขาก็ไปพักผ่อน.
เสร็จสิ้น เสร็จสิ้น ก. สำเร็จแล้ว, หมดแล้ว, เช่น ภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นแล้ว.
เสริด เสริด [เสิด] ก. ห่าง, หนี, หลีกหนี, หนีรอด.<2t>ว. พ้น, เร็ว.
เสริม เสริม [เสิม] ก. เพิ่ม, เติม, ต่อเติม, หนุน, เช่น เสริมคันกั้นน้ำ เสริมกราบเรือให้สูงขึ้น เสริมจมูก.<2t>ว. ที่เพิ่มเติม เช่น อาหารเสริม เก้าอี้เสริม พูดเสริม
เสริมส่ง เสริมส่ง ก. เกื้อหนุนให้เจริญขึ้น เช่น ครอบครัวที่ดีย่อมเสริมส่งให้หัวหน้าครอบครัวประสบความสำเร็จ.
เสริมสร้าง เสริมสร้าง ก. เพิ่มพูนให้ดีหรือมั่นคงยิ่งขึ้น เช่น เสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ เสริมสร้างสัมพันธไมตรีอันดี.
เสริมสวย เสริมสวย ก. ตกแต่งให้ดูสวยงามขึ้น (มักใช้แก่สตรี). น. เรียกสถานที่รับแต่งผม แต่งหน้า แต่งเล็บ เป็นต้น ว่า ห้องเสริมสวย หรือ ร้านเสริมสวย.
เสรี เสรี ว. ที่ทำได้โดยอิสระ, มีสิทธิที่จะทําจะพูดได้โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น. (ป.; ส. ไสฺวรินฺ).
เสรีไทย เสรีไทย น. ขบวนการของชาวไทยที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ มีความมุ่งหมายที่จะช่วยให้ประเทศชาติรอดพ้นจากการยึดครองของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๔-๒๔๘๘).
เสรีธรรม เสรีธรรม น. หลักเสรีภาพ.
เสรีนิยม เสรีนิยม น. ลัทธิเศรษฐกิจสังคมที่ต้องการให้รัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวควบคุมการดำเนินการทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของเอกชนน้อยที่สุด; ทัศนคติทางสังคมที่ต้องการให้บุคคลมีสวัสดิการในด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้นและกระจายไปยังคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง.<2t>ว. ชอบเสรีภาพ, ที่เป็นไปในทางส่งเสริมเสรีภาพ.
เสรีภาพ เสรีภาพ น. ความสามารถที่จะกระทำการใด ๆ ได้ตามที่ตนปรารถนาโดยไม่มีอุปสรรคขัดขวาง เช่น เสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการนับถือศาสนา, ความมีสิทธิที่จะทำจะพูดได้โดยไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น.
เสล,เสล-,เสลา,เสลา ๑ เสล-, เสลา ๑ [-ละ-, -ลา] น. ภูเขา, หิน.<2t>ว. เต็มไปด้วยหิน. (ป.; ส. ไศล).
เสลด เสลด [สะเหฺลด] น. เสมหะ, เมือกที่ออกจากลําคอ ทรวงอก และลำไส้. (เทียบ ส. เศฺลษฺม).
เสลดพังพอน เสลดพังพอน น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Barleria lupulina Lindl. ในวงศ์ Acanthaceae มีหนามแหลมสีแดงตามข้อ เส้นกลางใบสีแดง ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อตามปลายกิ่ง.
เสลดหางวัว เสลดหางวัว น. เมือกข้นเหนียวที่ตีขึ้นมาจุกที่คอและปิดหลอดลม ทําให้หายใจไม่ออก, เสลดหางงัว ก็เรียก.
เสลบรรพต เสลบรรพต น. ภูเขาหิน. (ป. เสลปพฺพต; ส. ไศลปรฺวต).
เสลา,เสลา ๒ เสลา ๒ [สะเหฺลา] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Lagerstroemia tomentosa Presl ในวงศ์ Lythraceae ใบมีขน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อใหญ่ตามปลายกิ่ง.
เสลา,เสลา ๓ เสลา ๓ [สะเหฺลา] ว. สวย, งาม, เกลี้ยงเกลา, เปลา, โปร่ง, เฉลา ก็ว่า.
เสลี่ยง เสลี่ยง [สะเหฺลี่ยง] น. ที่นั่งมีคานหามคู่หนึ่งสอดรับ เป็นเครื่องแสดงอิสริยยศ, ถ้าหามไป เรียกว่า เสลี่ยงหาม, ถ้าหิ้วไป เรียกว่า เสลี่ยงหิ้ว.
เสลี่ยงกง เสลี่ยงกง น. เสลี่ยงที่มีพนักโค้งเหมือนกงเรือ.
เสลี่ยงกลีบบัว เสลี่ยงกลีบบัว น. เสลี่ยงชนิดที่เชิงแคร่ที่นั่งแกะไม้เป็นลายกลีบบัวโดยรอบ.
เสลือกสลน เสลือกสลน [สะเหฺลือกสะหฺลน] ว. เถลือกถลน.
เสโล เสโล น. เครื่องกันอาวุธ, โล่.
เสวก เสวก [-วก] น. ข้าราชการในราชสํานัก. (ป.; ส. เสวก = คนใช้).
เสวกามาตย์ เสวกามาตย์ [-วะกามาด] น. เสวกและอํามาตย์.
เสวนะ,เสวนา เสวนะ, เสวนา [เสวะ-] ก. คบ เช่น ควรเสวนากับบัณฑิต ไม่ควรเสวนากับคนพาล, (ปาก) พูดจากัน เช่น หมู่นี้พวกเราไม่ค่อยได้พบปะเสวนากันเลย.<2t>น. การสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เช่น กลุ่มวรรณกรรมจัดเสวนาเรื่องสุนทรภู่. (ป.).
เสวย,เสวย ๑ เสวย ๑ [สะเหฺวย] (ราชา) ก. กิน, เสพ, เช่น เสวยพระกระยาหาร เสวยพระสุธารส; ครอง เช่น เสวยราชย์. (ข. โสฺวย).
เสวย,เสวย ๒ เสวย ๒ [สะเหฺวย] ก. ได้รับ, ได้ประสบ, เช่น เสวยทุกขเวทนา, ได้รับประโยชน์ เช่น เสวยสิทธิ์. (ข. โสฺวย).
เสวยกรรม เสวยกรรม (วรรณ) ก. ตาย เช่น หนหลังเกรงแหล่งหล้า พระบาทคิดหนหน้า อยู่เกล้าเสวยกรรมฯ. (ลอ).
เสวยพระชาติ เสวยพระชาติ ก. เกิด (ใช้แก่พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเกิดเป็นพระโพธิสัตว์).
เสวียน เสวียน [สะเหฺวียน] น. ของใช้ชนิดหนึ่ง ทำด้วยหญ้า หวาย หรือฟาง เป็นต้น ถักหรือมัดเป็นวงกลม มักมีหู ๒ ข้างสำหรับหิ้ว ใช้รองก้นหม้อที่หุงต้มด้วยเตาฟืนหรือเตาถ่าน, ของใช้ชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ไผ่สานเป็นแผ่นกลม สำหรับรองหรือรับสิ่งต่าง ๆ มีพ้อมข้าวเป็นต้น.
เสสรวง เสสรวง [-สวง] ก. บน, บูชา, เซ่น, สรวงเส ก็ใช้.
เสสรวล เสสรวล [-สวน] ก. หัวเราะร่าเริง, หัวเราะอย่างสนุกสนานครึกครื้น, สรวลเสหรือ สรวลเสเฮฮา ก็ว่า.
เสสรวล เสสรวล [-สวน] ก. หัวเราะเล่น.
เสแสร้ง เสแสร้ง [-แส้ง] ก. แกล้งทําให้เข้าใจเป็นอื่น, แกล้งทำไม่ตรงกับใจ, เช่น เขาเสแสร้งทำดีด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบคนคนนั้น.
เสา,เสา ๑ เสา ๑ น. ท่อนไม้สำหรับใช้เป็นหลักหรือเป็นเครื่องรองรับสิ่งอื่นมีเรือนเป็นต้น เช่น เสาเรือน เสาโทรเลข, เรียกสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้ในลักษณะเช่นนั้น.
เสา,เสา ๒ เสา ๒ น. มันเสา. (ดู มันเสา).
เส้า เส้า น. ไม้หลักหรือวัตถุที่ตั้งหรือปักเป็น ๓ มุมสําหรับรองรับ เช่น เอาก้อนอิฐมาวางให้เป็น ๓ เส้า.
เสากระโดง เสากระโดง น. เสาสําหรับกางใบเรือ, เสาในเรือเดินทะเลใหญ่ ๆ ที่ไม่ใช้ใบเช่นเรือรบ สำหรับติดไฟ ธงเครื่องหมาย ธงสัญญาณ และธงรหัสต่าง ๆ ติดเรดาร์ ติดเสาอากาศสำหรับรับส่งคลื่นวิทยุ บนยอดเสามีรังกาเป็นที่สำหรับยามยืนเฝ้าตรวจสิ่งต่าง ๆ มีข้าศึก หินโสโครก เรืออื่น ๆ เป็นต้น.
เสาเกียด เสาเกียด น. ไม้ที่ปักขึ้นเป็นหลักกลางลาน สำหรับผูกควายหรือวัวให้ย่ำนวดข้าวไปรอบ ๆ, เกียด ก็ว่า.
เสาเข็ม เสาเข็ม น. ไม้ที่เสี้ยมให้แหลมหรือวัตถุอื่นที่มีลักษณะเช่นนั้น สําหรับฝังเป็นรากสิ่งก่อสร้างกันทรุด, เข็ม ก็ว่า. (ดู เข็ม ๑).
เสาเขื่อน เสาเขื่อน น. ไม้หรือวัสดุอย่างอื่น มีลักษณะเป็นท่อนกลมหรือเป็นเหลี่ยม ปักล้อมเป็นรั้วกั้นเขตในวัดเป็นต้น.
เสาค่าย เสาค่าย น. ไม้หรือไม้ไผ่ปักรายล้อมหมู่บ้าน เมือง หรือที่ตั้งค่ายทหารในสมัยโบราณ, เสาระเนียด ก็ว่า.
เสาโคม เสาโคม น. ไม้ ไม้ไผ่ หรือเสาหินเป็นต้น ที่ปักสำหรับติดตั้งโคมหรือชักโคมขึ้นไปแขวนให้แสงสว่าง.
เสาชี้ เสาชี้ น. เสาที่ยื่นออกไปทางหัวเรือ.
เสาดั้ง เสาดั้ง น. เสาเรือนเครื่องสับ ตั้งอยู่กึ่งกลางบนหลังรอดขึ้นไปรับอกไก่, ดั้ง ก็ว่า.
เสาโด่ เสาโด่ น. เสาเรือนเครื่องผูก มักใช้ไม้ไผ่ ตั้งอยู่กึ่งกลางบนหลังรอดขึ้นไปรับอกไก่.
เสาตรี เสาตรี น. เสาเรือนที่ตั้งถัดเสาโทไปทางทิศตะวันตก.
เสาตอม่อ เสาตอม่อ น. เสาขนาดสั้น มักใช้ไม้ไผ่ปักขึ้นสำหรับรับรอดในเรือนเครื่องผูก, ส่วนบนของฐานรากที่รองรับโครงสิ่งก่อสร้าง, ตอม่อ ก็ว่า, โดยปริยายหมายถึงมีรูปร่างล่ำเตี้ย เช่น เตี้ยม่อต้อเหมือนเสาตอม่อ; เสาชาน เสาแคร่ หรือเสาช่วยค้ำจุนเรือนโดยปักแนบกับเสาเรือน, ตอม่อ หรือ เสาหมอ ก็ว่า.
เสาตะเกียบ เสาตะเกียบ น. เสาสั้นคู่หนึ่งที่ฝังลงดินสำหรับขนาบเสากลางซึ่งอยู่เหนือพื้นดินอย่างเสาดอกไม้พุ่ม เสาหงส์ เสาโคม เสาธง ให้ตั้งตรง มีสลัก ๒ อัน เมื่อถอดสลักอันหนึ่งออกแล้วโน้มเสากลางลงมาได้, ตะเกียบ ก็ว่า.
เสาตะลุง เสาตะลุง น. ไม้ท่อนกลม หัวเสากลึงเป็นรูปหัวเม็ดทรงมัณฑ์ ปักเป็นหลักคู่หนึ่ง สำหรับล่ามช้างหรือผูกช้างเครื่องยืนแท่น, ตะลุง ก็ว่า.
เสาโตงเตง เสาโตงเตง น. เสาไม้ขนาดใหญ่ ๒ เสาที่แขวนห้อยอยู่กลางประตูเพนียดให้ช้างเข้าออก, ประตูเข้ามีเสาโตงเตง ๒ ชั้น ส่วนประตูออกมีเสาโตงเตงชั้นเดียว, โตงเตง ก็ว่า.
เสาไต้ เสาไต้ น. เสาที่ปักขึ้นไว้สำหรับปักไต้จุดให้แสงสว่างในสมัยโบราณ.
เสาทุบเปลือก เสาทุบเปลือก น. เสาไม้เนื้ออ่อนลำขนาดย่อม ซึ่งทุบแล้วลอกเอาเปลือกออก แต่ไม่ได้ถากแต่ง ใช้ทำเสาเข็ม เสารั้ว เป็นต้น.
เสาโท เสาโท น. เสาเรือนที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเสาเอก.
เสาธง เสาธง น. เสาที่ใช้ชักธงขึ้นสู่ยอดเสา.
เสานางจรัล เสานางจรัล น. เสาที่ปักรายเป็นแถว ไว้ระยะแต่ละต้นห่างกันพอสมควร สำหรับแสดงแนวถนนหรือกั้นเขต, เสานางเรียง ก็ว่า.
เสานางแนบ เสานางแนบ น. เสาหินคู่หนึ่ง สลักลวดลายตั้งแนบกรอบเช็ดหน้า สำหรับประดับตกแต่ง ๒ ข้างประตูปราสาทหินให้ดูงดงาม และมีส่วนช่วยค้ำจุนทับหลังด้วย, เสาบังอวด ก็ว่า.
เสานางเรียง เสานางเรียง น. เสาที่ปักรายเป็นแถว ไว้ระยะแต่ละต้นห่างกันพอสมควร สําหรับแสดงแนวถนนหรือกั้นเขต, เสานางจรัล ก็ว่า.
เสาในประธาน เสาในประธาน น. เสาที่ทำขึ้นเป็น ๒ แถวเรียงเป็นคู่ ๆ ต่อออกมาทางด้านหน้าฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธานในอุโบสถ วิหาร เป็นต้น.
เสาบังอวด เสาบังอวด น. เสาหินคู่หนึ่ง สลักลวดลายตั้งแนบกรอบเช็ดหน้า สำหรับประดับตกแต่ง ๒ ข้างประตูปราสาทหินให้ดูงดงาม และมีส่วนช่วยค้ำจุนทับหลังด้วย, เสานางแนบ ก็ว่า.
เสาประโคน เสาประโคน น. เสาใหญ่ที่ปักหมายเขตแดนระหว่างประเทศหรือเมืองเป็นต้น, ประโคน ก็ว่า.
เสาปอง เสาปอง น. เสาเตี้ย ๆ สำหรับผูกเท้าหลังช้าง เช่น ผูกช้างยืนโรง ผูกช้างในการเล่นผัดช้าง, ปอง ก็ว่า.
เสาพล เสาพล น. เสาเรือนทั้งหมดที่มิใช่เสาเอก เสาโท และเสาตรี.
เสาแพนก เสาแพนก [-พะแนก] น. ฝาผนังส่วนนอกที่ก่อให้นูนหนาขึ้นดูคล้ายเสาเพื่อช่วยเสริมฝาผนังให้มั่นคงสำหรับรับขื่อ.
เสาร์ เสาร์ น. ชื่อวันที่ ๗ ของสัปดาห์. (ส.; ป. โสร); ชื่อดาวเคราะห์ดวงที่ ๖ ในระบบสุริยะ มองเห็นด้วยตาเปล่า อยู่ห่างดวงอาทิตย์ประมาณ ๑,๔๒๗ ล้านกิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางในแนวเส้นศูนย์สูตร ๑๒๐,๐๐๐ กิโลเมตร มีวงแหวนล้อมรอบที่เห็นได้ในกล้องโทรทรรศน์. (ส.).
เสารภย์ เสารภย์ [-รบ] น. กลิ่นหอม. (ส. เสารภฺย; ป. สุรภี).
เสาระเนียด เสาระเนียด น. เสาค่าย.
เสาราย เสาราย น. เสาที่ทำตั้งขึ้นเป็นแถวเพื่อรับชายคาอุโบสถ วิหาร ระเบียง เป็นต้น.
เสารี เสารี น. ชื่อวันที่ ๗ ของสัปดาห์; ชื่อดาวพระเสาร์; (โหร) ชื่อยามหนึ่งใน ๘ ยามในเวลากลางวัน. (ดู ยาม). (ส. เสาริ).
เสาว,เสาว- เสาว- [-วะ-] ว. ดี, งาม. (แผลงมาจาก สว สุ โส เช่น เสาวภาพ แผลงมาจาก สวภาพ, เสาวคนธ์ แผลงมาจาก สุคนธ์, เสาวภา แผลงมาจาก โสภา).
เสาวคนธ์,เสาวคนธ์ ๑,เสาวคันธ์ เสาวคนธ์ ๑, เสาวคันธ์ น. ของหอม, เครื่องหอม, กลิ่นหอม.
เสาวคนธ์,เสาวคนธ์ ๒ เสาวคนธ์ ๒ ดู รสสุคนธ์.
เสาวณิต เสาวณิต ก. ฟังแล้ว, รับสั่ง.
เสาวธาร เสาวธาร น. นํ้าหอม.
เสาวนะ,เสาวนา,เสาวนาการ เสาวนะ, เสาวนา, เสาวนาการ น. การฟัง, การได้ฟัง. (ป. สวน, สวนาการ).
เสาวนีย์ เสาวนีย์ น. คําสั่งของพระราชินี, ใช้ว่า พระราชเสาวนีย์; (กลอน) คําสั่งของท้าวพระยา. (ป. สวนีย).
เสาวภา เสาวภา ว. งาม. (ป. โสภา).
เสาวภาคย์ เสาวภาคย์ น. ความสุขเกษม, ความเจริญ, โชคลาภ, ความสําเร็จ. (ส. เสาวภาคฺย; ป. โสภคฺค).
เสาวภาพ เสาวภาพ ว. สุภาพ, เรียบร้อย, อ่อนโยน, ประพฤติดี, ละมุนละม่อม.
เสาวรภย์ เสาวรภย์ น. เสารภย์, กลิ่นหอม. (ส.).
เสาวรส,เสาวรส ๑ เสาวรส ๑ ว. มีรสอร่อย, มีรสดี. (ป., ส. สุรส).
เสาวรส,เสาวรส ๒ เสาวรส ๒ น. ชื่อไม้เถาชนิด Passiflora laurifolia L. ในวงศ์ Passifloraceae ดอกสีม่วง กลิ่นหอม.
เสาวลักษณ์ เสาวลักษณ์ น. ลักษณะดี, ลักษณะงาม.<2t>ว. มีลักษณะดี, มีลักษณะงาม. (ส. สุลกฺษณ).
เสาหงส์ เสาหงส์ น. เสาที่ทำรูปหงส์ติดไว้ที่ยอด มักปักอยู่ตามหน้าวัดของชาวรามัญ.
เสาหมอ เสาหมอ น. เสาขนาดสั้นสําหรับช่วยรองรับรอดทางด้านสกัดหัวท้ายเรือนเครื่องผูก; เสานําสําหรับปักเสาใหญ่ลงในนํ้า; เสาชาน เสาแคร่ หรือเสาช่วยค้ำจุนเรือนโดยปักแนบกับเสาเรือน, ตอม่อ หรือ เสาตอม่อ ก็ว่า; เสาที่มั่นคงสําหรับผูกช้าง.
เสาหฤท เสาหฤท [-หะริด] น. เพื่อน, ผู้มีใจดี. (ส. เสาหฺฤท).
เสาหลัก เสาหลัก (สำ) น. บุคคลที่สังคมยอมรับนับถือว่าเป็นหลักของบ้านเมืองในด้านสติปัญญาหรือด้านวิทยาการต่าง ๆ เป็นต้น.
เสาหลักเมือง เสาหลักเมือง น. เสาที่สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของเมือง มักทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์.
เสาหาน เสาหาน น. เสาเล็กตั้งอยู่เหนือบัลลังก์ รายเป็นวงล้อมก้านฉัตรรองรับขอบบัวฝาละมีในเจดีย์ทรงลังกา; เสาคู่ที่ตั้งอยู่หน้าสุดของมุขเด็จสำหรับรับหน้าบัน.
เสาเอก เสาเอก น. เสาเรือนต้นแรกที่ยกขึ้นตามฤกษ์ในการปลูกเรือน มักนิยมตั้งไว้ทางทิศตะวันออก.
เสาะ,เสาะ ๑ เสาะ ๑ ก. ค้น, สืบ, แสวง, เช่น เสาะหา.<2t>ว. ไม่เข้มแข็ง ในคำว่า ใจเสาะ.
เสาะ,เสาะ ๒ เสาะ ๒ (โบ; วรรณ) ก. ทรุดลง, ห่อเหี่ยวลง, ใช้ว่า เสราะ ก็มี เช่น ก็เสาะและเสราะใจจง. (สมุทรโฆษ). (เทียบ ข. โสะ = จืด, ชืด, ขาดรสชาติ, หมด).
เสาะด้าย,เสาะไหม เสาะด้าย, เสาะไหม ก. สาวด้ายหรือไหมที่จะเอามาทอผ้า.
เสาะท้อง เสาะท้อง ว. ที่ทำให้ท้องเสีย เช่น กินของเปรี้ยวจัดหรือเผ็ดจัดทำให้เสาะท้อง.
เสาะป่าน เสาะป่าน ก. สาวเชือกป่านว่าวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งเพื่อให้หายยุ่ง.
เสาะแสวง เสาะแสวง ก. ใช้ความพยายามมากเพื่อค้นหา เช่น ของชิ้นนี้เป็นของหายาก เขาอุตส่าห์ไปเสาะแสวงมาให้.
เสาะแสะ เสาะแสะ ว. อาการที่ป่วยอยู่บ่อย ๆ, กระเสาะกระแสะ ก็ว่า.
เสิร์จ เสิร์จ น. ชื่อผ้าเนื้อลายสองชนิดหนึ่ง มักทําด้วยขนแกะ. (อ. serge).
เสิร์ฟ เสิร์ฟ ก. ยกอาหารหรือเครื่องดื่มมาบริการ เช่น บริกรเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้า; (กีฬา) เริ่มส่งลูกให้ฝ่ายตรงข้ามรับ เช่น ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายได้เสิร์ฟก่อน. (อ. serve).
เสีย,เสีย ๑ เสีย ๑ ก. เสื่อมลงไป, ทำให้เลวลงไป, เช่น เสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี เสียชื่อ; สูญไป, หมดไป, สิ้นไป, เช่น เสียแขน เสียชีวิต เสียทรัพย์; ชำรุด เช่น ถนนเสีย ทางเสีย; ใช้ไม่ได้ เช่น เครื่องไฟฟ้าเสียหมดทุกอย่าง รถเสียกลางทาง; ยับเยิน, ย่อยยับ, เช่น ปีนี้ฝนแล้งจัดเรือกสวนไร่นาเสียหมด, เสียหาย ก็ว่า; บูด เช่น แกงหม้อนี้เสียหมดทั้งหม้อ, เน่า เช่น ผลไม้เข่งนี้เสียแล้ว; ไม่ดี เช่น ราขึ้น ขนมปังจึงเสียหมดทั้งแถว เธอดัดผมบ่อยเกินไป ทำให้ผมเสีย; จ่ายเงิน, ชำระเงิน, เช่น เสียภาษี เสียค่าโทรศัพท์; หมดทรัพย์สินไปเพราะการพนัน เช่น เสียไพ่ เสียม้า; ตาย เช่น เขาเสียไปหลายปีแล้ว; (โบ) ทิ้ง เช่น ที่ขวากหนามอย่าเสียเกือก. (สุภาษิตพระร่วง), เสียไฟเป่าหิ่งห้อย. (ลอ).<2t>ว. ที่ไม่ดี เช่น นิสัยเสีย น้ำเสีย; พิการ เช่น ตาเสีย ขาเสีย; บูด เช่น อย่ากินแกงเสีย จะปวดท้อง.
เสีย,เสีย ๒ เสีย ๒ คําประกอบท้ายกริยาหรือวิเศษณ์ เพื่อให้เน้นความหมายหรือให้เสร็จไป เช่น กินเสีย มัวไปช้าเสีย.
เสียกบาล เสียกบาล น. กรรมวิธีเซ่นผีโดยเอาเครื่องเซ่นพร้อมตุ๊กตาดินปั้นเป็นต้นใส่กระบะกาบกล้วยไปทิ้งที่ทางสามแพร่งหรือลอยน้ำ เพื่อมิให้ผีร้ายมานำตัวเด็กที่เจ็บป่วยไป, เรียกตุ๊กตาที่ใช้ในการนี้ว่า ตุ๊กตาเสียกบาล.
เสียกระบวน เสียกระบวน ก. ไม่เป็นกระบวน เช่น กองทัพถูกตีร่นจนเสียกระบวน, ไม่เป็นไปตามลำดับรูปแบบที่กำหนด เช่น จัดรถบุปผชาติให้เป็นไปตามลำดับ อย่าให้เสียกระบวน.
เสียกล เสียกล ก. พลาดไปเพราะรู้ไม่ทันเล่ห์กลของเขา เช่น บัดนี้สุครีพฤทธิรณ เสียกลกุมภัณฑ์ยักษา. (รามเกียรติ์).
เสียการ เสียการ ก. ทำให้สิ่งที่มุ่งหมายไว้ไม่เป็นผล เช่น ขอให้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานอย่างรอบคอบ อย่าให้เสียการได้.
เสียการเสียงาน เสียการเสียงาน (สำ) ก. ทำให้งานที่มุ่งหวังไว้บกพร่องหรือเสียหาย เช่น อยากจะไปเที่ยวก็ไม่ว่า แต่อย่าให้เสียการเสียงาน, เสียงานเสียการ ก็ว่า.
เสียกำซ้ำกอบ,เสียกำแล้วซ้ำกอบ เสียกำซ้ำกอบ, เสียกำแล้วซ้ำกอบ (สํา) ก. เสียน้อยแล้วยังจะต้องเสียมากอีก เช่น พระองค์ช่างเชื่อฟังคำคนชั่วโฉด ชาวเมืองมันกล่าวโทษพลอยโกรธตอบ เสียกำแล้วจะซ้ำกอบกระมังหนา. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์).
เสียกำได้กอบ,เสียกำแล้วได้กอบ เสียกำได้กอบ, เสียกำแล้วได้กอบ (สํา) ก. เสียน้อยไปก่อนแล้วจะได้มากในภายหลัง เช่น เสียหนึ่งนิ่งไว้นานไปคงได้สอง เสมือนหนึ่งของท่านหายมีที่ไว้ ข้าพเจ้าคงจะหามาให้ไม่ให้เดือดร้อน ยอมเสียกำไปก่อนนั่นแหละ จึงจะได้กอบ. (ม. ร่ายยาว ชูชก).
เสียกำลังใจ เสียกำลังใจ ก. ทำให้กำลังใจตกหรือลดลง, รู้สึกท้อใจ, เช่น นักมวยชกแพ้เพราะเสียกำลังใจ.
เสียกิริยา เสียกิริยา ก. แสดงกิริยาที่สังคมถือว่าไม่สมควร, เสียมารยาท ก็ว่า.
เสียขวง เสียขวง (ถิ่น-พายัพ) ก. เสียผี, ให้ผีกินเปล่าเสียก่อนเพื่อให้หมดเคราะห์.
เสียขวัญ เสียขวัญ ก. หมดกำลังใจเพราะสิ้นหวังและหวาดกลัว เช่น ทหารตกอยู่ในที่ล้อม ขาดเสบียง ทำให้เสียขวัญ.
เสียคน เสียคน ก. กลายเป็นคนเสื่อมเสียเพราะประพฤติไม่ดีเป็นต้น เช่น เขาติดการพนันจนเสียคน.
เสียคำพูด เสียคำพูด ก. ไม่ทําตามที่พูดไว้, ไม่รักษาคําพูด.
เสียง เสียง น. สิ่งที่รับรู้ได้ด้วยหู เช่น เสียงฟ้าร้อง เสียงเพลง เสียงพูด; ความเห็น เช่น เรื่องนี้ฉันไม่ออกเสียง, ความนิยม เช่น คนนี้เสียงดี มีหวังได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, คะแนนเสียง เช่น ลงมติกันแล้วเขาชนะเพราะได้เสียงข้างมาก.
เสี่ยง,เสี่ยง ๑ เสี่ยง ๑ น. ส่วนย่อยที่แตกออกจากส่วนใหญ่ เช่น เขาทำแจกันตกแตกเป็นหลายเสี่ยง.
เสี่ยง,เสี่ยง ๒ เสี่ยง ๒ ก. ลองเผชิญดู, ลองทำดูในสิ่งที่อาจให้ผลได้ ๒ ทาง คือ ดีหรือไม่ดี แต่หวังว่าจะได้ผลทางดี เช่น งานนี้ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ ต้องเสี่ยงทำดู.
เสี่ยง,เสี่ยง ๓ เสี่ยง ๓ ก. มีโอกาสจะได้รับทุกข์หรืออันตรายเป็นต้น เช่น พูดอย่างนี้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง.
เสี่ยง,เสี่ยง ๔ เสี่ยง ๔ ก. ตั้งจิตอธิษฐานใช้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องเสี่ยงเพื่อทราบความเป็นไปในอนาคตของตนหรือผู้อื่น, ถ้าใช้เทียนเสี่ยง เรียกว่า เสี่ยงเทียน, ถ้าใช้ดอกบัวเสี่ยง เรียกว่า เสี่ยงดอกบัว, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เสี่ยงบุญ เสี่ยงบารมี เสี่ยงโชค เสี่ยงวาสนา.
เสียงกระเส่า เสียงกระเส่า น. เสียงสั่นเครือและเบา.
เสียงกร้าว เสียงกร้าว ว. อาการที่พูดด้วยเสียงแข็งกระด้าง เช่น เขาพูดเสียงกร้าว ไม่ยำเกรงใคร.
เสียงก้อง เสียงก้อง น. เสียงดังมากอย่างเสียงในที่จำกัด เช่นในโบสถ์; เสียงดังไปได้ไกล.
เสียงกังวาน เสียงกังวาน น. เสียงแผ่กระจายอยู่ได้นาน; กระแสเสียงแจ่มใส.
เสียงเกรี้ยว เสียงเกรี้ยว ว. อาการที่เปล่งเสียงอย่างโกรธจัด เช่น เขาคงกำลังโกรธอยู่ เราพูดด้วยดี ๆ กลับตวาดเสียงเกรี้ยว, เสียงเขียว ก็ว่า.
เสียงเขียว เสียงเขียว ว. อาการที่เปล่งเสียงอย่างโกรธจัด เช่น เขาเข้าไปผิดจังหวะ หัวหน้ากำลังโกรธอยู่ เลยถูกตวาดเสียงเขียว, เสียงเกรี้ยว ก็ว่า.
เสียงแข็ง เสียงแข็ง ว. อาการที่กล่าวออกมาอย่างยืนยันหนักแน่น เช่น เขาเถียงเสียงแข็งว่าเขาทำถูกต้องแล้ว; อาการที่พูดด้วยน้ำเสียงไม่สุภาพ เช่น อย่าพูดเสียงแข็งกับพ่อแม่.<2t>น. คะแนนเสียงดี เช่น ในพื้นที่นี้เขามีเสียงแข็งมาก คงได้รับเลือกตั้งแน่.
เสียงเงียบ เสียงเงียบ (สำ) น. กลุ่มชนที่ยังไม่ออกเสียงแสดงความคิดเห็นของตนให้ปรากฏชัดว่าจะสนับสนุนฝ่ายใด.
เสี่ยงชีวิต เสี่ยงชีวิต ก. ยอมทำสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น ทหารเสี่ยงชีวิตเข้ากู้กับระเบิด.
เสียงดี เสียงดี น. เสียงเพราะ; โดยปริยายหมายถึงคะแนนเสียงหนาแน่น เช่น เขาเป็นนักการเมืองที่มีคนนิยมมาก ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ละครั้งมีเสียงดีเสมอ.
เสียงตก เสียงตก น. ความสามารถในการร้องเพลงต่ำกว่าระดับเดิม เพราะร้องมากไปหรืออายุมากขึ้นเป็นต้น เช่น นักร้องคนนี้เคยเสียงดี แต่เวลานี้เสียงตกไปมาก เพราะอายุมากขึ้น; โดยปริยายหมายถึงคะแนนเสียงต่ำลง เช่น ในพื้นที่นี้เขามีเสียงตกไปมาก สงสัยว่าเลือกตั้งครั้งนี้คงจะไม่ได้รับเลือก.
เสียงตามสาย เสียงตามสาย น. เสียงที่ส่งออกไปโดยใช้สายเป็นสื่อ.
เสียงแตก เสียงแตก น. เสียงพูดในตอนแตกเนื้อหนุ่ม เช่น เด็กคนนี้พูดเสียงแตก แสดงว่าเริ่มจะเป็นหนุ่มแล้ว; โดยปริยายหมายถึงคะแนนเสียงแตกแยก เช่น เรื่องนี้ยังลงมติไม่ได้ เพราะในที่ประชุมยังมีเสียงแตกกัน.
เสียงแตกพร่า,เสียงพร่า เสียงแตกพร่า, เสียงพร่า น. น้ำเสียงที่ไม่ชัดเจนแจ่มใส แหบเครือ ไม่สม่ำเสมอ คล้ายมี ๒ เสียงปนกัน เช่น เปิดวิทยุไม่ตรงคลื่น ทำให้เสียงแตกพร่า ฟังไม่รู้เรื่อง.
เสียงทอง เสียงทอง ว. มีเสียงเพราะเป็นพิเศษทำให้มีคนนิยมมาก เช่น เขาเป็นนักร้องเสียงทอง.
เสี่ยงทาย เสี่ยงทาย ก. หาคำทำนายโชคชะตาของตนจากสลากหรือใบเซียมซีโดยการสั่นติ้วหรือโยนไม้เสี่ยงทายเป็นต้น.
เสียงเท่าฟ้าหน้าเท่ากลอง เสียงเท่าฟ้าหน้าเท่ากลอง (สำ) น. เสียงอึกทึกครึกโครมแสดงว่ามีความสนุกสนานร่าเริงเต็มที่, เสียงดังมาก.
เสียงนกเสียงกา เสียงนกเสียงกา (สำ) น. ความเห็นของคนที่ไม่มีอำนาจ เช่น เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น่าจะฟังเสียงนกเสียงกาบ้าง.
เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรม เสี่ยงบุญเสี่ยงกรรม ก. ลองทำดูโดยเชื่อว่าสุดแต่บุญหรือบาปจะบันดาลให้เป็นไป เช่น ลองเสี่ยงบุญเสี่ยงกรรมขอเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดู ถ้าเขามีบุญก็จะได้ดิบได้ดีต่อไป.
เสียงปร่า เสียงปร่า น. เสียงพูดที่แสดงอารมณ์ไม่พอใจ ตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริง, เสียงตอบรับที่แสดงอารมณ์ไม่พอใจ.
เสียงแปร่ง เสียงแปร่ง น. เสียงพูดที่ผิดเพี้ยนไปจากเสียงที่พูดกันเป็นปรกติในถิ่นนั้น ๆ.
เสียงแปร่งหู เสียงแปร่งหู น. เสียงพูดที่ผิดเพี้ยนไปจากปรกติ เนื่องจากมีอารมณ์ไม่พอใจแฝงอยู่.
เสียงพยัญชนะ เสียงพยัญชนะ น. เสียงพูดที่เปล่งออกมาโดยใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ในปากและคอ เช่น เสียง ป โดยทั่วไปจะออกเสียงพยัญชนะร่วมกับเสียงสระ, พยัญชนะ ก็เรียก.
เสียงเพี้ยน เสียงเพี้ยน น. เสียงดนตรีหรือเสียงร้องเพลงที่คลาดเคลื่อนไปจากระดับเล็กน้อย, เสียงพูดที่มีสำเนียงคลาดเคลื่อนเล็กน้อย.
เสี่ยงภัย เสี่ยงภัย ก. ทำลงไปโดยไม่เกรงอันตราย เช่น ตำรวจดับเพลิงเสี่ยงภัยเข้าไปช่วยคนที่ติดอยู่ในบ้านที่ไฟกำลังไหม้.
เสียงเล็กเสียงน้อย เสียงเล็กเสียงน้อย น. น้ำเสียงที่แสร้งดัดให้เล็กหรือเบากว่าปรกติในลักษณะออดอ้อนเป็นต้น.
เสียงเลื่อน เสียงเลื่อน น. เสียงร้องเพลงที่ผิดระดับไปทีละน้อย ๆ.
เสียงเลื้อน เสียงเลื้อน (โบ) น. เสียงอ่านหรือสวดทำนองเสนาะ เช่น เสียงเลื้อนเสียงขับ. (จารึกพ่อขุนรามคำแหง).
เสียงสระ เสียงสระ น. เสียงพูดที่เปล่งออกมาโดยอาศัยการเคลื่อนไหวของลิ้นและริมฝีปากเป็นสําคัญ แต่ไม่มีการสกัดกั้นจากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งในปาก เช่น เสียง อะ อา โดยทั่วไปจะออกเสียงสระร่วมกับเสียงพยัญชนะ หรือออกเสียงเฉพาะเสียงสระอย่างเดียวก็ได้, สระ ก็เรียก.
เสียงสวรรค์ เสียงสวรรค์ น. เสียงของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยที่รัฐบาลควรรับฟัง ในความว่า เสียงประชาชนคือเสียงสวรรค์.
เสียงสะท้อน เสียงสะท้อน น. เสียงที่ย้อนกลับมามีลักษณะคล้ายเสียงเดิม เนื่องจากคลื่นเสียงไปกระทบสิ่งขวางกั้นแล้วย้อนกลับ อย่างเสียงในถ้ำในหุบเขาเป็นต้น, โดยปริยายหมายถึงความคิดเห็นของกลุ่มชนที่มีปฏิกิริยาต่อการกระทำบางอย่างของอีกฝ่ายหนึ่ง.
เสียงหลง เสียงหลง น. เสียงที่แผดดังผิดปรกติ เช่น เธอตกใจร้องจนเสียงหลง; เสียงที่ผิดระดับเสียงดนตรี เช่น เขาเป็นนักร้องไม่ได้ เพราะร้องเสียงหลงอยู่เสมอ.
เสียงหวาน เสียงหวาน น. น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลน่าฟัง.
เสียงห้าว เสียงห้าว น. เสียงใหญ่ เช่น ผู้ชายมักมีเสียงห้าวกว่าผู้หญิง.
เสียงเหน่อ เสียงเหน่อ น. เสียงพูดที่เพี้ยนไปจากสำเนียงมาตรฐาน.
เสียงแหบ เสียงแหบ น. เสียงที่แห้งไม่แจ่มใส; ชื่อของกลุ่มเสียงที่บีบให้สูงเป็นพิเศษของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า โดยเฉพาะปี่ใน.
เสียงอ่อน เสียงอ่อน น. คําพูดที่เพลาความแข็งลง.
เสียงอ่อนเสียงหวาน เสียงอ่อนเสียงหวาน น. น้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง, น้ำเสียงที่แสร้งดัดให้เบา ช้าลง และไพเราะน่าฟัง เพื่อประจบเป็นต้น.
เสียงาน เสียงาน ก. ทำให้สิ่งหรือเรื่องที่กำหนดไว้ไม่สำเร็จหรือบกพร่อง เช่น เพื่อน ๆ รับปากว่าจะมาช่วยแล้วไม่มา ทำให้เสียงานหมด.
เสียงานเสียการ เสียงานเสียการ (สำ) ก. ทำให้งานที่มุ่งหวังไว้บกพร่องหรือเสียหาย เช่น เขามัวแต่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ จนเสียงานเสียการ, เสียการเสียงาน ก็ว่า.
เสียจริต เสียจริต ว. เป็นบ้า, มีสติวิปลาส, วิกลจริต.
เสียใจ เสียใจ ก. ไม่สบายใจเพราะมีเรื่องไม่สมประสงค์หรือผิดประสงค์ เช่น เด็กเสียใจเมื่อรู้ว่าทำผิด; (วรรณ) คลุ้มคลั่ง เช่น กลัวศัตรูฝ่ายหน้า หลังพระเสียใจข้า ดุจดับแก้วสองดวง. (ลอ).
เสียโฉม เสียโฉม ก. มีตำหนิตามร่างกายโดยเฉพาะที่ใบหน้า ทำให้ความงามลดลง เช่น เธอประสบอุบัติเหตุ ถูกกระจกบาดหน้า เลยเสียโฉม, โดยปริยายใช้แก่สิ่งของที่มีตำหนิ เช่น แจกันใบนี้ปากบิ่นไปหน่อย เลยเสียโฉม.
เสียชาติเกิด เสียชาติเกิด (ปาก) ก. เกิดมาแล้วควรจะทำให้ได้ แต่กลับไม่ได้ทำหรือทำไม่สำเร็จ หรือทำความดีไม่ได้ ก็ไม่น่าจะเกิดมาเป็นคน เช่น เกิดเป็นไทย ใจเป็นทาส เสียชาติเกิด เกิดมาเป็นคนทั้งที ต้องทำความดีให้ได้ จะได้ไม่เสียชาติเกิด.
เสียชีพ,เสียชีวิต เสียชีพ, เสียชีวิต ก. ตาย เช่น เขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อวานนี้.
เสียชื่อ เสียชื่อ ก. ทําให้ชื่อเสียงไม่ดี เช่น เขาติดยาเสพติดและเป็นนักการพนัน เลยทำให้เสียชื่อ.
เสียเช่น เสียเช่น (วรรณ) ว. มีกำเนิดไม่ดี เช่น บ้างก็ดุเดือดด่าขู่เขี้ยวเข็ญ ว่าอีชาติชั่วอีเสียเช่นชาติมันไม่ดี. (ม. ร่ายยาว ชูชก).
เสียเชิง เสียเชิง ก. เสียท่า, พลาดท่า, เช่น ผู้ใหญ่ยังอาจเสียเชิงเด็กได้.
เสียเชิงชาย เสียเชิงชาย ก. เสียชั้นเชิงที่ผู้ชายพึงมีให้ผู้หญิงดูแคลน เช่น ถูกผู้หญิงหลอกจนขายหน้าอย่างนี้ เสียเชิงชายหมด.
เสียซิ,เสียซี เสียซิ, เสียซี คำประกอบท้ายกริยา แสดงคำสั่งหรือแนะนำเป็นต้น เช่น กินเสียซิ ไปเสียซี.
เสียด เสียด ก. เบียดกัน เช่น เจดีย์ระดะแซง เสียดยอด. (นิ. นรินทร์); เสียบ, แทรก, แซง, เช่น สูงเสียดฟ้า; อาการที่รู้สึกอึดอัดหรือแทงยอกในท้องหรืออกเนื่องจากมีลมอยู่ ในคำว่า เสียดท้อง เสียดอก.
เสียดแทง เสียดแทง ว. อาการที่กล่าวให้เจ็บใจด้วยความริษยาเป็นต้น เช่น วาจาเสียดแทงย่อมทำลายมิตร.
เสียดแทรก เสียดแทรก ก. เบียดเข้าไปในระหว่างกลุ่มคนหรือของจำนวนมากที่อยู่ชิด ๆ กัน.
เสียดใบ เสียดใบ ก. แล่นก้าวให้ใบเฉียงลม.
เสียดสี เสียดสี ก. ถูกัน เช่น กิ่งไม้เสียดสีกันจนเกิดไฟไหม้ป่า.<2t>ว. อาการที่ว่ากระทบกระเทียบเหน็บแนมด้วยความอิจฉาเป็นต้น เช่น เธอไม่ชอบเขา จึงพูดเสียดสีเขาเสมอ ๆ.
เสียดาย เสียดาย ก. รู้สึกอยากได้สิ่งที่เสียไปพลาดไปเป็นต้น ให้กลับคืนมา เช่น เธอเสียดายแหวนเพชรที่หายไป, รู้สึกว่าพลาดโอกาสที่ควรจะมีจะได้ เช่น เสียดายที่เขาไม่เชิญฉันไปงานนี้ด้วย, รู้สึกไม่อยากให้เสียไปโดยไม่ได้ประโยชน์ เช่น เปิดน้ำเปิดไฟทิ้งไว้ น่าเสียดาย; อาลัยถึงสิ่งที่จากไป เช่น เขาเสียดายที่คนดี ๆ ตายในอุบัติเหตุครั้งนี้หลายคน.
เสียเด็ก เสียเด็ก ก. กลายเป็นเด็กนิสัยไม่ดี ทำตามใจตัว เป็นต้น เช่น อย่าตามใจลูกมากนัก จะเสียเด็ก.
เสียได้ เสียได้ คำประกอบท้ายกริยา แสดงความผิดหวังเป็นต้น เช่น ตั้งใจมาหาเพื่อนทั้งที กลับไม่อยู่เสียได้.
เสียตัว เสียตัว ก. ถูกชายร่วมประเวณี (ใช้แก่ผู้หญิง), เสียเนื้อเสียตัว ก็ว่า; (ถิ่น-อีสาน) ตาย.
เสียตา เสียตา ก. สูญเสียนัยน์ตาไป; โดยปริยายใช้ในความดูถูกดูหมิ่น เช่น ของอย่างนี้ ฉันไม่อยากดูให้เสียตาหรอก, เสียสายตา ก็ว่า.
เสียตีน เสียตีน ก. สูญเสียตีนไป, โดยปริยายใช้ในความดูถูกดูหมิ่น เช่น บ้านของเขา ฉันไม่ไปเหยียบให้เสียตีนหรอก.
เสียแต่,เสียที่ เสียแต่, เสียที่ สัน. เสียตรงที่, บกพร่องตรงที่, มีตำหนิตรงที่, เช่น หน้าตาก็สวยดี เสียแต่พูดไม่เพราะ.
เสียแต้ม เสียแต้ม ก. เสียคะแนน เช่น นักกีฬาทำผิดกติกาเลยเสียแต้ม, ขายหน้า เช่น วันนี้เสียแต้ม นัดไปเลี้ยงเพื่อนแล้วลืมเอากระเป๋าสตางค์ไป, เสียความนิยม เช่น ถ้านักการเมืองพูดไม่ถูกใจประชาชน ก็จะเสียแต้ม.
เสียเถอะ,เสียเถิด เสียเถอะ, เสียเถิด ว. คําประกอบท้ายกริยา แสดงการเกลี้ยกล่อมหรือขอร้อง เช่น ไปเสียเถิด.
เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร เสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร (สำ) ก. ไม่ยอมยกสามีให้หญิงอื่นแม้จะแลกกับทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากก็ตาม.
เสียท่า เสียท่า ก. พลาดท่า เช่น ตั้งใจจะไปต่อว่าเขา แต่เสียท่าถูกเขาว่ากลับมา.
เสียที,เสียที ๑ เสียที ๑ ก. พลาดท่วงที เช่น คนซื่อเกินไปมักเสียทีคนปลิ้นปล้อน.<2t>ว. เสียแรง, เสียโอกาส, เสียเที่ยว, เช่น เสียทีที่มาหาแล้วก็ไม่พบ.
เสียที,เสียที ๒ เสียที ๒ คำประกอบท้ายกริยา แสดงความตั้งใจมั่นหมาย เช่น วันนี้มีเวลาว่าง จะได้จัดโต๊ะหนังสือเสียที, คำประกอบท้ายกริยา แสดงความโล่งใจ เช่น เขามานั่งคุยอยู่นานกลับไปเสียที เราจะได้ทำอย่างอื่นบ้าง.
เสียเที่ยว เสียเที่ยว ก. เดินทางไปหรือมาแล้วไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ เช่น เดินทางไปหาเพื่อนแล้วไม่พบ เสียเที่ยวเปล่า.
เสียธรรมเนียม เสียธรรมเนียม ก. ผิดไปจากแบบแผนที่เคยปฏิบัติกันมา เช่น เมื่อเวลาไปไหว้พระควรมีดอกไม้ธูปเทียนไปด้วย อย่าให้เสียธรรมเนียม.
เสี้ยน,เสี้ยน ๑ เสี้ยน ๑ น. เนื้อไม้ที่แตกเป็นเส้นเล็ก ๆ ปลายแหลมอย่างหนาม, เรียกสิ่งอื่นที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น หน่อไม้แก่มีเนื้อเป็นเสี้ยน; ข้าศึก เช่น สระทุกข์ราษฎร์รอนเสี้ยน. (นิ. นรินทร์), เหือดเสี้ยนศึกสยาม สิ้นนาฯ. (ตะเลงพ่าย).
เสี้ยน,เสี้ยน ๒ เสี้ยน ๒ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Diplospora singularis Korth. ในวงศ์ Rubiaceae ดอกสีขาว ออกเป็นช่อสั้นตามง่ามใบ ผลกลม.
เสี้ยนแผ่นดิน,เสี้ยนหนามแผ่นดิน เสี้ยนแผ่นดิน, เสี้ยนหนามแผ่นดิน น. ข้าศึก, ผู้ที่คิดคดทรยศต่อแผ่นดิน.
เสี้ยนศึก เสี้ยนศึก (โบ) น. ข้าศึกศัตรูที่ก่อการร้าย.
เสี้ยนหนาม เสี้ยนหนาม น. ข้าศึกศัตรูที่ก่อความเดือดร้อนให้.
เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย (สำ) ก. เสียเพียงเล็กน้อยไม่ยอมเสีย ทำให้ต้องเสียมากกว่าเดิม เช่น ตอนที่เบรกรถยนต์เริ่มไม่ดี ก็ไม่รีบไปซ่อม พอเบรกแตกไปชนต้นไม้เข้า เลยต้องเสียค่าซ่อมมาก เข้าทำนองเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย.
เสียน้ำใจ เสียน้ำใจ ก. รู้สึกน้อยใจเนื่องจากอีกฝ่ายหนึ่งไม่เห็นคุณค่าหรือความตั้งใจดีของตนเป็นต้น เช่น เขาอุตส่าห์เอาของมาให้แต่ไม่รับ ทำให้เขาเสียน้ำใจ.
เสียน้ำตา เสียน้ำตา ก. ร้องไห้ เช่น ละครเรื่องนี้เศร้าจริง ๆ ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตา คนเลว ๆ อย่างนี้ตายไปก็ไม่น่าจะเสียน้ำตาให้.
เสียนิสัย เสียนิสัย ก. มีนิสัยไม่ดี เช่น พ่อแม่มีลูกคนเดียว จึงตามใจจนลูกเสียนิสัย เอาแต่ใจตัวเอง.
เสียเนื้อเสียตัว เสียเนื้อเสียตัว ก. ถูกชายร่วมประเวณี (ใช้แก่ผู้หญิง), เสียตัว ก็ว่า.
เสียบ,เสียบ ๑ เสียบ ๑ ก. แทงคาไว้ เช่น เอาไม้แหลมเสียบปลา เอามีดเสียบพุง, เอาของดันลงบนปลายสิ่งที่แหลม ๆ เช่น เอากระดาษเสียบบนที่เสียบกระดาษ, เหน็บ เช่น เอาจดหมายเสียบไว้ที่ประตู; ยืนตัวแข็งทื่อต่อหน้าผู้ใหญ่เป็นการแสดงกิริยาไม่อ่อนน้อม เรียกว่า ยืนเสียบ.
เสียบ,เสียบ ๒ เสียบ ๒ น. ชื่อหอยทะเลกาบคู่หลายชนิด หลายสกุล หลายวงศ์ เช่น ชนิด Donax faba ในวงศ์ Donacidae เปลือกรูปสามเหลี่ยมสีเหลืองนวล ลายสลับสีเข้มหลากสี เช่น นํ้าตาลเข้ม ฝังตัวอยู่ตามหาดทรายในระดับนํ้าขึ้นนํ้าลง นํามาดองนํ้าปลา.
เสียบน เสียบน ก. ใช้บน, แก้บนแก่ผีสางเทวดา.
เสียบยอด เสียบยอด น. วิธีขยายพันธุ์ต้นไม้แบบหนึ่ง โดยตัดกิ่งต้นที่จะขยายซึ่งมีตาติดอยู่ ปาดปลายให้เป็นรูปลิ่มแล้วนำไปเสียบที่กิ่งของอีกต้นหนึ่งที่เป็นชนิดเดียวกัน โดยผ่าบากกิ่งไว้ให้เสียบได้ พันด้วยแถบพลาสติกให้แน่น.<2t>ก. ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเช่นนั้น.
เสียบหนู เสียบหนู น. ไม้ที่เสียบขัดกับไม้ข้างควายที่ขนาบจากหลบหลังคาเรือน; ไม้ฝนทองที่เขียนบนพินทุอิ เป็น สระอี.
เสียปาก เสียปาก ก. พูดออกไปเปล่าประโยชน์ เช่น เด็กดื้ออย่างนี้เตือนไปก็เสียปากเปล่า ๆ; ไม่คู่ควรที่จะกิน เช่น ของอย่างนี้ฉันไม่กินให้เสียปาก.
เสียเปรียบ เสียเปรียบ ก. เป็นรอง, ด้อยกว่า, เช่น คนซื่อมักเสียเปรียบคนโกง.
เสียเปล่า เสียเปล่า ก. เสียไปโดยไม่ได้ประโยชน์ เช่น อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่า.<2t>ว. เสียแรงที่ (เป็นสำนวนใช้ในเชิงตำหนิ) เช่น เป็นลูกผู้หญิงเสียเปล่า ไม่รู้จักการบ้านการเรือน มีสมองเสียเปล่า แต่ไม่รู้จักคิด.
เสียผี เสียผี ก. ทำพิธีเซ่นผีเพื่อขอขมาในความผิดเชิงชู้สาวตามประเพณีท้องถิ่น.
เสียผู้ใหญ่ เสียผู้ใหญ่ ก. เสียคุณลักษณะของผู้ใหญ่ ทําให้ไม่เป็นที่เคารพเชื่อถือของผู้อื่น เช่น เธอมาขอให้ฉันไปตกลงหมั้นกับฝ่ายโน้นเรียบร้อยแล้ว มาเปลี่ยนใจเสียเช่นนี้ ฉันก็เสียผู้ใหญ่.
เสียแผน เสียแผน ก. ผิดไปจากแผนการที่วางไว้ เช่น วางแผนจะไปเที่ยว แต่ฝนตกหนักจนไปไม่ได้ เลยเสียแผนหมด.
เสียพรหมจรรย์ เสียพรหมจรรย์ ก. ขาดจากความเป็นนักบวชเพราะล่วงละเมิดการประพฤติพรหมจรรย์.
เสียพรหมจารี เสียพรหมจารี ก. ผ่านการร่วมประเวณีครั้งแรก (ใช้แก่ผู้หญิง), เสียสาว ก็ว่า.
เสียเพศ เสียเพศ (วรรณ) ก. เปลี่ยนภาวะจากคฤหัสถ์เป็นนักบวช เช่น ซัดยังเมืองมัทรบุรี เสียเพศเทพี เป็นดาบสศรีโสภา. (สมุทรโฆษ), เปลี่ยนภาวะจากนักบวชเป็นคฤหัสถ์ เช่น เสียฤษีพรตเพศ ห้องหิมเวศนาจลจรหล่ำน้นน ราชเวสมธารยิ ทรงเพศเป็นพญามหากระษัตราธิราช. (ม. คำหลวง นครกัณฑ์).
เสียภูมิ เสียภูมิ ก. ถูกลบฐานะ, เสียฐานะท่าที, เช่น เป็นถึงนักมวยชั้นครู มาแพ้นักมวยหัดใหม่ เสียภูมิหมด ปัญหาง่าย ๆ ที่นักเรียนถาม ครูตอบไม่ได้ เสียภูมิหมด.
เสียม,เสียม ๑ เสียม ๑ น. ชื่อเครื่องมือสําหรับขุด แซะ และพรวนดินชนิดหนึ่ง ทำด้วยเหล็ก มีด้ามยาว.
เสียม,เสียม ๒ เสียม ๒ น. เมืองไทย, ไทย. (เป็นสําเนียงที่ชาวต่างประเทศเรียกเพี้ยนจากคํา สยาม).
เสี่ยม เสี่ยม (โบ) ว. เสงี่ยม.
เสี้ยม เสี้ยม ก. ทําให้แหลม เช่น เสี้ยมไม้; โดยปริยายหมายความว่า ยุแหย่ให้เขาแตกกันหรือทะเลาะกัน.<2t>ว. มีลักษณะค่อนข้างแหลม ในคำว่า หน้าเสี้ยม คางเสี้ยม.
เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน (สํา) ก. ยุยงให้โกรธ เกลียด หรือวิวาทกัน.
เสี้ยมสอน เสี้ยมสอน ก. สอนโดยยุยงให้ใช้เล่ห์กล เช่น เขาถูกเสี้ยมสอนให้กระด้างกระเดื่องต่อฝ่ายปกครอง เขาเสี้ยมสอนลูกให้เป็นโจร.
เสี่ยมสาร เสี่ยมสาร ว. เสงี่ยมงาม.
เสียมารยาท เสียมารยาท ก. แสดงกิริยาที่สังคมถือว่าไม่สมควร, เสียกิริยา ก็ว่า.
เสียมือ เสียมือ ก. สูญเสียมือไป, โดยปริยายใช้ในความดูถูกดูหมิ่น เช่น คนอย่างนี้ ฉันไม่ไหว้ให้เสียมือหรอก.
เสียมือเสียตีน,เสียมือเสียเท้า เสียมือเสียตีน, เสียมือเสียเท้า ก. สูญเสียมือและตีนไป, สูญเสียมือและเท้าไป, โดยปริยายหมายถึงเสียบุคคลที่รับใช้ใกล้ชิดหรือไว้วางใจไป เช่น เด็กคนนี้รับใช้ใกล้ชิดจนรู้ใจท่านสมภารมานาน ตายไปก็เท่ากับท่านเสียมือเสียตีนไป.
เสียยุบเสียยับ เสียยุบเสียยับ ก. เสียแล้วเสียอีก (มักใช้แก่เงินทอง) เช่น ไปเที่ยวงานคราวนี้เสียยุบเสียยับ.
เสียรอย เสียรอย (วรรณ) ก. ทํารอยให้หลงเข้าใจผิด เช่น แล้วเสียรอยถอยหลังลงสู่สระศรี. (ม. ร่ายยาว กุมาร).
เสียรังวัด เสียรังวัด ก. พลอยได้รับผิดด้วยในเหตุที่เกิดขึ้น, พลอยเสียหายไปด้วย, เช่น เด็กในบ้านไปขโมยมะม่วงของเพื่อนบ้าน เขามาต่อว่า เจ้าของบ้านก็พลอยเสียรังวัดไปด้วย.
เสียราศี เสียราศี ก. เสียสง่า, เสียเกียรติยศ, เสียศักดิ์ศรี, เสียสิริมงคล, เช่น คบคนชั่วทำให้เสียราศี.
เสียรำคาญ เสียรำคาญ ก. ทำให้ความรำคาญหมดไป เช่น เขามาเซ้าซี้ขอให้ช่วยซื้อของก็เลยต้องซื้อเพราะอดเสียรำคาญไม่ได้, ตัดรำคาญ ก็ว่า.
เสียรู้ เสียรู้ ก. แพ้เพราะโง่กว่าเขาหรือไม่ทันชั้นเชิงเขา.
เสียรูป เสียรูป ก. ผิดรูปผิดร่างไป เช่น กระเป๋าใบนี้ใส่ของอัดแน่นจนเกินไป ทำให้เสียรูปหมด.
เสียรูปคดี เสียรูปคดี (ปาก) ก. เป็นผลให้คดีเปลี่ยนไปในทางที่เสียเปรียบ.
เสียรูปทรง,เสียรูปเสียทรง เสียรูปทรง, เสียรูปเสียทรง ก. ผิดไปจากรูปทรงเดิม, ผิดไปจากรูปทรงที่ถือว่างาม, เช่น เขาป่วยหนักมา ๓ เดือน ผอมมากจนเสียรูปเสียทรงหมด ตอนสาว ๆ ก็รูปร่างดี พอมีอายุมากขึ้น อ้วนเผละจนเสียรูปทรงหมด.
เสียแรง เสียแรง ก. เสียเรี่ยวแรง เช่น งานนี้ทำไปก็เสียแรงเปล่า ๆ ได้ผลประโยชน์ไม่คุ้ม.<2t>ว. ที่น้อยใจหรือผิดหวังที่ลงแรงไปแล้วแต่ไม่ได้ผลสมประสงค์ เช่น เสียแรงไว้วางใจให้รู้ความลับของบริษัท กลับเอาไปเปิดเผยให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ได้.
เสียฤกษ์ เสียฤกษ์ ก. ทำไม่ได้ในระหว่างเวลามงคลที่กำหนดไว้ (ใช้ในทางโหราศาสตร์) เช่น เจ้าสาวเป็นลมหมดสติในระหว่างพิธีรดน้ำสังข์ เลยทำให้เสียฤกษ์; ไม่ทันเวลาที่นัดหมาย เช่น นัดกันจะไปธุระแต่เขามาไม่ทัน เสียฤกษ์หมด.
เสียเลือดเนื้อ,เสียเลือดเสียเนื้อ เสียเลือดเนื้อ, เสียเลือดเสียเนื้อ ก. บาดเจ็บล้มตาย เช่น ในการสู้รบกัน ย่อมเสียเลือดเสียเนื้อเป็นธรรมดา.
เสียแล้ว เสียแล้ว คำประกอบท้ายกริยา แสดงความเป็นอดีต เช่น ยังไม่ทันได้พูดคุยกันเลย เขาก็กลับไปเสียแล้ว.
เสียว เสียว ก. รู้สึกแปลบเพราะเจ็บ เช่น รู้สึกเสียวที่ข้อเท้าเพราะเท้าแพลง, เกิดอาการที่ทําให้ขนลุกหรือกลัว เช่น เดินเข้าไปในป่าช้าเวลาค่ำ ๆ ได้ยินเสียงแกรกกรากก็รู้สึกเสียว พอเห็นเข็มฉีดยาก็เสียวเสียแล้ว, รู้สึกวาบในหัวใจด้วยความกําหนัด; โดยปริยายหมายความว่า รู้สึกเกรง เช่น เขาไม่ได้ส่งการบ้านเสียวอยู่ตลอดเวลาว่าครูจะเรียกไปลงโทษ.
เสี่ยว,เสี่ยว ๑ เสี่ยว ๑ (ถิ่น-อีสาน) น. เพื่อน, เกลอ.
เสี่ยว,เสี่ยว ๒ เสี่ยว ๒ (โบ) ก. เฉี่ยว, ขวิด.
เสี้ยว เสี้ยว น. ส่วน ๑ ใน ๔ เช่น เขาผ่าแตงโมออกเป็น ๔ เสี้ยว, ส่วนย่อย เช่น เขาผ่าฟักทองเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ.<2t>ว. เฉ, ไม่ตรง, เช่น เธอตัดผ้าเสี้ยว.
เสียวซ่าน เสียวซ่าน ก. รู้สึกวาบวับเข้าไปในหัวใจด้วยความกำหนัดยินดี.
เสียวฟัน เสียวฟัน ก. รู้สึกแปลบที่ฟันเพราะเคลือบฟันสึกหรือฟันเป็นรูเป็นต้น.
เสียวสยอง เสียวสยอง ก. รู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกขนชัน เช่น เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน คนตายเป็นจำนวนมาก เห็นแล้วเสียวสยอง.
เสียวสันหลัง เสียวสันหลัง ว. รู้สึกหวาดกลัว เช่น เดินในป่าช้ายามดึก รู้สึกเสียวสันหลัง, หนาวสันหลัง ก็ว่า.
เสียวไส้ เสียวไส้ ก. รู้สึกหวาดเมื่อได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่น่ากลัวว่าอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เด็กเอาปืนมาเล่นกัน เห็นแล้วเสียวไส้.<2t>ว. อาการที่รู้สึกหวาดเมื่อได้เห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่น่ากลัวว่าอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น เขาขับรถเร็วมากจนน่าเสียวไส้.
เสียเวลา เสียเวลา ก. ใช้เวลาหมดไป เช่น วันหนึ่ง ๆ เขาเสียเวลาคอยรถประจำทางเป็นชั่วโมง, โดยปริยายหมายความว่า หมดเวลาไปโดยไม่ได้ประโยชน์คุ้ม เช่น หนังสือเล่มนี้เสียเวลาอ่าน.
เสียศูนย์ เสียศูนย์ ก. ผิดจากแนวที่ถูกต้อง เช่น ปืนเสียศูนย์ ยิงได้ไม่แม่นยำ.
เสียเศวตฉัตร เสียเศวตฉัตร ก. เสียความเป็นเจ้าเป็นใหญ่, เสียราชสมบัติ, เสียบ้านเสียเมือง, เสียเอกราช, ใช้พูดย่อว่า เสียฉัตร ก็มี.
เสียสติ เสียสติ ว. มีสติฟั่นเฟือน, คุ้มดีคุ้มร้าย.
เสียสมอง เสียสมอง ก. สิ้นเปลืองความคิด เช่น เรื่องนี้คิดไปก็เสียสมองเปล่า ๆ ปัญหาข้อนี้ยากมาก เสียสมองอยู่นานกว่าจะคิดออก, เสียหัว ก็ว่า.
เสียสละ เสียสละ ก. ให้โดยยินยอม, ให้ด้วยความเต็มใจ, เช่น ทหารเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเอกราชของชาติ พ่อแม่เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อลูก.
เสียสัตย์ เสียสัตย์ ก. ละทิ้งคำมั่นสัญญา เช่น ยอมเสียชีวิตดีกว่าเสียสัตย์.
เสียสันดาน เสียสันดาน (ปาก) ก. เสียอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด (ใช้เป็นคำตำหนิ) เช่น เด็กคนนี้เสียสันดาน ชอบลักขโมยของคนอื่น.
เสียสายตา เสียสายตา ก. ทำให้สายตาเสื่อมลงหรือเลวลง เช่น อย่าอ่านหนังสือในที่ที่มีแสงสว่างน้อย จะทำให้เสียสายตา; โดยปริยายใช้ในความดูถูกดูหมิ่น เช่น ของอย่างนี้ ฉันไม่ดูให้เสียสายตาหรอก, เสียตา ก็ว่า.
เสียสาว เสียสาว ก. ผ่านการร่วมประเวณีครั้งแรก (ใช้แก่ผู้หญิง), เสียพรหมจารี ก็ว่า.
เสียเส้น เสียเส้น ก. เสียจังหวะ เช่น เขากำลังเล่าเรื่องตื่นเต้น เธอก็พูดขัดคอขึ้นมา ทำให้เสียเส้นหมด, พลาดโอกาสที่หวังไว้หรือที่ตั้งใจไว้ เช่น เตรียมจัดงานใหญ่โตเพื่อต้อนรับผู้ใหญ่ แต่ปรากฏว่าท่านไม่มา ทำให้เสียเส้นหมด.
เสียหน่อย เสียหน่อย คำประกอบท้ายกริยา แสดงความอ้อนวอนหรือความไม่เต็มใจเป็นต้น เช่น กินเสียหน่อยนะ ไปงานเขาเสียหน่อย ทำเสียหน่อย.
เสียหนัก เสียหนัก คำประกอบท้ายกริยา หมายความว่า มาก เช่น งานอย่างนี้ ทำมาเสียหนักแล้ว.
เสียหน้า เสียหน้า ก. ขายหน้า เช่น ลูกประพฤติตัวไม่ดี พลอยทำให้พ่อแม่เสียหน้าไปด้วย.
เสียหลัก เสียหลัก ก. ผิดไปจากหลักการ หลักเกณฑ์ หรือความถูกต้องเป็นต้น เช่น เป็นผู้ใหญ่มีคนเขานับถือ ทำสิ่งใดอย่าให้เสียหลัก; ซวดเซ, พลาดท่า, ทรงตัวไม่ได้, เช่น คนเมาเสียหลักเลยพลัดตกลงไปในคลอง.
เสียหลาย เสียหลาย ก. เสียทรัพย์สินเงินทองเป็นต้นไปมาก เช่น งานนี้เสียหลายแล้ว ยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย; เสียเปล่า (ใช้ในความปฏิเสธ) เช่น เด็กกำพร้าคนนี้ เลี้ยงไว้จนโตก็พึ่งได้ ไม่เสียหลาย งานวิจัยชิ้นนี้ทำไปก็ได้ประโยชน์ ไม่เสียหลาย.
เสียหัว เสียหัว ก. สูญเสียหัวไป; สิ้นเปลืองความคิด เช่น ปัญหาโลกแตกอย่างนี้ อย่าคิดให้เสียหัวเลย เลขข้อนี้กว่าจะทำได้ก็เสียหัวไปหลายชั่วโมง, เสียสมอง ก็ว่า; (ถิ่น-อีสาน) เสียภาษี.
เสียหาย เสียหาย ก. เสื่อมเสีย เช่น เขาประพฤติตัวไม่ดี ทำให้วงศ์ตระกูลพลอยเสียหายไปด้วย; ยับเยิน, ย่อยยับ, เช่น ปีนี้ฝนตกหนัก น้ำท่วมไร่นาเสียหายหมด, เสีย ก็ว่า.
เสียหู เสียหู ก. สูญเสียหูไป, โดยปริยายใช้ในความดูถูกดูหมิ่น เช่น เรื่องไร้สาระเช่นนี้ ฉันไม่ฟังให้เสียหูหรอก.
เสียหูเสียตา เสียหูเสียตา ก. สูญเสียหูและตาไป, โดยปริยายหมายความว่า ไม่อยากดูไม่อยากฟัง เช่น ละครไม่มีคุณภาพอย่างนี้ ฉันไม่ดูให้เสียหูเสียตาหรอก.
เสียเหลี่ยม เสียเหลี่ยม ก. เสียชั้นเชิงท่าที เช่น ในการเจรจาอย่าให้เสียเหลี่ยมเขาได้, ถูกลบเหลี่ยม เช่น นักเลงโตเสียเหลี่ยม ถูกนักเลงรุ่นน้องดักตีหัว, เสียเหลี่ยมเสียคม ก็ว่า.
เสียเหลี่ยมเสียคม เสียเหลี่ยมเสียคม ก. เสียเหลี่ยม.
เสียอารมณ์ เสียอารมณ์ ก. หงุดหงิด เช่น รถติดมากเลยทำให้เสียอารมณ์.
เสือ,เสือ ๑ เสือ ๑ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Felidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับแมว แต่ตัวใหญ่กว่า เป็นสัตว์กินเนื้อ หากินเวลากลางคืน มีหลายชนิด เช่น เสือโคร่ง (Panthera tigris) เสือดาว หรือ เสือดํา (P. pardus), โดยปริยายใช้เรียกคนเก่งคนดุร้าย; ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์จิตรา มี ๑ ดวง, ดาวต่อมนํ้า ดาวตาจระเข้ หรือ ดาวไต้ไฟ ก็เรียก.
เสือ,เสือ ๒ เสือ ๒ น. ชื่อปลาหลายชนิดและหลายวงศ์ซึ่งมีลายพาดขวางลําตัว เช่น เสือพ่นนํ้า (Toxotes jaculator) ในวงศ์ Toxotidae เสือตอ (Datnioides microlepis) ในวงศ์ Lobotidae.
เสื่อ เสื่อ น. สาด, เครื่องสานชนิดหนึ่งสําหรับปูนั่งและนอน.
เสื้อ,เสื้อ ๑ เสื้อ ๑ น. เครื่องสวมกายท่อนบนทําด้วยผ้าเป็นต้น เรียกชื่อต่าง ๆ กัน เช่น เสื้อกั๊ก เสื้อเชิ้ต.
เสื้อ,เสื้อ ๒ เสื้อ ๒ น. เชื้อสาย; ผีหรืออมนุษย์จําพวกหนึ่ง เรียกเต็มว่า ผีเสื้อ, ถ้าอยู่ในนํ้า เรียกว่า ผีเสื้อนํ้า หรือ เสื้อนํ้า, ถ้าเป็นยักษ์ เรียกว่า ผีเสื้อยักษ์, ถ้าอยู่รักษาเมือง เรียกว่า ผีเสื้อเมือง เสื้อเมือง หรือ พระเสื้อเมือง.
เสือก เสือก ก. ไสไป, ผลักไป; สาระแน, (เป็นคำไม่สุภาพ).
เสื่อกก เสื่อกก น. เครื่องปูลาดสำหรับรองนั่งหรือนอน ทำด้วยต้นกก ทอหรือสานเป็นผืนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า.
เสือกกะโหลก เสือกกะโหลก [-กะโหฺลก] (ปาก) ว. สาระแนเข้าไปทําการโดยไม่มีใครต้องการให้ทํา.
เสือกคลาน เสือกคลาน ดู เลื้อยคลาน.
เสื่อกระจูด เสื่อกระจูด น. เครื่องปูลาดสำหรับรองนั่งหรือนอน ทำด้วยต้นกระจูด สานเป็นผืนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า.
เสือกระดาษ เสือกระดาษ (ปาก) น. ประเทศ องค์การ หรือผู้ที่ทําท่าทีประหนึ่งมีอํานาจมากแต่ความจริงไม่มี.
เสือกระต่าย เสือกระต่าย ดู แมวป่า.
เสื้อกระบอก เสื้อกระบอก น. เสื้อชนิดหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ แขนยาว ช่วงตัวสั้นเสมอบั้นเอว แขนรัด ตัวรัด คอสูง.
เสื้อกล้าม เสื้อกล้าม น. เสื้อชั้นในมักทําด้วยผ้ายืด ไม่มีแขน ไม่มีปก.
เสือกสน เสือกสน ก. กระเสือกกระสน.
เสือกไส เสือกไส ก. ส่งไปที่อื่นเพื่อให้พ้นไป, มักใช้เข้าคู่กับคำ ไล่ส่ง เป็น เสือกไสไล่ส่ง.
เสื้อกั๊ก เสื้อกั๊ก น. เสื้อชนิดหนึ่ง ตัวสั้นเสมอเอว ไม่มีแขน ไม่มีปก ผ่าอกตลอด ติดกระดุมหรือไม่ติดก็ได้ มักใช้สวมทับเสื้อเชิ้ต.
เสือกินวัว เสือกินวัว น. ชื่อการเล่นชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขีดเป็นตา ๑๖ ตา มีผู้เล่น ๒ ฝ่าย ฝ่ายเสือมี ๔ ตัว ฝ่ายวัวมี ๑๒ ตัว โดยฝ่ายเสือวางเสือ ๔ ตัวไว้ที่มุมทั้ง ๔ แล้วฝ่ายวัวจะวางวัวลงในช่องทีละตัว พยายามไม่ให้เสือกินได้ การเดินต้องเดินทางตรงทีละช่อง เวลาเสือกินวัวต้องข้ามวัวไป ๑ ช่อง ถ้าเสือถูกล้อมจนเดินไม่ได้ ฝ่ายเสือก็แพ้ ถ้าฝ่ายวัวถูกเสือกินหมด ฝ่ายวัวก็แพ้.
เสื้อกุยเฮง เสื้อกุยเฮง น. เสื้อแบบจีนชนิดหนึ่ง คอกลม มีแขน ผ่าอกตลอด ติดกระดุม มีกระเป๋าล่าง ๒ ข้าง.
เสื้อเกราะ เสื้อเกราะ น. เสื้อที่ใช้สวมใส่สำหรับป้องกันอาวุธหรืออันตราย.
เสือเก่า เสือเก่า (ปาก) น. คนที่เคยมีความเก่งกล้าสามารถหรือมีอํานาจมาก่อน.
เสือข้างลาย เสือข้างลาย น. ชื่อปลาน้ำจืดขนาดเล็กชนิด Puntius partipentazona ในวงศ์ Cyprinidae รูปร่างและลักษณะคล้ายปลาตะเพียน มีลายดำ ๕ แถบ พาดขวางได้จังหวะกัน.
เสือข้ามห้วย เสือข้ามห้วย น. ชื่อการเล่นโดยใช้วิธีกระโดดข้ามกัน.
เสื้อครุย เสื้อครุย น. เสื้อชนิดหนึ่ง มีหลายแบบ ใช้สวมหรือคลุม เป็นเครื่องประกอบเกียรติยศหรือแสดงหน้าที่ในพิธีการหรือแสดงวิทยฐานะ.
เสื่อเงิน เสื่อเงิน น. เครื่องปูลาดสำหรับรองนั่ง ทำด้วยแผ่นเงินตัดเป็นเส้นอย่างตอก สานเป็นผืนตามขนาดพื้นที่ที่ปูลาด.
เสือจนท่า ข้าจนทาง เสือจนท่า ข้าจนทาง (สํา) จำเป็นต้องยอมเพื่อเอาตัวรอด.
เสือซ่อนเล็บ เสือซ่อนเล็บ (สํา) น. ผู้ที่มีความเก่งกล้าสามารถแต่ไม่ยอมแสดงออกมาให้ปรากฏ, ผู้มีเล่ห์กลอยู่ในใจ, ผู้เก็บความรู้สึกไว้ได้ดี; ชื่อเรียกอาวุธชนิดหนึ่ง อย่างมีดพก ๒ เล่ม สอดประกบกันสนิทดูเหมือนว่าเป็นไม้แท่งเดียว.
เสือเฒ่าจำศีล,เสือเฒ่าเจ้าเล่ห์ เสือเฒ่าจำศีล, เสือเฒ่าเจ้าเล่ห์ (สํา) น. ชายสูงอายุที่มีท่าทีสงบเสงี่ยมน่านับถือ แต่เจ้ามารยามีเล่ห์เหลี่ยมมาก.
เสือดาว,เสือดาว ๑ เสือดาว ๑ ดู ดาว ๒.
เสือดาว,เสือดาว ๒ เสือดาว ๒ ดู ตะกรับ ๓ (๑).
เสือดำ เสือดำ ดู ดาว ๒.
เสือตกถัง เสือตกถัง น. ชื่อเครื่องดักหนูชนิดหนึ่ง มีเหยื่อห้อยไว้เหนือแผ่นกระดก เมื่อหนูไปเหยียบปลายแผ่นกระดกเพื่อจะกินเหยื่อ ปลายแผ่นก็กระดกลงเพราะน้ำหนักตัวของหนู เมื่อหนูตกลง แผ่นกระดกก็กลับคืนที่ ปิดช่องไว้ หนูออกไม่ได้; ชื่อการเล่นชนิดหนึ่ง วิธีเล่นต้องขีดเส้นตรง ๒ เส้นตัดกัน แล้วเขียนวงกลมไว้ระหว่างเส้นแห่งใดแห่งหนึ่ง สมมุติให้เป็นถัง ผู้เล่นมี ๒ ฝ่าย สมมุติเป็นเสือฝ่ายละ ๒ ตัว แต่ละฝ่ายจะสลับกันเดิน โดยเดินจากปลายเส้นหนึ่งไปยังปลายอีกเส้นหนึ่ง หรือจากปลายเส้นมายังจุดกลางก็ได้ ถ้าเสือฝ่ายใดเดินแล้วตกถัง ก็เป็นฝ่ายแพ้.
เสือตบก้น เสือตบก้น น. ชื่อเครื่องดักหนูชนิดหนึ่ง มีไม้ตบตัวหนูให้ติดอยู่กับปากกระบอกเมื่อไกลั่น.
เสือติดจั่น เสือติดจั่น (สำ) ว. อาการที่เดินงุ่นง่านวนไปมาเหมือนเสือที่ติดอยู่ในจั่นหับ.
เสือทลายห้าง ช้างทลายโรง เสือทลายห้าง ช้างทลายโรง (สํา) น. คนที่แสดงกิริยาเอะอะตึงตัง.
เสือทะเล เสือทะเล ดู พิมพา.
เสือนอนกิน เสือนอนกิน (สํา) น. คนที่ได้รับผลประโยชน์หรือผลกําไรโดยไม่ต้องลงทุนลงแรง.
เสือนั่งร่ม เสือนั่งร่ม ดู กาสัก ๒.
เสื้อน้ำ เสื้อน้ำ น. เทวดาที่รักษาน่านน้ำ, ผีเสื้อน้ำ ก็เรียก.
เสื่อน้ำมัน เสื่อน้ำมัน น. พรมนํ้ามัน. (ดู พรมนํ้ามัน).
เสือในร่างสมัน เสือในร่างสมัน (สํา) น. คนร้ายที่แฝงมาในร่างของคนดี.
เสือบอง เสือบอง ดู แมวป่า.
เสือปลา เสือปลา น. ชื่อเสือชนิด Felis viverrina ในวงศ์ Felidae พื้นลําตัวสีเทา มีลายสีดําเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วตัว กินปลาและสัตว์ขนาดเล็ก, ทางภาคตะวันออกเรียกเสือปลาที่มีขนาดใหญ่ว่า เสือแผ้ว.
เสือป่า เสือป่า (เลิก) น. ผู้ช่วยพลรบซึ่งมีหน้าที่สอดแนมเพื่อสนับสนุนกองทหาร.
เสือป่าแมวเซา,เสือป่าแมวมอง เสือป่าแมวเซา, เสือป่าแมวมอง (เลิก) น. กองทหารโบราณ มีหน้าที่สอดแนมและซุ่มคอยดักตีข้าศึกเพื่อตัดเสบียงอาหาร.
เสื่อผืนหมอนใบ เสื่อผืนหมอนใบ น. สำนวนที่เนื่องมาจากการที่คนจีนจากเมืองจีนเดินทางโดยเรือสำเภาเข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย โดยไม่มีทรัพย์สมบัติหรือข้าวของติดตัวมานอกจากเสื่อกับหมอนเท่านั้นแล้วสามารถตั้งเนื้อตั้งตัวได้; โดยปริยายหมายถึงมีสมบัติติดตัวเพียงเล็กน้อย แต่มีวิริยอุตสาหะแล้วสามารถตั้งเนื้อตั้งตัวได้.
เสือไฟ เสือไฟ น. ชื่อเสือชนิด Felis temmincki ในวงศ์ Felidae รูปร่างเพรียว สูงขนาดสุนัข ขนสีนํ้าตาลแกมแดงตลอดตัว หรือที่หายากมีสีดำ หางยาวไล่เลี่ยกับลำตัว เวลาเดินยกหางขนานกับพื้น อาศัยอยู่ตามป่าโปร่ง กินสัตว์ขนาดเล็ก.
เสื่อม เสื่อม ก. น้อยลง, หย่อนลง, เช่น เครื่องจักรเมื่อใช้ไปนาน ๆ คุณภาพก็ค่อย ๆ เสื่อมไป, เสีย เช่น เสื่อมเกียรติ, ค่อย ๆ ลดลง เช่น ความจำเสื่อม, ต่ำกว่าระดับเดิม เช่น เมื่อความเจริญทางวัตถุมีมากขึ้น คุณธรรมของคนก็เสื่อมลง, ถอยความขลัง เช่น มนตร์เสื่อม.
เสื่อมคลาย เสื่อมคลาย ว. น้อยลง, ลดลง, เช่น มิตรภาพเสื่อมคลายลงเพราะต่างฝ่ายต่างเอาเปรียบกัน.
เสื่อมถอย เสื่อมถอย ว. หย่อนลง, ไม่ดีเหมือนเดิม, เช่น เขาป่วยคราวนี้ทำให้สมรรถภาพในการทำงานเสื่อมถอยไปมาก.
เสื่อมทราม เสื่อมทราม ก. เลวลง (มักใช้แก่ความประพฤติ) เช่น ตั้งแต่เขาไปมั่วสุมกับคนพาล ชีวิตของเขาก็เสื่อมทรามลง.<2t>ว. ที่เลวลง (มักใช้แก่ความประพฤติ) เช่น เขามีความประพฤติเสื่อมทราม.
เสื่อมโทรม เสื่อมโทรม ก. เลวลง, มีฐานะตกต่ำกว่าเดิม, เช่น ภาวะเศรษฐกิจกำลังเสื่อมโทรม.
เสื่อมสลาย เสื่อมสลาย ก. ค่อย ๆ แปรสภาพไป เช่น อาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ได้เสื่อมสลายไปแล้ว.
เสื่อมสิทธิ์ เสื่อมสิทธิ์ ก. มีสิทธิน้อยลง, ทําให้สิทธิเสียไป.
เสื่อมสูญ เสื่อมสูญ ก. ค่อย ๆ ลดน้อยลงไปจนหมดสิ้น เช่น มีผู้พยากรณ์ว่า พระพุทธศาสนากำลังเสื่อมสูญไป พอครบ ๕,๐๐๐ ปีก็สูญสิ้น.
เสื่อมเสีย เสื่อมเสีย ก. เสียหาย เช่น เพราะถูกกล่าวหาว่าฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียไปมาก.<2t>ว. ที่เสียหาย เช่น เขามีความประพฤติเสื่อมเสีย ไม่ควรจ้างให้มาทำงานด้วย.
เสื้อเมือง เสื้อเมือง น. เทวดาที่รักษาบ้านเมือง, ผีเสื้อเมือง หรือ พระเสื้อเมือง ก็เรียก; (โบ) พระเชื้อเมือง.
เสือแมลงภู่ เสือแมลงภู่ ดู ดาว ๒.
เสือแมลงวัน เสือแมลงวัน น. แมงมุมตัวขนาดเล็ก กินแมลงวัน. (พจน. ๒๔๙๓).
เสื่อไม้ไผ่ เสื่อไม้ไผ่ น. เครื่องปูลาดสำหรับรองนอน ทำด้วยไม้ไผ่ สับเป็นริ้วละเอียดอย่างฟาก คลี่ออกและต่อกันเป็นผืน.
เสือร้องไห้ เสือร้องไห้ น. เนื้อส่วนคอของวัวหรือควายที่มีพังผืดมาก, อาหารชนิดหนึ่งปรุงด้วยเนื้อส่วนที่เรียกว่า เสือร้องไห้.
เสือรู้ เสือรู้ (สํา) น. คนที่มีไหวพริบหรือฉลาดรู้จักเอาตัวรอด.
เสื่อลวด เสื่อลวด น. เครื่องปูลาดสําหรับรองนั่ง ทําด้วยต้นกก ทอเป็นผืนหน้ากว้างประมาณ ๑ เมตร ความยาวไม่จํากัด นิยมใช้ตามวัด.
เสือลากหาง เสือลากหาง (สํา) น. คนที่ทําท่าทีเป็นเซื่องซึม เป็นกลอุบายให้ผู้อื่นตายใจแล้วเข้าทําการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยไม่ทันให้รู้ตัว, คนที่ทําท่าอย่างเสือลากหาง เพื่อขู่ให้กลัว เช่น ถือไม้เท้าก้าวเดินเป็นท่าทาง ทีเสือลากหางให้นางกลัว. (สังข์ทอง).
เสือลำบาก เสือลำบาก น. เสือที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บ มีความดุร้ายมากกว่าปรกติ, โดยปริยายหมายถึงคนที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.
เสื่อลำแพน เสื่อลำแพน น. เครื่องจักสานชนิดหนึ่ง มักสานด้วยตอกไม้ไผ่เส้นใหญ่ ๆ แบน ๆ ซึ่งเรียกว่า ตอกปื้น ที่ทําด้วยหวายหรือเส้นใยเปลือกไม้ก็มี ใช้ปูหรือทําเป็นแผงใช้กั้นหรือกรุเป็นฝาเรือนเป็นต้น.
เสือสมิง เสือสมิง น. เสือที่เชื่อว่าเดิมเป็นคนที่มีวิชาอาคมแก่กล้าแล้วต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นเสือได้, เสือที่กินคนมาก ๆ เข้า เชื่อกันว่าวิญญาณคนตายเข้าสิง ต่อมาสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้.
เสื้อสามารถ เสื้อสามารถ น. เสื้อที่มอบให้เพื่อแสดงว่าผู้รับมีคุณสมบัติดีเด่นในด้านกีฬา.
เสือสิ้นตวัก เสือสิ้นตวัก (สํา) น. คนที่ฮึดสู้อย่างไม่คิดชีวิต, มักพูดเข้าคู่กับ สุนัขจนตรอก ว่า เสือสิ้นตวัก สุนัขจนตรอก.
เสือสิ้นลาย เสือสิ้นลาย น. เสือแก่ที่หมดลายดูคล้ายเสือขาวออกหากินตามปรกติไม่ได้, โดยปริยายหมายถึงคนที่เคยมีความเก่งกล้าสามารถมาก่อน ต่อมาเมื่อร่างกายทุพพลภาพหรืออายุมากขึ้น ความเก่งกล้าสามารถก็เสื่อมลง.
เสื้อแสง เสื้อแสง น. เสื้อและกางเกง, เครื่องนุ่งห่ม.
เสือหมอบ เสือหมอบ ดู สาบเสือ.
เสือหิว เสือหิว (ปาก) น. คนที่อยากได้ผลประโยชน์หรือลาภสักการะโดยไม่เลือกว่าควรหรือไม่ควร.
เสื่ออ่อน เสื่ออ่อน น. เครื่องปูลาดสำหรับรองนั่งหรือนอน ทำด้วยใบเตยหรือใบลำเจียก จักเป็นเส้นอย่างตอก สานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า.
แส,แส ๑ แส ๑ ก. แฉ, ชําระ, สะสาง.<2t>น. หญิงสาว, มักใช้ประกอบกับคํา สาว ว่า สาวแส.
แส,แส ๒ แส ๒ น. ชื่อไม้เถาชนิด Jacquemontia pentantha (Jacq.) G. Don ในวงศ์ Convolvulaceae ดอกเล็ก สีคราม, แสเถา ก็เรียก.
แส่ แส่ ก. เข้าไปยุ่งในเรื่องของคนอื่นหรือเรื่องที่มิใช่หน้าที่ของตนอยู่เนือง ๆ (เป็นคำไม่สุภาพ) เช่น แส่ไม่เข้าเรื่อง แส่หาเรื่อง.
แส้ แส้ น. ชื่ออุปกรณ์สำหรับปัดยุงหรือแมลง ทำด้วยขนหางม้า หรือทางจากที่ทุบปลายข้างหนึ่งเป็นเส้น เป็นต้น ลักษณะเป็นพู่ยาว มีด้าม; ชื่ออุปกรณ์สำหรับตีม้า ทำด้วยหวายหรือหนังสัตว์ถักหรือฟั่นเป็นเกลียว ยาวอย่างไม้เรียว เรียกว่า แส้ม้า, ไม้หรือเหล็กกลมยาวสําหรับกระทุ้งดินในลํากล้องปืนให้แน่น เรียกว่า แส้ปืน; ใช้ประกอบกับคํา สาว เป็น สาวแส้ หมายความว่า หญิงสาว.
แสก,แสก ๑ แสก ๑ น. แนวที่อยู่ระหว่างกลาง ในคำว่า แสกผม แสกหน้า.<2t>ก. แบ่งผมออกเป็น ๒ ส่วนเท่า ๆ กัน เรียกว่า แสกกลาง, ถ้าไม่เท่ากัน เรียกว่า แสกข้าง.<2t>ว. เรียกผมที่หวีแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนเท่า ๆ กันว่า ผมแสกกลาง, เรียกผมที่หวีแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนไม่เท่ากันว่า ผมแสกข้าง.
แสก,แสก ๒ แสก ๒ น. ชื่อนกในวงศ์ Tytonidae ในประเทศไทยพบ ๒ ชนิด คือ แสก (Tyto alba) พบอาศัยหลบพักตามต้นไม้หรือชายคา และ แสกแดง (Phodilus badius) ชนิดนี้ไม่พบอาศัยตามบ้านเรือน.
แสก,แสก ๓ แสก ๓ น. เรียกชนชาติหนึ่งในตระกูลมอญ-เขมร.
แสก ๆ แสก ๆ ว. แจ้ง ๆ เช่น กลางวันแสก ๆ.
แสกหน้า แสกหน้า น. ส่วนหน้าผากกึ่งกลางระหว่างคิ้ว.
แสง,แสง ๑ แสง ๑ น. ความสว่าง, สิ่งที่ทําให้ดวงตาแลเห็น; เพชรพลอย เช่น ตาวจิ้มแสง ว่า ดาบฝังพลอย.
แสง,แสง ๒ แสง ๒ น. อาวุธ, ศัสตรา, เครื่องมีคม, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระแสง เช่น พระแสงดาบ พระแสงปืน.
แสง,แสง ๓ แสง ๓ น. กางเกง, มักใช้เข้าคู่กับคํา เสื้อ เป็น เสื้อแสง หมายความว่า เสื้อและกางเกง.
แสงเงินแสงทอง แสงเงินแสงทอง น. แสงที่ปรากฏบนขอบฟ้าทางทิศตะวันออก เมื่อเวลาจะรุ่งสว่าง เมื่อแรกเป็นสีขาว เรียกว่า แสงเงิน แล้วแปรเป็นสีแดง เรียกว่า แสงทอง.
แสงจันทร์ แสงจันทร์ น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Pisonia grandis R. Br. ในวงศ์ Nyctaginaceae ใบบาง สีเหลืองอมเขียว.
แสงสว่าง แสงสว่าง น. แสงที่มีความสว่าง.
แสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ น. ชื่องูชนิด Xenopeltis unicolor ในวงศ์ Xenopeltidae โตเต็มวัยยาวประมาณ ๘๐ เซนติเมตร ตัวสีนํ้าตาลม่วงเป็นเงามัน ท้องขาว หัวแบน ตาเล็ก ออกหากินเวลากลางคืน ไม่มีพิษ.
แส้จามรี แส้จามรี น. แส้ที่ทำด้วยขนหางจามรี เป็น ๑ ในเครื่องเบญจกกุธภัณฑ์.
แสด,แสด ๑ แสด ๑ ว. มีสีเหลืองปนแดง เรียกว่า สีแสด.
แสด,แสด ๒ แสด ๒ ดู คําแสด (๑).
แสดง แสดง [สะแดง] ก. ชี้แจง, อธิบาย, บอกข้อความให้รู้, เช่น แสดงธรรม แสดงปาฐกถา, ทําให้ปรากฏออกมา เช่น แสดงตัว แสดงหลักฐาน; เล่น เช่น แสดงละคร แสดงภาพยนตร์. (ข. แสฺฎง).
แสดงออก แสดงออก ก. แสดงความรู้สึก ความคิดเห็น หรือความสามารถเป็นต้นให้ปรากฏ เช่น ภาพวาดนี้ย่อมแสดงออกซึ่งอารมณ์และความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี.
แสตมป์ แสตมป์ [สะแตม] น. ดวงตราไปรษณียากร, ตราไปรษณียากร ก็เรียก. (อ. stamp).
แสเถา แสเถา ดู แส ๒.
แสน แสน ว. สิบหมื่น; มากยิ่ง, เหลือเกิน, เช่น แสนลําบาก.<2t>น. ตําแหน่งนายทหารครั้งโบราณทางภาคพายัพ.
แสนกล แสนกล ว. มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายมาก, เจ้าเล่ห์แสนกล ก็ว่า.
แสนเข็ญ แสนเข็ญ ว. มากเหลือเกิน (มักใช้เกี่ยวกับความยากจน) เช่น เขาเป็นคนยากแค้นแสนเข็ญ.
แสนเข็น แสนเข็น ว. ยากแก่การที่จะอบรมสั่งสอนให้ดีได้ เช่น เด็กคนนี้ดื้อแสนเข็น.
แสนง แสนง [สะแหฺนง] น. เสนง.
แสนงอน แสนงอน ว. มีแง่งอนมาก เช่น เธอมีนิสัยแสนงอนมาตั้งแต่เด็ก.
แสนย,แสนย-,แสนย์ แสนย-, แสนย์ [แสนยะ-, แสน] น. คนในกองทัพ, ทหาร เช่น จ่าแสนย์ ว่า ผู้ควบคุมทหาร. (ส. ไสนฺย).
แสนยากร แสนยากร [-กอน] น. หมู่ทหาร, กองทัพ. (ส. ไสนฺย + อากร).
แสนยานุภาพ แสนยานุภาพ น. อํานาจทางทหาร เช่น ทหารเดินสวนสนามเพื่อแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ. (ส. ไสนฺย + อานุภาว).
แสนรู้ แสนรู้ ว. ฉลาดช่างรู้ เช่น ช้างแสนรู้ สุนัขแสนรู้.
แสนเสนาะ แสนเสนาะ [-สะเหฺนาะ] น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
แสนา แสนา ก. วัดนา, ตรวจสอบที่นา, เสนา ก็ว่า.
แสบ แสบ ก. อาการที่รู้สึกเจ็บปวดหรือระคายเคือง เช่น แสบตา แสบตัว แสบหน้า, อาการที่รู้สึกเผ็ดร้อน เช่น แสบปาก แสบลิ้น.
แสบก แสบก [สะแบก] น. หนังสัตว์ เช่น ให้ฉลักแสบกภาพอันชระ เปนบรรพบุรณะ นเรนทรราชบรรหาร. (สมุทรโฆษ). (ข.).
แสบแก้วหู,แสบหู แสบแก้วหู, แสบหู ก. อาการที่รู้สึกระคายหูเพราะเสียงดังหรือเสียงแหลมเกินขนาด เช่น เสียงรถจักรยานยนต์ดังแสบแก้วหู เสียงร้องกรี๊ด ๆ ฟังแล้วแสบหู.
แสบตา แสบตา ก. อาการที่รู้สึกเจ็บปวดหรือระคายเคืองตา, โดยปริยายหมายถึงลักษณะของสีบางชนิดที่จัดจ้าบาดลูกนัยน์ตา เช่น เขาใส่เสื้อสีแดงสดแสบตา.
แสบท้อง,แสบท้องแสบไส้ แสบท้อง, แสบท้องแสบไส้ ก. อาการที่หิวจัด เช่น หิวจนแสบท้อง, แสบไส้ หรือ แสบไส้แสบพุง ก็ว่า.
แสบเนื้อแสบตัว แสบเนื้อแสบตัว ก. อาการที่รู้สึกระคายเคืองที่ผิวหนัง เช่น เดินตากแดดร้อนจัด แสบเนื้อแสบตัวไปหมด.
แสบร้อน แสบร้อน ก. อาการที่รู้สึกทั้งแสบทั้งร้อน.
แสบไส้ แสบไส้ ก. อาการที่หิวจัด เช่น หิวจนแสบไส้, แสบท้อง แสบท้องแสบไส้ หรือ แสบไส้แสบพุง ก็ว่า; มีรสจัด ในคำว่า หวานแสบไส้, โดยปริยายหมายถึงรุนแรงอย่างยิ่ง เช่น ด่าได้แสบไส้จริง ๆ.
แสบไส้แสบพุง แสบไส้แสบพุง ก. อาการที่หิวจัด เช่น หิวจนแสบไส้แสบพุง, แสบท้อง แสบท้องแสบไส้ หรือ แสบไส้ ก็ว่า.
แสบหูแสบตา แสบหูแสบตา ก. อาการที่รู้สึกระคายเคืองตาอย่างมาก เช่น ข้างบ้านสุมไฟเผาขยะ ควันเต็มไปหมด ทำให้แสบหูแสบตา.
แสม,แสม ๑ แสม ๑ [สะแหฺม] น. (๑) ชื่อไม้ต้น ๓ ชนิดในสกุล Avicennia วงศ์ Avicenniaceae คือ แสมขาว (A. alba Blume) แสมทะเล (A. marina Vierh.) และ แสมดํา (A. officinalis L.) มีรากหายใจลักษณะเป็นแท่งตั้งตรง.<2t>(๒) ดู โปรง.
แสม,แสม ๒ แสม ๒ [สะแหฺม] น. ชื่อปูหลายชนิดในสกุล Neoepisesarma วงศ์ Grapsidae อยู่ตามป่าแสม.
แสม,แสม ๓ แสม ๓ [สะแหฺม] น. ชื่อลิงชนิด Macaca fascicularis ในวงศ์ Cercopithecidae เป็นลิงไทยที่มีหางยาวที่สุด คือ ยาวเท่ากับความยาวของหัวและลําตัวรวมกัน ตัวสีนํ้าตาลอมเทา ขนหัวสั้นและวนเป็นรูปขวัญ อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง พบทุกภาคของประเทศไทย กินพืช แมลง และปูแสม.
แสม,แสม ๔ แสม ๔ [สะแหฺม] น. ชื่อกุ้งทะเลหลายชนิดในสกุล Parapenaeopsis วงศ์ Penaeidae ลักษณะคล้ายกุ้งแชบ๊วย แต่มีสันกลางด้านหลังปล้องท้อง เช่น ชนิด P. hungerfordi.
แสมสาร แสมสาร [สะแหฺมสาน] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cassia garrettiana Craib ในวงศ์ Leguminosae แก่นใช้ทําลูกประสักเรือ ใบและแก่นใช้ทํายาได้.
แส้ม้า,แส้ม้า ๑ แส้ม้า ๑ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ผมแผงคอม้า.
แส้ม้า,แส้ม้า ๒ แส้ม้า ๒ น. ชื่อพยาธิตัวกลมในวงศ์ Trichuridae ลักษณะคล้ายแส้ตีม้า ตัวสีขาว ยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร ส่วนหัวและลำตัวบางเรียวยาวคล้ายเส้นผม ส่วนท้ายหนา อาศัยดูดกินเลือดอยู่ในลําไส้ใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ เช่น ชนิด Trichuris trichiura.
แส้ม้าทะลาย แส้ม้าทะลาย ดู ชิงชี่.
แสยก,แสยก ๑ แสยก ๑ [สะแหฺยก] ก. แยกเขี้ยวแสดงอาการให้เห็นน่ากลัว.
แสยก,แสยก ๒ แสยก ๒ [สะแหฺยก] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Pedilanthus tithymaloides Poit. ในวงศ์ Euphorbiaceae ใบหนา ดอกสีแดง ใช้ปลูกทําเป็นขอบสนาม, กะแหยก ก็เรียก.
แสยง แสยง [สะแหฺยง] ก. หวาดเกรง เช่น ตับตายหลายเหลือสังขยา ศพสูงเพียงผา แลดูพันฦกนิเห็นแสยง. (สมุทรโฆษ), มักใช้ว่า แหยง.
แสยงขน แสยงขน ก. ขนลุกด้วยความกลัวหรือเกลียดเป็นต้น.
แสยะ แสยะ [สะแหฺยะ] ก. อาการของปากที่แบะออก แสดงให้รู้ว่า เกลียด เกลียดกลัว เยาะเย้ย หรือ ดูแคลน.
แสรก แสรก [สะแหฺรก] น. สาแหรก เช่น กรนนเช้าแสรกคานก็พลัดจากอังษา. (ม. คำหลวง มัทรี). (ข. สงฺแรก).
แสร้ง แสร้ง [แส้ง] ก. แกล้ง, จงใจทําให้ผิดจากความจริง, จงใจทํา, เช่น รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแสร้งทำรังรวง. (กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน).
แสร้งว่า แสร้งว่า น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ทําด้วยกุ้งปรุงเป็นเครื่องจิ้ม.
แสลง แสลง [สะแหฺลง] ว. ไม่ถูกกับโรค เช่น แสลงโรค, ขัด เช่น แสลงหู แสลงตา.
แสลงใจ,แสลงใจ ๑ แสลงใจ ๑ ก. อาการที่รู้สึกกระทบกระเทือนใจเหมือนถูกของมีคมบาดหัวใจ เช่น พอเห็นคนรักเก่าเดินไปกับหญิงคนใหม่ ก็รู้สึกแสลงใจ.
แสลงใจ,แสลงใจ ๒ แสลงใจ ๒ [สะแหฺลง-] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Strychnos nux-vomica L. ในวงศ์ Strychnaceae ผลกลม สุกสีเหลือง เมล็ดกลมแบน มีแอลคาลอยด์หลัก ๒ ชนิด คือ สตริกนิน และ บรูซีน เป็นสารพิษ, ตูมกาแดง ก็เรียก, อีสาน เรียก แสลงเบื่อ, เมล็ดแก่แห้งใช้ทํายาได้ เรียก โกฐกะกลิ้ง.
แสลงเบื่อ แสลงเบื่อ [สะแหฺลง-] (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นแสลงใจ. (ดู แสลงใจ ๒).
แสล้ม แสล้ม [สะแล่ม] ว. สวย, งดงาม, แช่มช้อย, แฉล้ม หรือ แชล่ม ก็ใช้.
แสวง แสวง [สะแหฺวง] ก. เที่ยวหา, ค้นหา, เสาะหา. (ข.).
แสอก แสอก [สะแอก] น. เวลาพรุ่งนี้. (ข. แสฺอก).
แสะ แสะ น. ม้า. (ข.).
โสก,โสก ๑ โสก ๑ น. โศก. (ป.).
โสก,โสก ๒ โสก ๒ (ถิ่น-อีสาน) น. โฉลก, ลักษณะซึ่งมีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี ถ้าดีเรียกว่า ถูกโสก ถ้าไม่ดีเรียกว่า ไม่ถูกโสก มักกำหนดด้วยการดูลักษณะ วัดขนาด นับจำนวน เป็นต้น ของคน สัตว์ สิ่งของ ว่าเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล.
โสกโดก โสกโดก [โสกกะโดก] ว. สัปดน, หยาบโลน.
โสกันต์ โสกันต์ (ราชา) ก. โกนจุก (ใช้แก่พระองค์เจ้าขึ้นไป).
โสกาดานา โสกาดานา น. คนใช้, ขอเฝ้า. (ช.).
โสโครก โสโครก [โสโคฺรก] ว. สกปรก, เปื้อนเปรอะน่ารังเกียจ, โดยปริยายหมายความว่า เลว เช่น คนโสโครก ของโสโครก เรื่องโสโครก.<2t>น. เรียกแนวพืดหินหรือโขดหินใต้นํ้าใกล้ ๆ ผิวพื้นน้ำทะเล อาจมีบางส่วนโผล่พ้นน้ำหรือปริ่มน้ำก็ได้ เป็นอันตรายแก่การเดินเรือ ว่า หินโสโครก.
โสณ,โสณ- โสณ- [-นะ-] น. ทองคํา.<2t>ว. แดง. (ป.; ส. โศณ).
โสณฑ์ โสณฑ์ น. นักเลง, นักเลงเหล้า. (ป.; ส. เศาณฺฑ).
โสณะ,โสณะ ๑ โสณะ ๑ น. หมา. (ป.; ส. ศฺวาน).
โสณะ,โสณะ ๒ โสณะ ๒ น. ต้นไม้ชนิดหนึ่ง. (พจน. ๒๔๙๓). (ป.; ส. โศณ).
โสณิ,โสณี โสณิ, โสณี น. ตะโพก, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระโสณี. (ป.; ส. โศฺรณี).
โสด โสด น. กระทงความส่วนหนึ่ง, ส่วน, แผนก, เช่น อีกโสดหนึ่ง.<2t>ว. ทีเดียว; เดี่ยว, โดด, ไม่มีคู่, ยังไม่มีสามีหรือภรรยา, เช่น ชายโสด หญิงโสด.
โสดก โสดก [สะโดก] (กลอน) ว. เล็กน้อย, น้อยหนึ่ง. (ส. โสฺตก; ป. โถก).
โสดม โสดม [สะโดม] (แบบ) ก. สรรเสริญ, ชมเชย. (ส. โสฺตม; ป. โถม).
โสดา,โสดา ๑ โสดา ๑ น. ผู้ฟัง. (ป. โสตา; ส. โศฺรตฺฤ).
โสดา,โสดา ๒,โสดาบัน โสดา ๒, โสดาบัน น. ผู้แรกถึงกระแสธรรม (พระนิพพาน) เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นต้นใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์, บางทีก็เรียกสั้น ๆ ว่า พระโสดา. (ป. โสตาปนฺน; ส. โสฺรตสฺ + อาปนฺน).
โสดาปัตติผล โสดาปัตติผล [-ปัดติผน] น. ธรรมที่พระโสดาบันได้บรรลุ, บางทีก็กร่อนเป็น โสดา เช่น บรรลุโสดา. (ป. โสตาปตฺติผล; ส. โสฺรตสฺ + อาปตฺติ + ผล).
โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติมรรค [-ปัดติมัก] น. ทางปฏิบัติที่ให้สําเร็จเป็นพระโสดาบัน. (ป. โสตาปตฺติมคฺค; ส. โสฺรตสฺ + อาปตฺติ + มารฺค).
โสต,โสต-,โสต- ๑ โสต, โสต- ๑ [โสด, โสตะ-] น. หู, ช่องหู. (ป.; ส. โศฺรตฺร).
โสต-,โสต- ๒ โสต- ๒ [โสตะ-] น. กระแส, สายนํ้า. (ป.; ส. โสฺรตสฺ).
โสตถิ โสตถิ [โสดถิ] น. ความสวัสดี, ความเจริญรุ่งเรือง, เช่น เป็นประโยชน์โสตถิผล. (ป.; ส. สฺวสฺติ).
โสตทัศนวัสดุ โสตทัศนวัสดุ [โสตะทัดสะนะวัดสะดุ, โสดทัดสะนะวัดสะดุ] (กฎ) น. งานอันประกอบด้วยลำดับของภาพ โดยบันทึกลงในวัสดุไม่ว่าจะมีลักษณะอย่างใดอันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีก โดยใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการใช้วัสดุนั้น และหมายความรวมถึงเสียงประกอบงานนั้นด้วย ถ้ามี.
โสตทัศนอุปกรณ์ โสตทัศนอุปกรณ์ [โสตะทัดสะนะอุปะกอน, โสดทัดสะนะอุบปะกอน] น. อุปกรณ์การสอนสําหรับฟังและดู เช่นวิทยุ โทรทัศน์, ใช้ว่า โสตทัศนูปกรณ์ ก็มี.
โสตินทรีย์ โสตินทรีย์ น. หูซึ่งเป็นใหญ่ในการฟังเสียง. (ป. โสต + อินฺทฺริย).
โสทก โสทก [-ทก] น. นํ้า; ลําคลอง, ทางนํ้า.<2t>ว. กอบด้วยนํ้า. (ป., ส.).
โสทร โสทร [-ทอน] น. พี่น้องร่วมท้องกัน. (ป., ส.).
โสธก โสธก [-ทก] น. ผู้ชําระ, ผู้ทําให้สะอาด. (ป.; ส. โศธก).
โสธนะ โสธนะ [-ทะนะ] น. การทําความสะอาด, การชําระล้าง. (ป.; ส. โศธน).
โสน,โสน ๑ โสน ๑ [สะโหฺน] น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Sesbania javanica Miq. ในวงศ์ Leguminosae ใบเล็ก ๆ คล้ายใบมะขาม ดอกสีเหลืองกินได้, โสนกินดอก หรือ โสนหิน ก็เรียก.
โสน,โสน ๒ โสน ๒ [สะโหฺน] ดู ด้วงโสน.
โสนกินดอก โสนกินดอก ดู โสน ๑.
โสนคางคก โสนคางคก น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Aeschynomene aspera L. ในวงศ์ Leguminosae ขึ้นตามที่น้ำขัง เนื้อไม้ใช้ทำหมวกกะโล่.
โสนหางไก่ โสนหางไก่ น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Aeschynomene indica L. ในวงศ์ Leguminosae ขึ้นในน้ำ ยอดและดอกกินได้.
โสนหิน โสนหิน ดู โสน ๑.
โสภ,โสภ-,โสภา,โสภี โสภ-, โสภา, โสภี [โสพะ-] ว. งาม เช่น สาวโสภา, (ปาก) งาม, ดี, เช่น พูดอย่างนี้ไม่โสภาเลย. (ป. สุภ; ส. ศุภ).
โสภณ โสภณ [โสพน] ว. งาม. (ป.; ส. โศภน).
โสภิณี,โสเภณี โสภิณี, โสเภณี น. หญิงที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าประเวณี, นครโสเภณี หญิงนครโสเภณี หญิงงามเมือง หรือ หญิงหากิน ก็ว่า. (ป. โสภิณี ว่า หญิงงาม; ส. โศภินี).
โสม,โสม ๑ โสม ๑ น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัว ๒ ชนิดในสกุล Talinum วงศ์ Portulacaceae ใบอวบนํ้า คือ ชนิด T. paniculatum Gaertn. ใบกินได้และใช้ทํายาได้ และชนิด T. triangulare Willd. ใบและยอดกินได้.
โสม,โสม ๒ โสม ๒ น. นํ้าคั้นจากต้นของไม้เถาชนิดหนึ่ง กรองแล้วนำมาผสมกับเนยใส เพื่อใช้เซ่นสรวงพระอินทร์และเทพอื่น ๆ. (ส.).
โสม,โสม ๓ โสม ๓ น. พระจันทร์ เช่น เห็นนางนวลศรีมีโฉม ดังโสมส่องหล้าราศี. (กนกนคร). (ป., ส.).
โสม,โสม ๔ โสม ๔ (โบ) น. ทอง, ในวรรณคดีนิยมเขียนเป็น โสรม เช่น ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรม. (กำสรวล).
โสมนัส,โสมนัส ๑ โสมนัส ๑ [โสมมะนัด] น. ความสุขใจ, ความปลาบปลื้ม, ความเบิกบาน. (ป. โสมนสฺส).
โสมนัส,โสมนัส ๒ โสมนัส ๒ [โสมมะนัด] น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยมะพร้าวคั่ว ไข่ขาว และน้ำตาลทราย หยอดเป็นก้อนกลม แล้วผิงให้กรอบ, โบราณเรียก โคมะนัส เพี้ยนมาจาก coconut.
โสมม โสมม [โส-มม] ว. สกปรกเลอะเทอะ, น่าขยะแขยง, เช่น ของโสมม จิตใจโสมม.
โสมย์ โสมย์ [โสม] ว. เป็นที่พอใจ, เป็นที่พึงใจ. (ส.; ป. โสมฺม).
โสมวาร โสมวาร [โสมมะวาน] น. วันจันทร์, จันทวาร หรือ จันทรวาร ก็ว่า.
โสมส่องแสง โสมส่องแสง น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
โสร่ง โสร่ง [สะโหฺร่ง] น. ผ้านุ่งเป็นถุงมีลวดลายต่าง ๆ อย่างชาวชวามลายูนุ่งเป็นต้น. (ม. sarung, sarong).
โสร่งแขก โสร่งแขก ดู ผีเสื้อเงิน.
โสรจ โสรจ [โสด] ก. อาบ, สรง, ชําระ, ทําให้สะอาด. (ข. โสฺรจ; ป. โสจ; ส. เศาจ).
โสรจสรง โสรจสรง [โสดสง] (ราชา) ก. อาบนํ้า.
โสรวาร โสรวาร [โสระวาน] น. วันเสาร์, ศนิวาร ก็ว่า. (ป.).
โสโร โสโร (โหร) น. ชื่อยาม ๑ ใน ๘ ยาม ในเวลากลางคืน. (ดู ยาม).
โสวรรณ โสวรรณ [-วัน] ว. เป็นทอง, ทําด้วยทอง. (ป. โสวณฺณ; ส. เสาวรฺณ).
โสหัท โสหัท น. เพื่อน, ผู้มีใจดี. (ป., ส.).
โสหุ้ย โสหุ้ย น. ค่าใช้จ่าย. (จ.).
โสฬส โสฬส [-ลด] ว. สิบหก.<2t>น. ชั้นพรหมโลก ๑๖ ชั้น ถือกันว่าเป็นที่มีสุขอย่างยอดยิ่ง; ตําราเล่นการพนันครั้งโบราณสําหรับเล่นหวย เล่นถั่ว; เรียกเงินปลีกสมัยก่อน ๑๖ อัน เป็น ๑ เฟื้อง, เรียกย่อว่า ฬส. (ป.).
ใส ใส ว. แจ่มกระจ่าง เช่น ฟ้าใส, ไม่ขุ่น, ไม่มัว, เช่น น้ำใส กระจกใส.
ใส่ ใส่ ก. สวม เช่น ใส่เสื้อ ใส่กางเกง, เอาไว้ข้างในภาชนะหรือสถานที่เป็นต้น เช่น กรอกน้ำใส่ขวด นำนักโทษไปใส่คุก, บรรทุก เช่น เอาสินค้าใส่รถ.
ใส่ไข่ ใส่ไข่ (สำ) อาการที่พูดขยายความให้เกินความจริง, ใส่สีสัน หรือ ใส่สีใส่สัน ก็ว่า.
ใส่ความ ใส่ความ ก. พูดหรือเขียนให้ร้ายป้ายสี, กล่าวหาเรื่องร้ายให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย, เช่น เขามีนิสัยไม่ดี ชอบใส่ความคนอื่น.
ใส่คะแนนไม่ทัน ใส่คะแนนไม่ทัน (ปาก) ว. เร็วมาก, คล่องมาก, (ใช้แก่กริยาพูด), เช่น เธอพูดเร็วมากจนใส่คะแนนไม่ทัน.
ใส่ไคล้ ใส่ไคล้ ก. หาความใส่ร้ายผู้อื่นด้วยเล่ห์กล.
ใส่จริต ใส่จริต ก. แสร้งทำกิริยาท่าทางหรือวาจาให้ดูน่ารักเพื่อเรียกร้องความสนใจเป็นต้น (มักใช้แก่หญิง).
ใส่ใจ ใส่ใจ ก. ใส่ไว้ในใจ, จดจำ, เช่น จำใส่ใจไว้ให้ดีนะ, เอาใจจดจ่อ เช่น นักเรียนควรใส่ใจในการศึกษาเล่าเรียนให้มาก.
ใส่ตะกร้าล้างน้ำ ใส่ตะกร้าล้างน้ำ (สํา) ก. ทําให้หมดราคี, ทําให้หมดมลทิน, (ใช้แก่ผู้หญิงที่มีราคีคาว) เช่น หญิงที่มีราคีแล้ว ถึงจะใส่ตะกร้าล้างน้ำก็ไม่หมดราคีคาว.
ใส่ถ้อยร้อยความ ใส่ถ้อยร้อยความ (สํา) ก. ใส่ความ, พูดหาเหตุหาเรื่อง.
ใส่ไฟ ใส่ไฟ ก. เติมเชื้อเพลิง เช่น คอยเอาฟืนใส่ไฟไว้นะ อย่าให้ไฟดับ; จุดไฟเผาศพ; โดยปริยายหมายถึงให้ร้ายผู้อื่นทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น เขาใส่ไฟผม อย่าไปเชื่อ.
ใส่ยา ใส่ยา ก. เอายาโรยหรือทาเป็นต้นที่บาดแผล.
ใส่ร้าย,ใส่ร้ายป้ายสี ใส่ร้าย, ใส่ร้ายป้ายสี ก. หาความร้ายป้ายผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย เช่น เขาใส่ร้ายฉันว่าขโมยของเพื่อน.
ใส่สาแหรกแขวนไว้ ใส่สาแหรกแขวนไว้ (สํา) ก. เลี้ยงดูอย่างพะเน้าพะนอไม่ต้องให้ทําอะไร.
ใส่สีสัน,ใส่สีใส่สัน ใส่สีสัน, ใส่สีใส่สัน (สํา) ว. อาการที่พูดขยายความให้เกินความจริง, ใส่ไข่ ก็ว่า.
ใส่ไส้ ใส่ไส้ ก. สอดไส้ไว้ข้างใน, เรียกขนมชนิดหนึ่ง มีไส้หน้ากระฉีก ปั้นเป็นก้อนหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียวดำ แล้วหยอดด้วยแป้งข้าวเจ้า ผสมกะทิ และเกลือ ซึ่งกวนสุกแล้ว ห่อด้วยใบตองหรือใส่กระทงนึ่งให้สุก ว่า ขนมใส่ไส้, ขนมสอดไส้ ก็ว่า.
ใส่หน้ากาก ใส่หน้ากาก (สํา) ก. แสดงทีท่าหรือกิริยาอาการที่มิได้เกิดจากนิสัยใจจริง, แสดงกิริยาท่าทีลวงให้เข้าใจผิด, เช่น ต่างคนต่างใส่หน้ากากเข้าหากัน, สวมหน้ากาก ก็ว่า.
ใส่หน้ายักษ์ ใส่หน้ายักษ์ (สํา) ก. ทําหน้าถมึงทึงแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน, ตีหน้ายักษ์ ก็ว่า.
ใส่หม้อถ่วงน้ำ ใส่หม้อถ่วงน้ำ ก. ใช้เวทมนตร์คาถาเรียกวิญญาณผีใส่หม้อดิน แล้วเอาผ้าขาวปิดปากหม้อ เอาเชือกผูกคอหม้อ เสกคาถาขังวิญญาณไว้ในนั้น แล้วเอาไปถ่วงน้ำเพื่อไม่ให้วิญญาณออกมาอาละวาดอีก.
ใส่หม้อลอยน้ำ ใส่หม้อลอยน้ำ ก. ขนันศพเด็กทารกแรกเกิดใส่หม้อดิน เอาผ้าขาวปิดปากหม้อพร้อมกับร่ายคาถากำกับ แล้วเอาไปลอยน้ำ.
ไส,ไส ๑ ไส ๑ ก. เสือกไป, ผลักไป, ส่งไป, รุนไป, ดันไป.
ไส,ไส ๒ ไส ๒ (โบ) น. เรียกลูกชายคนที่ ๔ ว่า ลูกไส.
ไส้,ไส้ ๑ ไส้ ๑ น. ส่วนของทางเดินอาหารซึ่งอยู่ระหว่างกระเพาะอาหารกับทวารหนัก เป็นท่อยาวขดไปขดมาอยู่ในช่องท้อง มีหน้าที่ย่อย ดูดซึมอาหารและนํ้า พักและขับถ่ายกากอาหาร, ลําไส้ ก็เรียก; เรียกของที่อยู่ข้างในซึ่งมีลักษณะเช่นนั้น เช่น ไส้ตะเกียง หรือที่ใส่ข้างใน เช่น ไส้ขนม ไส้ดินสอ; โดยปริยายหมายความว่า ความลับ เช่น สาวไส้ให้กากิน รู้ไส้; คนในครอบครัว, คนภายใน, คนใกล้ชิด, เช่น เห็นขี้ดีกว่าไส้ ไส้เป็นหนอน.
ไส้,ไส้ ๒ ไส้ ๒ (ถิ่น-พายัพ) น. ปีมะเส็ง.
ไสกบ ไสกบ ก. กดกบลงบนไม้แล้วดันกบเพื่อทำให้หน้าไม้เรียบ ให้เป็นราง หรือลอกบัว ลอกลวด เป็นต้น, ไสไม้ ก็เรียก.
ไส้กรอก ไส้กรอก น. ชื่ออาหารคาวชนิดหนึ่ง เอาเนื้อสัตว์หรือข้าวสุกผสมเครื่องปรุงยัดในไส้หมูเป็นต้น.
ไส้ไก่ ไส้ไก่ น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นอย่างไส้ขดเป็นวง, เรียกของที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น ขดหลอดแก้วในเครื่องควบแน่นสำหรับทำให้ไอร้อนกลั่นตัวเป็นของเหลว ไส้ไก่หัวสูบลมรถจักรยาน.
ไส้แขวน ไส้แขวน ว. หิวจัด มักใช้เข้าคู่กับคำ ไส้กิ่ว เป็น ไส้กิ่วไส้แขวน เช่น หิวจนไส้กิ่วไส้แขวน, ท้องกิ่วท้องแขวน ก็ว่า.
ไส้เดือน,ไส้เดือน ๑ ไส้เดือน ๑ น. ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด บางชนิดลําตัวมีปล้อง บางชนิดไม่มี ชนิดที่รู้จักดี คือ ไส้เดือนดิน (Pheretima peguana) ในวงศ์ Megascolecidae ลําตัวเป็นปล้อง มักมีชุกชุมตามดินชื้นร่วนซุย ตามใต้กองขยะมูลฝอย, ไส้เดือนฝอยรากปม (Meloidogyne javanica) ในวงศ์ Heteroderidae ลําตัวเป็นริ้วไม่เป็นปล้อง เป็นปรสิตตามรากผัก ถั่ว และต้นไม้.
ไส้เดือน,ไส้เดือน ๒ ไส้เดือน ๒ น. ชื่อพยาธิทางเดินอาหารในวงศ์ Ascaridae เป็นพยาธิตัวกลมขนาดใหญ่ ลําตัวสีขาวหม่น หัวแหลมท้ายแหลม อาศัยอยู่ในลําไส้ของมนุษย์และสัตว์ ถ้ามีมากจะทําให้เกิดลําไส้อักเสบหรือลําไส้อุดตันได้ มีหลายชนิด เช่น ชนิด Ascaris lumbricoides พบในลําไส้ของคน, ชนิด A. suum พบในลําไส้ของหมู.
ไส้ตัน,ไส้ตัน ๑ ไส้ตัน ๑ น. ไส้ติ่ง; (ปาก) มดลูกหมู.
ไส้ตัน,ไส้ตัน ๒ ไส้ตัน ๒ น. ชื่อปลาทะเลในสกุล Stolephorus วงศ์ Engraulidae เป็นปลาสกุลหนึ่งในกลุ่มปลากะตัก เนื้อใส มีแถบสีเงินพาดกลางลําตัวจากแนวตาถึงโคนหาง ขนาดยาวได้ถึง ๒๐ เซนติเมตร ใช้หมักทํานํ้าปลา. (ดู กะตัก).
ไส้ตัน,ไส้ตัน ๓ ไส้ตัน ๓ น. ชื่อไม้เถาหรือไม้พุ่มรอเลื้อยชนิด Aganosma marginata G. Don ในวงศ์ Apocynaceae ดอกสีขาว กลิ่นหอม.
ไส้ติ่ง ไส้ติ่ง น. ไส้ที่เป็นติ่งย้อยจากลําไส้ใหญ่ของคน, ไส้ตัน ก็ว่า.
ไสน้ำแข็ง ไสน้ำแข็ง ก. ดันก้อนน้ำแข็งไปบนเครื่องไสที่เป็นม้าไม้ ๒ ขาเตี้ย ๆ ตรงกลางมีใบกบฝังจากข้างล่าง ให้คมอยู่ข้างบน เพื่อย่อยน้ำแข็งให้เป็นฝอย, เรียกน้ำแข็งที่มีลักษณะเช่นนั้นว่า น้ำแข็งไส.
ไส้เป็นน้ำเหลือง ไส้เป็นน้ำเหลือง (สํา) ว. อดอยากยากแค้น, ไม่มีอะไรกิน.
ไส้เป็นหนอน ไส้เป็นหนอน (สํา) น. ญาติมิตร สามีภรรยา บุตรธิดา เพื่อนร่วมงาน หรือคนในบ้าน คิดคดทรยศ, เกลือเป็นหนอน ก็ว่า.
ไสไม้ ไสไม้ ก. กดกบลงบนไม้แล้วดันกบเพื่อทำให้หน้าไม้เรียบ ให้เป็นราง หรือลอกบัว ลอกลวด เป็นต้น, ไสกบ ก็เรียก.
ไสย,ไสย- ไสย, ไสย- [ไส, ไสยะ-] น. ลัทธิอันเนื่องด้วยเวทมนตร์คาถาซึ่งเชื่อว่าได้มาจากพราหมณ์ เช่น ถูกคุณถูกไสย.
ไสยเวท,ไสยศาสตร์ ไสยเวท, ไสยศาสตร์ [ไสยะเวด, ไสยะสาด] น. ตําราทางไสย, วิชาทางไสย.
ไสยา ไสยา น. การนอน, ที่นอน. (ป. เสยฺยา; ส. ศยฺยา).
ไสยาสน์ ไสยาสน์ [ไสยาด] ก. นอน, เรียกพระพุทธรูปในท่านอนว่า พระไสยาสน์ หรือ พระพุทธไสยาสน์, เรียกพระพุทธรูปปางนอนว่า พระปางไสยาสน์.<2t>น. ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย พระหัตถ์ซ้ายทอดทาบไปตามพระกายเบื้องซ้าย พระหัตถ์ขวาหงายวางอยู่ที่พื้นข้างพระเขนย พระบาททั้ง ๒ ตั้งซ้อนกัน. [ป. เสยฺย (นอน) + อาสน (นั่ง)].
ไสร้ ไสร้ [ไส้] (โบ) ว. ไซร้, คําสําหรับเน้นความหมายของคําหน้า มีความหมายไปในทางว่า อย่างนั้น, เช่นนั้น, ทีเดียว.
ไส้ละมาน ไส้ละมาน น. หนังหรือหวายที่ถักไว้รอบ ๆ ขอบหนังทั้ง ๒ หน้าของกลอง สําหรับให้หนังเรียดร้อยกลับไปกลับมาในระหว่างหนังทั้ง ๒ หน้าจนรอบตัวกลองเพื่อเร่งเสียง.
ไส้เลื่อน ไส้เลื่อน น. ชื่อโรคที่ลําไส้ลงมาตุงที่ถุงอัณฑะ.
ไสว ไสว [สะไหฺว] ว. อาการที่ชูสะพรั่งอยู่ไหว ๆ เช่น ธงโบกสะบัดอยู่ไสว; ทั่วไป ในคำว่า สว่างไสว.
ไส้ศึก ไส้ศึก น. ผู้ที่นําความลับในหมู่ที่ตัวร่วมด้วยไปบอกฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์.
ไสหัว ไสหัว ก. ขับไล่อย่างไม่เกรงใจ เช่น ไสหัวออกไปจากบ้าน.
ไส้แห้ง ไส้แห้ง ว. ยากจน, อดอยาก.
ไส้อั่ว ไส้อั่ว (ถิ่น-พายัพ) น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ใช้หมูสับคลุกกับเครื่องปรุงแล้วยัดในไส้หมู อาจย่างหรือทอดให้สุกเกรียมก็ได้.
ห ห พยัญชนะตัวที่ ๔๑ อยู่ในพวกอักษรสูง เช่น หา เห็นใช้นําอักษรตํ่าที่เป็นอักษรเดี่ยวให้มีเสียงสูงและไม่ออกเสียงตัว ห เช่น หงอย หนา.
หก,หก ๑ หก ๑ ก. อาการที่ส่วนเบื้องสูงของร่างกาย ของภาชนะ หรือของสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอียงลง เทลง ในทันใดจากที่เดิม เช่น หกต่ำหกสูง น้ำหก ข้าวหก, โดยปริยายเรียกอาการเช่นนั้น เช่น กระดานหก.
หก,หก ๒ หก ๒ น. ชื่อนกปากขอขนาดเล็กหลายชนิดในวงศ์ Psittacidae หัวโต ปากหนาใหญ่ ตัวสีเขียว หางสั้น อยู่รวมกันเป็นฝูง ทํารังในโพรงไม้ มักเกาะห้อยหัวลง กินผลไม้และเมล็ดพืช ในประเทศไทยมี ๓ ชนิด คือ หกใหญ่ (Psittinus cyanurus) หกเล็กปากแดง (Loriculus vernalis) และหกเล็กปากดํา (L. galgulus).
หก,หก ๓ หก ๓ น. จํานวนห้าบวกหนึ่ง; ชื่อเดือนจันทรคติ เรียกว่า เดือน ๖ ตกในราวเดือนพฤษภาคม.
หกคว่ำ หกคว่ำ ก. อาการที่ภาชนะเอียงคว่ำลง; ล้มคว่ำ, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ คะมำหงาย เป็น หกคว่ำคะมำหงาย ซึ่งมีความหมายคล้ายกับ ล้มคว่ำคะมำหงาย.
หกคะเมน หกคะเมน ก. ล้มหัวทิ่ม เช่น หกคะเมนลงไปข้างท้องร่อง, เอาหัวหรือมือทั้ง ๒ ข้างปักลงที่พื้น ยกเท้าชี้ขึ้นข้างบน แล้วม้วนตัวไปข้างหลัง, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ ตีลังกา เป็น หกคะเมนตีลังกา.
หกบท หกบท น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
หกล้ม หกล้ม ก. ล้มลง, ทรุดตัวลงเพราะเสียการทรงตัว.
หกโล่ หกโล่ [หกกะโล่] ก. หกกลิ้ง. (ต. โล่ ว่า กลิ้ง).
หกหัน หกหัน ก. หันกลับ, หมุนกลับ.
หกเหียน หกเหียน น. เรียกไม้ดัดแบบหนึ่งที่มีหุ่นหักลงดิน แล้ววกกลับขึ้นมา ว่า ไม้หกเหียน.
หง หง ว. มีสีแดงเจือสีขาวทำให้สีแดงนั้นอ่อนลง เช่น หงเสน คือ สีแดงเสนผสมสีขาว, หงชาด คือ สีแดงชาดผสมสีขาว หงดิน คือ สีแดงเลือดหมูผสมสีขาว.
หงก ๆ หงก ๆ ว. อาการที่หัวหงุบลงแล้วเผยอขึ้นเร็ว ๆ, อาการที่เดินโดยทําหัวเช่นนั้น เรียกว่า เดินหงก ๆ.
หงส,หงส-,หงส์,หงส์ ๑ หงส-, หงส์ ๑ [หงสะ-, หง] น. นกในนิยายถือว่าเป็นนกในตระกูลสูง มีเสียงไพเราะ เป็นพาหนะของพระพรหม; ในวรรณคดีหมายถึงบุคคลที่มีชาติตระกูลสูงและเปรียบการเดินที่งดงามอ่อนช้อยและเป็นสง่าเทียบด้วยการเดินของหงส์. (ป., ส. หํส).
หงส์,หงส์ ๒ หงส์ ๒ [หง] น. ชื่อนกจําพวกเป็ดในวงศ์ Anatidae ลําตัวใหญ่ คอยาว มีหลายชนิด เช่น หงส์ขาว (Cygnus olor) หงส์ดํา (C. atratus).
หงสคติ หงสคติ [หงสะคะติ] น. ท่าเดินอย่างหงส์ คือ มีลักษณะงดงามอ่อนช้อยและเป็นสง่า.
หงส์ทอง หงส์ทอง น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
หงสบาท หงสบาท [หงสะบาด] ว. มีสีคล้ายเท้าหงส์ คือ สีแดงปนเหลือง, สีแดงเรื่อ หรือ สีแสด ก็ว่า. (ป.).
หงสโปดก หงสโปดก [หงสะโปดก] (วรรณ) น. ลูกหงส์, เขียนเป็น หงษโปฎก ก็มี เช่น ดุจหงษโปฎก กระเหว่าเหล่านก พลัดแม่สูญหาย. (ม. คำหลวง มัทรี).
หงสรถ หงสรถ [หงสะรด] น. พระผู้มีหงส์เป็นพาหนะ คือ พระพรหม.
หงส์ร่อนมังกรรำ หงส์ร่อนมังกรรำ น. ชื่อพิธีกรรมทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งที่หญิงทําเพื่อให้ผัวหลงรักตัวคนเดียว.
หงสราช หงสราช [หงสะราด] น. พญาหงส์.
หงสลีลา,หงส์ลีลา,หงส์ลีลา ๑ หงสลีลา, หงส์ลีลา ๑ [หงสะลีลา, หงลีลา] น. ท่าเดินอย่างหงส์.
หงส์ลีลา,หงส์ลีลา ๒ หงส์ลีลา ๒ [หงลีลา] น. ชื่อท่ารำท่าหนึ่งอยู่ในลำดับว่า นาคาม้วนหาง กวางเดินดง หงส์ลีลา. (ฟ้อน).
หงส์แล่น หงส์แล่น น. เครื่องประดับสันหลังคาหรือส่วนฐานของอาคาร ทำด้วยปูน ไม้ หรือหิน เป็นรูปหงส์เรียงกันเป็นแถว.
หงส์หยก หงส์หยก น. ชื่อนกปากขอขนาดเล็กชนิด Melopsittacus undulatus ในวงศ์ Psittacidae ตัวมีหลายสี เช่น เขียว เหลือง ฟ้า ขาว ปากสีนํ้าตาล กินเมล็ดพืช มีถิ่นกําเนิดในประเทศออสเตรเลีย.
หงอ หงอ ว. อาการที่กลัวจนตัวงอ, อาการที่กลัวลานหรือครั่นคร้ามไม่กล้าสู้, ในคำว่า กลัวหงอ, ใช้ว่า หงอก๋อ ก็มี.
หงอก หงอก [หฺงอก] ว. ขาว (ใช้แก่ผมหรือหนวดเคราเป็นต้นที่เปลี่ยนจากสีเดิมเป็นสีขาว).
หง่อง ๆ หง่อง ๆ ว. อาการที่เดินขย่มตัวหัวสั่นหัวคลอนไปตามลำพัง, โดยปริยายหมายถึงเดินอยู่ตามลำพัง; เสียงดังเช่นเสียงฆ้องกระแต.
หงองแหงง หงองแหงง [หฺงองแหฺงง] ก. ระหองระแหง, ไม่ลงรอยกัน.
หงอด,หงอด ๆ หงอด, หงอด ๆ [หฺงอด] ว. เงื่อง, ช้า; ไม่ใคร่จะหาย (ใช้แก่การเจ็บไข้ได้ป่วย); อาการบ่นด้วยความไม่พอใจ.
หงอน หงอน [หฺงอน] น. ขนหรือเนื้อที่งอกขึ้นบนหัวไก่และนกบางชนิด, โดยปริยายใช้เรียกของที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น ค้อนหงอน ขวานหงอน.
หงอนไก่ หงอนไก่ น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Celosia argentea L. var. cristata Kuntze ในวงศ์ Amaranthaceae ดอกสีแดงลักษณะคล้ายหงอนไก่.<2t>(๒) ชื่อไม้ต้นชนิด Heritiera littoralis Ait. ในวงศ์ Sterculiaceae ผลเป็นสัน.<2t>(๓) ชื่อไม้พุ่มรอเลื้อยชนิด Cnestis palala Merr. ในวงศ์ Connaraceae ดอกสีแดง ลักษณะคล้ายหงอนไก่, หงอนไก่ป่า ก็เรียก.
หงอนไก่ป่า หงอนไก่ป่า ดู หงอนไก่ (๓).
หง่อม หง่อม [หฺง่อม] ว. แก่มาก ในคำว่า แก่หง่อม.
หงอย หงอย [หฺงอย] ว. ซึมเซา, ไม่ชุ่มชื่น, ไม่กระปรี้กระเปร่า, ไม่ร่าเริง.
หง่อย หง่อย ว. เชื่องช้า, ไม่ฉับไว, เงื่อง.
หงอยก๋อย หงอยก๋อย ว. ซบเซา, จับเจ่า, เซื่องซึม, ง่วงเหงา.
หงอยเหงา หงอยเหงา [หฺงอยเหฺงา] ว. เปลี่ยวใจไม่กระปรี้กระเปร่า, เหงาหงอย ก็ว่า.
หงัก หงัก ว. มาก เช่น แก่หงัก, งั่ก ก็ว่า.
หงัก ๆ หงัก ๆ ว. อาการที่สั่นสะท้าน; อาการที่เดินสั่น ๆ มา, งั่ก ๆ ก็ว่า.
หงับ ๆ หงับ ๆ ว. อาการที่ปากอ้าและหุบลงโดยไม่มีเสียง เช่น ทำปากหงับ ๆ, อาการที่เคี้ยวของ เช่น เคี้ยวขนมหงับ ๆ.
หง่าง หง่าง ว. เสียงอย่างเสียงระฆังดัง, มักใช้ว่า หง่างเหง่ง หรือ เหง่งหง่าง.
หงาย หงาย ก. พลิกเอาด้านหน้าขึ้น เช่น หงายหน้า หงายมือ หงายไพ่, ตรงข้ามกับ ควํ่า.<2t>ว. อาการที่พลิกเอาด้านหน้าขึ้น เช่น หน้าหงาย; เรียกคืนที่มีดวงจันทร์ส่องแสงสว่าง ว่า คืนเดือนหงาย.
หงายท้อง,หงายหลัง หงายท้อง, หงายหลัง (สำ) ก. ผิดไปจากที่คาดหวังไว้อย่างมาก เช่น มั่นใจว่าจะต้องสอบได้แน่ แต่พอไปดูประกาศผลการสอบ ไม่พบชื่อตัวเอง ก็หงายท้องกลับมา.
หงายบาตร หงายบาตร (สำ) น. สังฆกรรมที่คณะสงฆ์ประกาศยกโทษให้แก่คฤหัสถ์ที่เคยถูกประกาศคว่ำบาตรมาแล้ว ด้วยการยอมรับบิณฑบาตเหมือนเดิม.
หง่าว หง่าว ว. เสียงอย่างเสียงแมวตัวผู้ร้องหาแมวตัวเมีย, โดยปริยายหมายความว่า โดดเดี่ยว, เหงาอยู่ตามลำพัง, เช่น ปล่อยให้นั่งหง่าวอยู่คนเดียว.<2t>น. เรียกว่าวชนิดหนึ่งที่มีเสียงดังเช่นนั้นว่า ว่าวหง่าว.
หงำ หงำ [หฺงํา] ว. มากจนเลอะเทอะ เช่น เมาหงํา แก่หงํา.
หงำเหงอะ,หงำเหงือก หงำเหงอะ, หงำเหงือก [หฺงําเหฺงอะ, หฺงำเหฺงือก] ว. หลงจนจำอะไรไม่ได้ (ใช้แก่คนที่แก่มาก).
หงิก หงิก ว. งอที่ปลาย เช่น มือหงิก คือ มือเหยียดนิ้วไม่ออก, ใบไม้หงิก คือ ใบไม้ปลายงอ; โดยปริยายหมายความว่า อาการที่เหนื่อยหน่ายเนื่องจากถูกดุ ถูกใช้ หรือทำงานหนักมากเป็นต้น เช่น ถูกแม่ดุเสียหงิกไปเลย, อาการที่ถูกว่าย้อนกลับมาจนเสียหน้า.
หงิกงอ,หงิก ๆ งอ ๆ หงิกงอ, หงิก ๆ งอ ๆ ว. คดงอไปมา เช่น ใบพริกถูกมดคันไฟขึ้นเลยหงิกงอ ใบโกรต๋นบางชนิดหงิก ๆ งอ ๆ ตามธรรมชาติ.
หงิง ๆ หงิง ๆ ว. อาการที่เปล่งเสียงคราง ร้อง ร้องไห้ หรือร้องเพลงเบา ๆ เช่น คนไข้ครางหงิง ๆ เธอร้องไห้หงิง ๆ เขาครวญเพลงหงิง ๆ.
หงิม,หงิม ๆ หงิม, หงิม ๆ ว. อาการที่แสดงท่าทางเฉย ๆ ไม่ค่อยพูด.
หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน หงิม ๆ หยิบชิ้นปลามัน (สำ) น. ลักษณะของบุคคลที่มีท่าทางหงิม ๆ แต่ความจริงเป็นคนฉลาด มีวิธีเลือกเอาดี ๆ ไปได้.
หงึก ๆ หงึก ๆ ว. อาการที่พยักหน้าเป็นการรับรู้, งึก ๆ ก็ว่า.
หงึกหงัก หงึกหงัก ว. ติด ๆ ขัด ๆ เช่น วันนี้สมองตื้อ จะเขียนอะไรก็ติดหงึกหงักไปหมด.
หงุงหงิง,หงุง ๆ หงิง ๆ หงุงหงิง, หงุง ๆ หงิง ๆ ว. มีเสียงพูดกันเบา ๆ เช่น เด็ก ๆ คุยกันหงุงหงิง หนุ่มสาวคุยกันหงุง ๆ หงิง ๆ.
หงุดหงิด หงุดหงิด ว. มีอารมณ์เสียอยู่เสมอ ๆ เช่น เขาเป็นคนหงุดหงิดง่าย, มีอารมณ์เสียเพราะไม่ได้ดังใจหรือไม่เป็นไปตามกำหนดเป็นต้น.
หงุบ,หงุบ ๆ หงุบ, หงุบ ๆ ว. อาการที่ฟุบหัวลงเมื่อเวลาง่วงนอน เช่น เขานั่งโงกหงุบ.
หงุบหงับ หงุบหงับ ว. สัปหงก, อาการที่นั่งโงกหัวหงุบลงแล้วเงยขึ้น; อาการที่เคี้ยวอาหารด้วยฟันปลอมที่สบกันไม่สนิท มักมีเสียงดังเช่นนั้น.
หงุ่ย หงุ่ย ว. อาการที่ทําสิ่งใดก็ทําเรื่อยไปแต่สิ่งนั้น, เพลินในการทําการงาน, ขลุกขลุ่ย.
หญ้า,หญ้า ๑ หญ้า ๑ น. ชื่อเรียกไม้ล้มลุกหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Gramineae เช่น หญ้าคา (Imperata cylindrica Beauv.) หญ้าตีนกา (Eleusine indica Gaertn.) หญ้าแพรก (Cynodon dactylon Pers.); ใช้อนุโลมเรียกพรรณไม้บางชนิดที่มิได้อยู่ในวงศ์ Gramineae เช่น หญ้าเกล็ดหอย หญ้างวงช้าง.
หญ้า,หญ้า ๒ หญ้า ๒ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ปลาขี้ยอก. (ดู ขี้ยอก).
หญ้ากระจาม หญ้ากระจาม ดู กระต่ายจาม (๑).
หญ้าเกล็ดหอย หญ้าเกล็ดหอย น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Hydrocotyle sibthorpioides Lam. ในวงศ์ Umbelliferae ใบกลม ๆ คล้ายเกล็ดหอย.
หญ้าขัด หญ้าขัด น. ชื่อไม้พุ่มหลายชนิดในสกุล Sida วงศ์ Malvaceae ดอกสีเหลือง เช่น ชนิด S. rhombifolia L. ใช้ทํายาได้, ขัดมอน คัดมอน หรือ ยุงปัดแม่ม่าย ก็เรียก.
หญ้าขัดใบยาว หญ้าขัดใบยาว น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Sida acuta Burm.f. ในวงศ์ Malvaceae, ข้าวต้ม ยุงกวาด หรือ ยุงปัด ก็เรียก.
หญ้าขัดหลวง หญ้าขัดหลวง น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Sida subcordata Span. ในวงศ์ Malvaceae, ขัดมอนหลวง หรือ ขัดมอนตัวผู้ ก็เรียก.
หญ้างวงช้าง หญ้างวงช้าง น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Heliotropium indicum R. Br. ในวงศ์ Boraginaceae ดอกสีม่วงอ่อนออกเป็นช่อลักษณะคล้ายงวงช้าง, แพว ก็เรียก.
หญ้าจาม หญ้าจาม ดู กระต่ายจาม (๑).
หญ้าใต้ใบ หญ้าใต้ใบ น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในสกุล Phyllanthus วงศ์ Euphorbiaceae คือ ชนิด P. amarus Schum. et Thonn. ทั้งต้นรสขม ใบมีนวล ผลเกลี้ยง และชนิด P. urinaria L. ใบอ่อนสีแดง ๆ ผลขรุขระ ทั้ง ๒ ชนิด ใช้ทํายาได้.
หญ้าถอดปล้อง หญ้าถอดปล้อง น. ชื่อเฟินชนิด Equisetum debile Roxb. ex Vauch. ในวงศ์ Equisetaceae ลําต้นเป็นปล้อง ๆ มักขึ้นตามรอยแตกของกําแพง ใช้ทํายาได้.
หญ้าน้ำดับไฟ หญ้าน้ำดับไฟ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Lindenbergiaphilippensis (Cham.) Benth. ในวงศ์ Scrophulariaceae ต้นและใบมีขน ใบออกตรงข้ามกัน ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อยาว ชอบขึ้นในที่ที่เป็นหินปูน.
หญ้าบัว หญ้าบัว น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Xyris indica L. ในวงศ์ Xyridaceae ขึ้นตามทุ่งนาและที่ลุ่ม ดอกสีเหลือง ใช้ทํายาได้.
หญ้าปากคอก,หญ้าปากคอก ๑ หญ้าปากคอก ๑ (สำ) ว. สะดวก, ง่าย, ไม่มีอะไรยุ่งยาก, เช่น นี่เป็นเรื่องหญ้าปากคอก.
หญ้าปากคอก,หญ้าปากคอก ๒ หญ้าปากคอก ๒ ดู ตีนกา ๓.
หญ้าปีนตอ หญ้าปีนตอ ดู ปิ่นตอ.
หญ้าฝรั่น หญ้าฝรั่น [-ฝะหฺรั่น] น. ชื่อเรียกยอดเกสรเพศเมียแห้งของไม้ล้มลุกมีหัวชนิด Crocus sativus L. ในวงศ์ Iridaceae ใช้ทํายาและเครื่องหอม. (อาหรับ zafaran; อ. saffron).
หญ้าพันงู หญ้าพันงู น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในวงศ์ Amaranthaceae ดอกมีกลีบรองแข็งคล้ายหนาม ใช้ทํายาได้ คือ หญ้าพันงูขาว (Achyranthes aspera L.) ลําต้นตั้ง ใบสีเขียว และ หญ้าพันงูแดง [Cyathula prostrata (L.) Blume] กิ่งทอดราบไปตามพื้นดิน ใบสีแดง ๆ.
หญ้าเพ็ก หญ้าเพ็ก ดู เพ็ก.
หญ้าแพรก หญ้าแพรก [-แพฺรก] น. ชื่อหญ้าชนิด Cynodon dactylon (L.) Pers. ในวงศ์ Gramineae ใช้ในพิธีไหว้ครูและใช้ทำยาได้; (สํา) สามัญชน ในความว่า ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญ.
หญ้ายองไฟ หญ้ายองไฟ น. เขม่าไฟที่ติดหยากไย่ เป็นเส้นห้อยอยู่ตามหลังคาครัวไฟ.
หญ้ายายเภา หญ้ายายเภา ดู ลิเภา.
หญ้ารกช้าง หญ้ารกช้าง ดู กะทกรก (๒).
หญ้ารากขาว หญ้ารากขาว น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Knoxia brachycarpa R. Br. ในวงศ์ Rubiaceae ดอกเล็ก สีชมพู ใช้ทํายาได้.
หญ้าลิเภา หญ้าลิเภา ดู ลิเภา.
หญ้าหนวดแมว หญ้าหนวดแมว ดู พยับเมฆ ๒.
หญ้าแห้วหมู หญ้าแห้วหมู ดู แห้วหมู.
หญิง หญิง น. คนที่มีมดลูก, ผู้หญิง ก็ว่า.
หญิงงามเมือง หญิงงามเมือง น. หญิงที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าประเวณี, โสเภณี หญิงโสเภณี นครโสเภณี หญิงนครโสเภณี หรือหญิงหากิน ก็ว่า.
หญิงสามผัว หญิงสามผัว (สำ) น. ผู้หญิงที่มีสามีถึง ๓ คน, ใช้พูดตำหนิเหยียดหยามว่าเป็นหญิงไม่ดี.
หญิงโสด หญิงโสด น. หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน, สาวโสด ก็ว่า.
หญิงหากิน หญิงหากิน น. หญิงที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าประเวณี, โสเภณี หญิงโสเภณี นครโสเภณี หญิงนครโสเภณี หรือ หญิงงามเมือง ก็ว่า.
หญิบ หญิบ [หฺยิบ] ว. ญิบ, สอง, เช่น ถ้วนหญิบหมื่นเป็นบริพาร. (ม. คําหลวง ทศพร).
หด หด ก. สั้นเข้า, ย่นเข้า, เช่น เสื้อหด, น้อยลง เช่น ทุนหายกำไรหด; ชักกลับ เช่น หดมือ หดเท้า, โดยปริยายหมายถึงอาการคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น กลัวจนหัวหด.
หดหัว หดหัว ก. ชักหัวกลับ, โดยปริยายหมายความว่า กลัวหรือหลบไม่ยอมโผล่หน้าออกไป เช่น มัวหดหัวอยู่แต่ในบ้าน.
หดหาย หดหาย ก. น้อยลง, หมดไป, เช่น ยิ่งค้าขายนานวันเข้า ทุนรอนก็ยิ่งหดหายไป.
หดหู่ หดหู่ ก. ห่อเหี่ยวไม่ชื่นบาน, สลดใจ, เช่น เห็นสภาพบ้านเมืองทรุดโทรมแล้วใจคอหดหู่.<2t>ว. อาการที่รู้สึกห่อเหี่ยวไม่ชื่นบาน เช่น วันนี้เขาพบแต่เรื่องเศร้า ๆ จึงรู้สึกหดหู่.
หตะ หตะ [หะ-] ก. ตี, ฆ่า, ทําลาย. (ป., ส.).
หทัย หทัย [หะไท] น. หัวใจ, ใจ, ราชาศัพท์ใช้ว่า พระหทัย. (ป.; ส. หฺฤทย).
หน หน น. ทาง, ทิศ, เช่น หนเหนือ หนใต้; ครั้ง, คราว, เช่น กี่หน; ที่, สถานที่, เช่น ถึงยามค่ำน้ำค้างลงพร่างพร้อย น้องจะลอยลมบนไปหนใด. (นิราศอิเหนา), มักใช้เข้าคู่กับคำ แห่ง เป็น แห่งหน เช่น ไม่รู้ว่าเวลานี้เขาอยู่แห่งหนตำบลใด.
หนทาง หนทาง น. ทาง, ช่องทาง, เช่น เวลานี้เขาหมดหนทางทำมาหากินแล้ว.
หนนะ หนนะ [หะนะนะ] น. การฆ่า, การตี, การกําจัด. (ป., ส.).
หนวก หนวก [หฺนวก] ว. อาการที่หูขาดสมรรถภาพในการได้ยินเสียง.
หนวกหู หนวกหู ก. รู้สึกรำคาญหูเพราะเสียงเซ็งแซ่อื้ออึง เช่น เด็ก ๆ เล่นกันเกรียว หนวกหูเหลือเกิน, โดยปริยายหมายความว่า รำคาญ เช่น เธอพูดมากฉันหนวกหูเต็มทีแล้ว.<2t>ว. เซ็งแซ่อื้ออึงรําคาญหู เช่น เด็ก ๆ จุดประทัดเล่นกัน เสียงหนวกหูจริง.
หน่วง หน่วง [หฺน่วง] ก. ดึงไว้แต่น้อย ๆ, เหนี่ยวไว้, ทําให้ช้า, เช่น หน่วงเรื่องไว้ หน่วงเวลาไว้ หน่วงตัวไว้.<2t>ว. อาการที่รู้สึกปวดถ่วงที่บริเวณท้องในเวลามีประจำเดือนหรือเป็นบิดเป็นต้น.
หน่วงเหนี่ยว หน่วงเหนี่ยว [หฺน่วงเหฺนี่ยว] ก. รั้งตัวไว้, ดึงถ่วงไว้, กักไว้, เช่น เจ้าหน้าที่หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ต้องหา.
หนวด หนวด [หฺนวด] น. ขนที่ขึ้นเหนือริมฝีปากบนของคน, สิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นยาว ๆ ขึ้นตามบริเวณปากของสัตว์บางชนิด เช่น หนวดกุ้ง หนวดปลาหมึก หนวดแมว.
หนวดนาคราช หนวดนาคราช [หฺนวดนากคะราด] น. ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่ง. (พจน. ๒๔๙๓).
หนวดพราหมณ์,หนวดพราหมณ์ ๑ หนวดพราหมณ์ ๑ [หฺนวดพฺราม] น. (๑) ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งคล้ายต้นจามจุรี แต่ไม่มีกลิ่นหอม. (พจน. ๒๔๙๓).<2t>(๒) ชื่อกล้วยไม้ชนิด Seidenfadenia mitrata Garay ในวงศ์ Orchidaceae ดอกสีม่วงแดง กลิ่นหอม, เอื้องหนวดพราหมณ์ ก็เรียก.
หนวดพราหมณ์,หนวดพราหมณ์ ๒ หนวดพราหมณ์ ๒ [หฺนวดพฺราม] น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Polynemus longipectoralis ในวงศ์ Polynemidae ลําตัวยาว แบนข้าง หัวแหลมมน ปากอยู่ตํ่า ตาเล็ก เกล็ดเล็กสากมือ ครีบหลังมี ๒ ตอน ครีบหางใหญ่เป็นแฉกเรียวแหลมตอนปลาย ที่สําคัญคือตรงส่วนล่างของครีบอกมีก้านครีบแยกเป็นเส้นยาวมากรวม ๗ เส้นยาวไม่เท่ากัน ลําตัวด้านหลังสีเทาหรือเขียวหม่น ส่วนท้องและครีบสีเหลืองหรือส้มคลํ้า ขนาดยาวได้ถึง ๒๕ เซนติเมตร พบบ้างในนํ้ากร่อยหรือทะเล.
หนวดพราหมณ์,หนวดพราหมณ์ ๓ หนวดพราหมณ์ ๓ [หฺนวดพฺราม] น. เชือกหลาย ๆ เส้นที่ผูกโยงปลายเสาหรือที่โยงเอาของขึ้นไปในที่สูง.
หนวดพราหมณ์,หนวดพราหมณ์ ๔ หนวดพราหมณ์ ๔ [หฺนวดพฺราม] น. ปลายสายของซอสามสายที่พาดผ่านหย่องลงมาสอดเข้าที่รูหน้าของทวนล่างไปออกทางด้านหลัง แล้วขมวดเข้าด้วยกัน ทิ้งชายซึ่งเรียกว่าหนวดพราหมณ์ไว้.
หนวดแมว หนวดแมว [หฺนวด-] น. หญ้าหนวดแมว. (ดู พยับเมฆ ๒).
หน่วย หน่วย [หฺน่วย] น. ตัวเลขหลังสุดของเลขจํานวนเต็มที่เรียงกันเรียกว่า เลขหลักหน่วย เช่น ๑๔๓ เลข ๓ เป็นเลขหลักหน่วย; จํานวนหรือหมู่ที่นับเป็นหนึ่ง เช่น หน่วยอนุสภากาชาด; ลูกตา ในคําว่า นํ้าตาคลอหน่วย นํ้าตาล่อหน่วย; ลูก, ผล, เช่น มะม่วง ๓ หน่วย.<2t>ว. หนึ่ง (ใช้แก่การพนันถั่วและโป).
หน่วยก้าน หน่วยก้าน น. ท่วงที, ท่าที, แวว, เช่น เด็กคนนี้หน่วยก้านดี อนาคตคงไปได้ไกล.
หน่วยกิต หน่วยกิต [-กิด] น. ตัวเลขแสดงสิทธิที่นิสิตนักศึกษาและนักเรียนจะพึงได้รับเมื่อได้ศึกษาตรงตามกําหนดเวลาและสอบผ่านวิชานั้น ๆ, เครดิต ก็เรียก.
หน่วยคำ หน่วยคำ น. หน่วยที่เล็กที่สุดในภาษาซึ่งมีความหมาย อาจมีลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของคำหรือเป็นคำก็ได้ แบ่งเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ หน่วยคำอิสระ คือ หน่วยคำที่ปรากฏตามลำพังได้ เช่น นก บันได เรียน และหน่วยคำไม่อิสระ คือ หน่วยคำที่ปรากฏตามลำพังไม่ได้ ต้องปรากฏร่วมกับหน่วยคำอื่นเสมอ เช่น นัก ชาว. (อ. morpheme).
หน่วยดาราศาสตร์ หน่วยดาราศาสตร์ น. หน่วยที่ใช้วัดระยะทางในระบบสุริยะ ๑ หน่วยดาราศาสตร์ มีค่าเท่ากับ ระยะทางเฉลี่ยระหว่างจุดศูนย์กลางของโลกกับจุดศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ คือ ประมาณ ๑๔๙.๖ x ๑๐๙ เมตร หรือประมาณ ๙๒.๙ ล้านไมล์. (อ. astronomical unit; อักษรย่อ A.U.).
หนอ หนอ [หฺนอ] อ. คําออกเสียงแสดงความรําพึง เช่น ชีวิตนี้ไม่เที่ยงหนอ น่าอนาถจริงหนอ.
หน่อ หน่อ น. พืชที่งอกจากกอหรือเหง้าของต้นใหญ่, โดยปริยายเรียกสิ่งที่เกิดเช่นนั้น; ลูก, ลูกชาย, เชื้อสาย; แผลเรื้อรังที่เกิดจากคุดทะราด เป็นตามฝ่าเท้า.
หนอก,หนอก ๑ หนอก ๑ [หฺนอก] น. ก้อนเนื้อที่ต้นคอของสัตว์บางชนิดเช่นวัว, ก้อนเนื้อที่นูนขึ้นมาที่ต้นคอของคนบางคน เช่น เธออ้วนจนคอเป็นหนอก, เนื้อใต้ท้องน้อย เช่น นุ่งผ้าขัดหนอก.
หนอก,หนอก ๒ หนอก ๒ [หฺนอก] (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ต้นบัวบก. [ดู บัวบก (๑)].
หนอกช้าง หนอกช้าง [หฺนอก-] (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ผักชีล้อม. (ดู ชีล้อม).
หนอง,หนอง ๑ หนอง ๑ [หฺนอง] น. แอ่งนํ้า.
หนอง,หนอง ๒ หนอง ๒ [หฺนอง] น. นํ้าเลือดเสียกลายเป็นสีขาวข้นที่ลัดอยู่ตามแผลและฝี, น้ำหนอง ก็ว่า.
หนองแซง หนองแซง [หฺนอง-] น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L. รสมัน มีถิ่นกําเนิดจากอําเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี.
หนองใน หนองใน น. ชื่อกามโรคชนิดหนึ่ง เกิดหนองมีเชื้อในช่องปัสสาวะ.
หน็องแหน็ง หน็องแหน็ง ว. กะหน็องกะแหน็ง.
หนอน,หนอน ๑ หนอน ๑ [หฺนอน] น. ชื่อตัวอ่อนของแมลงหลายชนิดเมื่อฟักออกจากไข่ มีรูปร่างทรงกระบอกหรือรูปกรวย ลําตัวอ่อนนุ่มเป็นปล้อง เคลื่อนที่โดยการคืบคลานไป.
หนอน,หนอน ๒ หนอน ๒ [หฺนอน] น. ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีลําตัวยาวอ่อนนุ่ม ไม่มีรยางค์.
หนอนกระทู้ หนอนกระทู้ ดู กระทู้ ๓.
หนอนกระสือ หนอนกระสือ ดู กระสือ ๓.
หนอนกอ หนอนกอ น. ชื่อหนอนของผีเสื้อซึ่งเจาะกินเข้าไปในลําต้นข้าว ทําให้ข้าวไม่ออกรวง หรือออกรวงแต่เมล็ดลีบเป็นสีขาว ซึ่งเรียกว่า ข้าวหัวหงอก ส่วนใหญ่เป็นหนอนของผีเสื้อชีปะขาว.
หนอนด้น หนอนด้น ดู ตัวจี๊ด.
หนอนตายหยาก หนอนตายหยาก น. (๑) ชื่อพรรณไม้ ๒ ชนิดในสกุล Stemona วงศ์ Stemonaceae ชนิด S. collinsae Craib เป็นไม้เถาล้มลุก, กะเพียดช้าง หรือ ปงช้าง ก็เรียก; ชนิด S. tuberosa Lour. เป็นไม้ล้มลุก ต้นตั้งตรง ขึ้นเป็นกอเตี้ย, กะเพียด หรือ กะเพียดหนู ก็เรียก, ทั้ง ๒ ชนิดนี้มีรากอวบคล้ายรากกระชาย ใช้เป็นยาฆ่าแมลงและทํายาพอกแผลกําจัดหนอน.<2t>(๒) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Clitoria macrophylla Wall. ในวงศ์ Leguminosae รากคล้าย ๒ ชนิดแรกแต่โตกว่า ดอกสีขาว, อัญชันป่า ก็เรียก.
หนอนบ่อนไส้ หนอนบ่อนไส้ (สํา) น. ฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาทำทีเป็นพวกเพื่อบ่อนทำลาย.
หนอนพยาธิ หนอนพยาธิ [หฺนอนพะยาด] (ปาก) น. พยาธิตัวกลม.
หนอนม้วนใบข้าว หนอนม้วนใบข้าว ดู ขยอก ๑.
หนอนหนังสือ หนอนหนังสือ (สํา) น. คนที่ชอบหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือ.
หน่อเนื้อเชื้อไข หน่อเนื้อเชื้อไข น. ลูกหลานเหลนเป็นต้นที่สืบสายโลหิต, ผู้สืบสายโลหิต เช่น เขาเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของฉันเอง.
หน่อไม้ หน่อไม้ น. หน่อของต้นไผ่.
หน่อไม้น้ำ หน่อไม้น้ำ น. ชื่อหญ้าชนิด Zizania latifolia (Griseb.) Turcz. ในวงศ์ Gramineae ใบแบนยาว หน่ออ่อนที่เชื้อราลงจะพองออก กินได้.
หน่อไม้ฝรั่ง หน่อไม้ฝรั่ง น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Asparagus officinalis L. ในวงศ์ Asparagaceae หน่ออ่อนกินได้.
หน่อย หน่อย ว. นิดหนึ่ง, น้อยหนึ่ง, ไม่มาก, เช่น ขอหน่อย เดินอีกหน่อยก็ถึง; ประเดี๋ยว, ไม่ช้า, ไม่นาน, เช่น รอหน่อย กินเหล้ามาก ๆ อีกหน่อยก็ตาย.
หน็อยแน่ หน็อยแน่ ว. คำที่เปล่งออกมาเมื่อไม่พอใจหรือผิดหวัง เช่น หน็อยแน่ ! ทําผิดแล้วยังจะอวดดีอีก.
หนัก หนัก ว. มีน้ำหนักมาก, ตรงข้ามกับ เบา; แรง เช่น ฝนตกหนัก, รุนแรง เช่น รบหนัก ไข้หนัก, มาก เช่น บุญหนักศักดิ์ใหญ่; ที่ให้ผลช้ากว่าปรกติ เช่น ทุเรียนหนัก ข้าวหนัก.
หนักกบาล,หนักกบาลหัว หนักกบาล, หนักกบาลหัว (ปาก) ว. เป็นภาระของ, เป็นเรื่องของ, เช่น ถึงจะแก่คาบ้าน ก็ไม่หนักกบาลหัวใคร. (เพลงพื้นบ้าน), หนักกะลาหัว หนักหัว หรือ หนักหัวกบาล ก็ว่า.
หนักกะลาหัว หนักกะลาหัว (ปาก) ว. เป็นภาระของ, เป็นเรื่องของ, เช่น ฉันจะทำอย่างนี้ แล้วมันหนักกะลาหัวใคร, หนักกบาล หนักกบาลหัว หนักหัว หรือ หนักหัวกบาล ก็ว่า.
หนักข้อ หนักข้อ ก. กำเริบ เช่น เด็กคนนี้ชักจะหนักข้อขึ้นทุกวัน พ่อแม่ว่ากล่าวอย่างไรก็ไม่ฟัง.<2t>ว. รุนแรง เช่น เดี๋ยวนี้โจรผู้ร้ายมักกระทำการหนักข้อ.
หนักใจ หนักใจ ก. วิตก เช่น เขาหนักใจในการสอบครั้งนี้.<2t>ว. ลําบากใจ เช่น เขารู้สึกหนักใจที่ต้องไปค้ำประกันลูกของเพื่อน, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ หนักอก เป็น หนักอกหนักใจ.
หนักท้อง หนักท้อง ว. พอให้อิ่ม, พอประทังหิว, เช่น กินพอให้หนักท้อง.
หนักนิดเบาหน่อย หนักนิดเบาหน่อย ว. เกินพอดีไปบ้างหรือน้อยกว่าพอดีไปบ้าง เช่น เป็นสามีภรรยากัน หนักนิดเบาหน่อยก็ควรอภัยให้กัน.
หนักแน่น หนักแน่น ว. มั่นคง, ไม่ท้อถอย, เช่น เขามีใจหนักแน่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น; ไม่โกรธง่าย เช่น เขาเป็นคนใจคอหนักแน่น ไม่โกรธใครง่าย ๆ; ไม่หูเบา เช่น ต้องทำใจให้หนักแน่น อย่าเชื่อใครง่าย ๆ.
หนักปาก หนักปาก ว. ไม่ทันได้พูด เช่น คุยกันอยู่ตั้งนาน หนักปากไปหน่อย เลยไม่ได้ถามว่าชื่ออะไร.
หนักแผ่นดิน หนักแผ่นดิน (สํา) ว. ไม่รู้คุณของแผ่นดินที่อาศัย, ทรยศต่อบ้านเมืองของตน, เสนียดสังคม.
หนักมือ หนักมือ ว. มากไป เช่น แกงหม้อนี้ใส่เกลือหนักมือไปหน่อย, แรงไป เช่น เด็กเล่นตุ๊กตาหนักมือไปหน่อย แขนตุ๊กตาเลยหลุด; กําเริบ เช่น โจรผู้ร้ายหนักมือขึ้นทุกวัน.
หนักไม่เอา เบาไม่สู้ หนักไม่เอา เบาไม่สู้ (สํา) ว. ไม่มีความอดทนที่จะทำการงาน.
หนักสมอง หนักสมอง ว. ที่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหนักสมอง, หนักหัว ก็ว่า.
หนักหน่วง หนักหน่วง ว. จริงจัง, มาก, ยิ่ง, เช่น เขาพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อส่งเสียให้ลูกเรียน.
หนักหนา,หนักหนาสากรรจ์ หนักหนา, หนักหนาสากรรจ์ ว. มากยิ่ง, ยิ่งนัก, ร้ายแรง, เช่นความผิดครั้งนี้หนักหนาทีเดียว อาจจะต้องถูกไล่ออกจากงาน, นักหนา ก็ใช้.
หนักหน้า หนักหน้า ก. มีภาระต้องรับผิดชอบทั้งหมด เช่น เรื่องนี้หัวหน้าคณะหนักหน้าอยู่คนเดียว.
หนักหัว หนักหัว ว. ที่ต้องใช้ความคิดมาก เช่น ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาหนักหัว, หนักสมอง ก็ว่า; (ปาก) เป็นภาระของ, เป็นเรื่องของ, เช่น ถึงจะสุกคาขั้ว ก็ไม่หนักหัวใคร. (เพลงพื้นบ้าน), หนักกบาล หนักกบาลหัว หนักกะลาหัว หรือ หนักหัวกบาล ก็ว่า.
หนักหัวกบาล หนักหัวกบาล (ปาก) ว. เป็นภาระของ, เป็นเรื่องของ, เช่น ฉันจะไปที่ไหน ก็ไม่เห็นจะหนักหัวกบาลใคร, หนักกบาล หนักกบาลหัว หนักกะลาหัว หรือ หนักหัว ก็ว่า.
หนักอก หนักอก ก. วิตก เช่น อย่าประพฤติตัวเหลวไหลทำให้พ่อแม่หนักอก.<2t>ว. ลำบากใจ เพราะต้องแบกภาระไว้มาก เช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเป็นปัญหาหนักอกของรัฐบาล, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ หนักใจ เป็น หนักอกหนักใจ.
หนัง,หนัง ๑ หนัง ๑ น. ส่วนของร่างกายที่หุ้มเนื้ออยู่, หนังสัตว์ที่เอามาทําเป็นของใช้หรือเป็นอาหาร; การมหรสพอย่างหนึ่งเอาหนังสัตว์มาสลักเป็นภาพ เช่น หนังตะลุง, หนังใหญ่, (ปาก) ภาพยนตร์ เช่น โรงหนัง ถ่ายหนัง ฉายหนัง เล่นหนัง.
หนัง,หนัง ๒ หนัง ๒ น. เรียกขนุนพันธุ์ที่มียวงสีเหลือง เนื้อนุ่มแต่ไม่เหลว ว่า ขนุนหนัง. (ดู ขนุน ๑). (เทียบ ม. nanga).
หนังกลับ หนังกลับ น. หนังที่ผิวไม่เรียบ มีลักษณะฟูน้อย ๆ คล้ายเนื้อผ้ากำมะหยี่ เช่น เข็มขัดหนังกลับ รองเท้าหนังกลับ, โดยปริยายเรียกสุนัขขี้เรื้อนว่า สุนัขหนังกลับ.
หนังกลางวัน,หนังกลางวัน ๑ หนังกลางวัน ๑ น. การมหรสพอย่างหนึ่ง ใช้หนังสลักเป็นรูปภาพคล้ายหนังใหญ่ แต่ระบายสีต่าง ๆ เชิดหน้าจอ แสดงในเวลากลางวัน ใช้ปี่พาทย์และเกราะบรรเลงประกอบ ผู้เชิดกับผู้พากย์เป็นคนละคน.
หนังกลางวัน,หนังกลางวัน ๒ หนังกลางวัน ๒ น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L. ผลยาว ๆ.
หนังกำพร้า หนังกำพร้า น. หนังที่เป็นผิวชั้นนอกสุดของคนและสัตว์, ผิวหนัง ก็เรียก.
หนังไก่ หนังไก่ น. ชื่อแพรหรือกระดาษพิมพ์ที่มีเนื้อย่นคล้ายหนังไก่.
หนังง่า หนังง่า น. ตัวหนังใหญ่ที่สลักเป็นรูปยักษ์หรือลิงในท่าเหาะ (ลัทธิ).
หนังเงียบ หนังเงียบ (ปาก) น. ภาพยนตร์ที่ไม่มีเสียงในฟิล์ม.
หนังตะลุง หนังตะลุง น. การมหรสพอย่างหนึ่ง ใช้หนังสลักเป็นรูปภาพขนาดเล็ก คีบด้วยไม้ตับอันเดียว เชิดภายในโรงให้แสงไฟส่องผ่านตัวหนังสร้างเงาให้ปรากฏบนจอผ้าขาวหน้าโรง ใช้ปี่ กลอง และฆ้องคู่บรรเลงประกอบ ผู้เชิดเป็นผู้พากย์.
หนังเรียด หนังเรียด น. หนังที่ทําเป็นเส้นแบน ๆ เล็ก ๆ สําหรับใช้โยงเร่งเสียง โดยสอดเข้าไปกับไส้ละมานที่ถักไว้รอบ ๆ ขอบหนังทั้ง ๒ หน้าของตะโพน เปิงมาง กลองสองหน้า เป็นต้น มักร้อยถี่จนมองแทบไม่เห็นตัวหุ่นกลอง ถ้าเร่งหนังเรียดให้ตึงขึ้นเท่าใด หน้ากลองก็ยิ่งตึงขึ้นเท่านั้น.
หนังโลม หนังโลม น. ตัวหนังใหญ่ที่แสดงบทเข้าพระเข้านาง เช่น หนุมานเกี้ยวนางเบญกาย, โลม ก็ว่า.
หนังสด หนังสด น. การมหรสพอย่างหนึ่ง ลักษณะคล้ายโขนแต่เดินเรื่องเร็วกว่า ผู้แสดงสวมหัวโขนไม่ปิดคลุมใบหน้า ร้องและเจรจาเอง ใช้ปี่พาทย์บรรเลงประกอบ, โขนสด ก็เรียก.
หนังสติ๊ก หนังสติ๊ก น. เครื่องยิงชนิดหนึ่ง ทําด้วยแถบยางผูกติดกับสิ่งที่เป็นง่าม ซึ่งมักเป็นไม้ ยิงด้วยลูกกระสุนที่ตามปรกติเป็นลูกดินปั้นกลม ๆ.
หนังสือ หนังสือ น. เครื่องหมายใช้ขีดเขียนแทนเสียงหรือคําพูด เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ, ลายลักษณ์อักษร เช่น ขอให้เขียนเป็นหนังสือไว้ด้วย, จดหมายที่มีไปมา เช่น หนังสือราชการ, เอกสาร, บทประพันธ์; ข้อความที่พิมพ์หรือเขียนเป็นต้นแล้วรวมเป็นเล่ม; (กฎ) เอกสารที่เขียนหรือพิมพ์ขึ้น.
หนังสือเดินทาง หนังสือเดินทาง น. หนังสือสําคัญประจําตัวซึ่งทางราชการของประเทศหนึ่งออกให้แก่พลเมืองของประเทศนั้น เพื่อให้ความคุ้มครองในการเดินทางไปในดินแดนต่างประเทศ.
หนังสือบริคณห์สนธิ หนังสือบริคณห์สนธิ (กฎ) ดู บริคณห์สนธิ.
หนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์ น. สิ่งพิมพ์ข่าวและความเห็นเป็นต้นเสนอประชาชน ตามปรกติออกเป็นรายวัน; (กฎ) สิ่งพิมพ์ซึ่งมีชื่อจ่าหน้าเช่นเดียวกัน และออกหรือเจตนาจะออกตามลําดับเรื่อยไป มีกําหนดระยะเวลาหรือไม่ก็ตาม มีข้อความต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ตาม.
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (กฎ) น. หนังสือคํารับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ออกให้ผู้มีสิทธิในที่ดิน เพื่อแสดงว่าได้ทําประโยชน์ในที่ดินนั้นแล้ว.
หนังสือราชการ หนังสือราชการ น. เอกสารที่เป็นหลักฐานในราชการ ได้แก่ หนังสือที่มีไปมาระหว่างส่วนราชการ หนังสือที่ส่วนราชการมีไปถึงหน่วยงานอื่นซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการ หนังสือที่หน่วยงานอื่นซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการหรือที่บุคคลภายนอกมีมาถึงส่วนราชการ เอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐาน และเอกสารที่ทางราชการจัดทำขึ้นตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับ.
หนังสือเวียน หนังสือเวียน น. หนังสือราชการที่มีข้อความเหมือนกัน ส่งไปถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมีรหัสตัวพยัญชนะ ว หน้าเลขทะเบียนหนังสือส่ง, ภาษาปากใช้ว่า จดหมายเวียน; หนังสือที่ผู้บังคับบัญชาเวียนแจ้งให้ผู้ใต้บังคับบัญชารับทราบหรือถือปฏิบัติ.
หนังสือสัญญา หนังสือสัญญา (กฎ) น. ข้อตกลงระหว่างบุคคล ๒ ฝ่ายหรือหลายฝ่ายว่าจะกระทำการหรืองดเว้นกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งที่ทําขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร.
หนังหน้าไฟ หนังหน้าไฟ (สํา) น. ผู้ได้รับความเดือดร้อนก่อนผู้อื่น เช่น ลูกทำความผิดมา พ่อแม่ก็ต้องเป็นหนังหน้าไฟ.
หนังหุ้มกระดูก หนังหุ้มกระดูก (สำ) น. เรียกลักษณะของคนหรือสัตว์ที่ผอมมากจนมองเห็นแนวโครงกระดูกว่า ผอมจนหนังหุ้มกระดูก.
หนังเหนียว หนังเหนียว ว. อยู่ยงคงกระพัน เช่น ลือกันว่าโจรคนนี้หนังเหนียว ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า, โดยปริยายหมายความว่า มีประสบการณ์มากรู้เท่าทันไปทุกสิ่งทุกอย่าง.
หนังใหญ่ หนังใหญ่ น. การมหรสพอย่างหนึ่ง ใช้หนังสลักเป็นรูปภาพขนาดใหญ่กว่าหนังตะลุงมาก คีบด้วยไม้ตับ ๒ อันสำหรับจับเชิด เชิดได้ทั้งหลังจอและหน้าจอ ใช้ปี่พาทย์และเกราะบรรเลงประกอบ ผู้เชิดกับผู้พากย์เป็นคนละคนกัน.
หนั่น หนั่น ว. แน่น, แน่นหนา, เช่น เนื้อหนั่น.<2t>(โบ) ก. หนุน.
หนับ หนับ ว. มาก เช่น เหนียวหนับ, มีเสียงดังอย่างดึงของเหนียวจนขาดหรือปล่อย เช่น ดึงหนังสติ๊กดังหนับ.
หนา,หนา ๑ หนา ๑ น. ส่วนสูงมากจากผิวพื้น.<2t>ว. มีส่วนสูงมากจากผิวพื้น; แน่นทึบ, มาก, ตรงข้ามกับ บาง.
หนา,หนา ๒ หนา ๒ คําประกอบท้ายคําอื่นที่มีความหมายไปในเชิงบังคับหรืออ้อนวอน เช่น อยู่เถิดหนา.
หน้า หน้า น. ส่วนของศีรษะตั้งแต่หน้าผากลงมาจดคาง; ซีกของกายที่ตรงข้ามกับหลัง, ด้านของสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับสายตาของเราหรือด้านที่เผชิญหน้ากับสายตาของเรา เช่น เขาวิ่งอยู่หน้าฉัน จึงเห็นแต่หลังเขาไว ๆ; ส่วนบนของบางสิ่ง เช่น หน้าขนม ข้าวเหนียวหน้าสังขยา หน้าปกหนังสือ; เครื่องปรุงที่แต่งหรือโรยบนอาหารบางอย่าง เช่น กระเทียมเจียวโรยหน้าข้าวต้ม; ด้านหนึ่ง ๆ ของวัตถุแบน ๆ อย่างกระดาษ เช่น หน้ากระดาษ หน้าซอง, ด้านของเครื่องตีที่ขึงด้วยหนัง เช่น หน้ากลอง, ด้านหนึ่ง ๆ ของลูกเต๋าและนํ้าเต้าซึ่งมี ๖ ด้าน; ส่วนกว้างของแผ่นกระดาน เสาเหลี่ยมหรือผืนผ้า เป็นต้น; ชายผ้าบางชนิดที่มีลวดลาย, ด้านของผ้าที่มีลวดลายชัดกว่า; คราว เช่น เมื่อข้าวสุกแล้วก็ถึงหน้าเก็บเกี่ยว, ฤดู เช่น หน้าฝน หน้าทุเรียน; โดยปริยายหมายถึงคน เช่น เขาสู้ทุกคนไม่ว่าหน้าไหน; เกียรติและศักดิ์ศรี เช่น เห็นแก่หน้า ไม่ไว้หน้า; ลักษณนามบอกจํานวนด้านของแผ่นกระดาษ เช่น หนังสือเล่มนี้มี ๒๐๐ หน้า.<2t>ว. ถัดไป เช่น อาทิตย์หน้า ฉบับหน้า; ตรงข้ามกับ หลัง (ใช้แก่เวลาที่ยังมาไม่ถึง) เช่น วันหน้า เดือนหน้า ปีหน้า, อยู่ตรงข้ามกับข้างหลัง เรียกว่า ข้างหน้า.
หน้ากระฉีก หน้ากระฉีก น. ของหวานทําด้วยมะพร้าวทึนทึกขูด กวนกับนํ้าตาลปึกให้เข้ากันจนเหนียว อบด้วยควันเทียนอบให้หอม ใช้เป็นไส้หรือหน้าขนม เช่น ขนมใส่ไส้มีไส้เป็นหน้ากระฉีก ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก.
หน้ากระดาน หน้ากระดาน ว. มีลักษณะเรียงแถวไหล่ต่อไหล่หันหน้าไปทางเดียวกัน เช่น ลูกเสือเดินแถวหน้ากระดาน.<2t>น. พื้นที่ราบด้านตั้งที่อยู่บนบัวหงายหรือใต้บัวคว่ำ.
หน้ากระดูก หน้ากระดูก น. รูปหน้าที่มีกระดูกสันแก้มสูง.
หน้ากร้าน หน้ากร้าน น. ผิวหน้าที่หยาบคล้ำ เช่น ตากแดดตากลมจนหน้ากร้าน.
หน้ากล้อ หน้ากล้อ น. หน้ากลม เช่น เขาเป็นคนผมหยิก หน้ากล้อ คอสั้น ฟันขาว.
หน้ากาก หน้ากาก น. เครื่องบังใบหน้าทั้งหมดหรือบางส่วน.
หนากาสรี หนากาสรี [หฺนากาสะหฺรี] น. ดอกชบา. (ช.).
หน้ากาฬ หน้ากาฬ น. เกียรติมุข.
หน้าเก้อ หน้าเก้อ ว. มีสีหน้าเจื่อนเพราะรู้สึกผิดคาดหรือทําอะไรผิดพลาดไป เช่น เด็กตีหน้าเก้อเมื่อถูกจับได้ว่าทำความผิด.
หน้าเก่า หน้าเก่า ว. ที่เคยเห็นหรือรู้จักกันมาเป็นเวลานานจนคุ้นตา เช่น ดาราหน้าเก่า ลูกค้าหน้าเก่า, หน้าเดิม ก็ว่า.
หน้าแก่ หน้าแก่ ว. ที่มองดูอายุมากกว่าอายุจริง เช่น เด็กคนนี้หน้าแก่, เรียกหมากที่หน้าเต็มใกล้จะสุกว่า หมากหน้าแก่.
หน้าขบ หน้าขบ ดู หน้าร่าหุ์, หน้าราหู.
หน้าขมึงทึง,หน้าถมึงทึง หน้าขมึงทึง, หน้าถมึงทึง น. หน้าตาที่บูดบึ้งไม่ยิ้มแย้ม, หน้าตาน่ากลัว.
หน้าขา หน้าขา น. ส่วนหน้าของขานับตั้งแต่โคนขาถึงหัวเข่า.
หน้าข้าวตัง หน้าข้าวตัง น. หน้าซึ่งมีรอยแผลเป็นปรุ ๆ มักเกิดจากฝีดาษ, หน้ามอด ก็ว่า.
หน้าขึงตาขึง หน้าขึงตาขึง น. หน้าซึ่งแสดงว่าโกรธหรือไม่พอใจอย่างมาก.
หน้าขึ้นนวล หน้าขึ้นนวล น. หน้าของคนใกล้จะตาย มักจะดูนวลกว่าปรกติ ซึ่งคนโบราณเชื่อกันว่าคนบางคนที่ทำบุญกุศลไว้มากเมื่อใกล้จะตายหน้ามักจะขึ้นนวล.
หน้าเข้ม หน้าเข้ม ว. มีสีหน้าเครียดหรือขุ่นเคือง, หน้าตึง ก็ว่า.
หน้าเข้มคม หน้าเข้มคม น. ใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ คิ้วดกดำ ตาคม (ใช้แก่ผู้ชายผิวคล้ำหรือดำแดง).
หน้าเขียง หน้าเขียง น. แม่ครัวประจำเขียง.
หน้าเขียว หน้าเขียว ว. มีสีหน้าแสดงอาการโกรธจัด เช่น เขาโกรธจนหน้าเขียว; หน้าซึ่งแสดงอาการเจ็บปวดมากเพราะถูกบีบเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ถูกบีบหรือบังคับหนัก.
หน้าแข้ง หน้าแข้ง น. ส่วนหน้าของขา ใต้เข่าลงไปถึงข้อเท้า, แข้ง ก็ว่า.
หน้าคมขำ หน้าคมขำ น. ใบหน้าสวยซึ้งชวนพิศ คิ้วดกดำ ตาคม (ใช้แก่ผู้หญิงผิวคล้ำหรือดำแดง).
หน้าคว่ำ หน้าคว่ำ ว. ทําหน้าแสดงอาการไม่พอใจหรือโกรธจนไม่เงยหน้าขึ้นมองดู.
หน่าง หน่าง (ถิ่น-พายัพ) น. อวน, ข่าย; รั้ว, คู.
หน้างอ,หน้าง้ำ,หน้าเง้า,หน้าเง้าหน้างอ,หน้าบึ้ง,หน้าหงิก,หน้าหงิกหน้างอ หน้างอ, หน้าง้ำ, หน้าเง้า, หน้าเง้าหน้างอ, หน้าบึ้ง, หน้าหงิก, หน้าหงิกหน้างอ ว. มีสีหน้าแสดงอาการโกรธ ไม่พอใจ หรือไม่ได้อย่างใจ เป็นต้น.
หน้างอก หน้างอก น. หน้าผากกว้างยื่นงํ้าออกไปกว่าปรกติ.
หน้างัว หน้างัว ดู หน้าวัว ๑.
หน้าแง หน้าแง น. ส่วนของหน้าตรงหว่างคิ้ว เช่น นักมวยถูกชกหน้าแง.
หน้าจ๋อย หน้าจ๋อย ว. มีสีหน้าสลด, มีสีหน้าซีดเซียว, เช่น นักเรียนหน้าจ๋อยเพราะถูกครูตำหนิ.
หน้าจั่ว หน้าจั่ว น. เครื่องบนแห่งเรือนที่ปิดด้านสกัดหลังคา สําหรับกันลมและแดดฝน มีรูปเป็นสามเหลี่ยม, จั่ว ก็ว่า; (คณิต) เรียกรูปสามเหลี่ยมที่มีด้านคู่หนึ่งยาวเท่ากันว่า สามเหลี่ยมหน้าจั่ว.
หน้าจืด หน้าจืด ว. มีสีหน้าซีดหรือไม่เข้มคม.
หน้าเจี๋ยมเจี้ยม หน้าเจี๋ยมเจี้ยม ว. วางหน้าไม่สนิท มีอาการเก้อเขิน.
หน้าเจื่อน หน้าเจื่อน ว. วางหน้าไม่สนิทเพราะกระดากอายเนื่องจากถูกจับผิดได้เป็นต้น.
หน้าฉาก หน้าฉาก (สํา) ว. ที่แสดงให้ปรากฏเปิดเผย เช่น ฐานะหน้าฉากของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง แต่ความจริงค้าขายยาเสพติด, ตรงข้ามกับ หลังฉาก.<2t>น. ความเป็นไปหรือพฤติกรรมที่เปิดเผย, ตรงข้ามกับ หลังฉาก.
หน้าฉาน,หน้าที่นั่ง หน้าฉาน, หน้าที่นั่ง น. ที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัวหรือพระราชินี เช่น อย่าเดินตัดหน้าฉาน แสดงหน้าที่นั่ง.
หน้าเฉย หน้าเฉย ว. มีสีหน้าแสดงความไม่รู้สึกยินดียินร้าย หรือไม่สนใจใยดีต่อสิ่งหรือเหตุการณ์ใด ๆ.
หน้าเฉยตาเฉย,หน้าตาเฉย หน้าเฉยตาเฉย, หน้าตาเฉย ว. อาการที่วางหน้าเป็นปรกติ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้ง ๆ ที่ตนกระทำความผิด หรือบางครั้งกระทำความผิดโดยไม่เจตนา เช่น เขาหยิบฉวยของผู้อื่นไปอย่างหน้าเฉยตาเฉย.
หน้าโฉนด หน้าโฉนด [-ฉะโหฺนด] (ปาก) น. หนังสือสำคัญของทางราชการแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน.
หน้าชา หน้าชา ว. อาการที่รู้สึกอับอายขายหน้าระคนโกรธ แต่ก็ตอบโต้ไม่ได้ เช่น เธอรู้สึกหน้าชาที่ถูกประจาน.
หน้าชื่นตาบาน หน้าชื่นตาบาน ว. มีสีหน้าเบิกบานแจ่มใส.
หน้าชื่นอกตรม หน้าชื่นอกตรม ว. ที่ทำเป็นร่าเริงแต่ในใจมีทุกข์, หน้าชื่นอกกรม ก็ว่า.
หน้าเชิด หน้าเชิด น. หน้าที่เงยขึ้น.<2t>ว. อาการที่คอตั้งเงยหน้าแสดงความเย่อหยิ่งหรือภาคภูมิใจเป็นต้น เช่น เขานั่งรถยนต์คันใหญ่ทำหน้าเชิด.
หน้าซีก หน้าซีก น. หน้าด้านข้าง (เห็นตาและหูข้างเดียว).
หน้าซีด หน้าซีด ว. มีสีหน้าไม่สดใสหรือไม่มีสีเลือดเพราะอดนอน ตกใจ หรือถูกจับได้ว่าทำผิดเป็นต้น.
หน้าซื่อใจคด หน้าซื่อใจคด (สํา) ว. มีสีหน้าดูซื่อ ๆ แต่มีนิสัยคดโกง.
หน้าเซ่อ หน้าเซ่อ ว. อาการที่วางหน้าไม่รู้ไม่ชี้หรือทำเป็นไม่รู้เรื่อง เช่น ตีหน้าเซ่อ.
หน้าเซียว หน้าเซียว ว. มีสีหน้าแสดงความอิดโรยไม่สดใสเพราะอดนอนมากเป็นต้น.
หนาด หนาด น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Blumea balsamifera (L.) DC. ในวงศ์ Compositae ใบใหญ่มีขน กลิ่นฉุน ใช้ทํายาได้ เชื่อกันว่าผีกลัว.
หน้าด้าน,หน้าทน,หน้าหนา หน้าด้าน, หน้าทน, หน้าหนา ว. มีสีหน้าไม่สลดทั้งที่ควรจะอายแต่ก็ไม่อาย, โดยปริยายหมายความว่า ไม่มีความรู้สึกอายในสิ่งที่ควรอาย.
หน้าดำ หน้าดำ น. ใบหน้าหมองคล้ำไม่มีราศีเพราะความทุกข์หรือต้องทำงานกลางแจ้งเป็นต้น.
หน้าดำคล้ำเครียด หน้าดำคล้ำเครียด น. ใบหน้าหมองคล้ำเพราะต้องคร่ำเครียดหมกมุ่นอยู่กับงาน หรือต้องใช้ความคิดอย่างหนัก, หน้าดำคร่ำเครียด ก็ว่า.
หน้าดำหน้าแดง หน้าดำหน้าแดง ว. อาการที่ใช้วาจาโต้เถียงกันเพราะมุ่งที่จะเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น แม่ค้าเถียงกันหน้าดำหน้าแดง.
หน้าเดิม หน้าเดิม ว. ที่เคยเห็นหรือรู้จักกันมาเป็นเวลานานจนคุ้นตา เช่น งานนี้มีแต่คนหน้าเดิม, หน้าเก่า ก็ว่า.
หน้าแดง หน้าแดง น. หน้าเต็มไปด้วยเลือดฝาดเพราะความกระดากอายหรือโกรธเป็นต้น.
หน้าตัก หน้าตัก น. คำที่ใช้เรียกขนาดความกว้างของพระพุทธรูปแบบนั่งขัดสมาธิโดยวัดจากสุดเข่าข้างหนึ่งถึงอีกข้างหนึ่ง ใช้วัดด้วยมาตราไทย เช่น พระพุทธรูปองค์นี้หน้าตัก ๑๐ นิ้วพระประธานในโบสถ์ หน้าตัก ๑ วา ๒ ศอก ๕ นิ้ว; โดยปริยายหมายถึงเงินหรือเบี้ยพนันที่วางอยู่ตรงหน้าของผู้เล่นการพนัน เช่น สู้แค่หมดหน้าตัก.
หน้าตั้ง,หน้าตั้ง ๑ หน้าตั้ง ๑ น. ของว่างซึ่งทําด้วยหมู กุ้ง และกะทิ สําหรับกินกับข้าวตังทอด.
หน้าตั้ง,หน้าตั้ง ๒ หน้าตั้ง ๒ ว. อาการที่แสดงหน้าตาตื่น (ใช้แก่กริยาวิ่ง), หน้าเริด ก็ว่า.
หน้าตัวเมีย หน้าตัวเมีย น. ลักษณะหน้าตาท่าทางคล้ายผู้หญิง, โดยปริยายหมายความว่า ใจเสาะ, ขี้ขลาด, ไม่กล้าสู้, (มักพูดเป็นเชิงเหยียดหยามผู้ชาย).
หนาตา หนาตา ว. ที่เห็นว่ามีมาก, มาก (ใช้แก่การเห็น), เช่น วันนี้มีคนมาชมมหรสพหนาตากว่าวันก่อน, บางทีก็ใช้ว่า หนาหูหนาตา โดยมี หนาหู เป็นคำสร้อย เช่น ละครเรื่องนี้มีคนไปดูหนาหูหนาตากว่าปรกติ.
หน้าตา หน้าตา น. เค้าหน้า เช่น เด็กคนนี้หน้าตาเหมือนแม่; เกียรติยศชื่อเสียง เช่น นักกีฬาไปแข่งขันชนะเลิศในต่างประเทศก็เป็นหน้าตาให้กับประเทศของตน.
หน้าตาขึงขัง หน้าตาขึงขัง ว. สีหน้าที่แสดงว่าเอาจริงเอาจัง ดูน่ากลัว.
หน้าต่าง หน้าต่าง น. ช่องฝาบ้านหรือเรือนเป็นต้นที่เปิดปิดได้ สำหรับรับแสงสว่างหรือให้อากาศถ่ายเทได้ แต่มิใช่ทางสำหรับเข้าออก.
หน้าตาตื่น,หน้าตื่น หน้าตาตื่น, หน้าตื่น ว. มีสีหน้าตื่นเต้นตกใจเป็นต้น เช่น เขาวิ่งหนีไฟหน้าตาตื่นมา.
หน้าตาย หน้าตาย น. หน้าเฉยเหมือนไม่มีความรู้สึก เช่น เธอเป็นคนหน้าตาย.<2t>ว. ตีสีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เช่น ตลกหน้าตาย.
หน้าตึง หน้าตึง ว. มีสีหน้าเครียดหรือขุ่นเคือง, หน้าเข้ม ก็ว่า; มีสีหน้าแดงหรือเข้มขึ้นเพราะเริ่มเมา.
หน้าตูม หน้าตูม ว. มีสีหน้าแสดงอาการไม่พอใจ เช่น เธอโกรธใครมาหน้าตูมเชียว.
หน้าเตา หน้าเตา น. แม่ครัวประจําเตา.
หน้าถอดสี หน้าถอดสี ว. มีสีหน้าแสดงความผิดหวังหรือตกใจเป็นต้น, หน้าเผือด หรือ หน้าเผือดสี ก็ว่า.
หน้าถัง หน้าถัง น. หน้าร้านหรือโรงที่เปิดปิดด้วยกระดานเป็นแผ่น ๆ สอดเรียงเลื่อนไปตามรางที่ทำไว้.
หน้าท้อง หน้าท้อง น. ส่วนหน้าของท้อง ตั้งแต่ลิ้นปี่จนถึงบริเวณต้นขา เช่น ฉีดเซรุ่มป้องกันพิษสุนัขบ้าที่หน้าท้องหลังจากถูกสุนัขกัด; โดยปริยายหมายถึงท้องที่ยื่นเพราะมีไขมันมาก เช่น ผู้หญิงคนนี้สวยดี เสียแต่มีหน้าท้อง.
หน้าทะเล้น หน้าทะเล้น ว. อาการที่ทำหน้าหัวเราะอย่างทะลึ่งไม่เหมาะแก่บุคคลหรือโอกาส.
หน้าทับ หน้าทับ น. เสียงตีเครื่องดนตรีที่ขึงด้วยหนัง จำพวกตะโพนหรือกลองแขกซึ่งมีบัญญัติเป็นแบบแผนสำหรับตีประจำทำนองเพลงต่าง ๆ ใช้บอกสัดส่วนและประโยคของเพลงนั้น ๆ เช่น หน้าทับปรบไก่.
หน้าที่ หน้าที่ น. กิจที่จะต้องทําด้วยความรับผิดชอบ.
หน้าที่นั่ง,หน้าฉาน หน้าที่นั่ง, หน้าฉาน น. ที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัวหรือพระราชินี เช่น แสดงหน้าที่นั่ง อย่าเดินตัดหน้าฉาน.
หนาน หนาน (ถิ่น-พายัพ) น. เรียกคนที่สึกจากเพศภิกษุว่า หนานนั่น หนานนี่.
หน้านวล,หน้านวล ๑ หน้านวล ๑ น. ชื่อขนมอย่างหนึ่ง ทำด้วยแป้ง ไข่ขาว น้ำตาลทราย ใส่พิมพ์รูปคล้ายเรือแล้วอบ.
หน้านวล,หน้านวล ๒ หน้านวล ๒ ว. มีสีหน้าผุดผ่องเป็นน้ำเป็นนวล, คนโบราณเชื่อว่า หญิงที่มีครรภ์ถ้ามีหน้านวลอยู่เสมอ แสดงว่า บุตรในครรภ์จะเป็นเพศหญิง.
หน้านวล,หน้านวล ๓ หน้านวล ๓ ดู กระดูกอึ่ง.
หน้านวล,หน้านวล ๔ หน้านวล ๔ ดู หมอช้างเหยียบ.
หน้านิ่วคิ้วขมวด หน้านิ่วคิ้วขมวด ว. อาการที่ทำหน้าย่นขมวดคิ้วแสดงความโกรธหรือเจ็บปวดเป็นต้น.
หน้าเนื้อใจเสือ หน้าเนื้อใจเสือ (สํา) ว. มีหน้าตาแสดงความเมตตา แต่ใจเหี้ยมโหด.
หนาแน่น หนาแน่น ว. คับคั่ง, แออัด, เช่น กรุงเทพฯ มีประชากรหนาแน่นมาก.
หน้าบอกบุญไม่รับ หน้าบอกบุญไม่รับ ว. มีสีหน้าบึ้งตึง เช่น เขาผิดหวังอะไรมา ทำหน้าบอกบุญไม่รับ.
หน้าบัน หน้าบัน น. จั่ว (ใช้แก่ปราสาท โบสถ์ วิหาร เป็นต้น).
หน้าบาง หน้าบาง ว. มีความรู้สึกไวต่อสิ่งที่น่าละอาย.
หน้าบาน หน้าบาน ว. ทําหน้าแสดงอาการดีใจ เช่น เขาหน้าบานเพราะสอบได้ที่ ๑.
หน้าบูด หน้าบูด ว. มีสีหน้าแสดงอาการเบื่อหน่ายหรือไม่พอใจ เช่น เขาทำหน้าบูดเพราะเจอเรื่องที่ไม่สบอารมณ์, หน้าบูดหน้าเบี้ยว หรือ หน้าเบี้ยวหน้าบูด ก็ว่า.
หน้าเบ้ หน้าเบ้ น. หน้าที่แสดงอาการผิดหวัง ไม่เห็นด้วย ไม่พอใจ หรือ เจ็บปวดเป็นต้น.
หน้าปลาจวด หน้าปลาจวด น. หน้าแหลมอย่างหัวปลาจวด.
หน้าป๋อหลอ หน้าป๋อหลอ ว. อาการที่นั่งให้เห็นหน้าโดยมิได้มีความสลักสำคัญอะไร.
หน้าปัด หน้าปัด น. แผ่นที่มีตัวเลขหรือสัญลักษณ์แสดงเวลาหรือปริมาณเป็นต้น เช่น หน้าปัดนาฬิกา หน้าปัดวิทยุ หน้าปัดมาตรวัดนํ้า.
หน้าปูเลี่ยน ๆ หน้าปูเลี่ยน ๆ ว. อาการที่วางหน้าไม่สนิท กระดากอายเพราะถูกจับผิดได้เป็นต้น, หน้าเจื่อน ก็ว่า.
หน้าเป็น หน้าเป็น ว. อาการที่ทำหน้ายิ้มหรือหัวเราะอยู่เรื่อย ๆ, ช่างหัวเราะ.
หน้าเปิด หน้าเปิด น. หน้าอิ่มเอิบผ่องใสชวนดู, หน้าสว่าง ก็ว่า.
หน้าผา หน้าผา น. ด้านภูเขาที่มีแผ่นหินตั้งชัน.
หน้าผาก หน้าผาก น. ส่วนเบื้องบนของใบหน้าอยู่เหนือคิ้วขึ้นไป.
หน้าผี หน้าผี น. หน้าตาอัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว.
หน้าเผือด,หน้าเผือดสี หน้าเผือด, หน้าเผือดสี น. หน้าไม่มีสีเลือด.<2t>ว. มีสีหน้าแสดงความผิดหวังหรือตกใจเป็นต้น, หน้าถอดสี ก็ว่า.
หน้าพาทย์ หน้าพาทย์ น. เรียกเพลงประเภทที่ใช้บรรเลงในการแสดงกิริยาอาการเคลื่อนไหวของตัวโขนละครเป็นต้น หรือสําหรับอัญเชิญเทพเจ้า ฤๅษี หรือบูรพาจารย์ ให้มาร่วมชุมนุมในพิธีไหว้ครูหรือพิธีมงคลต่าง ๆ เช่น เชิด ใช้ในการเดินทางไกล เสมอ ใช้ในการเดินระยะใกล้ เสมอมาร สําหรับยักษ์เดิน เสมอเถร สําหรับฤๅษีเดิน สาธุการ ใช้ในการเริ่มพิธีต่าง ๆ ตระเชิญ ใช้อัญเชิญเทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่า เพลงหน้าพาทย์.<2t>ว. ที่เกี่ยวกับเพลงหน้าพาทย์ เช่น รําหน้าพาทย์ บอกหน้าพาทย์.
หน้าพาทย์แผลง หน้าพาทย์แผลง [-แผฺลง] น. ชื่อเพลงหน้าพาทย์ที่บอกแผลงไปจากชื่อเดิม ทำให้ผู้บรรเลงปี่พาทย์ต้องใช้ความคิดว่าจะบรรเลงเพลงใด เช่น เพลงนางพญาดำเนิน หมายถึง เพลงช้า เพลงแม่ลูกอ่อนไปตลาด หมายถึง เพลงเร็ว เพลงไม่ได้ไม่เสีย หมายถึง เพลงเสมอ.
หน้าไฟ หน้าไฟ น. เวลาที่จุดไฟเผาศพ เช่น พระสวดหน้าไฟ.
หนาม,หนาม ๑ หนาม ๑ น. ส่วนแหลม ๆ ที่งอกออกจากต้นหรือกิ่งของไม้บางชนิดเป็นต้น เช่น หนามงิ้ว หนามพุทรา.
หนาม,หนาม ๒ หนาม ๒ น. ชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยวในสกุล Murex วงศ์ Muricidae เปลือกมีหนามสั้นหรือยาวโดยรอบ เช่น ชนิด M. trapa.
หนามขี้แรด หนามขี้แรด น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Acacia pennata Willd. ในวงศ์ Leguminosae ต้นมีหนาม เปลือกใช้ย้อมแหอวนและใช้ทํายาได้.
หนามเขียะ หนามเขียะ (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกระบองเพชร. (ดู กระบองเพชร ๒).
หนามควายนอน หนามควายนอน ดู การเวก ๓.
หนามจี้ หนามจี้ (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นคนทา. (ดู คนทา).
หนามแดง หนามแดง น. (๑) ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Maytenus marcanii Ding Hou ในวงศ์ Celastraceae ใช้ทํายาได้.<2t>(๒) ชื่อไม้พุ่มชนิด Carissa carandas L. ในวงศ์ Apocynaceae ดอกสีขาว หลอดดอกสีชมพู กลิ่นหอม ผลสีขาว สุกสีแดงคล้ำ กินได้, มะนาวไม่รู้โห่ ก็เรียก.
หนามเตย หนามเตย น. ลายหยักบนตัวหนังสือขอม; ส่วนที่เป็นหยัก ๆ บนหลังจระเข้; โลหะที่มีลักษณะเป็นเขี้ยวคล้ายหนามสำหรับเกาะยึดหัวแหวนเป็นต้น.
หนามพรม หนามพรม น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Carissa cochinchinensis Pierre ในวงศ์ Apocynaceae ต้นมีหนามแข็ง, พรม ก็เรียก.
หนามพุงดอ,หนามรอบตัว,หนามเหม็น หนามพุงดอ, หนามรอบตัว, หนามเหม็น ดู พุงดอ.
หนามยอกอก หนามยอกอก (สํา) น. คนหรือเหตุการณ์ที่ทําให้รู้สึกเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงอยู่ในอกตลอดเวลา.
หนามยอกเอาหนามบ่ง หนามยอกเอาหนามบ่ง (สํา) ก. ตอบโต้หรือแก้ด้วยวิธีการทํานองเดียวกัน.
หนามหลัง หนามหลัง ดู ตามิน.
หนามแหลมไม่มีใครเสี้ยม หนามแหลมไม่มีใครเสี้ยม (สํา) น. คนที่มีปฏิภาณไหวพริบตามธรรมชาติโดยไม่ต้องมีใครสอน, มักใช้เข้าคู่กับ มะนาวกลมเกลี้ยงไม่มีใครกลึง.
หนามใหญ่ หนามใหญ่ ดู หัวโขน ๓.
หน้ามอด หน้ามอด น. หน้าซึ่งมีรอยแผลเป็นปรุ ๆ มักเกิดจากฝีดาษ, หน้าข้าวตัง ก็ว่า.
หน้าม่อย หน้าม่อย ว. มีสีหน้าสลดแสดงว่าเสียใจ เช่น เธอทำหน้าม่อยเพราะรีดเสื้อตัวสวยไหม้.
หน้าม้า หน้าม้า น. ผู้ที่ทําเล่ห์เหลี่ยมเป็นเหมือนคนซื้อหรือคนเล่นการพนันเป็นต้น เพื่อเป็นสื่อจูงใจให้คนหลงซื้อหรือหลงเล่นการพนันด้วย, โดยปริยายใช้เรียกคนที่หากินในลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.
หน้าม้าน หน้าม้าน ว. มีสีหน้าเผือดด้วยความละอายจนไม่กล้าสบตาคน.
หน้ามืด หน้ามืด ว. อาการที่เป็นลมหมดสติ; โดยปริยายหมายถึงมัวเมาจนขาดสติ ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ.
หน้ามุข หน้ามุข น. ส่วนของอาคารที่ยื่นเด่นออกมาทางหน้า.
หน้าไม้ หน้าไม้ น. วิธีคิดเลขเพื่อให้รู้ว่าไม้มีกี่ยก; เครื่องยิงชนิดหนึ่ง มีคันและราง ยิงด้วยลูกหน้าไม้.
หน้าไม่รับแขก หน้าไม่รับแขก น. หน้าตาที่เฉยเมยคล้ายกับว่าไม่ต้องการต้อนรับใคร อาจเป็นปรกติหรือเป็นบางโอกาสก็ได้.
หน้าไม่อาย หน้าไม่อาย ว. ที่ไม่รู้สึกกระดากหรือขวยใจ.
หน่าย หน่าย ก. เบื่อ, จืดจาง, คลายจากความพัวพัน, คลายจากความรัก, มักใช้เข้าคู่กับคำ เบื่อ เป็น เบื่อหน่าย.
หน่ายหนี หน่ายหนี ก. จากไปเพราะเบื่อหรือทนไม่ไหวเป็นต้น.
หน่ายแหนง หน่ายแหนง [หฺน่ายแหฺนง] ก. ระอาเพราะหมางใจหรือแคลงใจเป็นต้น, แหนงหน่าย ก็ว่า.
หน้ายิ้ม ๆ หน้ายิ้ม ๆ ว. อาการยิ้มน้อย ๆ อย่างมีเลศนัย.
หน้ายุ่ง หน้ายุ่ง ว. มีสีหน้าว่ามีความยุ่งยากลำบากใจเพราะมีงานมากเสียจนไม่รู้จะทำอะไรก่อนอะไรหลังเป็นต้น.
หน้าระรื่น หน้าระรื่น น. หน้ายิ้มอยู่เสมอ.
หน้ารับแขก หน้ารับแขก น. หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นประจำ.
หน้าร่าหุ์,หน้าราหู หน้าร่าหุ์, หน้าราหู น. ชื่อลายไทยแบบหนึ่งอยู่ในรูปทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนทำเป็นหน้าอสูรที่ชื่อราหู เช่นตรงกลางพัดยศพระราชาคณะชั้นสามัญหรือที่โล่, หน้าขบ ก็เรียก.
หน้าเริด หน้าเริด ว. อาการที่แสดงหน้าตาตื่น (ใช้แก่กริยาวิ่ง) เช่น เห็นแม่มาแต่ไกลก็วิ่งหน้าเริดเข้าไปหา, หน้าตั้ง ก็ว่า.
หน้าเลือด หน้าเลือด ว. ชอบแสวงหาประโยชน์โดยวิธีบังคับให้จำยอมเพราะเห็นแก่ตัว เช่น เขาเป็นเจ้าหนี้หน้าเลือด, หน้าโลหิต ก็ว่า.
หนาว หนาว ว. เย็นจัด, อาการที่รู้สึกเย็นจัด.
หนาว ๆ ร้อน ๆ หนาว ๆ ร้อน ๆ ก. ครั่นเนื้อครั่นตัว, มีอาการคล้ายจะเป็นไข้เพราะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว, โดยปริยายหมายความว่า มีความเร่าร้อนใจกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือถูกตำหนิเป็นต้น, ร้อน ๆ หนาว ๆ หรือ สะบัดร้อนสะบัดหนาว ก็ว่า.
หนาวใจ หนาวใจ ว. สะท้านใจ, เยือกเย็นใจ, คร้ามเกรงภัย, กลัว.
หนาวดอกงิ้ว หนาวดอกงิ้ว น. ระยะเวลาที่ต้นงิ้วออกดอก ประมาณเดือนยี่ อากาศเย็นกว่าธรรมดา เช่น น้ำค้างพรมลงเฉื่อยเรื่อยเรื่อยริ้ว หนาวดอกงิ้วงิ้วออกดอกไสว. (นิ. ประธม).
หนาวสะท้าน หนาวสะท้าน ว. หนาวสั่นเพราะพิษไข้; รู้สึกเย็นเยือกเข้าหัวใจทำให้รู้สึกครั่นคร้ามหรือหวาดกลัวจนตัวสั่นเป็นต้น.
หนาวสันหลัง หนาวสันหลัง ว. รู้สึกหวาดกลัว, เสียวสันหลัง ก็ว่า.
หนาวเหน็บ หนาวเหน็บ ว. หนาวมากจนรู้สึกชาคล้ายเป็นเหน็บ.
หน้าวอก หน้าวอก น. หน้าของคนที่ผัดแป้งจนขาวเกินไป.
หนาวอารมณ์ หนาวอารมณ์ ว. รู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ.
หน้าวัว,หน้าวัว ๑ หน้าวัว ๑ น. กระเบื้องปูพื้นรูปสี่เหลี่ยม ทําด้วยดินเผา เรียกว่า กระเบื้องหน้าวัว; กระเบื้องสำหรับมุงหลังคารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนทำด้วยปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำ เรียกว่า กระเบื้องหน้าวัว กระเบื้องว่าว หรือ กระเบื้องขนมเปียกปูน.
หน้าวัว,หน้าวัว ๒ หน้าวัว ๒ น. ชื่อไม้ล้มลุกหลายชนิดในสกุล Anthurium วงศ์ Araceae ดอกและใบประดับมีสีต่าง ๆ.
หน้าแว่น หน้าแว่น น. เครื่องโรยขนมจีนเป็นแผ่นกลม ทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดงเป็นต้นที่เจาะรูทั่วแผ่น เย็บติดไว้ตรงกลางผ้าสี่เหลี่ยมซึ่งเจาะรูให้พอเหมาะกับแผ่นทองเหลืองหรือทองแดงนั้น, แว่น ก็เรียก, เรียกขนมปังกรอบที่มีรูปเช่นนั้นว่า ขนมปังหน้าแว่น; ผิวดินที่กระเทาะเป็นแผ่นบาง ๆ.
หน้าสลด หน้าสลด น. หน้าแสดงความเศร้าเสียใจ.
หน้าสว่าง หน้าสว่าง น. หน้าอิ่มเอิบผ่องใสชวนดู, หน้าเปิด ก็ว่า.
หน้าสิ่วหน้าขวาน หน้าสิ่วหน้าขวาน (สำ) ว. อยู่ในระยะอันตรายเพราะอีกฝ่ายหนึ่งกําลังโกรธหรือมีเหตุการณ์วิกฤตเป็นต้น.
หน้าเสีย หน้าเสีย ว. มีสีหน้าแสดงอาการพิรุธหรือตกใจ เสียใจเป็นต้น เช่น เขาหน้าเสียเพราะถูกจับได้ว่าทำความผิด.
หน้าเสี้ยว หน้าเสี้ยว น. หน้าด้านข้าง (เห็นตา ๒ ข้างและหูข้างเดียว).
หน้าหงาย หน้าหงาย ว. อาการที่หน้าเงยแหงนขึ้น เช่น เขาถูกชกหน้าหงาย; โดยปริยายหมายถึงอาการที่ถูกว่าย้อนกลับมาจนเสียหน้า เช่น ตั้งใจจะไปขอยืมเงินเขา เขาบอกว่าหนี้เก่าก็ไม่ได้ชำระยังจะมาขอยืมอีก เลยต้องหน้าหงายกลับมา; ที่ผิดไปจากที่คาดหวังไว้มาก เช่น เขาคุยว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่ ๆ แต่พอประกาศผลแล้วไม่ได้ ก็หน้าหงายกลับมา.
หน้าหัก หน้าหัก น. หน้าซึ่งมีสันจมูกคล้ายหักเข้าไป.
หนาหู หนาหู ว. ได้ยินพูดกันมาก, บ่อย (ใช้แก่การได้ยิน), เช่น มีข่าวหนาหูว่าจะตัดถนนสายใหม่, บางทีก็ใช้ว่า หนาหูหนาตา โดยมี หนาตา เป็นคำสร้อย เช่น ได้ยินข่าวหนาหูหนาตาว่ารัฐบาลจะเลิกเก็บภาษีบางอย่าง.
หนาหูหนาตา หนาหูหนาตา ดู หนาตา และ หนาหู.
หน้าเหี่ยว หน้าเหี่ยว น. หน้าที่ไม่เต่งตึง, โดยปริยายหมายความว่า ไม่สมปรารถนา เช่น ขอสตางค์แม่ไม่ได้ก็หน้าเหี่ยวกลับมา.
หน้าแหก หน้าแหก (ปาก) ว. อาการที่ต้องได้รับความอับอายขายหน้าอย่างยิ่งเพราะผิดหวังอย่างมากหรือเพราะถูกโต้ถูกย้อนกลับมาอย่างเถียงไม่ขึ้นเป็นต้น.
หน้าแหง หน้าแหง [-แหฺง] น. หน้าแสดงความเก้อหรือจนปัญญา.
หน้าแห้ง หน้าแห้ง ว. มีสีหน้าไม่แจ่มใสเพราะความทุกข์เช่นผิดหวัง.
หน้าใหญ่ใจโต หน้าใหญ่ใจโต ว. มีใจกว้างใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินตัวเพื่ออวดมั่งมี เช่น เขาชอบทำหน้าใหญ่ใจโตทั้ง ๆ ที่มีเงินน้อย.
หน้าใหม่ หน้าใหม่ ว. ที่เพิ่งเคยเห็นหรือรู้จักกัน เช่น นักร้องหน้าใหม่.
หน้าไหว้หลังหลอก หน้าไหว้หลังหลอก (สำ) ว. ต่อหน้าทำเป็นดี แต่พอลับหลังก็นินทาหรือหาทางทำร้าย, ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก ก็ว่า.
หน้าอก หน้าอก น. ส่วนภายนอกของอก, นมของผู้หญิง, อก ก็ว่า.
หน้าอ่อน หน้าอ่อน ว. ที่มองดูอายุน้อยกว่าอายุจริง เช่น ผู้หญิงคนนี้อายุมากแล้วแต่ยังดูหน้าอ่อน, เรียกหมากที่หน้ายังไม่เต็มว่า หมากหน้าอ่อน.
หน้าอัด หน้าอัด น. หน้าตรง, หน้าเต็ม, หน้าตรงแบน, (ใช้แก่รูปวาด รูปถ่าย หรือเหรียญ).
หน้าอินทร์หน้าพรหม หน้าอินทร์หน้าพรหม น. ผู้มีอำนาจ, ผู้ยิ่งใหญ่, เช่น เขาไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใด ๆ ทั้งนั้น.
หนำ หนำ ว. มากพอกับความต้องการ เช่น อิ่มหนำสำราญ.
หนำใจ หนำใจ ว. สาแก่ใจ, สมใจอยาก, เช่น กินให้หนำใจ เที่ยวเสียหนำใจ.
หนำเลี้ยบ หนำเลี้ยบ น. ชื่อผลของไม้ต้นชนิด Canarium pimela Leenh. ในวงศ์ Burseraceae ผลสุกสีม่วงดำ นำมาดองเค็มใช้เป็นอาหาร. (จ.).
หนี หนี ก. ไปเสียให้พ้น, หลีกไปให้พ้น, เช่น หนีภัย หนีทุกข์; หลีกเลี่ยง เช่น หนีภาษี หนีโรงเรียน.
หนี้ หนี้ น. เงินที่ผู้หนึ่งติดค้างอยู่จะต้องใช้ให้แก่อีกผู้หนึ่ง, หนี้สิน ก็ว่า; (กฎ) นิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลตั้งแต่ ๒ ฝ่ายขึ้นไป ซึ่งฝ่ายหนึ่งเรียกว่า เจ้าหนี้ มีสิทธิที่จะบังคับบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า ลูกหนี้ ให้กระทําการหรืองดเว้นกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง. (อ. obligation); โดยปริยายหมายถึงการที่จะต้องตอบแทนบุญคุณเขา.
หนี้เกลื่อนกลืนกัน หนี้เกลื่อนกลืนกัน (กฎ) น. หนี้ซึ่งระงับไปเพราะเหตุที่สิทธิและความรับผิดในหนี้นั้นตกอยู่แก่บุคคลคนเดียวกัน.
หนีบ หนีบ ก. คีบหรือบีบให้แรงให้แน่นด้วยของที่เป็นง่ามเช่นง่ามนิ้วมือหรือตะไกรเป็นต้น.
หนีร้อนมาพึ่งเย็น หนีร้อนมาพึ่งเย็น (สำ) ก. หนีจากที่ที่มีความเดือดร้อนมาอาศัยอยู่ในที่ที่มีความสงบสุข.
หนี้สิน หนี้สิน น. เงินที่ผู้หนึ่งติดค้างอยู่จะต้องใช้ให้แก่อีกผู้หนึ่ง.
หนี้สูญ หนี้สูญ น. หนี้ที่เจ้าหนี้ไม่มีทางที่จะได้รับชําระหนี้จากลูกหนี้ได้.
หนีเสือ หนีเสือ น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
หนีเสือปะจระเข้ หนีเสือปะจระเข้ (สํา) ก. หนีภัยอันตรายอย่างหนึ่งแล้วต้องพบภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ง.
หนีหน้า หนีหน้า ก. หลบไม่ยอมให้พบหน้า.
หนึก หนึก [หฺนึก] ว. หนึบ.
หนึ่ง หนึ่ง น. ตัวเลขตัวแรกของจำนวนนับ; จำนวนเดียว, คนเดียว, สิ่งเดียว, เช่น หนึ่งในดวงใจ.<2t>ว. เดี่ยว; เป็นเอก, เป็นเลิศ, เช่น เพื่อน ๆ ยกให้เขาเป็นหนึ่งในรุ่น.
หนึ่งไม่มีสอง หนึ่งไม่มีสอง ว. เป็นเลิศอยู่คนเดียว.
หนึบ หนึบ ว. ลักษณะของสิ่งของที่เหนียวและมีเนื้อแน่นด้วย เรียกว่า เหนียวหนึบ.
หนืด หนืด ว. อาการของสิ่งของที่เหนียวจนดึงไม่ใคร่จะออก เรียกว่า เหนียวหนืด, โดยปริยายหมายถึงตระหนี่มาก.<2t>(ภูมิ) น. เรียกหินที่อยู่ในสภาพหนืดใต้เปลือกโลกว่า หินหนืด. (อ. magma).
หนุ หนุ [หะนุ] น. คาง. (ป., ส.).
หนุน หนุน ก. รองให้สูงขึ้น เช่น เสื้อหนุนไหล่, ดันให้สูงขึ้น เช่น น้ำทะเลหนุน; ส่งเสริม เช่น หนุนให้สอบชิงทุนรัฐบาล, เพิ่มเติม เช่น หนุนทัพ; เอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งรองหัว เช่น หนุนหมอน หนุนตัก หนุนขอนไม้.<2t>ว. ที่เพิ่มเติม เช่น ทัพหนุน.
หนุนเนื่อง หนุนเนื่อง ก. เพิ่มเติมเข้ามาไม่ขาดสาย เช่น กองทัพข้าศึกหนุนเนื่องเข้ามา.
หนุนหลัง หนุนหลัง ก. ดันให้หลังแอ่น; สนับสนุนอยู่ข้างหลัง.
หนุบ,หนุบ ๆ หนุบ, หนุบ ๆ ว. ลักษณะอาการตอด, อาการที่เจ็บในกายรู้สึกเต้นกระเทือนแต่น้อย ๆ; อาการที่ติดแน่นอยู่แล้วดึงออกมามีเสียงดังเช่นนั้น.
หนุบหนับ,หนุบหนับ ๆ,หนุบ ๆ หนับ ๆ หนุบหนับ, หนุบหนับ ๆ, หนุบ ๆ หนับ ๆ ว. อาการที่ยื้อแย่งกันซื้อของเป็นต้น, อาการที่ปลาแย่งกันตอดเหยื่อ.
หนุ่ม หนุ่ม น. ชายที่มีอายุพ้นวัยเด็ก นับตามความนิยมตั้งแต่ ๑๕-๓๐ ปี.<2t>ว. เรียกชายที่ยังดูไม่แก่ตามวัย เช่น ดูยังหนุ่มอยู่.
หนุ่มทั้งแท่ง หนุ่มทั้งแท่ง น. หนุ่มบริสุทธิ์.
หนุ่มทั้งแท่งมากินแตงเถาตาย หนุ่มทั้งแท่งมากินแตงเถาตาย (สำ) น. หนุ่มบริสุทธิ์ได้แม่ม่ายอายุมากเป็นภรรยา.
หนุ่มน้อย หนุ่มน้อย น. ชายที่อยู่ในวัยรุ่น.
หนุ่มแน่น หนุ่มแน่น ว. หนุ่มเต็มที่.
หนุ่มเหน้า หนุ่มเหน้า [-เน่า] (โบ) ว. กําลังสาว, กําลังหนุ่ม.
หนุ่มใหญ่ หนุ่มใหญ่ น. ชายที่อยู่ในวัยกลางคน.
หนุ่ย หนุ่ย ว. ทุย, โน.
หนู,หนู ๑ หนู ๑ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายสกุลในวงศ์ Muridae มีฟันแทะ มีอยู่ทั่วไปตามบ้านเรือนและในถิ่นธรรมชาติ มีหลายชนิด เช่น หนูพุกใหญ่ (Bandicota indica) หนูท้องขาว (Rattus rattus) บางชนิดเป็นพาหะนําโรค.<2t>ว. เล็ก (ใช้เฉพาะพรรณไม้บางอย่างที่มีพันธุ์เล็กหรือของบางอย่างชนิดเล็ก) เช่น กุหลาบหนู แตงหนู หม้อหนู.
หนู,หนู ๒ หนู ๒ (ปาก) สรรพนามบุรุษที่ ๑ ผู้น้อยใช้พูดกับผู้ใหญ่, สรรพนามบุรุษที่ ๒ ผู้ใหญ่ใช้เรียกผู้น้อย, คําสําหรับเรียกเด็ก มีความหมายไปในทางเอ็นดู เช่น หนูแดง หนูน้อย.
หนูตกถังข้าวสาร หนูตกถังข้าวสาร (สํา) น. ผู้ชายที่มีฐานะไม่ค่อยดีได้แต่งงานกับผู้หญิงที่รุ่มรวย, ตกถังข้าวสาร ก็ว่า.
หนูติดจั่น หนูติดจั่น (สํา) ว. จนปัญญา, หาทางออกไม่ได้.
หนูผี หนูผี น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Soricidae รูปร่างคล้ายหนูแต่ตัวเล็กมาก ขาสั้น มีนิ้วตีนข้างละ ๕ นิ้ว หางยาว ขนนุ่มสั้น ใบหูเล็ก จมูกยื่นยาวออกมาเห็นได้ชัด ตาหยีเล็ก มุดหาแมลงกินตามกองไม้และใบไม้ที่กองทับถมกันนาน ๆ มีหลายชนิด เช่น หนูผีนา (Crocidura fuliginosa) หนูผีบ้าน (C. murina) หนูผีจิ๋ว (C. etrusca).
ห่ม,ห่ม ๑ ห่ม ๑ ก. ขย่ม เช่น เด็กห่มกิ่งพุทรา ห่มเสาเข็ม.
ห่ม,ห่ม ๒ ห่ม ๒ ก. ใช้ผ้าเป็นต้นคลุมหรือพันสิ่งใดสิ่งหนึ่งทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน เช่น ห่มผ้า ห่มสไบ เอาผ้าไปห่มต้นโพธิ์.
หมก,หมก ๑ หมก ๑ ก. ซุกไว้ใต้ เช่น หมกดิน หมกโคลน หมกทราย, หลบหน้า เช่น ไปหมกหัวอยู่ที่ไหน, ทิ้งสุม ๆ ไว้ เช่น เสื้อผ้าใช้แล้วอย่าหมกไว้; เรียกวิธีทําอาหารบางอย่างให้สุกด้วยการหมกไฟ เช่น หมกปลา หมกหัวมันเทศ.
หมก,หมก ๒ หมก ๒ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ปลากระบอก. (ดู กระบอก ๒).
หมกมุ่น หมกมุ่น ก. ฝังใจมุ่งไปทางเดียว เช่น เขาหมกมุ่นอยู่กับงาน.
หมกไหม้ หมกไหม้ ว. ร้อนระอุ เช่น ตกนรกหมกไหม้, มีความทุกข์มาก เช่น หัวอกหมกไหม้.
ห่มครุย,ห่มเสื้อครุย ห่มครุย, ห่มเสื้อครุย ก. สวมเสื้อครุยโดยสวมเฉพาะแขนซ้าย เอาแขนเสื้อข้างขวาโอบหลังไปสอดรักแร้ขวาแล้วตวัดพาดบนไหล่ซ้าย.
ห่มคลุม ห่มคลุม น.เรียกวิธีห่มผ้าของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่งโดยปิดไหล่ทั้ง ๒ ข้าง.
หมด หมด ก. สิ้น เช่น หมดลม หมดกิเลส หมดปัญญา, ไม่มี เช่น เงินหมด ฝนหมด, จบ เช่น หมดรายการ.<2t>ว. ไม่มีอะไรเหลือ เช่น กินหมด ใช้หมด.
หมดกรรม,หมดกรรมหมดเวร,หมดเวร,หมดเวรหมดกรรม หมดกรรม, หมดกรรมหมดเวร, หมดเวร, หมดเวรหมดกรรม ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป, สิ้นกรรม สิ้นกรรมสิ้นเวร สิ้นเวร หรือ สิ้นเวรสิ้นกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
หมดกระเป๋า,หมดตูด,หมดพก หมดกระเป๋า, หมดตูด, หมดพก (ปาก) ว. หมดเงิน, ไม่มีเงินเหลือ, เช่น เขาเสียการพนันจนหมดกระเป๋า.
หมดกัน หมดกัน คําออกเสียงแสดงความเสียดายหรือผิดหวังเป็นต้น.
หมดกันที หมดกันที ก. สิ้นสุดกันที.
หมดเกลี้ยง หมดเกลี้ยง ว. ไม่มีเหลือ เช่น เด็กกินขนมจนหมดเกลี้ยง.
หมดเขต หมดเขต ก. หมดระยะเวลาที่กําหนดไว้ เช่น สิ้นเดือนนี้หมดเขตส่งภาพเข้าประกวด.
หมดเขี้ยวหมดงา,หมดเขี้ยวหมดเล็บ หมดเขี้ยวหมดงา, หมดเขี้ยวหมดเล็บ (สํา) ก. หมดอํานาจวาสนา, สิ้นฤทธิ์, สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ ก็ว่า.
หมดเคราะห์ หมดเคราะห์ ก. สิ้นเคราะห์กรรมที่เลวร้าย.
หมดจด หมดจด ว. สะอาด, ผ่องใส, เช่น เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาดหมดจด; ไม่มีตําหนิ, ไม่ด่างพร้อย, เช่น เขามีความประพฤติหมดจด.
หมดตัว,หมดเนื้อหมดตัว หมดตัว, หมดเนื้อหมดตัว ว. สิ้นเนื้อประดาตัว เช่น เขาถูกโกงจนหมดเนื้อหมดตัว.
หมดตำรา หมดตำรา (สํา) ว. จนปัญญา, หมดทาง, หมดฝีมือ, สิ้นตํารา ก็ว่า.
หมดตูด หมดตูด (ปาก) ว. หมดเงิน, ไม่มีเงินเหลือ, หมดกระเป๋า หรือ หมดพก ก็ว่า.
หมดท่า หมดท่า ว. หมดหนทาง, จนปัญญา, เช่น เขาหมดท่าไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอย่างไร; อาการที่ทำให้รู้สึกน่าสังเวช เช่น เขาแต่งตัวภูมิฐานแล้วเดินหกล้ม หมดท่าเลย, หมดรูป ก็ว่า.
หมดบุญ หมดบุญ ก. สิ้นอำนาจวาสนา, หมดอำนาจ หรือ หมดวาสนาบารมี ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
หมดประตู หมดประตู ก. ไม่มีทาง, หมดหนทาง, หมดทางสู้.
หมดเปลือก หมดเปลือก ว. แจ่มแจ้ง, ไม่มีอะไรเคลือบแฝง, เช่น เขาอธิบายจนหมดเปลือก เขาพรรณนาเรื่องราวอย่างละเอียดจนหมดเปลือก.
หมดฝีมือ หมดฝีมือ ว. เต็มความสามารถที่มีอยู่ เช่น งานครั้งนี้เขาทำอย่างหมดฝีมือเลย แม้แพทย์จะพยายามรักษาคนไข้จนหมดฝีมือแล้ว แต่ก็ช่วยชีวิตไว้ไม่ได้, หมดความสามารถ, สิ้นฝีมือ ก็ว่า.
หมดพุง,หมดไส้หมดพุง หมดพุง, หมดไส้หมดพุง ว. หมดความรู้ เช่น ครูสอนศิษย์จนหมดพุง; อาการที่เปิดเผยโดยมิได้ปิดบังอำพราง เช่น สารภาพจนหมดไส้หมดพุง, สิ้นไส้สิ้นพุง ก็ว่า.
หมดราคี หมดราคี ว. ไม่มีมลทิน, ไม่มัวหมอง.
หมดราคีคาว หมดราคีคาว ว. ไม่มีความมัวหมองทางชู้สาว (มักใช้แก่ผู้หญิง).
หมดราศี หมดราศี ว. มีหน้าตาหมองคล้ำ เช่น พอหมดอำนาจก็หมดราศี.
หมดรูป หมดรูป ว. อาการที่ทำให้รู้สึกน่าสังเวช, หมดท่า ก็ว่า.
หมดลม หมดลม ก. ตาย, ขาดใจ สิ้นใจ สิ้นลม หรือ หมดอายุ ก็ว่า.
หมดวาสนาบารมี หมดวาสนาบารมี ก. หมดอำนาจ.
หมดเวร,หมดเวรหมดกรรม หมดเวร, หมดเวรหมดกรรม ก. สิ้นสุดในการที่ต้องรับทุกข์อีกต่อไป, หมดกรรม หมดกรรมหมดเวร สิ้นกรรม สิ้นกรรมสิ้นเวร สิ้นเวร หรือ สิ้นเวรสิ้นกรรม ก็ว่า; (ปาก) ตาย.
หมดสติ หมดสติ ก. สิ้นสติ, ไม่มีความรู้สึก, สลบ.
หมดไส้หมดพุง หมดไส้หมดพุง ว. หมดความรู้ เช่น ครูสอนศิษย์จนหมดพุง; อาการที่เปิดเผยโดยมิได้ปิดบังอำพราง เช่น สารภาพจนหมดไส้หมดพุง, สิ้นไส้สิ้นพุง ก็ว่า.
หมดหวัง หมดหวัง ก. ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย, สิ้นหวัง ก็ว่า.
ห่มดอง ห่มดอง น. เรียกวิธีห่มผ้าของพระภิกษุสามเณรอย่างหนึ่งโดยห่มเฉวียงบ่าและมีผ้ารัดอก.
หมดอายุ หมดอายุ ก. ตาย, ขาดใจ, สิ้นใจ สิ้นลม หรือ หมดลม ก็ว่า.
หมดอาลัย หมดอาลัย ก. ไม่มีใจผูกพัน; ไม่มีความหวังเช่น หมดอาลัยในชีวิต.
หมดอาลัยตายอยาก หมดอาลัยตายอยาก ก. ทอดอาลัยเพราะไม่มีความหวังใด ๆ เหลืออยู่.
หมดอาลัยไยดี หมดอาลัยไยดี ก. ไม่มีเยื่อใยหลงเหลืออยู่เลย.
หมดอำนาจ,หมดวาสนาบารมี หมดอำนาจ, หมดวาสนาบารมี ก. สิ้นอำนาจวาสนา, หมดบุญ ก็ว่า.
หม่น หม่น ว. มีลักษณะมัว ๆ หรือคล้ำ ๆ (ใช้แก่สี) เช่น สีฟ้าหม่น สีเขียวหม่น.
หม่นหมอง หม่นหมอง ว. ไม่ผ่องใส, ไม่สบายใจ, ไม่เบิกบาน, เช่น หน้าตาหม่นหมอง จิตใจหม่นหมอง, หมองหม่น ก็ว่า.
หม่นไหม้ หม่นไหม้ ว. มีทุกข์ร้อนตรมตรอมใจ.
หมวก หมวก [หฺมวก] น. เครื่องสวมศีรษะมีรูปต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องประดับหรือกันแดดกันฝนเป็นต้น.
หมวกกะโล่ หมวกกะโล่ น. หมวกกันแดดชนิดหนึ่ง ทรงคลุ่ม มีปีกแข็งโดยรอบ โครงทําด้วยไม้ฉําฉาหรือไม้ก๊อกเป็นต้นแล้วหุ้มผ้า หรือทําด้วยใบลาน.
หมวกกะหลาป๋า หมวกกะหลาป๋า น. หมวกชนิดหนึ่งสานด้วยไม้ไผ่อย่างละเอียด รูปทรงสูง ผู้หญิงนิยมใช้ในเวลาแข่งเรือ มีดอกไม้จีนเสียบ เป็นของเก่าสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ ขึ้นไป.
หมวกกันน็อก หมวกกันน็อก น. (ปาก) หมวกนิรภัย.
หมวกแก๊ป หมวกแก๊ป น. หมวกทหารตํารวจหรือข้าราชการพลเรือนเป็นต้นที่มีกะบังหน้า.
หมวกแจว หมวกแจว น. ไม้ที่สวมหัวแจวสําหรับจับ.
หมวกทรงหม้อตาล หมวกทรงหม้อตาล น. หมวกที่มีรูปทรงคล้ายหม้อตาลอย่างหมวกที่พลทหารเรือและจ่าทหารเรือเป็นต้นสวม.
หมวกนิรภัย หมวกนิรภัย น. หมวกสำหรับสวมป้องกันหรือลดอันตรายเมื่อศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนเป็นต้น, (ปาก) หมวกกันน็อก.
หมวกหนีบ หมวกหนีบ น. เครื่องสวมศีรษะแบบหนึ่ง ทำด้วยผ้าหรือสักหลาด รูปทรงคล้ายซองจดหมายอย่างยาว.
หมวกหู หมวกหู น. ขอบหูตอนบน.
หมวกหูกระต่าย หมวกหูกระต่าย น. เครื่องสวมศีรษะแบบหนึ่ง ทําด้วยผ้าหรือสักหลาดสีต่าง ๆ รูปทรงกระบอกสั้น ๆ มีแผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดขอบหมวกสําหรับปกใบหูทั้ง ๒ ข้าง.
หมวกเห็ด หมวกเห็ด น. ส่วนที่เป็นดอกของเห็ด.
หมวกเหล็ก หมวกเหล็ก น. หมวกสำหรับทหารหรือตำรวจสวมเพื่อป้องกันอันตรายจากอาวุธเป็นต้น.
หมวด หมวด [หฺมวด] น. กลุ่มที่ประกอบด้วยหลายหมู่ เช่น หมวดหนังสือ วิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยหมู่หนังสือเคมี หมู่หนังสือฟิสิกส์ เป็นต้น; กำลังพลของทหาร ตำรวจ เป็นต้น มีจำนวนไม่เกิน ๔ หมู่ มีหัวหน้าเรียกว่า ผู้บังคับหมวด หรือทั่ว ๆ ไปเรียกว่า ผู้หมวด, ถ้าเป็นทหารบกหรือตำรวจจะต้องมียศเป็นร้อยตรี ร้อยโท หรือร้อยตำรวจตรี ร้อยตำรวจโท, ถ้าเป็นทหารเรือหรือทหารอากาศจะต้องมียศเป็นเรือตรี เรือโท; เรียกสิ่งที่ขมวดไว้เป็นจุกเดียวกัน.
หมวน หมวน (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. ขุ่น.
หมอ,หมอ ๑ หมอ ๑ น. ผู้รู้, ผู้ชํานาญ, เช่น หมองู หมอนวด; ผู้ตรวจรักษาโรค เช่น หมอฟัน หมอเด็ก.
หมอ,หมอ ๒ หมอ ๒ (ปาก) ใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒ เรียกเด็กด้วยความเอ็นดูว่า หมอนั่น หมอนี่, ใช้เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ เรียกผู้ใหญ่ด้วยความหมั่นไส้เป็นต้น, (ใช้แก่ผู้ชาย), เช่น อย่าไปฟังหมอนะ, บางทีก็ใช้ว่า อ้ายหมอนั่น อ้ายหมอนี่ หรือ เจ้าหมอนั่น เจ้าหมอนี่.
หมอ,หมอ ๓ หมอ ๓ น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Anabas testudineus ในวงศ์ Anabantidae ลําตัวป้อม แบนข้าง ท้องกลม คอดหางกว้าง หัวโต ปากซึ่งอยู่ปลายสุดของหัวกว้างและเชิดขึ้นเล็กน้อย ยืดหดไม่ได้ ฟันเล็กแต่แข็งแรง เกล็ดแข็ง ขอบเป็นจักคล้ายหนามยึดแน่นกับหนังและคลุมตลอดทั้งลําตัวและหัว กระดูกแผ่นปิดเหงือกหยักเป็นหนาม ใช้แถกเพื่อช่วยยึดยันให้เคลื่อนไปบนบกได้ดี ขอบครีบต่าง ๆ กลม ลําตัวและครีบมีสีดําคลํ้า ส่วนปลาขนาดเล็กมีสีจางกว่าและมีลายบั้งพาดลําตัวเป็นระยะ ๆ อาศัยอยู่ในแหล่งนํ้าแทบทุกประเภท พบขึ้นมาบนบกในฤดูฝนเสมอ ซึ่งเป็นธรรมชาติการย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยแบบหนึ่ง และยังแสดงให้เห็นความสามารถในการหายใจในที่ดอนได้อีกด้วย ขนาดยาวได้ถึง ๒๕ เซนติเมตร, หมอไทย หรือ สะเด็ด ก็เรียก, อีสานเรียก เข็ง.
หม่อ หม่อ น. เรียกลูกวัวหรือควายเล็ก ๆ ว่า ลูกหม่อ.
หม้อ หม้อ น. ภาชนะประเภทหนึ่ง มีรูปทรงต่าง ๆ สำหรับใส่ของหรือใช้งานบางอย่าง, เรียกตามสิ่งที่ใช้ทำก็มี เช่น หม้อดิน หม้อทองเหลือง หม้ออะลูมิเนียม, เรียกตามสิ่งที่บรรจุก็มี เช่น หม้อข้าว หม้อน้ำมนตร์, เรียกตามวัตถุประสงค์ที่ใช้สอยก็มี เช่น หม้อตุ๋น หม้อนึ่ง.
หมอก หมอก [หฺมอก] น. ละอองน้ำขนาดเล็กมากที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เกิดจากการกลั่นตัวของไอนํ้า ลอยอยู่ในอากาศ.<2t>ว. สีเทาแก่อย่างสีเมฆ, เป็นฝ้ามัว เช่น ตาหมอก.
หม้อกระดี่ หม้อกระดี่ น. หม้อแกงขนาดใหญ่ปากกว้าง ทำด้วยดิน มีขีดเป็นรอยโดยรอบ.
หม้อเกลือ หม้อเกลือ น. หม้อตาลใส่เกลือเม็ด ใช้สำหรับตั้งไฟให้ร้อน นำมาห่อหรือพันด้วยใบพลับพลึง ใช้นาบท้องและตามตัวหญิงแรกคลอดบุตร เพื่อคลายความเมื่อยตึงตัวเป็นต้น.
หม้อแกง หม้อแกง น. ชื่อขนมหวานชนิดหนึ่ง ทำด้วยกะทิ ไข่ น้ำตาล ใส่ถาดผิงไฟ สุกแล้วมักโรยหอมเจียว เรียกว่า ขนมหม้อแกง.
หม้อแกงค่าง หม้อแกงค่าง ดู หม้อแกงลิง.
หม้อแกงลิง หม้อแกงลิง น. ชื่อไม้เถาชนิด Nepenthes ampullaria Jack ในวงศ์ Nepenthaceae ชอบขึ้นในป่าพรุทางภาคใต้ ปลายใบเปลี่ยนเป็นรูปกระเปาะมีฝาปิด ใช้ดักจับแมลง, หม้อข้าวหม้อแกงลิง หรือ หม้อแกงค่าง ก็เรียก.
หมอขวัญ หมอขวัญ น. ผู้รู้พิธีทําขวัญ, หมอทำขวัญ ก็เรียก; ผู้มีความรู้ทางคชศาสตร์และเป็นหัวหน้าในการจับช้าง, หมอเฒ่า ก็เรียก.
หม้อขาง หม้อขาง (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. กระทะที่ทำด้วยเหล็กขาง.
หม้อข้าวหม้อแกงลิง หม้อข้าวหม้อแกงลิง ดู หม้อแกงลิง.
หมอความ หมอความ (ปาก) น. ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ว่าต่างแก้ต่างคู่ความในเรื่องอรรถคดี, ทนาย หรือ ทนายความ ก็เรียก.
หมอแคน หมอแคน น. ผู้มีความชำนาญในการเป่าแคน, อีสานเรียก ช่างแคน.
หมอง หมอง [หฺมอง] ว. ขุ่น, มัว, เช่น เครื่องแก้วหมอง เครื่องเงินหมอง, ไม่ผ่องใส, ไม่แจ่มใส, เช่น หน้าหมอง.
หม่อง หม่อง น. คํานําหน้าชื่อผู้ชายพม่า (พม่า หม่อง ว่า น้อง); เรียกยาขี้ผึ้งชนิดหนึ่งใช้ทา นวด เป็นต้น ว่า ยาหม่อง.
หมองใจ หมองใจ ก. ขุ่นใจ, มีใจไม่ผ่องใส; ขัดเคืองกัน.
หมองมัว หมองมัว ว. ไม่แจ่มใส, ไม่เบิกบาน.
หมองหม่น หมองหม่น ว. ไม่ผ่องใส, ไม่สบายใจ, ไม่เบิกบาน, หม่นหมอง ก็ว่า.
หมองหมาง หมองหมาง ว. ไม่ผ่องใสเพราะมีความขุ่นเคืองใจ.
หมองู หมองู น. ผู้มีความชำนาญในการจับงูเห่ามาเลี้ยงเพื่อนำไปแสดง.
หมองูตายเพราะงู หมองูตายเพราะงู น. ผู้ที่ชำนาญในการเอางูเห่ามาเลี้ยงเป็นอาชีพก็อาจถูกงูเห่ากัดตายเพราะความประมาทได้, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีความรู้อาจตายหรือพลาดท่าเสียทีเพราะความรู้ของตนก็ได้.
หมอช้างเหยียบ หมอช้างเหยียบ น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Pristolepis fasciatus ในวงศ์ Nandidae พบทั่วไป รูปร่างคล้ายปลาหมอ หรือ ปลาเสือ แต่แบนข้างและกว้างกว่า ข้างตัวมีลายคลํ้าหลายลายพาดขวาง ขนาดยาวได้ถึง ๒๐ เซนติเมตร, ช้างเหยียบ กระตรับ ตะกรับหน้านวล ก๋า หรือ อีก๋า ก็เรียก.
หมอเฒ่า หมอเฒ่า น. ผู้มีความรู้ทางคชศาสตร์และเป็นหัวหน้าในการจับช้าง, หมอขวัญ ก็เรียก.
หมอดู หมอดู น. ผู้ทํานายโชคชะตาราศี.
หมอตาล หมอตาล น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Helostoma temminckii ในวงศ์ Anabantidae ลําตัวแบนข้างและกว้างมากกว่าปลาหมอ ปากยืดหดได้ และมีนิสัยเอาปากชนกับตัวอื่น จึงเรียกกันว่า ปลาจูบ พื้นลําตัวและครีบสีนํ้าตาลอ่อนหรือขาวนวล พบในเขตที่ลุ่ม ขนาดยาวได้ถึง ๓๐ เซนติเมตร, ใบตาล อีตาล อีโก๊ะ หรือ วี ก็เรียก.
หม้อตาล,หม้อตาล ๑ หม้อตาล ๑ น. ภาชนะดินเผามีรูปร่างคล้ายหม้อทรงเตี้ยสําหรับใส่นํ้าตาลโตนด, เรียกหมวกที่มีรูปทรงคล้ายหม้อตาลอย่างหมวกที่พลทหารเรือและจ่าทหารเรือเป็นต้นสวมว่า หมวกทรงหม้อตาล.
หม้อตาล,หม้อตาล ๒ หม้อตาล ๒ น. ชื่อขนมหวานชนิดหนึ่ง ทำด้วยแป้งสาลีเป็นรูปทรงหม้อตาลขนาดเล็กแล้วหยอดน้ำตาล มีสีต่าง ๆ.
หมอตำแย หมอตำแย น. หญิงที่มีอาชีพทําคลอดตามแผนโบราณ.
หม้อทะนน หม้อทะนน น. หม้อดินขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง มีขีดเป็นรอยโดยรอบสําหรับใส่นํ้า นํ้าตาลโตนด เป็นต้น, (ปาก) หม้อคะนน.
หมอทำขวัญ หมอทำขวัญ น. ผู้รู้พิธีทำขวัญ, หมอขวัญ ก็เรียก.
หมอไทย หมอไทย ดู หมอ ๓.
หมอน หมอน [หฺมอน] น. เครื่องสําหรับหนุนศีรษะหรือหนุนสิ่งต่าง ๆ เป็นต้น, เรียกตามรูปทรงก็มี เช่น หมอนขวาน หมอนตะพาบ หมอนหน้าอิฐ, เรียกตามวัตถุประสงค์ที่ใช้สอยก็มี เช่น หมอนหนุนศีรษะ หมอนหนุนเท้า หมอนหนุนรางรถไฟ, เรียกตามวัตถุที่ใช้ทำก็มี เช่น หมอนไม้ หมอนอิฐ; เครื่องสําหรับอัดดินปืนในลํากล้องให้แน่น.
หม่อน หม่อน น. ชื่อไม้ต้นชนิด Morus alba L. ในวงศ์ Moraceae ใช้ใบสําหรับเลี้ยงตัวไหม ผลสุกกินได้.
หมอนขวาน หมอนขวาน น. หมอนที่ทําหน้าตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายขวาน ใช้อิง.
หมอนข้าง หมอนข้าง น. หมอนที่มีลักษณะกลมยาวเกินกึ่งกาย นิยมวางข้าง ๆ ยาวไปตามที่นอน.
หมอนทอง หมอนทอง น. (๑) ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L.<2t>(๒) ชื่อทุเรียนพันธุ์หนึ่ง.
หมอนวด หมอนวด น. ผู้มีความชำนาญในการนวดเพื่อให้คลายจากความเจ็บปวดหรือเมื่อยขบ.
หมอน้อย,หมอน้อย ๑ หมอน้อย ๑ น. อุปกรณ์ที่ใช้ในการนวดเช่นนมไม้; เรียกตัวปลิงที่ใช้กอกเลือดว่าหมอน้อย.
หมอน้อย,หมอน้อย ๒ หมอน้อย ๒ น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Murraya koenigii (L.) Spreng. ในวงศ์ Rutaceae ใบมีขนนุ่ม ใช้ทํายาได้.
หม้อน้ำ หม้อน้ำ น. หม้อโลหะขนาดใหญ่ ใช้ต้มนํ้าทําให้เกิดไอนํ้าเดือดที่มีแรงดันสูงเพื่อหมุนเครื่องจักรเป็นต้น; อุปกรณ์ของเครื่องยนต์บางชนิด สําหรับบรรจุนํ้าเพื่อระบายความร้อนของเครื่องยนต์.
หมอน้ำมัน หมอน้ำมัน น. ผู้ชํานาญในการขี่ช้างตกมัน.
หมอบ หมอบ [หฺมอบ] ก. กิริยาที่คู้เข่าลงและยอบตัวให้ท่อนแขนส่วนล่างราบอยู่กับพื้น, ยอบตัวลงในอาการคล้ายคลึงเช่นนั้น; (ปาก) สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง, ลุกไม่ขึ้น, เช่น ถูกตีเสียหมอบ เป็นไข้เสียหมอบ.
หมอบกระแต หมอบกระแต (สํา) ก. หมอบนิ่งไม่มีทางสู้.
หมอบกราบ หมอบกราบ ก. หมอบแล้วน้อมศีรษะลงจดมือที่ประนมอยู่กับพื้น.
หมอบราบคาบแก้ว หมอบราบคาบแก้ว (สํา) ก. ยอมตามโดยไม่ขัดขืน, ยอมแพ้โดยดี.
หม้อแปลง,หม้อแปลงไฟ หม้อแปลง, หม้อแปลงไฟ น. อุปกรณ์ไฟฟ้าสําหรับแปลงแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้สูงขึ้นหรือตํ่าลง ชนิดแรกเรียกว่า หม้อแปลงขึ้น ชนิดหลังเรียกว่า หม้อแปลงลง.
หมอผี หมอผี น. ผู้ที่เชื่อกันว่ามีอำนาจเลี้ยง ควบคุม ใช้งานและปราบผีเป็นต้นได้.
หมอพัดโตนด หมอพัดโตนด [-ตะโหฺนด] น. หมอรักษาโรคช้างในทางยา.
หม้อไฟ หม้อไฟ น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยโลหะ รูปทรงคล้ายชาม ก้นหม้อมีเชิง ตรงกลางมีกระบอกสูงขึ้นมาจากใต้ก้นหม้อสำหรับใส่ถ่านติดไฟ ปากหม้อมีฝาปิด ใช้สำหรับใส่เกาเหลา แกงจืด เป็นต้น, หม้อหยวนโล้ ก็เรียก.
หม่อม หม่อม น. หญิงสามัญที่เป็นภรรยาของเจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หรือหม่อมเจ้า, บุตรชายหญิงของพระองค์เจ้าหรือหม่อมเจ้า, (โบ) เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หรือ หม่อมเจ้า ที่ต้องโทษถูกถอดจากบรรดาศักดิ์, คํานําหน้าชื่อราชนิกุล ราชินีกุลชั้นผู้ใหญ่ทั้งชายหญิงที่ไม่มีตําแหน่ง, คํานําหน้าชื่อหญิงสามัญซึ่งไม่มีบรรดาศักดิ์ได้เป็นภรรยาของเจ้าคุณราชพันธ์ในตระกูลบุนนาคทั้ง ๓ ชั้น เช่น หม่อมปาน หม่อมรอด, คํานําหน้านามบุคคลที่เป็นผู้ดีมีตระกูลทั้งชายหญิง เช่น เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา สมัยธนบุรี เรียกว่า หม่อมบุนนาค.
หม่อมเจ้า หม่อมเจ้า น. คํานําหน้านามโอรสธิดาในพระองค์เจ้าชั้นพระบรมวงศ์.
หม่อมฉัน หม่อมฉัน ส. คําใช้แทนตัวผู้พูดสําหรับเจ้านายที่มีศักดิ์เสมอกันหรือสําหรับผู้หญิงใช้พูดกับเจ้านาย, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
หม่อมราชวงศ์ หม่อมราชวงศ์ น. คํานําหน้าชื่อบุตรของหม่อมเจ้า.
หม่อมหลวง หม่อมหลวง น. คํานําหน้าชื่อบุตรของหม่อมราชวงศ์.
หม่อมห้าม หม่อมห้าม น. หญิงสามัญที่เป็นเมียของเจ้านาย, ใช้คํานําหน้านามว่า หม่อม.
หมอย หมอย [หฺมอย] น. ขนที่ของลับ; เรียกสิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นเป็นฝอยที่ปลายฝักข้าวโพดว่า หมอยข้าวโพด. (ถิ่น-พายัพ) เรียกหนวดว่า หมอยปาก เคราว่า หมอยคาง ขนรักแร้ว่า หมอยแร้.
หมอยา หมอยา (ปาก) น. ผู้มีความรู้ในการใช้ยารักษาโรค.
หมอลำ หมอลำ น. ผู้ชํานาญในการขับร้องแบบอีสาน.
หมอเสน่ห์ หมอเสน่ห์ น. ผู้ที่เชื่อกันว่ารู้วิชาอาคมทำให้คนรักกันหรือชังกัน.
หม้อหนู หม้อหนู น. หม้อดินขนาดเล็กสำหรับต้มน้ำกระสายยาเป็นต้น.
หม้อหยวนโล้ หม้อหยวนโล้ ดู หม้อไฟ.
หม้อห้อม หม้อห้อม (ถิ่น-พายัพ) น. เรียกเสื้อคอกลม แขนสั้นผ่าอกตลอด มักย้อมสีนํ้าเงินเข้มหรือดํา ว่า เสื้อหม้อห้อม, เขียนเป็น ม่อห้อม หรือ ม่อฮ่อม ก็มี.
หม้ออวย หม้ออวย น. หม้อดินหรือหม้อเคลือบที่มีด้ามหรือหูสำหรับจับหรือหิ้ว.
หมัก หมัก ก. แช่ไว้, เก็บทิ้งไว้; ปล่อยให้พักฟื้นเพื่อให้หายบอบชํ้า (ใช้แก่ปลากัด) เช่น เอาปลากัดไปหมักไว้, ทอด ก็ว่า.
หมักหมม หมักหมม ก. ทิ้งไว้ให้คั่งค้างอยู่มาก ๆ เช่น เขาชอบหมักหมมงานไว้เสมอ.<2t>ว. ที่ทิ้งไว้ให้คั่งค้างอยู่มาก ๆ เช่น เสื้อผ้าใช้แล้วก็ทิ้งหมักหมมไว้ ไม่รู้จักเก็บไปซักเสียที.
หมัด,หมัด ๑ หมัด ๑ น. ชื่อแมลงขนาดเล็กหลายชนิดในอันดับ Siphonaptera ตัวยาวประมาณ ๕ มิลลิเมตร ไม่มีปีก ลําตัวแบนข้าง มีขนเรียงเป็นแถวข้างลําตัวบริเวณปล้องแต่ละปล้อง หัวและอกเล็กกว่าท้อง ขายาว กระโดดได้เก่ง ปากเป็นชนิดเจาะดูด ดูดเลือดคนและสัตว์กินเป็นอาหาร เช่น หมัดคน (Pulex irritans) หมัดหมา (Ctenocephalides canis) หมัดหนู (Xenopsylla cheopsis) ในวงศ์ Pulicidae.
หมัด,หมัด ๒ หมัด ๒ น. กําปั้น, มือที่กําแน่นสําหรับชกหรือทุบเป็นต้น.
หมัน,หมัน ๑ หมัน ๑ น. ด้ายดิบเป็นต้นที่ใช้คลุกกับชัน นํ้ามันยาง สําหรับยัดแนวเรือ.
หมัน,หมัน ๒ หมัน ๒ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Cordia cochinchinensis Pierre ในวงศ์ Ehretiaceae เปลือกใช้ทําปอได้.
หมัน,หมัน ๓ หมัน ๓ ว. ไม่สามารถมีบุตรได้; ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เช่น งานนี้ทำไปก็เป็นหมัน.
หมั่น หมั่น ก. ขยัน, ทําหรือประพฤติบ่อย ๆ อย่างเป็นปรกติสมํ่าเสมอ, เช่น หมั่นทำการบ้าน หมั่นมาหา.
หมั้น หมั้น ก. มอบสิ่งของให้ฝ่ายหญิงเพื่อแสดงความมั่นหมายว่าจะแต่งงานด้วย.<2t>น. (กฎ) การที่ฝ่ายชายได้ส่งมอบหรือโอนทรัพย์สินอันเป็นของหมั้นให้แก่หญิงเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น เมื่อหมั้นแล้วของหมั้นตกเป็นสิทธิแก่หญิง; เรียกของที่มอบให้นั้นว่า ของหมั้น, ถ้าเป็นทอง เรียกว่า ทองหมั้น, ถ้าเป็นแหวน เรียกว่า แหวนหมั้น, ผู้ที่หมั้นกันแล้ว เรียกว่า คู่หมั้น.
หมั่นไส้ หมั่นไส้ ก. ชังนํ้าหน้า, รู้สึกขวางหูขวางตา; (ปาก) ชวนให้รู้สึกเอ็นดู, (มักใช้แก่เด็ก), เช่น เด็กคนนี้อ้วนแก้มยุ้ย น่าหมั่นไส้, มันไส้ ก็ว่า.
หมับ หมับ ว. คำสำหรับประกอบกิริยาที่เอาอะไร ๆ ไปอย่างฉับไวไม่รีรอ เช่น คว้าหมับ ฉวยหมับ หยิบหมับ, มับ ก็ว่า.
หมับ ๆ หมับ ๆ ว. อาการของปากที่หุบเข้าแล้วอ้าออกอย่างเร็ว, มับ ๆ ก็ว่า.
หมา,หมา ๑ หมา ๑ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Canidae ลําตัวมีขนปกคลุม มีเขี้ยว ๒ คู่ ตีนหน้ามี ๕ นิ้ว ตีนหลังมี ๔ นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ อวัยวะเพศของตัวผู้มีกระดูกอยู่ภายใน ๑ ชิ้น ที่ยังคงเป็นสัตว์ป่า เช่น หมาใน (Cuon alpinus) ที่เลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน คือ ชนิด Canis familiaris.
หมา,หมา ๒ หมา ๒ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ภาชนะสำหรับตักน้ำขึ้นจากบ่อ ทำด้วยกาบปูเลเป็นต้น, ตีหมา ก็เรียก. (ม. timba).
หม่า หม่า (ปาก) ก. กิน เช่น ในห้องมีของกินมาก เข้าไปหม่าเสียซิ; ปล่อยไว้ไม่เป็นระเบียบ เช่น เสื้อผ้าข้าวของไม่เก็บ หม่าไว้เต็มห้อง; หมัก, แช่ให้อ่อนตัว, เช่น หม่าข้าว หม่าแป้ง หม่าปูน.
หม้า หม้า (โบ; กลอน) ว. งาม, งามมาก.<2t>ก. เล่นรื่นเริง.
หมาก,หมาก ๑ หมาก ๑ น. ชื่อเรียกปาล์มหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Palmae โดยเฉพาะชนิด Areca catechu L. ผลมีรสฝาด ใช้เคี้ยวกินกับปูน พลู ซึ่งรวมเรียกว่า กินหมาก และใช้ฟอกหนัง, ผลที่ยังไม่แก่เรียก หมากดิบ, ผลที่แก่จัดเรียก หมากสง, เนื้อหมากที่ฝานบาง ๆ ตากแห้ง ลักษณะคล้ายอีแปะ เรียก หมากอีแปะ, ผลแก่จัดที่เก็บไว้ทั้งเปลือกเพื่อไว้กินนาน ๆ เรียก หมากยับ.
หมาก,หมาก ๒ หมาก ๒ น. ผลไม้ เช่น หมากขาม แต่เสียงมักกร่อนเป็น มะ เช่น มะขาม.
หมาก,หมาก ๓ หมาก ๓ น. เรียกสิ่งของที่เป็นหน่วยเป็นลูกว่า หมาก เช่น หมากเก็บ หมากรุก; (โบ) ลักษณนามเรียกของที่เป็นเม็ดเป็นลูกว่า หมาก เช่น แสงสิบหมาก ว่า พลอยสิบเม็ด.
หมากกรอก หมากกรอก น. ผลหมากสงทั้งเปลือกที่ตากแดดให้แห้งสนิทจนเมื่อเขย่าเนื้อหมากที่อยู่ข้างในจะกลิ้งไปมาได้ จึงผ่าเอาเนื้อข้างในออกมาเก็บไว้กิน, หมากเม็ด ก็เรียก.
หมากกระเตอะ,หมากหน้ากระเตอะ หมากกระเตอะ, หมากหน้ากระเตอะ น. ผลหมากที่มีหน้าจวนแก่.
หมากกั๊ก หมากกั๊ก น. ผลหมากสงทั้งเปลือกที่ผ่าตามยาวออกเป็น ๔ ซีก แล้วนำไปตากแดดให้แห้งจนเปลือกล่อนหลุดออก เพื่อเก็บเนื้อไว้กินได้นาน ๆ.
หมากเก็บ หมากเก็บ น. การเล่นของเด็กใช้เม็ดกรวดหรือลูกไม้โยนแล้วเก็บ มีวิธีการเล่นและกติกาต่าง ๆ.
หมากข่วง หมากข่วง (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกําจัด. (ดู กําจัด ๑).
หมากเขียว หมากเขียว น. ชื่อปาล์มชนิด Ptychosperma macarthurii Nichols. ในวงศ์ Palmae ก้านและใบเขียว.
หมากแข้ง หมากแข้ง (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นมะเขือพวง, ต้นมะแว้ง. (ดู มะเขือพวง).
หมากไข่หำ หมากไข่หำ (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) น. ลูกอัณฑะ, หำ หรือ ไข่หำ ก็เรียก.
หมากคัน หมากคัน ดู เต่าร้าง.
หมากจุก หมากจุก น. เนื้อหมากดิบสดที่นำมาเจียนอย่างหมากเจียน แล้วจึงซอยตามยาวออกเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง.
หมากเจียน หมากเจียน น. ผลหมากดิบสดที่ผ่าตามยาวออกเป็นซีก ๆ นำมาเจียน ใช้กินกับพลูที่บ้ายปูน หรือตากให้แห้งเพื่อเก็บไว้กินได้นาน ๆ.
หมากซอย หมากซอย น. เนื้อหมากดิบสดที่ผ่าออกเป็น ๔ ซีก รูปคล้ายกลีบส้ม นำมาซอยขวางเป็นชิ้นรูปสามเหลี่ยมบาง ๆ ตากแดดให้แห้ง.
หมากดิบ หมากดิบ น. หมากที่ยังไม่แก่.
หมากแดง หมากแดง น. ชื่อปาล์มชนิด Cyrtostachys renda Blume ในวงศ์ Palmae กาบและก้านแดง.
หมากทัน หมากทัน (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ต้นพุทรา. (ดู พุทรา).
หมากป่น หมากป่น น. เศษเนื้อหมากที่เหลือจากการทำหมากซอย หมากหน้าแว่น เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมกันเข้า ตากแดดให้แห้ง.
หมากแปะ หมากแปะ น. เนื้อหมากดิบสดทั้งลูกที่นำมาหั่นให้เป็นแผ่นกลมบาง ๆ ตากแดดจนแห้งแข็ง, หมากอีแปะ หรือ หมากหน้าแว่น ก็เรียก.
หมากผาง หมากผาง ดู มงโกรย (๒).
หมากผู้หมากเมีย หมากผู้หมากเมีย น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Cordyline fruticosa (L.) Goeppert ในวงศ์ Agavaceae ใช้ทํายาได้, พันธุ์ใบแคบเรียก หมากผู้, พันธุ์ใบกว้างเรียก หมากเมีย.
หมากฝรั่ง หมากฝรั่ง น. ของเคี้ยวเล่นอย่างหนึ่ง ทําจากสารคล้ายยางไม้ มักหุ้มด้วยสารหวาน แล้วปรุงให้มีกลิ่นและรสต่าง ๆ เมื่อเคี้ยวจะยืดหยุ่นคล้ายยาง.
หมากม่วน หมากม่วน (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นท้อ. (ดู ท้อ ๒).
หมากมาศ หมากมาศ ดู มะแข่น.
หมากเม็ด หมากเม็ด น. ผลหมากสงทั้งเปลือกที่ตากแดดให้แห้งสนิทจนเมื่อเขย่าเนื้อหมากที่อยู่ข้างในจะกลิ้งไปมาได้ จึงผ่าเอาเนื้อข้างในออกมาเก็บไว้กิน, หมากกรอก ก็เรียก.
หมากเม่า,หมากเม่าควาย หมากเม่า, หมากเม่าควาย น. ชื่อไม้ต้นชนิด Antidesma velutinosum Blume ในวงศ์ Stilaginaceae.
หมากยับ หมากยับ น. หมากที่เก็บไว้ทั้งเปลือกเพื่อไว้กินได้นาน ๆ.
หมากแยก หมากแยก น. การเล่นชนิดหนึ่ง ใช้ตัวหมากเดินบนกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบ่งเป็น ๖๔ ตาเท่า ๆ กันอย่างกระดานหมากรุก.
หมากรุก หมากรุก น. การเล่นชนิดหนึ่ง ใช้ตัวหมากซึ่งมีรูปและชื่อต่างกันได้แก่ ขุน เรือ ม้า โคน เม็ด และเบี้ย เดินบนกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบ่งเป็น ๖๔ ตาเท่า ๆ กันเรียกว่า กระดานหมากรุก.
หมากลางถนน หมากลางถนน น. หมาที่ไม่มีเจ้าของ, โดยปริยายใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบคนที่ไม่มีสังกัด ไม่มีญาติพี่น้อง ยากจนอนาถา ไม่มีใครเหลียวแล เช่น เขาตายอย่างหมากลางถนน.
หมากลิง หมากลิง น. ชื่อปาล์มชนิด Areca triandra Roxb. ในวงศ์ Palmae.
หมากสง หมากสง น. หมากที่แก่จัด.
หมากสมัด หมากสมัด [หฺมากสะหฺมัด] น. ผลหมาก พลูจีบ และยาเส้น จัดเป็นชุดสำหรับขาย. (ข. สฺลาถฺมาต่).
หมากสุก หมากสุก น. ผลหมากแก่จัด เปลือกสีส้มอมแดง เมื่อผ่าจะเห็นเนื้อในแข็งมาก.<2t>ว. เรียกสีส้มอมแดงอย่างสีเปลือกหมากสุก ว่า สีหมากสุก.
หมากหน้าแก่,หมากหน้าฝาด หมากหน้าแก่, หมากหน้าฝาด น. ผลหมากอย่างดี เมื่อผ่าสดจะเห็นว่ามีเนื้อมาก สีออกส้มหรือน้ำตาลแดง มีวุ้นน้อย หน้าหมากมียางเยิ้มเป็นมัน มีลายเส้นในเนื้อมาก รสฝาด.
หมากหนาม หมากหนาม ดู เล็บเหยี่ยว.
หมากหน้าแว่น หมากหน้าแว่น น. เนื้อหมากดิบสดทั้งลูกที่นำมาหั่นให้เป็นแผ่นกลมบาง ๆ ตากแดดจนแห้งแข็ง, หมากแปะ หรือ หมากอีแปะ ก็เรียก.
หมากหน้าหวาน,หมากหน้าอ่อน หมากหน้าหวาน, หมากหน้าอ่อน น. ผลหมากอ่อน เมื่อผ่าสดจะเห็นว่าเนื้อมีสีเหลืองซีดหรือเกือบขาว มีวุ้นสีขุ่น ๆ อยู่ตรงกลางมาก มีลายเส้นในเนื้อน้อย รสไม่ฝาด.
หมากหลุม หมากหลุม น. ผลหมากที่เกิดจากการนำหมากสุกทั้งเปลือกบรรจุลงในหลุมที่ลึกประมาณ ๑ ศอก ราดน้ำพอชุ่มแล้วปิดคลุมปากหลุมให้มิดชิด ทิ้งไว้จนเปลือกเน่า เพื่อเก็บไว้กินแรมปี
หมากหอม หมากหอม น. หมากแห้งที่ป่นเป็นผง ผสมกับเครื่องเทศบางอย่างที่มีกลิ่นหอม ใช้กินควบกับหมากและพลูที่บ้ายปูน หรืออมดับกลิ่นปาก.
หมากหอมควาย หมากหอมควาย น. ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ทํายา. (พจน. ๒๔๙๓).
หมากเหลือง หมากเหลือง น. ชื่อปาล์มชนิด Chrysalidocarpus lutescens Wendl. ในวงศ์ Palmae กาบเหลือง ปลูกเป็นไม้ประดับ.
หมากแห้ง หมากแห้ง น. หมากที่ตากแห้งเพื่อเก็บไว้กินนาน ๆ.
หมากไห หมากไห น. ผลหมากที่เกิดจากการนำหมากสุกมาลอกผิวนอกออก บรรจุลงในไหให้เต็ม เติมน้ำสะอาดพอท่วม ปิดฝาให้แน่น ทิ้งไว้จนเปลือกเน่า เพื่อเก็บไว้กินแรมปี.
หมากอีแปะ หมากอีแปะ น. หมากที่ฝานบาง ๆ ตากแห้ง ลักษณะคล้ายอีแปะ.
หมากฮอส หมากฮอส น. การเล่นชนิดหนึ่ง ใช้ตัวหมากเดินบนกระดานสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบ่งเป็น ๖๔ ตาเท่า ๆ กันเหมือนกระดานหมากรุก แต่ระบายสี ๒ สีสลับกันทุกตา เดินหมากตามตาทแยง.
หมากัดไม่เห่า หมากัดไม่เห่า (สำ) น. คนที่ต่อสู้หรือตอบโต้โดยไม่เตือนล่วงหน้า.
หมากัดอย่ากัดตอบ หมากัดอย่ากัดตอบ (สำ) ก. อย่าลดตัวลงไปต่อสู้หรือต่อปากต่อคำกับคนพาลหรือคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่า.
หมาขี้ไม่มีใครยกหาง หมาขี้ไม่มีใครยกหาง (สํา) น. คนที่ชอบยกตัวเอง, คนโอ้อวด.
หมาขี้เรื้อน หมาขี้เรื้อน (สำ) น. คนที่น่ารังเกียจ ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย (ใช้กล่าวถึงผู้อื่นด้วยความดูถูกเหยียดหยาม).
หมาง หมาง ก. (โบ) กระดาก เช่น หมางกัน คือ กระดากกัน หมางหน้า คือ กระดากหน้า, อาการที่ห่างเหินกันเพราะขุ่นเคืองใจหรือผิดใจกันเป็นต้น เช่น คนคู่นี้แต่ก่อนก็ดูสนิทสนมกันดี แต่เดี๋ยวนี้ดูเขาหมางกันไป, หมาง ๆ ก็ว่า, มักใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น บาดหมาง หมองหมาง หมางใจ.
หมางใจ หมางใจ ก. ผิดใจ, ขุ่นเคืองใจ.
หมางเมิน หมางเมิน ก. ห่างเหินเพราะขุ่นเคืองใจจนไม่อยากเห็นหน้า.
หมาจนตรอก หมาจนตรอก (สำ) น. คนที่ฮึดสู้อย่างสุดชีวิตเพราะไม่มีทางเลือก ในสำนวนว่า สู้เหมือนหมาจนตรอก.
หมาจิ้งจอก หมาจิ้งจอก น. ชื่อหมาชนิด Canis aureus ในวงศ์ Canidae ขนตามลําตัวสีเทาอมนํ้าตาล มีขนลักษณะคล้ายอานม้าบริเวณไหล่ ปากแหลม หูตั้งแหลมตรง หางเป็นพวง เขี้ยวและฟันคมมาก กลางวันมักนอนอยู่ในโพรงดิน ออกหากินในเวลากลางคืน กินเนื้อสัตว์.
หมาด หมาด ว. แห้งไม่สนิท, เกือบแห้ง, เช่น ผ้านี้ยังหมาดอยู่.
หมาด ๆ หมาด ๆ (ปาก) ว. ที่เพิ่งได้หรือเสร็จเป็นต้นมาใหม่ ๆ เช่น เขาเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งมาหมาด ๆ.
หมาถูกน้ำร้อน หมาถูกน้ำร้อน (สำ) น. คนที่มีความเดือดร้อน กระวนกระวาย วิ่งพล่านไปหาที่พึ่งต่าง ๆ เปรียบเสมือนหมาที่ถูกน้ำร้อนลวก ร้องเสียงดังวิ่งพล่านไปด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย.
หมาใน หมาใน น. ชื่อหมาชนิด Cuon alpinus ในวงศ์ Canidae ขนสีน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลเทา หางสีคลํ้ายาวเป็นพวง อาศัยอยู่ตามป่าทึบ ออกหากินเป็นฝูงเวลาเช้ามืดและพลบคํ่า ล่าสัตว์อื่นกิน เช่น เก้ง กวาง หมูป่า สัตว์เล็ก ๆ.
หมาในรางหญ้า หมาในรางหญ้า (สำ) น. คนที่หวงแหนสิ่งที่ตนเองกินหรือใช้ไม่ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นกินหรือใช้, หมาหวงราง ก็ว่า.
หมาบ้าพาลกระแชง หมาบ้าพาลกระแชง (สำ) น. คนที่อาละวาดพาลหาเรื่องทำให้วุ่นวายทั่วไปหมด.
หมาป่า หมาป่า น. ชื่อหมาหลายชนิดในวงศ์ Canidae มีถิ่นกําเนิดเกือบทั่วทุกภูมิภาคของโลก ขนลําตัวมีสีต่าง ๆ เช่น นํ้าตาลเทา เทาปนแดง ฟันและเขี้ยวคมมาก นิสัยดุร้าย ส่วนใหญ่หากินเป็นฝูง กินเนื้อสัตว์ เช่น ชนิด Canis vulpes พบในทวีปอเมริกาเหนือ, ชนิด Chrysocyon brachyurus พบในทวีปอเมริกาใต้, ชนิด Canis lupus พบในทวีปยุโรป, ชนิด Fennecus zerda พบในทวีปแอฟริกา, หมาจิ้งจอก (Canis aureus) และหมาใน (Cuon alpinus) พบในทวีปเอเชีย.
หมามุ่ย,หมามุ้ย หมามุ่ย, หมามุ้ย น. ชื่อไม้เถาหลายชนิดในสกุล Mucuna วงศ์ Leguminosae ฝักมีขนคันมาก เช่น ชนิด M. gigantea DC. ฝักแบนใหญ่, ชนิด M. pruriens DC. ฝักกลม ขนาดเล็กกว่าชนิดแรก.
หมาไม้ หมาไม้ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Martes flavigula ในวงศ์ Mustelidae หัวคล้ายหมา ใบหูกลม ขอบหูขาว ลําตัวยาวสีนํ้าตาลอ่อน หางยาว ขนที่คาง ลําคอ และหน้าอกสีเหลือง ขนด้านบนของหัวสีดํา เล็บแหลมคม กินผลไม้และเนื้อสัตว์ ว่องไวมาก กลิ่นแรง อาศัยอยู่บนต้นไม้เป็นส่วนใหญ่.
หมาย หมาย น. หนังสือราชการที่ใช้เกณฑ์ เกาะกุม หรือ เรียกตัว เป็นต้น เช่น หมายเกณฑ์ หมายจับ หมายศาล, (กฎ) หนังสือคําสั่งของศาลหรือเจ้าพนักงานสั่งให้กระทําการ หรือห้ามกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น หมายเกณฑ์ หมายจับ หมายค้น หมายเรียก.<2t>ก. มุ่ง เช่น เป้าที่หมายไว้, คาด, กะ, เช่น หมายว่าจะได้ผล หมายว่าจะพบ, ขีดไว้เป็นเครื่องกําหนด เช่น หมายหัวกระดาษ ใช้ปูนหมายหัวไว้.
หม้าย,หม้าย ๑ หม้าย ๑ ว. ม่าย.
หม้าย,หม้าย ๒ หม้าย ๒ ดู กระดูกค่าง.
หมายกำหนดการ หมายกำหนดการ น. เอกสารแจ้งกําหนดขั้นตอนของงานพระราชพิธีที่จะต้องอ้างพระบรมราชโองการ คือขึ้นต้นด้วยข้อความว่า นายกรัฐมนตรีหรือเลขาธิการพระราชวัง รับพระบรมราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า เสมอไป.
หมายเกณฑ์ หมายเกณฑ์ (กฎ) น. หนังสือสั่งเกณฑ์ซึ่งเจ้าพนักงานปกครองท้องที่ออกไปถึงผู้ถูกเกณฑ์แรงงาน หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ถูกเกณฑ์.
หมายขัง หมายขัง (กฎ) น. หมายอาญาที่ศาลสั่งให้ขังผู้ต้องหาหรือจําเลยไว้ระหว่างสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา.
หมายค้น หมายค้น (กฎ) น. หมายอาญาที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้น เพื่อยึดสิ่งของหรือจับกุมบุคคลซึ่งมีหมายให้จับ หรือเพื่อช่วยบุคคลซึ่งถูกหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมาย.
หมายความ หมายความ ก. มุ่งจะกล่าวถึง.
หมายความว่า หมายความว่า ก. ตีความว่า, แปลความว่า.
หมายจับ หมายจับ (กฎ) น. หมายอาญาที่สั่งให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาหรือจําเลย.
หมายจำคุก หมายจำคุก (กฎ) น. หมายอาญาที่ศาลสั่งให้จําคุกผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุกหรือประหารชีวิต.
หมายใจ หมายใจ ก. ปองไว้, มุ่งหวังไว้, คาดไว้.
หมายตัว หมายตัว ก. กําหนดตัวไว้.
หมายตา หมายตา ก. มองไว้ด้วยความมั่นหมาย, มั่นหมายใจไว้.
หมายน้ำบ่อหน้า หมายน้ำบ่อหน้า (สํา) ก. มุ่งหวังจะได้สิ่งที่ยังมาไม่ถึง.
หมายบังคับคดี หมายบังคับคดี (กฎ) น. หมายที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอต่อศาลเพื่อให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล.
หมายปล่อย หมายปล่อย (กฎ) น. หมายอาญาที่ศาลสั่งให้ปล่อยตัวบุคคลที่ต้องขังหรือจําคุกตามหมายศาล.
หมายมั่น หมายมั่น ก. มุ่งหมายอย่างแน่วแน่, มั่นหมาย ก็ว่า.
หมายมั่นปั้นมือ หมายมั่นปั้นมือ (สำ) ก. มุ่งมั่นจะเอาหรือจะเป็นให้ได้.
หมายยา หมายยา น. ฉลากยา.
หมายรับสั่ง หมายรับสั่ง น. หมายที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสั่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพระราชพิธีเป็นการภายในตอนล่างสุดของหมายเขียนว่า ทั้งนี้ให้จัดการตามหน้าที่และกำหนดวันตามรับสั่งอย่าให้ขาดเหลือ ถ้าสงสัยให้ถามผู้รับรับสั่งโดยหน้าที่ราชการ.
หมายเรียก หมายเรียก (กฎ) น. ในคดีอาญา หมายถึง หมายสั่งให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งมาที่พนักงานสอบสวน หรือมาที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่ หรือมาศาลเนื่องในการสอบสวน การไต่สวนมูลฟ้อง การพิจารณาคดีหรือการอย่างอื่น ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา, ในคดีแพ่ง หมายถึง หมายซึ่งศาลออกเรียกบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความในคดีแพ่ง หรือเรียกบุคคลมาเป็นพยาน หรือให้ส่งพยานหลักฐานให้ศาล; หมายที่นายอําเภอออกเรียกบุคคลที่เป็นทหารกองเกินมาตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจําการ.
หมายเลข หมายเลข น. เลขลําดับ เช่น หมายเลขโทรศัพท์, ลําดับที่ เช่น ผู้ประกวดหมายเลข ๑.
หมายหน้า หมายหน้า ก. ประมาทหน้า, ดูถูก, เช่น หมายหน้าไว้ว่าจะต้องสอบตกแน่ ๆ; ตราหน้า เช่น เขาถูกหมายหน้าว่าเป็นคนไม่ดี.
หมายหัว หมายหัว ก. จดจำไว้ด้วยความประสงค์ร้าย เช่น เขาถูกพวกนักเลงหมายหัวไว้ว่าจะต้องหาทางกำจัดให้ได้, คาดหมายไว้ว่าจะเป็นไปในทางไม่ดี เช่น เด็กคนนี้ถูกหมายหัวไว้ว่าจะต้องสอบตกแน่ ๆ.
หมายเหตุ หมายเหตุ น. คำอธิบาย ข้อความ หรือข้อมูลเพิ่มเติม.
หมายอาญา หมายอาญา (กฎ) น. หนังสือบงการซึ่งออกตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สั่งให้เจ้าหน้าที่จับ ขัง จําคุก หรือปล่อยผู้ต้องหา จําเลยหรือนักโทษ หรือให้ทําการค้น รวมทั้งสําเนาหมายเช่นนี้อันได้รับรองว่าถูกต้อง และคําบอกกล่าวทางโทรเลขว่าได้ออกหมายจับแล้วด้วย.
หมาร่า หมาร่า น. ชื่อต่อหลายชนิดในวงศ์ Sphecidae ใช้ดินเหนียวทํารังขนาดกําปั้นหรือเล็กกว่าติดตามฝ้า คาน เสาบ้าน หรือบริเวณที่ร่มอื่น ๆ ในรังมีหนอนหรือเหยื่อที่ถูกต่อยให้สลบเพื่อเป็นอาหารของลูกอ่อน เช่น ชนิด Eumenes petiolata.
หมาลอบกัด หมาลอบกัด (สำ) น. คนที่ลอบทำร้ายหรือกลั่นแกล้งผู้อื่นลับหลัง.
หมาไล่เนื้อ หมาไล่เนื้อ (สำ) น. คนที่รับใช้ผู้อื่นเมื่อเวลายังทำประโยชน์ให้ได้ ผู้เป็นนายก็เมตตาเลี้ยงดู แต่เมื่อทำประโยชน์ไม่ได้แล้ว ผู้เป็นนายก็ทอดทิ้งไม่ไยดีหรือหาเรื่องลงโทษขับไล่ไสส่งเป็นต้น เปรียบเสมือนหมาไล่เนื้อ เมื่อแก่สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ ใช้ไล่ล่าสัตว์ไม่ได้ เจ้าของก็ไม่เมตตาเลี้ยงดูอีกต่อไป.
หมาสองราง หมาสองราง (สํา) น. คนที่ทำตัวเข้าด้วยทั้ง ๒ ฝ่าย.
หมาหมู่ หมาหมู่ (ปาก) น. กลุ่มคนที่กลุ้มรุมทําร้ายคนคนเดียว.
หมาหยอกไก่ หมาหยอกไก่ (สํา) น. เรียกอาการที่ชายหยอกล้อหญิงในทำนองชู้สาวเป็นทีเล่นทีจริง.
หมาหวงก้าง หมาหวงก้าง (สํา) น. คนที่หวงของที่ตนไม่มีสิทธิ์, คนที่กันท่าคนอื่นในสิ่งที่ตนได้ใช้ประโยชน์แล้วหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้.
หมาหวงราง หมาหวงราง (สำ) น. คนที่หวงแหนสิ่งที่ตนเองกินหรือใช้ไม่ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นกินหรือใช้, หมาในรางหญ้า ก็ว่า.
หมาหัวเน่า หมาหัวเน่า (สํา) น. คนซึ่งเป็นที่รังเกียจของคนอื่นจนไม่สามารถเข้ากับใครได้, คนที่ไม่มีใครรักหรือคบหา.
หมาหางด้วน หมาหางด้วน (สํา) น. คนที่ทําอะไรผิดพลาดจนได้รับความอับอายแล้วชวนให้ผู้อื่นทําตามโดยยกย่องการกระทํานั้นว่าดี ควรเอาอย่าง.
หมาเห็นข้าวเปลือก หมาเห็นข้าวเปลือก (สำ) น. คนที่อยากได้สิ่งที่เป็นประโยชน์หรืออำนวยความสุขสำราญให้แก่ตน แต่สุดความสามารถที่จะเอามาใช้หรืออำนวยประโยชน์ให้แก่ตนได้.
หมาเห่าใบตองแห้ง หมาเห่าใบตองแห้ง (สํา) น. คนที่ชอบพูดเอะอะแสดงว่าเก่ง แต่ไม่กล้าจริง.
หมาเห่าไม่กัด หมาเห่าไม่กัด (สำ) น. คนที่ดีแต่ส่งเสียงเอะอะอวดเก่ง แต่ไม่ยอมต่อสู้หรือตอบโต้.
หม่ำ หม่ำ (ปาก) ก. กิน (มักใช้แก่เด็กทารก).
หม้ำ,หม้ำตับ หม้ำ, หม้ำตับ (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ใช้ตับวัวหรือควายสับให้ละเอียด คลุกข้าวสุก เกลือและเครื่องหอมขยําให้เข้ากันแล้วยัดในไส้หมู, นํ้าตับ ก็เรียก.
หมิ่น,หมิ่น ๑ หมิ่น ๑ ก. แสดงกิริยาท่าทาง พูดจา หรือเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเชิงดูถูกว่ามีฐานะต่ำต้อยหรือไม่ดีจริงไม่เก่งจริงเป็นต้น, ดูหมิ่น หรือ ดูหมิ่นถิ่นแคลน ก็ว่า.
หมิ่น,หมิ่น ๒ หมิ่น ๒ ว. ในที่เกือบตก เกือบพลาดตก.
หมิ่นประมาท หมิ่นประมาท ก. แสดงกิริยาวาจาดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น.<2t>(กฎ) น. ชื่อความผิดทางอาญาฐานใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง.
หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ [หฺมิ่นพฺระบอรมมะเดชานุพาบ] ก. กระทําการอันเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์.
หมิ่นเหม่ หมิ่นเหม่ ว. อาการที่เข้าไปหรืออยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ใกล้อันตรายหรือเสียหายเป็นต้น, ล่อแหลม.
หมี หมี น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Ursidae ตาและใบหูกลมเล็ก ริมฝีปากยื่นแยกห่างออกจากเหงือกสามารถยืนและเดินด้วยขาหลังได้ ประสาทการดมกลิ่นดีกว่าประสาทตาและหู กินพืชและสัตว์ ในประเทศไทยมี ๒ ชนิด คือ หมีควาย (Selenarctos thibetanus) ตัวใหญ่ ขนยาวดํา ที่อกมีขนสีขาว รูปง่าม และ หมีหมา หรือ หมีคน (Helarctos malayanus) ตัวเล็กกว่าหมีควาย ขนสั้นดํา ที่อกมีขนสีขาวรูปคล้ายเกือกม้า.
หมี่,หมี่ ๑ หมี่ ๑ น. เรียกแป้งข้าวเจ้าที่โรยเป็นเส้นลงในนํ้าเดือดพอสุกแล้วนํามาตากแห้งว่า เส้นหมี่, ชื่ออาหารประเภทหนึ่งที่ทําด้วยเส้นหมี่ เช่น หมี่กรอบ หมี่กะทิ. (จ.).
หมี่,หมี่ ๒ หมี่ ๒ น. ชื่อผ้าชนิดหนึ่ง ทอโดยเอาเชือกมัดด้ายหรือไหมเป็นเปลาะ ๆ ตามลาย แล้วย้อมสี เมื่อทอแล้วจะได้ลวดลายต่าง ๆ ตามที่มัดไว้, ผ้ามัดหมี่ ก็เรียก.
หมีเหม็น หมีเหม็น น. ชื่อไม้ต้นชนิด Litsea glutinosa (Lour.) C.B. Rob. ในวงศ์ Lauraceae ใบรูปรี มีขนนุ่ม ดอกสีเหลืองอ่อน.
หมึก,หมึก ๑ หมึก ๑ น. นํ้าที่ใช้ในการขีดเขียน ตามปรกติมีสีดําจัด จึงใช้เปรียบกับของดำว่า ดำเป็นหมึก, น้ำหมึก ก็ว่า. (จ.); โดยปริยายหมายถึงสิ่งอื่น ๆ ที่ใช้ขีดเขียนหรือพิมพ์หนังสือเป็นต้น เช่น หมึกแดง หมึกแห้ง หมึกพิมพ์ หมึกพิมพ์ลายมือ.
หมึก,หมึก ๒ หมึก ๒ ดู ปลาหมึก.
หมึกจีน หมึกจีน น. แท่งหมึกสีดำ ก่อนใช้ต้องฝนกับน้ำ แล้วใช้พู่กันป้ายเขียน.
หมืน หมืน (ถิ่น-พายัพ) ก. เป็นผื่นขึ้นมาก ๆ ตามผิวเนื้อ.
หมื่น,หมื่น ๑ หมื่น ๑ ว. จํานวนนับเท่ากับ ๑๐ พัน.
หมื่น,หมื่น ๒ หมื่น ๒ (โบ) น. ชื่อบรรดาศักดิ์ในราชการ เหนือพันขึ้นไป.
หมื่น,หมื่น ๓ หมื่น ๓ (ปาก) ว. ทะลึ่ง, ทะเล้น.
หมุด หมุด น. เครื่องสําหรับตรึงหรืออุดรู; เรียกเข็มที่หัวเป็นปุ่ม ใช้กลัดกระดาษหรือผ้าเป็นต้น ว่า เข็มหมุด; ผ้ากอซที่ใช้สอดเข้าไปในโพรงฝีเป็นต้นเพื่อซับของเหลวภายใน.
หมุน หมุน ก. หันเวียนไปในแนวโค้ง เช่น โลกหมุน, ทําให้หันเวียนไปในแนวโค้ง เช่น หมุนเข็มนาฬิกา, (ปาก) นำสิ่งของไปจำนำหรือขายเพื่อเอาเงินมาใช้.
หมุนเงิน หมุนเงิน ก. ทําให้เงินเปลี่ยนมือโดยวิธีให้กู้หรือลงทุนเป็นต้นเพื่อมุ่งผลประโยชน์.
หมุนเวียน หมุนเวียน ก. เวียนไป, เปลี่ยนมือไป.
หมุบ,หมุบ ๆ หมุบ, หมุบ ๆ [หฺมุบ] ว. อาการที่หยิบ กัด หรือเคี้ยวโดยเร็ว เช่น พอได้โอกาสก็คว้าหมุบ ปลาฮุบเหยื่อหมุบ ๆ.
หมุบหมับ หมุบหมับ ว. อาการที่หยิบฉวยหรือกินโดยเร็ว เช่น แย่งกันกินหมุบหมับ, บางทีก็ใช้แยกกัน เช่นคว้าคนละหมุบคนละหมับ.
หมุบหมิบ หมุบหมิบ ว. อาการที่ริมฝีปากเผยอขึ้นและหุบลงโดยเร็ว, อาการของปากที่พูดอย่างไม่ออกเสียง เช่น ทำปากหมุบหมิบ สวดมนต์หมุบหมิบ, ขมุบขมิบ ก็ว่า.
หมุ่ย หมุ่ย ว. เสียงอย่างเสียงฆ้อง, มุย ก็ว่า.
หมุยขาว หมุยขาว ดู กระเบียน (๒).
หมู,หมู ๑ หมู ๑ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดในวงศ์ Suidae เป็นสัตว์กีบคู่ ตัวอ้วน จมูกและปากยื่นยาว มีทั้งที่เป็นสัตว์เลี้ยงและที่เป็นสัตว์ป่า หาอาหารโดยใช้จมูกดุด; (ปาก) บุคคลที่อาจหลอกหรือเอาชนะได้ง่าย เช่น นักมวยต่างประเทศคนนี้อย่าไปคิดว่าหมูนะ.
หมู,หมู ๒,หมู ๆ หมู ๒, หมู ๆ (ปาก) ว. ง่าย, สะดวก, เช่น วิชาคำนวณสำหรับเขาแล้วหมูมาก เขาเลือกทำแต่งานหมู ๆ.
หมู,หมู ๓ หมู ๓ น. (๑) ชื่อปลานํ้าจืดในสกุล Botia วงศ์ Cobitidae ลําตัวยาว แบนข้าง คอดหางใหญ่ มีหนวด ๓ คู่ หนังหนาคลุมเกล็ดมิด มีเขี้ยวพับเก็บได้ในร่องบริเวณด้านหน้าของตา เช่น หมูขาว (B. modesta) หมูลาย (B. hymenophysa).<2t>(๒) ดู ซ่อนทราย (๑).
หมู,หมู ๔ หมู ๔ (ปาก) น. ใบพลูสดหั่นผสมฝิ่นแล้วนํามาสูบ.
หมู,หมู ๕ หมู ๕ น. เรียกเรือขุดชนิดเล็ก ลักษณะคล้ายเรือพายม้า แต่หัวจะเรียวเล็กกว่าเรือพายม้ามาก ว่า เรือหมู.
หมู,หมู ๖ หมู ๖ น. ชื่อขวานชนิดหนึ่ง ด้ามสั้น สันหนา ใช้ตัด ถาก และฟัน.
หมู่,หมู่ ๑ หมู่ ๑ น. กลุ่มชนิดเดียวกัน เช่น หมู่ดาว หมู่เมฆ, พวกชนิดเดียวกัน เช่น หมู่มนุษย์ หมู่โจร; กำลังพลของทหาร ตำรวจ เป็นต้น มีจำนวนไม่เกิน ๑๐ คน มีหัวหน้าเรียกว่า ผู้บังคับหมู่ หรือทั่ว ๆ ไปเรียกว่า ผู้หมู่, ถ้าเป็นทหารบกหรือตำรวจจะต้องมียศเป็นนายสิบ, ถ้าเป็นทหารเรือหรือทหารอากาศจะต้องมียศเป็นจ่า.
หมู่,หมู่ ๒ หมู่ ๒ น. ระยะเวลา เช่น หมู่นี้สุขภาพไม่ค่อยดี หมู่นั้นไม่ว่าง.
หมู่,หมู่ ๓ หมู่ ๓ ดู คอแดง.
หมูเขาจะหามเอาคานเข้าไปสอด หมูเขาจะหามเอาคานเข้าไปสอด (สํา) น. คนที่เข้าไปขัดขวางขณะที่ผู้อื่นทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งกําลังจะสําเร็จ.
หมูเขี้ยวตัน หมูเขี้ยวตัน (ปาก) น. บุคคลที่คิดว่าจะหลอกหรือเอาชนะได้ง่าย ๆ แต่กลับปรากฏว่าตรงกันข้าม เช่น นักมวยที่สั่งมาชกโดยคิดว่าจะเป็นหมู กลับกลายเป็นหมูเขี้ยวตันไป.
หมูแดง หมูแดง น. เนื้อหมูคลุกนํ้าซีอิ๊วหรือเต้าหู้ยี้เป็นต้นแล้วย่างให้สุกระอุ.
หมูตั้ง หมูตั้ง น. ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง ทําด้วยหัวหมู หูหมู หนังหมู แล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมเครื่องปรุงแล้วเคี่ยวให้เข้ากัน อัดเป็นแท่งแข็ง เวลากินหั่นเป็นชิ้น ๆ จิ้มนํ้าจิ้มหรือยำเป็นต้น.
หมูเทโพ หมูเทโพ น. ชื่อแกงคั่วส้มชนิดหนึ่ง ใช้หมูแทนปลาแกงกับผักบุ้งเป็นต้น.
หมูน้ำ หมูน้ำ ดู พะยูน.
หมูแนม หมูแนม น. ชื่ออาหารว่าง มีหลายแบบ เช่น หมูแนมสด (แบบปลาแนม) หมูแนมแข็ง หมูแนมญวน, หมูแนมสดทำด้วยเนื้อหมูไม่ติดมันบดหรือโขลกรวมกับข่าและแป้งแดงจีน ทำให้สุกด้วยการผัดในน้ำสะเออะให้เนื้อหมูกระจายแล้วผสมด้วยมันหมูแข็งและหนังหมูต้มสุกหั่นชิ้นเล็ก ๆ ยาว ๆ ข้าวคั่วป่นเป็นต้น ปรุงรสเปรี้ยว เค็มและหวาน รับประทานกับผักสด เช่น ใบทองหลาง ใบผักกาดหอม, หมูแนมแข็งต้องห่อหมูที่โขลกหรือบดและผสมเครื่องปรุงแล้วด้วยใบทองหลางที่ซ้อนบนใบตอง มัดแน่น เก็บไว้ ๓ วัน จึงปิ้งทั้งห่อ แกะออกรับประทานกับผักและน้ำจิ้ม หรือรับประทานแบบเมี่ยงเครื่องสด, หมูแนมญวนใช้เนื้อหมูล้วนสับ ใส่เกลือรวนให้สุก ใส่ยอดสะระแหน่และแตงกวาหั่น แล้วห่อด้วยข้าวเกรียบแก้ว ตัดเป็นคำ ๆ รับประทานกับน้ำจิ้มและผักต่าง ๆ.
หมูในเล้า หมูในเล้า (สํา) น. สิ่งที่อยู่ในเงื้อมมือ.
หมูในอวย หมูในอวย (สํา) น. สิ่งที่อยู่ในกํามือ.
หมู่บ้าน หมู่บ้าน (กฎ) น. ท้องที่ที่รวมบ้านหลายบ้านให้อยู่ในความปกครองอันเดียวกัน และมีประกาศจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านเป็นหัวหน้าปกครอง.
หมูป่า หมูป่า น. ชื่อหมูซึ่งเป็นต้นกําเนิดของหมูบ้าน รูปร่างลักษณะคล้ายหมูบ้าน แต่ปากและจมูกยื่นยาวกว่าปลายบานใช้สําหรับดุดดิน ลําตัวมีขนดกหยาบสีดํา ๆ ขนแผงคอยาว ตัวผู้มีเขี้ยวใหญ่ยื่นยาวพ้นปาก กินพืช ลูกอ่อนสีนํ้าตาลอ่อน มีลายขาวเป็นทางตามยาว ในประเทศไทยเป็นชนิด Sus scrofa พบในป่าทุกภาค.
หมูไปไก่มา หมูไปไก่มา (สํา) ลักษณะของการถ้อยทีถ้อยอาศัยกันด้วยการให้สิ่งของแลกเปลี่ยนหรือตอบแทนซึ่งกันและกันเป็นต้น.
หมูแผ่น หมูแผ่น น. ของกินทําด้วยเนื้อหมูแล่เป็นแผ่นบาง ๆ ปรุงรส ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วปิ้งให้สุก.
หมูยอ หมูยอ น. ของกินทําด้วยเนื้อหมูผสมเครื่องปรุงบดแล้วอัดเป็นแท่ง และนึ่งให้สุก.
หมูสนาม หมูสนาม น. บุคคลหรือคณะบุคคลที่ด้อยฝีมือหรือมีเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบไม่ทันผู้อื่น.
หมูสามชั้น หมูสามชั้น น. เนื้อหมูส่วนท้องที่ชําแหละให้ติดทั้งหนัง มัน และเนื้อ.
หมูสี,หมูสี ๑ หมูสี ๑ น. ชื่อมะพร้าวพันธุ์หนึ่งของชนิด Cocos nucifera L. มี ๒ พันธุ์ย่อย คือ หมูสีหม้อ ต้นขนาดกลาง และหมูสีเล็ก ต้นขนาดเล็ก.
หมูสี,หมูสี ๒ หมูสี ๒ น. เรียกตาไม้เสาเรือนที่สูงจากพื้นดินประมาณศอกหนึ่ง ถือว่าเป็นเสามีลักษณะไม่ดี; เรียกจอมปลวกขนาดย่อมที่ขึ้นใต้ถุนบ้านว่า ปลวกหมูสี.
หมูหย็อง หมูหย็อง น. ของกินทำด้วยหมูเนื้อแดงปรุงรส ต้มเคี่ยวให้เปื่อยจนงวด นำไปผัดจนแห้ง ขยี้ให้เป็นฝอย.
หมูหริ่ง,หมูหรึ่ง หมูหริ่ง, หมูหรึ่ง น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิด Arctonyx collaris ในวงศ์ Mustelidae ขนบนลําตัวมีแถบขาวพาดจากจมูกไปถึงบนหัว จมูกคล้ายหมู หางสั้น ขนใต้คอขาว เล็บยาวและคมมากใช้ขุดดินเพื่อหาอาหาร กินพืช ผลไม้ และสัตว์เล็ก ๆ.
หมูหัน หมูหัน น. ลูกหมูผ่าเอาเครื่องในออก เสียบเหล็กหมุนย่างจนหนังสุกกรอบ.
หมูแฮม หมูแฮม น. ขาหลังของหมูแช่น้ำเกลือแล้วรมควัน, แฮม ก็ว่า.
หย,หย-,หัย หย-, หัย [หะยะ-] น. ม้า. (ป., ส.).
หยก,หยก ๑ หยก ๑ น. หินแก้วมีลักษณะแข็งเป็นสีต่าง ๆ ใช้ทําเครื่องประดับและเครื่องใช้เป็นต้น ถือว่าเป็นของมีราคา.
หยก,หยก ๒ หยก ๒ ก. ยกขึ้นลงค่อย ๆ ในคําว่า หยกเบ็ด.
หยก ๆ หยก ๆ ว. เพิ่งทํามาเร็ว ๆ นี้, สด ๆ ร้อน ๆ, เช่น บอกอยู่หยก ๆ ไม่น่าลืมเลย มาถึงหยก ๆ โดนใช้งานเสียแล้ว.
หย่ง,หย่ง ๑ หย่ง ๑ ก. ทําให้สูงขึ้น เช่น หย่งตัว, ทำสิ่งที่รวมตัวกันให้โปร่งหรือขยายตัวให้หลวมขึ้น เช่น หย่งฟาง หย่งผม หย่งเส้นบะหมี่, โหย่ง ก็ว่า.
หย่ง,หย่ง ๒,หย่ง ๆ หย่ง ๒, หย่ง ๆ ว. อาการที่เดินหรือวิ่งไม่เต็มเท้า คือ จดแต่ปลายเท้า เพื่อทําให้ตนสูงขึ้นหรือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เช่น เดินหย่ง ๆ วิ่งหย่ง ๆ, เรียกรอยเท้าที่ไม่เต็ม เห็นแต่ปลายเท้าและส้นเท้า ว่า รอยเท้าหย่ง หรือ รอยเท้าหย่ง ๆ, อาการที่นั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้ง ๒ รับก้น เรียกว่า นั่งหย่ง หรือ นั่งหย่ง ๆ, กระหย่ง กระโหย่ง โหย่ง หรือ โหย่ง ๆ ก็ว่า.
หยด หยด ก. ไหลหรือทําให้ไหลหลุดออกมาเป็นหยาด ๆ เช่น น้ำหยด.<2t>น. หยาดของเหลวที่ไหลหลุดออกมา เช่น หยดน้ำ หยดหมึก, ลักษณนามใช้เรียกสิ่งที่ไหลหลุดออกมาเช่นนั้น เช่น นํ้าหยดหนึ่ง นํ้าหมึก ๒ หยด.
หยดย้อย หยดย้อย ว. ไพเราะจับใจ เช่น สำนวนหยดย้อย, ชดช้อยอ่อนหวาน เช่น งามหยดย้อย.
หยวก,หยวก ๑ หยวก ๑ น. ลําต้นกล้วย เช่น หั่นหยวกต้มกับรำให้หมูกิน, บางทีก็เรียกว่า หยวกกล้วย เช่น แพหยวกกล้วย, ส่วนในหรือแกนอ่อนของลำต้นเทียมของกล้วย มีสีขาว กินได้ เช่น ต้มหยวก แกงหยวก, กาบกล้วย ในคำว่า แทงหยวก; (ปาก) ไม่แข็งแน่น เช่น มีดเล่มนี้คมมาก ตัดกิ่งไม้ได้ง่ายเหมือนฟันหยวก, ใช้เปรียบผิวที่ขาวมากว่า ขาวเหมือนหยวก.
หยวก,หยวก ๒ หยวก ๒ น. ชื่อพริกพันธุ์หนึ่งของชนิด Capsicum annuum L. วงศ์ Solanaceae ผลใหญ่ป้อม เมื่ออ่อนสีเหลืองอมเขียว.
หยวบ,หยวบ ๆ หยวบ, หยวบ ๆ ว. ยวบ, ยวบ ๆ.
หยอก หยอก ก. เล่นหรือล้อไม่จริงจัง.<2t>ว. ใช้ในประโยคปฏิเสธ หมายความว่า มาก เช่น เก่งไม่หยอก คือ เก่งมาก.
หยอกเย้า หยอกเย้า ก. สัพยอก, กระเซ้าเย้าแหย่, เย้าหยอก ก็ว่า.
หย็อกหย็อย หย็อกหย็อย ว. มีลักษณะเป็นเส้นหยิก ๆ งอ ๆ อย่างผมเด็กเล็ก ๆ.
หยอกเอิน หยอกเอิน ก. หยอกในทำนองชู้สาว.
หย็อง,หย็อง ๑ หย็อง ๑ ก. กลัว, ไม่สู้, หวาดกลัว, เช่น พอเห็นคู่ต่อสู้ก็หย็องเสียแล้ว.<2t>ว. มีอาการหวาดกลัว เช่น พอถูกขู่เข้าหน่อยก็ทําท่าหย็อง.
หย็อง,หย็อง ๒ หย็อง ๒ ก. ทําให้เป็นฝอยฟู ๆ เช่น เอาเนื้อหมูไปหย็อง, เรียกเนื้อหมูหรือเนื้อไก่ที่ทําให้เป็นฝอยฟู ๆ ว่า หมูหย็อง ไก่หย็อง.
หย่อง หย่อง น. สิ่งสําหรับใส่หมากพลู มีรูปเหมือนถาดขอบสูง มีตีน โดยมากทําด้วยทองเหลือง; เครื่องรองรับไม้แม่กำพองประจำช่องหน้าต่าง; ส่วนประกอบของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เช่น ซอสามสาย ซอด้วง ขิม ไวโอลิน ใช้รองรับสายเพื่อรับแรงสั่นสะเทือนจากสายลงสู่เครื่องดนตรีให้เสียงกังวานขึ้น, ส่วนประกอบของจะเข้ ใช้หนุนสายเพื่อมิให้แตะนมจะเข้.<2t>ว. อาการที่นั่งชันเข่าทั้ง ๒ ข้างโดยก้นไม่ถึงพื้น เรียกว่า นั่งหย่อง หรือ นั่งยอง ๆ.
หย่อง ๆ หย่อง ๆ ว. เหย่า ๆ (ใช้แก่กิริยาวิ่ง).
หย็องกรอด หย็องกรอด [หฺย็องกฺรอด] ว. ซูบผอมมีท่าทางคล้ายคนอิดโรย.
หย็องแหย็ง,หย็องแหย็ง ๆ หย็องแหย็ง, หย็องแหย็ง ๆ ว. ทําท่าเล่น ๆ ไม่เอาจริงเอาจัง เช่น นักมวยคู่นี้มัวแต่เต้นหย็องแหย็ง ๆ ไม่ชกกันเสียที; ไม่มีท่าทาง, ไม่เป็นระเบียบ, เช่น เต้นหย็องแหย็ง กระโดดหย็องแหย็ง ๆ.
หยอด หยอด ก. ใส่ลงหรือเทลงคราวละน้อย ๆ; แถมคําชมหรือคําพูดคมคาย.
หยอดหลุม หยอดหลุม น. การเล่นชนิดหนึ่ง โดยวิธีโยนสิ่งของเช่นสตางค์เป็นต้นลงหลุม.
หยอน หยอน ก. หวาดเสียว.
หย่อน หย่อน ก. ไม่ตึง, ผ่อนไม่ให้ตึง, ค่อย ๆ ผ่อนลงมาจากที่สูง; ถอย เช่น หย่อนกําลัง, คลาย เช่น หย่อนอารมณ์, ทุเลา เช่น ลดหย่อน; เบาลง, น้อย, ไม่เต็ม, เช่น กิโลหย่อนไป ๒ ขีด บาทหย่อนสลึง หย่อนสมรรถภาพ.
หย่อนใจ,หย่อนอารมณ์ หย่อนใจ, หย่อนอารมณ์ ก. คลายอารมณ์, พักผ่อน.
หย่อม,หย่อม ๆ หย่อม, หย่อม ๆ น. หมู่เล็ก ๆ, กองเล็ก ๆ, เช่น หญ้าขึ้นเป็นหย่อม ๆ.
หย็อมแหย็ม หย็อมแหย็ม ว. มีเล็กน้อย, มีห่าง ๆ ไม่เป็นพวกเป็นหมู่, เช่น มีหนวดหย็อมแหย็ม, กะหร็อมกะแหร็ม หรือ หร็อมแหร็ม ก็ว่า.
หย็อย,หย็อย ๆ หย็อย, หย็อย ๆ ว. อาการที่เต้นหรือกระโดดเร็ว ๆ เรียก เต้นหย็อย ๆ, อาการที่เคลื่อนไหวน้อย ๆ อย่างเร็ว เช่น วิ่งหย็อย ๆ โบกมือหย็อย ๆ ลมพัดผมปลิวหย็อย ๆ.
หย่อย,หย่อย ๆ หย่อย, หย่อย ๆ ว. เรื่อย ๆ, บ่อย ๆ, เช่น มากันหย่อย ๆ ไม่ขาดสาย, น้อย ๆ เช่น ให้เงินทีละหย่อย.
หยัก,หยัก ๆ หยัก, หยัก ๆ ก. เฉือนหรือควั่นให้เป็นรอยคอด, ทําให้เป็นรอยเป็นแง่, เช่น หยักไม้.<2t>น. รอยควั่น, รอยคอด, เช่น ควั่นหัวเสาให้เป็นหยัก บากไม้ให้เป็นหยัก.<2t>ว. คด ๆ งอ ๆ เช่น เขียนเส้นหยัก ๆ.
หยักไย่ หยักไย่ น. หยากไย่.
หยักรั้ง หยักรั้ง ว. อาการนุ่งผ้าถุงหรือผ้าโสร่งรั้งผ้าทางด้านข้างมาเหน็บเอวทั้ง ๒ ข้างให้ชายผ้าร่นสูงขึ้น.
หยักศก หยักศก ว. ที่หยิกน้อย ๆ (ใช้แก่ผม).
หยักเหยา หยักเหยา [หฺยักเหฺยา] ก. จู้จี้, รบกวน.
หยัง หยัง (ถิ่น-อีสาน) ว. อะไร, ทําไม.
หยั่ง หยั่ง ก. วัดดูเพื่อให้รู้ตื้นลึก เช่น เอาถ่อหยั่งน้ำ, คาดคะเนดู เช่น หยั่งใจ.
หยั่งทราบ,หยั่งรู้ หยั่งทราบ, หยั่งรู้ ก. เล็งรู้ความจริง, ค้นหาเพื่อให้รู้ความจริง.
หยั่งเสียง หยั่งเสียง ก. ลองพูดหรือทําอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นหรือคนจำนวนมาก, ซาวเสียง ก็ว่า.
หยังหยัง หยังหยัง ว. งาม. (ช.).
หยัด หยัด ก. ยืดเหยียดออก เช่น หยัดกาย; หยดลง, ตกลง, (ใช้แก่นํ้า).
หยัน หยัน ก. เยาะ, เย้ย.
หยับ,หยับ ๆ หยับ, หยับ ๆ ว. อาการที่เคี้ยวเนิบ ๆ เช่น คนแก่เคี้ยวหมากหยับ ๆ; อาการขึ้นลงเนิบ ๆ เช่น พายอ่อนหยับจับงามงอน (เห่เรือ); อาการที่หัวเรือโต้คลื่นเหยิบ ๆ.
หยั่วเมือง หยั่วเมือง (โบ) ว. คําเรียกพระสนมเอกครั้งโบราณว่า แม่หยั่วเมือง, เขียนว่า อยั่วเมือง หรือ ยั่วเมือง ก็มี.
หย่า หย่า ก. เลิกเป็นผัวเมียกัน; (กฎ) ทําให้การสมรสสิ้นสุดลงโดยความยินยอมของคู่สมรสทั้ง ๒ ฝ่ายหรือโดยคําพิพากษาของศาล; เลิก เช่น หย่านม หย่าศึก.
หยากเยื่อ หยากเยื่อ น. เศษสิ่งของที่ทิ้งแล้ว, มูลฝอย.
หยากไย่ หยากไย่ น. ใยแมงมุมที่ติดค้างอยู่ในที่ต่าง ๆ, หยักไย่ ก็ว่า.
หย่ากัน หย่ากัน ก. ไม่กินกัน (ใช้แก่คู่ขาการพนันบางชนิด) เช่น ในการเล่นไพ่ ๒ คนนั้นเขาหย่ากัน.
หยาด หยาด ก. หยดลง.<2t>น. เม็ดฝนหรือนํ้าค้างเป็นต้นที่ไหลยืดหยดลง เช่น หยาดฝน หยาดน้ำค้าง หยาดเหงื่อ.
หยาดน้ำค้าง หยาดน้ำค้าง น. ชื่อเครื่องหมายรูปดังนี้ ํ, นิคหิต หรือ นฤคหิต ก็เรียก. (ดู นิคหิต); ส่วนที่มีลักษณะกลม ๆ คล้ายเม็ดน้ำค้างอยู่ตรงปลายยอดเจดีย์ ยอดปราสาท เป็นต้น, เม็ดน้ำค้าง ก็เรียก.
หยาดน้ำฟ้า หยาดน้ำฟ้า น. นํ้าที่ตกจากบรรยากาศ (ฟ้า) ลงสู่พื้นดินในภาวะที่เป็นนํ้าหรือนํ้าแข็ง เช่น ฝน หิมะ ลูกเห็บ.
หย่านม หย่านม ก. เลิกกินนมแม่ (ใช้แก่เด็กและลูกสัตว์), อดนม ก็ว่า.
หยาบ,หยาบ ๆ หยาบ, หยาบ ๆ ว. ไม่ละเอียด เช่น ทรายหยาบ แป้งหยาบ; ไม่สุภาพ เช่น กิริยาหยาบ พูดหยาบ, ไม่เรียบร้อย เช่น เก็บข้าวของสุมไว้หยาบ ๆ, สาก ๆ เช่น ฝ่ามือฝ่าเท้าหยาบ.
หยาบคาย หยาบคาย ว. ไม่สุภาพ เช่น พูดจาหยาบคาย กิริยาหยาบคาย.
หยาบช้า หยาบช้า ว. ตํ่าช้า, เลวทราม, เช่น จิตใจหยาบช้า.
หยาบโลน หยาบโลน ว. ที่ไม่สุภาพและลามก เช่น พูดจาหยาบโลน แสดงกิริยาหยาบโลน.
หยาบหยาม หยาบหยาม ก. กล่าวคําหรือแสดงกิริยาไม่สุภาพและเป็นการดูถูก.
หยาม หยาม ก. ดูหมิ่น, ดูถูก.
หยามน้ำหน้า หยามน้ำหน้า ก. ดูหมิ่นเกียรติ, ดูหมิ่นศักดิ์ศรี.
หยาว หยาว ก. ยั่วให้รําคาญ, ยั่วให้โกรธ.
หย้าว หย้าว น. เหย้า.
หยำเป หยำเป (ปาก) ว. มีความประพฤติเละเทะหมกมุ่นในอบายมุข เช่น เขาเป็นคนหยำเป; อาการที่เมามายจนครองสติไม่อยู่ ในคำว่า เมาหยําเป.
หยำเหยอะ,หยำแหยะ หยำเหยอะ, หยำแหยะ [หฺยําเหฺยอะ, หฺยําแหฺยะ] ว. อาการที่เคี้ยวซ้ำ ๆ น่ารังเกียจ, อาการที่พูดซ้ำซากน่าเบื่อ.
หยิก หยิก ก. ใช้เล็บ ๒ เล็บตามปรกติเป็นเล็บนิ้วหัวแม่มือกับเล็บนิ้วชี้จิกลงไปที่เนื้อแล้วบิด, ใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้หนีบเนื้อแล้วบิด.<2t>ว. งอ, หงิก, ยู่ยี่, (ใช้แก่ผม ขน หรือใบไม้).
หยิกแกมหยอก หยิกแกมหยอก (สำ) ก. เหน็บแนมทีเล่นทีจริง.
หยิกเล็บ หยิกเล็บ ก. ใช้เล็บหัวแม่มือกดลงบนดินเหนียวหรือขี้ผึ้งเป็นต้นเพื่อทำเครื่องหมายไว้.
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ หยิกเล็บเจ็บเนื้อ (สำ) เมื่อกระทำความเดือดร้อนให้แก่คนใกล้ชิดก็จะมีผลกระทบถึงตัวผู้กระทำหรือคนในพวกเดียวกันด้วย เช่น ฟ้องร้องพี่น้องกันเองเป็นการหยิกเล็บเจ็บเนื้อ.
หยิกหย็อง หยิกหย็อง ก. หยิกเป็นฝอย เช่น ผมหยิกหย็อง.
หยิ่ง หยิ่ง ว. จองหอง, อวดดี, ลําพอง, ถือตัว.
หยิบ หยิบ ก. เอานิ้วมือจับขึ้น.<2t>น. ประมาณของเท่า ๒ นิ้วมือหรือ ๓ นิ้วมือหยิบขึ้นครั้งหนึ่ง, หยิบมือ ก็เรียก.
หยิบผิด หยิบผิด (โบ) ก. สรรหาเอาผิดจนได้, จับผิด.
หยิบมือ หยิบมือ น. ประมาณของเท่า ๒ นิ้วมือหรือ ๓ นิ้วมือหยิบขึ้นครั้งหนึ่ง, หยิบ ก็เรียก.
หยิบมือเดียว หยิบมือเดียว (สำ) น. จำนวนน้อยมาก เช่น มีทหารแค่หยิบมือเดียวจะไปรบกับใครเขาได้.
หยิบยก หยิบยก ก. ยกขึ้นอ้าง เช่น หยิบยกเรื่องอดีตขึ้นมาพูด, (กลอน) ยกหยิบ.
หยิบยืม หยิบยืม ก. ยืมสิ่งของบางอย่างที่พอหยิบได้.
หยิบหย่ง,หยิบโหย่ง หยิบหย่ง, หยิบโหย่ง ว. กรีดกราย, ทำอะไรไม่จริงจัง, ไม่เอาการเอางาน, ไม่ทะมัดทะแมง, เช่น ท่าทางหยิบโหย่งอย่างนี้ จะไปทำมาหากินอะไรได้.
หยิม ๆ หยิม ๆ ว. อาการที่ฝนตกพรําประปราย.
หยี,หยี ๑ หยี ๑ ก. หรี่ (ใช้แก่ตา) ในคำว่า หยีตา.<2t>ว. หรี่, ที่แคบเรียวเล็ก, ในคำว่า ตาหยี.
หยี,หยี ๒ หยี ๒ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ชื่อไม้ต้น ๓ ชนิดในสกุล Dialium วงศ์ Leguminosae ผลมีเมล็ดเดียว เมื่อแก่เปลือกกรอบสีดํา เนื้อหุ้มเมล็ดสีนํ้าตาล รสเปรี้ยวอมหวาน คือ ชนิด D. indum L. ลูกหยีที่เป็นของกินเล่นส่วนใหญ่เป็นผลของต้นนี้, หยีท้องบึ้ง (D. platysepalum Backer), และชนิด D. cochinchinense L. ชนิดหลังนี้ เขลง ก็เรียก, อีสานเรียก นางดํา.
หยี่ หยี่ [หฺยี่] (โบ) น. ผ้าพื้นขาวปักด้วยด้ายเป็นดอกดวงต่าง ๆ.
หยุ หยุ [หฺยุ] (โบ) ว. น่วม, อาการที่อ่อนจนกดบู้ลงได้.
หยุกหยิก หยุกหยิก ก. ขยุกขยิก.
หยุด หยุด ก. ชะงัก เช่น งูเลื้อยตัดหน้าเขาจึงหยุด, อยู่นิ่ง, อยู่กับที่, เช่น รถหยุด; พัก เช่น หยุดงานตอนเที่ยง, ไม่กระทำต่อ เช่น หยุดกิจการ, เลิก เช่น เขาพูดไม่หยุด.
หยุดหย่อน หยุดหย่อน ว. เว้นระยะ มักใช้ในประโยคปฏิเสธ เช่น ทํางานไม่หยุดหย่อน คือ ทํางานไม่เว้นระยะ.
หยุ่น หยุ่น ว. ยุบลงไปแล้วคืนตัวได้.
หยุบ ๆ หยุบ ๆ ว. อาการที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เช่น นกเด้าลมทำหางหยุบ ๆ.
หยุมหยิม หยุมหยิม ว. จุกจิก เช่น เขาเป็นคนหยุมหยิม.<2t>ก. จู้จี้, ชอบถือเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่าเป็นเรื่องสําคัญ, เช่น อย่าไปหยุมหยิมกับเขามากนัก.
หยูกยา หยูกยา (ปาก) น. ยารักษาโรค.
หโยดม หโยดม น. ม้าอย่างดี. (ป. หย + อุตฺตม).
หรคุณ หรคุณ [หอระคุน] น. จํานวนวันตั้งแต่แรกตั้งศักราชมา; เรียกชาดสีแดงเสนว่า ชาดหรคุณ.
หรณะ หรณะ [หะระนะ] น. การนําไป. (ป., ส.).
หรดาล หรดาล [หอระดาน] น. แร่ชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยธาตุสารหนูและกํามะถัน มีปรากฏในธรรมชาติ ๒ ชนิด คือ หรดาลแดงกับหรดาลกลีบทอง มักจะปรากฏอยู่ปนกัน ในปัจจุบันสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ทั้ง ๒ ชนิด. (ป.; ส. หริตาล).
หรดาลกลีบทอง หรดาลกลีบทอง น. หรดาลที่มีลักษณะเป็นผลึกแท่งเข็มสั้น เป็นเม็ด เป็นแผ่นอัดแน่น หรือเป็นผง อ่อนนุ่ม มีค่าความถ่วงจําเพาะ ๓.๔๙ สีเหลือง เป็นมัน มีสูตรเคมี As2S3 ใช้ประโยชน์เป็นสารให้สีเหลือง ใช้เขียนลายรดนํ้า สมุดดํา เป็นต้น. (อ. orpiment).
หรดาลแดง หรดาลแดง น. หรดาลที่มีลักษณะเป็นผลึกแท่งเข็มสั้น เป็นเม็ด หรือเป็นก้อนอัดแน่น อ่อนนุ่ม มีค่าความถ่วงจําเพาะ ๓.๕ สีแดงหรือแดงส้ม เป็นมัน มีสูตรเคมี AsS, As2S2, As4S4 ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมหนังสัตว์ ใช้เป็นตัวทําให้ขนร่วง ใช้ในงานอุตสาหกรรมทํากระสุนปืนส่องวิถี ใช้ในงานความร้อนสูง เช่น ดอกไม้ไฟ พลุสี ใช้เป็นสารฆ่าสัตว์แทะ เช่น หนู และใช้เป็นสีทา. (อ. realgar).
หรดี หรดี [หอระดี] น. ทิศตะวันตกเฉียงใต้. (ป.; ส. ไนรฺฤติ).
หรบ ๆ หรบ ๆ ว. หรับ ๆ.
หรรษ,หรรษ-,หรรษา หรรษ-, หรรษา [หันสะ-, หันสา] น. ความรื่นเริง, ความยินดี. (ส. หรฺษ).
หรอ หรอ [หฺรอ] ก. สึกเข้าไป, กร่อนเข้าไป, ในคําว่า สึกหรอ ร่อยหรอ.
หรอก หรอก [หฺรอก] (ปาก) ว. ดอก เช่น ไม่เป็นไรหรอก.
หร็อมแหร็ม หร็อมแหร็ม ว. มีเล็กน้อย, มีห่าง ๆ ไม่เป็นพวกเป็นหมู่, เช่น ต้นไม้ขึ้นหร็อมแหร็ม, กะหร็อมกะแหร็ม หรือ หย็อมแหย็ม ก็ว่า.
หรอย ๆ หรอย ๆ ว. ต้อย ๆ, หย็อย ๆ, (ใช้แก่กิริยาที่เด็กวิ่ง).
หระ หระ [หะระ] น. ชื่อพระอิศวร. (ป., ส. หร ว่า นําไป).
หรับ ๆ หรับ ๆ ว. เร่า ๆ, สั่นรัว, (ใช้แก่กิริยาดิ้นเป็นต้น), หรบ ๆ ก็ว่า.
หรัสว,หรัสว- หรัสว- [หะรัดสะวะ-] ว. สั้น; เล็ก, น้อย; ตํ่า, เตี้ย. (ส.; ป. รสฺส).
หรัสวมูรดี หรัสวมูรดี [หะรัดสะวะมูระดี] ว. มีร่างเล็ก, เตี้ย. (ส.).
หรัสวางค์ หรัสวางค์ [หะรัดสะวาง] น. คนเตี้ย.<2t>ว. มีร่างเตี้ย. (ส.).
หรา หรา [หฺรา] ว. ก๋า, ร่า, เช่น เต้นหรา.
หริ หริ [หะริ] น. ชื่อพระนารายณ์.<2t>ว. สีขมิ้น, สีเหลืองอมแดง, สีเขียว. (ป., ส.).
หริคันธ์,หริจันทน์ หริคันธ์, หริจันทน์ [หะริคัน, หะริจัน] น. จันทน์แดง. (ป., ส.).
หริ่ง หริ่ง น. ชื่อหนูขนาดเล็กหลายชนิดในวงศ์ Muridae เช่น หนูหริ่งบ้าน (Mus musculus) หนูหริ่งไม้หางพู่ (Chiropodomys gliroides).
หริ่ง ๆ หริ่ง ๆ ว. เสียงร้องของเรไร.
หริณะ หริณะ [หะรินะ] น. กวาง, เนื้อชนิดหนึ่ง, กระต่าย.<2t>ว. สีขมิ้น, สีเหลืองอมแดง, สีเขียว. (ป., ส.).
หริต หริต [หะริด] น. ของเขียว; ผัก, หญ้า.<2t>ว. เขียว; สีนํ้าตาล, สีเหลือง, สีเหลืองอ่อน. (ป., ส.).
หริตกี,หรีตกี หริตกี, หรีตกี [หะริตะกี, หะรีตะกี] น. ต้นสมอไทย. (ป., ส.).
หริรักษ์ หริรักษ์ [หะริรัก] น. พระนารายณ์.
หริวงศ์ หริวงศ์ [หะริวง] น. วงศ์หรือเชื้อพระนารายณ์คือพระรามเป็นต้น. (ส.).
หรี่ หรี่ [หฺรี่] ก. ลดให้น้อยลงหรือเบาลง เช่น หรี่ไฟ หรี่วิทยุ.<2t>ว. แคบ ในคำว่า ตาหรี่.
หรีด หรีด น. ดอกไม้ที่จัดแต่งขึ้นตามโครงรูปต่าง ๆ เช่น วงกลม วงรี มักมีใบไม้เป็นส่วนประกอบด้วย สําหรับใช้เคารพศพ, พวงหรีด ก็เรียก. (อ. wreath).
หรี่ตา หรี่ตา ก. ทำตาให้หยีลงเพื่อให้แสงสว่างเข้าตาน้อยหรือเพื่อเป็นอาณัติสัญญาณบางอย่าง.
หรือ หรือ สัน. คําบอกความให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น จะเอาเงินหรือทอง; คําประกอบกับประโยคคําถาม เช่น ไปหรือ.
หรุบ ๆ หรุบ ๆ ว. อาการของสิ่งที่ร่วงลงมาพรู เรียกว่า ร่วงหรุบ ๆ.
หรุบรู่,หรุบหรู่ หรุบรู่, หรุบหรู่ ว. มีแสงมัวจนมองอะไรไม่เห็นถนัดชัดเจน เช่น แสงเดือนหรุบรู่, รุบรู่ หรือ รุบหรู่ ก็ว่า.
หรุ่ม,หรุ่ม ๑ หรุ่ม ๑ น. ชื่ออาหารอย่างหนึ่ง ไส้ทําด้วยหมูหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผัดกับถั่วลิสง หัวหอม และเครื่องปรุง ห่อด้วยไข่โรยฝอยขนาดพอดีคํา.
หรุ่ม,หรุ่ม ๒ หรุ่ม ๒ น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
หรู,หรูหรา หรู, หรูหรา ว. สวยงามด้วยการรู้จักประดับตกแต่งเกินกว่าปรกติธรรมดา เช่น แต่งตัวสวยหรู จัดห้องเสียหรูหรา.
หฤทย์ หฤทย์ [หะรึด] ว. เกี่ยวแก่ใจ; ภายใน; น่ารัก. (ส.).
หฤทัย,หฤทัย- หฤทัย, หฤทัย- [หะรึไท, หะรึไทยะ-] น. หัวใจ, ใจ. (ส. หฺฤทย; ป. หทย).
หฤทัยกลม หฤทัยกลม น. คนมีใจอ่อน. (ส. หฺฤทยกลฺม).
หฤทัยกัปน์,หฤทัยกัมป์ หฤทัยกัปน์, หฤทัยกัมป์ น. อาการเต้นแห่งใจ. (ส.).
หฤทัยปรีย์ หฤทัยปรีย์ ว. น่ารัก, ชื่นใจ. (ส. หฺฤทยปฺรีย).
หฤทัยพันธน์ หฤทัยพันธน์ ว. ผูกใจ, ชวนใจ, จับใจ. (ส.).
หฤษฎ์ หฤษฎ์ [หะริด] ว. น่าชื่นชม, ยินดี; สนุก, สบาย, ดีใจ. (ส. หฺฤษฺฏ; ป. หฏฺ).
หฤษฎี หฤษฎี [หะริดสะดี] น. ความยินดี, ความปลาบปลื้ม. (ส. หฺฤษฺฏี).
หฤหรรษ์ หฤหรรษ์ [หะรึหัน] ว. ยินดี, ชื่นชม, ร่าเริง.
หฤโหด หฤโหด [หะรึโหด] ว. ชั่วร้าย, เลวทราม, ใจร้าย.
หลง หลง [หฺลง] ก. สําคัญผิด, เข้าใจผิด, เช่น กาหลงเข้าใจว่าไข่นกดุเหว่าเป็นไข่ของตน; หมกมุ่น, มัวเมา, คลั่งไคล้, เคลิบเคลิ้ม, เช่น หลงในอบายมุข หลงเสน่ห์; พลัด เช่น กาหลงเข้าไปในฝูงหงส์, เข้าไปแล้วหาทางออกไม่ได้ เช่น หลงป่า หลงทาง; เหลืออยู่, ตกค้างอยู่, เช่น มะม่วงหลง ฝนหลงฤดู; มีความจำเลอะเลือน, สติเฟือนไป, เช่น พอแก่ก็ชักจะหลงแล้ว; เรียกเสียงที่แผดดังผิดปรกติ หรือเสียงที่ผิดระดับเสียงดนตรีว่า เสียงหลง.
หลง ๆ ลืม ๆ หลง ๆ ลืม ๆ ว. เลอะเลือน, จำได้บ้างไม่ได้บ้าง, ขี้หลงขี้ลืม ก็ว่า.
หลงกล หลงกล ก. แพ้รู้ในกลอุบาย.
หลงจู๊ หลงจู๊ น. ผู้จัดการ. (จ.).
หลงตา,หลงหูหลงตา หลงตา, หลงหูหลงตา ว. ตกค้างอยู่โดยไม่เห็น, ปล่อยให้ผ่านสายตาไปโดยไม่ทันได้สังเกตเห็น.
หลงผิด หลงผิด ก. สำคัญผิด, เข้าใจไม่ถูกต้อง; หลงประพฤติไปในทางที่ผิด.
หลงลม,หลงลมปาก หลงลม, หลงลมปาก (ปาก) ก. หลงเชื่อถ้อยคำ เช่น อย่าหลงลมปากคนชวนไปหาลาภทางไกล.
หลงละเมอ หลงละเมอ ก. สำคัญผิด, หลงเพ้อ, เช่น เขาแต่งงานไปนานแล้ว ยังหลงละเมอว่าเขาเป็นโสดอยู่.
หลงลืม หลงลืม ก. มีความจำเลอะเลือน, มีความจำเสื่อมจึงทำให้ลืม, มีสติเฟือนไป.
หลงเหลือ หลงเหลือ ก. มีเหลืออยู่บ้างทั้ง ๆ ที่เข้าใจหรือรู้สึกว่าหมดแล้ว เช่น ยังมีเศษสตางค์หลงเหลืออยู่ในกระเป๋า.
หลงใหล หลงใหล ก. คลั่งไคล้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น หลงใหลนักร้อง; เลอะเลือน, มีสติเฟือน, เช่น คนแก่มักหลงใหล กินแล้วก็ว่าไม่ได้กิน.
หลงใหลได้ปลื้ม หลงใหลได้ปลื้ม (สำ) ก. ตื่นเต้นยินดีเมื่อตนเองหรือผู้อื่นได้ดิบได้ดีเป็นต้น เช่น อย่ามัวหลงใหลได้ปลื้มกับรางวัลจนลืมหน้าที่การงานของตน.
หลด หลด [หฺลด] น. (๑) ชื่อปลานํ้าจืดหลายชนิดในวงศ์ Mastacembelidae ลําตัวยาว แบนข้าง ปลายจะงอยปากบนเรียวยาว เช่น ชนิด Macrognathus aculeatus, Mastacembelus circumcinctus.<2t>(๒) ดู มังกร ๒.
หลน หลน [หฺลน] ก. เคี่ยวของบางอย่างเช่นปลาร้าปลาเจ่าให้ละลายและงวดข้น เพื่อปรุงเป็นอาหาร.<2t>น. อาหารประเภทเครื่องจิ้มชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยกะทิ หัวหอม หมูหรือกุ้งสับ เคี่ยวรวมกันแล้วใส่ปลาร้าหรือเต้าเจี้ยวแห้งเป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง เรียกชื่อตามนั้น ปรุงรสให้เปรี้ยว เค็ม หวาน เช่น ปลาร้าหลน เต้าเจี้ยวหลน เต้าหู้ยี้หลน ปลากุเลาหลน รับประทานกับผักสด.
หล่น หล่น ก. ตกลงมา, ร่วงลง.
หลบ หลบ [หฺลบ] ก. หลีก, เลี่ยงไม่ให้พบ, เลี่ยงไม่ให้ถูก เช่น หลบลูกปืน; แอบ เช่น หลบเข้าหลังตู้; กลับเข้าใน เช่น ไข้หลบ; ปกคลุมหลุบลงมา (ใช้เฉพาะการมุงหลังคาตรงอกไก่).
หลบฉาก หลบฉาก ก. หลบอย่างมีชั้นเชิง (ใช้ในกีฬามวย), โดยปริยายหมายความว่า หลีกหนีไม่ให้พบหน้า.
หลบตา หลบตา ก. หลีกไม่จับตา, ไม่กล้าสบตา, ไม่สู้สายตา.
หลบฝาก หลบฝาก (โบ) น. ประเพณีที่ชายเข้าไปอาศัยรับใช้การงานให้กับหญิง.
หลบมุม หลบมุม (ปาก) ก. หลีกเลี่ยง.
หลบลี้หนีหน้า หลบลี้หนีหน้า ก. หลีกหนีไปไม่ยอมให้พบหน้า.
หลบหน้า,หลบหน้าหลบตา หลบหน้า, หลบหน้าหลบตา ก. หลบไปไม่เผชิญหน้า.
หลบหนี้ หลบหนี้ ก. หลบไม่ยอมพบเจ้าหนี้.
หลบหลังคา หลบหลังคา ก. ปิดหลังคาที่ตรงสันหลังคาให้มิดไม่ให้ฝนรั่วได้.<2t>น. เครื่องมุงที่ใช้ปิดสันหลังคาให้มิดไม่ให้ฝนรั่วได้; วิธีสอยชายผ้าอย่างหนึ่ง.
หล่ม หล่ม [หฺล่ม] น. ที่มีโคลนลึก, ที่ลุ่มด้วยโคลนลึก.<2t>ว. มีโคลนลึก, ลุ่มด้วยโคลนลึก.
หลวง หลวง ว. ที่เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน เช่น ศาลหลวง วังหลวง; เป็นใหญ่ เช่น ภรรยาหลวง, ใหญ่ เช่น เขาหลวง ผึ้งหลวง; สาธารณะ เช่น ทางหลวง.<2t>น. บรรดาศักดิ์ข้าราชการ สูงกว่าขุน ต่ำกว่าพระ เช่น หลวงวิจิตรวาทการ; (ปาก) คําเรียกพระภิกษุโดยความเคารพ เช่น หลวงปู่ หลวงพี่ หลวงน้า, คําเรียกพระจีน พระญวน ว่า หลวงจีน หลวงญวน.
หลวงจีน หลวงจีน น. ชื่อสมณศักดิ์พระสงฆ์จีนตั้งแต่ระดับพระคณานุกรมของเจ้าคณะใหญ่และรองเจ้าคณะใหญ่ จนถึงผู้ช่วยเจ้าคณะใหญ่ เช่น หลวงจีนวินยานุกร หลวงจีนคณาณัติจีนพรต หลวงจีนใบฎีกา.
หลวงพ่อ หลวงพ่อ (ปาก) น. คำเรียกพระพุทธรูปโดยความเคารพ เช่น หลวงพ่อโสธร หลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อวัดไร่ขิง; คำเรียกพระภิกษุที่เป็นพ่อหรืออยู่ในวัยเดียวกับพ่อ.
หลวม หลวม ว. ไม่แน่น, ไม่สนิท, เช่น นอตตัวนี้หลวม; ใหญ่เกินพอดี, ยังมีที่ว่างเหลืออยู่, เช่น จัดของใส่กระเป๋าหมดแล้ว กระเป๋ายังหลวมอยู่; โดยปริยายหมายความว่า ไม่กระชับ, ไม่รัดกุม, เช่น สำนวนหลวมไป เหตุผลยังหลวมอยู่, ไม่รอบคอบ เช่น สัญญาฉบับนี้ทำไว้หลวมเกินไป.
หลวมตัว หลวมตัว ก. เผลอไผลหรือถลำตัวเข้าไปโดยเข้าใจผิดหรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นต้น เช่น เขาหลวมตัวเล่นการพนันจนหมดตัว.
หลอ หลอ ว. ใช้ประกอบกับคํา เหลือ เป็น เหลือหลอ หมายความว่า หลงเหลืออยู่ เช่น รถชนกันอย่างนี้ จะมีอะไรเหลือหลอเล่า, ถ้าใช้ในความปฏิเสธหมายความว่า หมดเกลี้ยง เช่น กินเสียจนไม่มีอะไรเหลือหลอ; เรียกฟันที่มีช่องว่างระหว่างฟันซึ่งเกิดจากฟันหลุด กร่อน หรือหักจนถึงโคนฟันเป็นต้น ว่า ฟันหลอ.
หล่อ หล่อ ก. เทโลหะเหลวหรือขี้ผึ้งเหลวเป็นต้นลงในแม่พิมพ์ แล้วทิ้งให้แข็งเป็นรูปตามแบบ (มักใช้ในงานประติมากรรมและอุตสาหกรรม) เช่น หล่อพระพุทธรูป หล่อกระทะ หล่อกระบอกปืนใหญ่; ขังน้ำหรือน้ำมันไว้เพื่อรักษาสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้คงสภาพ เช่น เอาน้ำหล่อคอนกรีตไว้ เอาน้ำมันจันทน์หล่อรักยม.<2t>(ปาก) ว. งาม เช่น รูปหล่อ.
หลอก,หลอก ๑ หลอก ๑ [หฺลอก] ก. ทําให้เข้าใจผิดสําคัญผิด เช่น หลอกขายของปลอม, ทําให้ตกใจ เช่น ผีหลอก, ล้อ เช่น แลบลิ้นหลอก; ขัดกัน เช่น สีหลอกกัน.
หลอก,หลอก ๒,หลอก ๆ หลอก ๒, หลอก ๆ ว. ไม่จริง เช่น เผาหลอก, เล่น ๆ เช่น ทําหลอก ๆ ชกกันหลอก ๆ.
หลอกตา หลอกตา ก. ทำให้เห็นขนาด ระยะทาง เป็นต้น ผิดไปจากความเป็นจริง เช่น ที่แปลงนี้หลอกตา ดูเล็กนิดเดียวแต่มีเนื้อที่หลายไร่.<2t>ว. ที่ทำให้เห็นขนาดหรือรูปร่างผิดไปจากความเป็นจริง เช่น เสื้อตัวนี้หลอกตา ใส่แล้วดูผอม กระจกหลอกตา.
หลอกลวง หลอกลวง ก. ใช้อุบายทุจริตลวงให้เข้าใจผิด, (กฎ) แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงที่ควรบอกให้แจ้ง เพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด.
หลอกล่อ หลอกล่อ ก. หลอกให้เชื่อโดยมีเครื่องจูงใจ, ล่อหลอก ก็ว่า.
หลอกล้อ หลอกล้อ ก. ทำกิริยาอาการเย้าเล่น, ล้อหลอก ก็ว่า.
หลอกเล่น หลอกเล่น ก. แสดงกิริยาหรือวาจาเพื่อความสนุก, ล้อเล่น ก็ว่า.
หลอกหลอน หลอกหลอน ก. เกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้สะดุ้งตกใจกลัว เช่น ถูกผีหลอกหลอน, อาการที่ภาพหรือเสียงอันน่ากลัว น่าหวาดเสียว หรือสะเทือนใจที่ตนเคยประสบมา คอยรบกวนจิตใจอยู่ เช่น ภาพเด็กที่ถูกรถชนตายมาคอยหลอกหลอนจิตใจอยู่ตลอดเวลา.
หลอด,หลอด ๑ หลอด ๑ [หฺลอด] น. ของกลมยาวขนาดเล็กที่มีรูตลอด เช่น หลอดกาแฟ หลอดแก้ว, โดยปริยายเรียกสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น หลอดตะเกียง หลอดไฟฟ้า หลอดวิทยุ หลอดนีออน หลอดทดลอง, เรียกแกนที่มีช่วงกลางคอดคล้ายลูกล้อสำหรับพันด้ายว่า หลอดด้าย, เรียกด้ายที่พันหลอดเช่นนั้นว่า ด้ายหลอด, ลักษณนามเรียกสิ่งที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น ยาฉีด ๓ หลอด.
หลอด,หลอด ๒ หลอด ๒ น. ชื่อหอยทะเลกาบคู่ในสกุล Solen วงศ์ Solenidae เปลือกประกบกันเป็นรูปทรงกระบอกเปิดหัวเปิดท้าย หัวเปิดมีท่อสำหรับทางน้ำเข้าออก ท้ายเปิดสําหรับยื่นตีนขุดดินโคลนฝังตัว เช่น ชนิด S. strictus ซึ่งพบมากที่ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม.
หลอดลม หลอดลม น. ทางเดินอากาศหายใจส่วนล่าง อยู่ระหว่างท่อลมส่วนอกกับถุงลมปอด. (อ. bronchus, lower airways).
หลอดลมฝอย หลอดลมฝอย น. ทางเดินอากาศหายใจส่วนล่างในปอด ขนาดไม่เกิน ๑ มิลลิเมตร. (อ. bronchiole).
หลอดเลือด หลอดเลือด น. ส่วนของร่างกายที่มีลักษณะเป็นหลอดสำหรับนำเลือดไปสู่หรือออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, เส้นเลือด ก็เรียก. (อ. blood vessel).
หล่อดอก หล่อดอก ก. เอายางรถยนต์ที่สึกแล้วไปเสริมดอกยางเพื่อให้มีสภาพดีขึ้น.
หลอดอาหาร หลอดอาหาร น. ทางเดินอาหารอยู่ระหว่างคอหอยส่วนล่างกับกระเพาะอาหาร. (อ. oesophagus, esophagus).
หลอน หลอน [หฺลอน] ก. อาการที่ภาพซึ่งน่ากลัวหรือน่าสะเทือนใจคงอยู่ในมโนภาพ เช่น ภาพที่เด็กถูกรถทับตายต่อหน้าต่อตามาหลอนอยู่ตลอดเวลา.
หล็อน,หล็อน ๆ หล็อน, หล็อน ๆ ว. น้อยไป, เล็กไป, เช่น ของนี้หล็อนมือ, ไม่สมส่วน เช่น แจกันใบใหญ่ มีดอกไม้ปักอยู่ ๒-๓ ดอก ดูแล้วหล็อนตา; รู้สึกว่าไม่เป็นไปตามที่ควรจะมีจะเป็น เช่น เคยสวมนาฬิกาข้อมือทุกวัน แต่วันนี้ลืมสวม เลยรู้สึกหล็อน ๆ มือ.
หล่อน หล่อน ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย เพศหญิง สําหรับผู้ใหญ่ใช้เรียกผู้น้อย เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒, (โบ) สรรพนามบุรุษที่ ๒ และที่ ๓ ใช้เรียกได้ทั้งบุรุษและสตรี เช่น จงทรงพระกรุณาโปรด ขอประทานโทษเจ้าเวสสันดร หล่อนกระทำละเมิดจิตผิดกระทรวง. (ม. ร่ายยาว ทานกัณฑ์).
หล่อน้ำ หล่อน้ำ ก. เอาน้ำใส่ภาชนะเพื่อรองรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งกันไม่ให้มดขึ้น เช่น หล่อน้ำขาตู้กับข้าว, เอาสิ่งของบางอย่างใส่ไว้ในภาชนะแล้วเอาภาชนะนั้นวางไว้บนอีกภาชนะหนึ่งซึ่งขังน้ำไว้เพื่อกันไม่ให้มดขึ้น เช่น เอาจานขนมไปวางบนแก้วที่หล่อน้ำไว้; (โบ) เอาน้ำไปขังไว้ในภาชนะเพื่อใช้ในพระราชพิธีมูรธาภิเษกเป็นต้น.
หล่อน้ำมัน หล่อน้ำมัน ก. เอาไส้ตะเกียงแช่ในตะเกียงหรือภาชนะที่ขังน้ำมันก๊าดหรือน้ำมันมะพร้าวไว้เพื่อจุดให้ไส้ติดไฟอยู่ตลอดเวลาเป็นต้น.
หลอม หลอม [หฺลอม] ก. ทําให้ละลายด้วยความร้อน เช่น เขาหลอมทองคำด้วยไฟพ่นจากเป่าแล่น, โดยปริยายหมายถึงอบรมบ่มนิสัยให้มีจิตใจโน้มน้าวไปทางใดทางหนึ่ง เช่น หลอมความคิด หลอมจิตใจ, หล่อหลอม ก็ว่า.
หลอมตัว หลอมตัว ก. ละลายรวมกัน, เปลี่ยนภาวะเป็นของเหลวด้วยความร้อน เช่น เขาใช้ไฟจากเป่าแล่นพ่นจนทองคำหลอมตัว.
หลอมละลาย,หลอมเหลว หลอมละลาย, หลอมเหลว (วิทยา) ก. เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลว.<2t>น. เรียกอุณหภูมิที่ของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวว่า จุดหลอมละลาย จุดหลอมเหลว ขีดหลอมละลาย หรือ ขีดหลอมเหลว.
หล่อลื่น หล่อลื่น ก. เอาน้ำมันเป็นต้นใส่หรือทาสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อทำให้เคลื่อนไหวคล่อง.<2t>ว. เรียกนํ้ามันที่ทําให้เครื่องจักรเดินคล่องว่า นํ้ามันหล่อลื่น.
หล่อเลี้ยง หล่อเลี้ยง ก. ยังชีพไว้.
หล่อหลอม หล่อหลอม ก. อบรมบ่มนิสัยให้จิตใจโน้มน้าวไปในทางใดทางหนึ่ง เช่น หล่อหลอมจิตใจให้เป็นคนดี, หลอม ก็ว่า.
หล่อเหลา หล่อเหลา (ปาก) ว. งามสมส่วน.
หละ หละ [หฺละ] น. ชื่อโรคที่เป็นแก่เด็กอ่อน เกิดจากสายสะดือเป็นพิษ มีอาการลิ้นกระด้างคางแข็ง.
หละหลวม หละหลวม [หฺละหฺลวม] ว. สะเพร่า, ไม่ถ้วนถี่, ไม่รอบคอบ, เช่น ทำงานหละหลวม, ไม่รัดกุม เช่น งานรักษาความปลอดภัยในพิธีนี้หละหลวมมาก.
หลัก,หลัก ๑ หลัก ๑ น. เสาที่ปักไว้, ที่ผูก, ที่มั่น, เช่น เอาเรือไปผูกไว้กับหลัก; เครื่องหมาย เช่น หลักเขต; เครื่องยึดเหนี่ยว เช่น มีธรรมะเป็นหลักในการดํารงชีวิต, เครื่องจับยึด เช่น หลักแจว; สาระที่มั่นคง เช่น พูดจาไม่มีหลัก หลักกฎหมาย หลักเศรษฐศาสตร์.
หลัก,หลัก ๒ หลัก ๒ น. ตําแหน่งของตัวเลขซึ่งแสดงจํานวน คือ ถ้าเป็นเลขตัวเดียว เรียกว่า จํานวนหน่วย เลข ๒ ตัวเรียงกัน เรียกว่า จํานวนสิบ เลข ๓ ตัวเรียงกัน เรียกว่า จํานวนร้อย เลข ๔ ตัวเรียงกัน เรียกว่า จํานวนพัน เลข ๕ ตัว เรียงกัน เรียกว่า จํานวนหมื่น เลข ๖ ตัวเรียงกัน เรียกว่า จํานวนแสน เลข ๗ ตัวเรียงกัน เรียกว่า จำนวนล้าน เช่น ๙๘๗ เป็นจํานวนร้อย ๙ เป็นเลขหลักร้อย หมายถึง ๙๐๐ ส่วน ๘ เป็นเลขหลักสิบ หมายถึง ๘๐ และ ๗ เป็นเลขหลักหน่วย หมายถึง ๗.
หลัก,หลัก ๓ หลัก ๓ (โบ) ว. จํานวนแสน. (ป. ลกฺข; ส. ลกฺษ).
หลักการ หลักการ น. สาระสำคัญที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ เช่น คณะกรรมการลงมติรับหลักการตามที่มีผู้เสนอ.
หลักเกณฑ์ หลักเกณฑ์ น. หลักที่กำหนดไว้เพื่อใช้วินิจฉัยและปฏิบัติตาม.
หลักแจว หลักแจว น. หลักไม้เนื้อแข็งที่มักปักไว้ริมกราบท้ายเรือสําหรับยึดแจว; ชื่อทรงผมแบบหนึ่ง. (ดู ผมหลักแจว).
หลักชัย,หลักชัย ๑ หลักชัย ๑ น. หลักที่กำหนดไว้ว่าผู้เข้าแข่งขันที่ไปถึงก่อนเป็นผู้ชนะ, โดยปริยายหมายถึงบุคคลที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวเพื่อชัยชนะ เช่น พระมหากษัตริย์ทรงเป็นหลักชัยของชาติ; จุดที่หมายแห่งความสำเร็จ เช่น เมื่อศึกษาจบปริญญาตรีก็เท่ากับบรรลุหลักชัยไปขั้นหนึ่งแล้ว.
หลักชัย,หลักชัย ๒ หลักชัย ๒ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ศรวณะ มี ๓ ดวง, ดาวพระฤๅษี ดาวศระวณ หรือ ดาวสาวนะ ก็เรียก.
หลักฐาน หลักฐาน น. พื้นเพมั่นคง เช่น พ่อแม่เขาเป็นคนมีหลักฐาน, ความมั่นคงอันเป็นพื้นที่ตั้ง เช่น เขามีอาชีพการงานเป็นหลักฐาน; เครื่องแสดงประกอบเพื่อยืนยัน เช่น เขาถูกกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน; (กฎ) สิ่งที่ใช้พิสูจน์ความถูกต้องหรือความจริง. (อ. evidence).
หลักตอ หลักตอ น. อุปสรรคขัดขวาง.
หลักทรัพย์ หลักทรัพย์ (กฎ) น. ตราสารหรือหลักฐานแสดงสิทธิในทรัพย์สิน เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตร ตั๋วเงิน หุ้น หุ้นกู้ หน่วยลงทุน ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหน่วยลงทุน.
หลักบ้านหลักเมือง หลักบ้านหลักเมือง (ปาก) น. ผู้เป็นใหญ่ในการปกครองบ้านเมือง.
หลักประกัน หลักประกัน น. หลักทรัพย์เพื่อความมั่นคง; สิ่งที่ยึดถือเพื่อความมั่นคง เช่น ถ้าไม่ใช่คนมั่งมี ก็ควรมีวิชาไว้เป็นหลักประกัน; (กฎ) เงินสดหรือหลักทรัพย์ที่นํามาประกันตัวผู้ต้องหาหรือจําเลยหรือประกันการชําระหนี้.
หลักพยาน หลักพยาน น. เครื่องประกอบการพิสูจน์ ได้แก่พยานบุคคล พยานวัตถุ และพยานเอกสาร.
หลักเมือง หลักเมือง น. เสาที่ยกตั้งขึ้นเพื่อแสดงว่าจะสร้างเมืองที่ตรงนั้นอย่างแน่นอน.
หลักลอย หลักลอย ว. ไม่มีหลักแหล่ง, ไม่อยู่เป็นที่, เชื่อถือไม่ได้, เช่น เขาเป็นคนหลักลอย.
หลักวิชา หลักวิชา น. ความรู้ที่เป็นหลักของแต่ละวิชา.
หลักสูตร หลักสูตร น. ประมวลวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่กําหนดไว้ในการศึกษาเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง.
หลักแหล่ง หลักแหล่ง น. ที่ซึ่งอยู่ประจํา เช่น ทำงานเป็นหลักแหล่ง ตั้งบ้านเรือนเป็นหลักแหล่ง.
หลักแหลม หลักแหลม ว. คมคาย เช่น วาจาหลักแหลม, เฉียบแหลม เช่น ความคิดหลักแหลม, แหลมหลัก ก็ว่า.
หลัง,หลัง ๑ หลัง ๑ น. ซีกของกายที่ตรงข้ามกับหน้าอก; ด้านที่อยู่ตรงข้ามกับด้านหน้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง; ส่วนเบื้องบน เช่น หลังมือ หลังเท้า.<2t>ว. อยู่ตรงข้ามกับ ข้างหน้า, ตรงข้ามกับ ก่อน (ใช้แก่เวลาที่ผ่านพ้นไปแล้ว), ในลําดับถัดไป เช่น คนหลัง; ลักษณนามเรียกเรือนหรือสิ่งที่มีลักษณะอย่างเรือนว่า หลัง เช่น เรือนหลังหนึ่ง ศาลา ๒ หลัง.
หลัง,หลัง ๒ หลัง ๒ ก. หลง มักใช้เข้าคู่กับคํา บ้า เป็น บ้าหลัง.
หลั่ง หลั่ง ก. ไหลลงหรือทําให้ไหลลงไม่ขาดสาย เช่น หลั่งน้ำตา หลั่งน้ำสังข์.
หลังเขียว หลังเขียว ดู กุแล.
หลังคา หลังคา น. ส่วนเบื้องบนของเรือนเป็นต้น สําหรับบังแดดและฝน.
หลังคาเรือน หลังคาเรือน น. เรือนหรืออาคารที่ถือเอาทะเบียนบ้านเป็นหลักในการนับ เช่น หมู่บ้านนี้มี ๓๐ หลังคาเรือน.
หลังจาก หลังจาก สัน. ภายหลัง.
หลังฉัตร หลังฉัตร น. ส่วนที่เป็นพื้นราบรอบปุ่มฆ้อง, ชานฉัตร ก็ว่า.
หลังฉาก หลังฉาก (สำ) ว. ที่ไม่แสดงให้ปรากฏเปิดเผย เช่น เขาทำเป็นเศรษฐีใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ฐานะหลังฉากเต็มไปด้วยหนี้สิน, ตรงข้ามกับ หน้าฉาก.<2t>น. ความเป็นไปหรือพฤติกรรมที่ไม่เปิดเผย, ตรงข้ามกับ หน้าฉาก.
หลังเต่า หลังเต่า ว. มีลักษณะนูนโค้งขึ้น เช่น ถนนเป็นหลังเต่า ทับทิมเม็ดนี้เจียระไนแบบหลังเต่า.<2t>น. สันดอน.
หลังบ้าน หลังบ้าน (ปาก) น. ภรรยาของผู้มีอำนาจในวงราชการบ้านเมือง.
หลังยาว หลังยาว (สำ) ว. เรียกคนเกียจคร้านเอาแต่นอนว่า ขี้เกียจหลังยาว, ขี้เกียจสันหลังยาว ก็ว่า.
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน (สำ) ว. ที่ต้องตรากตรำทำงานหนัก มักหมายถึง ชาวไร่ชาวนา ซึ่งในเวลาทำไร่ทำนาหลังต้องสู้กับแดด และหน้าต้องก้มลงดิน.
หลั่งไหล หลั่งไหล ก. ไหลมาเทมา, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ผู้คนหลั่งไหลกันมามืดฟ้ามัวดิน.
หลัด ๆ หลัด ๆ ว. เมื่อไว ๆ, เมื่อเร็ว ๆ นี้.
หลั่น หลั่น ว. สูงตํ่าหรือก่อนหลังกันเป็นลําดับ, มักใช้เข้าคู่กับคํา ลด เป็น ลดหลั่น.<2t>ก. อาการที่ควั่นปลายเสาให้เหลือเป็นเดือยสำหรับรับขื่อ เรียกว่า หลั่นหัวเทียน.
หลับ หลับ ก. อาการพักผ่อนของร่างกายที่มีการรับรู้สภาพแวดล้อมน้อยลง.
หลับตา หลับตา ก. ปิดกลีบตา, โดยปริยายหมายถึงอาการที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้อย่างง่าย ๆ เพราะมีความเคยชินหรือมีความชำนาญมาก เช่น เรื่องอย่างนี้หลับตาทำก็ได้; อาการที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลวก ๆ ไม่เรียบร้อย เช่น ทำรายงานอย่างกับหลับตาทำ, เดา เช่น หลับตาพูด.
หลับนก หลับนก ก. นั่งหลับ.
หลับใน หลับใน ก. หลับในใจ.<2t>ว. อาการที่คล้าย ๆ กับหลับ แต่ตายังลืมอยู่.
หลับหูหลับตา หลับหูหลับตา ก. อาการที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างลวก ๆ โดยไม่พินิจพิเคราะห์ให้รอบคอบเสียก่อน เช่น รายงานนี้ดูคล้ายกับหลับหูหลับตาทำ; อาการที่ไม่รับรู้เหตุการณ์ใด ๆ เลย เช่น เรื่องนี้เขารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว คุณมัวไปหลับหูหลับตาอยู่เสียที่ไหน; อาการที่ต้องแข็งใจหรือฝืนใจทำ เช่น แม้ว่าอาหารจะไม่อร่อยก็ต้องหลับหู หลับตากลืนเข้าไป.
หลัว,หลัว ๑ หลัว ๑ [หฺลัว] น. ภาชนะสานรูปคล้ายทรงกระบอก ก้นสอบปากผาย มีหูที่ขอบปาก ๒ ข้าง.
หลัว,หลัว ๒,หลัว ๆ หลัว ๒, หลัว ๆ [หฺลัว] ว. มัว, ไม่แจ่ม, ไม่กระจ่าง, เช่น ตอนเช้าใกล้สว่าง อากาศยังหลัว ๆ อยู่ มองอะไรไม่ค่อยชัด, ใช้ว่า สลัว ก็มี.
หลัว,หลัว ๓ หลัว ๓ [หฺลัว] (ถิ่น-พายัพ) น. ฟืน, ฟืนไม้ไผ่.
หลา หลา [หฺลา] น. มาตราวัด คือ ๓ ฟุต เป็น ๑ หลา เท่ากับ ๐.๙๑ เมตร.
หล้า หล้า น. โลก, แผ่นดิน.
หลาก หลาก ว. ต่าง ๆ เช่น หลากสี, แปลก, ประหลาด, เช่น หลากใจ.<2t>ก. ไหลมากผิดปรกติโดยกะทันหัน เช่น นํ้าหลาก.
หลากใจ หลากใจ ว. แปลกใจ, ประหลาดใจ.
หลากหลาย หลากหลาย ว. หลายอย่างต่าง ๆ กัน, หลายหลาก ก็ว่า.
หลาทะ หลาทะ [หะลาทะ] ก. ชอบใจ, พอใจ. (ส.).
หลาน หลาน น. ลูกของลูก; ลูกของพี่หรือของน้อง.
หลานหลวง หลานหลวง น. หลานของพระเจ้าแผ่นดิน.
หลาบ,หลาบ ๑ หลาบ ๑ ก. เข็ด, ขยาดกลัว, มักใช้เข้าคู่กับคำ เข็ด เป็น เข็ดหลาบ.
หลาบ,หลาบ ๒ หลาบ ๒ (โบ) น. แผ่นโลหะที่ทำเป็นแผ่นคล้ายใบลาน ใช้ในการจารึก เช่น หลาบเงิน คือ หิรัญบัฏ หลาบคำ คือ สุพรรณบัฏ.
หลาบจำ หลาบจำ ก. เข็ดจนไม่กล้าทําอีกต่อไป.
หลาม,หลาม ๑ หลาม ๑ น. ชื่องูขนาดใหญ่ชนิด Python molurus ในวงศ์ Pythonidae ตัวอ้วน หางสั้น โตเต็มวัยยาวประมาณ ๔.๕ เมตร ลายสีนํ้าตาล ที่กลางหัวมีเส้นสั้น ๆ สีอ่อน ซึ่งมักเรียกว่า ศรขาว ออกหากินในเวลากลางคืน ไม่มีพิษ.
หลาม,หลาม ๒ หลาม ๒ ก. เอาของใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเผาไฟให้สุก เช่น หลามข้าว, เรียกข้าวเหนียวที่บรรจุในกระบอกไม้ไผ่แล้วเผาให้สุกว่า ข้าวหลาม; ล้นแผ่เลยออกมา เช่น คนไปฟังปาฐกถาล้นหลามออกมานอกห้อง, โดยปริยายหมายความว่า ใหญ่เกินพอดี เช่น พุงหลาม.
หลามยา หลามยา (โบ) ก. เอาสมุนไพรมีใบไม้สดเป็นต้น ใส่กระบอกไม้ไผ่แล้วเผาไฟให้สุก.
หลาย,หลาย ๑ หลาย ๑ ว. มาก, บางทีใช้คู่กับคำ มาก เป็น มากหลาย.
หลาย,หลาย ๒ หลาย ๒ น. ชื่อไม้ต้นชนิด Grewia paniculata Roxb. ในวงศ์ Tiliaceae ผลออกเป็นพวงที่ปลายกิ่ง สุกสีดํา กินได้.
หลายเติบ หลายเติบ ว. มากโข.
หลายหลาก หลายหลาก ว. หลายอย่างต่าง ๆ กัน, หลากหลาย ก็ว่า.
หลายแหล่ หลายแหล่ ว. มากมาย.
หลาว หลาว น. ไม้ที่เสี้ยมแหลม เป็นอาวุธสําหรับแทง, โดยปริยายเรียกสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น หลาวทองเหลือง.<2t>ว. เรียกอาการที่พุ่งตัวพร้อมกับเหยียดแขนทั้ง ๒ ไปข้างหน้าว่า พุ่งหลาว.
หลาวเหล็ก หลาวเหล็ก น. เรียกทิศที่โหรถือว่าไม่ดี.
หลาหละ หลาหละ [หะลาหะละ] น. ยาพิษ.<2t>ว. ร้ายแรง, กล้าแข็งมาก, เข้มแข็ง. (ป.).
หลิกะ หลิกะ [หะลิกะ] น. คนไถนา, ชาวนา. (ส.).
หลิ่ง หลิ่ง [หฺลิ่ง] น. ตลิ่ง.
หลิท หลิท [หะลิด] น. ขมิ้น. (ป. หลิทฺท; ส. หริทฺธ).
หลิน หลิน [หฺลิน] น. ชื่อแพรจีน มีหลายชนิด.
หลิม,หลิม ๑ หลิม ๑ [หฺลิม] ว. แหลมเล็กผิดส่วน ในคำว่า คางหลิม หัวหลิม หัวหลิมท้ายหลิม.
หลิม,หลิม ๒ หลิม ๒ [หฺลิม] (ถิ่น-พายัพ) น. ปลาช่อน. (ดู ช่อน).
หลิว หลิว น. ชื่อไม้ต้นชนิด Salix babylonica L. ในวงศ์ Salicaceae ดอกออกเป็นช่อ กิ่งและใบห้อยลง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ.
หลิ่ว หลิ่ว ว. เดี่ยว, หนึ่ง, เช่น นกเขาหลิ่ว คือ นกเขาขันเสียงเดียว.
หลิ่วตา หลิ่วตา ก. หรี่ตาลงข้างหนึ่ง เพื่อเล็งดูด้วยตาอีกข้างหนึ่ง, โดยปริยายหมายถึงให้สัญญาณด้วยอาการเช่นนั้นเพื่อให้ลงมือทําการหรือไม่ทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเพื่อแสดงอาการล้อเลียนหยอกล้อ.
หลี หลี [หฺลี] น. ชื่อมาตราจีน คือ ๑๐ หลี เป็น ๑ หุน.
หลีก หลีก ก. หลบสิ่งที่กีดขวาง, เลี่ยง, ขยับไปให้พ้นที่เดิม, ให้ทาง.
หลีโก หลีโก ดู ไน ๒. (จ.).
หลีบ หลีบ น. ชื่อขลุ่ยชนิดหนึ่งมีเสียงสูง เรียกว่า ขลุ่ยหลีบ.
หลีฮื้อ หลีฮื้อ ดู ไน ๒. (จ.).
หลืบ หลืบ น. ช่องที่เป็นชั้น ๆ เข้าไป เช่น หลืบถ้ำ, สิ่งที่เหลื่อมกันเป็นชั้น ๆ เช่น หลืบหลังคา.
หลุกหลิก หลุกหลิก [หฺลุกหฺลิก] ว. อาการที่ลุกลน, อยู่ไม่สุข, ไม่เรียบร้อย, ไม่สุภาพ, เช่น เขาเป็นคนมีกิริยาหลุกหลิก.
หลุด หลุด ก. ออกจากที่ที่ติดอยู่ เช่น พลอยหลุดจากหัวแหวน, พ้นจากความควบคุมอยู่ เช่น หลุดจากที่คุมขัง; (กฎ) ขาดกรรมสิทธิ์ เช่น เอาทรัพย์จํานําหลุดเป็นสิทธิ.
หลุดปาก หลุดปาก ก. พลั้งปาก.
หลุดพ้น หลุดพ้น ก. เป็นอิสระจากสิ่งผูกมัด เช่น หลุดพ้นจากกิเลส หลุดพ้นจากคดี.
หลุดมือ หลุดมือ ก. หลุดไปจากมือ เช่น ปลาหลุดมือไป, โดยปริยายหมายความว่าสูญเสียสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น พอมีการเปลี่ยนรัฐบาล ตำแหน่งของเขาก็หลุดมือไป, คาดว่าจะได้แต่ไม่ได้ เช่น ตำรวจคาดว่าจะจับผู้ร้ายได้ แต่ไปถึงผิดเวลาไปหน่อยเดียว ผู้ร้ายจึงหลุดมือไปได้.
หลุดลอย หลุดลอย ก. พ้นจากที่ยึดไว้แล้วล่องลอยไป เช่น เรือที่ผูกไว้กับหลัก พอถูกคลื่นซัดก็หลุดลอยไป, โดยปริยายหมายความว่า ขาดพ้นไป, สูญสิ้นไป, หมดโอกาสที่จะได้, เช่น ลาภที่ควรได้หลุดลอยไป โอกาสหลุดลอยไป.
หลุดลุ่ย หลุดลุ่ย ก. คลายตัวหลุดเลื่อนไปจากสภาพเดิม เช่น ผมหลุดลุ่ย เสื้อผ้าหลุดลุ่ย.<2t>ว. ไม่มีทางสู้ เช่น แพ้หลุดลุ่ย คะแนนทิ้งห่างกันหลุดลุ่ย.
หลุน ๆ หลุน ๆ ว. เร็ว ๆ เช่น ก้อนหินตกจากยอดเขากลิ้งหลุน ๆ ลงมา เด็กวิ่งหลุน ๆ หัวซุกหัวซุน.
หลุบ หลุบ [หฺลุบ] ก. ลู่ลงมา, ปกลงมา, เช่น ผมหลุบหน้า หนังตาหลุบ.
หลุบลู่ หลุบลู่ [หฺลุบ-] ว. ซุบซู่, ซอมซ่อ; ที่ปกลงมาอย่างไม่เรียบร้อย เช่น เสื้อผ้าหลุบลู่เพราะเปียกฝนโชก.
หลุม หลุม [หฺลุม] น. ที่ซึ่งมีลักษณะเป็นบ่อ มักมีขนาดเล็กและตื้น, ที่ซึ่งขุดลงไปในพื้นดิน มีลักษณะตามต้องการเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น หลุมเสา หลุมเผาถ่าน.
หลุมโจน หลุมโจน น. หลุมสําหรับลวงให้ปลากระโดดลงไป.
หลุมพราง หลุมพราง น. หลุมที่ทําลวงไว้; โดยปริยายหมายความว่า เล่ห์กล หรือ อุบาย.
หลุมพอ หลุมพอ น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Intsia palembanica Miq. ในวงศ์ Leguminosae ขึ้นตามป่าดิบทางภาคใต้ เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง, กะลําพอ หรือ ตะลุมพอ ก็เรียก.
หลุมพี หลุมพี (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นกะลุมพี. (ดู กะลุมพี).
หลุมเสือก หลุมเสือก น. หลุมที่ตรงปากใช้โคลนหรือดินเหนียวทำให้ลื่นเพื่อให้ปลาเสือกตัวลงไป.
หลุมหลบภัย หลุมหลบภัย น. หลุมที่ใช้สำหรับกําบังภัยทางอากาศ.
หลุมอากาศ หลุมอากาศ น. บริเวณอากาศบางเป็นเหตุให้เครื่องบินเสียระดับโดยกะทันหัน.
หลู่ หลู่ ก. ลบคุณ, ดูถูก, ไม่นับถือ, เช่น หลู่คุณ หลู่เกียรติ.
หลู่หลี่ หลู่หลี่ ว. โลเล; ไม่ใคร่กลัวใคร.
หวง หวง ก. ไม่อยากให้, สงวนไว้, กันไว้.
ห่วง ห่วง น. เครื่องคล้อง เช่น ห่วงประตู, ของที่เป็นวง.<2t>ก. ผูกพัน, กังวลถึง, มีใจพะวงอยู่.
ห้วง ห้วง น. ช่วง, ระยะ, ตอน.
หวงก้าง หวงก้าง ก. หวงของที่ตนไม่มีสิทธิ์, กันท่าคนอื่นในสิ่งที่ตนได้ใช้ประโยชน์แล้วหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้.
ห่วงคล้องคอ ห่วงคล้องคอ น. ความรับผิดชอบที่ผูกพันอยู่.
หวงตัว หวงตัว ก. รักนวลสงวนตัว เช่น เป็นลูกผู้หญิงต้องรู้จักหวงตัว, ไม่ยอมให้ถูกเนื้อต้องตัว เช่น เด็กคนนี้หวงตัว ไม่ยอมให้คนแปลกหน้าอุ้ม.
ห้วงน้ำ ห้วงน้ำ น. ทะเลหรือแม่นํ้าตอนที่กว้างใหญ่.
ห่วงใย ห่วงใย ก. มีใจพะวงอยู่, มีทุกข์กังวลอยู่.
ห่วงหน้าพะวงหลัง,ห่วงหน้าห่วงหลัง ห่วงหน้าพะวงหลัง, ห่วงหน้าห่วงหลัง ก. พะว้าพะวัง.
หวงห้าม หวงห้าม ก. กันไว้โดยเฉพาะ เช่น ผลไม้ในสวนนี้เจ้าของไม่หวงห้าม จะเก็บไปกินก็ได้.<2t>ว. ที่กันไว้โดยเฉพาะ เช่น เขตหวงห้าม เข้าได้เฉพาะผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง.
หวงแหน หวงแหน [-แหนฺ] ก. หวงมาก เช่น หนังสือเล่มนี้หายาก เจ้าของหวงแหนเหลือเกิน.
หวด,หวด ๑ หวด ๑ น. ภาชนะอย่างหนึ่งสําหรับนึ่งของ ทำด้วยดินเผา ไม้ไผ่สาน เป็นต้น.
หวด,หวด ๒ หวด ๒ ก. ฟาด, ตีแรง ๆ, โบย.
หวน หวน ก. เวียนกลับ เช่น ลมหวน.
ห้วน,ห้วน ๆ ห้วน, ห้วน ๆ ว. สั้น ๆ, ไม่มีหางเสียง, เช่น พูดห้วน ๆ, มีลักษณะที่จบลงอย่างรวบรัด เช่น บทความเรื่องนี้จบลงอย่างห้วน ๆ.
หวนคำนึง หวนคำนึง น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
หวย หวย (ปาก) น. หวย ก ข; สลากกินแบ่ง.
ห้วย ห้วย น. แอ่งน้ำลึกกว้างมีทางน้ำไหลจากภูเขามาขังอยู่ตลอดปี หรือแห้งบ้างเป็นบางคราว.
หวย ก ข หวย ก ข น. การพนันอย่างหนึ่ง ที่ออกเป็นตัวหนังสือ คือ ใช้พยัญชนะในภาษาไทยตั้งแต่ ก ถึง ฮ เป็นหลัก โดยตัดออกเป็นบางตัว เหลือเพียง ๓๖ ตัว ตัวที่ออกเสียงเหมือนกันจะตั้งชื่อให้ต่างกัน เช่น ข ง่วยโป๊ ฃ เจี่ยมกวย ค หะตั๋ง ฅ เม่งจู ฆ ยิดซัว ทั้งนี้เพราะได้นำวิธีเล่นหวยของจีนมาปรับปรุงใช้, หวย ก็เรียก.
หวยเบอร์ หวยเบอร์ (ปาก) น. สลากกินแบ่ง.
หวอ หวอ [หฺวอ] ว. เปิดเป็นช่องเป็นโพรง เช่น นั่งอ้าปากหวอ; ให้สัญญาณเสียงดังเช่นนั้น.
หวอด หวอด น. ฟองนํ้าที่ปลาบางชนิดมีปลากัด ปลาช่อนเป็นต้น พ่นไว้สําหรับเก็บไข่.<2t>ว. อาการที่หาวทำเสียงดังเช่นนั้น ในคำว่า หาวหวอด.
หว็อย ๆ หว็อย ๆ ว. อาการที่ชายผ้าหรือใบไม้เป็นต้นถูกลมพัดปลิวสะบัดหรือปลิวพลิกไปมา.
หวะ หวะ ว. เป็นแผลลึก เช่น ถูกฟันหลังหวะ.
หวัง หวัง ก. คาดว่าจะได้, ปองไว้, หมายไว้.
หวังใจ,หวังใจว่า หวังใจ, หวังใจว่า ก. คาดว่า (มักใช้ในทางที่ดี) เช่น ข้าพเจ้าหวังใจว่าท่านคงจะประสบความสำเร็จ.
หวังดี หวังดี ก. มีความปรารถนาที่ดี.
หวัด,หวัด ๑ หวัด ๑ น. อาการที่เยื่อของอวัยวะที่เป็นเครื่องหายใจอักเสบ มักทําให้เสียงแห้งและนํ้ามูกไหล.
หวัด,หวัด ๒,หวัด ๆ หวัด ๒, หวัด ๆ ว. ไม่บรรจง เช่น เขียนหวัด, คร่าว ๆ เช่น ร่างภาพอย่างหวัด ๆ, สะเพร่า, ไม่ตั้งใจทําให้เรียบร้อย, เช่น ทํางานหวัด ๆ.
หวั่น หวั่น ก. พรั่น, มีอาการกริ่งเกรงไป.
หวั่นกลัว,หวั่นเกรง หวั่นกลัว, หวั่นเกรง ก. หวั่นวิตกไปเอง, นึกกลัวไปเอง.
หวั่นใจ หวั่นใจ ก. มีความรู้สึกพรั่นใจไปเอง, มีอาการกริ่งเกรงไป.
หวันยิหวา หวันยิหวา น. ชีวิต, ดวงวิญญาณ. (ช.).
หวั่นวิตก หวั่นวิตก ก. มีความรู้สึกกังวลใจ.
หวั่นหวาด หวั่นหวาด ก. พรั่นกลัว, สะดุ้งกลัว, หวาดหวั่น ก็ว่า.
หวั่นไหว หวั่นไหว ก. สั่นสะเทือน, โอนเอน, เช่น จิตใจหวั่นไหวไปตามอารมณ์, ครั่นคร้าม เช่น ไม่หวั่นไหวต่อภยันตรายใด ๆ.<2t>ว. อาการที่สั่นสะเทือนมาก (ใช้แก่เสียง) เช่น เสียงดังสนั่นหวั่นไหว.
หวัว,หวัวร่อ,หวัวเราะ หวัว, หวัวร่อ, หวัวเราะ ดู หัว ๑.
หวา,หว่า,หว่า ๑ หวา, หว่า ๑ ว. คําประกอบท้ายเพื่อเน้นความ เช่น ไปไหนหวา.
หว่า,หว่า ๒ หว่า ๒ ว. คำประกอบท้ายแสดงความแคลงใจเป็นต้น เช่น หายไปไหนหว่า.
หว่า,หว่า ๓ หว่า ๓ ว. เปล่า, ว้าเหว่.
หว้า,หว้า ๑ หว้า ๑ น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Syzygium eumini (L.) Skeels. ในวงศ์ Myrtaceae ผลสุกสีม่วงดํา กินได้.
หว้า,หว้า ๒ หว้า ๒ น. ชื่อนกขนาดใหญ่ชนิด Argusianus argus ในวงศ์ Phasianidae ตัวสีน้ำตาล หนังบริเวณใบหน้าและคอสีฟ้า ตัวผู้หางยาวและมีแววขนที่ปีก ในฤดูผสมพันธุ์จะรำแพนปีกเกี้ยวตัวเมียโดยสร้างอาณาเขตเดินเป็นวงกลม เรียกว่า ลานนกหว้า.
หวาก หวาก ว. เสียงร้องดัง ๆ อย่างเสียงเด็กร้องไห้, ว้าก ก็ว่า.
หว่าง หว่าง น. ช่องว่างจากจุดหนึ่งถึงอีกจุดหนึ่ง เช่น หว่างคิ้ว หว่างเขา.
หวาด หวาด ก. สะดุ้งกลัว, กริ่งเกรง, เสียว, หวั่น.
หวาดกลัว,หวาดเกรง หวาดกลัว, หวาดเกรง ก. มีความรู้สึกกริ่งเกรง, รู้สึกสะดุ้งกลัว.
หวาดผวา หวาดผวา ก. หวาดสะดุ้งเพราะตกใจกลัว.
หวาดระแวง หวาดระแวง ก. หวั่นเกรงสงสัยไปเอง.
หวาดวิตก หวาดวิตก ก. มีความกังวลใจด้วยความหวาดกลัว.
หวาดเสียว หวาดเสียว ก. รู้สึกวาบในหัวใจด้วยความกลัว, หวาดกลัวจนขนลุกขนชัน.<2t>ว. ที่น่าหวาดกลัวจนขนลุกขนชัน เช่น เรื่องหวาดเสียว.
หวาดหวั่น หวาดหวั่น ก. พรั่นกลัว, สะดุ้งกลัว, หวั่นหวาด ก็ว่า.
หวาดไหว หวาดไหว ว. หมดสิ้น เช่น งานตั้งมากมายใครจะทำหวาดไหว, มักใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่หวาดไม่ไหว หรือ ไม่หวาดไหว หมายความว่า ไม่รู้จักหมด เช่น กินไม่หวาดไม่ไหว.
หวาน,หวาน ๑ หวาน ๑ ว. มีรสอย่างรสนํ้าตาล; เพราะ เช่น หวานหู เสียงหวาน, ชุ่มชื่น, ที่รัก เช่น หวานใจ; น่ารักชวนมอง เช่น หน้าหวาน; อ่อนสดใส ในคำว่า สีหวาน; (ปาก) ที่ทำได้ง่าย, ที่ทำได้สะดวก, เช่น เลขข้อนี้หวานมาก.<2t>ก. ชำรุดไม่กินเกลียวกัน ในคำว่า เกลียวหวาน.
หวาน,หวาน ๒ หวาน ๒ น. ผักหวาน.
หว่าน หว่าน ก. โปรย เช่น หว่านทาน, สาดให้กระจาย, เช่น หว่านข้าวเปลือก, โดยปริยายหมายความว่า แจกจ่ายไปทั่ว ๆ เช่น หว่านเงิน.
หวานคอแร้ง หวานคอแร้ง (ปาก) ว. ที่ทำได้ง่ายมาก, ที่ทำได้สะดวกมาก, คล่องมาก.
หวานนอกขมใน หวานนอกขมใน (สำ) ก. พูด ทำ หรือแสดงให้เห็นว่าดีแต่ภายนอก แต่ในใจกลับตรงข้าม.
หวานเป็นลม ขมเป็นยา หวานเป็นลม ขมเป็นยา (สำ) น. คำชมมักไร้สาระทำให้ลืมตัวขาดสติ แต่คำติมักเป็นประโยชน์ทำให้ได้คิด.
หว่านพืชหวังผล หว่านพืชหวังผล (สำ) ก. ให้ผลประโยชน์แก่ผู้อื่นเพื่อหวังผลตอบแทน.
หวานเย็น หวานเย็น น. ของกินเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ทำด้วยน้ำหวานหรือน้ำกะทิเป็นต้น แล้วทำให้แข็งด้วยความเย็น.<2t>(ปาก) ว. ที่แล่นไปช้า ๆ อย่างไม่รีบร้อน (มักใช้แก่รถไฟ รถประจำทาง) เช่น รถไฟขบวนหวานเย็น.
หว่านล้อม หว่านล้อม ว. ตะล่อมเข้ามาตามที่ต้องการ (มักใช้แก่กริยาพูด) เช่น พูดหว่านล้อม เจรจาหว่านล้อม.
หวานลิ้นกินตาย หวานลิ้นกินตาย (สำ) ก. หลงเชื่อคำพูดเพราะ ๆ หรือคำสรรเสริญเยินยอ จะได้รับความลำบากในภายหลัง.
หวานอมขมกลืน หวานอมขมกลืน (สำ) ก. ตกอยู่ในฐานะที่จำต้องยอมรับ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พอใจหรือไม่พอใจก็ตาม.
หวาม หวาม ว. อาการที่รู้สึกเสียวในใจ.
หวาย หวาย น. (๑) ชื่อเรียกปาล์มหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Palmae ขึ้นเป็นกอ ลําต้นยาวทอดเลื้อย ผิวเกลี้ยงเหนียว กาบและก้านใบมีหนาม เช่น หวายตะค้าทอง (Calamus caesius Blume), หวายขม (C. viminalis Willd.) หัวใช้ทํายาได้, หวายนํ้า (Daemonorops angustifolia Mart.).<2t>(๒) ชื่อกล้วยไม้ในสกุล Dendrobium วงศ์ Orchidaceae เช่น หวายตะมอย.
หวายดิน หวายดิน ดู โคคลาน.
หวายตะมอย หวายตะมอย น. (๑) ชื่อกล้วยไม้ชนิด Dendrobium crumenatum Sw. ในวงศ์ Orchidaceae ดอกสีขาว หอม ใช้ทํายาได้.<2t>(๒) ดู ตะเข็บ ๓.
หวำ หวำ ว. บุ๋มลงไป เช่น ผอมจนแก้มหวำ เนื้อตะโพกหวำ, ลึกไม่มาก, เป็นแอ่ง เช่น พื้นดินหวำ.
หวิด หวิด ว. เฉียด, จวนเจียน, เกือบ, เช่น หวิดถูกลอตเตอรี่, หวุดหวิด ก็ว่า.
หวิว,หวิว ๆ หวิว, หวิว ๆ ว. มีความรู้สึกที่ดูเหมือนใจจะขาดไป เช่น รู้สึกใจหวิวคล้ายจะเป็นลม, มีความรู้สึกหวาดอย่างใจหาย เช่น ขึ้นไปในที่สูง ๆ ใจมักจะหวิว ๆ; มีเสียงดังเช่นนั้น เช่น ลมพัดหวิว ๆ.
หวี หวี น. ของใช้ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นซี่ ๆ เรียงต่อกันเป็นปื้น ใช้สางผมหรือเส้นด้ายเป็นต้น; กลุ่มผลกล้วยที่มีขั้วติดเรียงกันอยู่; โดยปริยายเรียกสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น.<2t>ก. แต่งผมด้วยหวี, สางผม.
หวี่ หวี่ น. ชื่อแมลงขนาดเล็กหลายชนิดในวงศ์ Drosophilidae ตัวยาว ๓-๔ มิลลิเมตร มักมีสีนํ้าตาลอมแดง ตาสีแดง มีปีกใสคู่เดียว มักตอมผลไม้หรือผักเน่าเปื่อย ที่พบมากที่สุดเป็นชนิด Drosophila melanogaster นิยมใช้เป็นสัตว์ทดลองในการศึกษาทางพันธุศาสตร์ของสัตว์.<2t>ว. มีเสียงอย่างเสียงแมลงหวี่กระพือปีก.
หวีด หวีด น. เครื่องสําหรับใช้เป่าให้มีเสียงดังเช่นนั้น เรียกว่า นกหวีด.<2t>ว. มีเสียงร้องดังเช่นนั้น โดยมากเป็นเสียงผู้หญิง.
หวือ หวือ ว. มีเสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงสะเก็ดไม้กระเด็นอย่างแรง.
หวุดหวิด หวุดหวิด ว. เฉียด, จวนเจียน, เกือบ, หวิด ก็ว่า.
หวุม หวุม ว. บุ๋ม, บํ๋า, โบ๋.
หวูด หวูด น. เครื่องเปิดไอนํ้าให้มีเสียงดังเช่นนั้น.<2t>ว. มีเสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงเปิดหวูด.
หสน,หสน- หสน- [หะสะนะ-] น. การหัวเราะ, ความรื่นเริง. (ป., ส.).
หอ หอ น. เรือนหรืออาคารซึ่งใช้เฉพาะกิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น หอพระ หอนั่ง หอสมุด; เรือนซึ่งปลูกสําหรับให้คู่บ่าวสาวที่แต่งงานกันแล้วอยู่ เรียกว่า เรือนหอ.
ห่อ ห่อ ก. พันหรือหุ้มสิ่งของด้วยใบไม้หรือกระดาษเป็นต้น; ลักษณนามเรียกของที่หุ้มด้วยใบไม้หรือกระดาษเป็นต้น เช่น ขนมห่อหนึ่ง ข้าว ๒ ห่อ.
ห้อ ห้อ ก. วิ่งเต็มเหยียด, วิ่งเต็มที่.
หอก หอก น. อาวุธสําหรับแทงชนิดหนึ่ง ทําด้วยโลหะ มีด้ามยาว.
หอกข้างแคร่ หอกข้างแคร่ (สํา) น. คนใกล้ชิดที่อาจคิดร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ได้ มักใช้แก่ลูกเลี้ยงที่ติดมากับพ่อหรือแม่, ศัตรูที่อยู่ข้างตัว.
หอกซัด หอกซัด น. หอกด้ามสั้น สําหรับใช้พุ่งหรือซัดไป.
หอการค้า หอการค้า (กฎ) น. สถาบันที่บุคคลหลายคนจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้า อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การเงินหรือเศรษฐกิจ อันมิใช่เป็นการหาผลกําไรหรือรายได้แบ่งปันกัน.
หอคอย หอคอย น. อาคารสูงที่สร้างขึ้นสําหรับคอยระวังเหตุและสังเกตการณ์.
หอคำ หอคำ น. เรือนของเจ้าผู้ครองแคว้นฝ่ายเหนือ.
หอง,หอง ๑ หอง ๑ น. ชื่อแกงอย่างจีนชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อหมูเป็นต้นต้มกับดอกไม้จีนหรือหน่อไม้แห้งและถั่วลิสง.
หอง,หอง ๒ หอง ๒ ก. ส่งให้สูงขึ้น, แต่งให้สูงขึ้น. (จ.).
ห้อง ห้อง น. ส่วนของเรือนหรือตึกเป็นต้นที่มีฝากั้นเป็นตอน ๆ; ตอน เช่น พระพุทธคุณเก้าห้อง; ชั้น เช่น ห้องฟ้า.
ห้องเครื่อง ห้องเครื่อง (ราชา; ปาก) น. ครัว, เรียกเต็มว่าห้องเครื่องวิเสท, ห้องสำหรับเก็บเครื่องราชูปโภค, เรียกเต็มว่า ห้องเครื่องราชูปโภค; ห้องเครื่องยนต์เรือเป็นต้น.
ห้องชุด ห้องชุด (กฎ) น. ส่วนของอาคารชุดที่แยกการถือกรรมสิทธิ์ออกได้เป็นส่วนเฉพาะของแต่ละบุคคล.
ห้องแถว ห้องแถว น. อาคารไม้ที่สร้างเป็นห้อง ๆ เรียงติดกันเป็นแถว, ถ้าก่อด้วยอิฐฉาบปูนหรือคอนกรีตเป็นห้อง ๆ เรียงติดกันไปเรียกว่า ตึกแถว; (กฎ) อาคารที่พักอาศัยหรืออาคารพาณิชย์ซึ่งปลูกสร้างติดต่อกันเป็นแถวเกิน ๒ ห้อง และประกอบด้วยวัตถุไม่ทนไฟเป็นส่วนใหญ่.
ห้องโถง ห้องโถง น. ห้องขนาดใหญ่ที่ปล่อยไว้โล่ง ๆ.
ห้องน้ำ ห้องน้ำ น. ห้องอาบนํ้า, ส้วม.
ห้องสมุด,หอสมุด ห้องสมุด, หอสมุด น. ห้องหรืออาคารที่มีระบบจัดเก็บรวบรวมรักษาหนังสือประเภทต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมทั้งต้นฉบับ ลายมือเขียน ไมโครฟิล์ม เป็นต้น เพื่อใช้เป็นที่ค้นคว้าหาความรู้.
หอจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุ น. สถานที่เก็บและให้บริการเอกสารจดหมายเหตุ.
หอฉัน หอฉัน น. อาคารที่สร้างขึ้นในวัด เป็นที่สำหรับพระภิกษุสามเณรนั่งฉันอาหารและทำวัตรสวดมนต์เป็นต้น.
ห่อตัว ห่อตัว ก. งอตัว; ก้มนิดหน่อยพร้อมทั้งโค้งไหล่เข้าหากัน.
หอไตร หอไตร น. หอสําหรับเก็บพระไตรปิฎก.
หอน หอน ก. ร้องเสียงยาวโหยหวน (ใช้แก่หมา), (ปาก) เสียงวี้ดหรือกรี๊ดจากเครื่องยนต์หรือเครื่องขยายเสียงเป็นต้น.
ห่อน ห่อน ว. เคย เช่น ไป่ห่อนเหลือคิดข้า คิดผิด แม่นา. (ลอ), ในคําประพันธ์บางคราวใช้แทน ไม่ เช่น สาลิกามาตามคู่ ชมกันอยู่สู่สมสมร แต่พี่นี้อาวรณ์ ห่อนเห็นเจ้าเศร้าใจครวญ. (เห่ชมนก).
หอบ,หอบ ๑ หอบ ๑ ก. เอาแขนทั้ง ๒ ข้างรวบสิ่งของไป; ขนสมบัติย้ายไป เช่น หอบข้าวหอบของ หอบลูกหอบเต้า; พัดพาไป เช่น ลมหอบเมฆฝนไปหมด.<2t>น. ปริมาณของฟืนหรือผักหญ้าเป็นต้นที่พอ ๒ แขนรวบได้ เรียกว่า หอบหนึ่ง.
หอบ,หอบ ๒ หอบ ๒ ก. หายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย.
หอบหิ้ว หอบหิ้ว ก. ทั้งหอบทั้งหิ้ว; ร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน เช่น คนคู่นี้ถึงจะยากจนอย่างไรเขาก็หอบหิ้วกันไป.
หอบหืด หอบหืด ก. อาการหายใจไม่สะดวก มีเสียงหวีดหวือ เนื่องจากหลอดลมหดเกร็ง มักเกิดในผู้ป่วยโรคหืด.
หอบังคับการ หอบังคับการ น. ที่ซึ่งผู้บังคับการเรือและนายทหารเรือร่วมกันปฏิบัติงานควบคุมและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจําเรือแผนกต่าง ๆ ปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย.
หอประชุม หอประชุม น. ห้องประชุมขนาดใหญ่.
ห่อปาก ห่อปาก ก. ทำริมฝีปากให้รวบเข้าหากันเป็นช่องกลม.
หอพัก หอพัก น. ที่พักอาศัยสําหรับนักเรียนนักศึกษาเป็นต้น; (กฎ) สถานที่ที่จัดขึ้นเพื่อรับผู้พักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก.
หอม,หอม ๑ หอม ๑ น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวหลายชนิดในสกุล Allium วงศ์ Alliaceae กลิ่นฉุน ใช้ปรุงอาหาร เช่น หอมหัวใหญ่ หรือ หอมฝรั่ง (A. cepa L.), หอมหัว หรือ หอมแกง (A. ascalonicum L.) ชนิดหลังนี้มักเรียกผิดเป็น หอมแดง.<2t>(๒) ชื่อกล้วยพันธุ์หนึ่งซึ่งกลายมาจากกล้วยป่า (Musa acuminata Colla) ผลยาว กลิ่นหอม ไม่มีเมล็ด.
หอม,หอม ๒ หอม ๒ ก. จูบ; ได้รับกลิ่นดี.<2t>ว. มีกลิ่นดี, ตรงข้ามกับ เหม็น.
หอม,หอม ๓ หอม ๓ ก. เก็บ, รวบรวม, ในความว่า เก็บหอมรอมริบ.
ห้อม,ห้อม ๑ ห้อม ๑ ก. แวดล้อม ในคำว่า แห่ห้อม; (โบ) ระวังรักษา เช่น คนผู้ดังนี้ คือว่าพระราชภักดีจักช่อยห้อมบ้านห้อมเมือง (จารึกหลักที่ ๓๘ ประชุมพงศ. ภาค ๓).
ห้อม,ห้อม ๒,ห้อมเมือง ห้อม ๒, ห้อมเมือง (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นคราม. [ดู คราม ๓ (๒)].
หอมกราย หอมกราย (ถิ่น-จันทบุรี) น. ต้นขี้อ้าย. [ดู ขี้อ้าย (๑)].
หอมขาว หอมขาว (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นกระเทียม. (ดู กระเทียม).
หอมจันทร์ หอมจันทร์ น. ชื่อกล้วยพันธุ์หนึ่งซึ่งกลายมาจากกล้วยป่า (Musa acuminata Colla) ผลเล็กเรียวขนาดกล้วยนํ้าไทย กลิ่นหอม.
หอมแดง หอมแดง น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวชนิด Eleutherine bulbosa (Miller) Urban ในวงศ์ Iridaceae ใบแบนคล้ายใบหมากแรกเกิด ดอกสีขาวนวล หัวสีแดงเข้ม รสขมเผ็ดซ่า ใช้ทํายาได้.
หอมเตียม หอมเตียม (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกระเทียม. (ดู กระเทียม).
หอมป้อม หอมป้อม ดู ชี ๒.
หอมแป้น หอมแป้น (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกุยช่าย. (ดู กุยช่าย).
หอมยับ หอมยับ (โบ) ก. รวบเก็บไว้ เช่น ข้าแต่พระองค์ผู้เปนเครื่องประดับซึ่งให้หอมยับทรัพย์หนใดฯ. (ม. คำหลวง หิมพานต์).
ห้อมล้อม ห้อมล้อม ก. โอบล้อม, แวดล้อม, เช่น ฝูงชนห้อมล้อมดาราภาพยนตร์ชื่อดัง.
หอมหวน หอมหวน ก. หอมตลบ.
หอมหื่น หอมหื่น (วรรณ) ก. หอมยวนใจ เช่น หอมหื่นรื่นรสเพี้ยง กลิ่นเนื้อนวลนางฯ. (เห่ชมไม้).
หอย หอย น. ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในไฟลัม Mollusca มีเปลือกหุ้มตัว แบ่งออกได้เป็น ๒ จําพวกตามลักษณะของเปลือก คือ จําพวกกาบเดี่ยว เช่น หอยขม (Filopaludina doliaris) ในวงศ์ Viviparidae และจําพวกกาบคู่ เช่น หอยนางรม (Saccostrea forskali) ในวงศ์ Ostreidae.
ห้อย ห้อย ก. แขวนติดอยู่ เช่น ห้อยอุบะ, ปล่อยหรือหย่อนให้แขวนติดอยู่ เช่น นั่งห้อยเท้า.
หอยโข่ง หอยโข่ง น. ฝาเรือนเครื่องผูกแบบหนึ่ง มีโครงไม้ไผ่ยืนเป็นหลักซึ่งวางห่างกัน ๑ ฝ่ามือ ด้านในของโครงยืนจะมีไม้ไผ่ผ่าซีกหรือแผ่นไม้เล็ก ๆ ที่เรียกว่า ไม้เซ็น หรือ ลูกเซ็น วางตามขวาง ด้านหลังไม้เซ็นกรุใบจากอ่อนเป็นต้นขัดด้วยเข็มไม้ไผ่อีกชั้นหนึ่ง เรียกว่า ฝาหอยโข่ง.
ห้อยท้าย ห้อยท้าย ก. ต่อท้าย.
หอยปากเป็ด หอยปากเป็ด น. ชื่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังชนิด Lingula unguis ในวงศ์ Lingulidae ไฟลัม Brachiopoda เปลือกสีเขียว แบน บาง มีก้านยืดหดได้ อาศัยอยู่ตามหาดโคลน.
หอยแปดเกล็ด หอยแปดเกล็ด ดู ลิ่นทะเล.
หอยเม่น หอยเม่น น. ชื่อสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลังในชั้น Echinoidea ไฟลัม Echinodermata รูปทรงกลมคล้ายผลส้ม มีหนามแข็งทั่วตัว อาศัยตามแนวปะการัง มีหลายชนิดหลายสกุล เช่น ชนิด Diadema setosum, เม่นทะเล ก็เรียก.
ห้อยโหน ห้อยโหน ก. อาการที่เกาะราวหรือห่วงเป็นต้น แล้วโยนตัวไปมา.
ห้อเลือด ห้อเลือด ว. ช้ำมีเลือดคั่งอยู่ใต้ผิวหนัง.
ห่อหมก ห่อหมก น. ชื่อกับข้าวชนิดหนึ่ง ใช้นํ้าพริกกับเนื้อปลาเป็นต้นกวนกับนํ้ากะทิมีผักรองแล้วห่อนึ่ง.
ห่อเหี่ยว ห่อเหี่ยว ว. มีความรู้สึกหดหู่, สลดใจ, เช่น หมู่นี้อ่านหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวร้าย ๆ ทำให้รู้สึกห่อเหี่ยว.
ห่อแห่,ห้อแห้ ห่อแห่, ห้อแห้ ว. มีอาการท้อแท้อ่อนเปลี้ย.
ห่อไหล่ ห่อไหล่ ก. ทำไหล่ทั้ง ๒ ให้คู้เข้าเพราะหนาวหรือเกรงกลัวเป็นต้น.
หะ หะ ว. เสียงเปล่งเพื่อให้ลงมือพร้อมกัน.
หะยี,หัจญี หะยี, หัจญี ดู ฮัจญี.
หะแรก หะแรก ว. ครั้งแรก, คราวแรก, เริ่มลงมือ.
หะหาย,หะห้าย หะหาย, หะห้าย ว. เสียงเยาะ เช่น หะหายกระต่ายเต้น ชมแข. (ตำนานเรื่องศรีปราชญ์).
หะแห้น หะแห้น (วรรณ) ว. เสียงร้องของสัตว์ดังเช่นนั้น.
หัก หัก ก. พับงอ, พับงอหรือทําให้พับให้งอเพื่อให้ขาดหรือหลุดออกจากกัน; เอาออกจากจํานวนที่มีอยู่ เช่น หักจํานวนเงิน; ถูกตีอย่างแรงจนงงม่อยไป (ใช้แก่ไก่); เลี้ยวอย่างกะทันหัน เช่น หักหัวเรือ หักพวงมาลัย; เรียกแต้มลูกเต๋า ๓ ลูก ที่ขึ้นแต้ม ๑ ๒ ๓ ตามลําดับ ถือว่าเป็นแต้มเลวที่สุด.
หักกลบลบหนี้ หักกลบลบหนี้ (กฎ) น. การนําเอาหนี้ที่บุคคล ๒ คนต่างเป็นลูกหนี้และเจ้าหนี้ในมูลหนี้อันมีวัตถุประสงค์เป็นอย่างเดียวกัน มาหักลบกันเท่าจํานวนหนี้ที่ตรงกัน เพื่อให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้นั้น.
หักคอ หักคอ (ปาก) ก. ถือวิสาสะบังคับเอา.
หักใจ หักใจ ก. ตัดใจไม่คิดในเหตุที่เกิดขึ้น, มักใช้กับเหตุการณ์ที่ทำให้เสียใจหรือสูญเสียเป็นต้น.
หักด้ามพร้าด้วยเข่า หักด้ามพร้าด้วยเข่า (สํา) ก. หักโหมเอาด้วยกําลัง, ใช้อํานาจบังคับเอา.
หักทองขวาง หักทองขวาง น. วิธีปักไหมทอง หักเส้นไปตามขวางลาย ใช้ปักเครื่องสูง.
หักบัญชี หักบัญชี ก. เอาออกจากจํานวนที่มีอยู่ในบัญชี, หักกลบลบหนี้ทางบัญชี.
หักมุก หักมุก น. ชื่อกล้วยพันธุ์หนึ่งซึ่งพัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี ผลเป็นเหลี่ยม นิยมทำให้สุกด้วยความร้อนก่อนกิน.
หักราคา หักราคา ก. ตัดราคาให้ตํ่าลง เช่น พ่อค้าหักราคาข้าวเพราะมีความชื้นสูงและคุณภาพต่ำ.
หักร้างถางพง หักร้างถางพง ก. ฟันป่าพงลงให้เตียน.
หักแรง หักแรง ก. โหมทำงานจนเกินกำลัง เช่น อย่าหักแรงทำงานจนเกินไป จะทำให้ล้มป่วย.
หักล้าง หักล้าง ก. ลบล้าง.
หักลำ หักลำ (สํา) ว. ทําให้เสียท่าหรือเสียเหลี่ยม.
หักหน้า หักหน้า ก. ทําหรือพูดโดยเจตนาให้อีกฝ่ายหนึ่งได้อาย.
หักหลัง หักหลัง ก. ร่วมใจกันมาก่อนแล้วกลับทําร้ายให้ในภายหลัง.
หักหาญ หักหาญ ก. หักเอาด้วยความกล้า, หักเอาด้วยอํานาจ.
หักห้าม หักห้าม ก. ยับยั้งใจ.
หักเห หักเห ก. เปลี่ยนทางไป, เปลี่ยนแนวไป; (แสง) ลักษณะการที่แสงเปลี่ยนแนวทางเคลื่อนที่เมื่อผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน.
หักเหลี่ยม หักเหลี่ยม ก. ทำให้ผู้อื่นเสียเชิง.
หักโหม หักโหม ก. ระดมเข้าไปด้วยกำลังให้แตกหัก, โหมหัก ก็ว่า; เอากําลังแรงเข้ามาหักเอา, ทํางานโดยไม่บันยะบันยัง.
หักอก หักอก ก. ทําให้คนรักพลาดหวัง.
หักอกหักใจ หักอกหักใจ ก. หักใจ.
หังส,หังส- หังส- [หังสะ-] น. หงส์. (ป., ส. หํส).
หัจญ์ หัจญ์ ดู ฮัจญ์.
หัจญี หัจญี ดู ฮัจญี.
หัช หัช [หัด] ว. น่ารัก; น่ายินดี, พึงใจ. (ป. หชฺช).
หัฏฐะ,หัฏฐะ ๑ หัฏฐะ ๑ [หัดถะ] ว. ร่าเริง, ยินดี, สบายใจ. (ป.; ส. หฺฤษฺฏ).
หัฏฐะ,หัฏฐะ ๒,หัสตะ หัฏฐะ ๒, หัสตะ [หัดถะ, หัดสะตะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๓ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปฝ่ามือหรือเหนียงสัตว์, ดาวศอกคู้ หรือ ดาวศีรษะช้าง ก็เรียก.
หัด,หัด ๑ หัด ๑ น. โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้สูงและปวดศีรษะ ออกผื่นแดงตามตัว. (อ. measles, morbilli, rubeola).
หัด,หัด ๒ หัด ๒ ก. ฝึก, ฝึกฝน, ทําให้ชํานาญ.
หัดเยอรมัน หัดเยอรมัน น. โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้ ต่อมนํ้าเหลืองที่คอโต ออกผื่นแดงทั่วตัวคล้ายโรคหัด แต่อาการไม่รุนแรงเท่า มีผลรุนแรงต่อทารกในครรภ์ระยะ ๓ เดือนแรก, เหือด ก็เรียก. (อ. German measles, rubella).
หัต หัต ก. ทําลาย. (ป., ส. หต).
หัตถ,หัตถ-,หัตถ์ หัตถ-, หัตถ์ [หัดถะ-, หัด] น. มือ; ศอกหนึ่ง; งวงช้าง. (ป.; ส. หสฺต).
หัตถกรรม หัตถกรรม น. งานช่างที่ทำด้วยมือ โดยถือประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก. (ป. หตฺถ + ส. กรฺมนฺ; ป. หตฺถกมฺม).
หัตถการ,หัตถกิจ หัตถการ, หัตถกิจ น. การทําด้วยฝีมือ, การช่าง.
หัตถบาส หัตถบาส น. ระยะระหว่างพระสงฆ์ที่นั่งทําสังฆกรรมหรือระหว่างพระภิกษุ สามเณร กับคฤหัสถ์ผู้ถวายของ ห่างกันไม่เกินศอกหนึ่ง. (ป. หตฺถปาส).
หัตถพันธ์,หัตถาภรณ์,หัตถาลังการ หัตถพันธ์, หัตถาภรณ์, หัตถาลังการ น. สร้อยมือ.
หัตถศาสตร์ หัตถศาสตร์ น. วิชาเกี่ยวกับการทำนายจากเส้นลายมือ.
หัตถศิลป์ หัตถศิลป์ น. ศิลปะในการผลิตสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือ โดยถือความงามเป็นหลัก. (ป.).
หัตถศึกษา หัตถศึกษา น. การศึกษาที่เน้นในเรื่องการประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ด้วยมือ.
หัตถาจารย์ หัตถาจารย์ น. ผู้ฝึกช้าง, หมอช้าง, ควาญช้าง. (ป. หตฺถาจริย).
หัตถานึก หัตถานึก น. กองทัพช้าง, เหล่าทหารช้าง, เป็นส่วนหนึ่งแห่งกระบวนทัพโบราณ ซึ่งเรียกว่า จตุรงคพล จตุรงคโยธา จตุรงคเสนา หรือ จตุรงคินีเสนา มี ๔ เหล่า ได้แก่ ๑. หัตถานึก (กองทัพช้าง, เหล่าทหารช้าง) ๒. อัศวานึก (กองทัพม้า, เหล่าทหารม้า) ๓. รถานึก (กองทัพเหล่ารถ) ๔. ปัตตานึก (กองทัพเหล่าราบ, กองทัพทหารเดินเท้า). (ป.).
หัตถาโรหะ หัตถาโรหะ น. ควาญช้าง, ทหารช้าง. (ป.).
หัตถินี หัตถินี น. ช้างพัง. (ป.).
หัตถี หัตถี น. ช้าง. (ป.).
หัน,หัน ๑ หัน ๑ ก. ผันร่างไปทางใดทางหนึ่ง เช่น หันซ้าย คือ ผันร่างไปทางซ้าย หันขวา คือ ผันร่างไปทางขวา, ผินไปทางใดทางหนึ่ง เช่น นิยมสร้างโบสถ์หันหน้าไปทางทิศตะวันออก, หมุน เช่น หันหน้ามาทางนี้; เปลี่ยนใจ เช่น หันไปเข้ากับศัตรู.
หัน,หัน ๒ หัน ๒ (ถิ่น-พายัพ) ก. เห็น.
หั่น หั่น ก. เอาของวางลงบนที่รองรับแล้วตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ, (ปาก) ตัด เช่น หั่นงบประมาณ.
หั้น หั้น (ถิ่น) ว. นั้น.
หันกลับ หันกลับ ก. เปลี่ยนไปสู่สภาพเดิม เช่น เขาทั้งสองหันกลับไปคืนดีกัน.
หันข้าง หันข้าง ก. ผินด้านข้างให้เพราะงอนหรือไม่พอใจเป็นต้น.
หันตรา หันตรา [-ตฺรา] น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทําคล้ายขนมเม็ดขนุน แต่มีไข่ทําเป็นฝอยหุ้มนอก.
หันตา หันตา น. ผู้ฆ่า. (ป., ส.).
หันรีหันขวาง หันรีหันขวาง ก. อาการที่หันเหไปมา เก้ ๆ กัง ๆ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทําอย่างใด.
หันหน้า หันหน้า (สำ) ก. พึ่งพาอาศัย เช่น ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร.
หันหน้าเข้าวัด หันหน้าเข้าวัด (สำ) ก. มุ่งหน้าเข้าวัดเพื่อถือศีลฟังเทศน์เป็นต้น.
หันหน้าเข้าหากัน หันหน้าเข้าหากัน (สํา) ก. ปรองดองกัน, สมัครสมานกัน, เช่น ทุกฝ่ายจะต้องหันหน้าเข้าหากัน.
หันหลัง หันหลัง (สํา) ก. เลิก เช่น หันหลังให้อบายมุข.
หันหลังชนกัน หันหลังชนกัน (สํา) ก. ร่วมมือร่วมใจกัน.
หันหลังให้กัน หันหลังให้กัน (สำ) ก. โกรธกัน, เลิกคบค้ากัน.
หันเห หันเห ก. เบนจากเดิม.
หันเหียน หันเหียน ก. เปลี่ยนท่าทาง, พลิกแพลง, เช่น รำร่ายหันเหียนเวียนละวัน หมายมั่นเข่นฆ่าราวี. (อิเหนา), เหียนหัน ก็ว่า.
หั่นแหลก หั่นแหลก (ปาก) ก. ตัดลงอย่างมาก เช่น บทความนี้ถูกหั่นแหลก.<2t>ว. เต็มที่ เช่น สู้กันหั่นแหลก.
หันอากาศ หันอากาศ น. เรียกเครื่องหมายรูปสระดังนี้ ั ว่า ไม้หันอากาศ ใช้แทนเสียงสระอะในกรณีที่มีตัวสะกด เช่น ก ะ ด = กัด, หางกังหัน หรือ ไม้ผัด ก็เรียก.
หับ หับ ก. ปิด, งับ, เช่น เข้าห้องแล้วหับประตูเสีย.
หับเผย หับเผย ก. ปิดงับและเปิดคํ้าขึ้นได้.<2t>น. โรงเรือนที่มีลักษณะด้านหน้าปิดงับหรือเปิดค้ำขึ้นได้.
หัมมียะ หัมมียะ [หํา-] น. เรือนแบบหนึ่ง. (ป.; ส. หรฺมฺย).
หัย หัย น. ม้า. (ป., ส. หย).
หัว,หัว ๑ หัว ๑ น. ส่วนบนสุดของร่างกายของคนหรือสัตว์; ส่วนของพืชพันธุ์บางอย่างตอนที่อยู่ใต้ดิน เช่น หัวหอม หัวผักกาด, ส่วนที่อยู่ใต้ดินของพืชบางชนิด เป็นที่เกิดต้นอ่อน; ส่วนเริ่มต้นที่เป็นวงของตัวหนังสือ; ส่วนแห่งสิ่งของบางอย่างที่อยู่ข้างหน้า หรือข้างต้น หรือแรกเริ่ม เรียกว่า หัวของสิ่งนั้น ๆ เช่น หัวเรือ หัวถนน หัวที; ช่วงแรกเริ่มของเวลา เช่น หัวปี หัววัน หัวคํ่า หัวดึก; ส่วนแห่งสิ่งของที่เป็นยอด เช่น หัวฝี, ส่วนแห่งสิ่งของที่ยื่นเด่นออกไป เช่น หัวแหลม หัวสะพาน; ในการเล่นปั่นแปะหรือโยนหัวโยนก้อย เรียกสมมุติด้านหนึ่งของเงินปลีกว่า ด้านหัว คู่กับ ด้านก้อย; ส่วนที่ตรงข้ามกับหางหรือท้าย เช่น หัวแถวหางแถว หัวเรือ, ส่วนที่ตรงข้ามกับ ก้น ในความว่า หัวหวานก้นเปรี้ยว; ส่วนที่เป็นแก่นสาร เช่น หัวยา หัวเหล้า.
หัว,หัว ๒ หัว ๒ น. สติปัญญา, ความสามารถพิเศษ, ความคิดริเริ่ม, เช่น เด็กคนนี้มีหัวทางดนตรี; ผู้ที่มีความคิดหนักไปทางใดทางหนึ่ง เช่น หัวกฎหมาย; ปัญญา, ความคิด, เช่น หัวดี หัวไว.
หัว,หัว ๓ หัว ๓ (โบ) ก. เปล่งเสียงแสดงความขบขัน ดีใจ ชอบใจ เป็นต้น, หัวเราะ หรือ หัวร่อ ก็ว่า, ใช้ว่า หวัว หวัวเราะ หรือ หวัวร่อ ก็มี.
หัวกระเด็น หัวกระเด็น น. สิ่งของที่โตและเด่นกว่าเพื่อนในหมู่หนึ่งหรือกองหนึ่ง, โดยมากมักใช้แก่ผลไม้บางชนิด เช่น ผลมะม่วง ผลมะปราง, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่มีความสามารถดีเด่นเป็นพิเศษ เช่น นักเรียนห้องนี้ล้วนแต่หัวกระเด็นทั้งนั้น.
หัวกระไดไม่แห้ง หัวกระไดไม่แห้ง (สํา) ว. มีแขกมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ (มักใช้หมายถึงบ้านที่มีลูกสาวสวย หรือบ้านผู้มีอํานาจวาสนา).
หัวกระสุน หัวกระสุน น. ส่วนของกระสุนปืนซึ่งอัดอยู่ที่ปลายปลอกกระสุน.
หัวก๊อก หัวก๊อก ดู ก๊อก ๑.
หัวกะทิ หัวกะทิ น. กะทิที่คั้นครั้งแรก.<2t>ว. ที่ดีเด่นเป็นพิเศษ เช่น นักกีฬาที่เข้าแข่งขันในวันนี้เป็นพวกหัวกะทิทั้งนั้น.
หัวก่ายท้ายเกย หัวก่ายท้ายเกย ว. มากมายเต็มไปหมดอย่างไร้ระเบียบ เช่น เรือจอดหัวก่ายท้ายเกย เด็ก ๆ นอนกันหัวก่ายท้ายเกยเต็มห้องไปหมด.
หัวกุญแจ หัวกุญแจ น. เครื่องสับหลีกทางรถไฟ.
หัวเก่า หัวเก่า ว. นิยมของเก่า, นิยมตามแบบเก่า, (ปาก) ครึ, ไม่ทันสมัย.
หัวแก้วหัวแหวน หัวแก้วหัวแหวน ว. ที่รักใคร่เอ็นดูมาก, ที่โปรดปรานมาก, เช่น ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวน.
หัวขโมย หัวขโมย น. ผู้มีสันดานเป็นขโมย.
หัวขวาน,หัวขวาน ๑ หัวขวาน ๑ น. ชื่อนกในวงศ์ Picidae ไต่ตามต้นไม้ โดยใช้ปากเจาะต้นไม้เพื่อหากินแมลง ขนหางแข็งช่วยพยุงตัวขณะไต่ต้นไม้ในแนวตั้ง เจาะต้นไม้เสียงดังมาก ทํารังในโพรงไม้ สีสวย มีหลายชนิด เช่น หัวขวานสี่นิ้วหลังทอง (Chrysocolaptes lucidus) หัวขวานสีตาล (Celeus brachyurus).
หัวขวาน,หัวขวาน ๒ หัวขวาน ๒ ดู สีกรุด.
หัวข้อ หัวข้อ น. ต้นเรื่อง, ส่วนสําคัญของเรื่องที่แยกออกเป็นส่วน ๆ และกำหนดไว้ตอนต้นเรื่อง, ใจความสําคัญ.
หัวขั้ว หัวขั้ว น. ด้านหัวของผลไม้ส่วนที่ติดอยู่กับขั้วหรือก้าน, ด้านล่างของดอกไม้ส่วนที่ติดอยู่กับขั้วหรือก้าน; เรียกปลอกโลหะที่สวมขั้วแบตเตอรี่เพื่อให้กระแสไฟฟ้าเคลื่อนที่ผ่านว่า หัวขั้วแบตเตอรี่; ต้นขั้ว.
หัวขาด หัวขาด น. ชื่อฝีชนิดหนึ่ง เมื่อแรกขึ้นเป็นตุ่มเล็ก ๆ แล้วจึงเป็นฝี.
หัวขี้แต้ หัวขี้แต้ น. ดินที่แห้งแข็งเป็นตะปุ่มตะปํ่าอยู่ตามทุ่งนามักอูดขึ้นมาจากรอยกีบเท้าวัวเท้าควาย.
หัวขี้เลื่อย หัวขี้เลื่อย ว. โง่, มีปัญญาทึบ.
หัวขี้หมา หัวขี้หมา (ปาก) น. ก้อนขี้หมา. (ดู ก้อนขี้หมา).
หัวเข่า หัวเข่า น. อวัยวะตรงที่ปลายกระดูกต้นขากับหัวกระดูกแข้งต่อกัน, เข่า ก็ว่า.
หัวเข้า หัวเข้า น. หัวของตัวหนังสือที่ม้วนเข้าอยู่ภายในเส้นกรอบของตัวอักษร เช่น ตัว ถ ตัว ผ, ตรงข้ามกับ หัวออก. (ดู หัวออก).
หัวแข็ง,หัวแข็ง ๑ หัวแข็ง ๑ ว. แข็งแรงทนทานไม่ใคร่เจ็บไข้ (มักใช้แก่เด็ก) เช่น เด็กคนนี้หัวแข็ง ตากฝนเป็นชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไรเลย; กระด้าง, ว่ายาก, เช่น เขาเป็นคนหัวแข็ง ผู้ใหญ่พูดเท่าไรก็ไม่ยอมเชื่อฟัง, ตรงข้ามกับ หัวอ่อน.<2t>ก. ไม่ยอมอ่อนตาม เช่น เขาหัวแข็งจริง ๆ ชี้แจงเท่าไรก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิด.
หัวแข็ง,หัวแข็ง ๒ หัวแข็ง ๒ น. ชื่อกุ้งนํ้าจืดชนิด Palaemon styliferus ในวงศ์ Palaemonidae.
หัวแข็ง,หัวแข็ง ๓ หัวแข็ง ๓ ดู ข้างเงิน.
หัวโขน,หัวโขน ๑ หัวโขน ๑ น. รูปหัวยักษ์ ลิง ที่ใช้สวมเวลาเล่นโขนหรือละคร, โดยปริยายหมายถึงตำแหน่งหน้าที่หรือยศถาบรรดาศักดิ์ที่ดำรงอยู่ มักใช้ในสำนวน เช่น สวมหัวโขน ถอดหัวโขน.
หัวโขน,หัวโขน ๒ หัวโขน ๒ น. เรียกขนมชนิดหนึ่งทําด้วยข้าวโพดคั่วคลุกนํ้าตาลที่เคี่ยวจนเหนียวว่า ข้าวโพดหัวโขน.
หัวโขน,หัวโขน ๓ หัวโขน ๓ น. ชื่อกุ้งทะเลขนาดใหญ่ในสกุล Panulirus วงศ์ Palinuridae ที่ตอนหัวมีหนามมาก, กุ้งหนามใหญ่ หรือ กุ้งมังกร ก็เรียก.
หัวคลองท้ายคลอง หัวคลองท้ายคลอง ว. ทั่วทั้งคลอง.
หัวคว่ำ หัวคว่ำ น. ชื่อฝีชนิดหนึ่งที่มีหัวอยู่ข้างใน.
หัวคะแนน หัวคะแนน (ปาก) น. ผู้รับหาคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง.
หัวคันนา หัวคันนา น. ดินที่พูนขึ้นเป็นคันตามท้องนาสำหรับขังน้ำไว้, คันนา หรือ ลูกคัน ก็เรียก.
หัวค่ำ หัวค่ำ น. เวลาแรกมืด, เวลายังไม่ดึก.
หัวคิด หัวคิด น. การใช้สมองคิด, สติปัญญา.
หัวคุ้ง หัวคุ้ง น. ส่วนเริ่มต้นของโค้งแม่น้ำ.
หัวใคร่ หัวใคร่ น. สิ่งที่รักมาก, มักใช้คู่กับคํา หัวรัก เป็น หัวรักหัวใคร่.
หัวงอน,หัวเงิน หัวงอน, หัวเงิน ดู หัวตะกั่ว (๑).
หัวงาน หัวงาน น. เวลาตั้งต้นทํางาน; เนื้อที่นาตรงเริ่มไถหรือคราด; สถานที่เริ่มต้นทํางาน; (โบ) หัวหน้างาน.
หัวเงื่อน หัวเงื่อน น. ปมที่ทำไว้สำหรับกระตุกหรือชักออกเมื่อเวลาแก้, โดยปริยายหมายถึงข้อความตรงที่จะต้องไขความให้กระจ่าง.
หัวแง่ หัวแง่ น. ส่วนที่เป็นเหลี่ยมเป็นสันเป็นมุมหรือส่วนที่ยื่นออกมา, แง่ ก็ว่า.
หัวจิตหัวใจ หัวจิตหัวใจ น. หัวใจ, จิตใจ, (มักใช้ในทางตำหนิ) เช่น หัวจิตหัวใจเขาทำด้วยอะไรจึงเหี้ยมเกรียมนัก, อารมณ์ เช่น เขากำลังเศร้าโศกไม่มีหัวจิตหัวใจจะทำอะไร.
หัวจุก หัวจุก น. ผมเด็ก ๆ ที่ขมวดเอาไว้ตรงขม่อม, จุก หรือ ผมจุก ก็เรียก.
หัวแจว หัวแจว น. ปลายสุดของด้ามแจวตรงที่สวมหมวกแจว.
หัวโจก หัวโจก น. หัวหน้าผู้ประพฤติเกกมะเหรก.<2t>ว. เป็นโจกกว่าเพื่อน.
หัวใจ หัวใจ น. อวัยวะภายในสําหรับฉีดเลือดให้หมุนเวียนเลี้ยงร่างกาย; ใจ, สิ่งที่มีหน้าที่รู้ รู้สึก นึก และคิด, เช่น เขาทำอย่างนี้เหมือนเป็นคนไม่มีหัวใจ; ส่วนสําคัญแห่งสิ่งต่าง ๆ; อักษรย่อของหลักธรรมหรือข้อความต่าง ๆ ที่ผูกไว้เพื่อกําหนดจําได้ง่าย นิยมว่าเป็นของขลัง เช่น หัวใจอริยสัจ ว่า ทุ. ส. นิ. ม. หัวใจนักปราชญ์ ว่า สุ. จิ. ปุ. ลิ. หัวใจเศรษฐี ว่า อุ. อา. ก. ส..
หัวชนกำแพง,หัวชนฝา หัวชนกำแพง, หัวชนฝา (สํา) ว. มีลักษณะที่สู้ไม่ยอมถอย.
หัวซุกหัวซุน หัวซุกหัวซุน ว. อาการที่หลบหนีอย่างรีบร้อนโดยไม่หยุดยั้ง เช่น ผู้ร้ายหนีตำรวจหัวซุกหัวซุน.
หัวซุน หัวซุน ว. อาการที่ซวนไปข้างหน้า เช่น เดินหัวซุน, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่นพูดว่า ใช้เสียหัวซุน คือ ใช้เสียจนโงหัวไม่ขึ้นหรือใช้เสียจนไม่มีเวลาว่าง.
หัวด้วน,หัวด้วน ๑ หัวด้วน ๑ น. เรียกลมพายุที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนแล้วหายไปว่า ลมหัวด้วน.
หัวด้วน,หัวด้วน ๒ หัวด้วน ๒ น. เถาหัวด้วน.
หัวดาวหัวเดือน หัวดาวหัวเดือน น. เม็ดตุ่มที่ผุดขึ้นตามตัว มีพิษมาก โดยมากขึ้นที่ฝ่ามือฝ่าเท้าและนิ้วมือนิ้วเท้า.
หัวดี หัวดี ว. เฉลียวฉลาดรอบคอบ เช่น เด็กคนนี้หัวดี ปีนี้ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แน่.
หัวดื้อ หัวดื้อ ว. ว่ายากสอนยาก เช่น เด็กคนนี้หัวดื้อจริง, ไม่ยอมเชื่อฟังหรือทำตามใครง่าย ๆ เช่น ผู้ใหญ่บางคนก็หัวดื้อ.
หัวเด็ดตีนขาด หัวเด็ดตีนขาด (สำ) คำพูดแสดงการยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยว แม้จะตายก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ เช่น หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมย้าย หัวเด็ดตีนขาดก็จะอยู่ที่นี่.
หัวเดียวกระเทียมลีบ หัวเดียวกระเทียมลีบ ว. ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว ไม่มีพวกพ้อง.
หัวต่อ หัวต่อ น. ที่ซึ่ง ๒ ส่วนมาติดกัน, ระยะตรงที่เวลา ข้อความ หรือเหตุการณ์ติดเนื่องกัน.
หัวตะกั่ว,หัวตะกั่ว ๑ หัวตะกั่ว ๑ น. (๑) ชื่อปลาขนาดเล็กหากินตามผิวนํ้าชนิด Aplocheilus panchax ในวงศ์ Cyprinodontidae พบทั้งในนํ้าจืดและนํ้ากร่อย ลําตัวกลมยาว หัวโตกว้าง มองด้านข้างเห็นปลายแหลม สันหัวแบน ปากซึ่งอยู่ปลายสุดเชิดขึ้น ตาโตและอยู่ชิดแนวสันหัว เกล็ดใหญ่ ครีบต่าง ๆ มีขอบกลม ครีบหลังมีขนาดเล็กอยู่ใกล้ครีบหาง พื้นลําตัวสีเทาอมเหลือง ครีบต่าง ๆ สีออกเหลือง โคนครีบหลังสีดํา ที่สําคัญคือมีจุดสีตะกั่วขนาดใหญ่โดดเด่นอยู่บนสันหัวระหว่างนัยน์ตา ขนาดยาวได้ถึง ๘ เซนติเมตร, หัวเงิน หรือ หัวงอน ก็เรียก.<2t>(๒) ดู ข้างเงิน.
หัวตะกั่ว,หัวตะกั่ว ๒ หัวตะกั่ว ๒ ดู จิ้งโกร่ง.
หัวตะคาก หัวตะคาก น. แง่กระดูกเชิงกรานที่อยู่ใต้บั้นเอว, ตะคาก ก็เรียก.
หัวตะโหงก หัวตะโหงก [-โหฺงก] น. สิ่งที่นูนโหนกขึ้นมาจากพื้นราบ เช่น หัวตะโหงกตอไม้.
หัวเต่า หัวเต่า น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก.
หัวเตาไฟ หัวเตาไฟ น. มุมทั้ง ๔ ของแม่เตาไฟ.
หัวถอก หัวถอก น. ปลายลึงค์ที่หนังหุ้มร่นเข้าไป.
หัวเถิก หัวเถิก ว. มีผมที่หัวตอนหน้าผากร่นสูงขึ้นไป.
หัวแถว หัวแถว น. คนที่อยู่ต้นของแถว, โดยปริยายหมายถึงหัวหน้าหรือผู้นำ.
หัวที หัวที น. เวลาแรก, เวลาที่เริ่มทํา, เวลาลงมือ.
หัวทึบ หัวทึบ ว. โง่มาก เช่น เด็กคนนี้หัวทึบ สอนอย่างไร ๆ ก็ไม่เข้าใจ.
หัวเทียน หัวเทียน น. เดือยหัวเสาสําหรับรับขื่อ; กลอุปกรณ์ของเครื่องยนต์ซึ่งทําหน้าที่ให้ประกายไฟฟ้าในการจุดระเบิด เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ไอเชื้อเพลิง ผสมอากาศภายในกระบอกสูบ.
หัวเทียม หัวเทียม (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. หัวกระเทียม. (ดู กระเทียม).
หัวนกกระจอก หัวนกกระจอก น. กลอุปกรณ์ชนิดหนึ่งสวมอยู่ตรงกลางจานจ่ายไฟ ทําหน้าที่หมุนจ่ายกระแสไฟแรงสูงให้เข้าสู่หัวเทียนเพื่อให้เกิดประกายไฟฟ้าที่เขี้ยวหัวเทียน.
หัวนม หัวนม น. อวัยวะส่วนที่อยู่ตอนยอดของนมมนุษย์หรือสัตว์; ของที่ทําด้วยยางเป็นต้น มีรูปคล้ายหัวนม สําหรับสวมขวดบรรจุนํ้านมหรือนํ้าเป็นต้นเพื่อให้เด็กดูด; นํ้านมที่มีครีมมากจนข้น.
หัวนอก หัวนอก ว. ที่นิยมแบบฝรั่ง, ที่มีความคิดอ่านแบบฝรั่ง, ที่นิยมของที่ผลิตจากต่างประเทศ.
หัวนอน หัวนอน น. ด้านทางหัวของผู้นอน, ตรงข้ามกับปลายตีน; (โบ) ทิศใต้เรียกว่า ทิศหัวนอน.
หัวนอนปลายตีน หัวนอนปลายตีน น. หลักแหล่ง, เทือกเถาเหล่ากอ, เช่น คนคนนี้ไว้ใจยากเพราะไม่รู้หัวนอนปลายตีนของเขา.
หัวน้ำ หัวน้ำ น. นํ้าหวานที่อยู่ในตอนบนของรวงผึ้ง.
หัวน้ำขึ้น หัวน้ำขึ้น น. นํ้าที่เริ่มไหลขึ้น.
หัวน้ำลง หัวน้ำลง น. นํ้าที่เริ่มไหลลง.
หัวเนื้อ หัวเนื้อ น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส ดาวมิคสิระ หรือ ดาวอาครหายณี ก็เรียก.
หัวเนื้อทราย หัวเนื้อทราย น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์บุรพภัทรบท มี ๒ ดวง, ดาวโปฐบท ดาวแรดตัวผู้ หรือ ดาวปุพพภัททะ ก็เรียก.
หัวใน หัวใน ว. ที่มีความคิดแบบไทย, ที่นิยมของที่ผลิตภายในประเทศ.
หัวบัว,หัวบัว ๑ หัวบัว ๑ น. หัวนมหญิง.
หัวบัว,หัวบัว ๒ หัวบัว ๒ น. กำไลที่ปลายทั้ง ๒ ข้างเป็นรูปดอกบัวตูม.
หัวบัว,หัวบัว ๓ หัวบัว ๓ น. โกฐหัวบัว. (ดู โกฐหัวบัว).
หัวบ้านท้ายบ้าน หัวบ้านท้ายบ้าน ว. ทั่วทั้งหมู่บ้าน.
หัวเบี้ย หัวเบี้ย น. ผู้ที่เก็บและจ่ายเงินในวงถั่วโปเป็นต้น; (โบ) จํานวนเงินขนอนตลาดที่เรียกเก็บเอาไว้ในทีแรก.
หัวโบราณ หัวโบราณ ว. นิยมตามแบบเก่าแก่, (ปาก) ครึมาก, ล้าสมัย.
หัวปลวก หัวปลวก น. จอมปลวก, รังปลวกที่เป็นดินสูงขึ้น.
หัวปลี หัวปลี น. ดอกของกล้วยที่ยังมีกาบหุ้มอยู่ ซึ่งอยู่ถัดจากกล้วยตีนเต่า.
หัวปักหัวปำ หัวปักหัวปำ ว. อาการที่หัวถลำไปข้างหน้าเพราะเมาเหล้าเมารถเป็นต้น เช่น คนเมาเดินหัวปักหัวปำ, โดยปริยายหมายความว่า โงหัวไม่ขึ้น เช่น ถูกใช้ทำงานจนหัวปักหัวปำ หลงผู้หญิงจนหัวปักหัวปำ.
หัวปั่น หัวปั่น ก. ทํางานจนยุ่งงงไป, ประสบกับเหตุยุ่งเหยิงหลาย ๆ เหตุเป็นต้นจนงง.<2t>ว. มึนงงเพราะประสบกับปัญหาต่าง ๆ ที่ทับถมเข้ามาจนแก้ไม่ตก.
หัวป่า หัวป่า น. คนทําอาหาร ในคำว่า แม่ครัวหัวป่า พ่อครัวหัวป่า, โบราณเขียนเป็น หัวป่าก์.
หัวปาก หัวปาก (โบ) น. นายร้อย. (จ. ปัก, แป๊ะ, ว่า ร้อย).
หัวปี หัวปี ว. ทีแรก, เกิดก่อนเพื่อน, เช่น ลูกคนหัวปี.
หัวปีท้ายปี หัวปีท้ายปี น. ต้นปีและท้ายปี เช่น เธอคลอดลูกหัวปีท้ายปี.
หัวพัน หัวพัน น. ตําแหน่งข้าราชการโบราณรองจากนายเวรลงมา, หัวหน้าควบคุมทหารจํานวนพันหนึ่ง; (โบ) นายทหารผู้ช่วยกองเสนาหลวงในสมัยโบราณ.
หัวพุงหัวมัน หัวพุงหัวมัน น. ส่วนที่มีพุงและมันซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่ดีในตัวปลา, โดยปริยายหมายความว่า ส่วนที่ดีที่สุดเยี่ยมที่สุดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง.
หัวฟัดหัวเหวี่ยง หัวฟัดหัวเหวี่ยง ว. อาการที่โกรธจัด เช่น เขาโกรธจัด เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป.
หัวฟืนหัวไฟ หัวฟืนหัวไฟ น. หัวคํ่า เช่น มาแต่หัวฟืนหัวไฟ. (ถิ่น-อีสาน) ว. หัวปี ในคําว่า ลูกหัวฟืนหัวไฟ.
หัวมังกุท้ายมังกร หัวมังกุท้ายมังกร (สํา) ว. ไม่เข้ากัน, ไม่กลมกลืนกัน, มีหลายแบบหลายอย่างปนกัน.
หัวมัน หัวมัน ดู กระโห้.
หัวมุม หัวมุม น. จุดรวมทั้งบริเวณใกล้จุดที่เส้น ๒ เส้น แนว ๒ แนว หรือระนาบ ๒ ระนาบมาบรรจบกัน.
หัวเม็ด หัวเม็ด น. ปลายเสาที่มักกลึงเป็นรูปกลมและมียอดคล้ายตัวเม็ดของหมากรุก ที่ปลายเป็นรูปเหลี่ยมก็มี.
หัวเมือง หัวเมือง น. เมืองอื่นนอกจากเมืองหลวง; (ปาก) ต่างจังหวัด; (โบ) เมืองใหญ่ที่มีเมืองน้อยมาขึ้น.
หัวแม่ตีน,หัวแม่เท้า หัวแม่ตีน, หัวแม่เท้า น. นิ้วต้นของเท้า.
หัวแม่มือ หัวแม่มือ น. นิ้วต้นของมือ, (ปาก) นิ้วโป้, นิ้วโป้ง.
หัวแมลงวัน หัวแมลงวัน น. คำเปรียบขนาดของลูกมะม่วงที่แรกออกจากดอก ประมาณเท่าหัวแมลงวัน.
หัวไม้ หัวไม้ น. นักเลงที่ชอบตีรันฟันแทง, มักเรียกว่า นักเลงหัวไม้.
หัวไม่วางหางไม่เว้น หัวไม่วางหางไม่เว้น (สํา) ว. รวบหมดทั้งหัวทั้งหาง; อาการที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยไม่มีเวลาหยุดพัก เช่น เขาทำงานหัวไม่วางหางไม่เว้น เขาถูกใช้งานจนหัวไม่วางหางไม่เว้น.
หัวรถจักร หัวรถจักร น. รถหัวขบวนรถไฟ มีเครื่องยนต์ใช้ลากจูงรถไฟทั้งขบวน, รถจักร ก็เรียก.
หัวรอ หัวรอ (โบ) น. หลักปักกันกระแสน้ำ. (ดู รอ).
หัวร่อ หัวร่อ ก. เปล่งเสียงแสดงความขบขัน ดีใจ ชอบใจ เป็นต้น, หัวเราะ ก็ว่า, (โบ) เขียนเป็น หวัวร่อ ก็มี.
หัวร้อยรู หัวร้อยรู ดู กระเช้าผีมด (๒).
หัวระแหง หัวระแหง น. พื้นดินที่แตกระแหง; โดยปริยายหมายความว่า แห่งหน ในความว่า ทั่วทุกหัวระแหง.
หัวรักหัวใคร่ หัวรักหัวใคร่ ว. ที่รักมาก เช่น ศิษย์หัวรักหัวใคร่.
หัวรั้น หัวรั้น ว. ดื้อดัน.
หัวราน้ำ หัวราน้ำ ว. มากเกินปรกติจนขาดสติ ในความว่า เมาหัวราน้ำ เที่ยวหัวราน้ำ.
หัวรุนแรง หัวรุนแรง น. เรียกคนที่มีความคิดเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเอาจริงเอาจังว่า คนหัวรุนแรง.<2t>ว. ที่นิยมการเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นการปฏิบัติ หรือนโยบายเป็นต้น อย่างหักหาญโดยไม่ยอมประนีประนอมใด ๆ.
หัวเราะ หัวเราะ ก. เปล่งเสียงแสดงความขบขัน ดีใจ ชอบใจ เป็นต้น, ใช้เข้าคู่กับคํา หัวไห้ เป็น หัวเราะหัวไห้ ก็มี, หัวร่อ ก็ว่า, (โบ) เขียนเป็น หวัวเราะ ก็มี.
หัวเราะหัวไห้ หัวเราะหัวไห้ (ปาก) ก. หัวเราะ.
หัวเรี่ยวหัวแรง,หัวแรง หัวเรี่ยวหัวแรง, หัวแรง น. ผู้เป็นกําลังสําคัญในการทํากิจการต่าง ๆ.
หัวเรื่อง หัวเรื่อง น. ถ้อยคำหรือวลีที่แสดงสาระสำคัญของเรื่องซึ่งเขียนไว้ที่ต้นเรื่อง.
หัวเรือใหญ่ หัวเรือใหญ่ น. ผู้ออกรับแทนผู้อื่นเสียเอง, ผู้จัดการทุกอย่างให้ผู้อื่นด้วยตนเอง, ผู้ที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการทำเรื่องต่าง ๆ เสียเอง.
หัวแร้ง หัวแร้ง น. เหล็กที่ปลายมีลักษณะคล้ายหัวของนกแร้ง ใช้เผาไฟให้ร้อนจัดแล้วจี้ตะกั่วบัดกรีเพื่อเชื่อมโลหะให้ติดกัน, เครื่องมือไฟฟ้าชนิดหนึ่ง เมื่อทำให้ปลายร้อนจัดด้วยกระแสไฟฟ้า ใช้จี้ตะกั่วบัดกรีเพื่อเชื่อมโลหะให้ติดกัน เรียกว่า หัวแร้งไฟฟ้า.
หัวลม หัวลม น. ต้นลม, ลมต้นฤดูหนาว; เรียกไข้ที่มักเกิดเพราะถูกอากาศเย็นต้นฤดูหนาวว่า ไข้หัวลม.
หัวล้าน,หัวล้าน ๑ หัวล้าน ๑ ว. มีหัวไร้ผมบางแห่งหรือทั้งหมด.
หัวล้าน,หัวล้าน ๒ หัวล้าน ๒ น. ชื่อไม้เถาชนิด Merremia peltata Merr. ในวงศ์ Convolvulaceae เมล็ดมีขนตามข้าง ๆ คล้ายหัวล้าน เรียก ลูกหัวล้าน.
หัวล้านได้หวี หัวล้านได้หวี (สำ) น. ผู้ที่ได้สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ตน มักพูดเข้าคู่กับ ตาบอดได้แว่น เป็น หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น.
หัวล้านนอกครู หัวล้านนอกครู (สำ) น. ผู้ที่ปฏิบัติผิดแผกไปจากคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์หรือแบบแผนที่นิยมกันมา.
หัวลิง หัวลิง น. ชื่อไม้เถาชนิด Sarcolobus globosus Wall. ในวงศ์ Asclepiadaceae ผลขนาดผลส้มจีน มีสันตรงกลางคล้ายหัวลิง.
หัวเลี้ยว หัวเลี้ยว น. ทางตอนที่โค้งหรือคดไปจากแนวตรง, เลี้ยว ก็ว่า.
หัวเลี้ยวหัวต่อ หัวเลี้ยวหัวต่อ น. ภาวะหรือเหตุการณ์ที่อยู่ในระยะต่อกันถือว่าเป็นตอนสําคัญที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพหรือความคิดเป็นต้น เช่น วัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่.
หัวแล่น หัวแล่น ว. มีความคิดเร็วปลอดโปร่ง เช่น วันนี้รู้สึกหัวแล่นดี ทำงานไปได้เยอะ.
หัวโล้น,หัวโล้น ๑ หัวโล้น ๑ น. หัวที่โกนผมหมด.
หัวโล้น,หัวโล้น ๒ หัวโล้น ๒ ดู กระเบียน (๒).
หัวว่าว หัวว่าว ดู กระแตไต่ไม้ ๒.
หัวไว หัวไว ว. มีปฏิภาณไหวพริบดี.
หัวสมอง หัวสมอง (ปาก) น. ปัญญาความคิด เช่น เด็กคนนี้มีหัวสมองดี, สมอง ก็ว่า.
หัวสมัยใหม่ หัวสมัยใหม่ ว. นิยมของใหม่, นิยมตามแบบใหม่, ตรงข้ามกับ หัวเก่า; ทันสมัย ตรงข้ามกับ หัวโบราณ, หัวใหม่ ก็ว่า.
หัวสำเภา หัวสำเภา น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์ปุนัพสุ มี ๓ ดวง, ดาวสําเภาทอง ดาวสะเภา ดาวยามเกา ดาวตาเรือชัย หรือ ดาวปุนัพพสู ก็เรียก.
หัวสูง หัวสูง ว. มีรสนิยมสูงจนเกินตัว; (ปาก) เย่อหยิ่ง.
หัวเสีย หัวเสีย ว. หงุดหงิด, มีอารมณ์โกรธค้างอยู่.
หัวใส หัวใส ว. มีความคิดว่องไวในการหาประโยชน์ เช่น พ่อค้าหัวใส.
หัวไส้ หัวไส้ น. กระเพาะปัสสาวะ; ดาก; หัวริดสีดวงทวาร.
หัวหกก้นขวิด หัวหกก้นขวิด (สํา) ว. อาการที่ซนเล่นไปตามความพอใจไม่ต้องเกรงใจใคร เช่น เด็กพวกนี้ไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนมา, อาการที่เที่ยวไปตามความพอใจไม่อยู่ติดบ้าน เช่น พาเที่ยวหัวหกก้นขวิด.
หัวหงอก หัวหงอก [-หฺงอก] น. หัวที่มีผมเปลี่ยนจากสีเดิมเป็นสีขาว, โดยปริยายหมายถึงคนแก่, เมื่อใช้เข้าคู่กับคำ หัวดำ เป็น หัวหงอกหัวดำ หมายถึง ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย.
หัวหด หัวหด ก. กลัวมาก, ขยาด, เช่น ได้ยินแค่ชื่อก็หัวหดแล้ว.<2t>ว. ใช้ประกอบกับคำ กลัว ในความว่า กลัวจนหัวหด หมายความว่า กลัวมาก.
หัวหน้า หัวหน้า น. ผู้เป็นใหญ่ในหมู่หนึ่ง ๆ.
หัวหน่าว หัวหน่าว น. ส่วนของร่างกายอยู่ระหว่างท้องน้อยกับอวัยวะสืบพันธุ์.
หัวหมอ หัวหมอ (ปาก) น. บุคคลที่ชอบตั้งตัวเป็นเสมือนผู้รอบรู้หรือนักกฎหมาย อ้างเหตุอ้างผลเพื่อโต้แย้งในเรื่องต่าง ๆ.
หัวหมื่น หัวหมื่น น. ตำแหน่งราชการมหาดเล็กถัดจางวางลงมา.
หัวหมุน หัวหมุน ก. งง, สับสน, หัวหมุนเป็นลูกข่าง ก็ว่า.
หัวหมู หัวหมู น. ส่วนของไถตอนที่ปลายสอดติดผาล.
หัวหลักหัวตอ หัวหลักหัวตอ (สํา) น. บุคคลที่นึกว่าตนเป็นคนสำคัญแต่คนอื่นมองข้ามไป เวลาทำงานสำคัญก็ไม่ปรึกษา (มักใช้ในลักษณะแสดงความน้อยอกน้อยใจ), ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ถูกผู้น้อยมองข้ามไป เวลาทำงานสำคัญก็ไม่ปรึกษาหารือก่อน (มักใช้ในลักษณะแสดงความน้อยอกน้อยใจ) เช่น เขาเห็นเราเป็นหัวหลักหัวตอไปได้ จะทำอะไรก็ไม่ปรึกษาหารือ.
หัวหอก หัวหอก น. บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่นำผู้อื่นไปก่อนในการต่อสู้หรือการพัฒนาสังคมเป็นต้น เช่น ส่งทหารพรานเป็นหัวหอกไปค้นหาผู้ก่อการร้าย.
หัวหาด หัวหาด น. ชายฝั่งทะเลที่อยู่ในความครอบครองของข้าศึก ซึ่งถ้ายึดได้แล้วจะทําให้สะดวกในการยกพลขึ้นบก เรียกว่า ยึดหัวหาด, โดยปริยายหมายถึง จุดสำคัญหรือบุคคลสำคัญเป็นต้นซึ่งถ้ายึดไว้ได้ก็จะสามารถทำให้แผนการขั้นต่อไปประสบความสำเร็จ.
หัวหายตะพายขาด หัวหายตะพายขาด (สํา) ว. อาการที่ชอบเที่ยวเตลิดไปไม่อยู่ติดบ้าน บางทีก็ไม่กลับบ้านเลย คล้ายวัวควายที่เชือกตะพายขาดเที่ยวเตลิดไป.
หัวเห็ด หัวเห็ด น. เรียกตะปูชนิดหนึ่งที่หัวบานเหมือนดอกเห็ดสำหรับตอกสังกะสีเป็นต้น ว่า ตะปูหัวเห็ด.<2t>ว. ทรหดอดทน เช่น นักข่าวหัวเห็ด นักสืบหัวเห็ด; (โบ) ดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนความคิดง่าย ๆ, หัวเห็ดย้ำ ก็ว่า เช่น มหาชนโดยมากเขาทำกันอย่างไร เราก็ต้องทำอย่างนั้น ที่จะไปหัวเห็ดย้ำให้ผิดกาลเทศะอย่างจีน ๆ ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย. (ลักวิทยา).
หัวแหลม หัวแหลม [-แหฺลม] น. ปลายแห่งแผ่นดินที่ยื่นออกไปในนํ้า.<2t>ว. ฉลาดหลักแหลม.
หัวแหวน หัวแหวน [-แหฺวน] น. ผักคราดหัวแหวน. (ดู คราด ๒).
หัวใหม่ หัวใหม่ ว. นิยมของใหม่, นิยมตามแบบใหม่, ตรงข้ามกับ หัวเก่า; ทันสมัย, ตรงข้ามกับ หัวโบราณ, หัวสมัยใหม่ ก็ว่า.
หัวไหล่ หัวไหล่ น. จะงอยบ่า.
หัวอก หัวอก น. ส่วนเบื้องบนของอกในระดับหัวใจ; (ปาก) สภาพที่น่าเห็นใจ เช่น หัวอกแม่ค้า หัวอกคนจน.
หัวอกหัวใจ หัวอกหัวใจ น. สภาพจิตใจที่น่าสงสารหรือน่าเห็นใจเป็นต้น เช่น นั่งก็ไม่เป็นสุข นอนก็ไม่เป็นสุข หัวอกหัวใจมันร้อนรุ่มไปหมด.
หัวออก หัวออก น. หัวของตัวหนังสือที่ม้วนออกนอกเส้นกรอบของตัวอักษร เช่น ตัว พ ตัว ภ, ตรงข้ามกับ หัวเข้า.
หัวอ่อน หัวอ่อน ว. ว่าง่าย, สอนง่าย, เช่น เขาเป็นคนหัวอ่อน บอกอะไรก็เชื่อ, ตรงข้ามกับ หัวแข็ง.<2t>ก. ยอมอ่อนตามง่าย เช่น เด็กคนนี้หัวอ่อนมาก พอชี้แจงให้เข้าใจก็เปลี่ยนความคิดทันที, ตรงข้ามกับ หัวแข็ง.
หัส,หัส- หัส, หัส- [หัด, หัดสะ-] น. การหัวเราะ; การรื่นเริง, ใช้เป็นส่วนหน้าของคำสมาส เช่น หัสดนตรี หัสนาฏกรรม หัสนิยาย. (ป. หสฺส; ส. หรฺษ).
หัสดนตรี หัสดนตรี น. วงดนตรีสากลซึ่งบรรเลงในงานรื่นเริง.
หัสดิน,หัสดี หัสดิน, หัสดี [หัดสะ-] น. ช้าง. (ส. หสฺตินฺ, หสฺติ; ป. หตฺถี).
หัสดีลิงค์ หัสดีลิงค์ น. นกในวรรณคดีมีจะงอยปากยาวคล้ายงวงช้าง.
หัสต์ หัสต์ [หัด] น. หัตถ์, มือ. (ส.; ป. หตฺถ).
หัสตะ,หัฏฐะ,หัฏฐะ ๒ หัสตะ, หัฏฐะ ๒ [หัดสะตะ, หัดถะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๓ มี ๕ ดวง เห็นเป็น รูปฝ่ามือหรือเหนียงสัตว์, ดาวศอกคู้ หรือ ดาวศีรษะช้าง ก็เรียก.
หัสนาฏกรรม หัสนาฏกรรม น. ละครหรือเรื่องราวที่ตลกขบขัน.
หัสนิยาย หัสนิยาย น. เรื่องชวนหัว, เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความตลกขบขัน.
หา,หา ๑ หา ๑ ก. มุ่งพบ, พบ, เช่น ไปหาหมอ เพื่อนมาหา; เยี่ยม, เยี่ยมเยียน, เช่น เพิ่งทราบว่าครูกำลังป่วย ต้องไปหาท่านเสียหน่อย; ฟ้อง, กล่าวโทษ, เช่น เขาหาว่า...; พึ่ง เช่น ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใคร; บางทีก็ใช้ควบกับคำอื่น มีความหมายว่า ขวนขวายเพื่อให้ได้มาโดยวิธีต่าง ๆ เช่น ค้นหา สืบหา เที่ยวหา ตามหา เสาะหา แสวงหา.<2t>บ. ที่ เช่น เขาอยู่หาไหน ๆ ก็ไม่รู้ จะไปตามตัวเขาได้อย่างไร; สู่ เช่น เด็กว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง.
หา,หา ๒ หา ๒ ว. เสียงซักหรือเตือนให้ตอบ เช่น ว่ากระไรหา.
ห่า,ห่า ๑ ห่า ๑ น. ชื่อผีจําพวกหนึ่ง ถือกันว่าทําให้เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้คนตายจำนวนมาก เช่น โรคลงราก (อหิวาตกโรค) กาฬโรค จึงเรียกโรคนี้ว่า โรคห่า.
ห่า,ห่า ๒ ห่า ๒ (โบ) น. หน่วยวัดปริมาณน้ำฝนโดยกำหนดว่า ถ้าตกลงมาเต็มบาตรขนาดกลางที่ตั้งรองไว้กลางแจ้ง เรียกว่า น้ำฝนห่าหนึ่ง; โดยปริยายใช้กับสิ่งที่มาหรือตกลงมาเป็นจำนวนมาก เช่น ฝนตกลงมาห่าใหญ่, บางทีก็ใช้ว่า ห่าฝน เช่น ฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดถล่มข้าศึกเป็นห่าฝน.
ห้า ห้า น. จํานวนสี่บวกหนึ่ง; ชื่อเดือนจันทรคติ เรียกว่า เดือน ๕ ตกในราวเดือนเมษายน.
หาก หาก ก. โบราณใช้เป็นกริยาช่วยหมายความว่า พึง, ควร, เช่น อันไตรโลกย์หากบูชา = อันไตรโลกย์พึงบูชา.<2t>ว. จาก, แยกออกไปอีกส่วนหนึ่ง, เช่น ออกหาก ต่างหาก.<2t>สัน. ถ้า, แม้, เช่น หากเธอมาฉันก็จะรอ; เผอิญ เช่น หากอักนิฏฐ์พรหมฉ้วย พี่ไว้จึงคง. (ตำนานเรื่องศรีปราชญ์), หากเดชพระจอมจุมพลป้องบไภยันต์. (บุณโณวาท).
หากว่า หากว่า สัน. ถ้าว่า, แม้ว่า, เช่น ฉันจะไปชายทะเลหากว่ามีเวลาว่าง.
หากิน หากิน ก. ทํางานเลี้ยงชีวิต, หาเลี้ยงชีพ, เช่น เขาหากินด้วยการประกอบอาชีพสุจริต, มักใช้เข้าคู่กับคำ ทำมา เป็น ทำมาหากิน, หาอาหาร เช่น ให้แต่ที่พัก หากินเอาเอง.<2t>ว. ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าประเวณี ในคำว่า หญิงหากิน.
ห่ากิน ห่ากิน ก. ตายเพราะโรคระบาดอย่างร้ายแรง เช่น โรคลงราก (อหิวาตกโรค) กาฬโรค.
หากินด้วยลำแข้ง หากินด้วยลำแข้ง (สำ) ก. หาเลี้ยงชีพด้วยความมานะพยายามของตัวเอง.
หากินตัวเป็นเกลียว หากินตัวเป็นเกลียว (สำ) ก. ขยันทำมาหากินจนไม่มีเวลาได้พักผ่อน.
หากินตามชายเฟือย หากินตามชายเฟือย (สำ) ก. หาเลี้ยงชีพอย่างไม่เป็นล่ำเป็นสันได้ไหนเอานั่นไปเรื่อย ๆ.
หาความ หาความ ก. กล่าวโทษ, ใส่ความ; หาเรื่องไม่จริงมาว่า.
หาค่าบ่มิได้,หาค่ามิได้ หาค่าบ่มิได้, หาค่ามิได้ ว. มีค่ามากจนประมาณไม่ได้.
หาง หาง น. ส่วนที่ยื่นออกจากส่วนท้ายแห่งลําตัวสัตว์, ขนสัตว์จําพวกนก เช่น กา ไก่ ที่ยื่นยาวออกทางก้น; ส่วนท้ายหรือปลาย เช่น หางเชือก หางแถว; ในราชาศัพท์เรียก ปลาช่อนว่า ปลาหาง; ลักษณนามเรียกปลาช่อนตากแห้งเช่น ปลาช่อนหางหนึ่ง ปลาช่อน ๒ หาง; เรียกดาวจรที่ส่วนท้ายมีแสงลักษณะเป็นทางยาวดุจหางว่า ดาวหาง; เรียกของที่คัดหรือกลั่นเอาส่วนที่เป็นหัวออกแล้วว่า หาง เช่น หางเหล้า หางกะทิ หางนํ้านม; ส่วนของตัวหนังสือไทยที่ลากยาวขึ้นทางเบื้องบนหรือทางเบื้องล่าง.
ห่าง,ห่าง ๆ ห่าง, ห่าง ๆ ว. ไกล เช่น ห่างหูห่างตา บ้านอยู่ห่างถนนมาก, บางทีใช้เข้าคู่กันเป็น ห่างไกล; ไม่ชิด เช่น ญาติห่าง ๆ, ไม่ถี่ เช่น มีลูกห่าง.
ห้าง,ห้าง ๑ ห้าง ๑ น. กระท่อมที่ทําไว้เฝ้านาเฝ้าสวน หรือที่พักเล็ก ๆ ชั่วคราว; ที่ซึ่งทําไว้บนต้นไม้ในป่า สําหรับคอยเฝ้าดูเหตุการณ์หรือดักยิงสัตว์เป็นต้น.
ห้าง,ห้าง ๒ ห้าง ๒ น. สถานที่จําหน่ายสินค้า, สถานที่ประกอบธุรกิจ. (จ.).
หางกระเบน หางกระเบน น. ชายผ้านุ่งที่ม้วนแล้วสอดไปใต้หว่างขา ดึงขึ้นไปเหน็บขอบผ้านุ่งด้านหลังระดับบั้นเอว, ชายกระเบน ก็เรียก.
หางกระรอก หางกระรอก น. ชื่อผ้าชนิดหนึ่งที่ทอด้วยด้ายหรือไหมต่างสี ฟั่นเป็นเกลียวเสียก่อน เมื่อทอแล้วมีลายแลดูดังลายหางกระรอก เรียกว่า ผ้าหางกระรอก.
หางกระหมวด,หางขมวด หางกระหมวด, หางขมวด [-กฺระหฺมวด, -ขะหฺมวด] ว. ที่มีหางกระหมวดปลาย ได้แก่หาง ฬ ฮ.
หางกราย หางกราย น. ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ทํายา. (พจน. ๒๔๙๓)
หางกวัก หางกวัก [-กฺวัก] น. หางที่มีปลายงอลง (ใช้แก่แมว) ถือว่าเป็นมงคล.
หางกะลวย หางกะลวย น. ขนหางไก่ตัวผู้ที่ยื่นยาวกว่าเพื่อน.
หางกะลวยไก่ หางกะลวยไก่ น. ต้นไม้ชนิดหนึ่งมีดอกเหมือนหางกะลวยไก่. (พจน. ๒๔๙๓).
หางกังหัน หางกังหัน น. เรียกเครื่องหมายรูปสระดังนี้ ั ว่า หางกังหัน ใช้แทนเสียงสระอะในกรณีที่มีตัวสะกด เช่น ก ะ ด = กัด, ไม้หันอากาศ หรือ ไม้ผัด ก็เรียก.
หางกิ่ว หางกิ่ว น. (๑) ชื่อหนึ่งของปลาทะเลหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Carangidae อยู่ในกลุ่มปลาหางแข็ง สีกุน หรือม่ง ลักษณะสําคัญคือ ลําตัวเพรียว แบนข้างเล็กน้อย หน้าครีบก้นมีหนามแข็ง ๒ อันพับได้ คอดหางแคบมาก เกล็ดบนเส้นข้างตัวที่คอดหางใหญ่เป็นเหลี่ยมแข็ง อยู่รวมกันเป็นฝูง เช่น ชนิด Caranx (Selar) mate ส่วนชนิดที่ใหญ่และยาวกว่าชนิดแรกมากคือ Caranx sexfasciatus สําหรับชนิดหลังนี้ สีขน ก็เรียก.<2t>(๒) ดู ม้า ๓.
หางแกละ หางแกละ [-แกฺละ] น. ผมที่เอาไว้เป็นแหยมที่แง่ศีรษะ.
หางไก่ หางไก่ น. ชื่อปลาทะเลชนิด Coilia macrognathus และ C. dussumieri ในวงศ์ Engraulidae ลําตัวแบนข้าง ตั้งแต่ปลายปากถึงครีบหลังกว้างเป็นรูปสามเหลี่ยมและเรียวเล็กยาวไปทางหาง เกล็ดเล็กหลุดง่าย ลําตัวจึงแลดูใส ก้านครีบอกบางก้านยื่นยาวมากคล้ายหนวด ขนาดยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตร.
หางขอด หางขอด น. หางที่มีปลายขมวดงอหงิก (ใช้แก่หมาและแมว).
หางข้าว หางข้าว น. ข้าวเปลือกที่ยังมีข้าวลีบปนอยู่มาก; (โบ) จำนวนข้าวที่หลวงเรียกเก็บเป็นภาษี. (พงศ. ร. ๒).
หางแข็ง หางแข็ง น. ชื่อปลาทะเลชนิด Megalaspis cordyla ในวงศ์ Carangidae ลำตัวเพรียว แบนข้างเล็กน้อย คอดหางแคบมาก เป็นเหลี่ยมแข็งดูคล้ายขาไก่ เกล็ดเล็ก แต่เฉพาะที่อยู่ในแนวเส้นข้างตัวจนถึงข้างหางขยายกว้าง ที่ขอบแผ่นปิดเหงือกมีจุดดำใหญ่ ว่ายน้ำเร็ว อยู่เป็นฝูงใกล้ผิวน้ำ, ขาไก่ แข้งไก่ อีลอง หรือ อีโลง ก็เรียก.
หางเครื่อง หางเครื่อง น. เพลงที่ออกต่อท้ายจากเพลง ๓ ชั้น หรือ เพลงเถา; กลุ่มบุคคลที่ออกมาเต้นประกอบจังหวะในการร้องเพลงประเภทลูกทุ่ง.
หางงอ หางงอ น. หางที่ปลายงอขึ้น (ใช้แก่หมาและแมว).
หางจระเข้ หางจระเข้ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Aloe vera (L.) Burm.f. ในวงศ์ Liliaceae ใบเป็นทางยาวอวบนํ้า ขอบใบจัก ปลายใบแหลมคล้ายหางจระเข้ มียางและเมือกจากวุ้นใช้ทํายาได้.
หางจิ้งเหลน หางจิ้งเหลน [-เหฺลน] น. ผมของเด็กที่เอาไว้ที่ท้ายทอยเล็กกว่าผมเปีย.
หางช้าง หางช้าง น. (๑) ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Belamcanda chinensis DC. ในวงศ์ Iridaceae ใบเป็นแผ่นคล้ายพัดด้ามจิ้วหรือขนปลายหางช้าง, ว่านหางช้าง ก็เรียก, อีสานและพายัพเรียก ว่านมีดยับ.<2t>(๒) ข้าวฟ่างหางช้าง. (ดู ข้าวฟ่าง).
หางเต่า หางเต่า น. ปอยผมในร่องเล็กที่ท้ายทอย มีรูปแหลม, หีเต่า ก็เรียก.
หางแถว หางแถว น. คนที่อยู่ท้ายแถว, โดยปริยายหมายถึงผู้น้อย, ผู้ไม่มีความสำคัญ, ปลายแถว ก็ว่า.
หางนกกะลิง หางนกกะลิง น. ชื่อพรรณไม้ ๓ ชนิดในสกุล Capparis วงศ์ Capparidaceae คือ ไม้เถาชนิด C. sepiaria L. หนามโค้งลง, C. pyrifolia Lam. หนามเหยียดตรง และไม้พุ่มชนิด C. radula Gagnep หนามโค้ง.
หางนกยูง หางนกยูง น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Caesalpinia pulcherrima (L.) Sw. ในวงศ์ Leguminosae ลําต้นและกิ่งมีหนาม ดอกสีแดง เหลือง หรือชมพู.
หางนกยูงฝรั่ง หางนกยูงฝรั่ง น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Delonix regia (Hook.) Raf. ในวงศ์ Leguminosae ลําต้นและกิ่งไม่มีหนาม ดอกสีแดงหรือแสด ออกดอกปีละครั้ง ขณะออกดอกผลัดใบ.
หางนม หางนม น. น้ำนมที่เอาครีมส่วนใหญ่ออกแล้ว.
หางนาค หางนาค น. ชื่อนกชนิด Megalurus palustris ในวงศ์ Sylviidae ตัวสีนํ้าตาล มีลายตลอดทั่วตัว หางยาว อาศัยอยู่ตามทุ่งหญ้า หนองนํ้า ทุ่งนา เวลาบินหางจะกระดกขึ้นลง.
หางปลา หางปลา น. ชื่อพัดชนิดหนึ่งที่ปิดด้วยกระดาษเป็นต้นลงบนโครงพัดรูปคล้ายหางปลาช่อนที่แผ่ออก เรียกว่า พัดหางปลา; ชื่อพลั่วชนิดหนึ่ง ปลายบากเข้าเป็นรูปคล้ายหางปลาทู ใช้ขุดดิน เรียกว่า พลั่วหางปลา; เครื่องหมายสัญญาณให้รถไฟแล่นเข้าออกได้; โลหะลักษณะแบนสําหรับเหนี่ยวเพลาล้อหลังรถจักรยาน เพื่อให้โซ่ตึง; ชื่อชายปั้นลมแบบหนึ่ง ปลายตอนล่างผายออกคล้ายหางปลาที่ตัดตรง; ตัวไม้สำหรับช่วยยึดตัวไม้ส่วนโครงหลังคาเรือนบางตัวให้มั่นคง.
หางเปีย หางเปีย น. ผมที่ไว้ยาวบริเวณท้ายทอย, ผมที่ถักห้อยยาวลงมา, เปีย หรือ ผมเปีย ก็เรียก.
หางแพน หางแพน ดู กราย ๑.
หางแมงป่อง หางแมงป่อง น. ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่งคล้ายเรือชะล่า แต่มีขนาดใหญ่และยาวกว่า ท้ายต่อไม้ยกงอนสูงขึ้นคล้ายหางแมงป่อง มักใช้ถ่อ.
หางยาม หางยาม น. หางคันไถตอนที่มือถือ.
หางยาว หางยาว น. เรียกเรือยนต์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะเพรียวยาว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ที่ติดท้ายเรือ มีท่อโลหะยาวปลายติดใบจักรใช้แทนหางเสือไปในตัว โยกไปทางซ้ายทางขวาเพื่อเปลี่ยนทิศทางและยกขึ้นลงได้ ว่า เรือหางยาว.
หางเลข หางเลข น. เครื่องหมายย่อแทนตัวเลขสําหรับทําเลขอย่างเก่า; (ปาก) เลขท้ายสลากกินแบ่งที่ได้รางวัล, โดยปริยายหมายถึงพลอยถูกผู้ใหญ่ดุหรือตำหนิไปด้วย เช่น หัวหน้าถูกผู้ใหญ่ดุ ลูกน้องก็เลยพลอยถูกหางเลขไปด้วย.
หางว่าว หางว่าว น. (โบ) กระดาษแผ่นยาวอย่างหางของว่าวปักเป้าสําหรับจดบัญชีบอกรายชื่อเลกครั้งโบราณ, บัญชีรายชื่อคนหรือรายการสิ่งของเป็นต้นที่ยาวยืด.
หางสิงห์ หางสิงห์ น. สนหางสิงห์. (ดู สนหางสิงห์).
หางเสียง หางเสียง น. กระแสเสียงที่ลงท้ายซึ่งแสดงนิสัย ความรู้สึก หรืออารมณ์ของผู้พูดเป็นต้น เช่นโกรธ อ่อนโยน.
หางเสือ หางเสือ น. เครื่องถือท้ายเรือ, จะกูด จังกูด หรือ ตะกูด ก็เรียก.
หางหงส์,หางหงส์ ๑ หางหงส์ ๑ น. ชายผ้านุ่งที่จีบโจงแล้วไปเหน็บไว้ข้างหลัง ปล่อยให้จีบคลี่ห้อยจากเอวเบื้องหลังลงมาถึงหว่างขาอย่างตัวพระแต่งในละครรํา; เรียกเครื่องประดับที่ทําเป็นรูปคล้ายหางหงส์ติดตั้งอยู่ปลายรวยระกา หรือปลายตะเข้สันหลังคาของโบสถ์และพระที่นั่งเป็นต้นตามแบบสถาปัตยกรรมไทย.
หางหงส์,หางหงส์ ๒ หางหงส์ ๒ ดู พู่ระหง.
หางหนู หางหนู น. หางเปียขนาดเล็กและสั้นที่บริเวณท้ายทอยโดยโกนผมที่เหลือออกทั้งหมด; เรียกตะไบเล็ก ๆ ที่มีลักษณะกลมเรียวว่า ตะไบหางหนู; ส่วนของแขนงช่อดอกของหมากและมะพร้าวที่ดอกเพศผู้ร่วงหมดแล้ว.
ห้างหุ้นส่วน ห้างหุ้นส่วน (กฎ) น. ชื่อสัญญาซึ่งบุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปตกลงเข้ากันเพื่อกระทํากิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกําไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทํานั้น.
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด (กฎ) น. ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีผู้เป็นหุ้นส่วน ๒ จําพวก คือ (๑) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งจํากัดความรับผิดเพียงไม่เกินจํานวนเงินที่ตนรับจะลงหุ้นในห้างหุ้นส่วนนั้น และ (๒) ผู้เป็นหุ้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีจํากัดจํานวน ห้างหุ้นส่วนจํากัดนั้นกฎหมายบังคับว่าต้องจดทะเบียน.
ห้างหุ้นส่วนสามัญ ห้างหุ้นส่วนสามัญ (กฎ) น. ห้างหุ้นส่วนประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้เป็นหุ้นส่วนหมดทุกคนต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวงของหุ้นส่วนโดยไม่มีจํากัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจะจดทะเบียนหรือไม่ก็ได้ แต่เมื่อได้จดทะเบียนแล้วจึงจัดว่าเป็นนิติบุคคลต่างหากจากผู้เป็นหุ้นส่วนซึ่งรวมเข้ากันเป็นห้างหุ้นส่วนนั้น.
ห่างเห ห่างเห (กลอน) ว. จากไป, พรากไป, เช่น นิราศร้างห่างเหเสนหา ปางอิเหนาเศร้าสุดถึงบุษบา. (นิ. อิเหนา).
ห่างเหิน ห่างเหิน ก. ไม่สนิทสนมดังเก่า, ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่หรือติดต่อกันเหมือนเดิม, จืดจาง, เหินห่าง ก็ว่า.
หางไหล,หางไหล ๑ หางไหล ๑ น. ส่วนของพืชบางชนิดเช่นบอนและบัว ซึ่งเลื้อยหรือชอนไปแตกเป็นหน่อขึ้น, ไหล ก็เรียก.
หางไหล,หางไหล ๒ หางไหล ๒ น. ชื่อไม้เถาชนิด Millettia racemosa Benth. ในวงศ์ Leguminosae ใช้ทํายาได้.
หางไหลแดง หางไหลแดง น. ชื่อไม้เถาชนิด Derris elliptica (Roxb.) Benth. ในวงศ์ Leguminosae รากใช้เบื่อปลาและทํายาฆ่าแมลง, ไหลนํ้า หรือ โล่ติ๊น ก็เรียก.
หางไหลเผือก หางไหลเผือก น. ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ทํายา. (พจน. ๒๔๙๓).
หาเงิน หาเงิน (โบ) น. เรียกหญิงที่หาเลี้ยงชีพด้วยการค้าประเวณีว่า หญิงหาเงิน.<2t>(โบ) ก. ไปขายตัวเป็นทาส.
หาเช้ากินค่ำ หาเช้ากินค่ำ ก. หาเลี้ยงชีพด้วยความลำบากยากแค้นพอประทังชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ.
หาญ หาญ ว. กล้า, เก่ง, เช่น ทหารหาญ; บังอาจ เช่น หาญสู้, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น กล้าหาญ หักหาญ เหี้ยมหาญ ฮึกหาญ.
หาด หาด น. เนินที่ลาดลงไปในนํ้าหรือบริเวณที่ตื้นเขินเป็นเนินอยู่กลางนํ้า ส่วนมากเป็นเนินทราย, ที่เป็นเนินกรวดหรือเนินหิน เรียกว่า หาดกรวด หาดหิน ก็มี.
หาดก,หาตกะ หาดก, หาตกะ [-ดก, -ตะกะ] น. ทองคํา. (ป., ส. หาฏก).
หาตัวจับยาก หาตัวจับยาก (สํา) ว. เก่งมาก, หาคนเทียบเท่าได้ยาก, เช่น เขาเป็นคนเรียนเก่งหาตัวจับยาก เขาเล่นการพนันเก่งหาตัวจับยาก.
ห้าแต้ม ห้าแต้ม ว. พลั้งพลาดน่าขายหน้า.
หาทำยายาก หาทำยายาก (สำ) ก. หาได้ยากเพราะไม่ค่อยมีทำนองเดียวกับสมุนไพรบางอย่างในที่บางแห่งหาได้ยากมาก.
ห่าน ห่าน น. ชื่อนกจําพวกเป็ดในวงศ์ Anatidae คอยาวกว่าคอเป็ดแต่สั้นกว่าคอหงส์ ทํารังบนดิน กินพืชและสัตว์เล็ก ๆ มีหลายชนิด เช่น ชนิด Anser anser, A. cygnoides ทั้ง ๒ ชนิดเป็นต้นตระกูลของห่านที่นํามาเลี้ยงกันทั่วไป.
หานะ หานะ น. ความเสื่อม, ความทรุดโทรม. (ป.).
หาบ หาบ ก. เอาของห้อยปลายคาน ๒ ข้างแล้วแบกกลางคานพาไป.<2t>น. ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณีแบบไทย ๕๐ ชั่ง เป็น ๑ หาบ = ๖๐ กิโลกรัม, หาบหลวง ก็เรียก, ถ้าตามวิธีประเพณีแบบจีน ๑๐๐ ชั่ง เป็น ๑ หาบ.
หาบมิได้,หาบ่มิได้ หาบมิได้, หาบ่มิได้ [หาบอ-, หาบ่อ-] ว. ไม่มีเลย เช่น คนดีอย่างนี้หาบมิได้, บางทีใช้คร่อมกับคำอื่น เช่น เพชรเม็ดนี้หาตำหนิบ่มิได้.
หาบเร่ หาบเร่ น. ผู้ที่หาบของไปเร่ขาย.
หาบหลวง หาบหลวง น. ชื่อมาตราชั่งตามวิธีประเพณีแบบไทย ๕๐ ชั่ง เป็น ๑ หาบ, หาบ ก็เรียก.
หาม,หาม ๑ หาม ๑ ก. เอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งห้อยกลางไม้หรือวางบนเปลเป็นต้น แล้วช่วยกันหิ้วหรือยกไป, ช่วยกันยกหัวและท้ายพาไป.
หาม,หาม ๒ หาม ๒ ว. รุ่ง, สว่าง, ฮาม ก็ว่า. (ข. พฺรหาม).
ห่าม ห่าม ว. จวนสุก (ใช้แก่ผลไม้); มีนิสัยมุทะลุ ห้าวหาญบ้าบิ่น ผิดปรกติวิสัย.
ห้าม ห้าม ก. ให้เว้นกระทํา, ไม่ให้ทําตามที่กําหนดไว้.<2t>น. เรียกภรรยาของเจ้านายที่ไม่ใช่สะใภ้หลวง ว่า นางห้าม, เรียกหญิงสามัญที่เป็นเมียของเจ้านาย ว่า หม่อมห้าม.
ห้ามญาติ ห้ามญาติ น. ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ซ้ายห้อยลงข้างพระกายตามปรกติ พระหัตถ์ขวาแบตั้งขึ้นเสมอพระอุระยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาห้าม.
ห้ามทัพ ห้ามทัพ ก. ยับยั้งศึก, โดยปริยายหมายความว่า ยับยั้งการทะเลาะวิวาทกัน.
ห้ามปราม ห้ามปราม ก. สั่งไม่ให้ทํา.
ห้ามพระแก่นจันทน์ ห้ามพระแก่นจันทน์ น. ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ขวาห้อยลงข้างพระกาย พระหัตถ์ซ้ายแบตั้งขึ้นเสมอพระอุระ เป็นกิริยาห้าม.
ห้ามไม่ให้ ห้ามไม่ให้ (สำ) ก. เป็นการย้ำไม่ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ห้ามไม่ให้เขียน ห้ามไม่ให้พูด.
หามรอก หามรอก น. ชื่อต้นไม้ชนิด Miliusa velutina Hook.f. et Thomson ในวงศ์ Annonaceae ใบป้อม ขนนุ่ม ดอกสีเขียวอ่อน ผลเป็นพวง ทุกส่วนใช้ทำยา.
หามรุ่งหามค่ำ หามรุ่งหามค่ำ ว. ตลอดวันตลอดคืน เช่น เที่ยวหามรุ่งหามค่ำ.
ห้ามล้อ ห้ามล้อ ก. ยั้ง. น. กลอุปกรณ์ชนิดหนึ่งใช้สําหรับลดความเร็วแห่งการหมุนของล้อรถ.
ห้ามเลือด ห้ามเลือด ก. ทําให้เลือดหยุดไหลด้วยวิธีการต่าง ๆ.
หามแล่น หามแล่น น. ชื่อปืนใหญ่ชนิดหนึ่งใช้คนหามไป.
ห้ามสมุทร ห้ามสมุทร น. ชื่อพระพุทธรูปปางหนึ่ง อยู่ในพระอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้ง ๒ ข้างยกเสมอพระอุระ ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้า เป็นกิริยาห้าม ที่สร้างเป็นแบบพระทรงเครื่องก็มี.
หาไม่,หาไม่ ๑ หาไม่ ๑ ก. ใช้ในความปฏิเสธหมายความว่า ไม่, ไม่มี, เช่น เขาจะสำนึกผิดก็หาไม่ เขาจะมีความเกรงใจสักนิดก็หาไม่; สิ้นสุด เช่น จนกว่าชีวิตจะหาไม่.
หาไม่,หาไม่ ๒,หา ไม่,หา...ไม่ หาไม่ ๒, หา...ไม่ ว. ใช้ในความปฏิเสธ นิยมใช้คร่อมกับคำนามหรือคำกริยา เช่น หาใช่คนไม่ = ไม่ใช่คน หาพบไม่ = ไม่พบ.
หาไม่,หาไม่ ๓ หาไม่ ๓ สัน. มิฉะนั้น, ไม่เช่นนั้น, เช่น เธอต้องออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้ หาไม่ฉันจะแจ้งตำรวจว่าเธอบุกรุก.
หาย หาย ก. สูญ, หาไม่พบ, ไม่ปรากฏ, หมด, สิ้น, พ้นจากการเจ็บป่วย.
ห่าย ห่าย (ถิ่น-พายัพ) น. ข่าย.
หายกัน หายกัน ก. ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกัน.
หายขาด หายขาด ก. หายสนิท.
หายเข้ากลีบเมฆ หายเข้ากลีบเมฆ (สํา) ก. หายลับไปไม่ได้พบอีก เช่น ตั้งแต่เขายืมเงินไปแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย.
หายใจ หายใจ ก. กิริยาที่ทําให้อากาศเข้าสู่และออกจากปอด, ยังมีชีวิตอยู่ เช่น คนเจ็บยังมีชีวิตอยู่; โดยปริยายหมายความว่า หมกมุ่นไปในทางใดทางหนึ่ง เช่น หายใจเป็นเงิน.
หายใจไม่ทั่วท้อง หายใจไม่ทั่วท้อง (ปาก) ก. ไม่สบายใจเพราะเป็นกังวล เช่น เขาหายใจไม่ทั่วท้องขณะต้องเสี่ยงขับรถไปบนสะพานชำรุด.
หายตัว หายตัว ก. ทำให้ไม่เห็นตัว เช่น บางคนเชื่อว่ามีเวทมนตร์ทำให้หายตัวได้, มักใช้คู่กับ ล่องหน เป็น ล่องหนหายตัว หมายความว่า ไม่ปรากฏตัวให้เห็น; โดยปริยายหมายความว่า หลบลี้หนีหน้า เช่น เผลอแผล็บเดียวเขาก็หายตัวไปแล้ว, หายหน้า หรือ หายหัว ก็ว่า.
หายน,หายนะ ๑ หายนะ ๑ [หายะนะ, หายยะนะ] น. ความเสื่อม, ความเสียหาย, ความฉิบหาย. (ป.).
หายน,หายนะ ๒ หายนะ ๒ [หายะนะ] น. ปี. (ป., ส.).
หายวันหายคืน หายวันหายคืน (สำ) ก. ฟื้นจากการเจ็บไข้อย่างรวดเร็ว.
หายวับ หายวับ ก. หายไปอย่างฉับไว, หายไปอย่างรวดเร็ว.
หายวับไปกับตา หายวับไปกับตา (สำ) ก. หายไปอย่างฉับไวต่อหน้าต่อตา.
หายหกตกหล่น หายหกตกหล่น (สำ) ก. หายไปบางส่วนหรือทั้งหมด เช่น เอาสตางค์ใส่กระเป๋ามาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหายหกตกหล่นเสียที่ไหน.
หายหน้า หายหน้า ก. ไม่ได้พบหน้ากัน เช่น ไม่ได้พบกันเสียนาน หายหน้าไปไหนมา, หลบลี้หนีหน้า เช่น ตั้งแต่ยืมเงินไปแล้ว เขาก็หายหน้าไปเลย, หายตัว ก็ว่า; บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ หายตา เป็น หายหน้าหายตา, หายหัว ก็ว่า.
หายห่วง หายห่วง ก. ไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว, ไม่ต้องกังวลถึงอีกแล้ว, เช่น คนนี้มีความสามารถเชื่อถือได้ เมื่อมอบงานให้แล้ว หายห่วงได้เลย; (ปาก) นานมากเช่น ใช้ให้ไปซื้อของตั้งแต่เช้า ไปเสียหายห่วงเลย, มาก เช่น เขาวิ่งทิ้งคู่แข่งหายห่วงเลย.
หายหัว หายหัว ก. หายไปนาน เช่น ใช้ให้ไปซื้อของใกล้ ๆ แค่นี้ หายหัวไปไหนมา, หลบลี้หนีหน้า เช่น พอจะใช้ให้ทำงานก็หายหัวไปเลย, หายตัว หรือ หายหน้า ก็ว่า.
หาร,หาร ๑ หาร ๑ [หาน] ก. แบ่งส่วนเท่า ๆ กัน (ใช้แก่วิธีเลข).<2t>น. เรียกเครื่องหมายรูปดังนี้ ÷ ว่า เครื่องหมายหาร.
หาร,หาร ๒ หาร ๒ [หาน] น. สิ่งที่เอาไปได้; การนําไป, การถือเอา, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น บริหาร อวหาร. (ป., ส.).
หารร่วมมาก หารร่วมมาก ดู ตัวหารร่วมมาก.
หาริ หาริ ว. งดงาม, น่าดู, น่ารัก. (ป., ส.).
หาริน,หารี หาริน, หารี ว. ถือเอา, นําไป, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น อทินหารี ว่า ผู้ถือเอาของที่เขาไม่ได้ให้. (ส.).
หารือ หารือ ก. ปรึกษา.
หารือ หารือ ก. ขอความเห็น, ปรึกษา.
หาเรื่อง หาเรื่อง ก. ทําให้เกิดเหตุ เช่น อยู่ดี ๆ ก็ไปหาเรื่อง, เอาความไม่ดีมาให้ เช่น เด็กคนนี้หาเรื่องให้ปวดหัวอยู่เรื่อย; หาสาเหตุเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น หาเรื่องกินเหล้ากัน; ชวนวิวาท เช่น พวกเรานั่งอยู่ดี ๆ มาหาเรื่องกันได้.
ห่าลง ห่าลง ก. เกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้คนตายจำนวนมาก เช่น โรคลงราก (อหิวาตกโรค) กาฬโรค.<2t>(ปาก) น. คนที่มากันเป็นจำนวนมาก เช่น งานนี้คนมากันอย่างกับห่าลง.
หาลิท หาลิท [-ลิด] ว. มีสีเหลือง. (ป. หาลิทฺท; ส. หาริทฺร).
หาเลือดกับปู หาเลือดกับปู (สํา) ก. เคี่ยวเข็ญหรือบีบบังคับเอากับผู้ที่ไม่มีจะให้, รีดเลือดกับปู หรือ เอาเลือดกับปู ก็ว่า.
หาว หาว น. ที่แจ้ง, ท้องฟ้า, เช่น กลางหาว.<2t>ก. กิริยาที่สูดลมเข้าแล้วระบายลมออกทางปากเมื่อเวลาง่วงนอนเป็นต้น.
ห้าว ห้าว ว. แก่จัด ในคำว่า มะพร้าวห้าว; กล้าทางมุทะลุ เช่น คนห้าวมักไม่กลัวตาย; มีเสียงใหญ่.
หาวนอน หาวนอน ก. หาวเพราะง่วงนอน, บางทีใช้เข้าคู่กับคํา ง่วงเหงา เป็น ง่วงเหงาหาวนอน ก็มี.
ห้าวหาญ ห้าวหาญ ก. กล้าอย่างยอมเสี่ยงอันตราย เช่น ทหารไทยออกรบอย่างห้าวหาญ.
หาเศษหาเลย หาเศษหาเลย (สํา) ก. หาประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ, เบียดบังเอาส่วนที่เหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้, เช่น แม่ครัวมักหาเศษหาเลยจากเงินที่นายมอบให้ไปจ่ายตลาด, บางทีก็ใช้ในทางชู้สาว เช่น ทั้ง ๆ ที่แต่งงานแล้ว เขาก็ยังไปหาเศษหาเลยนอกบ้านอีก.
หาสก,หาสกะ หาสก, หาสกะ [-สก, -สะกะ] น. ผู้ให้ความสนุก, คนตลก, คนมีอารมณ์ขัน. (ป., ส.).
หาสยะ หาสยะ [-สะยะ] น. ความสนุก, ความขบขัน.<2t>ว. พึงหัวเราะ, น่าหัวเราะ, ขบขัน; แยบคาย, ตลกคะนอง. (ส.).
หาสะ หาสะ น. การหัวเราะ, ความสนุกรื่นเริง. (ป., ส.).
หาสู่ หาสู่ ก. เยี่ยมเยียน, มักใช้ควบกับคํา ไปมา เป็น ไปมาหาสู่.
หาเสียง หาเสียง ก. แสวงหาการสนับสนุน.
หาห่วงมาคล้องคอ หาห่วงมาคล้องคอ (สํา) ก. รนหาภาระผูกพันมาใส่ตน.
หาเหตุ หาเหตุ ก. คอยยกข้อผิด, จับผิด, เช่น เขาชอบหาเหตุฉันอยู่ตลอดเวลา; หาสาเหตุ, หาที่มา, เช่น ไฟไหม้ครั้งนี้หาเหตุไม่ได้; หาข้ออ้าง เช่น เขาหาเหตุลาหยุดงาน.
หาเหาใส่หัว หาเหาใส่หัว (สำ) ก. รนหาเรื่องเดือดร้อนรำคาญมาใส่ตน.
หำ หำ (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) น. ลูกอัณฑะ, ไข่หํา หรือ หมากไข่หำ ก็เรียก.
ห้ำ ห้ำ (ปาก) ก. เข้าทําร้ายกัน; ตัดให้สั้นอย่างไม่เป็นระเบียบ; เข้าตะครุบขบกัด (ใช้แก่สัตว์).
ห้ำหัก ห้ำหัก ก. เข้าทําร้ายศัตรูให้แตกหักยับเยิน.
ห้ำหั่น ห้ำหั่น ก. เข้าฟาดฟันให้แหลกไป.
หิ้ง หิ้ง น. ที่วางของซึ่งแขวนหรือติดไว้ข้างฝา เช่น หิ้งพระหิ้งหนังสือ.
หิงคุ หิงคุ น. มหาหิงคุ์. (ป., ส. หิงฺคุ).
หิงสา หิงสา น. ความเบียดเบียน, การทําร้าย, การคิดให้เขาทนทุกข์, หึงสา ก็ว่า, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ พยาบาท เป็น หิงสาพยาบาท หรือ หึงสาพยาบาท. (ป., ส. หึสา).
หิงห้อย,หิ่งห้อย หิงห้อย, หิ่งห้อย น. ชื่อแมลงปีกแข็งขนาดเล็กหรือขนาดกลางหลายชนิดในวงศ์ Lampyridae สามารถเปล่งแสงกะพริบเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ความถี่และช่วงของแสงนั้นแตกต่างไปแล้วแต่ชนิด ลําตัวยาวเป็นรูปทรงกระบอก สันหลังปล้องอกมักจะขยายเป็นขอบออกไปคลุมหัว, ทิ้งถ่วง ก็เรียก.
หิ่งหาย หิ่งหาย น. ชื่อไม้พุ่มหลายชนิดในสกุล Crotalaria วงศ์ Leguminosae ส่วนใหญ่ดอกสีเหลือง มีบางชนิดดอกสีม่วง ฝักกลมพอง, กิ่งหาย หรือ ติ่งหาย ก็เรียก.
หิด หิด น. ชื่อโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อ Sarcoptes scabiei ลักษณะเป็นเม็ดสีขาว ใสเป็นเงาในเนื้อ ขึ้นตามผิวหนัง มีอาการปวดและคัน เรียกว่า หิดด้าน เมื่อเม็ดแตกมีนํ้าเหลืองไหลเยิ้ม เรียกว่า หิดเปื่อย.
หิต,หิต- หิต, หิต- [หิด, หิตะ-] น. ความเกื้อกูล, ประโยชน์. (ป., ส.).
หิตกร หิตกร [หิตะกอน] น. ผู้ทําการเกื้อหนุน. (ป., ส.).
หิตประโยชน์ หิตประโยชน์ [หิตะปฺระโหฺยด] น. ประโยชน์เกื้อกูล.
หิตพจน์,หิตวจนะ หิตพจน์, หิตวจนะ [หิตะพด, หิตะวะจะนะ] น. คําที่เป็นประโยชน์เกื้อกูล.
หิตานุหิตประโยชน์ หิตานุหิตประโยชน์ [หิตานุหิตะปฺระโหฺยด] น. ประโยชน์เกื้อกูลน้อยใหญ่.
หิน,หิน ๑ หิน ๑ น. ของแข็งที่ประกอบด้วยแร่ชนิดเดียวหรือหลายชนิดรวมตัวกันอยู่ตามธรรมชาติ.
หิน,หิน ๒ หิน ๒ (ปาก) ว. ยากมาก เช่น ข้อสอบหิน, เข้มงวดมาก เช่น ครูคนนี้หิน, เหี้ยมมาก, แข็งมาก, เช่น เขาเป็นคนใจหิน.
หิน,หิน ๓ หิน ๓ ก. หัน, ผัน หรือ ผิน ก็ว่า.
หิน,หิน ๔,หิน- หิน ๔, หิน- [หิน, หินนะ-] ว. เลว, ทราม, ตํ่าช้า, ใช้ว่า หืน ก็มี เช่น โหดหืน. (ป., ส. หีน).
หินงอก หินงอก น. คราบหินปูนที่ทับถมงอกจากพื้นถ้ำขึ้นไปหาเพดานถํ้า.
หินชนวน หินชนวน น. ชื่อหินชนิดหนึ่งเป็นแผ่นบาง ๆ ซ้อนติดกัน เนื้อแน่นและละเอียด มีสีต่าง ๆ กัน ตั้งแต่สีเทาไปจนถึงสีเทาแก่ และสีดํา สีน้ำเงิน ที่มีสีแดง สีเขียว สีม่วง ก็มี.
หินชั้น หินชั้น น. หินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนที่เกิดจากหินอัคนีหรือหินแปรที่ผุพังแตกสลายหรือการตกตะกอนทางเคมี รวมทั้งตะกอนที่เกิดจากการสะสมของซากดึกดำบรรพ์ มีลักษณะของการเรียงตัวเป็นชั้น ๆ, หินตะกอน ก็เรียก.
หินชาติ หินชาติ [หินนะชาด] ว. มีกําเนิดตํ่า, เมื่อใช้เข้าคู่กับคํา ทมิฬ เป็น ทมิฬหินชาติ หมายความว่า โหดเหี้ยม เช่น ใจทมิฬหินชาติ.
หินดาน หินดาน น. หินแข็งหรือหินผุที่รองรับดิน ทราย กรวด มีแร่เช่นดีบุก ทองคำ รวมอยู่ด้วย.
หินดินดาน หินดินดาน น. หินชั้นซึ่งประกอบด้วยอะลูมิเนียมซิลิเกตกับแมกนีเซียมซิลิเกต มีเนื้อละเอียดมาก บี้กับนํ้าแล้วเหนียวติดมือ.
หินดินสอพอง หินดินสอพอง น. ชอล์ก. (ดู ชอล์ก ๑).
หินตะกอน หินตะกอน น. หินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนที่เกิดจากหินอัคนีหรือหินแปรที่ผุพังแตกสลายหรือการตกตะกอนทางเคมีรวมทั้งตะกอนที่เกิดจากการสะสมของซากดึกดำบรรพ์ มีลักษณะการเรียงตัวเป็นชั้น ๆ, หินชั้น ก็เรียก.
หินตับเป็ด หินตับเป็ด น. หินชนิดหนึ่ง สีดํา เนื้อแข็ง.
หินติดไฟ หินติดไฟ น. หินดินดานชนิดหนึ่ง สีน้ำตาลอ่อน มีสารอินทรีย์ที่เรียกว่า เคโรเจน (kerogen) ซึ่งเป็นสารน้ำมันอุ้มอยู่ในเนื้อหิน นำมากลั่นเอาน้ำมันเชื้อเพลิงออกได้, หินน้ำมัน ก็เรียก.
หินทราย หินทราย น. หินชั้นชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยเศษหินที่มีลักษณะกลมหรือเหลี่ยมขนาดเม็ดทราย อาจมีวัตถุประสาน เช่น ซิลิกา เหล็กออกไซด์ หรือแคลเซียมคาร์บอเนต ประสานเม็ดเศษหินต่าง ๆ ให้เกาะกันแน่นแข็ง มีสีต่าง ๆ เช่น แดง เหลือง น้ำตาล เทา ขาว.
หินน้ำมัน หินน้ำมัน น. หินดินดานชนิดหนึ่ง สีนํ้าตาลอ่อน มีสารอินทรีย์ที่เรียกว่า เคโรเจน (kerogen) ซึ่งเป็นสารนํ้ามันอุ้มอยู่ในเนื้อหิน นํามากลั่นเอานํ้ามันเชื้อเพลิงออกได้, หินติดไฟ ก็เรียก.
หินปากนก หินปากนก น. หินเหล็กไฟที่ใช้ติดกับปลายเครื่องสับของปืนโบราณบางชนิดเพื่อสับแก๊ปปืนให้เกิดประกายไฟ, ศิลาปากนก ก็เรียก.
หินปูน หินปูน น. หินที่มีเนื้อสารเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตเกือบทั้งสิ้น สารประกอบหินดังกล่าวเกิดจากการตกตะกอนเนื่องจากปฏิกิริยาเคมีก็มี และที่เกิดจากการตกจมรวมตัวเป็นพืดใหญ่ของสัตว์ประเภทมีเปลือกหุ้มตัวเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตก็มี.
หินแปร หินแปร น. หินที่แปรสภาพจากหินเดิม โดยการกระทําของความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมี.
หินฝนทอง หินฝนทอง น. ชื่อขนมอย่างหนึ่ง.
หินฟองเต้าหู้ หินฟองเต้าหู้ น. ยิปซัมหรือเกลือจืด.
หินย้อย หินย้อย น. คราบหินปูนที่ทับถมย้อยลงมาจากเพดานถํ้า.
หินยาน หินยาน [หินนะ-] น. ชื่อนิกายพระพุทธศาสนาฝ่ายใต้ที่ถือกันในลังกา พม่า และ ไทยเป็นต้น, หีนยาน หรือ เถรวาท ก็ว่า. (ป., ส. หีนยาน).
หินแลง หินแลง น. หินชนิดหนึ่ง เมื่ออยู่ใต้ดินมีลักษณะอ่อน แต่ถูกลมแล้วแข็ง มีสีแดงอย่างอิฐเผา และเป็นรูพรุนเหมือนไม้เพรียงกิน, ศิลาแลง ก็เรียก.
หินสบู่ หินสบู่ น. หินแปรชนิดหนึ่ง ซึ่งเนื้อสารประกอบด้วยแร่ทัลก์เป็นส่วนใหญ่ มีเนื้ออ่อน เอาเล็บขูดเป็นรอยได้ง่าย และลื่นมือคล้ายสบู่.
หินโสโครก หินโสโครก น. แนวพืดหินหรือโขดหินใต้น้ำใกล้ ๆ ผิวพื้นน้ำทะเล อาจมีบางส่วนโผล่พ้นน้ำหรือปริ่มน้ำก็ได้ เป็นอันตรายแก่การเดินเรือ.
หินหนืด หินหนืด น. หินที่อยู่ในสภาพของหนืด อยู่ลึกลงไปภายใต้เปลือกโลก เมื่อเปลือกโลกเกิดรอยร้าวจะอูดตัวแทรกซอนขึ้นมาสู่ผิวโลก และจะแข็งตัวเป็นหินอัคนีพวกต่าง ๆ.
หินเหล็กไฟ หินเหล็กไฟ น. หินสำหรับใช้เหล็กตีให้เกิดประกายไฟเพื่อให้ติดชุดซึ่งทำด้วยด้ายหรือนุ่นเป็นต้น.
หินอ่อน หินอ่อน น. หินปูนชนิดที่ขัดแล้วผิวจะเป็นมัน.
หินอัคนี หินอัคนี [-อักคะนี] น. หินที่เกิดจากการแข็งตัวของหินหนืด.
หิม,หิม-,หิมะ หิม-, หิมะ [หิมมะ-] น. ละอองนํ้าในอากาศที่แปรสภาพเป็นของแข็งเพราะอุณหภูมิตํ่า ลักษณะฟูเป็นปุย ลอยลงมาจากท้องฟ้า; ความหนาว, ความเยือกเย็น; ฤดูหนาว. (ป., ส.).
หิมพาน หิมพาน [หิมมะ-] น. หิมวัต.
หิมพานต์ หิมพานต์ [หิมมะ-] น. ชื่อป่าหนาวแถบเหนือของอินเดีย; ชื่อกัณฑ์ที่ ๒ แห่งเวสสันดรชาดก.
หิมวัต หิมวัต [หิมมะวัด] ว. มีหิมะ, หนาว, ปกคลุมด้วยหิมะ.<2t>น. ชื่อหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย; ชื่อป่าหนาวแถบเหนือของอินเดีย; ศัพท์นี้แผลงใช้ได้หลายอย่างคือ ๑. หิมวาท (แผลงจาก ส. หิมวตฺ) ๒. หิมวาน ๓. หิมพาน (รูปประถมแห่ง ส. หิมวตฺ) ๔. หิมวันต์ (ป. หิมวนฺต) ๕. หิมพานต์ (แผลงจาก ป. หิมวนฺต) ๖. หิมวา (รูปประถมแห่ง ป. หิมวนฺต). (ส.; ป. หิมวนฺต).
หิมวันต์,หิมวา,หิมวาต,หิมวาน หิมวันต์, หิมวา, หิมวาต, หิมวาน [หิมมะ-] น. หิมวัต.
หิมวาส,หิมเวศ หิมวาส, หิมเวศ [หิมมะวาด, หิมมะเวด] น. ที่อยู่อันหนาว คือ ป่าหิมพานต์; ใช้ว่า ป่าทั่วไป ก็มี.
หิมาลัย หิมาลัย น. ชื่อเทือกเขาอยู่ทางทิศเหนือของอินเดีย ยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดปี. (ป., ส. หิม + อาลย = ที่อยู่ของหิมะ).
หิรัญ,หิรัญ- หิรัญ, หิรัญ- [หิรัน, หิรันยะ-] น. เงิน, บางแห่งว่า ทอง ก็มี แต่โดยทั่วไปหมายถึง เงิน. (ป. หิรญฺ; ส. หิรณฺย).
หิรัญญิการ์ หิรัญญิการ์ [หิรันยิกา] น. ชื่อไม้เถา ๒ ชนิดในสกุล Beaumontia วงศ์ Apocynaceae คือ ชนิด B. murtonii Craib และชนิด B. grandiflora Wall. ดอกใหญ่ สีขาว กลิ่นหอมอ่อน ๆ ยางและเมล็ดเป็นพิษ.
หิรัญบัฏ หิรัญบัฏ [หิรันยะบัด] น. แผ่นเงินที่จารึกราชทินนามสำหรับพระราชทานแก่พระสงฆ์และขุนนางผู้ใหญ่.
หิรัณย,หิรัณย-,หิรัณย์ หิรัณย-, หิรัณย์ [หิรันยะ-, หิรัน] น. ทองคํา, เงิน. (ส.).
หิรัณยการ หิรัณยการ [หิรันยะกาน] น. ช่างทอง. (ส.).
หิรัณยเกศ หิรัณยเกศ [หิรันยะเกด] ว. มีผมสีทอง. (ส.).
หิรัณยรัศมี หิรัณยรัศมี [หิรันยะรัดสะหฺมี] ว. มีสีผ่องดั่งเงินอย่างสีช้างเผือก. (ส.).
หิริ หิริ [หิหฺริ] น. ความละอายใจ, ความละอายบาป. (ป.; ส. หฺรี).
หิริโอตตัปปะ หิริโอตตัปปะ [หิหฺริโอดตับปะ] น. ความละอายบาปและความเกรงกลัวบาป, ความละอายใจ. (ป.).
หิว หิว ก. อยากกิน, อยากดื่ม, โดยปริยายหมายถึงอาการคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น หิวเงิน.
หิ้ว หิ้ว ก. จับหรือถือให้ห้อยถ่วงลงมา.
หิ้วท้อง หิ้วท้อง ก. ทนรอจนกว่าจะได้กิน.
หิ้วปีก หิ้วปีก ก. หิ้วโดยใช้แขนสอดเข้าใต้รักแร้ของผู้ถูกหิ้วแล้วพาไป.
หี หี น. อวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงหรือสัตว์เพศเมียบางชนิด.
หีด หีด (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. นิด, เล็ก, น้อย.
หีตา หีตา น. รูเล็กที่หัวตา.
หีเต่า หีเต่า น. ปอยผมในร่องเล็กที่ท้ายทอย มีรูปแหลม, หางเต่า ก็เรียก.
หีน,หีน- หีน- [หีนะ-, หีนนะ-, ฮีนะ-] ว. เลว, ทราม, ตํ่าช้า. (ป., ส.).
หีนยาน หีนยาน [หีนะยาน, หีนนะยาน, ฮีนะยาน] น. ชื่อนิกายพระพุทธศาสนาฝ่ายใต้ที่ถือกันในลังกา พม่า และไทยเป็นต้น, หินยาน หรือ เถรวาท ก็ว่า.
หีบ,หีบ ๑ หีบ ๑ น. ภาชนะใส่สิ่งของ รูปทรงสี่เหลี่ยมเป็นต้น มีฝา.
หีบ,หีบ ๒ หีบ ๒ ก. บีบเค้นให้ส่วนที่ต้องการออกมา เช่น หีบอ้อย หีบฝ้าย.
หีบชัก หีบชัก (โบ) น. หีบไม้รูปทรงสี่เหลี่ยม ภายในมีที่ตั้งโถอุจจาระ ด้านหลังเปิดได้เพื่อชักโถออกทําความสะอาด ตอนบนเป็นที่นั่ง มีร่องเจาะตรงกับปากโถตอนล่าง.
หีบเชิงชาย หีบเชิงชาย น. หีบศพพระราชทานสําหรับพระครูสัญญาบัตร ข้าราชการชั้นสัญญาบัตรขั้นต้นเป็นต้น เชิงชายทั้ง ๔ ด้านแกะสลักเป็นลายปิดทองประดับกระจก.
หีบฝ้าย หีบฝ้าย ก. บีบเค้นเมล็ดออกจากปุยฝ้าย.<2t>น. เรียกเครื่องมือบีบเค้นเมล็ดออกจากปุยฝ้ายว่า เครื่องหีบฝ้าย.
หีบพระมาลัย หีบพระมาลัย น. หีบใส่คัมภีร์พระมาลัยซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าคัมภีร์ใบลาน, ตู้พระมาลัย ก็เรียก.
หีบเพลง หีบเพลง น. เครื่องอัดลมทําด้วยไม้หุ้มกระดาษมีรู มีลิ้นใช้นิ้วปิดเปิดให้เป็นเสียงเพลง.
หีบเพลงชัก หีบเพลงชัก น. เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลม ประกอบด้วยหีบ ๒ หีบ ส่วนใหญ่เป็นหีบสี่เหลี่ยม เชื่อมต่อกันด้วยท่อลมพับ ๒ ด้าน ด้านขวามือมีปุ่มกดหรือมีแผงแป้นนิ้ว ด้านซ้ายมือมีปุ่มกดบรรเลงเสียงตํ่าและเสียงประสาน. (อ. accordion).
หีบเพลงปาก หีบเพลงปาก น. เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลม ใช้ปากเป่า ลักษณะแบนยาวประกอบด้วยลิ้นเสียง ๒ แถว แถวหนึ่งดังเมื่อเป่าลมออก อีกแถวหนึ่งดังเมื่อดูดลมเข้า. (อ. harmonica, mouth organ).
หีบสไบ หีบสไบ ก. อัดผ้าสไบให้เป็นรอยจีบ.
หีบเสียง หีบเสียง น. เครื่องทําให้จานเสียงหมุนแล้วมีเสียงออกมา.
หีบห่อ หีบห่อ น. สิ่งของที่บรรจุกล่องหรือมีสิ่งอื่นห่อหุ้มไว้.
หึ,หึ ๆ หึ, หึ ๆ ว. เสียงดังเช่นนั้น.
หึง,หึง ๑ หึง ๑ ก. หวงแหนทางชู้สาว, มักใช้เข้าคู่กับคำ หวง เป็น หึงหวง หรือ หวงหึง.
หึง,หึง ๒ หึง ๒ (โบ) ว. นาน เช่น บ่มิหึง คือ ไม่นาน.
หึ่ง,หึ่ง ๑ หึ่ง ๑ ว. อาการที่กลิ่นกระจายไป (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น เหม็นหึ่ง ได้กลิ่นหึ่งมาแต่ไกล.
หึ่ง,หึ่ง ๒,หึ่ง ๆ หึ่ง ๒, หึ่ง ๆ ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงฆ้อง เสียงผึ้งหรือแมลงภู่เป็นต้นบิน เช่น เสียงฆ้องดังหึ่ง เสียงผึ้งบินหึ่ง ๆ.
หึงส,หึงส-,หึงสา หึงส-, หึงสา [หึงสะ-] น. ความเบียดเบียน, การทําร้าย, การคิดให้เขาทนทุกข์, หิงสา ก็ว่า, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ พยาบาท เป็น หึงสาพยาบาท หรือ หิงสาพยาบาท. (ป., ส. หึสา).
หืด หืด น. ชื่อโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง เกิดจากหลอดลมตอบสนองต่อสิ่งเร้าอย่างเฉียบพลันและรุนแรงกว่าที่เกิดขึ้นในคนทั่วไป ทําให้หลอดลมตีบแคบลงจนเกิดอาการหายใจไม่สะดวก, หืดหลอดลม ก็เรียก.
หืน,หืน ๑ หืน ๑ ว. มีกลิ่นเหม็นอย่างกลิ่นนํ้ามันมะพร้าวเป็นต้นที่ทิ้งไว้นาน ๆ.
หืน,หืน ๒ หืน ๒ (กลอน) ว. หิน, เลว, ทราม, ตํ่าช้า. (ดู หิน ๔, หิน-).
หื่น หื่น ก. มีความอยากอย่างแรงกล้า (มักใช้ในทางกามารมณ์).
หื่นหรรษ์ หื่นหรรษ์ [-หัน] (กลอน) ก. เหิมใจ, ยินดี, ร่าเริง, ชื่นชม.
หือ,หือ ๑ หือ ๑ อ. คำที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกสงสัยเพื่อถามหรือเมื่อยังไม่ได้ยินหรือไม่เข้าใจ, (เป็นคำสำหรับผู้ใหญ่กว่าหรือเสมอกันใช้).
หือ,หือ ๒ หือ ๒ ก. เถียง, คัดค้าน, เช่น อย่ามาหือนะ เขาไม่กล้าหือ.
หื้,หื้อ ๑ หื้อ ๑ อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความรับรู้.
หื้,หื้อ ๒ หื้อ ๒ (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) ก. ให้, แต่งตั้ง.
หือไม่ขึ้น หือไม่ขึ้น ก. เถียงไม่ได้, คัดค้านไม่ได้, ไม่กล้าเถียง, ไม่กล้าคัดค้าน.
หือรือโหด หือรือโหด (กลอน) ก. หฤโหด, ชั่วร้าย, เลวทราม, เช่น แม้อันว่าเฒ่าหือรือโหดหีนชาติทาสเมถุน. (ม. ร่ายยาว ชูชก).
หุง หุง ก. ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งสุกด้วยวิธีต้มหรือเคี่ยวเป็นต้น เช่น หุงข้าว หุงยา, ใช้ความร้อนสูงทําให้สีของผิวสิ่งของบางชนิดเปลี่ยนไป เช่น หุงพลอย.
หุงข้าว หุงข้าว ก. เอาข้าวสารและน้ำใส่หม้อตั้งบนเตาไฟให้ร้อนจนเดือดแล้วปลงลงเช็ดน้ำ จากนั้นยกขึ้นดงบนเตาไฟจนสุก เรียกว่า หุงเช็ดน้ำ ถ้าเคี่ยวจนน้ำแห้งไปเองโดยไม่ต้องเช็ดน้ำ เรียกว่า หุงไม่ต้องเช็ดน้ำ, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น หุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้า.
หุงข้าวประชดหมา หุงข้าวประชดหมา (สํา) ก. ทําประชดหรือแดกดัน ซึ่งรังแต่จะเสียประโยชน์, มักพูดเข้าคู่กับ ปิ้งปลาประชดแมว ว่า หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว.
หุงขี้ผึ้ง หุงขี้ผึ้ง ก. เอาขี้ผึ้งแท้ผสมกับหัวกะทิหรือน้ำมันมะพร้าวเป็นต้นแล้วเคี่ยวกับใบเตยหรือดอกไม้บางชนิด เช่น ดอกมะลิ ดอกกระดังงา สำหรับใช้สีปากเพื่อกันน้ำหมากเลอะริมฝีปากหรือเพื่อป้องกันริมฝีปากแตก.
หุต,หุต- หุต- [หุตะ-] น. การบูชา, การบูชาไฟ. (ป., ส.).
หุตโกวิท หุตโกวิท น. ผู้ฉลาดในการบูชา.
หุตาจารย์ หุตาจารย์ น. ผู้รู้ในการบูชา.
หุน หุน น. ชื่อมาตราวัดหรือชั่งของจีน ในมาตราวัด ๑ หุน หมายถึงเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ ใน ๑๖ ของนิ้ว ในมาตราชั่ง ๕ หุน เท่ากับ ๑ เฟื้อง. (จ.).
หุ่น หุ่น น. รูป, รูปแบบ, รูปตุ๊กตา, รูปแบบที่จําลองจากของจริงต่าง ๆ; รูปปั้นหรือแกะสลักที่ทําโกลนไว้เพื่อเป็นแบบชั่วคราว, (ปาก) รูปทรงของร่างกายเป็นต้น เช่น คนนี้หุ่นดี; ชื่อการเล่นมหรสพที่ใช้รูปหุ่นแสดงเป็นเรื่องราว เช่น หุ่นกระบอก หุ่นจีน, โดยปริยายหมายถึงบุคคลที่กลายเป็นเครื่องมือของผู้อื่นโดยได้รับแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งบังคับบัญชา แต่ไม่มีอำนาจอะไรอย่างแท้จริง เช่น เป็นหุ่นให้เขาเชิด รัฐบาลหุ่น.
หุ้น หุ้น น. ส่วนที่ลงทุนเท่ากันในการค้าขายเป็นต้น. (เทียบภาษาจีนแต้จิ๋ว หุ่ง ว่า หุ้น, ส่วน); (กฎ) หน่วยลงทุนแต่ละหน่วยที่มีมูลค่าเท่า ๆ กัน ซึ่งรวมกันเป็นทุนเรือนหุ้นของบริษัทจํากัด. (อ. share).
หุ่นกระบอก หุ่นกระบอก น. หุ่นชนิดหนึ่ง มีแต่ส่วนหัวและมือ ๒ ข้างลำตัวทำด้วยไม้กระบอก มีผ้าเย็บเป็นถุงคลุม เวลาเชิดใช้มือสอดเข้าไปจับไม้กระบอกนั้นเชิด.
หุ้นกู้ หุ้นกู้ (กฎ) น. ตราสารแห่งหนี้ที่แบ่งเป็นหน่วย ๆ แต่ละหน่วยมีมูลค่าเท่ากัน และกําหนดประโยชน์ตอบแทนไว้ล่วงหน้าในอัตราเท่ากันทุกหน่วย โดยบริษัทออกให้แก่ผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ซื้อ เพื่อแสดงสิทธิที่จะได้รับเงินหรือผลประโยชน์อื่นของผู้ถือตราสารดังกล่าว แต่ไม่รวมถึงตั๋วเงิน. (อ. debenture).
หุ่นขี้ผึ้ง หุ่นขี้ผึ้ง น. หุ่นที่ทำด้วยขี้ผึ้งเป็นต้น มักทำเป็นรูปคนที่มีชื่อเสียง สวมใส่เสื้อผ้า มองดูคล้ายคนจริง ๆ.
หุ่นจีน หุ่นจีน น. หุ่นชนิดหนึ่ง ทำเป็นตัวละครในวรรณกรรมจีน มีทั้งชนิดครึ่งท่อนและเต็มตัว ใช้คนเชิดคนเดียว.
หุ่นนิ่ง หุ่นนิ่ง น. เรียกภาพวาดหรือภาพถ่ายของสิ่งที่ไม่เคลื่อนไหวว่า ภาพหุ่นนิ่ง.
หุ้นบุริมสิทธิ หุ้นบุริมสิทธิ [-บุริมมะสิด] (กฎ) น. หุ้นที่กําหนดให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิพิเศษเหนือผู้ถือหุ้นสามัญ เช่น มีสิทธิได้รับส่วนแบ่งผลกําไรก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ. (อ. preference share).
หุ่นพยนต์ หุ่นพยนต์ [-พะยน] น. รูปที่ผู้ทรงวิทยาคมเอาวัตถุมาผูกขึ้นแล้วเสกเป่าให้เป็นเหมือนรูปที่มีชีวิต.
หุ่นยนต์ หุ่นยนต์ น. หุ่นที่ทำเป็นรูปคนมีเครื่องกลไกภายใน สามารถทำงานหลายอย่างแทนมนุษย์ได้, โดยปริยายหมายถึงผู้ที่ทำงานตามที่ถูกสั่งโดยไม่ต้องใช้สมองและไม่มีชีวิตจิตใจดุจเป็นเครื่องจักรกล.
หุ้นลม หุ้นลม (ปาก) น. หุ้นที่ไม่ได้ลงทุนเอง.
หุ่นไล่กา หุ่นไล่กา น. หุ่นที่มักทำเป็นรูปคนสวมเสื้อผ้าสําหรับลวงนกกาให้กลัว ทำให้ไม่กล้าลงมากินพืชผลในไร่นา.
หุ้นส่วน หุ้นส่วน น. ทุนที่เข้ากันเพื่อทําการต่าง ๆ เช่น ค้าขายเป็นต้น; (ปาก) ผู้เป็นหุ้นส่วน.
หุ้นสามัญ หุ้นสามัญ (กฎ) น. หุ้นธรรมดาของบริษัทจำกัด ซึ่งแบ่งทุนออกเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กันและผู้ถือหุ้นมีความรับผิดเพียงไม่เกินจำนวนหุ้นที่ตนส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ.
หุนหัน หุนหัน ว. ไม่ยั้งใจ, ไม่รั้งรอ, ใจเร็ว.
หุนหันพลันแล่น หุนหันพลันแล่น น. ด่วนทําสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไปโดยไม่ยั้งคิดด้วยความโกรธ ความโลภ เป็นต้น.
หุ่นใหญ่ หุ่นใหญ่ น. หุ่นชนิดทำจำลองย่อส่วนตัวละครขนาดสูงประมาณ ๒ ศอก ตัวหนึ่งใช้คนเชิด ๓ คน ใช้แสดงละครเล็ก.
หุบ หุบ ก. อาการรวมเข้าของสิ่งที่ขยายออก เช่น หุบร่ม ใบไม้หุบ; อาการที่แสงอาทิตย์ถูกเมฆบดบัง เรียกว่า แดดหุบ.
หุบเขา,หุบผา หุบเขา, หุบผา น. แอ่งภูมิประเทศ ที่เป็นเส้นเป็นแนวยาว ๒ ข้างแอ่งขนาบด้วยพื้นแผ่นดินสูงหรือภูเขาหรือเทือกเขา.
หุบปาก หุบปาก ก. ปิดปาก, หยุดพูด, ไม่พูด.
หุบผาชัน หุบผาชัน น. หุบผาลึกเกิดเพราะน้ำกัดเซาะอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นร่องลึกลงไป เหลือหน้าผาสองด้านสูงชัน.
หุบห้วย หุบห้วย น. หุบเขาที่มีแอ่งน้ำขังอยู่.
หุบเหว หุบเหว น. หุบเขาที่มีเหวลึก.
หุ้ม หุ้ม ก. เอาสิ่งที่เป็นแผ่นโอบคลุมอีกสิ่งหนึ่ง, อาการที่สิ่งซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่น กาบหรือเปลือกเป็นต้น โอบคลุมของอีกสิ่งหนึ่ง เช่น หนังหุ้มกระดูก กาบกล้วยหุ้มหยวกเปลือกหุ้มกระพี้ รองเท้าหุ้มส้น.
หุ้มกลอง หุ้มกลอง [-กฺลอง] น. ด้านหัวหรือด้านท้ายของโบสถ์ วิหาร, ถ้าเป็นด้านหัวหรือด้านท้ายของเรือนฝากระดาน เรียกว่า ด้านสกัด.
หุ้มแผลง หุ้มแผลง [-แผฺลง] น. กรรมวิธีในการหุ้มพระพุทธรูปด้วยแผ่นเงินหรือแผ่นทองบาง ๆ โดยให้ตะเข็บของแต่ละแผ่นซึ่งมีลักษณะคล้ายฟันประสานกัน แล้วใช้เครื่องมือกวดรอยประสานให้เรียบเสมอกัน.
หุ้มแพร หุ้มแพร [-แพฺร] น. ตําแหน่งยศมหาดเล็กรองจ่าลงมา.
หุ้ยหุย,หุ้ยหุย ๑ หุ้ยหุย ๑ ว. เฉียด ๆ ไป.
หุ้ยหุย,หุ้ยหุย ๒ หุ้ยหุย ๒ น. พวกจีนฮ่อที่นับถือศาสนาอิสลาม.
หุยฮา หุยฮา ว. เสียงหัวเราะเยาะเย้ย (มักใช้ในการละเล่น).
หุรัม หุรัม ว. ในเบื้องหน้า, ภพหน้า. (ป. หุรํ).
หุหนิงหงัน หุหนิงหงัน น. ดอกบานไม่รู้โรย. (ช.).
หู หู น. ส่วนหนึ่งของร่างกายคนและสัตว์ ทําหน้าที่สําหรับฟังเสียง; ส่วนแห่งสิ่งของที่ทําไว้หิ้ว แขวน ร้อย หรือรูดเข้าออก เช่น หูกระทะ หูมุ้ง หูกางเกง หูถุง; สิ่งที่ทําเป็นห่วงหรือเป็นวง ๆ เช่น หูแจว; (ปาก) เรียกส่วนหูฟังและกระบอกพูดของเครื่องรับโทรศัพท์ว่า หูโทรศัพท์.
หู่ หู่ ก. ยู่เข้า, หดเข้า, ห่อเข้า.
หูก หูก น. เครื่องทอแบบพื้นเมือง.
หูกระต่าย หูกระต่าย น. เงื่อนที่ผูกมีรูปคล้ายหูกระต่าย, เรียกผ้าผูกคอชนิดหนึ่ง ผูกเป็นรูปโบ ว่า ผ้าผูกคอหูกระต่าย; เรียกเครื่องสวมศีรษะแบบหนึ่ง ทำด้วยผ้าหรือสักหลาดสีต่าง ๆ รูปทรงกระบอกสั้น ๆ มีแผ่นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดขอบหมวกสําหรับปกใบหูทั้ง ๒ ข้าง ว่า หมวกหูกระต่าย; ไม้ขวางเรืออันที่สุดของหัวเรือหรือท้ายเรือ, กระทงเหิน ก็เรียก. (ดู กระทงเหิน).
หูกวาง หูกวาง [-กฺวาง] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Terminalia catappa L. ในวงศ์ Combretaceae ใบใหญ่ แตกกิ่งเป็นชั้น ๆ.
หูกว้างตากว้าง หูกว้างตากว้าง ว. รอบรู้ทันเหตุการณ์, มองเห็นการณ์ไกล, หูยาวตายาว ก็ว่า.
หูกะพง หูกะพง น. ชื่อเงื่อนแบบหนึ่ง ลักษณะคล้ายรูปเลข 8 อาระบิก ใช้ผูกตัวไม้บางตัวในเรือนเครื่องผูกให้ติดกันเป็นต้น.
หูเข้าพรรษา หูเข้าพรรษา ว. ไม่รับรู้รับฟังสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้นมักใช้เป็นสำนวนเปรียบเทียบ เช่น ทำเป็นหูเข้าพรรษาไปได้.
หูแจว หูแจว น. วงด้ายดิบหรือเชือกที่ชุบนํ้าบิดให้เป็นเลข 8 อาระบิก () สําหรับคล้องแจวให้ยึดกับหลักแจว.
หูฉลาม หูฉลาม น. ชื่ออาหารคาวแบบจีน ปรุงด้วยครีบหรือกระโดงปลาฉลาม เนื้อปู เป็นต้น.
หูฉี่ หูฉี่ (ปาก) ว. มากเหลือเกิน เช่น แพงหูฉี่ เผ็ดหูฉี่.
หูชอง หูชอง น. เชือกใบลานสําหรับมัดลานหนังสือ.
หูชัน หูชัน ก. อาการที่แสดงว่าตั้งใจฟัง (มักใช้แก่สัตว์บางชนิด).
หูช้าง,หูช้าง ๑ หูช้าง ๑ น. แผ่นกระดานที่ทําเป็นรูปฉากหรือพัดด้ามจิ้วสําหรับติดกับมุมสิ่งของ, ชื่อฉากซึ่งเป็นเครื่องมือวัดมุมของช่างไม้; แผ่นกระจกหรือพลาสติกที่รถยนต์เป็นรูปคล้ายหูช้าง สําหรับเปิดรับลมหรือระบายลม; ชื่อขนมชนิดหนึ่งปรุงด้วยแป้งกับนํ้าตาลทำเป็นแผ่น ๆ.
หูช้าง,หูช้าง ๒ หูช้าง ๒ น. ชื่อปลาทะเลในสกุล Platax วงศ์ Platacidae ลําตัวกว้างแบนข้างมาก รูปร่างคล้ายรูปไพ่โพดํา มีแถบสีดําพาดขวางลําตัว เช่น ชนิด P. orbicularis หูช้างครีบยาว (P. teira).
หูด,หูด ๑ หูด ๑ น. โรคผิวหนังชนิดหนึ่งขึ้นเป็นไตแข็ง.
หูด,หูด ๒ หูด ๒ ดู ชันโรง.
หูดับ หูดับ ว. อาการของหูที่อื้อไปพักหนึ่งเนื่องจากได้ยินเสียงดังมาก.
หูดับตับไหม้ หูดับตับไหม้ ว. ลักษณะเสียงที่ดังมากจนกลบเสียงอื่น.
หูตัน หูตัน ว. อาการที่หูฟังไม่ได้ยินเพราะมีขี้หูเต็มช่องหู, โดยปริยายหมายความว่าไม่ได้ยิน เช่น เรียกเท่าไรก็ไม่ได้ยิน หูตันหรืออย่างไร.
หูตาสว่าง หูตาสว่าง ว. รู้เหตุการณ์ดีขึ้น, รู้ความจริงมากขึ้น.
หูติ หูติ น. การเรียก. (ป.).
หูตึง หูตึง ว. ฟังอะไรไม่ใคร่ได้ยิน.
หูตูบ หูตูบ น. ใบหูตกห้อยลงมา (ใช้แก่หมา); โดยปริยายหมายถึงทํางานอย่างหนักหรือถูกใช้งานอย่างหนัก เช่น ถูกใช้จนหูตูบ วิ่งจนหูตูบ.
หูแตก หูแตก น. แก้วหูแตก, เยื่อในหูสำหรับรับเสียงฉีกขาด, โดยปริยายหมายความว่า มีเสียงดังมาก แต่ก็ไม่ได้ยินราวกับแก้วหูฉีกขาด เช่น หูแตกหรืออย่างไร ตะโกนเรียกเท่าไร ๆ จึงไม่ได้ยิน.
หูทิพย์ หูทิพย์ น. หูที่จะฟังอะไรได้ยินทั้งหมด.
หูเบา หูเบา ว. เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง.
หูปลาช่อน หูปลาช่อน น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Emilia sonchifolia (L.) DC. ex Wight ในวงศ์ Compositae ใบมีขน ขอบใบจัก กินได้ แต่ไม่ควรกินเป็นประจํา.
หูป่าตาเถื่อน หูป่าตาเถื่อน ว. รู้ไม่ทันเหตุการณ์เพราะอยู่ห่างไกลหรือไม่สนใจเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ไม่รู้ขนบธรรมเนียมว่าควรปฏิบัติอย่างไรเพราะไม่ได้รับการอบรม เช่นคนสามัญเดินบนลาดพระบาท.
หูผีจมูกมด หูผีจมูกมด (สํา) ว. รู้เรื่องอะไรได้เร็วทันท่วงที.
หูผึ่ง หูผึ่ง ว. เอาใจใส่อยากฟังอยากรู้.
หูฝาด,หูเฝื่อน หูฝาด, หูเฝื่อน ก. ได้ยินเสียงเพี้ยนไป.
หูยาน หูยาน น. ชื่อพระเครื่องแบบหนึ่ง มีติ่งหูยาวมากผิดปรกติ.
หูยาวตายาว หูยาวตายาว ว. รอบรู้ทันเหตุการณ์, มองเห็นการณ์ไกล, หูกว้างตากว้าง ก็ว่า.
หูรูด หูรูด น. รูที่ร้อยเชือกสําหรับชักปากถุงเป็นต้นให้ติดกัน; ปากช่องทวารหนักที่กล้ามเนื้อรัดตัวเข้ามาคล้ายปากถุงที่รูด, โดยปริยายเรียกผู้ที่พูดพล่าม พูดพล่อย หรือพูดโดยไม่ยั้งคิดเสียก่อนว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด ว่า ปากไม่มีหูรูด.
หูลี่ หูลี่ ว. อาการที่หูของหมาลู่เอนไปข้างหลังแสดงอาการประจบหรือกลัวเป็นต้น.
หูแว่ว หูแว่ว ก. ได้ยินเสียงแผ่ว ๆ ไม่ชัดเจน; ได้ยินไปเอง.
หูไว หูไว ว. ตื่นง่าย เช่น เขาเป็นคนหูไว พอได้ยินเสียงแว่ว ๆ ก็ตื่นทันที, มีประสาทหูไว เช่น เขาเป็นคนหูไว ใครพูดเสียงเบา ๆ ยังได้ยิน; (ปาก) รู้ข่าวคราวเร็ว เช่น เขาเป็นคนหูไว รู้เรื่องอะไร ๆ ก่อนคนอื่นเสมอ.
หูไวตาไว หูไวตาไว ว. รู้ทันเหตุการณ์ได้รวดเร็ว.
หูเสือ หูเสือ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Coleus amboinicus (Lour.) Spreng. ในวงศ์ Labiatae ใบกลมแข็งกรอบมีขน กลิ่นฉุน กินได้.
หูหนวก หูหนวก น. หูที่ขาดสมรรถภาพในการได้ยินเสียง, โดยปริยายหมายความว่า ฟังอะไรไม่ได้ยิน.
หูหนวกตาบอด หูหนวกตาบอด (สำ) ว. ไม่รับรู้รับเห็นสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น.
หูหนัก หูหนัก ว. ไม่เชื่อคำป้อยอหรือยุแหย่เป็นต้นของใครง่าย ๆ.
หูหนาตาโต,หูหนาตาเล่อ หูหนาตาโต, หูหนาตาเล่อ น. ชื่อโรคเรื้อน.
หูหนู หูหนู น. (๑) ชื่อเห็ดหลายชนิดในสกุล Auricularia วงศ์ Auriculariaceae ขึ้นบนขอนไม้ ดอกเห็ดเป็นแผ่นวุ้น สีน้ำตาลอ่อนถึงนํ้าตาลดํา กินได้ เช่น ชนิด A. polytricha (Mont.) Sacc. สีนํ้าตาลอมม่วง นิยมเพาะเลี้ยงกันมาก, ชนิด A. delicata (Fr.) P. Henn. สีนํ้าตาลอ่อนอมเหลือง เนื้อบางนิ่มยืดหยุ่น, ชนิด A fuscosuccinea (Mont.) Farlow สีนํ้าตาลดํา เนื้อกรอบกรุบ.<2t>(๒) จอกหูหนู.
หูหาเรื่อง หูหาเรื่อง (สำ) น. หูที่รับฟังแล้วตีความไปอีกอย่างหนึ่งซึ่งมีลักษณะไปในทางที่ไม่ดี.
หู่หี่ หู่หี่ ว. ย่นยู่ยี่.
หูไห หูไห น. ชื่อพระเครื่องแบบหนึ่งด้านหลังมีหูสําหรับร้อยเชือกผูกคอช้างศึกม้าศึก.
หูอื้อ หูอื้อ ว. อาการที่รู้สึกเหมือนมีลมอยู่ในหูทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียง.
เห เห ก. เบนไป เช่น เหหัวเรือ, เขว เช่น เขาเหไปเข้าข้างศัตรู, เฉ เช่น รถยนต์เหออกนอกทาง.
เห่ เห่ น. ทำนองที่ใช้ร้องในบางพระราชพิธี, ถ้าใช้ร้องเมื่อเวลาพายเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค เรียกว่า เห่เรือ, ถ้าใช้ร้องในพระราชพิธีขึ้นพระอู่พระเจ้าลูกเธอ เรียกว่า เห่กล่อม; คำสั่งที่เขียนไว้ในวงเล็บท้ายบทเพลงเพื่อให้นักดนตรี นักร้อง และนักแสดงปฏิบัติตาม.<2t>ก. กล่อม เช่น เห่ลูก.<2t>ว. เสียงอย่างกล่อมลูก.
เหง เหง [เหงฺ] ก. ข่ม, มักใช้เข้าคู่กับคํา ข่ม เป็น ข่มเหง.
เหง่ง เหง่ง [เหฺง่ง] ว. มีเสียงอย่างเสียงระฆังดัง, มักใช้ว่า หง่างเหง่ง หรือ เหง่งหง่าง.
เหงา,เหงา ๑ เหงา ๑ [เหฺงา] ว. เปลี่ยวใจ, เปล่าเปลี่ยว, ไม่คึกคัก.
เหงา,เหงา ๒ เหงา ๒ [เหฺงา] น. ชื่อลายกระหนกตัวแรก.
เหง้า เหง้า [เหฺง้า] น. ลําต้นที่อยู่ใต้ดินของพืชบางชนิด เช่น ขิง กระวาน ที่จมอยู่ใต้ดิน; ต้นเดิม, ต้นวงศ์.
เหงาปั้นลม เหงาปั้นลม น. ตัวไม้ชายปั้นลมที่หักกลับโค้งเข้ามาคล้ายลายกระหนกตัวแรก.
เหงาหงอย เหงาหงอย ว. เปลี่ยวใจไม่กระปรี้กระเปร่า, หงอยเหงา ก็ว่า.
เหงื่อ เหงื่อ [เหฺงื่อ] น. ของเหลวที่ร่างกายขับออกทางผิวหนัง; หยดนํ้าที่กลั่นตัวจากไอนํ้าจับอยู่ที่ฝาภาชนะซึ่งปิดหรือที่ผิววัสดุซึ่งคลุมอยู่เป็นต้น, (ปาก) เหื่อ.
เหงือก เหงือก [เหฺงือก] น. เนื้อที่หุ้มโคนฟัน; อวัยวะของสัตว์ที่ใช้หายใจในนํ้า.
เหงือกปลาหมอ,เหงือกปลาหมอ ๑ เหงือกปลาหมอ ๑ น. โรคที่เกิดตามฝ่าเท้าทําให้หนังฝ่าเท้าแตกเป็นกลีบ ๆ.
เหงือกปลาหมอ,เหงือกปลาหมอ ๒ เหงือกปลาหมอ ๒ น. ชื่อไม้ล้มลุก ๒ ชนิดในสกุล Acanthus วงศ์ Acanthaceae ชนิด A. ebracteatus Vahl ขึ้นตามริมนํ้าบริเวณนํ้ากร่อย ดอกสีขาว ขอบใบเป็นหนาม ชนิด A. ilicifolius L. ดอกสีม่วงอ่อน บางทีขอบใบเรียบ, จะเกร็ง หรือ อีเกร็ง ก็เรียก.
เหงื่อกาฬ เหงื่อกาฬ น. เหงื่อของคนใกล้จะตาย; โดยปริยายหมายถึงเหงื่อแตกด้วยความตกใจกลัวเป็นต้น.
เหงื่อตกกีบ เหงื่อตกกีบ (สำ) ก. เหนื่อยมาก.
เห็จ เห็จ (กลอน) ก. เหาะ, ไปในอากาศ, เช่น รณบุตรเห็จเข้าโจมฟัน รณาภิมุขผัน หฤทัยเสาะสุดแรง. (สมุทรโฆษ).<2t>ว. เร็ว, เลือนมาจาก ระเห็จ.
เห็ด เห็ด น. ส่วนของเชื้อราที่ออกเป็นดอก แบ่งเป็น ๒ ชนิด ชนิดหนึ่งไม่มีพิษ กินได้ เช่น เห็ดโคน เห็ดฟาง อีกชนิดหนึ่งมีพิษ บางชนิดกินแล้วถึงตาย เช่น เห็ดระโงกหิน.
เห็ดโคน เห็ดโคน ดู ซ่อนทราย (๒).
เห็ดตับเต่าขาว,เห็ดตีนแรด เห็ดตับเต่าขาว, เห็ดตีนแรด น. เห็ดจั่น. [ดู จั่น ๕ (๒)].
เห็ดถอบ เห็ดถอบ (ถิ่น-พายัพ) น. เห็ดเผาะ. (ดู เผาะ ๒).
เห็ดหลุบ เห็ดหลุบ ดู ดอกไม้ทะเล.
เห็ดหอยนางรม เห็ดหอยนางรม ดู นางรม ๒.
เหติ เหติ น. อาวุธ, เครื่องรบ. (ป., ส.).
เหตุ เหตุ [เหด] น. สิ่งหรือเรื่องที่ทําให้เกิดผล, เค้ามูล, เรื่อง; เหตุผล.<2t>สัน. ด้วย, เพราะ. (ป., ส.).
เหตุการณ์ เหตุการณ์ น. เรื่องที่เกิดขึ้น.
เหตุผล เหตุผล น. เหตุ, เหตุและผล.
เหตุสุดวิสัย เหตุสุดวิสัย น. ภาวะที่พ้นความสามารถที่ใครจะป้องกันได้.
เห็น เห็น ก. อาการของตาที่ประสบรูป, ปรากฏแก่ตา, ปรากฏแก่ใจ, คิดรู้.
เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว (สํา) ก. เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง, เห็นผิดเป็นชอบ ก็ว่า.
เห็นการณ์ไกล เห็นการณ์ไกล น. คาดคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ถูกต้องหรือใกล้เคียง โดยอาศัยเหตุผลหรือประสบการณ์เป็นต้น, มองการณ์ไกล ก็ว่า.
เห็นแก่ เห็นแก่ ก. มุ่งเฉพาะเพื่อ เช่น เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวก เห็นแก่ได้.
เห็นแก่หน้า เห็นแก่หน้า ก. ลําเอียงในบุคคล, มุ่งเฉพาะคน.
เห็นขี้ดีกว่าไส้ เห็นขี้ดีกว่าไส้ (สํา) ก. เห็นคนอื่นดีกว่าญาติพี่น้อง.
เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น,เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานรัดก้น เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น, เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานรัดก้น (สํา) ก. ทําเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีกําลังทรัพย์หรือความสามารถพอ, มีความหมายอย่างเดียวกับ เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง.
เหน่ง,เหน่ง ๑ เหน่ง ๑ [เหฺน่ง] ว. มีลักษณะใสเป็นมัน (มักใช้แก่ศีรษะโล้นหรือล้าน) เช่น หัวล้านเหน่ง โกนหัวจนใสเหน่ง.
เหน่ง,เหน่ง ๒ เหน่ง ๒ [เหฺน่ง] ว. มีเสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงระนาดเป็นต้น.
เหนงนายพราน เหนงนายพราน [เหฺนง-] ดู เขนงนายพราน.
เห็นจะ เห็นจะ ก. คงจะ เช่น เห็นจะจริง, ถ้าใช้ในความปฏิเสธ เป็น ไม่เห็นจะ.
เห็นใจ เห็นใจ ก. เห็นน้ำใจว่าเป็นอย่างไร เช่นดีหรือชั่ว, ร่วมรู้สึกในความทุกข์ยากของผู้อื่น เช่น รู้สึกเห็นใจคนจนที่ต้องอดมื้อกินมื้อ; มาทันพบก่อนตาย เช่น เขามาทันเห็นใจก่อนพ่อจะสิ้นลม.
เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง (สํา) ก. ทําเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทั้ง ๆ ที่ตนไม่มีกําลังทรัพย์หรือความสามารถพอ, มีความหมายอย่างเดียวกับ เห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานก้น หรือเห็นเขาขึ้นคานหาม เอามือประสานรัดก้น.
เห็นช้างเท่าหมู เห็นช้างเท่าหมู (สำ) ก. เห็นฝ่ายตรงข้ามซึ่งแม้จะตัวใหญ่กว่าหรือมีอำนาจมากกว่าไม่น่าเกรงขามในเวลาที่โกรธมากจนลืมตัว.
เห็นชายผ้าเหลือง เห็นชายผ้าเหลือง (สำ) มีโอกาสได้จัดการบวชลูกหลานเป็นต้นในพระพุทธศาสนา ถือว่าได้บุญมาก.
เหน็ดเหนื่อย เหน็ดเหนื่อย ก. อ่อนเพลียเพราะทํางานเป็นต้น, เหนื่อยเหน็ด ก็ว่า.
เห็นดำเห็นแดง เห็นดำเห็นแดง ว. ถึงที่สุดจนรู้ความจริงว่าดีหรือชั่ว ผิดหรือถูก เป็นต้น.
เห็นดี เห็นดี ก. เห็นประจักษ์ในอำนาจ (มักใช้ในการขู่เด็กหรือผู้น้อย) เช่น เดี๋ยวก็ได้เห็นดีหรอก.
เห็นดีกัน เห็นดีกัน ก. เห็นว่าใครจะมีฝีมือหรือความสามารถเป็นต้นมากกว่ากัน (มักใช้ในทางท้าทาย) เช่น สักวันหนึ่งจะต้องเห็นดีกัน.
เห็นดีเห็นงาม เห็นดีเห็นงาม ก. คิดหรือรู้สึกคล้อยตาม.
เหน็บ,เหน็บ ๑ เหน็บ ๑ น. ชื่อมีดขนาดกลาง ใบมีดรูปร่างปลายแหลม กลางป่อง โคนแคบ สันค่อนข้างหนา ด้ามทำเป็นกั่นสอดติดกับด้ามไม้หรือทำเป็นบ้องติดอยู่ในตัวก็มี ปรกติสอดใบมีดไว้ในฝักซึ่งทำด้วยไม้หรือหวายสาน นิยมเหน็บเอวด้านหลังหรือด้านหน้าในเวลาออกนอกบ้าน ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง, อีเหน็บ ก็เรียก.
เหน็บ,เหน็บ ๒ เหน็บ ๒ ก. เสียบ, สอดไว้ในที่บังคับ; กิริยาที่เอาสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีสบู่เป็นต้นสอดเข้าไปในช่องทวารหนักเพื่อให้อุจจาระออก.
เหน็บ,เหน็บ ๓ เหน็บ ๓ ก. พูดเสียดสีแคะไค้ เช่น เขาชอบมาเหน็บให้เจ็บใจ.<2t>ว. อาการที่พูดเสียดสีแคะไค้ ในคำว่า พูดเหน็บ.
เหน็บ,เหน็บ ๔ เหน็บ ๔ น. อาการชาและเจ็บแปลบปลาบตามแขนขาเป็นต้น เกิดจากหลอดเลือดและเส้นประสาทหรืออย่างใดอย่างหนึ่งบริเวณนั้นถูกกดทับระยะหนึ่ง.
เหน็บชา เหน็บชา น. ชื่อโรคชนิดหนึ่ง เกิดจากขาดวิตามินบี ๑ ทําให้มีอาการชาปลายมือปลายเท้าเป็นต้น.
เหน็บแนม เหน็บแนม ว. อาการที่พูดเสียดสีแคะไค้กระทบกระเทียบเปรียบเปรย.
เห็นผิดเป็นชอบ เห็นผิดเป็นชอบ ก. เห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง, เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ก็ว่า.
เห็นหน้าเห็นหลัง เห็นหน้าเห็นหลัง ก. เห็นผลงานที่ได้ลงทุนลงแรงไป.
เหน่อ เหน่อ [เหฺน่อ] ว. มีเสียงพูดที่เพี้ยนไปจากสําเนียงมาตรฐาน.
เห็นอ้ม เห็นอ้ม (ถิ่น-อีสาน) น. ชะมด. (ดู ชะมด ๑).
เหนอะ,เหนอะหนะ เหนอะ, เหนอะหนะ [เหฺนอะ-] ว. มีลักษณะเหนียวติดมือ เช่น ข้าวติดมือเหนียวเหนอะหนะ, โดยปริยายหมายถึงอาการที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เหงื่อไหลจนรู้สึกว่าตัวเหนียวเหนอะหนะไปหมด.
เหน้า เหน้า [เน่า] ว. รุ่น, หนุ่ม, สาว, ใช้เข้าคู่กับคำ หนุ่ม เป็น หนุ่มเหน้า หมายถึง กำลังสาว, กำลังหนุ่ม.
เหนาะ ๆ เหนาะ ๆ ว. อาการที่ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมาอย่างสะดวกหรือคล่อง เช่น ได้กำไรมาเหนาะ ๆ.
เหนียง เหนียง [เหฺนียง] น. เนื้อหรือหนังที่ห้อยอยู่บริเวณคอของสัตว์บางชนิด เช่น ไก่ นก วัว, โดยปริยายหมายถึงเนื้อที่ห้อยอยู่ตรงลำคอใต้คางของคนแก่ ในความว่า แก่จนเหนียงยาน; สายป่านที่ผูกยาวห้อยเป็นบ่วงจากสายซุงว่าวปักเป้า.
เหนี่ยง เหนี่ยง [เหฺนี่ยง] น. ชื่อด้วงปีกแข็งชนิด Hydrophilus bilineatus ในวงศ์ Hydrophilidae ลําตัวรูปไข่ แบนเล็กน้อย ตัวยาวประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๑.๕ เซนติเมตร สีดําตลอดตัว มีหนามแหลมที่ด้านล่างของอกยาวยื่นไปถึงส่วนท้อง อาศัยอยู่ตามแหล่งนํ้าต่าง ๆ, โดยปริยายใช้เรียกผู้ที่มีผิวดำคล้ำโดยธรรมชาติหรือเพราะถูกแดดถูกลมมากว่า ตัวดำเป็นเหนี่ยง.
เหนียงนกกระทุง เหนียงนกกระทุง น. (๑) ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L.<2t>(๒) ชื่อไม้เถาชนิด Aristolochia elegans L. ในวงศ์ Aristolochiaceae ดอกลายเป็นกระพุ้งเหมือนเหนียงนกกระทุง, นกกระทุง ก็เรียก.
เหนี่ยน เหนี่ยน [เหฺนี่ยน] (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อกับข้าวชนิดหนึ่ง ใช้มะเขือพวงเป็นต้นเผาแล้วคลุกด้วยนํ้าพริกปลาร้า.
เหนียม เหนียม [เหฺนียม] ก. อาย, กระดาก.
เหนียว เหนียว [เหฺนียว] ว. ดึงขาดยาก, ทนทานไม่หักไม่ขาดง่าย, แกะออกยาก, ไม่ยุ่ย, ไม่เปื่อย, เช่น กิ่งมะขามเหนียวมาก ด้ายหลอดเหนียวมาก มือเหนียวตีนเหนียว; มีลักษณะคล้ายยางใช้ติดสิ่งอื่นได้ เช่น เอาแป้งมันผสมน้ำตั้งไฟแล้วกวนจนเหนียว, อาการที่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะ เช่น เหงื่อออกจนเนื้อตัวเหนียวไปหมด; (ปาก) คงกระพัน, ทนทานต่อศาสตราวุธ, ฟัน แทง หรือยิงไม่เข้า, เช่น เขาเป็นคนหนังเหนียว; ตระหนี่ เช่น เขาเป็นคนเหนียวมาก, มักใช้ว่า ขี้เหนียว.<2t>น. ชื่อดินที่มีลักษณะเหนียวใช้ปั้นได้ เรียกว่า ดินเหนียว; ชื่อข้าวที่มีลักษณะเหนียวมาก ใช้นึ่งเป็นอาหาร เรียกว่า ข้าวเหนียว; ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทําด้วยแป้งข้าวเหนียว คลุกมะพร้าวขูด โรยน้ำตาลเคี่ยวและข้าวตากคั่ว เรียกว่า ขนมเหนียว.
เหนี่ยว เหนี่ยว ก. รั้งไว้, ดึงไว้, ยึดไว้.
เหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า เหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า น. ปรากฏการณ์ซึ่งมีกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นเนื่องจากอํานาจแม่เหล็ก, เรียกกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเนื่องจากอํานาจแม่เหล็กว่า กระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนํา, เรียกเครื่องมือสําเร็จที่ใช้สําหรับเปลี่ยนศักย์ไฟฟ้าให้มีค่าสูงขึ้นมาก ๆ โดยอาศัยอํานาจแม่เหล็กว่า ขดลวดเหนี่ยวนํา.
เหนียวแน่น เหนียวแน่น ว. มีความระมัดระวังมากในการใช้จ่าย เช่น เขาเป็นคนเหนียวแน่น; แน่นแฟ้น เช่น มิตรภาพระหว่างประเทศทั้งสองนี้เหนียวแน่นมาก.
เหนี่ยวรั้ง เหนี่ยวรั้ง ก. ดึงไว้, ประวิงไว้, ชะลอไว้.
เหนียวหนี้ เหนียวหนี้ ว. ไม่ยอมใช้หนี้ง่าย ๆ.
เหนียวหนืด เหนียวหนืด ว. ข้นเหนียวมาก, โดยปริยายใช้หมายถึงคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก.
เหนียวหมา เหนียวหมา ดู กระดูกอึ่ง.
เหนือ เหนือ [เหฺนือ] ว. ที่อยู่ในที่หรือฐานะสูงกว่าสิ่งอื่นเมื่อมีการเปรียบเทียบกัน เช่น เขามีอํานาจเหนือฉัน, ที่มีความรู้ความสามารถเป็นต้นสูง เช่น เขามีฝีมือเหนือชั้นกว่าคู่ต่อสู้, ข้างบน เช่น สวะลอยอยู่เหนือนํ้า, ตรงข้ามกับ ใต้.<2t>น. ชื่อทิศตรงข้ามกับทิศใต้, ทิศที่อยู่ทางซ้ายมือเมื่อหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เรียกว่า ทิศเหนือ, ทิศอุดร ก็ว่า. บ. พ้นขึ้นไป, เลยขึ้นไป, เช่น เมฆลอยอยู่เหนือภูเขา.
เหนื่อย เหนื่อย ก. รู้สึกอ่อนแรงลง, อิดโรย.
เหนื่อยหน่าย เหนื่อยหน่าย ก. รู้สึกอิดหนาระอาใจ.
เหนื่อยอ่อน เหนื่อยอ่อน ก. รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย.
เห็บ,เห็บ ๑ เห็บ ๑ น. ชื่อแมงขนาดเล็กหลายชนิดในหลายวงศ์ ลักษณะทั่วไปคล้ายไร แต่ส่วนใหญ่มักโตกว่า และปากมีลักษณะเป็นแท่ง มีหนามโค้งเล็ก ๆ กระจายอยู่รอบปลายปาก แผ่นแข็งของรูหายใจอยู่บริเวณด้านข้างของลําตัวเลยขาคู่ที่ ๔ มาทางด้านส่วนท้อง มีทั้งชนิดที่มีผนังลําตัวแข็งและผนังลําตัวอ่อน เป็นตัวเบียนดูดกินเลือดสัตว์ เช่น เห็บวัว (Boophilus caudatus) เห็บสุนัข (Rhipicephalus sanguineus) ทั้ง ๒ ชนิดอยู่ในวงศ์ Ixodidae.
เห็บ,เห็บ ๒ เห็บ ๒ น. เม็ดนํ้าแข็งที่เกิดจากการกลั่นตัวของไอน้ำในอากาศแล้วตกลงมา เรียกว่า ลูกเห็บ.
เห็บน้ำ เห็บน้ำ น. ชื่อสัตว์ประเภทไรนํ้าซึ่งเกาะเบียนตามตัวปลา มีหลายชนิดในหลายวงศ์ ลําตัวยาวได้ถึง ๗ มิลลิเมตร ตัวแบน เมื่อมองทางด้านหลังจะเห็นหัวกับอกติดกัน ท้องเล็กมากมองคล้ายหางที่โผล่ออกมา มีขา ๔ คู่ ใช้สําหรับว่ายนํ้า ปากมีอวัยวะคล้ายขาใช้เกาะยึดซึ่งต้องหงายท้องดูจึงจะเห็น ที่พบบ่อยเป็นชนิด Argulus indicus ในวงศ์ Argulidae.
เหม,เหม- เหม, เหม- [เหมะ-] น. ทองคำ; ชื่อช้างตระกูล ๑ ใน ๑๐ ตระกูล เรียกว่า เหมหัตถี กายสีเหลืองดั่งทอง. (ดู กาฬาวก). (ป.); เรียกฝาหีบหรือภาชนะบางอย่างซึ่งมียอดแหลมปิดทอง; เรียกส่วนยอดปราสาทที่อยู่ระหว่างบัลลังก์กับบัวกลุ่ม.
เหม่,เหม่ ๆ เหม่, เหม่ ๆ [เหฺม่] (กลอน) อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความโกรธเพื่อขู่หรือตวาด, อุเหม่ ก็ว่า.<2t>ว. เสียงดังเช่นนั้น แสดงความโกรธ.
เหม็ง เหม็ง น. วิธีแทงโปวิธีหนึ่ง ถ้าลูกค้าแทงเหม็งประตูใด โปออกประตูนั้น เจ้ามือใช้ ๑ ต่อ ถ้าออกข้างเคียงซ้ายหรือขวา เป็นเจ๊า ถ้าออกประตูตรงข้าม เจ้ามือกิน เช่น เหม็ง๒ ถ้าออก ๒ เป็นถูก ออกหน่วย ออก ๓ เป็นเจ๊า ออกครบ เจ้ามือกิน.
เหม่ง,เหม่ง ๑ เหม่ง ๑ [เหฺม่ง] ว. ใส, เป็นมัน.
เหม่ง,เหม่ง ๒ เหม่ง ๒ ว. มีเสียงดังเช่นนั้น.
เหม็น,เหม็น ๑ เหม็น ๑ ก. ได้รับกลิ่นไม่ดี.<2t>ว. มีกลิ่นไม่ดี, ตรงข้ามกับ หอม.
เหม็น,เหม็น ๒ เหม็น ๒ น. ส้มเขียวหวานที่ยังอ่อนอยู่ ใช้ปรุงอาหารได้ เรียกว่า ส้มเหม็น.
เหม็นเขียว เหม็นเขียว ว. มีกลิ่นเหม็นอย่างกลิ่นใบไม้สดบางชนิด.
เหม็นเบื่อ เหม็นเบื่อ ก. เบื่อหน่ายเพราะจําเจ.
เหม็นเปรี้ยว เหม็นเปรี้ยว ว. มีกลิ่นเหม็นคล้ายอาหารบูด.
เหมวดี เหมวดี [เหมะวะดี] น. ขัณฑสกร มีลักษณะคล้ายนํ้าตาลกรวด รสหวาน ใช้ทํายาไทย.
เหม่อ เหม่อ [เหฺม่อ] ก. ไม่ตั้งใจระวัง, ไม่ตั้งใจดู, เผลอใจลอย.
เหมันต,เหมันต-,เหมันต์ เหมันต-, เหมันต์ [เหมันตะ-] น. ฤดูหนาว ในคำว่า ฤดูเหมันต์, เหมันตฤดู ก็ว่า. (ป., ส.).
เหมา,เหมา ๑ เหมา ๑ [เหฺมา] ก. คิดเป็นจํานวนรวม เช่น รับเหมาเหมาผลไม้ทั้งเข่ง; หาความ เช่น อย่าเหมาว่าฉันผิดคนเดียว.
เหมา,เหมา ๒ เหมา ๒ [เหฺมา] (ถิ่น-อีสาน) น. เม้า คือ ปีเถาะ.
เหมายัน เหมายัน [เห-] (ดารา) น. จุดสุดทางใต้ เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏในราววันที่ ๒๒ ธันวาคม เป็นจุดในหน้าหนาว มีกลางคืนยาวที่สุด เรียกว่า เหมายัน (winter solstice), คู่กับ ครีษมายัน, ทักษิณายัน ก็เรียก. (ป., ส. หิม + ส. อายน).
เหมาะ เหมาะ ว. ดี เช่น ได้โอกาสเหมาะ, พอดี เช่น กำลังเหมาะ, สมควร เช่น โอกาสนี้ไม่เหมาะจะเข้าพบผู้ใหญ่, คู่ควร เช่น ๒ คนนี้เหมาะกัน.
เหมาะเจาะ เหมาะเจาะ ว. พอดี, พอดิบพอดี.
เหมาะมือ เหมาะมือ ว. พอดีมือ, กระชับมือ.
เหมาะสม เหมาะสม ว. พอเหมาะพอสมกัน เช่น เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้เหมาะสมกัน; สมควร, ควรแก่กรณี, เช่น เขาถูกลงโทษเหมาะสมกับความผิดแล้ว.
เหมาะเหม็ง เหมาะเหม็ง (ปาก) ว. พอดิบพอดี.
เหมียว,เหมียว ๑ เหมียว ๑ น. คำใช้เรียกแทนคำว่า แมว ตามเสียงร้องของมันในคำว่า อ้ายเหมียว อีเหมียว.
เหมียว,เหมียว ๒,เหมียว ๆ เหมียว ๒, เหมียว ๆ ว. มีเสียงอย่างเสียงแมวร้อง, เสียงร้องเรียกแมว.
เหมือง เหมือง [เหฺมือง] น. บ่อ เช่น เหมืองถ่านหิน เหมืองแร่; ลําราง, ร่องนํ้าสําหรับชักนํ้าเข้าไปหล่อเลี้ยงพืชที่เพาะปลูก, เช่น ชักน้ำจากเหมืองเข้านา.
เหมืองฝาย เหมืองฝาย น. คลองส่งนํ้าที่มีทํานบกั้น.
เหมือด,เหมือด ๑ เหมือด ๑ [เหฺมือด] น. เครื่องกินกับขนมจีนนํ้าพริก มีหัวปลีซอยเป็นต้น.<2t>ว. ใช้ประกอบกับคำ สลบ เป็น สลบเหมือด หมายความว่า สลบไสล, แน่นิ่งไม่ติงกาย.
เหมือด,เหมือด ๒ เหมือด ๒ [เหฺมือด] น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Symplocos วงศ์ Symplocaceae ใบแห้งสีเหลือง ดอกสีขาวออกเป็นช่อ กลิ่นหอม เช่น เหมือดหลวง [S. cochinchinensis (Lour.) S. Moore], เหมือดหอม (S. racemosa Roxb.).
เหมือดคน เหมือดคน น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางหลายชนิดในสกุล Helicia วงศ์ Proteaceae บางชนิดใช้ทํายาได้ เช่น ชนิด H. robusta R. Br. ex Wall.
เหมือดโลด เหมือดโลด น. (๑) ชื่อไม้ต้นขนาดเล็กชนิด Aporusa villosa Baill. ในวงศ์ Euphorbiaceae พบในป่าโปร่งทั่วไป, กรม กลม หรือ โลด ก็เรียก.<2t>(๒) ดู กระต่ายจาม (๑).
เหมือน เหมือน [เหฺมือน] ว. ดั่ง, เช่น, ดั่งเช่น, อย่าง, เช่น เขาทำได้เหมือนใจฉันเลย.
เหมือนกัน เหมือนกัน ว. อย่างเดียวกัน, ไม่แปลกกัน, เช่น พี่น้องคู่นี้มีนิสัยเหมือนกัน.
เหมือนกับ เหมือนกับ สัน. ดังเช่น เช่น เขาพูดเหมือนกับเห็นมาด้วยตนเอง.
เหมือนว่า,เหมือนหนึ่งว่า เหมือนว่า, เหมือนหนึ่งว่า สัน. ดุจว่า, ประหนึ่งว่า, เหมือนกับว่า, เช่น เขาพูดกับฉันเหมือนว่าฉันเป็นเพื่อนเขา เขารักฉันเหมือนหนึ่งว่าเป็นลูกในไส้.
เหมื่อย,เหมื่อย ๆ เหมื่อย, เหมื่อย ๆ (โบ) ว. เนือง ๆ, บ่อย ๆ, เรื่อย ๆ.
เหย เหย [เหฺย] ว. เบ้ (ใช้แก่หน้า).
เหยเก เหยเก ว. เบ้เบี้ยวไป (ใช้แก่หน้า).
เหยง,เหยง ๆ เหยง, เหยง ๆ [เหฺยง] ว. อาการที่ทำซ้ำ ๆ อย่างเร็ว เช่น ขุดดินเหยง ด่าเหยง ๆ, (ปาก) ใช้ว่า เหย็ง หรือ เหย็ง ๆ ก็มี.
เหย่อย เหย่อย [เหฺย่ย] น. การเล่นเพลงพื้นบ้านอย่างหนึ่งของไทย ผู้เล่นร้องกลอนสดและรำประกอบ ภายหลังมีกลองยาวประกอบด้วย มักเล่นในบางเทศกาลเช่นฤดูเกี่ยวข้าว.
เหยา เหยา [เหฺยา] ก. ยั่วให้โกรธ.
เหย่า,เหย่า ๆ เหย่า, เหย่า ๆ [เหฺย่า] ว. อาการที่วิ่งอย่างช้า ๆ หรือเดินอย่างเร็ว.
เหย้า เหย้า [เย่า] น. เรือน, บ้านเรือน, ครอบครัว, มักใช้เข้าคู่กับคํา เรือน เป็น เหย้าเรือน, เขียนเป็น หย้าว ก็มี.
เหยาะ เหยาะ ก. หยอดหรือหยดลงแต่น้อยตามต้องการ.
เหยาะ ๆ เหยาะ ๆ ว. อาการที่วิ่งช้า ๆ.
เหยาะแหยะ เหยาะแหยะ [-แหฺยะ] ว. ย่อหย่อน, ทําเป็นเล่น, ไม่เอาจริงเอาจัง, เช่น ทำงานเหยาะแหยะ.
เหยิง เหยิง [เหฺยิง] ว. ยุ่ง, รุงรัง, มักใช้เข้าคู่กับคํา ยุ่ง เป็น ยุ่งเหยิง.
เหยิบ ๆ เหยิบ ๆ [เหฺยิบ] ว. เยิบ ๆ.
เหยียด เหยียด [เหฺยียด] ก. ทําสิ่งที่งออยู่ให้ตรง เช่น เหยียดเส้นลวด; ยาวตรงออกไปเต็มขนาด เช่น เหยียดแขน เหยียดขา; ในวิธีเลขโบราณว่า ลบออก เช่น เหยียดนพเป็นเอก คือ เอา ๙ ลบ ๑๐ เหลือ ๑; ดูถูก เช่น เหยียดผิว.<2t>ว. ยาวตรงออกไปเต็มขนาด ในคำว่า ยาวเหยียด.
เหยียดผิว เหยียดผิว ก. ดูถูกคนชาติอื่นที่มีสีผิวต่างกับเชื้อชาติตน (มักใช้แก่พวกผิวขาวเหยียดพวกผิวดํา).
เหยียดหยาม เหยียดหยาม ก. ดูหมิ่น.
เหยียบ เหยียบ [เหฺยียบ] ก. วางเท้ากดลงไปบนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง; โดยปริยายหมายความว่า ปกปิด เช่น พูดแล้วเหยียบเสีย.<2t>ว. เกือบ เช่น เหยียบร้อย.
เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ (สํา) ว. หยิบหย่ง, ทําอะไรไม่จริงจัง, ไม่เอาการเอางาน.
เหยียบจมูก เหยียบจมูก ก. บังอาจลบเหลี่ยม.
เหยียบถ้ำเสือ,เหยียบถิ่นเสือ เหยียบถ้ำเสือ, เหยียบถิ่นเสือ ก. เข้าไปในแดนผู้มีอิทธิพลโดยไม่แสดงความยำเกรง.
เหยียบย่าง เหยียบย่าง ก. เข้าไปสู่, เดินเข้าไป, ย่างเข้าสู่, ย่างเหยียบ ก็ว่า.
เหยียบย่ำ เหยียบย่ำ ก. ละเมิดให้เสียหาย, ย่ำยีด้วยความดูถูก เช่น อย่าเหยียบย่ำคนจน.<2t>น. เอกสารซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่อนุญาตให้จับจองที่ดินว่างเปล่า มีเงื่อนไขให้ทําประโยชน์ในที่ดินนั้น เรียกว่า ใบเหยียบยํ่า.
เหยียบเรือสองแคม เหยียบเรือสองแคม (สํา) ก. ทําทีเข้าด้วยทั้ง ๒ ฝ่าย.
เหยี่ยว เหยี่ยว น. ชื่อนกในวงศ์ Accipitridae ปากงุ้มและคม ขาและนิ้วตีนแข็งแรงมาก เล็บยาวแหลม ปีกแข็งแรง บินร่อนได้นาน ๆ ส่วนใหญ่ล่าสัตว์กินเป็นอาหาร มีหลายชนิด เช่น เหยี่ยวขาว หรือ เหยี่ยวปักหลัก (Elanus caeruleus) เหยี่ยวแดง (Haliastur indus) เหยี่ยวรุ้ง (Spilornis cheela).
เหยี่ยวข่าว เหยี่ยวข่าว (ปาก) น. นักข่าว, คนที่หาข่าวได้รวดเร็วเป็นพิเศษ.
เหยื่อ เหยื่อ [เหฺยื่อ] น. อาหารที่ใช้ล่อสัตว์; เครื่องล่อ; ตัวรับเคราะห์ เช่น เหยื่อกระสุน.
เหยือก เหยือก [เหฺยือก] น. ภาชนะใส่น้ำเป็นต้น มีขนาดใหญ่และสูงกว่าถ้วย มีหูอยู่ข้าง ๆ ข้างเดียว.
เหรอ,เหรอะ เหรอ, เหรอะ (ปาก) คำที่มีเสียงเพี้ยนมาจากคำว่า หรือ.
เหรัญญิก เหรัญญิก น. ตําแหน่งกรรมการเจ้าหน้าที่ของสมาคมเป็นต้น ทําหน้าที่เกี่ยวกับการเงิน.
เหรา,เหรา ๑ เหรา ๑ [เห-รา] น. ชื่อแมงดาทะเลชนิด Carcinoscorpius rotundicauda ในวงศ์ Xiphosuridae สันหางเรียบมน มีขนตามริมกระดองและหาง, แมงดาทะเลหางกลม แมงดาถ้วย หรือ แมงดาไฟ ก็เรียก.
เหรา,เหรา ๒ เหรา ๒ [เห-รา] น. สัตว์ในนิยายมีรูปครึ่งนาคครึ่งมังกร.
เหราเล่นน้ำ เหราเล่นน้ำ น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
เหราะ ๆ เหราะ ๆ ว. เหยาะ ๆ.
เหรียญ เหรียญ น. โลหะที่มีลักษณะกลมแบนหรือรูปเหลี่ยมเป็นต้น มีภาพนูนหรือตัวอักษรอยู่บนพื้น เช่น เหรียญกระษาปณ์ เหรียญความดีความชอบ เหรียญที่ระลึก.
เหรียญกระษาปณ์ เหรียญกระษาปณ์ (กฎ) น. เงินตราโลหะที่ใช้ชําระหนี้ได้ตามกฎหมายไม่เกินจํานวนที่กําหนดโดยกฎกระทรวง.
เห่เรือ เห่เรือ น. ทํานองที่ใช้ร้องเมื่อเวลาพายเรือพระที่นั่งในกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค.
เหล่ เหล่ ว. เขมาก (ใช้แก่ตา).
เหล็ก เหล็ก น. ธาตุลําดับที่ ๒๖ สัญลักษณ์ Fe เป็นโลหะลักษณะเป็นของแข็งสีขาวเป็นเงาคล้ายเงิน หลอมละลายที่ ๑๕๓๖ °ซ. ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ทําเหล็กหล่อ เหล็กพืด เหล็กกล้า. (อ. iron).<2t>ว. แข็งแกร่ง เช่น บุรุษเหล็ก.
เหล็กกล้า เหล็กกล้า น. เหล็กที่มีธาตุคาร์บอนเจืออยู่ประมาณร้อยละ ๐.๑๕-๑.๕ สมบัติของเหล็กกล้าแตกต่างกันไปตามจํานวนร้อยละของธาตุคาร์บอนและของโลหะอื่นที่เจือปนอยู่ ทั้งยังขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่ใช้ในการเตรียมเหล็กกล้านั้น ๆ ด้วย.
เหล็กกล้าไม่เป็นสนิม เหล็กกล้าไม่เป็นสนิม น. เหล็กกล้าที่เจือโลหะโครเมียมหรือโลหะโครเมียมกับโลหะนิกเกิล บางชนิดมีซิลิคอนเจือปนด้วย.
เหล็กจาร เหล็กจาร น. เหล็กแหลมสำหรับเขียนลงบนใบลานหรือศิลาเป็นต้น.
เหล็กใน เหล็กใน น. เดือยแหลมที่มีในก้นหรือปลายหางสัตว์บางชนิด มีผึ้ง แมงป่อง เป็นต้น.
เหล็กพืด เหล็กพืด น. เหล็กที่มีธาตุคาร์บอนเจือปนอยู่ประมาณร้อยละ ๐.๑๒-๐.๒๕ และมีสิ่งเจือปนอื่น ๆ รวมกันทั้งสิ้นน้อยกว่าร้อยละ ๐.๕ หลอมละลายที่ ๑๔๐๐ °ซ.-๑๕๐๐ °ซ., เหล็กเหนียว ก็เรียก, เรียกเหล็กเหนียวชนิดหนึ่งที่เป็นแผ่นยาวอย่างเหล็กทําปลอกถังว่า แถบเหล็กพืด.
เหล็กวิลาด เหล็กวิลาด น. เหล็กเคลือบดีบุก, (โบ) ใช้ว่า เหล็กวิลาศ ก็มี.
เหล็กส่ง เหล็กส่ง น. เหล็กแท่งเล็ก ๆ สั้น ๆ ปลายข้างหนึ่งแหลมมนคล้ายก้นแมลงสาบ ใช้กดลงที่หัวตะปูแล้วตอกปลายอีกข้างหนึ่งให้หัวตะปูจมลงในเนื้อไม้.
เหล็กเส้น เหล็กเส้น น. เหล็กที่ทําเป็นเส้น มักมีลักษณะกลม.
เหล็กหมาด เหล็กหมาด น. เหล็กปลายแหลม มีด้าม สำหรับไชวัตถุให้เป็นรู.
เหล็กหล่อ เหล็กหล่อ น. เหล็กที่ได้มาจากเตาถลุง มีธาตุคาร์บอนเจือปนอยู่ประมาณร้อยละ ๒.๒-๔.๕ นอกจากนี้ยังมีธาตุแมงกานีส ฟอสฟอรัส ซิลิคอน และกํามะถันปนอยู่ด้วย หลอมละลายที่ประมาณ ๑๒๐๐ °ซ.
เหล็กเหนียว เหล็กเหนียว ดู เหล็กพืด.
เหล็กไหล เหล็กไหล น. โลหะชนิดหนึ่งเชื่อกันว่าเอาไฟเทียนลนก็ไหลย้อยออกได้.
เหลน เหลน [เหฺลน] น. ลูกของหลานที่เป็นลูกของลูกเป็นต้น.
เหลว เหลว [เหฺลว] ว. เป็นนํ้า, ไม่แข็ง; ไม่ได้เรื่อง.
เหลวแหลก เหลวแหลก [-แหฺลก] ว. ป่นปี้, ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน; เละเทะ; เป็นที่น่ารังเกียจ เช่น มีความประพฤติเหลวแหลก ชีวิตเหลวแหลก.
เหลวไหล เหลวไหล ว. ไม่เป็นสาระ เช่น พูดแต่เรื่องเหลวไหล, เลอะเทอะ เช่น เป็นคนเหลวไหล, เชื่อถือไม่ได้ เช่น พูดจาเหลวไหล.
เหลอ เหลอ [เหฺลอ] ว. ทำหน้าเซ่อ ๆ ทำนองว่าไม่รู้เรื่อง เช่น ทำหน้าเหลอ.
เหลอหลา เหลอหลา [-หฺลา] ว. มีหน้าตาเซ่ออย่างคนงงไม่รู้เรื่อง.
เหลา,เหลา ๑ เหลา ๑ [เห-ลา] น. ความหมิ่น; ความสนุก; การเล่น, การกีฬา; การหยอกเอิน; ความสะดวกสบาย. (ส.).
เหลา,เหลา ๒ เหลา ๒ [เหฺลา] ก. ทําให้เกลี้ยงเกลาหรือให้แหลมด้วยเครื่องมือมีมีดเป็นต้น เช่น เหลาตอก เหลาดินสอ.
เหลา,เหลา ๓ เหลา ๓ [เหฺลา] น. ภัตตาคาร. (จ.).
เหล่า เหล่า [เหฺล่า] น. พวก, ก๊ก, เช่น เหล่ามนุษย์ เหล่าสัตว์ เหล่าอันธพาล, กําลังพลของทหารซึ่งประกอบกับคําอื่นมีลักษณะเฉพาะของงาน เช่น เหล่าทหารปืนใหญ่ เหล่าทหารราบ; (ถิ่น-อีสาน) ที่ซึ่งเคยเพาะปลูกแล้วทิ้งให้ร้าง, (ถิ่น-พายัพ) ป่าละเมาะ.<2t>ว. ใช้ประกอบกับคำนามแสดงว่ามีจำนวนมาก เช่น คนเหล่านี้ ของเหล่านั้น.
เหล้า เหล้า [เล่า] น. นํ้าเมาที่กลั่นหรือหมักแล้ว.
เหล่ากอ เหล่ากอ น. เผ่าพันธุ์, ต้นตระกูล, บางทีใช้ควบกับคำอื่น เช่น เทือกเถาเหล่ากอ พงศ์เผ่าเหล่ากอ โคตรเหง้าเหล่ากอ.
เหล้าขาว เหล้าขาว ดู เหล้าโรง.
เหลาชะโอน เหลาชะโอน [เหฺลา-] น. ชื่อปาล์มชนิด Oncosperma tigillaria Ridl. ในวงศ์ Palmae ขึ้นเป็นกอ ลําต้นมีหนามตามปล้อง.
เหล้ายาปลาปิ้ง เหล้ายาปลาปิ้ง น. สุราและกับแกล้ม.
เหล้าโรง เหล้าโรง น. เหล้าที่กลั่นจากโรงงานสุราโดยทั่วไปมักมีความเข้มข้นของเอทิลแอลกอฮอล์ประมาณ ๒๘ ดีกรี หรือ ๔๐ ดีกรี, เหล้าขาว ก็เรียก.
เหลาหลก เหลาหลก [เหฺลาหฺลก] น. ชื่อหมากชนิดหนึ่งเปลือกอ่อน. (พจน. ๒๔๙๓).
เหล้าแห้ง เหล้าแห้ง (ปาก) น. ยาเสพติดชนิดหนึ่งประเภทกดประสาทสมอง เป็นยานอนหลับจําพวกบาร์บิทูเรต ซึ่งผลิตออกมาในรูปของโซเดียมเซโคบาร์บิทาล และเรียกกันสั้น ๆ ว่า เซโคนัล ทางแพทย์ใช้เป็นยานอนหลับประเภทออกฤทธิ์ระยะสั้น.
เหลาะแหละ เหลาะแหละ [-แหฺละ] ว. เหลวไหล, ไม่จริงจัง, มีนิสัยไม่แน่นอน.
เหลิง เหลิง [เหฺลิง] ก. ลืมตัว เช่น พ่อแม่ตามใจเสียจนเหลิง มีคนชมมาก ๆ เลยชักเหลิง.
เหลิงเจิ้ง เหลิงเจิ้ง [เหฺลิง-] (ปาก) ว. พล่าม, เพ้อเจ้อ, อาการที่พูดมากไม่มีสาระ.
เหลิงลม เหลิงลม ว. อาการที่ว่าวติดลมส่ายไปมาบังคับไม่อยู่ ในคำว่า ว่าวเหลิงลม.
เหลิงอำนาจ เหลิงอำนาจ ว. มีอำนาจแล้วลืมตัว.
เหลียน เหลียน [เหฺลียน] น. ชื่อมีดขนาดใหญ่ ใบมีดแบน ปลายกว้างโคนแคบ สันหนาและโค้งดุ้งขึ้น โคนมีดทำเป็นบ้องหรือกั่นสอดติดกับด้ามไม้ยาว ใช้ถางป่า ตัดอ้อย หรือรานกิ่งไม้เป็นต้น, อีเหลียน ก็เรียก. (จ.).
เหลี่ยม,เหลี่ยม ๑ เหลี่ยม ๑ [เหฺลี่ยม] น. ด้านที่เป็นสัน; เส้นประกอบมุมของรูปที่มีด้านตั้งแต่ ๓ ด้านขึ้นไป; ส่วนสัดของขาที่ใช้ในการรํา, คู่กับ วง คือ ส่วนสัดของมือที่ใช้ในการรํา.<2t>ว. เป็นสัน เช่น บวบเหลี่ยม เหลี่ยมเพชร เหลี่ยมเขา.
เหลี่ยม,เหลี่ยม ๒ เหลี่ยม ๒ [เหฺลี่ยม] น. ชั้นเชิง.
เหลี่ยม,เหลี่ยม ๓ เหลี่ยม ๓ [เหฺลี่ยม] ดู กระมัง ๒.
เหลี่ยมคู เหลี่ยมคู น. ชั้นเชิงอย่างคมคาย.
เหลี่ยมจัด เหลี่ยมจัด ว. มีชั้นเชิงมาก.
เหลี่ยมลูกบาศก์ เหลี่ยมลูกบาศก์ (โบ) น. ชื่อมาตราวัดปริมาตร กําหนดเป็นรูปเหลี่ยมลูกบาศก์ มีด้านสูง กว้าง ยาวเท่ากัน เช่น ๑ เมตรเหลี่ยมลูกบาศก์ คือ มีด้านสูง กว้าง และยาวด้านละ ๑ เมตร.
เหลียว เหลียว ก. ผินไปทางขวาหรือทางซ้ายอย่างเอี้ยวคอ.
เหลียวแล เหลียวแล ก. เอาใจใส่ดูแล เช่น พ่อแม่แก่แล้วต้องเหลียวแลท่านให้มาก เด็กคนนี้ไม่มีใครเหลียวแลเลย.
เหลียวหลัง เหลียวหลัง น. เรียกสร้อยที่มีลักษณะบิดเป็นเกลียวว่า สร้อยเหลียวหลัง.<2t>ก. เหลียวดูด้วยความสนใจหรือด้วยความอาลัยอาวรณ์เป็นต้น.
เหลือ เหลือ [เหฺลือ] ก. เกิน, เกินต้องการ, มาก, มากเกิน; ยังอยู่, ค้างอยู่, ยังไม่หมด.
เหลือก เหลือก [เหฺลือก] ก. ทําให้ลูกตาดําอยู่ข้างบน ในคําว่า เหลือกตา.<2t>ว. กลอกขึ้น, เบิกกว้าง, (ใช้แก่ตา), ลูกตาดําอยู่ข้างบน ในคําว่า ตาเหลือก.
เหลือกำลัง,เหลือสติกำลัง เหลือกำลัง, เหลือสติกำลัง ว. พ้นความสามารถ เช่น เหลือกำลังลาก, เต็มที เช่น ซนเหลือกำลัง.
เหลือเกิน เหลือเกิน ว. ยิ่งนัก, เกินควร, เต็มที.
เหลือขอ เหลือขอ ว. ดื้อมาก, เอาไว้ไม่อยู่.
เหลือเข็ญ เหลือเข็ญ ว. ลําบากที่สุด เช่น ยากจนเหลือเข็ญ.
เหลือเข็น เหลือเข็น ว. เข็นไม่ไหว, กวดไม่ขึ้น.
เหลือง,เหลือง ๑ เหลือง ๑ [เหฺลือง] ว. สีอย่างสีรงทองหรือขมิ้น.
เหลือง,เหลือง ๒ เหลือง ๒ [เหฺลือง] น. พริกเหลือง. (ดู เดือยไก่).
เหลือง,เหลือง ๓ เหลือง ๓ [เหฺลือง] ดู กุ้งเหลือง.
เหลือง,เหลือง ๔ เหลือง ๔ [เหฺลือง] ดู ไข้เหลือง.
เหลือง,เหลือง ๕ เหลือง ๕ [เหฺลือง] น. (๑) ชื่อปลาทะเลหลายชนิดในสกุล Caesio วงศ์ Pomadasyidae รูปร่างคล้ายปลากะพง ลําตัว ครีบ และหางสีเหลือง ครีบหางเป็นแฉกลึก มีเกล็ดถึงโคนครีบหลังและหาง เช่น ชนิด C. erythrogaster, C. chrysozonus.<2t>(๒) ชื่อปลาทะเลชนิด Halichoeres nigrescens ในวงศ์ Labridae ลําตัวแบนข้างค่อนข้างหนา สีเขียว ไม่มีเกล็ดที่แก้ม มีเส้นสีม่วงระหว่างตาพาดเฉียงจากตาไปที่แก้ม ๒-๓ เส้น ขนาดยาวประมาณ ๑๔ เซนติเมตร, เหลืองหิน ก็เรียก.
เหลืองหางฟ้า เหลืองหางฟ้า ดู กุ้งเหลือง.
เหลืองหิน เหลืองหิน ดู เหลือง ๕ (๒).
เหลือใจ เหลือใจ ว. สุดกําลัง, มาก, เช่น ลําบากเหลือใจ.
เหลือเชื่อ เหลือเชื่อ ว. เกินจริง, ไม่น่าเชื่อ.
เหลือใช้ เหลือใช้ ว. ใช้ไม่หมด, เกินที่จะใช้.
เหลือเดน,เหลือเดนเลือก เหลือเดน, เหลือเดนเลือก ว. ที่ไม่มีใครต้องการแล้ว, เหลือจากที่ใคร ๆ เลือกกันหมดแล้ว.
เหลือทน เหลือทน ว. สุดที่จะทนได้, ยิ่งนัก, เช่น ขี้เกียจเหลือทน ร้ายเหลือทน.
เหลือบ,เหลือบ ๑ เหลือบ ๑ [เหฺลือบ] น. ชื่อแมลงหลายชนิดในวงศ์ Tabanidae รูปร่างคล้ายแมลงวันแต่ตัวโตกว่า มีปีกคู่เดียวซึ่งมักใส แต่บางชนิดเป็นลายสีต่าง ๆ เช่น นํ้าตาล นํ้าเงิน รวมทั้งสีเลื่อมพราย จึงเรียกว่า ตัวเหลือบ หนวดปล้องปลายมีลักษณะเรียวโค้งงอคล้ายเคียว ตาโต ตัวผู้ตาชิดกัน ตัวเมียตาห่าง ปากมีอวัยวะเป็นแผ่นคมคล้ายใบมีดตัดเนื้อให้ขาด และมีอวัยวะเป็นท่อดูดของเหลวกินได้ ตัวเมียดูดเลือดมนุษย์และสัตว์ ส่วนใหญ่อยู่ในสกุล Tabanus และ Chrysops.<2t>ว. สีเลื่อมพรายเวลากระทบแสงเป็นหลายสีคล้ายสีตัวเหลือบ.
เหลือบ,เหลือบ ๒ เหลือบ ๒ [เหฺลือบ] ก. ใช้ประกอบกับคำอื่นหมายความว่า ชำเลือง เช่น เหลือบตา เหลือบแล เหลือบดู เหลือบเห็น.
เหลือบ่ากว่าแรง เหลือบ่ากว่าแรง ว. เกินความสามารถที่จะทําได้, เกินกําลัง.
เหลือเฟือ เหลือเฟือ ว. มากเกินต้องการ, มากเกินพอดี.
เหลือม เหลือม [เหฺลือม] น. ชื่องูขนาดใหญ่ชนิด Python reticulatus ในวงศ์ Pythonidae ตัวโตเรียวยาว ลายสีนํ้าตาลเหลือง ยาวได้ถึง ๙ เมตร ที่กลางหัวมีเส้นสีดําซึ่งมักเรียกว่า ศรดํา ออกหากินในเวลากลางคืน ไม่มีพิษ เป็นงูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก.
เหลื่อม เหลื่อม [เหฺลื่อม] ว. เลยไป, ลํ้าไป, ลํ้ากัน, ไม่เสมอกัน.
เหลื่อมล้ำต่ำสูง เหลื่อมล้ำต่ำสูง ว. ไม่เท่าเทียมกัน เช่น มีฐานะทางสังคมเหลื่อมล้ำต่ำสูงกว่ากัน.
เหลือมือ เหลือมือ ว. มากเกินที่จะทําได้หมด, มากเกินที่จะควบคุมดูแลได้ทั่วถึง.
เหลือรับ เหลือรับ ว. มากเกินที่จะรับได้.
เหลือร้าย เหลือร้าย ว.ร้ายมาก.
เหลือล้น,เหลือหลาย,เหลือแหล่ เหลือล้น, เหลือหลาย, เหลือแหล่ ว. มากมาย, มากเกินไป.
เหลือวิสัย เหลือวิสัย ว. พ้นขอบเขตที่จะพึงทํา, พ้นความสามารถ.
เหลือแสน เหลือแสน ว. มากยิ่ง เช่น ร้ายเหลือแสน, มั่งมีเหลือแสน.
เหลือหลอ เหลือหลอ [-หฺลอ] ว. หลงเหลืออยู่ เช่น รถชนกันอย่างนี้ จะมีอะไรเหลือหลอเล่า, ถ้าใช้ในความปฏิเสธหมายความว่า หมดเกลี้ยง เช่น กินเสียจนไม่มีอะไรเหลือหลอ.
เหลืออด,เหลืออดเหลือทน เหลืออด, เหลืออดเหลือทน ว. สุดที่จะกลั้นได้, สุดที่จะอดทนได้, สุดที่จะระงับอารมณ์ได้.
เหว เหว [เหวฺ] น. ช่องลึกลงไปในภูเขา, ช่องลึกหว่างเขา.
เหว่ เหว่ [เหฺว่] ว. เปล่า, เปลี่ยว, เช่น เหว่ใจ.
เหวง เหวง [เหฺวง] ว. มาก, เป็นคําใช้ประกอบคํา เบา เป็น เบาเหวง หมายความว่า เบามาก.
เหวทะเล เหวทะเล น. ส่วนที่ลึกมากของผืนท้องทะเลและมหาสมุทร มีขอบสูงชันและมีบริเวณจํากัด โดยทั่วไปกําหนดความลึกตั้งแต่ ๕,๔๐๐ เมตรลงไป.
เหวย เหวย ว. คำที่ใช้ประกอบข้อความที่มีความหมายในเชิงถามหรือชักชวนเป็นต้น เช่น ใครเล่าเหวยจะไปกับพวกเราบ้าง มาละเหวยมาละวา.
เหวย ๆ เหวย ๆ อ. คำร้องเรียกแสดงว่ามีอำนาจหรือแสดงความดูหมิ่นเหยียดหยามเป็นต้น เช่น เหวย ๆ เจ้าเด็กน้อย.<2t>ว. เสียงร้องเรียกที่ได้ยินแต่ที่ไกล เช่น ได้ยินเสียงใครมาร้องเรียกอยู่เหวย ๆ.
เหวอะ,เหวอะหวะ เหวอะ, เหวอะหวะ [เหฺวอะหฺวะ] ว. กว้างใหญ่และลึก (ใช้แก่แผล).
เหวี่ยง เหวี่ยง [เหฺวี่ยง] ก. ซัดเบี่ยงไป.
เหวี่ยงแห เหวี่ยงแห ว. ทําคลุม ๆ เช่น พูดเหวี่ยงแห.
เห่อ,เห่อ ๑ เห่อ ๑ ว. เป็นผื่นเป็นเม็ดผุดขึ้นมากเป็นพืดไปตามผิวหนัง เช่น มีผื่นเห่อขึ้นเต็มตัว.
เห่อ,เห่อ ๒ เห่อ ๒ ก. แสดงอาการตื่นเต้นยินดีมากจนออกนอกหน้า เช่น เห่อรถ เห่อเสื้อผ้าใหม่, ลำพองใจ เช่น เห่อยศ เห่ออำนาจ.
เห่อเหิม เห่อเหิม ว. มีใจกําเริบทะเยอทะยาน, เหิมเห่อ ก็ว่า.
เหอะ,เหอะ ๑ เหอะ ๑ (ปาก) ว. เถอะ.
เหอะ,เหอะ ๒ เหอะ ๒ ว. เปรอะ เช่น ราขึ้นเหอะ; ขรุขระ เช่น หน้าเป็นสิวเหอะ.
เหอะน่า เหอะน่า (ปาก) เถอะน่า, คําประกอบท้ายกริยาแสดงความหมายเป็นเชิงชักชวนหรือวิงวอนเป็นต้น, เฮอะน่า ก็ว่า.
เหะ เหะ ว. เละ ใช้แก่กริยาเมา ในคำว่า เมาเหะ.
เหะหะ เหะหะ ว. มีเสียงอึกทึกอย่างคนเมาเหล้า.
เหา,เหา ๑ เหา ๑ น. ชื่อแมลงขนาดเล็กหลายชนิดในหลายวงศ์ ส่วนใหญ่ตัวยาวไม่เกิน ๕ มิลลิเมตร ตัวแบน หัวแคบกว่าอกและยื่นไปข้างหน้าเห็นได้ชัด ตาเล็กมาก แต่บางชนิดไม่มีตา อกไม่แยกเป็นปล้องให้เห็นชัด ขามีหนามตรงข้ามกับเล็บช่วยในการยึดขนหรือผม ปากเป็นชนิดดูดกิน อาศัยอยู่ตามบริเวณที่มีขนหรือผม ดูดเลือดคนและสัตว์ ที่อยู่บนศีรษะของคนได้แก่ ชนิด Pediculus humanus ในวงศ์ Pediculidae.
เหา,เหา ๒,เหาฉลาม,เหาทะเล เหา ๒, เหาฉลาม, เหาทะเล ดู ติด ๓.
เห่า,เห่า ๑ เห่า ๑ ก. อาการส่งเสียงสั้น ๆ ของหมา.
เห่า,เห่า ๒ เห่า ๒ น. ชื่องูพิษในสกุล Naja วงศ์ Elapidae ขนาดยาวประมาณ ๑.๓ เมตร พบหลายสีต่างกันไปในแต่ละตัว เช่น ดํา นํ้าตาล เขียวอมเทา เหลืองหม่น บางตัวมีลายสีขาวและบางตัวไม่มีลาย สามารถยกตัวท่อนหัวตั้งขึ้นและแผ่บริเวณคอกว้างออกได้ เรียกว่า แผ่แม่เบี้ย มีหลายชนิด เช่น เห่าไทย (N. kaouthia) ซึ่งตัวที่มีสีคลํ้า เรียก เห่าหม้อ, เห่าด่างพ่นพิษ (N. atra) ซึ่งสามารถพ่นฉีดพิษออกจากเขี้ยวพิษได้.
เหาจะกินหัว,เหาจะขึ้นหัว เหาจะกินหัว, เหาจะขึ้นหัว (สำ) ทำตัวอาจเอื้อมหรือเอาอย่างเจ้านายหรือผู้สูงศักดิ์ ถือว่าเป็นอัปมงคล เช่น ทำตัวเทียมเจ้าระวังเหาจะขึ้นหัวนะ.
เหาน้ำ เหาน้ำ น. ชื่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในอันดับ Isopoda เป็นปรสิต ที่พบในนํ้าจืด เช่น สกุล Alitropus ในวงศ์ Aegidae, ในนํ้าเค็ม เช่น สกุล Livoneca ในวงศ์ Cymothoidae.
เหาไม้ เหาไม้ ดู เรือดไม้.
เหาะ เหาะ ก. เคลื่อนที่ไปในอากาศด้วยฤทธิ์.
เหิน เหิน ก. บินอยู่ในระยะสูง เช่น หงส์เหิน นกเขาเหิน, ร่อนอยู่ในระยะสูง เช่น นกนางแอ่นเหินลม.
เหินห่าง เหินห่าง ก. ไม่สนิทสนมดังเก่า, ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่หรือติดต่อกันเหมือนเดิม, จืดจาง, ห่างเหิน ก็ว่า.
เหินหาว เหินหาว ก. บินหรือเหาะไปในอากาศในระยะสูง.
เหินเห่อ เหินเห่อ ก. ค้างเติ่ง.
เหิม เหิม ว. กําเริบ, ลําพองใจ, มักใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น เหิมเกริม เหิมหาญ เหิมห้าว เหิมฮึก.
เหิมเกริม เหิมเกริม ก. กำเริบเสิบสาน.
เหิมหาญ เหิมหาญ ว. ลำพองใจด้วยความกล้าหาญ.
เหิมห้าว เหิมห้าว ว. ลำพองใจด้วยความมุทะลุดุดัน, ลำพองใจด้วยความแข็งกร้าว.
เหิมเห่อ เหิมเห่อ ว. มีใจกำเริบทะเยอทะยาน, เห่อเหิม ก็ว่า.
เหิมฮึก เหิมฮึก ว. ลำพองใจด้วยความคะนอง, ฮึกเหิม ก็ว่า.
เหี้ย เหี้ย น. ชื่อสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ชนิด Varanus salvator ในวงศ์ Varanidae เป็นสัตว์สกุลเดียวกับตะกวด โตเต็มวัยยาวได้ถึง ๒.๕ เมตร ตัวอ้วนใหญ่สีดํา มีลายดอกสีเหลืองพาดขวาง หางยาว อาศัยและหากินบริเวณใกล้นํ้า, ภาษาปากว่า ตัวเงินตัวทอง.
เหียง เหียง น. ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ชนิด Dipterocarpus obtusifolius Teijsm. ex Miq. ในวงศ์ Dipterocarpaceae เนื้อไม้ใช้ในการก่อสร้าง.
เหียงกราด เหียงกราด ดู กราด ๔.
เหียน,เหียน ๑ เหียน ๑ ก. หัน เช่น เหียนใบเรือ.
เหียน,เหียน ๒,เหียน ๆ เหียน ๒, เหียน ๆ ก. มีอาการพะอืดพะอมคล้ายจะคลื่นไส้ เช่น รู้สึกเหียน ๆ, มักใช้เข้าคู่กับคำ คลื่น เป็น คลื่นเหียน.
เหี้ยน เหี้ยน ก. กร่อนไปเกือบหมดหรือหมด, ตัดหมด.
เหียนราก เหียนราก ก. มีอาการจะอาเจียน.
เหียนหัน เหียนหัน ก. เปลี่ยนท่าทาง, พลิกแพลง, หันเหียน ก็ว่า.
เหี้ยม เหี้ยม ว. แข็งกระด้างปราศจากเมตตากรุณา, ไม่ปรานี; ดุร้ายหมดความกลัว.<2t>(แบบ) น. เหตุ เช่น เหี้ยมนั้นจึงหากให้ ฉัตรหัก เหนแฮ. (ตะเลงพ่าย).
เหี้ยมเกรียม เหี้ยมเกรียม ว. ใจดํา, ปราศจากใจกรุณา; ดุร้าย เช่น หน้าตาเหี้ยมเกรียม.
เหี้ยมหาญ เหี้ยมหาญ ว. เข้มแข็งกล้าหาญเด็ดขาด, ห้าวหาญปราศจากความปรานี.
เหี้ยมโหด เหี้ยมโหด ว. ดุร้ายทารุณ, โหดเหี้ยม ก็ว่า.
เหี่ยว เหี่ยว ว. ไม่สดชื่นเพราะขาดน้ำ เช่น ดอกไม้เหี่ยว, ค่อยแห้งไป เช่น ส้มโอเหี่ยว, ไม่เต่งตึง เช่น หนังเหี่ยว; สลด เช่น ใจเหี่ยว.
เหี่ยวแห้ง เหี่ยวแห้ง ว. เหี่ยวแล้วค่อย ๆ แห้งไป เช่น ใบไม้เหี่ยวแห้ง.<2t>ก. ขาดความสดชื่นเพราะหดหู่ใจ เช่น จิตใจเหี่ยวแห้ง, แห้งเหี่ยว ก็ว่า.
เหื่อ เหื่อ (ปาก) น. เหงื่อ.
เหือด,เหือด ๑ เหือด ๑ น. โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้ ต่อมนํ้าเหลืองที่คอโต ออกผื่นแดงทั่วตัวคล้ายโรคหัด แต่อาการไม่รุนแรงเท่า มีผลรุนแรงต่อทารกในครรภ์ระยะ ๓ เดือนแรก, หัดเยอรมัน ก็เรียก.
เหือด,เหือด ๒ เหือด ๒ ก. ซาลง เช่น ไข้เหือดแล้ว, ค่อยแห้งหายไปในคำว่า เหือดหาย เหือดแห้ง แห้งเหือด.
เหือดหาย เหือดหาย ก. แห้งหายไป, หมดไป.
เหือดแห้ง เหือดแห้ง ก. ค่อยแห้งหายไป, แห้งเหือด ก็ว่า.
แห,แห ๑ แห ๑ น. ชื่อเครื่องจับปลาชนิดหนึ่ง ถักเป็นตาข่าย ใช้ทอดแผ่ลงในนํ้าแล้วค่อย ๆ ดึงขึ้นมา.
แห,แห ๒ แห ๒ (ถิ่น-ปักษ์ใต้, อีสาน) ว. เปรียว, ไม่เชื่อง.
แห,แห ๓ แห ๓ (วรรณ) ว. ใช้เข้าคู่กับคำ ห่าง เป็น ห่างแห หรือแหห่าง เช่น กระแหแหห่างชาย ดั่งสายสวาทคลาดจากสม. (เห่เรือ).
แห่ แห่ น. ขบวนที่ไปพร้อมกันด้วยวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง อาจมีการตกแต่งหรือมีดนตรีประกอบเป็นต้น เช่น แห่นาค แห่ขันหมาก แห่ศพ.<2t>ก. ไปกันเป็นพวกเป็นหมู่มาก ๆ.
แห้ แห้ ว. เสียงอย่างเสียงหมาคําราม, เขียนเป็น แฮ่ ก็มี.
แหก แหก ก. แยกออก, ถ่างออก, ทําให้อ้าออก, เช่น แหกขา, ใช้กําลังฟันฝ่าออกไป เช่น แหกคุก กองทหารตีแหกวงล้อมข้าศึกออกไป.
แหกขี้ตา แหกขี้ตา (ปาก) ก. รีบร้อน เช่น แหกขี้ตามาแต่เช้า.
แหกคอก แหกคอก ก. ประพฤติตัวผิดเหล่าผิดกอหรือผิดขนบธรรมเนียมประเพณีที่เคยประพฤติปฏิบัติกันมา (มักใช้ในเชิงตำหนิ).
แหกตา แหกตา ก. ใช้มือถ่างเปลือกตาออก, โดยปริยายหมายความว่า ลืมตา (ใช้ในเชิงประชด) เช่น แหกตาดูเสียบ้างซิ, หลอก เช่น ถูกแม่ค้าแหกตา.
แหกปาก แหกปาก (ปาก) ก. ตะเบ็งเสียง.
แหง,แหง ๑ แหง ๑ [แหฺง] ว. อาการของหน้าที่แสดงความเก้อหรือจนปัญญา ในคำว่า หน้าแหง; ค้างอยู่ เช่น ยิงฟันแหง คอยแหง.
แหง,แหง ๒,แหง ๆ แหง ๒, แหง ๆ [แหฺง, แหฺงแหฺง] (ปาก) ว. แน่, แน่นอน, เช่น ชนะแหง ตายแหง ๆ.
แหง่ แหง่ [แหฺง่] น. เรียกลูกควายตัวเล็ก ๆ ตามเสียงที่มันร้องว่า ลูกแหง่, ลูกกะแอ ก็ว่า; เรียกเด็กตัวเล็ก ๆ ว่า ลูกแหง่, (ปาก) เรียกเหรียญกระษาปณ์อันเล็ก ๆ ว่า ลูกแหง่, โดยปริยายเรียกคนที่โตแล้วแต่ยังติดพ่อติดแม่เป็นต้นหรือยังทําอ้อนเหมือนเด็กเล็ก ๆ ว่า ลูกแหง่.
แห่ง แห่ง น. ที่, มักใช้ซ้อนกับคำอื่น ในคำว่า แห่งหนตำบลใด ตำแหน่งแห่งที่, ลักษณนาม เช่น มีที่ดินอยู่หลายแห่ง.<2t>บ. ของ เช่น หอสมุดแห่งชาติ.
แห้ง แห้ง ว. ไม่มีนํ้า, หมดนํ้า, เช่น คลองแห้ง โอ่งแห้ง, ไม่เปียก เช่น ผ้าแห้ง, ที่ไม่ใส่น้ำ เช่น ก๋วยเตี๋ยวแห้ง บะหมี่แห้ง, ไม่สด เช่น ใบไม้แห้ง; ที่อาจเก็บไว้บริโภคได้นาน เช่น ของแห้ง หอมแห้ง พริกแห้ง; ไม่แจ่มใส เช่น หน้าแห้ง ยิ้มแห้ง; ขาดความชุ่มชื้น เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง จมูกแห้ง; โดยปริยายหมายความว่า ฝืดเคือง, อดอยาก, ในคำว่า ไส้แห้ง กระเป๋าแห้ง.
แหงแก๋ แหงแก๋ [แหฺง-] (ปาก) ว. แน่, แน่นอน, สิ้นสงสัย, เช่น ตายแหงแก๋ แพ้แหงแก๋.
แหงน แหงน [แหฺงน] ก. หงายหน้าขึ้น, เงยขึ้น.
แหงนคอตั้งบ่า แหงนคอตั้งบ่า (สำ) ก. เงยเต็มที่.
แหงนเต่อ,แหงนเถ่อ แหงนเต่อ, แหงนเถ่อ ว. ค้างอยู่; โดยปริยายหมายความว่า เก้อ, ไม่สมปรารถนา.
แห้งผาก แห้งผาก ว. แห้งอย่างไม่มีความชื้นปนอยู่, แห้งสนิท.
แห้งแล้ง แห้งแล้ง ว. ปราศจากความสดชื่น, ปราศจากความชุ่มชื้น.
แห้งเหี่ยว แห้งเหี่ยว ก. ขาดความสดชื่น, เหี่ยวแห้ง ก็ว่า.
แห้งเหือด แห้งเหือด ก. ค่อยแห้งหายไปเพราะหดหู่ใจ เช่น จิตใจแห้งเหี่ยว, เหือดแห้ง ก็ว่า.
แหน,แหน ๑ แหน ๑ [แหนฺ] ก. ใช้เข้าคู่กับคำอื่น ในคำว่า หวงแหน แห่แหน เฝ้าแหน.
แหน,แหน ๒ แหน ๒ [แหนฺ] (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Terminalia วงศ์ Combretaceae เช่น แหนนา (T. glaucifolia Craib).
แหน,แหน ๓ แหน ๓ [แหฺน] น. ชื่อไม้นํ้าหลายชนิดในวงศ์ Lemnaceae ใบกลมเล็ก ๆ ลอยอยู่ตามนํ้านิ่ง เช่น แหนเล็ก (Lemna minor L., L. perpusilla Torr.) แหนใหญ่ [Spirodela oligorrhiza (Kurz) Hegelm. และ S. polyrrhiza (L.) Schleid.].
แห้น แห้น ก. แทะ, กัดด้วยฟันหน้า.
แหนง,แหนง ๑ แหนง ๑ [แหฺนง] (โบ) ก. หมาง, ระแวง, เช่น แหนงกัน คือ หมางใจกัน แหนงความ คือ ระแวงความ.
แหนง,แหนง ๒ แหนง ๒ [แหฺนง] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. พิธีทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงไม่ได้แต่งงานตลอดไป.
แหนงใจ แหนงใจ ก. หมางใจ, ระแวงแคลงใจ.
แหนงหน่าย แหนงหน่าย [แหฺนงหฺน่าย] ก. ระอาเพราะหมางใจหรือแคลงใจเป็นต้น, หน่ายแหนง ก็ว่า.
แหนบ แหนบ [แหฺนบ] น. เครื่องสําหรับถอนหนวดถอนคิ้วเป็นต้น รูปคล้ายคีมเล็ก ๆ; แผ่นเหล็กขนาดยาวต่าง ๆ กันซ้อนกัน หรือชิ้นเหล็กที่ขดเวียนเป็นวง สําหรับรับความสะเทือนหรือบังคับความเร็วเป็นต้น เช่น แหนบรถยนต์; เครื่องระลึกที่ใช้เสียบปากกระเป๋าบนของเสื้อนอก; ซองบรรจุกระสุนปืนเป็นตับ; ลักษณนามเรียกของบางอย่างเช่นซองธูปหรือใบตองที่พับ เช่น ธูปแหนบหนึ่ง ใบตอง ๒ แหนบ.<2t>ก. กิริยาที่เอาของ ๒ สิ่งหนีบอย่างแหนบ, เอานิ้วมือบีบทํานองหยิกแต่ไม่ใช้เล็บ; กิริยาที่สัตว์บางชนิดกัดไม่ถนัดหรือกัดหยอก ๆ เช่น หมาแหนบ แมวแหนบ; โดยปริยายหมายความว่า เม้มเอาไว้; เหน็บแนม, กระแหนะกระแหน, (ใช้แก่กริยาพูด).
แหนม แหนม [แหฺนม] น. อาหารอย่างหนึ่ง ทําด้วยหมู หมักให้เปรี้ยว.
แหบ แหบ ว. ลักษณะของเสียงที่แห้งไม่แจ่มใส, เรียกชื่อของกลุ่มเสียงที่บีบให้สูงเป็นพิเศษของเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่า โดยเฉพาะปี่ในว่า เสียงแหบ.
แหม,แหม ๑ แหม ๑ [แหฺม] น. ปลอกรัดสิ่งของบางอย่าง เช่นลํากล้องปืนยาวแบบโบราณให้ติดกับราง ด้ามมีด ด้ามสิ่ว ไม้กวาดทางมะพร้าว.
แหม,แหม ๒ แหม ๒ [แหฺม] ว. เสียงที่เปล่งออกมาให้รู้สึกว่าเป็นการแปลกเป็นต้น.
แหม่ แหม่ [แหฺม่] ว. เสียงขู่เด็กเล็ก ๆ ให้กลัว.
แหม่ม แหม่ม [แหฺม่ม] น. คําเรียกหญิงฝรั่ง.
แหมะ,แหมะ ๑ แหมะ ๑ [แหฺมะ] ก. นั่งหรือวางของทิ้งไว้ชั่วคราว เช่น เดินมาจนเหนื่อยเลยแหมะอยู่ที่โคนต้นไม้ก่อน เอาของแหมะไว้ตรงนี้อีกแล้ว.<2t>ว. อาการที่นั่งหรือวางของทิ้งไว้ชั่วคราว เช่น นั่งแหมะ วางของแหมะ.
แหมะ,แหมะ ๒,แหมะ ๆ แหมะ ๒, แหมะ ๆ [แหฺมะ] ว. เสียงดังอย่างเสียงน้ำหยด.
แหย แหย [แหฺย] ว. อาการที่ไม่สู้ใครหรือเก้ออาย.
แหย่ แหย่ [แหฺย่] ก. เอานิ้วมือหรือปลายไม้เป็นต้นแยงเข้าไป; เย้า, ทําให้เกิดความรําคาญหรือไม่สงบอยู่ได้; ลองดูชั้นเชิง.
แหยง แหยง [แหฺยง] ก. ขยาด, ย่อท้อ, ไม่คิดสู้, เช่น พอเห็นหน้าก็แหยงเสียแล้ว.<2t>ว. อาการที่รู้สึกขยาด ย่อท้อหรือไม่คิดสู้, แหยง ๆ ก็ว่า, เช่น รู้สึกแหยง ๆ.
แหย่ง แหย่ง [แหฺย่ง] น. สัปคับ, ที่สำหรับนั่งผูกติดบนหลังช้าง, แหย่งช้าง ก็เรียก.
แหยม แหยม [แหฺยม] น. ปอยผมที่เอาไว้เป็นกระจุก, ส่วนของจุกที่แยกออกเป็นปอย ๆ ก่อนประกอบพิธีโกนจุก, เรียกหนวดที่เอาไว้แต่ ๒ ข้างริมฝีปากว่า หนวดแหยม.
แหย็ม แหย็ม (ปาก) ก. เข้าไปยุ่งด้วยโดยไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เช่น เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างเราอย่าไปแหย็ม.
แหยะ,แหยะ ๆ แหยะ, แหยะ ๆ [แหฺยะ] ว. ไม่น่ากินไม่น่าแตะต้องเพราะแฉะ; อาการที่เคี้ยวข้าวเคี้ยวหมากเป็นต้นอย่างเนิบ ๆ.
แหล่,แหล่ ๑ แหล่ ๑ [แหฺล่] ว. มาก เช่น เหลือแหล่ หลายแหล่.
แหล่,แหล่ ๒ แหล่ ๒ [แหฺล่] น. ตอนหนึ่งหรือบทหนึ่งในเทศน์มหาชาติซึ่งลงท้ายด้วยคำว่า แล เช่น นั้นแล นั่นแล.<2t>ก. เทศน์มหาชาติเป็นทำนองตามแบบในแต่ละกัณฑ์.
แหลก แหลก [แหฺลก] ว. เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เช่น ข้าวแหลก, ละเอียดเป็นผง เช่น บดยาให้แหลก, ป่นปี้ เช่น ตีกันแหลก.
แหลกลาญ แหลกลาญ [-ลาน] ว. ย่อยยับ, แตกทลาย, พังทลาย.
แหลกเหลว แหลกเหลว ว. ป่นปี้, ไม่มีชิ้นดี, ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน.
แหล่ง แหล่ง [แหฺล่ง] น. ถิ่น, ที่อยู่, บริเวณ, ศูนย์รวม, บ่อเกิด, แห่ง, ที่.
แหล่งเสื่อมโทรม แหล่งเสื่อมโทรม น. บริเวณที่คนอาศัยอยู่อย่างแออัด ประกอบด้วยบ้านเรือนที่ทรุดโทรมไม่ถูกสุขลักษณะ.
แหล่งหล้า แหล่งหล้า น. พื้นแผ่นดิน.
แหลน แหลน [แหฺลน] น. เครื่องมือใช้แทงปลาเป็นต้น ทําด้วยเหล็กกลมยาว ปลายแหลม มีด้ามยาว; ชื่อเครื่องกีฬาชนิดหนึ่ง มีลักษณะกลมยาว ปลายแหลม ใช้พุ่งในการแข่งขันกรีฑาประเภทลาน.
แหล่นอก แหล่นอก [แหฺล่-] น. แหล่เรื่องที่อยู่นอกคัมภีร์เทศน์มหาชาติ.
แหล่ใน แหล่ใน น. แหล่ตามคัมภีร์เทศน์มหาชาติ.
แหลม แหลม [แหฺลม] ว. มีปลายเสี้ยมคม เช่น มีดปลายแหลม; ไว, ฉลาด, เช่น ปัญญาแหลม; ชํานาญจนรู้ได้ทันทีว่าอะไรจริงอะไรไม่จริงเป็นต้น เช่น ตาแหลม; มีระดับสูง เช่น เสียงแหลม; จัด เช่น รสหวานแหลม.<2t>น. แผ่นดินหรือภูเขาที่ยื่นลํ้าออกไปในทะเลหรือมหาสมุทร.<2t>ก. ล่วงลํ้า.
แหลมหลัก แหลมหลัก ว. คมคาย เช่น วาจาแหลมหลัก, เฉียบแหลม เช่น ความคิดแหลมหลัก, หลักแหลม ก็ว่า.
แหละ แหละ [แหฺละ] ว. คําประกอบเพื่อเน้นความ เช่น คนนี้แหละ.
แหว แหว [แหฺว] ว. ลักษณะของเสียงดังที่แสดงอาการดุ.<2t>ก. แผดเสียงดุ.
แห้ว แห้ว [แห้วฺ] น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Cyperaceae ขึ้นตามที่ชื้นแฉะ หัวกินได้ เช่น แห้วจีน [Eleocharis tuberosa (Roxb.) Schult.], แห้วกระดาน (Scirpus grossus L.f. var. kysoor C.B. Clarke), แห้วไทย (Cyperus esculentus L.).
แหวก แหวก [แหฺวก] ก. แยกให้เป็นช่อง, แยกสิ่งที่ปิดบังหรือกีดขวางให้เป็นช่องทาง เช่น แหวกม่าน แหวกหญ้า แหวกผม; ฝ่าสิ่งที่กีดขวางเข้ามาหรือออกไป เช่น แหวกวงล้อมข้าศึก.
แหวกแนว แหวกแนว ก. ทําไม่ซํ้าแบบใคร เช่น เขาชอบแหวกแนว.<2t>ว. ที่ชอบทำในสิ่งที่ไม่ซ้ำแบบใคร เช่น เขาเป็นคนแหวกแนว.
แหวกประเพณี แหวกประเพณี ก. ทำผิดประเพณีที่เคยกระทำกันมา.
แหวกว่าย แหวกว่าย ก. เคลื่อนไปโดยอาศัยกำลังแขน ขาหรือครีบ หาง แหวกไปในน้ำหรือในอากาศ, โดยปริยายหมายถึงเวียนว่ายตายเกิด ในความว่า แหวกว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร.
แหว่ง แหว่ง [แหฺว่ง] ว. ไม่เต็มตามที่ควรมี เช่น ปากแหว่ง ตัดผมแหว่ง กินขนมแหว่งไปหน่อย.
แหวด แหวด [แหฺวด] น. ชื่อเรือแจวชนิดหนึ่ง มีเก๋งรูปยาว ๆ ท้ายโตและสูง เรียก เรือแหวด.
แหวน แหวน [แหฺวน] น. เครื่องประดับสําหรับสวมนิ้วทําด้วยเงินหรือทองเป็นต้น, เรียกสิ่งอื่นที่มีลักษณะเป็นวงว่า วงแหวน เช่น ถนนวงแหวน พื้นที่วงแหวน.
แหวนหัว แหวนหัว น. แหวนที่ฝังพลอยเม็ดใหญ่เม็ดเดียวนูนขึ้น.
แห้วหมู แห้วหมู น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวชนิด Cyperus rotundus L. ในวงศ์ Cyperaceae หัวมีกลิ่นฉุน ใช้ทํายาได้, หญ้าแห้วหมู ก็เรียก.
แหวะ แหวะ [แหฺวะ] ก. เอาสิ่งที่มีคมกรีดให้เป็นช่องตามที่ต้องการ เช่น แหวะท้องปลา; อาการที่เด็กเล็ก ๆ สํารอกอาหารหรือยาออกมา.<2t>น. อาหารหรือยาที่ล้นกระเพาะเด็กเล็ก ๆ ออกมาทางปาก.
แห่ห้อม แห่ห้อม ก. แวดล้อมไป.
แห่แหน แห่แหน [-แหนฺ] ก. ห้อมล้อมระวังกันไปเป็นขบวน เช่น ประชาชนแห่แหนพระพุทธสิหิงค์ไปตามถนน; ยกพวกกันมามาก ๆ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เพื่อนฝูงแห่แหนกันมาเต็มบ้าน.
แหะ,แหะ ๆ แหะ, แหะ ๆ ว. เสียงคนหัวเราะมีเสียงเช่นนั้น.<2t>ก. ทำเสียงดังเช่นนั้น เช่น เขาไม่พูดอะไรได้แต่แหะ ๆ.
โห่ โห่ อ. เสียงที่เปล่งออกมาดังเช่นนั้น เป็นเสียงนําเพื่อแสดงความพร้อมเพรียงในการรื่นเริงหรือการมงคลเป็นต้น.<2t>ก. ทําเสียงเช่นนั้น; โดยปริยายหมายความว่า เย้ยให้ โดยทำเสียงเช่นนั้น.
โหก,โหก ๑ โหก ๑ น. ช่อง, ระวาง.
โหก,โหก ๒ โหก ๒ ก. โงกหลับ.
โหง,โหง ๑ โหง ๑ น. ผี; เรียกการตายผิดธรรมดาโดยอาการร้าย เช่นถูกฆ่าตาย ตกนํ้าตาย ว่า ตายโหง.
โหง,โหง ๒ โหง ๒ ก. กระดกขึ้น, ยกขึ้น, เช่น เกวียนโหง.
โหงพราย โหงพราย น. ผีที่เขาปลุกเสกไว้ใช้.
โหด,โหด ๑ โหด ๑ (โบ) ว. ไร้, ไม่มี, เช่น นกไร้ไม้โหด, ยากไร้ เช่น เพราะเห็นกูโหดหืน แลดูแคลนกูกลใด ด่งงนี้. (ม. คำหลวง มัทรี).
โหด,โหด ๒ โหด ๒ ว. ชั่ว, ร้าย, เช่น ใจโหด; (ปาก) ยากมาก เช่น ข้อสอบวิชานี้โหด; เข้มงวดมาก เช่น ครูคนนี้โหด.
โหดร้าย โหดร้าย ว. ร้ายกาจ.
โหดเหี้ยม โหดเหี้ยม ว. ดุร้ายทารุณ, เหี้ยมโหด ก็ว่า.
โหน โหน [โหนฺ] ก. เหนี่ยวห้อย, เอามือเหนี่ยวให้ตัวลอยขึ้นไป; (ปาก) ประจบประแจง เช่น เขามีนิสัยชอบโหนผู้บังคับบัญชา.
โหนก โหนก [โหฺนก] ว. นูนยื่นออกมา เช่น หน้าผากโหนก.
โหนกแก้ม โหนกแก้ม น. ส่วนของแก้มตรงที่มีกระดูกนูนออกมา.
โหน่ง โหน่ง [โหฺน่ง] ว. มีเสียงอย่างเสียงตีฆ้องวง.
โหม,โหม ๑,โหม- โหม ๑, โหม- [โหมะ-] น. การเซ่นแก่เทพดาของพวกพราหมณ์โดยใช้เนยเผาในไฟ; การบูชายัญ, การเซ่นสรวงทั้งปวง. (ป., ส.).
โหม,โหม ๒ โหม ๒ [โหมฺ] ก. ระดม เช่น โหมกําลัง โหมไฟ.
โหม,โหม ๓ โหม ๓ [โหมฺ] น. ผักโหม. [ดู ขม ๒ (๑)].
โหม่ โหม่ [โหฺม่] (ปาก) ก. โผล่.<2t>ว. โด่ เช่น นั่งหัวโหม่.
โหมกรรม โหมกรรม น. พิธีเซ่นสรวง. (ส. โหม + กรฺมนฺ).
โหมกูณฑ์ โหมกูณฑ์ น. พิธีพราหมณ์เกี่ยวแก่การบูชาไฟ. (ส.).
โหม่ง,โหม่ง ๑ โหม่ง ๑ [โหฺม่ง] ก. เอาหัวรับหรือกระแทกลูกตะกร้อหรือฟุตบอลเป็นต้น, โดยปริยายหมายถึงอาการที่สิ่งหนึ่งตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เช่น หัวโหม่งพื้นเครื่องบินโหม่งโลก.
โหม่ง,โหม่ง ๒ โหม่ง ๒ [โหฺม่ง] (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ฆ้องคู่.<2t>ว. เสียงอย่างเสียงฆ้อง.
โหมด โหมด [โหฺมด] น. เรียกผ้าชนิดหนึ่งซึ่งเดิมทําด้วยกระดาษทองตัดเป็นเส้นเหมือนเส้นทอง แล้วทอกับไหม ต่อมาใช้กระดาษเงินกระดาษทองพันเส้นไหมทอกับไหมสี ว่า ผ้าโหมด.
โหมดเทศ โหมดเทศ น. ผ้าโหมดที่ทํามาจากอินเดีย.
โหมโรง โหมโรง น. การประโคมดนตรีก่อนมหรสพลงโรง; เพลงเริ่มต้นของการบรรเลงหรือการแสดง เพื่อบอกให้ทราบว่าพิธีหรืองานนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว แบ่งเป็นหลายชนิดตามลักษณะของงาน มหรสพที่แสดง และการบรรเลง เช่น โหมโรงเย็น โหมโรงเช้า โหมโรงเทศน์.
โหมหัก โหมหัก ก. ระดมเข้าไปด้วยกําลังให้แตกหัก, หักโหม ก็ว่า.
โหมฮึก โหมฮึก ก. ระดมเข้าไปด้วยความคะนอง, ฮึกโหม ก็ว่า.
โหย โหย [โหยฺ] ก. อ่อนกําลัง, อ่อนใจ; ครวญถึง, รํ่าร้อง; มักใช้ประกอบคำอื่น ๆ เช่น โหยหา โหยหิว โหยหวน โหยไห้.
โหยกเหยก โหยกเหยก [โหฺยกเหฺยก] ว. ไม่อยู่กับร่องกับรอย, ไม่แน่นอน, (ใช้แก่การพูด), เช่น พูดจาโหยกเหยก; โยเย, ขี้อ้อน, ร้องไห้งอแง, (ใช้แก่เด็ก) เช่น เด็กคนนี้โยเยโหยกเหยกจริง.
โหยง โหยง [โหฺยง] ว. อาการที่กระโดดโดยฉับไวด้วยดีใจหรือตกใจ เช่น กระโดดโหยง สะดุ้งโหยง.
โหย่ง,โหย่ง ๑ โหย่ง ๑ [โหฺย่ง] ก. ทำให้สูงขึ้น เช่น โหย่งตัว, ทำสิ่งที่รวมตัวกันให้โปร่งหรือขยายตัวให้หลวมขึ้น เช่น โหย่งฟาง โหย่งผม โหย่งเส้นบะหมี่, หย่ง ก็ว่า.
โหย่ง,โหย่ง ๒,โหย่ง ๆ โหย่ง ๒, โหย่ง ๆ [โหฺย่ง] ว. อาการที่เดินหรือวิ่งไม่เต็มเท้า คือ จดแต่ปลายเท้า เพื่อทําให้ตนสูงขึ้น หรือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง เช่น เดินโหย่ง ๆ วิ่งโหย่ง ๆ, เรียกรอยเท้าที่ไม่เต็ม เห็นแต่ปลายเท้าและส้นเท้า ว่า รอยเท้าโหย่ง หรือ รอยเท้าโหย่ง ๆ, อาการที่นั่งเอาปลายเท้าตั้งลงที่พื้น ส้นเท้าทั้ง ๒ รับก้น เรียกว่า นั่งโหย่ง หรือ นั่งโหย่ง ๆ, กระหย่ง กระโหย่ง หย่ง หรือ หย่ง ๆ ก็ว่า.
โหยหวน โหยหวน ว. ลักษณะของเสียงที่คร่ำครวญด้วยความเสียใจหรือเจ็บปวดเป็นต้น ทำให้รู้สึกวังเวงใจ.
โหยหา โหยหา ก. คร่ำครวญถึงบุคคลผู้เป็นที่รักซึ่งพลัดพรากจากไปเป็นต้น.
โหยหิว โหยหิว ก. รู้สึกอ่อนเพลียเพราะมีความหิวมาก.
โหยไห้ โหยไห้ ก. ร้องไห้ครํ่าครวญถึง.
โหร โหร [โหน] น. ผู้พยากรณ์โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก; ผู้ให้ฤกษ์และพยากรณ์โชคชะตาราศี. (ส., ป. โหรา).
โหรง,โหรงเหรง โหรง, โหรงเหรง [โหฺรง, โหฺรงเหฺรง] ว. มีน้อย, บางตา, เช่น โหรงตา, คนดูโหรงเหรง, โกร๋งเกร๋ง หรือ โกร๋นเกร๋น ก็ว่า.
โหรดาจารย์ โหรดาจารย์ [โหระ-] น. พราหมณ์พวกหนึ่งมีหน้าที่สวดสดุดีและอาราธนาเทพต่าง ๆ ให้มาร่วมในพิธีบูชาบวงสรวง. (ส. โหตฺฤ + อาจารฺย).
โหระพา โหระพา น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Ocimum basilicum L. ในวงศ์ Labiatae ใบมีกลิ่นฉุน กินได้.
โหรา,โหรา ๑ โหรา ๑ (กลอน) น. โหร.
โหรา,โหรา ๒ โหรา ๒ น. ชื่อไม้ล้มลุกหลายชนิดหลายสกุลในวงศ์ Araceae เช่น ชนิด Aglaonema brevispathum Engl., Pycnospatha arietina Gagnep. ชนิดหลังนี้ อุตพิดผี ก็เรียก.
โหรากระบือ,โหราเขาเนื้อ โหรากระบือ, โหราเขาเนื้อ น. ชื่อเรียกเฟินชนิด Diplazium dilatatum Blume ในวงศ์ Athyriaceae และชนิด Microlepia platyphylla (Don) J. Smith ในวงศ์ Dennstaedtiaceae.
โหราจารย์ โหราจารย์ น. ผู้ชํานาญในวิชาโหราศาสตร์.
โหราเดือยไก่ โหราเดือยไก่ น. ชื่อเรียกรากแห้งของพืชหลายชนิดในสกุล Aconitum วงศ์ Ranunculaceae เช่น ชนิด A. fischeri Rchb., A. carmichaeli Debx., A.chasmanthum Stapf มีพิษร้ายแรง ใช้ทํายาได้.
โหราตีนหมา,โหราเท้าสุนัข โหราตีนหมา, โหราเท้าสุนัข น. ชื่อพืชเบียนชนิด Balanophora abbreviata Blume ในวงศ์ Balanophoraceae ใช้ทํายาได้.
โหราบอน โหราบอน น. ชื่อเรียกหัวแห้งของไม้ล้มลุกชนิด Typhonium giganteum Engl. ในวงศ์ Araceae มีพิษมาก ใช้ทํายาได้.
โหราศาสตร์ โหราศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยการพยากรณ์โดยอาศัยการโคจรของดวงดาวเป็นหลัก.
โหล,โหล ๑ โหล ๑ [โหฺล] น. ลักษณนามบอกจํานวนนับหน่วยละ ๑๒ เช่น ดินสอโหลหนึ่ง ปากกา ๒ โหล.<2t>ว. โดยปริยายหมายความว่า ที่ถือกันว่ามีคุณภาพตํ่า เช่น เสื้อโหล.
โหล,โหล ๒ โหล ๒ [โหฺล] น. ขวดปากกว้าง มีฝา, ขวดโหล ก็เรียก.
โหล,โหล ๓ โหล ๓ [โหฺล] ว. ดูลึกลงไป ในคําว่า ตาโหล.
โหล่ โหล่ [โหฺล่] ว. อยู่ในลําดับสุดท้าย.
โหลงโจ้ง โหลงโจ้ง [โหฺลง-] (ปาก) ว. ลักษณะที่มีแต่นํ้าเป็นส่วนใหญ่ แทบไม่มีเนื้อเลย เช่น แกงมีแต่นํ้าโหลงโจ้ง.
โหลเหล โหลเหล [-เหฺล] ว. ดูซูบซีดอิดโรย เช่น หน้าตาโหลเหล.
โหว โหว [โหฺว] ว. เว้าลึกเข้าไป.
โหว่ โหว่ ว. เป็นช่องกลวงเข้าไป, ทะลุเข้าไป.
โหว้ โหว้ ว. โว่, เป็นช่องเป็นรูที่แลเห็นลึกหรือทะลุ.
โหวกเหวก โหวกเหวก [โหฺวกเหฺวก] ว. มีเสียงดังเอะอะโวยวาย เช่น เรียกกันโหวกเหวก ตะโกนโหวกเหวก.
โหวง โหวง [โหฺวง] ว. มาก เป็นคําใช้ประกอบคํา เบา เป็น เบาโหวง หมายความว่า เบามาก.
โหวงเหวง โหวงเหวง [-เหฺวง] ว. มาก, เป็นคำใช้ประกอบคำ เบา เป็น เบาโหวงเหวง หมายความว่า เบามาก; มีความรู้สึกเหมือนจะว่าง ๆ ในจิตใจ เช่น เมื่ออยู่ในที่เงียบสงัดรู้สึกโหวงเหวง, มีความรู้สึกคล้าย ๆ ว่าขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไป เช่น พอเข้าไปในบ้าน บรรยากาศเงียบผิดปรกติ รู้สึกโหวงเหวง.
โหวด,โหวด ๑ โหวด ๑ [โหฺวด] (โบ) น. เครื่องเปิดไอนํ้าให้มีเสียงดังเช่นนั้น.<2t>ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงเปิดโหวด.
โหวด,โหวด ๒ โหวด ๒ [โหฺวด] (ถิ่น-อีสาน) น. เครื่องดนตรีประเภทเป่าชนิดหนึ่งของภาคอีสาน.
โหวต โหวต [โหฺวด] (ปาก) ก. ออกเสียงลงคะแนน. (อ. vote).
ให้ ให้ ก. มอบ เช่น ให้ช่อดอกไม้เป็นรางวัล, สละ เช่น ให้ชีวิตเป็นทาน, อนุญาต เช่น ฉันให้เขาไปเที่ยว; เป็นคำช่วยกริยา บอกความบังคับหรืออวยชัยให้พรเป็นต้น เช่น แม่บอกให้ลูกไปนอน ขอให้เจริญรุ่งเรือง ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ แต่งตัวให้สวย ๆ นะ.<2t>(กฎ) น. ชื่อสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้ให้โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่า ผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น.
ให้การ ให้การ (กฎ) ก. ให้ถ้อยคําเกี่ยวกับเรื่องที่เป็นมา เช่น จําเลยให้การต่อศาล.
ให้จงได้,ให้ได้ ให้จงได้, ให้ได้ ว. คำประกอบท้ายกิริยา แสดงความหมายบอกการกำชับกำชาหรือความตั้งใจแน่นอน เช่น งานคืนสู่เหย้าปีนี้อย่าขาด มาให้จงได้ เขาจะไปให้ได้ ห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง.
ใหญ่ ใหญ่ ว. โต เช่น พี่คนใหญ่, คนโต เช่น เขยใหญ่, มีขนาดโตกว่าหรือสำคัญกว่าเป็นต้นเมื่อเปรียบเทียบกัน เช่น ข่าวใหญ่ สงครามใหญ่, มีขนาดไม่เล็ก เช่น บ้านหลังใหญ่; รุนแรงมาก, อุตลุด, เช่น ทะเลาะกันใหญ่ ชกกันใหญ่.
ใหญ่น้อย ใหญ่น้อย ว. บรรดา, ทั้งหลาย, เช่น สัตว์ใหญ่น้อยวิ่งหนีไฟป่า.
ใหญ่หลวง ใหญ่หลวง ว. รุนแรง, หนัก, เช่น บุญคุณของท่านใหญ่หลวงนัก.
ให้โดยเสน่หา ให้โดยเสน่หา (กฎ) ก. โอนทรัพย์สินให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งโดยไม่มีค่าตอบแทน.
ให้ถ้อยคำ ให้ถ้อยคำ (กฎ) ดู ให้การ.
ให้ท่า ให้ท่า ก. พูดหรือแสดงกิริยาให้รู้ว่ายินดีติดต่อด้วยหรือไม่รังเกียจ (ใช้แก่ผู้หญิง).
ให้ท้าย ให้ท้าย ก. เข้าข้างหรือส่งเสริมทำให้ได้ใจ.
ให้น้ำ ให้น้ำ ก. ให้นักมวยหรือคู่ต่อสู้เป็นต้นหยุดพักเหนื่อยชั่วระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ดื่มน้ำ เช็ดหน้า หรือเช็ดตัวเป็นต้น ก่อนจะลงมือสู้ในยกต่อไป.
ใหม่ ใหม่ ว. เพิ่งมี เช่น มาใหม่ รุ่นใหม่, มีอีกนอกจากที่เคยมีอยู่แล้ว เช่น มีเมียใหม่, ซํ้า เช่น พูดใหม่ ทำใหม่ อ่านใหม่, อีกครั้งหนึ่ง เช่น ตื่นมาแล้ว กลับไปนอนใหม่, ยังไม่ได้ใช้ เช่น ของใหม่, ไม่เคยประสบมาก่อน เช่น ความรู้ใหม่ เพลงใหม่, เริ่มแรก เช่น ข้าวใหม่ นักเรียนใหม่; ไม่ใช่เก่า เช่น บ้านสร้างใหม่.
ใหม่ถอดด้าม,ใหม่เอี่ยม ใหม่ถอดด้าม, ใหม่เอี่ยม ว. ใหม่ยังไม่มีใครใช้, ใหม่จริง ๆ.
ให้ร้าย,ให้ร้ายป้ายสี ให้ร้าย, ให้ร้ายป้ายสี ก. หาความร้ายป้ายผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย, ป้ายสี ใส่ร้าย หรือ ใส่ร้ายป้ายสี ก็ว่า.
ให้แรง ให้แรง ก. ทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็นต้น มักใช้กับสิ่งนอกเหนือธรรมชาติตามความเชื่อ เช่น ผีให้แรง เทวดาให้แรง.
ให้ศีล ให้ศีล ก. อาการที่พระภิกษุบอกศีลให้ผู้ศรัทธาสมาทานรับ เช่น ทุกคนควรสำรวมกิริยาเวลาพระให้ศีล.
ให้ศีลให้พร ให้ศีลให้พร ก. กล่าวแสดงความปรารถนาดีให้เกิดสวัสดิมงคล ความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้รับ เช่น ผู้ใหญ่ให้ศีลให้พรแก่ลูกหลาน.
ให้สัตยาบัน ให้สัตยาบัน (กฎ) ก. ให้ความเห็นชอบหรือรับรอง.
ให้สินเชื่อ ให้สินเชื่อ (กฎ) น. ให้กู้ยืมเงิน ซื้อ ซื้อลด รับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน เป็นเจ้าหนี้เนื่องจากได้จ่ายหรือสั่งให้จ่ายเงินเพื่อประโยชน์ของผู้เคยค้าหรือเป็นเจ้าหนี้เนื่องจากได้จ่ายเงินตามภาระผูกพันตามเล็ตเตอร์ออฟเครดิต.
ให้สี ให้สี ก. กำหนดว่าจะใช้สีใด อย่างไร ในงานจิตรกรรม งานออกแบบตกแต่งต่าง ๆ เป็นต้น.
ให้เสียง ให้เสียง ก. กระทำเสียงใด ๆ ให้ผู้อื่นรู้ตัวล่วงหน้าก่อนที่จะปรากฏกาย เช่น ฉันตกใจ เธอเข้ามาไม่ให้เสียงเลย.
ให้หน้า ให้หน้า ก. แสดงท่าทีให้ผู้ที่รู้กันทำตามความประสงค์ด้วยการพยักหน้า ขยิบตา บุ้ยปาก เป็นต้น เช่น ชูชกกล่าวหาพระเวสสันดรว่า ให้หน้าให้สองกุมารหนีไปเสียทั้งที่ยกให้ตนแล้ว.
ให้หลัง ให้หลัง ก. คล้อยหลังไป เช่น พอครูให้หลัง เด็ก ๆ ก็ซนกันใหญ่.
ให้หา ให้หา ก. เรียก, บอกให้ไปหา.
ให้หูให้ตา ให้หูให้ตา ก. แสดงท่าทีให้ทราบด้วยสีหน้าและสายตาว่าพอใจใคร่สืบความสัมพันธ์ต่อไป (ใช้แก่ผู้หญิง) เช่น กุลสตรีไม่ควรให้หูให้ตาใคร ๆ.
ให้อภัย ให้อภัย ก. ยกโทษให้, ไม่ถือโทษ.
ให้ออก ให้ออก (กฎ) น. วิธีการสั่งให้พ้นจากราชการเพราะเหตุ (๑) ตาย (๒) พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบําเหน็จบํานาญ (๓) ลาออกจากราชการและได้รับอนุญาตให้ลาออก (๔) ถูกสั่งให้ออกจากราชการ ในกรณีใดกรณีหนึ่งตามที่กําหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๓๕ เช่น ให้ออกจากราชการเพื่อรับบําเหน็จบํานาญ ให้ออกเมื่อทางราชการเลิกหรือยุบตําแหน่ง ให้ออกเพื่อไปรับราชการทหาร.
ไห ไห น. ภาชนะเคลือบดินเผา มีปากเล็ก ก้นเล็ก กลางป่อง สําหรับใส่กระเทียมดองหรือเกลือเป็นต้น.
ไห่ ไห่ น. ผักไห่. (ดู มะระ).
ไห้ ไห้ (วรรณ) ก. อาการที่นํ้าตาไหลเพราะประสบอารมณ์อันแรงกล้า เช่น ไห้รํ่ารักลูกไท้ ไห้บ่รู้กี่ไห้ ลูกแก้วกับตน แม่เอย. (ลอ), มักใช้เข้าคู่กับคํา ร้อง เป็น ร้องไห้.
ไหซอง ไหซอง น. ชื่อไหชนิดหนึ่ง รูปสูง ๆ ปากเล็กแคบ สําหรับใส่หัวผักกาดเค็มเป็นต้น.
ไหน,ไหน ๑ ไหน ๑ ว. ใช้ประกอบคำอื่นแสดงความสงสัยหรือคำถาม เช่น คนไหน อันไหน ที่ไหน, ถ้ามีคำ ก็ได้ ต่อท้าย แสดงถึงความไม่เจาะจง เช่น คนไหนก็ได้ ที่ไหนก็ได้.
ไหน,ไหน ๒,ไหนล่ะ,ไหนว่า,ไหนว่าจะ ไหน ๒, ไหนล่ะ, ไหนว่า, ไหนว่าจะ ว. เป็นคำถามเชิงตัดพ้อต่อว่า ทวงถาม หรือสงสัย เป็นต้น เช่น ไหนพระผ่านฟ้าสัญญาน้อง จะปกป้องครองความพิสมัย. (อิเหนา), ไหนล่ะรางวัล ไหนว่าไม่ลืม ไหนว่าจะพาไปเที่ยว.
ไหน,ไหน ๓ ไหน ๓ น. ชื่อผลไม้คล้ายพุทรา. (จ.). (พจน. ๒๔๙๓).
ไหน ๆ ไหน ๆ ว. สำนวนแสดงถึงความปลงใจในสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วหรือเป็นการตัดพ้อต่อว่าเป็นต้น เช่น มัวแต่งุ่มง่ามอยู่นั่นแหละ เพื่อน ๆ เขาก้าวหน้าไปไหน ๆ แล้ว ไหน ๆ ก็ร่วมหอลงโรงกันแล้ว.
ไหนจะ ไหนจะ ว. สำนวนแสดงถึงความตัดพ้อต่อว่าด้วยความท้อใจเป็นต้น เช่น ไหนจะต้องเหนื่อยยากลำบากกาย ไหนจะอายทั่วทั้งโลกา. (เพลงฝรั่งรำเท้า พระราชนิพนธ์ ร. ๖).
ไหปลาร้า ไหปลาร้า น. ชื่อไหชนิดหนึ่ง มีขอบรอบปากสําหรับหล่อนํ้าและมีฝาปิด ใช้หมักปลาร้า, หลุมข้างคอถัดกระดูกไหปลาร้าขึ้นไป, เรียกกระดูกทั้งคู่ที่อยู่ต้นคอข้างหน้าว่า กระดูกไหปลาร้า.
ไหม,ไหม ๑ ไหม ๑ น. ชื่อผีเสื้อชนิด Bombyx mori ในวงศ์ Bombycidae ตัวอ้วนป้อมมีขนสีขาวและสีครีมคลุมเต็ม ปีกมีลายเส้นสีนํ้าตาลอ่อนพาดตามขวางหลายเส้น ตัวหนอนสีขาวหรือสีครีม มีรยางค์เล็ก ๆ สั้น ๆ คล้ายเขาที่ปลายหาง กินใบหม่อนได้อย่างเดียว เมื่อโตเต็มที่จะถักใยหุ้มดักแด้ ซึ่งใยนี้สามารถสาวเป็นเส้นไหมนํามาทอเป็นเสื้อผ้าได้, ใยของสัตว์ชนิดนี้ก็เรียกว่า ไหม; เรียกเครื่องนุ่งห่มที่ทอด้วยไหมว่า ผ้าไหม.
ไหม,ไหม ๒ ไหม ๒ ว. เป็นคําถาม มาจาก หรือไม่ เช่น กินไหม.
ไหม,ไหม ๓ ไหม ๓ (โบ) ก. ปรับเอา เช่น ให้ไหมทวีคูณ. (สามดวง).
ไหม้,ไหม้ ๑ ไหม้ ๑ ก. ติดเชื้อไฟ, ลุก, เผา, (ใช้แก่ไฟหรือความร้อน).<2t>ว. ถูกความร้อนจนเกรียมหรือจนเป็นถ่าน เช่น ข้าวไหม้; เกรียม, ดําคลํ้า, (ใช้แก่ผิว).
ไหม้,ไหม้ ๒ ไหม้ ๒ ดู กระดูกค่าง.
ไหมทอง ไหมทอง น. เส้นไหมที่ควบด้วยทองแล่งหรือกระดาษทอง.
ไหมพรม ไหมพรม น. ด้ายที่ทำด้วยขนสัตว์หรือสิ่งอื่นที่คล้ายคลึงเช่นนั้น.
ไหมสับปะรด ไหมสับปะรด น. เส้นด้ายที่ได้จากใยของพรรณไม้บางชนิดที่มีลักษณะอย่างใยสับปะรด, เรียกหมวกที่สานด้วยไหมอย่างนี้ว่า หมวกไหมสับปะรด.
ไหมหน้า ไหมหน้า (กลอน) ก. หมายหน้า, ตราหน้า, เช่น ไหมหน้าว่าเบียนเมือง ข้าคิดเปลื้องทานทำแห่งหอคำข้าดอก. (ม. ร่ายยาว).
ไหรณย์ ไหรณย์ [-รน] น. เงิน.<2t>ว. เป็นทอง, ทําด้วยทอง; เป็นเงิน, ทําด้วยเงิน. (ส. ไหรณฺย).
ไหล,ไหล ๑ ไหล ๑ น. (๑) ชื่อปลารูปร่างกลมยาวคล้ายงู มีหลายวงศ์ในหลายอันดับ เช่น ไหลนา หรือ ไหลบึง (Fluta alba) ในวงศ์ Flutidae ไหลทะเล (Ophichthys microcephalus) ในวงศ์ Ophichthyidae, อีสานเรียก เอียน หรือ เอี่ยน.<2t>(๒) ดู มังกร ๒.
ไหล,ไหล ๒ ไหล ๒ น. ส่วนของพืชบางชนิดเช่นบอนและบัว ซึ่งเลื้อยชอนไปแตกเป็นหน่อขึ้น, หางไหล ก็เรียก.
ไหล,ไหล ๓ ไหล ๓ น. โลหะชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าเอาไฟเทียนลนก็ไหลย้อยออกได้ เรียกว่า เหล็กไหล.
ไหล,ไหล ๔ ไหล ๔ ก. เคลื่อนที่ไปอย่างของเหลวเช่นนํ้า, เลื่อนไป.
ไหล่ ไหล่ น. ส่วนของบ่าตอนที่ติดกับต้นแขน.
ไหล่เขา ไหล่เขา น. ส่วนของเขาที่ถัดยอดเขาลงมา.
ไหล่ถนน,ไหล่ทาง ไหล่ถนน, ไหล่ทาง น. ส่วนของถนนที่ติดอยู่กับทางจราจรทั้ง ๒ ข้าง.
ไหล่ทวีป ไหล่ทวีป น. บริเวณใต้นํ้าทะเลรอบ ๆ ทวีป ซึ่งมีความลาดเอียงน้อย ๆ แผ่ยื่นออกไปจากฝั่งทะเล นับจากแนวนํ้าลงตํ่าสุดลงไป.
ไหลน้ำ ไหลน้ำ ดู หางไหลแดง.
ไหล่รวบ ไหล่รวบ น. ไหล่ห่อ.
ไหล่ลู่ ไหล่ลู่ น. ไหล่ที่ลาดเอียงลงกว่าปรกติ.
ไหล่ห่อ ไหล่ห่อ น. ไหล่ที่คู้เข้าเพราะหนาวหรือเกรงกลัวเป็นต้น.
ไหว ไหว ก. สั่น, สะเทือน, กระดิก, เช่น ใบไม้ไหว.<2t>ว. สามารถทําได้ เช่น เดินไหว สู้ไหว กินไหว.
ไหว้ ไหว้ ก. ทําความเคารพโดยยกมือขึ้นประนม, ถ้าเป็นผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่หรือผู้ทรงศีลต้องก้มศีรษะลงแต่พองาม.
ไหว ๆ ไหว ๆ ว. อาการที่เคลื่อนไหวหรือพลิ้วไปมา เช่น ปลาแหวกว่ายกอบัวอยู่ไหว ๆ ลมพัดธงสะบัดอยู่ไหว ๆ, อาการที่เคลื่อนไหวอย่างเห็นไม่ชัด เช่น เห็นคนร้ายวิ่งหนีเข้าไปในพงหญ้าอยู่ไหว ๆ.
ไหว้ครู ไหว้ครู ก. ทำพิธีแสดงความเคารพสักการบูชาครูบาอาจารย์ด้วยความสำนึกในพระคุณของท่าน.
ไหว้เจ้า ไหว้เจ้า ก. ทําพิธีเซ่นเจ้าตามธรรมเนียมจีน.
ไหวตัว ไหวตัว ก. ขยับตัว, รู้ตัวพร้อมที่จะรับเหตุการณ์.
ไหวติง ไหวติง ก. กระดุกกระดิก, มักใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่ไหวติง.
ไหวทัน ไหวทัน ก. รู้ทัน.
ไหว้ผี ไหว้ผี ก. ทําพิธีเซ่นผี.
ไหวพริบ ไหวพริบ น. ปัญญาไวรู้เท่าทัน, เชาวน์ไว.
ไหว้วาน ไหว้วาน ก. ขอร้องให้ช่วยเหลือ.
ไหหลำ ไหหลำ น. ชื่อเกาะอยู่ในทะเลจีนนอกฝั่งมณฑลกวางตุ้ง, ชนชาติจีนสาขาหนึ่งอยู่ที่เกาะชื่อนี้.
ฬ ฬ พยัญชนะตัวที่ ๔๒ เป็นพวกอักษรตํ่า มักใช้ในคําไทยที่มาจากภาษาบาลี เช่น กีฬา จุฬา นาฬิกา, ตัว ฬ นี้ ในภาษาสันสกฤตไม่มีใช้ ในภาษาบาลีมีใช้แต่ที่เป็นตัวตามหลัง เช่น จุฬา = มวยผม กีฬา = เล่น เขฬะ = นํ้าลาย, ในภาษาไทย แต่เดิมมีที่ใช้บ้าง เช่น ฬา (สัตว์) ฬ่อ (สัตว์) บาฬี บัดนี้ใช้เป็น ลา ล่อ บาลี หมดแล้ว ยังคงอยู่ก็แต่ที่ใช้เป็นตัวสะกดในแม่กน เช่น ทมิฬ ปลาวาฬ.
อ,อ ๑ อ ๑ พยัญชนะตัวที่ ๔๓ เป็นพวกอักษรกลาง ใช้เป็นพยัญชนะตัวต้นได้อย่างตัวอื่น ๆ เช่น อา อก องค์, ใช้นําพยัญชนะเดี่ยวได้อย่างอักษรกลางอื่น ๆ เช่น อนึ่ง องุ่น แอร่ม, ใช้นําตัว ย ให้เป็นเสียงอักษรกลาง แต่นิยมใช้อยู่ ๔ คํา คือ อย่า อยู่ อย่าง อยาก, ใช้เป็นเครื่องหมายรูปสระ ออ เช่น กอ ขอ และประสมกับเครื่องหมายเป็นสระ เอือ เออ เช่น เถือ เธอ, ใช้เป็นตัวเคียงสระ อือ เช่น คือ มือ.
อ,อ ๒ อ ๒ [อะ] เป็นอักษรใช้นําหน้าคําที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต บอกความปฏิเสธหรือตรงกันข้าม แปลว่า ไม่ หรือ ไม่ใช่ เช่น อศุภ (ไม่งาม) อธรรม (ไม่ใช่ธรรม); ใช้เป็น อน เมื่ออยู่หน้าคําที่ขึ้นต้นด้วยสระ เช่น อเนก (อน + เอก) อนาจาร (อน + อาจาร). (ป., ส.).
อก,อก ๑ อก ๑ น. ส่วนของร่างกายด้านหน้าอยู่ระหว่างคอกับท้อง; ใจ เช่น อกกรม อกเขาอกเรา; เรียกไม้ที่เป็นแกนกลางของตัวว่าวว่า อกว่าว; เรียกเลื่อยที่มีไม้ยันกลางว่า เลื่อยอก, เรียกไม้อันกลางที่ยันเลื่อยให้ตึงว่า อกเลื่อย.
อก,อก ๒ อก ๒ น. พวก, หมู่. (อนันตวิภาค).
อก,อก ๓ อก ๓ ว. หก, (โบ) เรียกลูกหญิงคนที่ ๖ ว่า ลูกอก, คู่กับ ลูกชายคนที่ ๖ ว่า ลูกลก.
อกกรม อกกรม ว. มีความระทมใจ มักใช้เข้าคู่กับคำ หน้าชื่น เป็น หน้าชื่นอกกรม, หน้าชื่นอกตรม ก็ว่า.
อกไก่,อกไก่ ๑ อกไก่ ๑ น. เรียกอกคนที่มีลักษณะนูนยื่นออกมาอย่างอกของไก่; ชื่อลวดบัวแบบหนึ่ง มีลักษณะนูนเป็นสันขึ้นอย่างอกของไก่ เรียกว่า บัวอกไก่.
อกไก่,อกไก่ ๒ อกไก่ ๒ น. ไม้เครื่องบนที่พาดเบื้องบนเป็นสันหลังคาเหนือใบดั้ง.
อกคราก อกคราก ว. คําที่กล่าวเปล่งออกมาหมายความว่า หนักเหลือเกิน, เดือดร้อนเหลือเกิน.
อกจะแตก อกจะแตก อ. คำพูดที่เปล่งออกมาเมื่อตกใจเป็นต้น (ใช้แก่ผู้หญิง) เช่น อุ๊ย ! อกจะแตก, อกแตก ก็ว่า.
อกตเวทิตา อกตเวทิตา [อะกะตะ-] น. ความเป็นผู้ไม่ประกาศอุปการคุณที่ท่านทำแก่ตน, ความเป็นผู้ไม่ตอบแทนอุปการคุณที่ท่านได้ทำแก่ตน, เป็นคำคู่กันกับ อกตัญญุตา. [ป. อ ว่า ไม่ + กต ว่า (อุปการะ) ที่ท่านทำแล้ว + เวที ว่า ผู้ให้รู้, ผู้ประกาศ + ตา ว่า ความเป็น].
อกตเวที อกตเวที [อะกะตะ-] น. ผู้ไม่ประกาศอุปการคุณที่ท่านทำแก่ตน, ผู้ไม่ตอบแทนอุปการคุณที่ท่านได้ทำแก่ตน, เป็นคำคู่กันกับ อกตัญญู. [ป. อ ว่า ไม่ + กต ว่า (อุปการะ) ที่ท่านทำแล้ว + เวที ว่า ผู้ให้รู้, ผู้ประกาศ].
อกตั้ง อกตั้ง ว. เต็มที่, เต็มแรง, เช่น วิ่งอกตั้ง เดินอกตั้ง; เรียกอาการที่นั่งหรือยืนตัวตรงว่า นั่งอกตั้ง ยืนอกตั้ง.
อกตัญญุตา อกตัญญุตา [อะกะตัน-] น. ความเป็นผู้ไม่รู้อุปการคุณที่ท่านทําแก่ตน. (ป.).
อกตัญญู อกตัญญู [อะกะตัน-] น. ผู้ไม่รู้อุปการคุณที่ท่านทําแก่ตน. (ป.).
อกเต่า อกเต่า ว. เรียกสิ่งที่มีลักษณะแบนแฟบอย่างอกของเต่า.
อกแตก อกแตก ว. ลักษณะของเมืองหรือวัดเป็นต้นซึ่งมีลํานํ้าหรือทางผ่ากลาง เรียกว่า เมืองอกแตก วัดอกแตก; อาการของคนที่เก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไว้จนทนไม่ไหว.<2t>อ. คําพูดที่เปล่งออกมาเมื่อตกใจเป็นต้น (ใช้แก่ผู้หญิง) เช่น อุ๊ย ! อกแตก, อกจะแตก ก็ว่า.
อกทะเล อกทะเล น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง มักร้องหรือบรรเลงเป็นเพลงลา.
อกนิษฐ์ อกนิษฐ์ [อะกะ-] น. รูปพรหมชั้นสูงสุดในพรหม ๑๖ ชั้น. (ส. อกนิษฺ; ป. อกนิฏฺ).<2t>ว. ใหญ่ที่สุด, สูงสุด, มากที่สุด.
อกผายไหล่ผึ่ง อกผายไหล่ผึ่ง ว. สง่า, องอาจ, ผึ่งผาย.
อกเมือง อกเมือง (กลอน) น. ส่วนสําคัญของเมือง.
อกรณีย์ อกรณีย์ [อะกะระนี, อะกอระนี] น. กิจที่ไม่ควรทํา. (ป.).
อกรรมกริยา อกรรมกริยา [อะกํากฺริยา, อะกํากะริยา] (ไว) น. กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมรับ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน. (ส.).
อกรวบ อกรวบ น. อกไม่ผาย.<2t>ว. อาการของคนที่วิ่งจนเหนื่อยหอบแทบจะหมดเรี่ยวแรง เรียกว่า วิ่งจนอกรวบ.
อกร่อง อกร่อง น. ชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่งของชนิด Mangifera indica L. อกเป็นร่อง.
อกรา อกรา ดู กุแล.
อกรากล้วย อกรากล้วย ดู กุแล.
อกโรย อกโรย ว. อาการของคนที่มีลักษณะผอมจนเห็นกระดูกอก.
อกเลา อกเลา น. ไม้ที่เป็นสันทาบอยู่ที่บานประตูหรือหน้าต่างแบบโบราณ เพื่อบังช่องที่บานประตูหรือหน้าต่างทั้ง ๒ บานประกับกัน.
อกแล อกแล ดู กุแล.
อกแลกล้วย อกแลกล้วย ดู กุแล.
อกสั่นขวัญแขวน,อกสั่นขวัญหนี,อกสั่นขวัญหาย อกสั่นขวัญแขวน, อกสั่นขวัญหนี, อกสั่นขวัญหาย ก. ตกใจสุดขีด, ตกใจกลัวอย่างยิ่ง.
อกสามศอก อกสามศอก ว. มีร่างกายกำยำล่ำสัน, แข็งแรง, (ใช้แก่ผู้ชาย).
อกหัก อกหัก ว. พลาดหวัง (มักใช้ในด้านความรัก).
อกไหม้ไส้ขม อกไหม้ไส้ขม (สำ) ก. เป็นทุกข์อย่างแสนสาหัส.
อกอีปุกแตก,อกอีแป้นแตก อกอีปุกแตก, อกอีแป้นแตก อ. คำพูดที่เปล่งออกมาเมื่อตกใจเป็นต้น (ใช้แก่ผู้หญิง).
อกัปปิย,อกัปปิย-,อกัปปิยะ อกัปปิย-, อกัปปิยะ [อะกับปิยะ-] ว. ไม่ควร, ไม่เหมาะ. (ป.).
อกัปปิยวัตถุ อกัปปิยวัตถุ น. สิ่งที่ต้องห้ามไม่ให้บริโภคใช้สอย (ใช้แก่ภิกษุ). (ป.).
อกัปปิยโวหาร อกัปปิยโวหาร น. ถ้อยคําที่ไม่ควรใช้พูด. (ป.).
อกุศล,อกุศล- อกุศล, อกุศล- [อะกุสน, อะกุสนละ-] ว. ชั่ว, ไม่ดี, ไม่เป็นมงคล. (ส.; ป. อกุสล).<2t>น. สิ่งที่ไม่ดี, บาป.
อกุศลกรรม อกุศลกรรม [อะกุสนละกํา] น. ความชั่วร้าย, โทษ, บาป. (ส. อกุศล + กรฺมนฺ; ป. อกุสลกมฺม).
อกุศลกรรมบถ อกุศลกรรมบถ [อะกุสนละกํามะบด] น. ทางแห่งความชั่ว, ทางบาป, มี ๑๐ อย่าง คือ กายทุจริต ๓ วจีทุจริต ๔ และมโนทุจริต ๓. (ส. อกุศล + กรฺมนฺ + ปถ; ป. อกุสลกมฺมปถ).
อกุศลเจตนา อกุศลเจตนา [อะกุสนละเจดตะนา] น. ความตั้งใจเป็นบาป, ความคิดชั่ว. (ส.; ป. อกุสลเจตนา).
อกุศลมูล อกุศลมูล [อะกุสนละมูน] น. รากเหง้าแห่งความชั่ว มี ๓ อย่าง คือ โลภะ โทสะ โมหะ.
อคติ อคติ [อะคะ-] น. ความลําเอียง มี ๔ อย่าง คือ ฉันทาคติ = ความลําเอียงเพราะรัก โทสาคติ = ความลําเอียงเพราะโกรธ ภยาคติ = ความลําเอียงเพราะกลัว โมหาคติ = ความลําเอียงเพราะเขลา. (ป.).
อคเนสัน อคเนสัน [อะคะ-] น. ชื่อฝีร้ายชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นที่กลางหลัง.
อคาธ อคาธ [อะคาด] น. เหว.<2t>ว. หยั่งไม่ถึง. (ป., ส.).
อคาร,อคาร- อคาร- [อะคาระ-] น. อาคาร. (ป., ส.).
อฆะ,อฆะ ๑ อฆะ ๑ [อะคะ] น. ความชั่ว, บาป, ความทุกข์ร้อน. (ป., ส.).
อฆะ,อฆะ ๒ อฆะ ๒ [อะคะ] น. อากาศ, ฟ้า. (ป.).
อโฆษะ อโฆษะ ว. ไม่ก้อง, เสียงสระหรือพยัญชนะซึ่งขณะที่เปล่งออกมาเส้นเสียงไม่สั่น ในภาษาไทยได้แก่เสียง อ เมื่อเป็นพยัญชนะต้น เสียง บ ด เมื่อเป็นพยัญชนะสะกด และเสียง ก ค จ ช ซ ต ท ป พ ฟ ฮ เสียงสระในภาษาไทยไม่เป็นอโฆษะ, (ไว) เรียกพยัญชนะในภาษาบาลีและสันสกฤตที่มีเสียงไม่ก้องว่า พยัญชนะอโฆษะ ได้แก่ พยัญชนะตัวที่ ๑, ๒ ของวรรค และ ศ ษ ส. (ส.; ป. อโฆส).
อง อง น. คำนำหน้านามของบุคคลซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์ญวน เช่น องเชียงสือ องเชียงชุน, คำนำหน้าสมณศักดิ์พระสงฆ์อนัมนิกายชั้นปลัดขวาปลัดซ้ายและพระคณานุกรม เช่น องสรภาณมธุรส องสุตบทบวร. (ญ.).
องก์ องก์ น. ตอนหนึ่ง ๆ ในบทละคร แต่ละตอนอาจมีเพียงฉากเดียวหรือหลายฉากก็ได้. (ป., ส. องฺก).
องค,องค-,องค์ องค-, องค์ [องคะ-] น. ส่วนของร่างกาย, อวัยวะ, ตัว (ราชาศัพท์ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ พระบรมราชินี และพระบรมวงศ์ชั้นสูงที่ทรงได้รับพระราชทานฉัตร ๗ ชั้น ใช้ว่า พระองค์ เช่น แต่งพระองค์); ส่วนย่อยที่เป็นองค์ประกอบ เช่น มรรคมีองค์ ๘; ในราชาศัพท์ใช้เป็นลักษณนามเรียกอวัยวะหรือสิ่งของ หรือคำพูด เป็นต้น ของกษัตริย์หรือเจ้านาย เช่น พระทนต์ ๑ องค์ (ฟัน ๑ ซี่) พระศรี ๑ องค์ (หมาก ๑ คํา) พระที่นั่ง ๑ องค์ พระบรมราโชวาท ๒ องค์; ลักษณนามใช้เรียกสิ่งที่เคารพบูชาบางอย่างในทางศาสนา เช่น พระพุทธรูป ๑ องค์ พระเจดีย์ ๒ องค์, (ปาก) ลักษณนามใช้เรียกภิกษุสามเณร นักบวชในศาสนาอื่น เช่น ภิกษุ ๑ องค์ บาทหลวง ๒ องค์. (ป., ส. องฺค).
องค์กฐิน องค์กฐิน น. ผ้ากฐิน, ผ้าผืนที่ถวายสงฆ์เพื่อกรานกฐิน.
องค์กร องค์กร น. บุคคล คณะบุคคล หรือสถาบันซึ่งเป็นส่วนประกอบของหน่วยงานใหญ่ที่ทำหน้าที่สัมพันธ์กันหรือขึ้นต่อกัน เช่น คณะรัฐมนตรีเป็นองค์กรบริหารของรัฐ สภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรของรัฐสภา, ในบางกรณี องค์กร หมายความรวมถึงองค์การด้วย. (อ. organ).
องค์การ องค์การ น. ศูนย์รวมกลุ่มบุคคลหรือกิจการที่ประกอบกันขึ้นเป็นหน่วยงานเดียวกัน เพื่อดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือในตราสารจัดตั้งซึ่งอาจเป็นหน่วยงานของรัฐ เช่น องค์การของรัฐบาล หน่วยงานเอกชน เช่น บริษัทจำกัด สมาคม หรือหน่วยงานระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ. (อ. organization).
องค์การสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ ดู สหประชาชาติ.
องคชาต องคชาต [องคะ-] น. อวัยวะสืบพันธุ์ของชาย. (ป., ส. องฺคชาต ว่า อวัยวะสืบพันธุ์ของชายหญิง).
องค์ประกอบ องค์ประกอบ น. สิ่งต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบเป็นสิ่งใหญ่, ส่วนของสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องประกอบทําให้เกิดเป็นรูปขึ้นใหม่โดยเฉพาะ, ส่วนประกอบ ก็เรียก
องค์ประชุม องค์ประชุม น. จํานวนสมาชิกหรือกรรมการที่มาประชุมตามข้อบังคับการประชุมที่กำหนดไว้ เช่น กรรมการต้องมาประชุมอย่างน้อยครึ่งหนึ่งจึงจะถือว่าเป็นองค์ประชุม.
องคมนตรี องคมนตรี [องคะ-] น. ผู้มีตําแหน่งที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์.
องคมรรษ องคมรรษ [องคะมัด] น. โรคขัดในข้อ. (ส. องฺคมรฺษ).
องครักษ์ องครักษ์ [องคะ-] น. ผู้ทําหน้าที่ให้ความคุ้มครองป้องกัน เช่น องครักษ์นักการเมือง.
องควิการ องควิการ [องคะวิกาน] น. ความชํารุดแห่งอวัยวะต่าง ๆ มีตาบอด แขนหัก เป็นต้น. (ป.).
องควิเกษป องควิเกษป [องคะวิกะเสบ] น. ท่าทาง, อาการเคลื่อนไหว. (ส. องฺควิเกฺษป; ป. องฺค + วิกฺเขป).
องควิทยา องควิทยา [องคะ-] น. ความรู้เรื่องลักษณะดีชั่วปรากฏตามร่างกาย. (ส.; ป. องฺควิชฺชา).
องคาพยพ องคาพยพ [องคาบพะยบ, องคาพะยบ] น. ส่วนน้อยและใหญ่แห่งร่างกาย, อวัยวะน้อยใหญ่. (ป. องฺค+ อวยว).
องคุละ องคุละ [-คุละ] น. นิ้วมือ, นิ้วเท้า. (ป., ส.).
องคุลี องคุลี น. นิ้วมือ; ชื่อมาตราวัดแต่โบราณ ยาวเท่ากับข้อปลายของนิ้วกลาง. (ป., ส.).
องศ์ องศ์ น. ส่วน, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น ไตรยางศ์ (ตฺรย + อํศฺ) ว่า ๓ ส่วน.
องศา องศา น. หน่วยในการวัดขนาดของมุม โดยกําหนดให้มุมที่รองรับโค้ง ๑ ใน ๓๖๐ ส่วนของเส้นรอบวง มีขนาด ๑ องศา และ ๙๐ องศา เป็น ๑ มุมฉาก; หน่วยในการวัดอุณหภูมิตามชนิดของเครื่องวัด; (โหร) น. ส่วนหนึ่งของจักรราศี คือ วงกลมในท้องฟ้า แบ่งจักรราศีออกเป็น ๑๒ ราศี และแบ่ง ๑ ราศีออกเป็น ๓๐ องศา ฉะนั้นวงกลมจึงเท่ากับ ๓๖๐ องศา. (ส. อํศ).
องอาจ องอาจ ว. มีลักษณะสง่าผึ่งผาย, อาจอง ก็ว่า.
องุ่น องุ่น [อะหฺงุ่น] น. ชื่อไม้เถาชนิด Vitis vinifera L. ในวงศ์ Vitaceae ผลเป็นพวง กินได้หรือใช้หมักทําเหล้า เรียก เหล้าองุ่น.
อจระ อจระ [อะจะระ] ว. เคลื่อนไม่ได้, ไปไม่ได้. (ป., ส.).
อจล,อจล- อจล- [อะจะละ-] ว. ไม่หวั่นไหว, ไม่คลอนแคลน, เช่น อจลศรัทธา. (ป., ส.).
อจลา อจลา [อะจะ-] น. แผ่นดิน. (ส.).
อจิตติ อจิตติ น. ความขาดสติ, ความมัวเมา. (ส.).
อจินตา อจินตา [-จิน-] น. การขาดความคิด. (ส.).
อจินไตย อจินไตย [-จินไต] ว. ที่พ้นความคิด, ไม่ควรคิด, (สิ่งที่เป็นอจินไตยมีอยู่ ๔ อย่างด้วยกัน คือ พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑ ฌานวิสัยของผู้ได้ฌาน ๑ วิบากแห่งกรรม ๑ ความคิดเรื่องโลก ๑). (ป. อจินฺเตยฺย; ส. อจินฺตฺย).
อจิร,อจิร-,อจิระ อจิร-, อจิระ [อะจิระ-] ว. ไม่นาน. (ป., ส.).
อเจลก,อเจละ อเจลก, อเจละ [อะเจ-ลก] น. คนไม่นุ่งผ้า, คนเปลือย, ชีเปลือย. (ป.).
อชะ อชะ [อะชะ] น. แพะ. (ป., ส.).
อชา อชา น. แพะตัวเมีย. (ป., ส.).
อชิน อชิน น. หนังรองนั่งของนักพรต; หนังสัตว์, หนังเสือ. (ป., ส.).
อชินี อชินี น. เสือเหลือง. (ป.).
อชิระ อชิระ น. สนามรบ, ที่ว่าง, ลาน.<2t>ว. คล่อง, ว่องไว, ตัวเบา. (ส.).
อฏวี อฏวี [อะตะ-] น. ดง, ป่า, พง. (ป., ส.).
อณิ อณิ น. ลิ่ม, สลัก, ลิ่มที่สลักปลายเพลาไม่ให้ลูกล้อหลุด; ขอบ, ที่สุด. (ป., ส. อาณิ).
อณุ,อณู,อณู ๑ อณุ, อณู ๑ น. มาตราวัดโบราณ ๓๖ ปรมาณู เป็น ๑ อณู.<2t>ว. เล็ก, น้อย; ละเอียด. (ป., ส. อณุ).
อณู,อณู ๒ อณู ๒ น. ส่วนของสารที่ประกอบด้วยปรมาณู. (ป., ส. อณุ).
อโณทัย อโณทัย [อะโนไท] น. พระอาทิตย์เพิ่งขึ้น. (กร่อนมาจาก อรุโณทัย). (ป. อรุโณทย).
อด อด ก. กลั้น เช่น เหลืออด, งดเว้น เช่น อดฝิ่น อดอาหาร; ไม่ได้, ไม่สมหวัง, เช่น อดรับรางวัล อดดู; ไม่มีอะไรกิน เช่น อดอยู่ทั้งวัน.<2t>ว. ทน เช่น ดํานํ้าอด.
อด ๆ อยาก ๆ อด ๆ อยาก ๆ ก. กินอยู่อย่างฝืดเคือง, มีกินบ้างไม่มีกินบ้าง.
อดกลั้น อดกลั้น ก. ระงับอารมณ์.
อดใจ อดใจ ก. ยั้งใจ.
อดตาหลับขับตานอน อดตาหลับขับตานอน ก. สู้ทนอดนอน.
อดทน อดทน ก. บึกบึน, ยอมรับสภาพความยากลำบาก.
อดนม อดนม ก. เลิกกินนมแม่ (ใช้แก่เด็กและลูกสัตว์), หย่านม ก็ว่า.
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อดเปรี้ยวไว้กินหวาน (สํา) ก. อดใจไว้ก่อนเพราะหวังสิ่งที่ดีกว่าข้างหน้า.
อดมื้อกินมื้อ อดมื้อกินมื้อ ก. มีกินบ้างไม่มีกินบ้าง.
อดรนทนไม่ได้,อดรนทนไม่ไหว อดรนทนไม่ได้, อดรนทนไม่ไหว ก. ไม่สามารถจะอดทนต่อไปได้.
อดสู อดสู ก. ละอายใจ, อับอายมาก
อดแห้งอดแล้ง อดแห้งอดแล้ง ก. ไม่ได้กินของที่อยากกิน, อดอยากปากแห้ง ก็ว่า.
อดอยาก อดอยาก ก. ไม่มีจะกิน, ขาดแคลนอาหาร, มีไม่พอกิน.
อดอยากปากแห้ง อดอยากปากแห้ง ก. ไม่ได้กินของที่อยากกิน, อดแห้งอดแล้ง ก็ว่า.
อดออม อดออม ก. ประหยัด, กระเหม็ดกระแหม่, ออมอด ก็ว่า.
อดิ อดิ ดู อติ.
อดิถี อดิถี น. แขก, ผู้มาหา. (ป., ส. อติถิ).
อดิเทพ อดิเทพ น. เทวดาผู้ยิ่งกว่าเทวดาอื่น ๆ. (ป. อติเทว).
อดิเรก,อดิเรก- อดิเรก, อดิเรก- [อะดิเหฺรก, -เหฺรกกะ-] ว. พิเศษ.<2t>น. ชื่อพรพิเศษที่พระสงฆ์ถวายพระมหากษัตริย์ ในคําว่า ถวายอดิเรก. (ป., ส.).
อดิเรกลาภ อดิเรกลาภ [อะดิเหฺรกกะลาบ] น. อติเรกลาภ, ลาภพิเศษ. (ป., ส. อติเรกลาภ).
อดิศร,อดิศวร อดิศร, อดิศวร [อะดิสอน, -สวน] น. ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่. (ส. อติ + อีศฺร, อติ + อีศฺวร).
อดิศัย อดิศัย [อะดิไส] ว. เลิศ, ประเสริฐ. (ส.; ป. อติสย).
อดีต,อดีต- อดีต, อดีต- [อะดีด, อะดีดตะ-] ว. ล่วงแล้ว.<2t>น. เวลาที่ล่วงแล้ว. (ป., ส. อตีต).
อดีตกาล,อดีตสมัย อดีตกาล, อดีตสมัย [อะดีดตะกาน, -ตะสะไหฺม] น. เวลาที่ล่วงแล้ว.
อดีตชาติ,อดีตภพ อดีตชาติ, อดีตภพ [อะดีดตะชาด, -ตะพบ] น. ชาติก่อน, ภพก่อน.
อดุล,อดุลย,อดุลย-,อดุลย์ อดุล, อดุลย-, อดุลย์ [อะดุน, อะดุนละยะ-, อะดุน] ว. ชั่งไม่ได้, ไม่มีอะไรเปรียบ, ไม่มีอะไรเท่า. (ป., ส. อตุล, อตุลฺย).
อติ อติ [อะติ] คํานําหน้าคําที่มาจากบาลีและสันสกฤตให้มีใจความว่า พิเศษ, ยิ่ง, มาก, เลิศล้น; ผ่าน, ล่วง, พ้นเลยไป, เขียนเป็น อดิ ก็มี. (ป., ส.).
อติชาต,อติชาต- อติชาต, อติชาต- [อะติชาด, อะติชาดตะ-] ว. เลิศกว่าเผ่าพงศ์. (ป., ส.).
อติชาตบุตร อติชาตบุตร น. บุตรที่มีคุณสมบัติสูงกว่าบิดามารดา, อภิชาตบุตร ก็ว่า. (ส. อติชาตปุตฺร; ป. อติชาตปุตฺต).
อติเทพ อติเทพ น. เทวดาผู้ยิ่งกว่าเทวดาอื่น ๆ.
อติมานะ อติมานะ น. ความเย่อหยิ่ง, ความจองหอง. (ป.).
อติราช อติราช [อะติราด] น. เจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่, มหาราช. (ป.).
อติเรก,อติเรก- อติเรก, อติเรก- [อะติเหฺรก, -เหฺรกกะ-] ว. อดิเรก. (ป., ส.).
อติเรกจีวร อติเรกจีวร น. จีวรของภิกษุที่เขาถวายเพิ่มเข้ามานอกจากผ้าที่อธิษฐานเป็นไตรจีวร. (ป., ส.).
อติเรกลาภ อติเรกลาภ น. อดิเรกลาภ, ลาภพิเศษ. (ป., ส.).
อติสาร อติสาร [อะติสาน] ว. อาการของการเจ็บไข้ที่เข้าขีดตาย.<2t>น. โรคลงแดง. (ป., ส.).
อถรรพเวท,อาถรรพเวท อถรรพเวท, อาถรรพเวท [อะถับพะเวด, อะถันพะเวด, อาถับพะเวด, อาถันพะเวด] น. ชื่อคัมภีร์ที่ ๔ ของพระเวท ส่วนใหญ่ประพันธ์ขึ้นภายหลัง แต่มีบางบทที่เก่ามากซึ่งนำมาจากฤคเวทก็มี. (ส.). (ดู เวท, เวท- ประกอบ).
อทระ,อารทรา อทระ, อารทรา [อะทฺระ, อาระทฺรา] น. ดาวฤกษ์ที่ ๖ มี ๑ ดวง เห็นเป็นรูปฉัตร, ดาวอัททา ดาวตัวโค หรือ ดาวตาสําเภา ก็เรียก.
อทินนาทาน อทินนาทาน [อะทิน-] น. การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แก่ตน, การลักทรัพย์. (ป.).
อทินนาทายี อทินนาทายี น. ผู้ถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้, ขโมย. (ป.).
อธรรม อธรรม [อะทํา] ว. ไม่เป็นธรรม, ไม่เที่ยงธรรม, ไม่ยุติธรรม.<2t>น. ความไม่มีธรรม, ความชั่วร้าย. (ส.).
อธิ อธิ คํานําหน้าคําที่มาจากบาลีและสันสกฤต แปลว่า ยิ่ง, ใหญ่, เช่น อธิปัญญา = ปัญญายิ่ง. (ป., ส. = ยิ่ง, ใหญ่, ทับ).
อธิก,อธิก- อธิก- [อะทิกะ-, อะทิกกะ-] ว. ยิ่ง, เกิน, มาก, เพิ่ม, เลิศ, ใช้ว่า อธึก ก็มี. (ป., ส.).
อธิกมาส อธิกมาส [-มาด] น. เดือนที่เพิ่มขึ้นในปีจันทรคติ คือ ในปีนั้นมี ๑๓ เดือน มีเดือน ๘ สองหน เรียกว่า เดือน ๘ สอง ๘. (ป.).
อธิกรณ์ อธิกรณ์ น. เหตุ, โทษ, คดี, เรื่องราว. (ป., ส.).
อธิกวาร อธิกวาร [-วาน] น. วันที่เพิ่มขึ้นในปีจันทรคติ คือ ในปีนั้นเดือน ๗ เป็นเดือนเต็ม มี ๓๐ วัน. (ป.).
อธิกสุรทิน อธิกสุรทิน [-สุระทิน] น. วันที่เพิ่มขึ้นในปีสุริยคติ คือ ในปีนั้นเพิ่มวันเข้าในเดือนกุมภาพันธ์อีก ๑ วัน เป็น ๒๙ วัน.
อธิการ อธิการ [อะทิกาน] น. เรียกพระที่ดํารงตําแหน่งเจ้าอาวาสซึ่งไม่มีสมณศักดิ์อย่างอื่นว่า พระอธิการ, เรียกพระที่ดํารงตําแหน่งพระอุปัชฌาย์หรือเจ้าคณะตําบล ซึ่งไม่มีสมณศักดิ์อย่างอื่นว่า เจ้าอธิการ; ตําแหน่งสูงสุดของผู้บริหารในวิทยาลัย. (ป., ส.).
อธิการบดี อธิการบดี [อะทิกานบอดี] น. ตําแหน่งสูงสุดของผู้บริหารในมหาวิทยาลัย.
อธิคม อธิคม น. การบรรลุ, ความสําเร็จ, การได้. (ป., ส.).
อธิฏฐาน อธิฏฐาน [อะทิดถาน] ก. ตั้งใจมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง, ตั้งจิตปรารถนา, ตั้งจิตขอร้องต่อสิ่งที่ตนถือว่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง, อธิษฐาน ก็ว่า. (ป.; ส. อธิษฺาน).
อธิบดี อธิบดี [อะทิบอดี, อะทิบบอดี] น. ผู้เป็นใหญ่, ผู้ปกครอง, หัวหน้า, เช่น อธิบดีสงฆ์ อธิบดีผู้พิพากษา; ตําแหน่งหัวหน้ากรมในราชการ.<2t>ว. มีความเจริญสวัสดิมงคล ทางโหราศาสตร์นิยมให้ประกอบการมงคลต่าง ๆ ในวัน ยาม ฤกษ์ ราศี และดิถีที่เป็นอธิบดี ทั้งนี้ตลอดปีนั้น ๆ, ตรงข้ามกับโลกาวินาศ. (ป., ส. อธิปติ).
อธิบาย อธิบาย [อะทิบาย] ก. ไขความ, ขยายความ, ชี้แจง. (ป. อธิปฺปาย).
อธิป,อธิป- อธิป, อธิป- [อะทิบ, อะทิปะ-, อะทิบปะ-] น. พระเจ้าแผ่นดิน, นาย, หัวหน้า, ผู้เป็นใหญ่, มักใช้พ่วงท้ายศัพท์ เช่น นราธิป ชนาธิป, แต่เมื่อนําหน้าคําที่ขึ้นต้นด้วยสระ มักใช้ อธิบ เช่น นราธิเบศร์ นราธิเบนทร์. (ป., ส.).
อธิปไตย อธิปไตย [อะทิปะไต, อะทิบปะไต] น. อํานาจสูงสุดของรัฐที่จะใช้บังคับบัญชาภายในอาณาเขตของตน. (ป. อธิปเตยฺย ว่า ความเป็นใหญ่ยิ่ง). (อ. sovereignty).
อธิมาตร อธิมาตร [อะทิมาด] ว. เหลือคณนา. (ส.; ป. อธิมตฺต).
อธิมุตติ อธิมุตติ [อะทิมุดติ] น. อัชฌาสัย, ความพอใจ, ความตั้งใจ. (ป.; ส. อธิมุกฺติ).
อธิโมกข์ อธิโมกข์ น. ความตัดสินเด็ดขาด, ความเด็ดเดี่ยว; ความน้อมใจเชื่อ. (ป.; ส. อธิโมกฺษ).
อธิราช อธิราช น. พระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่. (ส.).
อธิวาส อธิวาส น. ที่อยู่, บ้าน. (ป., ส.).
อธิวาสนะ อธิวาสนะ [-วาสะนะ] น. ความอดกลั้น, ความอดทน. (ป.).
อธิศีล อธิศีล น. ศีลอย่างสูง, ศีลอย่างอุกฤษฏ์. (ป. อธิสีล).
อธิษฐาน อธิษฐาน [อะทิดถาน, อะทิดสะถาน] ก. ตั้งใจมุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่ง, ตั้งจิตปรารถนา, ตั้งจิตขอร้องต่อสิ่งที่ตนถือว่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อผลอย่างใดอย่างหนึ่ง, อธิฏฐาน ก็ว่า. (ส.; ป. อธิฏฺาน).
อธึก อธึก ว. อธิก, ยิ่ง, เกิน, มาก, เพิ่ม, เลิศ.
อน,อน- อน- [อะนะ-] เป็นคําปฏิเสธ แปลว่า ไม่, ไม่ใช่, ใช้ประกอบหน้าศัพท์บาลีและสันสกฤตที่ขึ้นต้นด้วยสระ เช่น อาทร = เอื้อเฟื้อ, อนาทร = ไม่เอื้อเฟื้อ. (ดู อ ๒ ประกอบ).
อ้น,อ้น ๑ อ้น ๑ น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Rhizomyidae ลําตัวกลมอ้วนป้อมสีนํ้าตาล ตาและหูเล็กมาก ขาและหางสั้น อาศัยอยู่ใต้ดินหรือโพรงไม้ ฟันแทะคู่หน้ามีขนาดใหญ่เห็นได้ชัด ในประเทศไทยมี ๓ ชนิด คือ อ้นใหญ่ (Rhizomys sumatrensis) อ้นกลาง (R. pruinosus) และอ้นเล็ก (Cannomys badius).
อ้น,อ้น ๒,อ้นอ้อ อ้น ๒, อ้นอ้อ ดู ชีล้อม.
อนงค-,อนงค์,อนงค์ ๑ อนงค-, อนงค์ ๑ [อะนงคะ-, อะนง] น. นาง, นางงาม.
อนงค์,อนงค์ ๒ อนงค์ ๒ [อะนง] (วรรณ) น. ผู้ไม่มีตัวตน เป็นชื่อหนึ่งของกามเทพ. ส. อนงฺค ว่า ไม่มีตัวตน = ชื่อกามเทพ).
อนงคณะ อนงคณะ [อะนงคะนะ] ว. ไม่มีกิเลส, ไม่มีสิ่งชั่ว. (ป.).
อนงคเลข,อนงคเลขา อนงคเลข, อนงคเลขา น. จดหมายรัก, เพลงยาว.
อนธ,อนธ-,อันธ,อันธ- อนธ-, อันธ- [อนทะ-, -ทะ-] ว. มืด, มืดมน; โง่, ทึบ; มองไม่เห็น, บอด. (ป., ส.).
อนธการ อนธการ น. ความมืด, ความมัว, ความมืดมน; เวลาคํ่า; ความเขลา; อันธการ ก็ว่า. (ป.).
อนนต์ อนนต์ น. ชื่อปลาใหญ่ในวรรณคดี เชื่อกันว่าหนุนแผ่นดิน เมื่อปลานี้พลิกตัวจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว, อานนท์ ก็ว่า.
อนยะ อนยะ [อะนะ-] น. เคราะห์ร้าย, ทุกข์, ความฉิบหาย. (ป., ส.).
อนรรฆ อนรรฆ [อะนัก] ว. หาค่ามิได้, เกินที่จะประมาณราคาได้. (ส. อนรฺฆ).
อนรรถ อนรรถ [อะนัด] ว. ไม่เป็นประโยชน์, ไม่มีผล. (ส. อนรฺถ; ป. อนตฺถ).
อนล อนล [อะนน] น. ไฟ; พระอัคนี. (ส.).
อนวัช,อนวัช- อนวัช, อนวัช- [อะนะวัด, อะนะวัดชะ-] ว. ไม่มีโทษ, ไม่มีที่ติ, ไม่มีตําหนิ, เช่น อนวัชกรรม คือ กรรมที่ไม่มีโทษ. (ป. อนวชฺช).
อนัญ,อนัญ- อนัญ, อนัญ- [อะนัน, อะนันยะ-] ว. ไม่ใช่อื่น. (ป. อนญฺ).
อนัญคติ อนัญคติ [อะนันยะคะติ] น. หนทางเดียว; ความจําเป็น. (ป. อนญฺคติ).
อนัญสาธารณ์ อนัญสาธารณ์ [อะนันยะสาทาน] ว. เป็นพิเศษไม่ทั่วไปแก่คนอื่น. (ป. อนญฺสาธารณ).
อนัตตา อนัตตา ว. ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน. (ป.).
อนัตถ,อนัตถ- อนัตถ- [อะนัดถะ-] ว. อนรรถ. (ป.).
อนันต,อนันต-,อนันต์ อนันต-, อนันต์ [อะนันตะ-, อะนัน] ว. ไม่มีสิ้นสุด, มากล้น, เช่น อนันตคุณ คุณอนันต์. (ป.).
อนันตร,อนันตร- อนันตร- [อะนันตะระ-] ว. ไม่มีระหว่าง, ติดต่อกันเรื่อยไป. (ป., ส.).
อนันตริยกรรม อนันตริยกรรม [-ตะริยะกํา] น. กรรมที่ให้ผลไม่เว้นระยะ คือ กรรมที่เป็นบาปหนักที่สุด มี ๕ อย่าง คือ ๑. ฆ่าบิดา ๒. ฆ่ามารดา ๓. ฆ่าพระอรหันต์ ๔. ทําให้พระกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด ๕. ทําให้สงฆ์แตกแยกกัน. (ป. อนนฺตริยกมฺม).
อนัม อนัม น. ญวน, ใช้ว่า อนํา อานํา หรือ อานัม ก็มี.
อนากูล อนากูล ว. ไม่อากูล, ไม่คั่งค้าง, เช่น การงานอนากูลเป็นมงคลอันสูงสุด. (ป., ส. น + อากุล).
อนาคต,อนาคต- อนาคต, อนาคต- [อะนาคด, อะนาคดตะ-] ว. ยังไม่มาถึง.<2t>น. เวลาภายหน้า. (ป., ส.).
อนาคตกาล อนาคตกาล น. กาลภายหน้า, กาลที่ยังมาไม่ถึง.
อนาคามิผล อนาคามิผล น. ธรรมที่พระอนาคามีได้บรรลุ. (ป.; ส. อนาคามินฺ + ผล). (ดู ผล).
อนาคามิมรรค อนาคามิมรรค น. ทางปฏิบัติที่ให้สําเร็จเป็นพระอนาคามี. (ส. อนาคามินฺ + มารฺค; ป. อนาคามิมคฺค). (ดู มรรค).
อนาคามี อนาคามี น. ผู้ไม่มาสู่กามภพอีก เป็นชื่อพระอริยบุคคลชั้นที่ ๓ ใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์, บางทีเรียกสั้น ๆ ว่า พระอนาคา. (ป.; ส. อนาคามินฺ).
อนาจาร อนาจาร [อะนาจาน] น. ความประพฤติชั่ว, ความประพฤติน่าอับอาย; (กฎ) ชื่อความผิดอาญาฐานกระทําการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกํานัล โดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทําการลามกอย่างอื่น.<2t>ว. ลามก, น่าบัดสี, ทําให้เป็นที่อับอาย, เป็นที่น่ารังเกียจแก่ผู้อื่นในด้านความดีงาม. (ป., ส.).
อนาถ อนาถ [อะหฺนาด] ก. สงสาร, สังเวช, สลดใจ. (ป., ส. อนาถ ว่า ไม่มีที่พึ่ง).
อนาถา อนาถา ว. ไม่มีที่พึ่ง, กําพร้า, ยากจน, เข็ญใจ. (ป., ส. อนาถ).
อนาทร,อนาทร ๑ อนาทร ๑ [อะนาทอน] น. ความไม่เอื้อเฟื้อ, ความไม่เอาใจใส่, ความไม่พะวง. (ป., ส.).
อนาทร,อนาทร ๒ อนาทร ๒ [อะนาทอน] ก. เป็นทุกข์เป็นร้อน, ร้อนอกร้อนใจ, มักใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่อนาทร อย่าอนาทร หมายความว่า ไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน อย่าร้อนอกร้อนใจ.
อนาธิปไตย อนาธิปไตย [อะนาทิปะไต, อะนาทิบปะไต] ว. ภาวะที่บ้านเมืองไม่มีรัฐบาล ไม่มีกฎหมายและระเบียบ ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง. (อ. anarchy).
อนามัย อนามัย น. ความไม่มีโรค, สุขภาพ.<2t>ว. เกี่ยวกับสุขภาพ, ถูกสุขลักษณะ, เช่น ข้าวอนามัย กรมอนามัย, (ปาก) สะอาดปราศจากสารพิษเจือปน เช่น ผักอนามัย. (ป., ส.).
อนามิกา อนามิกา (ราชา) น. นิ้วนาง.
อนารย,อนารย-,อนารยะ อนารย-, อนารยะ [อะนาระยะ] ว. ไม่ใช่อารยะ, ป่าเถื่อน. (ส.).
อนารยชน อนารยชน น. คนที่ยังไม่เจริญ, คนป่าเถื่อน.
อนารยธรรม อนารยธรรม น. ความตํ่าช้า, ความป่าเถื่อน.
อนาลัย อนาลัย น. การไม่มีที่อยู่; การหมดความอยาก, การหมดความพัวพัน; ชื่อหนึ่งของพระนิพพาน. (ป.).
อนำ อนำ น. ญวน, ใช้ว่า อนัม อานัม หรือ อานํา ก็มี.
อนิจ,อนิจ- อนิจ, อนิจ- [อะนิด, อะนิดจะ-] ว. ไม่ยั่งยืน, ไม่เที่ยง, ชั่วคราว, ไม่แน่นอน. (ป. อนิจฺจ; ส. อนิตฺย).
อนิจกรรม อนิจกรรม น. ความตาย, ใช้กับผู้ตายที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตั้งแต่ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทยขึ้นไป หรือทุติยจุลจอมเกล้า หรือทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ว่า ถึงแก่อนิจกรรม.
อนิจจัง,อนิจจัง ๑ อนิจจัง ๑ [อะนิด-] ว. ไม่เที่ยง, ไม่แน่นอน, เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ. (ป.).
อนิจจัง,อนิจจัง ๒,อนิจจา อนิจจัง ๒, อนิจจา [อะนิด-] อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความสงสารสังเวชเป็นต้น.
อนิฏฐารมณ์ อนิฏฐารมณ์ [อะนิดถารม] น. อารมณ์หรือสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจ ได้แก่ ความเสื่อมลาภ ความเสื่อมยศ นินทา ทุกข์, ตรงข้ามกับ อิฏฐารมณ์. (ป. อนิฏฺารมฺมณ).
อนิยต อนิยต [อะนิยด] ว. ไม่แน่นอน.<2t>น. ชื่ออาบัติที่ไม่แน่นอนว่าจะเป็นอาบัติปาราชิก สังฆาทิเสส หรือปาจิตตีย์ ซึ่งพระวินัยธรจะต้องวินิจฉัย. (ป., ส.).
อนิยม,อนิยม- อนิยม, อนิยม- [อะนิยม, อะนิยะมะ-] ว. ไม่มีกําหนด, ไม่ต้องด้วยกฎหรือแบบแผน, ไม่แน่นอน, นอกแบบ. (ป., ส.).
อนิลบถ อนิลบถ [อะนิละบด] น. ทางลม, ฟ้า, อากาศ. (ป. อนิลปถ).
อนิละ,อนิล,อนิล- อนิละ, อนิล- [อะนิละ-] น. ลม. (ป., ส.).
อนิวรรต,อนิวรรตน์ อนิวรรต, อนิวรรตน์ [อะนิวัด] ว. ไม่กลับ, ไม่ท้อถอย. (ส. อนิวรฺต, อนิวรฺตน; ป. อนิวตฺต, อนิวตฺตน).
อนิษฏ์ อนิษฏ์ ว. ไม่น่าปรารถนา. (ส.).
อนีก,อนีก-,อนีกะ,อนึก อนีก-, อนีกะ, อนึก [อะนีกะ-, อะนึก] น. กองทัพในสมัยโบราณ, เมื่อใช้เป็นส่วนท้ายของสมาสใช้ว่า อนีกะ บ้าง อนึก บ้าง เช่น ปัตตานีกะ ปัตตานึก = กองทัพเหล่าราบ กองทัพทหารเดินเท้า, อัศวานีกะ อัศวานึก = กองทัพม้า เหล่าทหารม้า. (ป., ส.).
อนีกทรรศนะ,อนีกทัศนะ อนีกทรรศนะ, อนีกทัศนะ น. การตรวจพล. (ส. อนีก + ทรฺศน; ป. อนีกทสฺสน).
อนีกัฐ อนีกัฐ น. ทหารม้า, ทหารรักษาพระองค์. (ป. อนีกฏฺ).
อนีจะ อนีจะ ว. ไม่ตํ่า, ดี, งาม, น่านับถือ. (ป., ส.).
อนึก อนึก น. กองทัพ. (ดู อนีก-, อนีกะ, อนึก).
อนึ่ง อนึ่ง [อะหฺนึ่ง] สัน. อีกอย่างหนึ่ง, อีกประการหนึ่ง.
อนุ อนุ คําประกอบหน้าศัพท์บาลีหรือสันสกฤตมีความหมายว่า น้อย เช่น อนุทิศ = ทิศน้อย, ภายหลัง, รุ่นหลัง, เช่น อนุชน = ชนรุ่นหลัง, ตาม เช่น อนุวัต = เป็นไปตาม, เนือง ๆ เช่น อนุศาสน์ = สอนเนือง ๆ คือ พรํ่าสอน. (ป., ส.).
อนุกร อนุกร [อะนุกอน] น. ผู้ช่วย.<2t>ว. เอาอย่าง, ทําตาม. (ส.).
อนุกรม อนุกรม [อะนุกฺรม] น. ลําดับ, ระเบียบ, ชั้น, เช่น โดยอนุกรม, นิยมใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น พจนานุกรม ปทานุกรม นามานุกรม สารานุกรม อักขรานุกรม. (ส. อนุกฺรม; ป. อนุกฺกม).
อนุกรรมการ อนุกรรมการ [อะนุกํามะกาน] น. กรรมการสาขาของคณะกรรมการ.
อนุกระเบียด อนุกระเบียด (โบ) น. มาตราวัดของไทย มีพิกัดเท่ากับครึ่งกระเบียดหรือ ๑ ใน ๘ ของนิ้ว.
อนุกาชาด อนุกาชาด (โบ) น. อนุสมาชิกของสภากาชาด.
อนุการ อนุการ น. การทําตาม, การเอาอย่าง. (ป., ส.).
อนุกูล อนุกูล ก. เกื้อกูล, สงเคราะห์. (ป., ส.).
อนุคามิก อนุคามิก ว. ตามไป, เกี่ยวเนื่อง. (ป.).
อนุคามี อนุคามี น. ผู้ติดตาม, เพื่อน.<2t>ว. ติดตาม, เกี่ยวเนื่อง. (ป., ส.).
อนุเคราะห์ อนุเคราะห์ ก. เอื้อเฟื้อ, ช่วยเหลือ. (ส. อนุคฺรห; ป. อนุคฺคห).
อนุจร อนุจร [อะนุจอน] น. ผู้ประพฤติตาม, ผู้ติดตาม; เรียกพระภิกษุลูกวัดว่า พระอนุจร, พระอันดับ ก็เรียก. (ป., ส.).
อนุช อนุช [อะนุด] น. ผู้เกิดภายหลัง, น้องสาว, นิยมใช้ว่า นุช. (ป., ส.).
อนุชน อนุชน น. คนรุ่นหลัง, คนรุ่นต่อไป.
อนุชา อนุชา [อะนุชา] น. ผู้เกิดภายหลัง, น้องชาย, (ราชา) พระอนุชา. (ป., ส.).
อนุชาต,อนุชาต- อนุชาต, อนุชาต- [อะนุชาด, อะนุชาดตะ-] น. ผู้เกิดตามมาไม่ดีกว่าหรือไม่เลวกว่าตระกูล. (ป., ส.).
อนุชาตบุตร อนุชาตบุตร น. บุตรที่มีคุณสมบัติเสมอด้วยบิดามารดา. (ส. อนุชาตปุตฺร; ป. อนุชาตปุตฺต).
อนุชิต อนุชิต ก. ชนะเนือง ๆ เช่น อนุชิตชาญชัย.
อนุญาต อนุญาต ก. ยินยอม, ยอมให้, ตกลง. (ป. อนุญฺาต).
อนุญาโตตุลาการ อนุญาโตตุลาการ น. บุคคลที่คู่กรณีพร้อมใจกันตั้งขึ้นเพื่อให้ชำระตัดสินในข้อพิพาท; (กฎ) บุคคลคนเดียวหรือหลายคนที่คู่กรณีในสัญญาอนุญาโตตุลาการตกลงเสนอข้อพิพาททางแพ่งที่เกิดขึ้นแล้วหรือจะเกิดขึ้นในอนาคตให้ชี้ขาด.
อนุตร,อนุตร- อนุตร- [อะนุดตะระ-] ว. ไม่มีสิ่งใดสูงกว่า, ดีเลิศ, ยิ่ง, วิเศษ เช่น อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ. (ป., ส. อนุตฺตร).
อนุเถระ อนุเถระ น. พระเถระชั้นผู้น้อย. (ป.).
อนุทิน อนุทิน น. สมุดบันทึกประจําวัน.
อนุบท อนุบท น. บทลูกคู่, บทรับของเพลงและกลอน. (ป., ส. อนุปท).
อนุบาล อนุบาล ก. ตามเลี้ยงดู, ตามระวังรักษา.<2t>ว. ที่คอยตามเลี้ยงดู, ที่คอยตามระวังรักษา, เรียกโรงเรียนที่สอนเด็กที่มีอายุระหว่าง ๓ ขวบครึ่ง ถึง ๗ ขวบ ว่า โรงเรียนอนุบาล, เรียกครูที่สอนโรงเรียนอนุบาลว่า ครูอนุบาล, เรียกนักเรียนโรงเรียนอนุบาลว่า นักเรียนอนุบาล; (กฎ) เรียกผู้ที่ศาลมีคําสั่งแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองดูแลคนไร้ความสามารถว่า ผู้อนุบาล. (ป., ส. อนุปาล).
อนุประโยค อนุประโยค น. ประโยคเล็กที่ทำหน้าที่แต่งมุขยประโยคให้ได้ความดีขึ้น แบ่งเป็น ๓ ชนิด คือ นามานุประโยค คุณานุประโยค และวิเศษณานุประโยค.
อนุปริญญา อนุปริญญา [อะนุปะรินยา] น. ชั้นความรู้ระดับอุดมศึกษารองจากปริญญาตรี ซึ่งประสาทให้แก่ผู้ที่สอบไล่ได้ตามหลักสูตรที่กําหนดไว้.
อนุปสัมบัน อนุปสัมบัน [อะนุปะสําบัน] น. ผู้ที่ไม่ได้เป็นภิกษุ หมายถึง สามเณรและคฤหัสถ์, คู่กับ อุปสมบัน หรือ อุปสัมบัน. (ป.).
อนุปัสนา อนุปัสนา [อะนุปัดสะนา] น. การพิจารณา. (ป. อนุปสฺสนา).
อนุพงศ์ อนุพงศ์ น. วงศ์ที่เนื่องมา, วงศ์ย่อยที่สืบมาจากวงศ์ใหญ่. (ส. อนุวํศ).
อนุพัทธ์ อนุพัทธ์ ว. ที่ติดต่อ, ที่เกี่ยวเนื่อง.
อนุพันธ์ อนุพันธ์ ว. ที่ติดต่อ, ที่เกี่ยวเนื่อง. (วิทยา) น. สิ่งที่เกี่ยวเนื่อง เช่น นํ้ามันระกําเป็นอนุพันธ์ของสารฟีนอล. (ป., ส.).
อนุโพธ อนุโพธ [-โพด] น. การรู้แจ้งตาม. (ป., ส.).
อนุภรรยา,อนุภริยา อนุภรรยา, อนุภริยา น. เมียน้อย.
อนุภาค อนุภาค น. ชิ้นหรือส่วนขนาดเล็กมาก, ในทางวิทยาศาสตร์มักใช้เรียกส่วนที่มีขนาดเล็กกว่าอะตอม เช่น อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา. (อ. particle).
อนุภาษ อนุภาษ [-พาด] ก. พรํ่ากล่าว, พรํ่าสอน. (ส.; ป. อนุภาส).
อนุมัติ อนุมัติ [-มัด] ก. ให้อำนาจกระทำการตามระเบียบที่กําหนดไว้. (ป., ส.).
อนุมาตรา อนุมาตรา [-มาดตฺรา] น. ข้อย่อยของมาตราในกฎหมายที่มีเลขกำกับอยู่ในวงเล็บ.
อนุมาน อนุมาน ก. คาดคะเนตามหลักเหตุผล. (ป., ส.).
อนุมูล อนุมูล น. หมู่ธาตุซึ่งเมื่อเข้าสู่ปฏิกิริยาเคมีแล้ว ทั้งหมู่จะเข้าทําปฏิกิริยาด้วยกัน โดยไม่แตกแยกออกจากกัน เช่น อนุมูลไฮดรอกซิล (-OH) อนุมูลไนเทรต (-NO3). (อ. radical, radicle).
อนุมูลกรด อนุมูลกรด น. ส่วนหนึ่งของโมเลกุลของกรดที่ปรากฏอยู่หลังจากที่ไฮโดรเจนไอออนแยกตัวออกไปแล้ว เช่น อนุมูลกรดคาร์บอเนต (-CO3) อนุมูลกรดไฮโดรเจนซัลเฟต (-HSO4). (อ. acid radical).
อนุโมทนา อนุโมทนา ก. ยินดีตาม, ยินดีด้วย, พลอยยินดี; เรียกคําให้ศีลให้พรของพระว่า คําอนุโมทนา. (ป., ส.).
อนุโมทนาบัตร อนุโมทนาบัตร น. บัตรที่แสดงความพลอยยินดีหรืออนุโมทนาต่อบุญกุศลที่บุคคลนั้น ๆ ได้ทําแล้ว.
อนุโยค อนุโยค ก. ซักถาม, ซักไซ้.<2t>ว. เรียกคําที่ผู้ถูกถามย้อนถามผู้ถามว่า คําอนุโยค. (ป., ส.).
อนุรักษ,อนุรักษ-,อนุรักษ์ อนุรักษ-, อนุรักษ์ [อะนุรักสะ-, อะนุรัก] ก. รักษาให้คงเดิม. (ส.).
อนุรักษนิยม อนุรักษนิยม [อะนุรักสะนิยม, อะนุรักนิยม] น. อุดมคติทางการเมือง การเศรษฐกิจ เป็นต้น ที่มีแนวโน้มไปในทางต้านทานการเปลี่ยนแปลง โดยยึดถือสนับสนุนระเบียบที่ตั้งมั่นอยู่แล้ว.
อนุราช อนุราช [อะนุราด] น. พระราชารอง, พระเจ้าแผ่นดินองค์รอง. (ป.).
อนุราธ,อนุราธะ,อนุราธา อนุราธ, อนุราธะ, อนุราธา [อะนุราด, อะนุราทะ, อะนุราทา] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๗ มี ๔ ดวง เห็นเป็นรูปธนู หน้าไม้ หรือหงอนนาค, ดาวประจําฉัตร หรือ ดาวนกยูง ก็เรียก.
อนุรูป อนุรูป ว. สมควร, เหมาะ, พอเพียง; เป็นไปตาม. (ป., ส.).
อนุโลม อนุโลม ก. ใช้แทนกันได้ตามความเหมาะสม, คล้อยตาม; (กฎ) นำมาใช้โดยอาศัยหลักการอย่างเดียวกัน แต่ให้แก้ไขในรายละเอียดได้ตามควรแก่กรณี.<2t>ว. ตามลําดับ เช่น ท่องแบบอนุโลม, คู่กับ ปฏิโลม คือ ย้อนลําดับ. (ป., ส.).
อนุวงศ์ อนุวงศ์ น. วงศ์ที่เนื่องมา, เชื้อพระวงศ์ชั้นผู้น้อย.
อนุวัต อนุวัต ก. ทําตาม, ประพฤติตาม, ปฏิบัติตาม, เขียนเป็น อนุวรรตน์ อนุวัตน์ อนุวัตร หรือ อนุวัติ ก็มี. (ป. อนุวตฺต; ส. อนุวรฺต).
อนุวาต อนุวาต [อะนุวาด] น. ผ้าดาม, ผ้าทาบ. (ป.).
อนุศาสก อนุศาสก น. อาจารย์ผู้ควบคุมดูแลนักเรียนในหอพักของวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัย. (ส.; ป. อนุสาสก).
อนุศาสน์ อนุศาสน์ น. การสอน; คําชี้แจง. (ส.; ป. อนุสาสน).
อนุศาสนาจารย์ อนุศาสนาจารย์ [อะนุสาสะนาจาน, อะนุสาดสะนาจาน] น. อาจารย์ผู้อบรมศีลธรรมของหน่วยราชการ.
อนุศิษฏ์ อนุศิษฏ์ ก. สั่งสอน, ชี้แจง. (ส.; ป. อนุสิฏฺ).
อนุสติ อนุสติ [อะนุดสะติ] น. ความระลึกถึง; ชื่อธรรมหมวดหนึ่ง เรียกว่า อนุสติ ๑๐ มีพุทธานุสติเป็นต้น. (ป. อนุสฺสติ).
อนุสนธิ อนุสนธิ น. การต่อเนื่อง, การสืบเนื่อง. (ป.).
อนุสภากาชาด อนุสภากาชาด (เลิก) น. ชื่อสมาคมสําหรับเด็กเพื่ออบรมตนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ขึ้นต่อสภากาชาด.
อนุสร อนุสร [อะนุสอน] ก. ระลึก, คํานึงถึง. (ป. อนุสฺสร).
อนุสรณ์ อนุสรณ์ น. เครื่องระลึก, ที่ระลึก.<2t>ก. ระลึก, คำนึงถึง. (ป. อนุสฺสรณ).
อนุสัญญา อนุสัญญา น. ความตกลงระหว่างประเทศในเรื่องที่สําคัญเฉพาะเรื่อง ที่ทําเป็นตราสารสมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับสนธิสัญญา เช่น อนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยสงคราม อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยเชลยศึกและผู้บาดเจ็บ. (อ. convention).
อนุสัย อนุสัย น. กิเลสที่สงบนิ่งอยู่ในสันดาน, กิเลสอย่างละเอียด มี ๗ อย่าง ได้แก่ ๑. กามราคะ = ความกำหนัดในกาม ๒. ปฏิฆะ = ความขัดใจคือโทสะ ๓. ทิฏฐิ = ความเห็นผิด ๔. วิจิกิจฉา = ความลังเลสงสัย ๕. มานะ = ความถือตัว ๖. ภวราคะ = ความกำหนัดในภพ ๗. อวิชชา = ความไม่รู้แจ้งคือโมหะ. (ป. อนุสย; ส. อนุศย).
อนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์ [อะนุสาวะรี] น. สิ่งที่สร้างไว้เป็นที่ระลึกถึงบุคคลหรือเหตุการณ์สําคัญเป็นต้น เช่น อาคาร หลุมฝังศพ รูปปั้น.
อนุสาสนี อนุสาสนี [อะนุสาสะนี] น. คําสั่งสอน. (ป.; ส. อนุศาสนี).
อนุสาสนีปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ น. การสอนเป็นอัศจรรย์ หมายถึง คำสั่งสอนอันอาจจูงใจคนให้นิยมเชื่อถือไปตามได้อย่างน่าอัศจรรย์, เป็นปาฏิหาริย์อย่าง ๑ ในปาฏิหาริย์ ๓ ได้แก่ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
อเนก,อเนก- อเนก, อเนก- [อะเหฺนก, อะเหฺนกกะ-] ว. มาก, หลาย, เช่น อเนกประการ. (ป., ส.).
อเนกคุณ อเนกคุณ [อะเหฺนกคุน] น. ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ทำยาได้. (พจน. ๒๔๙๓).
อเนกประสงค์ อเนกประสงค์ [อะเหฺนกปฺระสง] ว. ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แล้วแต่ความต้องการ.
อเนกรรถประโยค อเนกรรถประโยค [อะเนกัดถะปฺระโหฺยก] น. ประโยคใหญ่ที่มีใจความสำคัญอย่างน้อย ๒ ใจความมารวมกัน และใจความนั้น ๆ จะต้องมีลักษณะเป็นประโยคโดยมีสันธานเป็นบทเชื่อมหรือละสันธานไว้ในฐานที่เข้าใจ.
อเนกวิธ อเนกวิธ [อะเหฺนกกะวิด] ว. หลายอย่าง, ต่าง ๆ.
อเนกอนันต์ อเนกอนันต์ [อะเหฺนกอะนัน] ว. มากมาย, มากหลาย, (ปาก) ใช้ว่า อเนกอนันตัง.
อเนจอนาถ อเนจอนาถ [อะเหฺน็ดอะหฺนาด] ก. สลดใจเป็นอย่างยิ่ง. (ป. อนิจฺจ ว่า ไม่เที่ยง + อนาถ ว่า ไม่มีที่พึ่ง).
อโนชา อโนชา น. ต้นอังกาบ. (ป.).
อโนดาต อโนดาต น. ชื่อสระ ๑ ในสระทั้ง ๗ ในป่าหิมพานต์ ได้แก่ ๑. สระอโนดาต ๒. สระกัณณมุณฑะ ๓. สระรถการะ ๔. สระฉัททันตะ ๕. สระกุณาละ ๖. สระมัณฑากินี ๗. สระสีหัปปปาตะ. (ป. อโนตตฺต).
อบ อบ ก. ปรุงกลิ่นด้วยควันหรือรมด้วยกลิ่นในที่ที่ควันหรือกลิ่นกระจายออกไปไม่ได้; ทําให้ร้อนหรือสุกด้วยไอนํ้าหรือไอไฟในที่ที่ความร้อนออกไม่ได้; อากาศถ่ายเทไม่ได้.
อบเชย อบเชย น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Cinnamomum วงศ์ Lauraceae ใช้ทํายาและปรุงนํ้าหอม เช่น อบเชยญวน หรือ ฝนแสนห่า (C. bejolghota Sweet), อบเชยจีน (C. aromaticum Nees), อบเชยเทศ (C. verum J. Presl).
อบรม อบรม ก. แนะนําพรํ่าสอนให้ซึมซาบเข้าไปจนติดเป็นนิสัย, แนะนําชี้แจงให้เข้าใจในเรื่องที่ต้องการ, ขัดเกลานิสัย, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับ บ่มนิสัย เป็น อบรมบ่มนิสัย.
อบอวล อบอวล ก. ตลบ, ฟุ้ง, (ใช้แก่กลิ่น).<2t>ว. มีกลิ่นตลบ, มีกลิ่นฟุ้ง.
อบอ้าว อบอ้าว ว. ร้อนไม่มีลม.
อบอุ่น อบอุ่น ว. อุ่นสบาย; โดยปริยายหมายความว่า ปราศจากความว้าเหว่.
อบาย,อบาย- อบาย, อบาย- [อะบาย, อะบายยะ-] น. ที่ที่ปราศจากความเจริญ; ความฉิบหาย. (ป.).
อบายภูมิ อบายภูมิ [อะบายยะพูม] น. ภูมิที่เกิดอันปราศจากความเจริญ มี ๔ คือ นรก เปรตวิสัย อสุรกายภูมิ และกําเนิดดิรัจฉาน. (ป., ส. อปาย).
อบายมุข อบายมุข [อะบายยะมุก] น. ทางแห่งความฉิบหาย, เหตุแห่งความฉิบหาย, มี ๒ หมวด คือ อบายมุข ๔ ได้แก่ ๑. เป็นนักเลงหญิง ๒. เป็นนักเลงสุรา ๓. เป็นนักเลงเล่นการพนัน ๔. คบคนชั่วเป็นมิตร กับ อบายมุข ๖ ได้แก่ ๑. ดื่มนํ้าเมา ๒. เที่ยวกลางคืน ๓. เที่ยวดูการเล่น ๔. เล่นการพนัน ๕. คบคนชั่วเป็นมิตร ๖. เกียจคร้านทําการงาน. (ป.).
อป,อป- อป- [อะปะ-] คําประกอบหน้าศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต มีความหมายว่า ไม่, ปราศจาก, เช่น อปมงคล = ไม่เป็นมงคล, ปราศจากมงคล. (ป., ส.).
อปการ อปการ [อะปะกาน] น. ความผิด, โทษ; การทําร้าย, การดูถูก. (ส.).
อปจายน,อปจายน- อปจายน- [อะปะจายะนะ-] น. การแสดงความเคารพ, การนับถือ, การนอบน้อม. (ป., ส.).
อปจายนธรรม อปจายนธรรม น. การแสดงความเคารพ, การนับถือ, การนอบน้อม, การถ่อมตน. (ป. อปจายนธมฺม).
อปจายนมัย อปจายนมัย ว. ที่สําเร็จด้วยการประพฤติถ่อมตัวต่อผู้ใหญ่ (ใช้แก่บุญ). (ป.).
อปภาคย์,อัปภาคย์ อปภาคย์, อัปภาคย์ [อะปะพาก, อับปะพาก] ว. ปราศจากโชค, เคราะห์ร้าย, วาสนาน้อย, นิยมใช้เข้าคู่กับคำ อาภัพ เป็น อาภัพอัปภาคย์. (ส.).
อปมงคล,อัปมงคล อปมงคล, อัปมงคล [อะปะ-, อับปะ-] ว. ปราศจากมงคล, ไม่เจริญ, เป็นลางร้าย. (ป., ส.).
อปมาน อปมาน [อะปะ-] น. การดูหมิ่น, การดูถูก. (ส.).
อปยศ,อัปยศ อปยศ, อัปยศ [อะปะยด, อับปะยด] ว. ไร้ยศ, ปราศจากยศ; เสื่อมเสียชื่อเสียง, น่าอับอายขายหน้า. (ส.).
อปร,อปร- อปร- [อะปะระ-] ว. อื่นอีก. (ป., ส.).
อปรภาค อปรภาค [อะปะระพาก] น. ส่วนอื่นอีก, เวลาอื่นอีก, ภายหลัง. (ป.).
อประมาณ,อัประมาณ อประมาณ, อัประมาณ [อะปฺระ-, อับปฺระ-] ว. กําหนดจำนวนไม่ได้, จํากัดไม่ได้; น่าอับอาย เช่น ย่อยยับอัประมาณ. (ส.; ป. อปฺปมาณ).
อประมาท,อัประมาท อประมาท, อัประมาท [อะปฺระหฺมาด, อับปฺระหฺมาด] น. ความไม่มึนเมา; ความไม่เลินเล่อ, ความระวัง, ความเอาใจใส่. (ส.; ป. อปฺปมาท).
อประไมย,อัประไมย อประไมย, อัประไมย [อะปฺระไม, อับปฺระไม] ว. นับไม่ได้, ไม่จํากัด, มากมาย. (ส. อปฺรเมย; ป. อปฺปเมยฺย).
อปรัณณชาติ อปรัณณชาติ [อะปะรันนะชาด] น. อาหารอื่น คือ ถั่ว งา และผักต่าง ๆ (นอกจากข้าว). (ป. อปรณฺณ).
อปรา อปรา [อะปะรา, อับปะรา] (กลอน) ก. พ่ายแพ้ เช่น ต่อสู้เคี่ยวขับไม่อปรา หาไม่พ่อตาจะต้องริบ. (สังข์ทอง).
อปราชัย,อัปราชัย อปราชัย, อัปราชัย [อะปะ-, อับปะ-] น. ความไม่แพ้, ความชนะ; (กลอน) บางทีใช้หมายความว่า แพ้ เช่น คบคนดีเป็นศรีแก่ตัว คบคนชั่วอัปราชัย. (ป.).
อปราชิต อปราชิต [อะปะ-] ว. ไม่พ่ายแพ้. (ป., ส.).
อปราธ,อปราธ- อปราธ- [อะปะราทะ-] น. ความผิด, โทษ. (ป., ส.).
อปริมาณ อปริมาณ [อะปะ-] ว. กําหนดจํานวนไม่ได้. (ป., ส.).
อปลักษณ์,อัปลักษณ์ อปลักษณ์, อัปลักษณ์ [อะปะ-, อับปะ-] ว. ชั่ว (มักใช้แก่รูปร่าง หน้าตา), มีลักษณะที่ถือว่าไม่เป็นมงคล, เช่น หน้าตาอปลักษณ์, รูปร่างอัปลักษณ์. (ส.; ป. อปลกฺขณ).
อปโลกน์,อปโลกน์ ๑,อุปโลกน์ อปโลกน์ ๑, อุปโลกน์ [อะปะโหฺลก, อุปะโหฺลก, อุบปะโหฺลก] ก. ยกกันขึ้นไป เช่น อุปโลกน์ให้เป็นหัวหน้า. (ป. อปโลกน).
อปโลกน์,อปโลกน์ ๒ อปโลกน์ ๒ [อะปะโหฺลก] ว. ที่บอกเล่า เช่น คําอปโลกน์. (ป. อปโลกน).
อปวาท อปวาท [อะปะ-] น. คําติเตียน; การว่ากล่าว. (ป., ส.).
อปหาร อปหาร [อะปะ-] น. การปล้น, การขโมย; การเอาไป. (ป., ส.).
อปาจี อปาจี [อะ-] น. ทิศใต้. (ป.; ส. อปาจีน).
อปาจีน อปาจีน [อะ-] น. ทิศใต้. (ส.; ป. อปาจี).
อปาน,อปาน- อปาน- [อะปานะ-] น. ลมหายใจออก. (ป., ส.).
อเปหิ,อัปเปหิ อเปหิ, อัปเปหิ [อะ-, อับ-] (ปาก) ก. ขับไล่. (ป. อเปหิ ว่า จงหลีกไป).
อพพะ อพพะ [อะพะพะ] น. ชื่อจํานวนนับอย่างสูง เท่ากับโกฏิยกกําลัง ๑๑. (ป.).
อพยพ,อพยพ ๑ อพยพ ๑ [อบพะยบ] ก. ย้ายครอบครัวจากถิ่นหนึ่งไปอยู่อีกถิ่นหนึ่ง, ยกพวกย้ายจากถิ่นเดิมไป.
อพยพ,อพยพ ๒ อพยพ ๒ [อบพะยบ] (กลอน) น. อวัยวะ, ส่วนของร่างกาย. (ป., ส. อวยว).
อภว,อภว- อภว- [อะภะวะ-] น. ความไม่มี, ความเสื่อม, ความเสียหาย. (ป., ส.).
อภัพ,อภัพ- อภัพ, อภัพ- [อะพับ, อะพับพะ-] ว. ไม่สมควร, เป็นไปไม่ได้. (ป. อภพฺพ; ส. อภวฺย).
อภัพบุคคล อภัพบุคคล [อะพับพะบุกคน] น. คนไม่สมควร. (ป. อภพฺพปุคฺคล).
อภัพผล อภัพผล [อะพับพะผน] น. ผลที่ไม่สมควร, ผลทราม.
อภัย,อภัย- อภัย, อภัย- [อะไพ, อะไพยะ-] น. ความไม่มีภัย, ความไม่ต้องกลัว. (ป., ส.), นิยมใช้ประกอบกับคําอื่น เช่น ขออภัย หมายความว่า ขอให้ยกโทษให้ ขออย่าได้ถือโทษ, ให้อภัย หมายความว่า ยกโทษให้.<2t>ก. ยกโทษ เช่น ฉันอภัยให้เธอ.
อภัยทาน อภัยทาน [อะไพยะทาน] น. การให้ความไม่มีภัย เช่น ให้อภัยทาน.<2t>ว. ที่ให้ความไม่มีภัย เช่น เขตอภัยทาน. (ป.).
อภัยโทษ อภัยโทษ [อะไพยะโทด] (กฎ) ก. ยกโทษหรือเปลี่ยนโทษหนักเป็นเบาหรือลดโทษให้แก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ต้องรับโทษทางอาญาเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ.
อภิ อภิ คําประกอบหน้าศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต มีความหมายว่า ยิ่ง, วิเศษ, เหนือ, เช่น อภิรมย์ = ยินดียิ่ง, อภิญญาณ = ความรู้วิเศษ, อภิมนุษย์ = มนุษย์ที่เหนือมนุษย์ทั้งหลาย. (ป.).
อภิฆาต อภิฆาต ก. เข่นฆ่า, ทำลายล้างให้หมดสิ้น.<2t>น. การเข่นฆ่า, การทำลายล้างให้หมดสิ้น. (ป., ส.).
อภิจฉา อภิจฉา [อะพิดฉา] น. ความทะเยอทะยาน, ความกระวนกระวาย. (ป.).
อภิชฌา อภิชฌา [อะพิดชา] น. ความโลภ, ความอยากได้. (ป.).
อภิชน,อภิชน- อภิชน, อภิชน- [อะพิชน, อะพิชะนะ-] น. ชนผู้สืบมาจากตระกูลสูง. (ป., ส.).
อภิชนาธิปไตย อภิชนาธิปไตย [-ทิปะไต, -ทิบปะไต] น. ระบอบการปกครองแบบหนึ่งที่มีอภิชนเป็นใหญ่. (ป. อภิ + ชน + อธิปเตยฺย). (อ. aristocracy).
อภิชัย อภิชัย น. ความชนะ; การปราบปราม. (ป., ส.).
อภิชาต,อภิชาต- อภิชาต, อภิชาต- [อะพิชาด, อะพิชาดตะ-] ว. เกิดดี, มีตระกูล. (ป., ส.).
อภิชาตบุตร อภิชาตบุตร น. บุตรที่มีคุณสมบัติสูงกว่าบิดามารดา, อติชาตบุตร ก็ว่า. (ส. อภิชาตปุตฺร; ป. อภิชาตปุตฺต).
อภิชิต อภิชิต ว. มีชัย, ชนะแล้ว. (ป., ส.).
อภิญญา,อภิญญาณ อภิญญา, อภิญญาณ [อะพินยา, อะพินยาน] น. ความรู้ยิ่ง ในพระพุทธศาสนามี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธิ การแสดงฤทธิ์ได้ ๒. ทิพโสต หูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ ญาณรู้จักกําหนดใจผู้อื่น ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ การระลึกชาติได้ ๕. ทิพจักขุ ตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ ญาณรู้จักทําอาสวะให้สิ้นไป. (ป.; ส. อภิชฺา, อภิชฺาน).
อภิณห,อภิณห- อภิณห- [อะพินหะ-] ว. เสมอ, ทุกวัน. (ป.).
อภิธรรม อภิธรรม [อะพิทํา] น. ชื่อปิฎกหนึ่งในพระไตรปิฎก ได้แก่ ๑. พระวินัยปิฎก ๒. พระสุตตันตปิฎก ๓. พระอภิธรรมปิฎก, ชื่อธรรมะชั้นสูง มี ๗ คัมภีร์ ได้แก่ ๑. สังคณี ๒. วิภังค์ ๓. ธาตุกถา ๔. ปุคคลบัญญัติ ๕. กถาวัตถุ ๖. ยมก ๗. ปัฏฐาน นิยมใช้สวดในงานศพ. (ส. อภิธรฺม; ป. อภิธมฺม).
อภิธาน อภิธาน น. หนังสืออธิบายศัพท์เฉพาะเรื่อง เช่น อภิธานประวัติศาสตร์ไทย. (ป., ส.).
อภิไธย อภิไธย น. ชื่อ. (ป. อภิเธยฺย; ส. อภิเธย).
อภินันท,อภินันท-,อภินันท์ อภินันท-, อภินันท์ น. ความยินดียิ่ง, ความดีใจยิ่ง. (ป., ส.).
อภินันทนาการ อภินันทนาการ น. ความยินดียิ่ง เช่น ด้วยอภินันทนาการ หมายถึง ให้ด้วยความยินดียิ่ง. (ป. อภินนฺทน + อาการ).
อภินัย อภินัย น. การแสดงละคร, การแสดงท่าทาง. (ป., ส.).
อภินิหาร อภินิหาร น. อํานาจแห่งบารมี, อํานาจบุญที่สร้างสมไว้, อํานาจเหนือปรกติธรรมดา. (ป. อภินีหาร; ส. อภิ + นิสฺ + หาร).
อภิเนษกรมณ์ อภิเนษกรมณ์ [อะพิเนดสะกฺรม] น. การออกบวชเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่. (ส. อภิ + นิษฺกฺรมณ; ป. อภินิกฺขมน).
อภิบาล อภิบาล ก. บํารุงรักษา, ปกครอง. (ป., ส. อภิปาล).
อภิปรัชญา อภิปรัชญา [อะพิปฺรัดยา, อะพิปฺรัดชะยา] น. ปรัชญาสาขาหนึ่ง ว่าด้วยความแท้จริง ซึ่งเป็นเนื้อหาสําคัญของปรัชญา. (อ. metaphysics).
อภิปราย อภิปราย [อะพิปฺราย] ก. พูดชี้แจงแสดงความคิดเห็น. (ส. อภิปฺราย).
อภิมหาอำนาจ อภิมหาอำนาจ ว. เรียกประเทศที่มีอํานาจทางด้านเศรษฐกิจและทางทหารสูงกว่าประเทศมหาอํานาจว่า ประเทศอภิมหาอำนาจ.
อภิมานะ อภิมานะ น. ความเย่อหยิ่ง, ความถือตัว. (ป., ส.).
อภิมุข อภิมุข น. หัวหน้า เช่น เสนาภิมุข = หัวหน้าทหาร.<2t>ว. หันหน้าตรงไป, ตรงหน้า. (ป., ส.).
อภิรดี,อภิรติ อภิรดี, อภิรติ [อะพิระ-] น. ความรื่นรมย์ยินดียิ่ง (มักใช้ในเรื่องรักใคร่). (ป., ส.).
อภิรมย์ อภิรมย์ ก. รื่นเริงยิ่ง, ดีใจยิ่ง, ยินดียิ่ง; พักผ่อน; ใช้ว่า ภิรมย์ ก็มี. (ส.; ป. อภิรมฺม).
อภิรักษ์ อภิรักษ์ ก. รักษา, ระวัง, ป้องกัน. (ส.; ป. อภิรกฺข).
อภิรัฐมนตรี อภิรัฐมนตรี (เลิก) น. ที่ปรึกษาชั้นสูงของพระมหากษัตริย์.
อภิราม อภิราม ว. น่ายินดียิ่ง, เป็นที่พอใจยิ่ง, งดงามยิ่ง. (ป., ส.).
อภิรุต อภิรุต น. เสียง, เสียงร้อง. (ป., ส.).
อภิรุม อภิรุม น. ฉัตรเครื่องสูงอย่างหนึ่ง ใช้ในกระบวนแห่ของหลวง หรือปักเป็นเครื่องประดับเกียรติยศ, โบราณเขียนเป็น อภิรม ก็มี.
อภิรูป อภิรูป ว. รูปงาม. (ป., ส.).
อภิลักขิต,อภิลักขิต- อภิลักขิต, อภิลักขิต- [อะพิลักขิด, อะพิลักขิดตะ-] ว. หมายไว้, กําหนดไว้. (ป.).
อภิลักขิตกาล,อภิลักขิตสมัย อภิลักขิตกาล, อภิลักขิตสมัย น. เวลาที่กําหนดไว้, วันกําหนด, (มักนิยมใช้แก่วันทําบุญคล้ายวันเกิดหรือวันทําพิธีประจําปี).
อภิเลปน์ อภิเลปน์ น. การลูบไล้; เครื่องลูบไล้, ของหอม. (ป.).
อภิวันท์ อภิวันท์ ก. กราบไหว้. (ส., ป.).
อภิวาท,อภิวาทน์ อภิวาท, อภิวาทน์ น. การกราบไหว้. (ส., ป.).
อภิเษก อภิเษก ก. แต่งตั้งโดยการทําพิธีรดนํ้า เช่นพิธีขึ้นเสวยราชย์ของพระเจ้าแผ่นดิน. (ส.; ป. อภิเสก).
อภิเษกสมรส อภิเษกสมรส (ราชา) ก. แต่งงาน.
อภิสมโพธิ,อภิสัมโพธิ อภิสมโพธิ, อภิสัมโพธิ [อะพิสมโพด, -สําโพทิ] น. ความตรัสรู้เองด้วยพระปัญญาอันยิ่ง หมายเฉพาะการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า. (ป.).
อภิสมัย อภิสมัย [อะพิสะไหฺม] น. ความตรัสรู้, ความบรรลุ, การถึง, ใช้ในคําว่า ธรรมาภิสมัย. (ป., ส.).
อภิสมาจาร อภิสมาจาร [อะพิสะมาจาน] น. มารยาทอันดี, ความประพฤติอันดี. (ป., ส.).
อภิสัมโพธิญาณ อภิสัมโพธิญาณ [อะพิสำโพทิยาน] น. ญาณคือความตรัสรู้เองด้วยพระปัญญาอันยิ่ง หมายเฉพาะการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า.
อภิสิต อภิสิต ก. รดแล้ว, ได้รับการอภิเษกแล้ว. (ป. อภิสิตฺต; ส. อภิสิกฺต).
อภิสิทธิ์ อภิสิทธิ์ น. สิทธินอกเหนือขอบเขต, สิทธิเหนือกฎหรือระเบียบที่วางไว้, สิทธิที่ได้รับนอกเหนือไปจากกฎหรือระเบียบที่วางไว้. (ป., ส.).
อภูตะ อภูตะ [อะพูตะ] ว. ไม่มี, ไม่เกิดขึ้น, ไม่ปรากฏ. (ป., ส.).
อม อม ก. เอาสิ่งของใส่ปากแล้วหุบปากไว้ไม่กลืนลงไป, โดยปริยายหมายความว่า ไม่แสดงออกมา เช่น อมภูมิ; กลมกลืน, ปนกัน, เช่น อมเปรี้ยวอมหวาน เขียวอมเหลือง; (ปาก) เม้ม, ขมิบ, ยักเอาไว้.
อ้ม อ้ม (ถิ่น-อีสาน) น. ต้นเนียม. [ดู เนียม ๑ (๒)].
อมความ อมความ ก. เก็บใจความสําคัญ, ใช้ถ้อยคำน้อยแต่เก็บความสำคัญไว้ได้มาก; (โบ) จำไว้ในใจ, จำใจความได้.
อมต,อมต-,อมตะ อมต-, อมตะ [อะมะตะ-, อะมะตะ] ว. ไม่ตาย เช่น อมตธรรม, เป็นที่นิยมยั่งยืน เช่น เพลงอมตะ.<2t>น. พระนิพพาน. (ป.; ส. อมฺฤต).
อมตบท อมตบท น. ทางพระนิพพาน. (ป. อมตปท; ส. อมฺฤตปท).
อมทุกข์ อมทุกข์ ว. มีความทุกข์สุมอยู่ เช่น หน้าตาอมทุกข์.
อมนุษย์ อมนุษย์ [อะมะ-] น. ผู้ที่มิใช่มนุษย์ (หมายรวมทั้ง เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย ภูตผีปิศาจ เป็นต้น) แต่โดยมากหมายถึง ภูตผีปิศาจ. (ส.; ป. อมนุสฺส).
อมปาก อมปาก (โบ) ก. หุบปากไว้, ไม่ยอมพูดในสิ่งที่ควรพูด, หุบปากหุบคํา ก็ว่า.
อมพระมาพูด อมพระมาพูด (สำ) ใช้ในการพูดโดยอ้างพระหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาประกอบเป็นพยาน มักใช้ในความปฏิเสธ เช่น ต่อให้อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ.
อมพะนำ อมพะนำ ว. นิ่งอึ้งไม่พูดจา, อําพะนํา ก็ว่า.
อมเพลิง อมเพลิง [-เพฺลิง] น. เรียกไม้เสาที่มีเปลือกและกระพี้เป็นชั้น ๆ ว่า เสาอมเพลิง ถือว่าเป็นเสาไม่ดี.
อมภูมิ อมภูมิ [-พูม] ก. ไม่ยอมแสดงความรู้ทั้ง ๆ ที่มีความรู้ บางทีใช้หมายถึงทำท่าทางคล้าย ๆ รู้ แต่ความจริงไม่รู้ เช่น ทำเป็นอมภูมิ.
อมมือ อมมือ ว. ไม่เดียงสา (ใช้แก่เด็ก) ในคําว่า เด็กอมมือ.
อมยิ้ม อมยิ้ม ว. ยิ้มน้อย ๆ โดยไม่เผยอริมฝีปาก.<2t>น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ทำด้วยน้ำตาล มีสีต่าง ๆ เป็นรูปกลม ๆ หรือแบน ๆ เสียบไม้.
อมร,อมร- อมร, อมร- [อะมอน, อะมอนระ-, อะมะระ-] น. ผู้ไม่ตาย, เทวดา.<2t>ว. ไม่ตาย, ไม่เสื่อมสูญ, ยั่งยืน. (ป., ส.).
อมรโคยานทวีป อมรโคยานทวีป น. ทวีปใหญ่อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุเป็นทวีป ๑ ใน ๔ ทวีป ได้แก่ อุตรกุรุทวีปหรืออุตรกุรูทวีป บุพวิเทหทวีป ชมพูทวีป และอมรโคยานทวีป.
อมรบดี อมรบดี [อะมะระบอดี] น. จอมเทวดา คือ พระอินทร์. (ส. อมรปติ).
อมรรัตน์ อมรรัตน์ [อะมอนระ-] น. เพชร. (ส.).
อมรราช อมรราช [อะมอนระราด] น. ราชาของเทวดา คือ พระอินทร์. (ส.).
อมรสตรี อมรสตรี [อะมะระสัดตฺรี] น. นางสวรรค์, นางฟ้า. (ส.).
อมรา อมรา (กลอน) น. อมร.
อมราวดี อมราวดี น. ชื่อเมืองของพระอินทร์. (ส. อมราวดี).
อมรินทร์,อมเรนทร์ อมรินทร์, อมเรนทร์ น. พระอินทร์. (ส. อมร + อินฺทฺร).
อมเรศ,อมเรศวร อมเรศ, อมเรศวร [อะมะเรด, -เรสวน] น. พระอินทร์.
อมโรค อมโรค ว. ขี้โรค.
อมฤต,อมฤต- อมฤต, อมฤต- [อะมะริด, -รึด, -ริดตะ-, -รึดตะ-] น. นํ้าทิพย์ เรียกว่า นํ้าอมฤต; เครื่องทิพย์. (ส.; ป. อมต).
อมฤตบท อมฤตบท [อะมะรึดตะ-] น. ทางพระนิพพาน.
อมฤตยู อมฤตยู [อะมะรึดตะ-] น. ความไม่ตาย. (ส.).
อมฤตรส อมฤตรส [อะมะรึดตะ-] น. น้ำทิพย์; พระธรรม (ในพระพุทธศาสนา).
อมเลือดอมฝาด อมเลือดอมฝาด ว. มีผิวพรรณผุดผ่อง.
อมเลือดอมหนอง อมเลือดอมหนอง ว. มีเลือดและหนองปนกันอยู่ข้างใน เช่น ฝีอมเลือดอมหนอง.
อมหนอง อมหนอง ก. กลัดหนอง, มีหนองคั่งอยู่.
อมัจจะ อมัจจะ น. อํามาตย์. (ป.; ส. อมาตฺย).
อมัตร อมัตร น. หม้อนํ้า, ภาชนะสําหรับใส่นํ้าดื่ม. (ส.).
อมาตย์ อมาตย์ [อะหฺมาด] น. อำมาตย์, ข้าราชการ, ข้าเฝ้า; ที่ปรึกษา. (ส.; ป. อมจฺจ).
อมาวสี,อมาวสุ,อมาวาสี อมาวสี, อมาวสุ, อมาวาสี น. วันดับ, วันที่พระจันทร์และพระอาทิตย์ร่วมราศีและองศาเดียวกัน ตรงกับแรม ๑๕ ค่ำหรือแรม ๑๔ ค่ำในเดือนขาด. (ป.).
อมิตร อมิตร [อะมิด] ว. ไม่ใช่เพื่อน.<2t>น. ข้าศึก, ศัตรู. (ส.; ป. อมิตฺต).
อเมริกัน อเมริกัน น. ชื่อชาวประเทศสหรัฐอเมริกา.
อย,อย-,อยัส อย-, อยัส [อะยะ-, อะยัด] น. เหล็ก. (ป. อย; ส. อยสฺ).
อยน,อยน- อยน- [อะยะนะ-] น. ทาง, ถนน, ที่ไป, ที่เดิน; การไป, การถึง. (ป., ส.).
อย่า อย่า [หฺย่า] ว. คําประกอบกริยาบอกความห้ามหรือไม่ยอมให้ทําการต่าง ๆ.
อยาก อยาก [หฺยาก] ก. ปรารถนา, ประสงค์, ต้องการ, ใคร่, เช่น อยากเป็นใหญ่เป็นโต อยากมีเงิน; หิว, กระหาย, (ใช้แก่อาหาร) เช่น อยากข้าว อยากน้ำ.
อย่าง อย่าง [หฺย่าง] น. วิธี, แบบ, เยี่ยง, เช่น ทำอย่างนี้ เขียนอย่างนั้น, ลักษณนามบอกจำนวน หมายถึง ชนิด, สิ่ง, เช่น ทำกับข้าวไว้ ๒ อย่าง ทำงานหลายอย่าง.<2t>ว. เหมือน เช่น อย่างใจ อย่างเคย, ใช้ประกอบคําวิเศษณ์ หมายความว่า โดยอาการที่ เช่น อย่างดี อย่างเข้มแข็ง.
อย่างไร อย่างไร ว. ใช้ในประโยคคําถาม ถามถึงความเป็นไป ความเป็นอยู่ เช่น คนไข้มีอาการอย่างไร หมู่นี้เป็นอย่างไรบ้าง, ถามถึงวิธีหรือความเห็นเป็นต้น เช่น จะทําอย่างไร มีความเห็นอย่างไร; ถ้าใช้ในประโยคที่ไม่เป็นคําถาม หมายความว่า จะโดยวิธีใด ๆ ก็ตาม เช่น ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มา.
อย่างไรก็ดี,อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ดี, อย่างไรก็ตาม สัน. ถึงเช่นนั้น, แม้กระนั้น, แต่.
อยุทธ์ อยุทธ์ [อะ-] ว. ไม่พ่ายแพ้, ปราบไม่ได้. (ป., ส.).
อยู่ อยู่ [หฺยู่] ก. พัก, อาศัย, เช่น เขาอยู่บ้านหลังนี้; ยังมีชีวิต เช่น เขายังอยู่; คงที่ เช่น เงินที่ให้มายังอยู่ครบ, ไม่ไปจากที่ เช่น วันนี้เขาอยู่บ้าน; ใช้ประกอบหลังกริยา แสดงว่ากําลังเป็นอยู่ในขณะนั้น เช่น นอนอยู่ ตั้งอยู่.
อยู่ ๆ,อยู่ดี ๆ อยู่ ๆ, อยู่ดี ๆ ว. อาการที่พูดหรือแสดงหรือได้รับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีสาเหตุ เช่น อยู่ ๆ เขาก็มาด่าฉัน อยู่ดี ๆ เธอก็เป็นลมฟุบไป อยู่ดี ๆ ก็มีคนนำเงินมาให้.
อยู่กรรม,อยู่ปริวาส อยู่กรรม, อยู่ปริวาส ก. อยู่ปฏิบัติปริวาสกรรมให้ครบตามวันที่กำหนด (ใช้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส), เข้าปริวาส หรือ เข้าปฏิวาสกรรม ก็ว่า.
อยู่กิน อยู่กิน ก. ดํารงชีวิตฉันผัวเมีย.
อยู่คง อยู่คง (โบ) ว. ทนทานต่อศัสตราวุธ.
อยู่งาน อยู่งาน (ราชา) ก. ปรนนิบัติรับใช้.
อยู่ดีกินดี อยู่ดีกินดี ว. มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย.
อยู่ดีไม่ว่าดี อยู่ดีไม่ว่าดี (สำ) ว. แทนที่จะอยู่เฉย ๆ กลับทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตน เช่น อยู่ดีไม่ว่าดีขอลูกเขามาเลี้ยง.
อยู่ตัว อยู่ตัว ก. ถึงระดับที่คงตัว, คงที่, ไม่เปลี่ยนแปลง.
อยู่ท้อง อยู่ท้อง ว. อิ่มได้นาน.
อยู่ไปมา อยู่ไปมา ว. อาการที่ทำต่อเนื่องกันหลายหนหรือเรื่อย ๆ ไป เช่น ยิ้มอยู่ไปมา โบกมืออยู่ไปมา.
อยู่ไฟ อยู่ไฟ ก. นอนใกล้ไฟโดยเชื่อว่าความร้อนจะทําให้มดลูกเข้าสู่ภาวะปรกติได้เร็วหลังคลอดลูกแล้ว.
อยู่มือ อยู่มือ ก. เกรงกลัวไม่กล้าฝ่าฝืน, อยู่ในบังคับไม่กล้าฝ่าฝืน.
อยู่ไม่สุข อยู่ไม่สุข ก. อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้.
อยู่ยงคงกระพัน อยู่ยงคงกระพัน ว. ทนทานต่อศัสตราวุธ.
อยู่ยาม อยู่ยาม ก. เฝ้าระวังเหตุการณ์.
อยู่โยง อยู่โยง ก. อยู่ประจำที่แต่ผู้เดียวหรือกลุ่มเดียว.
อยู่แล้ว อยู่แล้ว ว. แย่แล้ว เช่น เอะกูอยู่แล้วนะเสนี เห็นไพรีจะมากมายหลายหมื่น. (สังข์ทอง).
อยู่เวร อยู่เวร ก. ผลัดกันอยู่รักษาหน้าที่ตามเวลาที่กำหนดไว้.
อยู่หมัด อยู่หมัด ก. เกรงกลัวฝีปากหรือฝีมือ, ยอมอยู่ในอํานาจ.
อยู่อัตรา อยู่อัตรา (โบ) ว. เป็นปรกติ, เป็นประจำ, เช่น ให้เพิ่มพูนปรนนิบัติอยู่อัตรา. (กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ ร. ๓), (ปาก) เป็นอัตรา.
อยู่อาสา อยู่อาสา (โบ) น. การที่ผู้ชายไปอยู่บ้านผู้หญิงที่จะแต่งงานด้วย ทำการงานรับใช้ให้แรงงาน เพื่อแสดงตนว่าเป็นคนขยันขันแข็งและประพฤติตนดีสมควรที่จะเข้าไปเป็นเขยของบ้านนั้น เช่น บ่สู่อยู่อาสา หนึ่งน้อย. (กาพย์ห่อโคลงพระศรีมโหสถ).
อร,อร-,อร- ๑ อร- ๑ [อะระ-] น. กํา, ซี่ล้อรถหรือเกวียน. (ป., ส.).
อร,อร ๒ อร ๒ [ออน, ออระ] (กลอน) น. ผู้หญิง, หญิงงาม, เช่น โอบองค์ผอูนอวล ออกโอษฐ์ อรเอย. (นิ. นรินทร์).<2t>ว. สวย, งาม, เช่น พระองค์กลมกล้องแกล้ง เอวอ่อนอรอรรแถ้ง ถ้วนแห่งเจ้ากูงาม บารนี ฯ. (ลอ).
อร,อร ๓ อร ๓ ก. ทำให้ดีใจ, ทำให้ปลาบปลื้มใจ, เช่น ใครรู้แห่งพระแพศยันดร บอกจงอรใจกู. (ม. คำหลวง ชูชก). (ข. อร ว่า ดีใจ, ปลาบปลื้ม).
อรช,อรช- อรช- [อะระชะ-] ว. ปราศจากผงหรือมลทิน. (ป., ส.).
อรชร อรชร [ออระชอน] ว. งามอย่างเอวบางร่างน้อย, มักใช้เข้าคู่กับคำ อ้อนแอ้น เป็น อรชรอ้อนแอ้น.
อรชุน อรชุน [ออระชุน] น. ไม้รกฟ้า; สีขาว.<2t>ว. ขาว; ใส. (ส. อรฺชุน; ป. อชฺชุน).
อรณ,อรณ- อรณ- [อะระนะ-] ก. ไม่รบ. (ป., ส.).
อรดี,อรติ อรดี, อรติ [อะระ-] น. ความไม่ยินดี, ความไม่พอใจ, อราดี หรือ อราติ ก็ใช้. (ป., ส.).
อรทัย อรทัย [ออระไท] น. หญิงสาว, สาวรุ่น, สาวงาม.
อรไท อรไท [ออระไท] น. นางผู้เป็นใหญ่, นางผู้มีสกุล, (ใช้เรียกนางกษัตริย์), ใช้ว่า อ่อนไท้ ก็มี.
อรธาน อรธาน [ออระ-] (โบ) ว. ที่ปล่อยปละละไว้โดยไม่หวงแหน เช่น ของอรธาน.
อรนุช อรนุช [ออระ-] น. หญิงงาม.
อรพินท์ อรพินท์ [ออระ-] น. ดอกบัว, (โบ) เขียนเป็น อรพินธุ ก็มี เช่น อันประดับด้วยอรพินธุเนานึก บุณฑรึกจงกล. (ม. คำหลวง วนประเวศน์). (ป., ส. อรวินฺท).
อรพิม อรพิม [ออระ-] ดู คิ้วนาง.
อรรค อรรค [อัก] (โบ) ว. อัคร. (ส. อคฺร; ป. อคฺค).
อรรฆ อรรฆ [อัก] น. ค่า, ราคา. (ส. อรฺฆ; ป. อคฺฆ).
อรรฆย์ อรรฆย์ [อัก] ว. มีค่า, มีราคา; ควรยกย่อง. (ส. อรฺฆฺย; ป. อคฺฆิย).
อรรจน์ อรรจน์ [อัด] น. การยกย่อง, การสรรเสริญ. (ส. อรฺจน; ป. อจฺจน).
อรรณพ อรรณพ [อันนบ] น. ห้วงนํ้า, ทะเล, มหาสมุทร. (ส. อรฺณว; ป. อณฺณว).
อรรถ,อรรถ- อรรถ, อรรถ- [อัด, อัดถะ-] น. เนื้อความ เช่น แปลโดยอรรถ, คําที่ยังไม่ได้แปลความหมาย เช่น คําอรรถ. (ส. อรฺถ; ป. อตฺถ).
อรรถกถา อรรถกถา [อัดถะกะถา] น. คัมภีร์ที่อธิบายความพระบาลี, คัมภีร์ที่ไขความพระไตรปิฎก. (ส. อรฺถ + กถา; ป. อตฺถกถา, อฏฺกถา).
อรรถกถาจารย์ อรรถกถาจารย์ น. อาจารย์ผู้แต่งอรรถกถา.
อรรถกร อรรถกร [อัดถะกอน] ว. ให้ประโยชน์, เป็นประโยชน์. (ส. อรฺถกร).
อรรถกวี อรรถกวี [อัดถะกะวี] น. กวีผู้มีความสามารถในการแต่งร้อยกรองตามความเป็นจริง.
อรรถคดี อรรถคดี [อัดถะคะดี] (กฎ) น. เรื่องที่ฟ้องร้องกันในศาล.
อรรถบท อรรถบท [อัดถะบด] น. แก่นเรื่อง, เนื้อความ, หัวข้อ, สาระ.
อรรถปฏิสัมภิทา อรรถปฏิสัมภิทา [อัดถะ-] น. ปฏิสัมภิทา ๑ ใน ๔ อย่าง คือ ๑. อรรถปฏิสัมภิทา ๒. ธรรมปฏิสัมภิทา ๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา หมายถึง ปัญญาอันแตกฉานในอรรถ คือ ความเข้าใจที่สามารถคาดหมายผลข้างหน้าอันจะเกิดสืบเนื่องไปจากเหตุ, ความเข้าใจอธิบายอรรถแห่งภาษิตย่อให้พิสดาร. (ป.).
อรรถประโยชน์ อรรถประโยชน์ [อัดถะปฺระโหฺยด] น. ประโยชน์ที่ต้องการ.
อรรถรส อรรถรส [อัดถะรด] น. รสแห่งถ้อยคํา, ถ้อยคําที่ทําให้เกิดความซาบซึ้ง, ถ้อยคําที่ทําให้เกิดอารมณ์สะเทือนใจ.
อรรถาธิบาย อรรถาธิบาย ก. ขยายความ, อธิบายความ.<2t>น. การขยายความ, การอธิบายความ.
อรรธ,อรรธ- อรรธ, อรรธ- [อัด, อัดทะ-] น. ครึ่งหนึ่ง, ซีก, ส่วนหนึ่ง. (ส. อรฺธ; ป. อฑฺฒ, อทฺธ).
อรรธกรรณ อรรธกรรณ [อัดทะกัน] น. ครึ่งเส้นผ่าศูนย์กลาง คือ รัศมีของวงกลม. (ส. อรฺธกรฺณ).
อรรธคราส อรรธคราส [อัดทะคฺราด] น. การมีจันทรคราสและสุริยคราสครึ่งดวง. (ส.).
อรรธจักร อรรธจักร [อัดทะจัก] น. เรียกดวงชาตาของคนที่พระเคราะห์ไปร่วมกันอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง.
อรรธจันทร์ อรรธจันทร์ [อัดทะจัน] น. พระจันทร์ครึ่งซีก; ที่นั่งเป็นขั้น ๆ สําหรับดูการแสดง มีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม, ชั้นที่ตั้งของขายหรือก้าวขึ้นลง ทําเป็นขั้น ๆ, อัฒจันทร์ ก็ว่า.
อรรธนิศา อรรธนิศา [อัดทะนิสา] น. เวลาเที่ยงคืน. (ส.).
อรรธบท อรรธบท [อัดทะบด] น. ครึ่งทาง. (ส. อรฺธปท).
อรรธภาค อรรธภาค [อัดทะพาก] น. ครึ่งหนึ่ง.
อรรธสระ อรรธสระ [อัดทะสะหฺระ] น. เสียงกึ่งสระกึ่งพยัญชนะ.
อรสุม อรสุม [ออระ-] น. ไอนํ้า. (ป. อุสุม).
อรสุมพล อรสุมพล น. กําลังไอนํ้า.
อรหะ อรหะ [อะระ-] ว. ควร, สมควร. (ป., ส.).
อรหัง อรหัง [อะระ-, ออระ-] น. พระพุทธเจ้า; พระอรหันต์. (ป. อรหํ).
อรหัต,อรหัต- อรหัต, อรหัต- [อะระหัด, ออระหัด, อะระหัดตะ-, ออระหัดตะ-] น. ความเป็นพระอรหันต์. (ป. อรหตฺต; ส. อรฺหตฺตฺว).
อรหัตผล อรหัตผล น. ธรรมที่พระอรหันต์ได้บรรลุ. (ป. อรหตฺตผล; ส. อรฺหตฺตฺว + ผล). (ดู ผล).
อรหัตมรรค อรหัตมรรค น. ทางปฏิบัติที่ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์. (ส. อรฺหตฺตฺว + มารฺค; ป. อรหตฺตมคฺค). (ดู มรรค).
อรหัตวิโมกข์ อรหัตวิโมกข์ น. ความพ้นจากกิเลสเพราะสําเร็จอรหัต. (ป. อรหตฺตวิโมกฺข).
อรหัน อรหัน [ออระ-] น. ชื่อสัตว์ในนิยาย มี ๒ เท้า มีปีกคล้ายนก หัวคล้ายหัวคน; ผู้วิเศษ.
อรหันต,อรหันต-,อรหันต์ อรหันต-, อรหันต์ [อะระหันตะ-, ออระหันตะ-, อะระหัน, ออระหัน] น. ชื่อพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เรียกว่า พระอรหันต์. (ศัพท์นี้ใช้ อรหา หรือ อรหัง ก็มี แต่ถ้าใช้เป็นคําวิเศษณ์หรืออยู่หน้าสมาสต้องใช้ อรหันต). (ป.; ส. อรฺหนฺต).
อรหันตฆาต อรหันตฆาต น. การฆ่าพระอรหันต์, นับว่าเป็นบาปหนักที่สุดอย่าง ๑ ในอนันตริยกรรม ๕ อันได้แก่ ๑. ปิตุฆาต คือ ฆ่าบิดา ๒. มาตุฆาต คือ ฆ่ามารดา ๓. อรหันตฆาต คือ ฆ่าพระอรหันต์ ๔. โลหิตุปบาท คือ ทำให้พระกายพระพุทธเจ้าห้อเลือด ๕. สังฆเภท คือ ทำให้สงฆ์แตกแยกกัน. (ป.).
อร่อย อร่อย [อะหฺร่อย] ว. มีรสดี (ใช้แก่ของกิน); (ปาก) ดี, ถึงใจ, ดุเดือด, เช่น มวยคู่นี้ต่อยกันอร่อยมาก.
อรัญ,อรัญ- อรัญ, อรัญ- [อะรัน, อะรันยะ-] น. ป่า. (ป. อรญฺ; ส. อรณฺย).
อรัญญิก อรัญญิก น. ป่า, บริเวณป่า, โบราณเขียนเป็น อรญญิก หรือ อไรญิก ก็มี เช่น ในกลางอรญญิก, เมืองสุโขทัยนี้มีอไรญิก. (จารึกสยาม), (โบ) วัดอรัญญิก เช่น ไปสูดญัดกฐินเถิงอไรญิกพู้น. (จารึกสยาม).<2t>ว. ที่เกี่ยวกับป่า เช่น อรัญญิกาวาส. (ป. อารญฺก ว่า เกี่ยวกับป่า).
อรัญวาส อรัญวาส น. การอยู่ในป่า. (ป. อรญฺวาส).
อรัญวาสี อรัญวาสี น. ผู้อยู่ในป่า, ใช้สำหรับเรียกคณะสงฆ์ฝ่ายวิปัสสนาธุระ คู่กับ คามวาสี คณะสงฆ์ฝ่ายคันถธุระ. (ป. อรญฺวาสี).
อรัณย์ อรัณย์ น. ป่า. (ส. อรณฺย; ป. อรญฺ).
อราดี,อราติ อราดี, อราติ น. ความไม่ยินดี, ความไม่พอใจ. (ป. อรติ). (ดู อรดี).
อร่าม อร่าม [อะหฺร่าม] ว. แพรวพราว, สว่างไสว, เช่น ใส่ทองอร่ามไปทั้งตัว เปิดไฟอร่ามไปทั้งห้อง.
อริ อริ [อะริ, อะหฺริ] น. ข้าศึก, ผู้ที่ไม่ถูกกัน. (ป., ส.).
อริน อริน น. ลูกล้อ, จักร. (ส.).
อรินทร์ อรินทร์ น. ผู้เป็นใหญ่ฝ่ายข้าศึกหรือฝ่ายศัตรู มักหมายถึงพระราชาหรือเจ้าเมืองใหญ่ของฝ่ายตรงกันข้าม. (ส.).
อริย,อริย-,อริยะ อริย-, อริยะ [อะริยะ-] น. ในพระพุทธศาสนา เรียกบุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น ว่า พระอริยะ หรือ พระอริยบุคคล.<2t>ว. เป็นของพระอริยะ, เป็นชาติอริยะ; เจริญ, เด่น, ประเสริฐ.
อริยกะ อริยกะ [อะริยะ-] น. ชื่อชนชาติหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นเค้าของชาวอินเดียบางพวก ชาวอิหร่าน และชาวยุโรปบางพวก, อารยัน ก็ว่า. (ป.).
อริยทรัพย์ อริยทรัพย์ น. ทรัพย์อันประเสริฐ มี ๗ ประการ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา. (ป. อริย + ส. ทฺรวฺย).
อริยบุคคล อริยบุคคล น. บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรคเป็นต้น. (ป. อริยปุคฺคล).
อริยผล อริยผล น. ชื่อโลกุตรธรรมในพระพุทธศาสนา มี ๔ ชั้น คือ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผล, คู่กับ อริยมรรค. (ป.).
อริยมรรค อริยมรรค น. ทางอันประเสริฐอันเป็นทางแห่งความดับทุกข์ มีองค์ ๘ มี สัมมาทิฐิ (ความเห็นชอบ) เป็นต้น, ทางสายกลาง ก็เรียก, ทางดําเนินของพระอริยะ; ชื่อโลกุตรธรรมในพระพุทธศาสนา มี ๔ ชั้น คือ โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค, คู่กับ อริยผล. (ป. อริยมคฺค).
อริยสัจ อริยสัจ น. ความจริงของพระอริยะ, ความจริงอันประเสริฐ; ชื่อธรรมสําคัญหมวดหนึ่งในพระพุทธศาสนา มี ๔ ข้อ คือ ๑. ทุกข์ ๒. ทุกขสมุทัย (เหตุให้เกิดทุกข์) ๓. ทุกขนิโรธ (ความดับทุกข์) และ ๔. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา หรือ มรรค (ทางแห่งความดับทุกข์). (ป. อริยสจฺจ).
อรุ อรุ น. แผล, บาดแผล. (ป.; ส. อรุสฺ).
อรุณ อรุณ น. เวลาใกล้พระอาทิตย์จะขึ้น มี ๒ ระยะ คือ มีแสงขาวเรื่อ ๆ (แสงเงิน) และแสงแดงเรื่อ ๆ (แสงทอง), เวลายํ่ารุ่ง. (ป., ส.).
อรุโณทัย อรุโณทัย น. เวลาตั้งขึ้นแห่งอรุณ, เวลาพระอาทิตย์เพิ่งขึ้น, เวลาเช้าตรู่, ใช้ว่า อโณทัย ก็มี. (ป.).
อรุ่ม อรุ่ม [อะหฺรุ่ม] ว. มืดคลุ้ม.
อรูป,อรูป- อรูป, อรูป- [อะรูบ, อะรูบปะ-] ว. ไม่มีรูป, ไม่ใช่รูป; ที่เป็นนามธรรม. (ป., ส.).
อรูปฌาน อรูปฌาน [อะรูบปะชาน] น. ฌานมีอรูปธรรมเป็นอารมณ์ มี ๔ คือ ๑. อากาสานัญจายตนะ (กำหนดที่ว่างหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์) ๒. วิญญาณัญจายตนะ (กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้เป็นอารมณ์) ๓. อากิญจัญญายตนะ (กำหนดภาวะที่ไม่มีอะไร ๆ เป็นอารมณ์) ๔. เนวสัญญานาสัญญายตนะ (ภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่).
อรูปพรหม อรูปพรหม [อะรูบปะพฺรม] น. เทพในพรหมโลกตามคติพระพุทธศาสนา เป็นจำพวกไม่มีรูป มี ๔ ชั้น, คู่กับ รูปพรหม. (ดู พรหม, พรหม-).
อรูปภพ อรูปภพ [อะรูบปะพบ] น. ภพของผู้ที่ได้อรูปฌาน ๔, อรูปภูมิ ก็ว่า.
อรูปภูมิ อรูปภูมิ [อะรูบปะพูม] น. อรูปภพ.
อลงกต อลงกต [อะลงกด] ก. ตกแต่ง, ประดับประดา. (ป. อลงฺกต; ส. อลํกฺฤต).
อลงกรณ์ อลงกรณ์ [อะลงกอน] น. การตกแต่ง, การประดับ; เครื่องตกแต่ง, เครื่องประดับ. (ป., ส.).
อลงการ อลงการ [อะลงกาน] น. การตกแต่ง, การประดับ; เครื่องตกแต่ง, เครื่องประดับ.<2t>ว. งามด้วยเครื่องประดับตกแต่ง. (ป., ส. อลงฺการ).
อลวน อลวน [อนละวน] ว. วุ่น, สับสน.
อลเวง อลเวง [อนละ-] ว. เซ็งแซ่, ไม่เป็นระเบียบ.
อลหม่าน อลหม่าน [อนละ-] ว. ชุลมุน, วุ่นวาย, แตกตื่น.
อล่องฉ่อง อล่องฉ่อง [อะหฺล่อง-] (ปาก) ว. ผุดผ่อง เช่น ผัดหน้าขาวอล่องฉ่อง.
อลักเอลื่อ อลักเอลื่อ [อะหฺลักอะเหฺลื่อ] ว. อึดอัดใจ, ลําบากใจ, อาหลักอาเหลื่อ อิหลักอิเหลื่อ หรือ อีหลักอีเหลื่อ ก็ว่า.
อลังการ อลังการ น. การตกแต่ง, การประดับ; เครื่องตกแต่ง, เครื่องประดับ.<2t>ว. งามด้วยเครื่องประดับตกแต่ง. (ป., ส.).
อลังการศาสตร์ อลังการศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยวิธีการประพันธ์ที่จะทำให้เกิดอรรถรสและความประทับใจ อำนวยประโยชน์ในการศึกษาวรรณคดีมาก.
อลัชชี อลัชชี ว. ไม่อาย, นอกจารีต.<2t>น. ผู้ไม่อาย (ใช้แก่นักพรต), ผู้ประพฤตินอกจารีต, เช่น พระรูปนี้เป็นอลัชชี. (ป.).
อล่างฉ่าง อล่างฉ่าง [อะหฺล่าง-] ว. ที่เห็นจะแจ้ง, ที่เห็นเต็มที่, ที่เห็นเด่น, ที่เปิดเผย.
อลิงค์,อลึงค์ อลิงค์, อลึงค์ (ไว) น. เพศของคําที่ไม่ปรากฏชัดลงไปว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง เช่น คน ครู นักเรียน ข้าราชการ สุนัข แมว. (ส. อลิงฺค).
อลึ่งฉึ่ง อลึ่งฉึ่ง [อะหฺลึ่ง-] ว. อาการที่บวมเป่งเห็นได้ชัด เช่น หน้าบวมอลึ่งฉึ่ง; เรียกลักษณะของซากศพที่ขึ้นเต็มที่ว่า ขึ้นอลึ่งฉึ่ง, โดยปริยายเรียกอาการที่คนอ้วนมากนอนหงายหรือนั่งตามสบายว่า นอนอลึ่งฉึ่ง นั่งอลึ่งฉึ่ง.
อโลหะ อโลหะ น. ธาตุซึ่งมีสมบัติไม่เป็นโลหะ เช่น ถ่าน ออกซิเจน กํามะถัน ฟอสฟอรัส พวกอโลหะเมื่ออยู่ในสภาพไอออนจะเป็นไอออนลบ.
อ้วก อ้วก ก. ราก, อาเจียน.<2t>ว. เสียงราก, เสียงอาเจียน.
อวกาศ อวกาศ [อะวะกาด] น. บริเวณที่อยู่นอกบรรยากาศของโลก. (ส.).
อวเคราะห์ อวเคราะห์ [อะวะเคฺราะ] น. อุปสรรค, เครื่องกีดขวาง; ความเหนี่ยวรั้ง. (ส. อวคฺรห; ป. อวคฺคห).
อวจร อวจร [อะวะจอน] น. แดน, บริเวณ, เขต, วิสัย. (ป., ส.).
อวชัย อวชัย [อะวะ-] น. ความเอาไว้ในเงื้อมมือ, การปราบปราม. (ป., ส.).
อวชาต,อวชาต- อวชาต, อวชาต- [อะวะชาด, อะวะชาดตะ-] ว. มีกําเนิดเลว, ตํ่าช้า. (ป., ส.).
อวชาตบุตร อวชาตบุตร น. บุตรที่มีคุณสมบัติตํ่ากว่าบิดามารดา. (ส. อวชาตปุตฺร; ป. อวชาตปุตฺต).
อวด อวด ก. สําแดงให้รู้เห็น เช่น อวดฤทธิ์อวดเดช, แสดงให้ปรากฏ เช่น อวดความสามารถ, นําออกให้ดูให้ชม เช่น เอาของมาอวด, ยกย่องต่อหน้าคน เช่น อวดว่าลูกตัวเก่ง, แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีคุณสมบัติเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่มิได้มี เช่น อวดเก่ง อวดภูมิ.
อวดดี อวดดี ก. ทะนงใจว่าตนดี, ถือดี, แสดงให้เขาเห็นว่าตนดีโดยไม่มีดีจริง ๆ.
อวดตัว อวดตัว ก. แสดงให้เห็นว่าตัวเองดีกว่าผู้อื่น.
อวดรู้ อวดรู้ ก. แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนรู้ เช่น เขาชอบอวดรู้ทุกเรื่อง.
อวดอ้าง อวดอ้าง ก. พูดแสดงสรรพคุณหรือคุณวิเศษที่มิได้มีอยู่หรือให้เกินความเป็นจริง, พูดโดยยกหลักฐานซึ่งไม่มีอยู่จริงหรือที่บิดเบือนไปจากความจริงมาประกอบ.
อวตาร อวตาร [อะวะตาน] ก. แบ่งภาคมาเกิดในโลก (ใช้แก่พระนารายณ์) เช่น พระนารายณ์อวตารเป็นปลา. (ส.).
อวน อวน น. ชื่อเครื่องจับปลา มีหลายชนิด ถักเป็นตาข่ายผืนยาว ใช้ล้อมจับปลา.
อ้วน อ้วน ว. มีเนื้อและมันมาก, โตอวบ.
อ้วนท้วน อ้วนท้วน ว. อ้วนแข็งแรง.
อ้วนพี อ้วนพี ว. มีเนื้อและมันมากเพราะกินดีอยู่ดี.
อวนรุน อวนรุน น. อวนที่มีลักษณะคล้ายถุง ปากอวนประกอบกับคันรุน ติดตั้งบริเวณหัวเรือ รุนเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเรืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สัตว์น้ำที่อยู่ด้านหน้าปากอวนเข้ามาติดอยู่ที่ก้นถุงอวน ใช้ทำการประมงในระดับน้ำลึกไม่เกิน ๑๕ เมตร.
อวนลอย อวนลอย น. อวนชนิดที่ไม่มีเครื่องถ่วง ใช้ผูกมุมขอบบนของอวนกับเรือ อีกมุมหนึ่งผูกกับทุ่น ปล่อยให้อวนลอยไป, กัดวาง ก็เรียก.
อวนลาก อวนลาก น. อวนชนิดที่ใช้ผูกตอนกลางอวนไว้กับเรือ คนหนึ่งอยู่ข้างตลิ่งยึดคันไม้ชายอวนข้างหนึ่งไว้ และอีกคนหนึ่งจับคันไม้ชายอวนอีกข้างหนึ่งเดินลุยนํ้าเป็นรูปครึ่งวงกลมเข้าตลิ่ง, กัดลาก ก็เรียก.
อวบ อวบ ว. มีเนื้อหนังสมบูรณ์เต่งตึงกว่าปรกติ แต่ไม่ถึงกับอ้วน เช่น แขนอวบ ขาอวบ, โตและเต่งกว่าปรกติ เช่น ผักบุ้งยอดอวบ มะม่วงลูกอวบ.
อวบน้ำ อวบน้ำ ว. มีเนื้อชุ่มนํ้า (ใช้แก่พืช) เช่น ต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่มีลําต้นอวบนํ้า.
อวบอั๋น อวบอั๋น ว. อวบอย่างเนื้อแน่น.
อวมงคล อวมงคล [อะวะมงคน] ว. ที่มิใช่มงคล, เรียกงานทําบุญเกี่ยวกับการศพว่า งานอวมงคล. (ป.).
อวมอำ อวมอำ [อวม-] (โบ) ว. ที่ปิดบังความจริง (ใช้แก่กริยาพูด), อำอวม ก็ว่า.
อวย,อวย ๑ อวย ๑ ก. ให้ เช่น อวยชัย อวยพร, โบราณใช้ว่า โอย ก็มี เช่น โอยทาน.
อวย,อวย ๒ อวย ๒ น. เรียกหม้อดินหรือหม้อเคลือบที่มีด้ามหรือหูสําหรับจับหรือหิ้วว่า หม้ออวย.
อวยวะ,อวัยวะ อวยวะ, อวัยวะ [อะวะยะวะ, อะไวยะวะ] น. ชิ้น, ส่วน, ส่วนของร่างกาย, ในบทกลอนใช้ว่า อพยพ ก็มี. (ป., ส. อวยว).
อวรรค อวรรค น. เศษวรรค.
อวรุทธ์,อวรุทธก อวรุทธ์, อวรุทธก [อะวะรุด, อะวะรุดทะกะ] ว. ถูกขับไล่. (ป., ส.).
อวล อวล [อวน] ก. ฟุ้งด้วยกลิ่นหอม, มักใช้เข้าคู่กับคํา อบ เป็น อบอวล. (ข. ว่า เต็ม, แน่น, อึดอัด).
อวสาน อวสาน [อะวะ-] ก. จบ, สิ้นสุด.<2t>น. การสิ้นสุด, ที่สุด. (ป., ส.).
อวหาร อวหาร น. การลัก, การขโมย. (ป., ส.).
อวัยวะ อวัยวะ ดู อวยวะ.
อวัสดา อวัสดา [อะวัดสะดา] น. ฐานะ, ความเป็นอยู่; เวลา, สมัย. (ส. อวสฺถา; ป. อวตฺถา).
อวาจี อวาจี น. ทิศใต้. (ป.).
อวิจี อวิจี ดู อเวจี.
อวิชชา อวิชชา [อะวิดชา] น. ความไม่รู้แจ้ง หมายถึง ไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ๔; ความเขลา. (ป.).
อวิญญาณก,อวิญญาณก- อวิญญาณก- [อะวินยานะกะ-, อะวินยานนะกะ-] ว. ไม่มีวิญญาณ, ไม่มีชีวิต, ไม่มีจิตใจ. (ป.).
อวิญญาณกทรัพย์ อวิญญาณกทรัพย์ (กฎ; โบ) น. สิ่งที่ไม่มีวิญญาณหรือชีวิตซึ่งนับเป็นทรัพย์ เช่น เงิน ทอง ที่ดิน.
อวิญญู อวิญญู ว. โง่, ไม่มีความรู้. (ป.).
อวิรุทธ์ อวิรุทธ์ ว. ไม่ขัดข้อง, ไม่ผิดพลาด; สะดวก; มีอิสระ. (ป., ส.).
อวิโรธน์,อวิโรธนะ อวิโรธน์, อวิโรธนะ [อะวิโรด, อะวิโรทะนะ] น. ความไม่ประพฤติผิดธรรม, ความไม่คลาดจากธรรม, เป็นธรรมข้อ ๑ ในทศพิธราชธรรม. (ดู ทศพิธราชธรรม และ ราชธรรม). (ป., ส.).
อวิหิงสา อวิหิงสา น. ความไม่เบียดเบียน, เป็นธรรมข้อ ๑ ในทศพิธราชธรรม. (ดู ทศพิธราชธรรม และ ราชธรรม).
อวีจิ อวีจิ ดู อเวจี.
อเวจี อเวจี น. ชื่อนรกขุม ๑ ในนรก ๘ ขุม ได้แก่ ๑. สัญชีวนรก ๒. กาฬสุตตนรก ๓. สังฆาฏนรก ๔. โรรุวนรก ๕. มหาโรรุวนรก ๖. ตาปนรก ๗. มหาตาปนรก ๘. อเวจีมหานรก ซึ่งเป็นนรกขุมลึกที่สุดสําหรับลงโทษแก่ผู้ที่มีบาปหนักที่สุด, ใช้เป็น อวิจี หรือ อวีจิ ก็มี.
อโศก อโศก น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Saraca วงศ์ Leguminosae เช่น อโศกนํ้า (S. indica L.) ดอกสีส้มหรือแสด อโศกเหลือง (S. thaipingensis Cantley ex Prain) ดอกสีเหลือง, โศก ก็เรียก. (ส.; ป. อโสก ว่า ไม่โศก).
อสงไขย อสงไขย [อะสงไข] ว. มากจนนับไม่ถ้วน.<2t>น. ชื่อมาตรานับจํานวนใหญ่ที่สุด คือ โกฏิยกกําลัง ๒๐. (ป. อสงฺเขยฺย; ส. อสํขฺย).
อสนี,อัสนี อสนี, อัสนี [อะสะ-, อัดสะ-] น. สายฟ้า, อาวุธพระอินทร์. (ป. อสนิ, อสนี; ส. อศนิ).
อสนีบาต อสนีบาต [อะสะ-] น. ฟ้าผ่า, อสุนีบาต ก็ว่า. (ป. อสนิปาต).
อสภะ อสภะ [อะสะพะ] ดู อสุภ, อสุภ-.
อสมการ อสมการ [อะสะมะกาน, อะสมมะกาน] (คณิต) น. ข้อความที่แสดงการไม่เท่ากันของนิพจน์ ๒ นิพจน์ที่ปรากฏอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวาของเครื่องหมาย < หรือ >. (อ. inequality).
อสมมาตร อสมมาตร [อะสมมาด] ว. ไม่สมมาตร. (อ. asymmetrical).
อสรพิษ อสรพิษ [อะสอระ-] น. สัตว์มีพิษในเขี้ยว มักหมายถึง งูพิษ, โดยปริยายหมายถึงคนที่ลอบทำร้ายหรือให้ร้ายผู้มีคุณหรือผู้อื่นด้วยความอิจฉาริษยาเป็นต้น. (ส. อสิร + วีษ; ป. อาสีวิส).
อสังกมทรัพย์ อสังกมทรัพย์ [อะสังกะมะซับ] (กฎ; เลิก) น. สังหาริมทรัพย์ซึ่งไม่อาจใช้ของอื่นที่เป็นประเภทและชนิดเดียวกัน มีปริมาณเท่ากันแทนได้, คู่กับ สังกมทรัพย์.
อสังหาริม,อสังหาริม-,อสังหาริมะ อสังหาริม-, อสังหาริมะ [อะสังหาริมะ-, อะสังหาริมมะ-] ว. ซึ่งนําเอาไปไม่ได้, เคลื่อนที่ไม่ได้. (ป.).
อสังหาริมทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ น. ทรัพย์ที่นําไปไม่ได้ คือ ทรัพย์ที่ติดกับที่ เช่น ที่ดิน; (กฎ) ที่ดินและทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย, คู่กับ สังหาริมทรัพย์.
อสัญ,อสัญ- อสัญ- [อะสันยะ-] ว. ไม่รู้สึกตัว, สิ้นสติ. (ป. อสญฺ).
อสัญกรรม อสัญกรรม น. ความตาย, ใช้กับผู้ตายที่มีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา หรือผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี องคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภา หรือผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นปฐมจุลจอมเกล้าว่า ถึงแก่อสัญกรรม.
อสัญญี อสัญญี ว. ไม่มีสัญญา, หมดความรู้สึก, สลบ. (ป.).
อสัญญีสัตว์ อสัญญีสัตว์ น. พรหมพวกหนึ่งมีรูปแต่ไม่มีสัญญา ดังมีกล่าวไว้ในไตรภูมิกถา. (ป. อสญฺสตฺต).
อสัญแดหวา อสัญแดหวา [อะสันยะแดหฺวา] น. เทวดาต้นตระกูลของกษัตริย์ ๔ นครในบทละครเรื่องอิเหนา คือ องค์ปะตาระกาหลา, ชื่อวงศ์กษัตริย์ผู้ครอง ๔ นครในบทละครเรื่องอิเหนา ได้แก่ กุเรปัน ดาหา กาหลัง และสิงหัดส่าหรี. (ช.).
อสัตถพฤกษ์,อัสสัตถพฤกษ์ อสัตถพฤกษ์, อัสสัตถพฤกษ์ [อะสัดถะพฺรึก, อัดสัดถะพฺรึก] น. ชื่อต้นไม้ที่พระโคตมพุทธเจ้าประทับอยู่ใต้ต้นแล้วได้ตรัสรู้ เรียกว่า ต้นพระศรีมหาโพธิ์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ต้นโพธิ์.
อสัตย์ อสัตย์ ว. ไม่ซื่อสัตย์, ไม่ซื่อตรง, กลับกลอก, เช่น คนอสัตย์, อาสัตย์ ก็ว่า. (ส.; ป. อสจฺจ).
อสัมภิน,อสัมภิน- อสัมภิน- [อะสําพินนะ-] ว. ไม่แตกต่าง, ไม่เจือปน. (ป. อสมฺภินฺน).
อสัมภินพงศ์,อสัมภินวงศ์ อสัมภินพงศ์, อสัมภินวงศ์ น. เชื้อสายที่ไม่เจือปน.
อสาธร อสาธร [อะสาทอน] ว. อสาธุ.
อสาธุ อสาธุ ว. ไม่ดี, ไม่งาม, เลว, ชั่วช้า; น่าละอาย; แผลงใช้ว่า อสาธร ก็ได้. (ป., ส.).
อสิ อสิ น. ดาบ, มีด, กระบี่. (ป., ส.).
อสิจรรยาการ อสิจรรยาการ น. การฝึกหัดเพลงดาบ, การฝึกหัดเพลงศัสตรา. (ส. อสิจรฺยาการ).
อสิตะ อสิตะ [อะสิตะ] ว. มีสีดํา, มีสีคลํ้า, มีสีแก่. (ป., ส.).
อสิธารา อสิธารา น. คมดาบ, คมศัสตรา. (ป., ส.).
อสิเลสะ,อาศเลษา อสิเลสะ, อาศเลษา [อะสิเลสะ, อาสะเลสา] น. ดาวฤกษ์ที่ ๙ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปแขนคู้หรือพ้อม, ดาวเรือน หรือ ดาวนกอยู่ในปล่อง ก็เรียก.
อสีตยานุพยัญชนะ อสีตยานุพยัญชนะ [อะสีตะยานุพะยันชะนะ] น. ลักษณะน้อย ๆ ในร่างกายของผู้ที่เป็นพระมหาบุรุษมี ๘๐ อย่าง คือ ผู้ที่จะเป็นพระมหาบุรุษต้องสมบูรณ์ด้วยลักษณะสําคัญ ๓๒ อย่าง ซึ่งเรียกว่า มหาปุริสลักษณะ มีรอยพระบาทเป็นลายรูปจักรและอื่น ๆ ตามแบบเป็นต้น และสมบูรณ์ด้วยอสีตยานุพยัญชนะ. (ป.).
อสีติ อสีติ [อะ-] ว. แปดสิบ. (ป.).
อสีติมหาสาวก อสีติมหาสาวก น. สาวกใหญ่ ๘๐ องค์ของพระพุทธเจ้า. (ป.).
อสุ อสุ [อะ-] น. ลมหายใจ, ชีวิต. (ป., ส.).
อสุจิ อสุจิ [อะ-] ว. ไม่สะอาด, ไม่บริสุทธิ์; เรียกนํ้ากามว่า นํ้าอสุจิ. (ป.).
อสุนีบาต อสุนีบาต [อะ-] น. ฟ้าผ่า, อสนีบาต ก็ว่า.
อสุภ,อสุภ- อสุภ, อสุภ- [อะสุบ, อะสุบพะ-] ว. ไม่งาม, ไม่สวย, ไม่ดี.<2t>น. เรียกซากศพว่า อสุภ และเลือนไปเป็น อสภ และ อาสภ ก็มี. (ป.).
อสุภกรรมฐาน อสุภกรรมฐาน [-กํามะถาน] น. กรรมฐานที่ยึดเอาซากศพเป็นอารมณ์ เพื่อพิจารณาให้เห็นความไม่งามความไม่เที่ยงแท้ของสังขาร. (ป. อสุภกมฺมฏฺาน).
อสุภสัญญา อสุภสัญญา น. การกําหนดรู้ว่าเป็นของไม่สวยงาม.
อสุร,อสุร- อสุร- [อะสุระ-] น. อมนุษย์พวกหนึ่งเป็นศัตรูต่อเทวดา, แทตย์, ยักษ์, มาร, ผี. (ป., ส. อสุร).
อสุรกาย อสุรกาย [อะสุระ-] น. สัตว์เกิดในอบายภูมิพวกหนึ่ง เชื่อกันว่าชอบเที่ยวหลอกหลอนคน, คู่กับ เปรต. (ป.).
อสุรา,อสุรี,อสุเรศ อสุรา, อสุรี, อสุเรศ (กลอน) น. อสูร, ยักษ์. (ป.).
อสูร อสูร [อะสูน] น. ยักษ์, ในบทกลอนใช้ว่า อสุรา อสุรี หรือ อสุเรศ ก็มี. (ป. อสุร).
อเส อเส [อะ-] น. ตัวไม้ซึ่งประกอบยึดเสาส่วนบนของเรือน; ไม้ยึดหัวกงเรือ.
อเสกข,อเสกข-,อเสกขะ อเสกข-, อเสกขะ [อะเสกขะ-] น. ผู้ที่ไม่ต้องศึกษาอีก หมายถึง พระอรหันต์. (ป.).
อเสกขบุคคล,อเสขบุคคล อเสกขบุคคล, อเสขบุคคล [อะเสกขะ-, อะเสขะ-] น. ผู้ที่ไม่ต้องศึกษาอีก หมายถึง พระอรหันต์.
อเสข,อเสข-,อเสขะ อเสข-, อเสขะ [อะเสขะ-] น. อเสกขะ.
อเสขบุคคล,อเสกขบุคคล อเสขบุคคล, อเสกขบุคคล [อะเสขะ-, อะเสกขะ-] น. ผู้ที่ไม่ต้องศึกษาอีก หมายถึง พระอรหันต์.
อห อห [อะหะ] น. วัน, วันหนึ่ง, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาสในคําที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต เช่น สัปดาห์ มาจาก ส. สปฺต + อห = ๗ วัน.
อหังการ อหังการ [อะ-] น. การยึดว่าเป็นตัวเรา; ความเย่อหยิ่งจองหอง, ความทะนงตัว, ความก้าวร้าวด้วยการถือว่าตนเองสำคัญ.<2t>ก. หยิ่ง, จองหอง, อวดดี. (ป., ส.).
อหิ อหิ [อะ-] น. งู. (ป., ส.).
อหิงสา,อหึงสา อหิงสา, อหึงสา [อะ-] น. ความไม่เบียดเบียน, การเว้นจากการทําร้าย. (ป., ส.).
อหิวาต์,อหิวาตกโรค อหิวาต์, อหิวาตกโรค [อะหิวาตะกะ-] น. ชื่อโรคระบาดชนิดหนึ่ง มีอาการลงราก. (ป.).
อเหตุกทิฐิ อเหตุกทิฐิ [อะเหตุกะทิดถิ] น. ความเห็นว่าบาปบุญในโลกไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย เป็นความเห็นของเดียรถีย์พวกหนึ่ง. (ป. อเหตุกทิฏฺ).
อโหสิ อโหสิ [อะ-] ก. เลิกแล้วต่อกัน, ยกโทษให้.
อโหสิกรรม อโหสิกรรม [อะ-] น. กรรมที่เลิกให้ผล; การเลิกแล้วต่อกัน, การไม่เอาโทษแก่กัน. (ป. อโหสิกมฺม).
ออ,ออ ๑ ออ ๑ ก. รวมกันเป็นกลุ่ม, คั่งกันอยู่, เช่น คนอออยู่หน้าประตู.
ออ,ออ ๒ ออ ๒ (โบ) น. คํานําหน้าชื่อผู้ชายที่ตนพูดด้วยหรือพูดถึง เช่น ออมั่น ออคง.
อ้อ,อ้อ ๑ อ้อ ๑ น. ชื่อหญ้าชนิด Arundo donax L. ในวงศ์ Gramineae ขึ้นเป็นกอในที่ชื้นแฉะ ลําต้นแข็งเป็นปล้อง ข้างในกลวง.
อ้อ,อ้อ ๒ อ้อ ๒ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว หรือนึกได้, อ๋อ ก็ว่า.
อ๋อ,อ๋อ ๑ อ๋อ ๑ น. ชื่อวิธีแทงโปกำและโปปั่นวิธีหนึ่ง มีถูกประตูเดียว กิน ๓ ประตู คือ ถ้าลูกค้าแทงอ๋อประตูเดียว โปออกประตูที่แทงนั้น เจ้ามือต้องจ่าย ๓ ต่อ ถ้าออกประตูอื่น เจ้ามือกิน, เรียกกิริยาที่แทงเช่นนั้นว่า แทงอ๋อ.
อ๋อ,อ๋อ ๒ อ๋อ ๒ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้ว หรือนึกได้, อ้อ ก็ว่า.
ออก,ออก ๑ ออก ๑ (โบ) น. คํานําหน้าบรรดาศักดิ์ เช่น ออกพระ ออกหลวง ออกขุน; (ถิ่น) เรียกพ่อแม่ผู้ให้กําเนิดว่า พ่อออก แม่ออก; เรียกเมืองที่สวามิภักดิ์ว่า เมืองออก.
ออก,ออก ๒ ออก ๒ น. ชื่อเหยี่ยวขนาดใหญ่ชนิด Haliaeetus leucogaster ในวงศ์ Accipitridae หัวและด้านล่างของลําตัวสีขาว ปีกสีเทา กินปลาและงูทะเล.
ออก,ออก ๓ ออก ๓ ก. อาการที่เคลื่อนไปข้างนอกหรือพ้นจากที่ปิดบัง เช่น เลือดออก แดดออก, เคลื่อนจากที่ เช่น รถออก; ทําให้ปรากฏ เช่น ออกภาพทางโทรทัศน์; ทําให้เกิดขึ้นมีขึ้น เช่น ออกกฎหมาย; พ้นภาวะ เช่น ออกจากงาน; แตก, ผลิ, งอก, เช่น ออกกิ่ง ออกใบอ่อน ออกราก; ผุดขึ้น เช่น ออกหัด; จ่าย เช่น ออกเงิน; แสดง เช่น ออกท่า; นำ เช่น ออกหน้า; เปลี่ยนการบรรเลงจากเพลงหนึ่งไปเป็นอีกเพลงหนึ่ง เช่น ออกเพลงเรือ ออกลูกหมด; เป็นกริยาช่วย หมายความว่า รู้สึกว่า เช่น ใจออกจะโกรธ ออกฉุน.<2t>ว. ตรงข้ามกับ เข้า เช่น ทางออก; ขยาย, แยกเป็นคนละส่วน, เช่น คลี่ออก แบ่งออก; หลุดไปได้, สําเร็จไปได้, เช่น ร้องออก ถอนออก; ได้, ทำได้, เช่น อ่านออก นึกออก คิดออก; คําประกอบหลังคําอื่นเพื่อเน้นให้ความเด่นขึ้น เช่น ดําออกอย่างนี้.
ออกกำลัง ออกกำลัง ก. ใช้กําลัง; บริหารร่างกายเพื่อให้แข็งแรง.
ออกขุนนาง ออกขุนนาง ก. เสด็จออกว่าราชการแผ่นดิน (ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์).
ออกแขก ออกแขก ก. ต้อนรับแขก; แสดงต่อหน้าแขก, แสดงตัวในสังคม; อาการที่ลิเกตัวแขกออกมาบอกเรื่องที่จะแสดง.<2t>น. การแสดงลิเกตอนที่มีตัวแขกออกมาบอกเรื่องที่จะแสดง.
ออกโขน ออกโขน ก. กระโดดโลดเต้นอึกทึกครึกโครมอย่างเล่นโขน, ทำท่าและออกเสียงเอะอะด้วยความโกรธ, มักใช้เข้าคู่กับคํา ออกยักษ์ เป็น ออกยักษ์ออกโขน.
ออกไข้หัว ออกไข้หัว (โบ) ก. อาการที่ไข้หัวผุดขึ้นมา, เป็นไข้หัว.
ออกงาน ออกงาน ก. ไปปรากฏตัวในงานสังคม; (โบ) แสดงแก่ประชาชนหรือสังคมครั้งแรก (ใช้แก่วงมหรสพ โขน ละคร สตรีสาว).
ออกงิ้ว ออกงิ้ว ก. แสดงอาการโกรธโดยทําท่าทางและส่งเสียงเอะอะตึงตังอย่างเล่นงิ้ว.
ออกจะ ออกจะ ว. ค่อนข้างจะ เช่น เธอออกจะอ้วน ของออกจะแพง.
ออกชื่อ,ออกนาม ออกชื่อ, ออกนาม ก. บอกชื่อ, ขานชื่อ, แสดงชื่อ.
ออกซิเจน ออกซิเจน น. ธาตุลําดับที่ ๘ สัญลักษณ์ O เป็นแก๊ส มีปนอยู่ในอากาศประมาณร้อยละ ๒๐ โดยปริมาตร ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่ติดไฟ แต่ช่วยให้ไฟติด มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการหายใจและการเผาไหม้เป็นต้น ใช้จุดกับแก๊สอะเซทิลีนเพื่อเชื่อมหรือตัดโลหะ ในทางแพทย์ใช้ช่วยการหายใจของคนไข้. (อ. oxygen).
ออกซิเดชัน ออกซิเดชัน น. ปฏิกิริยาเคมีที่ทําให้สารได้รับธาตุออกซิเจนมารวมตัวด้วย หรือทําให้สารสูญเสียธาตุไฮโดรเจนไป, ปฏิกิริยาเคมีที่ทําให้อะตอมของธาตุสูญเสียอิเล็กตรอนไป. (อ. oxidation).
ออกซุ้ม ออกซุ้ม ก. บรรเลงทำนองเพลงสำเนียงลาวต่อท้ายเพลงเดี่ยวลาวแพนโดยเฉพาะ.
ออกไซด์ ออกไซด์ น. สารประกอบที่มีองค์ประกอบเป็นธาตุออกซิเจนกับธาตุอื่น. (อ. oxide).
ออกญา ออกญา น. บรรดาศักดิ์ชั้นสูงที่พระราชทานในสมัยอยุธยา สูงกว่าออกพระ เข้าใจว่ามาจากเขมร.
ออกดอก ออกดอก ก. เกิดเป็นเม็ดตามผิวหนังเนื่องจากกามโรคเรื้อรัง, มักใช้เข้าคู่กับคำ เข้าข้อ เป็น เข้าข้อออกดอก; (ปาก) เอาเงินให้กู้เพื่อเก็บดอกเบี้ย.
ออกดอกออกผล ออกดอกออกผล ก. ทําให้เกิดผลประโยชน์หรือกำไรเพิ่มพูนขึ้น.
ออกตัว ออกตัว ก. พูดกันตัวหรือแก้ตัวไว้ก่อน; ปลดเปลื้องสิ่งที่ตกหนักแก่ตัว; เริ่มเคลื่อนที่ครั้งแรก (ใช้แก่การแข่งขัน); เอาไปทำผลประโยชน์ได้ เช่น ซื้อทองดีกว่าเพราะออกตัวได้ง่าย.
ออกท่า,ออกท่าออกทาง ออกท่า, ออกท่าออกทาง ก. แสดงกิริยาอาการเป็นท่าทางต่าง ๆ.
ออกทุกข์ ออกทุกข์ ก. เลิกไว้ทุกข์.
ออกทุน ออกทุน ก. ลงทุน, จ่ายเงินทําทุน.
ออกโทรทัศน์ ออกโทรทัศน์ ก. ปรากฏตัวหรือแพร่ภาพทางโทรทัศน์.
ออกไท้ ออกไท้ (โบ; กลอน) น. คำเรียกผู้เป็นใหญ่ หมายถึง กษัตริย์ เช่น คิดปรานีออกไท้ รอยราชละห้อยไห้ ถึงลูกแลนะหัว ลูกเอยฯ. (ลอ).
ออกนอกหน้า ออกนอกหน้า ว. แสดงความรู้สึกให้ปรากฏทางสีหน้า, แสดงอาการให้ปรากฏอย่างชัดแจ้ง.
ออกบวช ออกบวช ก. ไปถือเพศเป็นพระหรือนักพรตอื่น ๆ; ทางศาสนาอิสลาม หมายถึง เลิกถือศีลอด.
ออกปาก ออกปาก ก. พูดขอความช่วยเหลือ เช่น ออกปากขอแรงชาวบ้านมาช่วยงาน; พูดเชิงตําหนิ เช่น เขาใช้เงินเปลืองจนแม่ออกปาก.
ออกผื่น ออกผื่น ว. มีผื่นขึ้นตามตัว.
ออกฝี,ออกฝีดาษ ออกฝี, ออกฝีดาษ ก. เป็นฝีดาษ, (โบ) ออกไข้หัว.
ออกพรรษา ออกพรรษา น. เรียกวันที่สิ้นสุดการจําพรรษาแห่งพระสงฆ์ คือ วันขึ้น ๑๕ คํ่าเดือน ๑๑ ว่า วันออกพรรษา, วันปวารณา หรือ วันมหาปวารณา ก็เรียก.
ออกไฟ ออกไฟ ก. เลิกอยู่ไฟ.
ออกภาษา ออกภาษา น. เรียกเพลงที่บรรเลงออกสำเนียงภาษาของชาติอื่น ๆ ในเพลงเดียวกัน หรือเพลงที่บรรเลงต่อท้ายเพลงแม่บทแต่ไม่ครบ ๑๒ ภาษา ว่า เพลงออกภาษา.
ออกมหาสมาคม ออกมหาสมาคม ก. ออกที่ประชุมใหญ่ในพระราชพิธีสำคัญ, ใช้เฉพาะพระมหากษัตริย์ ว่า เสด็จออกมหาสมาคม.
ออกยักษ์ออกโขน ออกยักษ์ออกโขน ก. กระโดดโลดเต้นอึกทึกครึกโครมอย่างเล่นโขน, ทำท่าและออกเสียงเอะอะด้วยความโกรธ.
ออกรส ออกรส ว. มีรสมีชาติ, โดยปริยายหมายความว่า เป็นที่ชอบอกชอบใจ, สนุกสนาน.
ออกรับ ออกรับ ก. รับเอาเสียเองเมื่อเขาว่าผู้อื่น.
ออกร้าน ออกร้าน ก. เปิดร้านขายของหรือร้านอาหารเป็นการชั่วคราวในโอกาสใดโอกาสหนึ่ง เช่น ออกร้านในงานกาชาด ออกร้านอาหารในงานวันเกิด.
ออกเรือน ออกเรือน ก. แยกจากเรือนพ่อแม่ไปอยู่เรือนใหม่เนื่องในการมีผัว.
ออกแรง ออกแรง ก. ใช้กำลัง, ใช้แรงงาน, ใช้ความพยายาม, โดยปริยายหมายความว่า วิ่งเต้นขอความช่วยเหลือในกิจที่ต้องประสงค์.
ออกโรง ออกโรง ก. ออกแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อได้ฝึกหัดมาแล้ว; แสดงด้วยตนเองเป็นครั้งคราว ในคำว่า ออกโรงเอง.
ออกฤทธิ์ ออกฤทธิ์ ก. สําแดงคุณหรือโทษให้ปรากฏ เช่น ยาออกฤทธิ์ ยาพิษออกฤทธิ์; (ปาก) อาละวาดด้วยความโกรธเพราะถูกขัดใจเป็นต้น, แผลงฤทธิ์ ก็ว่า.
ออกลาย ออกลาย (ปาก) ก. เริ่มแสดงความไม่ดีให้ปรากฏหลังจากที่แสร้งทําดีมาแล้ว.
ออกลิงออกค่าง ออกลิงออกค่าง ก. ทํากิริยาซุกซนอยู่ไม่สุขอย่างลิงอย่างค่าง.
ออกลูก ออกลูก ก. คลอดลูก.
ออกลูกหมด ออกลูกหมด ก. เปลี่ยนการบรรเลงเพลงธรรมดาไปเป็นเพลงลูกหมด. (ดู ลูกหมด).
ออกวัง ออกวัง ก. แยกจากวังหลวงไปอยู่วังส่วนพระองค์ (ใช้แก่พระเจ้าลูกยาเธอ).
ออกวิทยุ ออกวิทยุ ก. กระจายเสียงทางวิทยุ.
ออกสิบสองภาษา ออกสิบสองภาษา น. เรียกเพลงที่บรรเลงต่อท้ายเพลงแม่บทโดยนำเพลงที่บรรเลงออกสำเนียงภาษาของชาติอื่น ๆ มารวมกันเข้าเป็นชุด มี ๑๒ ภาษา ว่า เพลงออกสิบสองภาษา.
ออกเสียง ออกเสียง ก. เปล่งเสียง; ลงคะแนนเสียง; ลงคะแนนเลือกตั้ง; ออกความเห็น.
ออกหน้าออกตา ออกหน้าออกตา ก. แสดงให้ปรากฏอย่างเปิดเผย.
ออกหัด ออกหัด ก. เป็นโรคหัด.
ออกหาก ออกหาก ก. อาการที่ทำห่างเหินไม่ร่วมมือร่วมใจเหมือนเดิม ในคำว่า ตีตัวออกหาก เอาใจออกหาก.
ออกอากาศ ออกอากาศ ก. กระจายเสียงทางวิทยุ, กระจายเสียงและแพร่ภาพทางโทรทัศน์.
อ่อง อ่อง ว. ใช้เข้าคู่กับคำ เอี่ยม เป็น เอี่ยมอ่อง หมายความว่า ใหม่, สดใส, ผุดผ่อง, เปล่งปลั่ง, ไม่หมองมัว.
อ๋อง อ๋อง น. เจ้านายชั้นสูงของจีน.<2t>(ปาก) ว. เยี่ยมยอด เช่น มือชั้นอ๋อง. (จ.).
อ้องแอ้ง อ้องแอ้ง ว. อ้อนแอ้น, แบบบาง.
ออเจ้า ออเจ้า (โบ) ส. คําใช้แทนชื่อผู้ที่เราพูดด้วย เช่น ทชีก็ปรับทุกข์ร้อนทางจะอวดมีว่า ออเจ้าเอ๋ยออเจ้าเราค่อยมั่งมีขึ้นถึงเพียงนี้มีเสียกว่าออเจ้า. (ม. คําหลวง ชูชก), เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
ออเซาะ ออเซาะ ก. ฉอเลาะ, ประจบประแจง.
ออด,ออด ๑ ออด ๑ ก. พรํ่าอ้อนวอน, พรํ่ารําพัน.<2t>(ปาก) น. เครื่องบอกสัญญาณที่มีเสียงดังเช่นนั้น.
ออด,ออด ๒,ออด ๆ ออด ๒, ออด ๆ ว. ไม่หยุดหย่อน (มักใช้แก่กริยาบ่น); เสียงดังเช่นเสียงของแข็ง ๆ เสียดสีกัน.
ออดอ้อน ออดอ้อน ก. รบเร้า, เซ้าซี้จะเอาให้ได้, อ้อนออด ก็ว่า.
ออดแอด,ออด ๆ แอด ๆ ออดแอด, ออด ๆ แอด ๆ ว. อาการที่บ่นไม่รู้จักจบ; อาการที่ป่วยอยู่บ่อย ๆ ในความว่า เจ็บออดแอด หรือ เจ็บออด ๆ แอด ๆ.
ออดแอด ออดแอด ดู ข้างลาย.
อ๊อดแอ๊ด,อ๊อด ๆ แอ๊ด ๆ อ๊อดแอ๊ด, อ๊อด ๆ แอ๊ด ๆ ว. เสียงดังอย่างเสียงเปิดปิดประตูที่บานพับฝืดเป็นต้น.
อ้อดิบ อ้อดิบ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) น. ต้นคูน. [ดู คูน ๑ (๑)].
อ่อน อ่อน ว. ไม่กระด้าง เช่น ลิ้นอ่อน; นิ่ม เช่น เนื้ออ่อน; ไม่จัด เช่น แดดอ่อน; ไม่แข็ง, ยอมง่าย ๆ, รู้สึกสงสาร, เช่น ใจอ่อน; ไม่แก่ เช่น มะพร้าวอ่อน; หย่อน เช่น อ่อนเค็ม, น้อย เช่น เหลืองอ่อน, ไม่แรง เช่น ไฟอ่อน, อายุยังน้อย เช่น ไก่อ่อน, ยังเล็กอยู่ เช่น เด็กอ่อน; ละมุนละม่อม, ดัดง่าย, เปลี่ยนแปลงง่าย.
อ้อน อ้อน ก. พรํ่าร้องขอ, ร้องสําออย, อาการร้องไห้อย่างเด็กอ่อน.
อ่อนข้อ อ่อนข้อ ก. ยอมผ่อนปรนให้.
อ่อนความ อ่อนความ ก. ขาดประสบการณ์.
อ่อนจิตอ่อนใจ,อ่อนใจ,อ่อนอกอ่อนใจ อ่อนจิตอ่อนใจ, อ่อนใจ, อ่อนอกอ่อนใจ ก. เหนื่อยใจ, ระอาใจ, ท้อใจ.
อ่อนช้อย อ่อนช้อย ว. มีกิริยาท่าทางงดงามละมุนละไม, มีลักษณะงอนงาม, มีลักษณะงอนขึ้นอย่างลายกระหนก, โดยปริยายหมายถึงลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น.
ออนซ์ ออนซ์ น. หน่วยวัดนํ้าหนัก ๑ ออนซ์ มีค่าเท่ากับ ปอนด์ หรือ ๒๘.๓๔๑๕ กรัม. (อ. ounce).
ออนซอน,อ่อนซอน ออนซอน, อ่อนซอน (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) ว. งาม; เพราะพริ้ง, ซาบซึ้งตรึงใจ. (เพี้ยนมาจาก อรชร).
อ่อนไท้ อ่อนไท้ (กลอน) น. นางผู้เป็นใหญ่, นางผู้มีสกุล, (ใช้เรียกนางกษัตริย์) เช่น จอมราชพิศพักตรา อ่อนไท้. (ลอ), ใช้ว่า อรไท ก็มี.
อ่อนน้อม อ่อนน้อม ก. แสดงกิริยาวาจาอย่างมีคารวะ; ยอมแพ้, สวามิภักดิ์.<2t>ว. มีกิริยาวาจาอย่างมีคารวะ.
อ่อนปวกเปียก,อ่อนเปียก อ่อนปวกเปียก, อ่อนเปียก ว. หย่อนกําลังจนทําอะไรไม่ไหว; ไม่ขึงขัง.
อ่อนเปลี้ย อ่อนเปลี้ย ว. เพลียมาก, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ เพลียแรง เป็น อ่อนเปลี้ยเพลียแรง.
อ่อนเพลีย อ่อนเพลีย ว. มีแรงลดน้อยถอยลง, หย่อนกําลัง.
อ่อนโยน อ่อนโยน ว. มีกิริยาวาจานิ่มนวล.
อ้อนวอน อ้อนวอน ก. พยายามพูดขอร้อง.
อ่อนหวาน อ่อนหวาน ว. ไพเราะ, น่าฟัง, เช่น เขาเป็นคนพูดจาอ่อนหวาน; งามละมุนละไม เช่น หน้าตาอ่อนหวาน.
อ่อนหัด อ่อนหัด ว. ที่ฝึกฝนมาน้อย, ไม่ชํานาญ.
อ่อนหู อ่อนหู (กลอน) ก. ยอมเชื่อฟัง เช่น แต่คิดแค้นแม่ยายกับพ่อตาจะทรมาเสียก่อนให้อ่อนหู. (สังข์ทอง).
อ่อนไหว อ่อนไหว ว. มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายตามเหตุการณ์.
อ้อนออด อ้อนออด ก. รบเร้า, เซ้าซี้จะเอาให้ได้, ออดอ้อน ก็ว่า.
อ่อนแอ อ่อนแอ ว. มีกําลังน้อย, ไม่แข็งแรง, ไม่เข้มแข็ง.
อ้อนแอ้น อ้อนแอ้น ว. มีรูปร่างแบบบาง, ชดช้อย.
ออฟฟิศ ออฟฟิศ (เลิก) น. สํานักงาน, ที่ทําการ. (อ. office).
ออม ออม ก. เก็บหอมรอมริบ เช่น ออมทรัพย์ ออมสิน; ถนอม, สงวน, เช่น ออมแรง.
อ่อม อ่อม น. ชื่อแกงชนิดหนึ่ง คล้ายแกงคั่ว แต่ใส่มะระ มักใช้แกงกับปลาดุก เรียกว่า แกงอ่อมมะระ หรือ แกงอ่อมมะระปลาดุก.
อ้อม อ้อม ก. โอบรอบ, ตีวงโค้ง, เช่น อ้อมวงเวียน, ล้อม, ห่อหุ้ม, ในคำว่า ผ้าอ้อม.<2t>ว. ตรงข้ามกับ ตรง เช่น ทางตรง-ทางอ้อม โดยตรง-โดยอ้อม, ตรงข้ามกับ ลัด เช่น ลัดเกร็ด-อ้อมเกร็ด.<2t>น. วงรอบ เช่น อ้อมแขน อ้อมกอด, โดยปริยายหมายถึงความคุ้มครองอุปการะ ในคำว่า อ้อมอก, ขนาดของของกลม เช่นเสา ต้นไม้ ที่วัดโดยรอบโดยวิธีใช้แขนทั้ง ๒ ข้างอ้อม เช่น เสา ๒ อ้อม ต้นไม้ ๔ อ้อม.
อ้อมกอด อ้อมกอด น. วงแขนที่โอบรัดไว้ เช่น สามีโอบภรรยาไว้ในอ้อมกอด.
อ้อมแขน อ้อมแขน น. วงแขนที่โอบไว้ เช่น แม่โอบลูกไว้ในอ้อมแขน.
ออมครอม ออมครอม [-คฺรอม] ว. รุ่มร่าม, ไม่รัดกุม.
อ้อมค้อม อ้อมค้อม ว. วกวน, ลดเลี้ยว, ไม่ตรงไปตรงมา, (ใช้แก่กริยาพูด).
ออมชอม ออมชอม ก. ปรองดองกัน, ประนีประนอมกัน, ตกลงกันด้วยการไกล่เกลี่ย, รอมชอม หรือ ลอมชอม ก็ว่า.
ออมซอม ออมซอม ว. ซอมซ่อ, ปอน.
ออมอด ออมอด ก. ประหยัด, กระเหม็ดกระแหม่, อดออม ก็ว่า.
อ้อมแอ้ม,อ้อมแอ้ม ๆ,อ้อม ๆ แอ้ม ๆ อ้อมแอ้ม, อ้อมแอ้ม ๆ, อ้อม ๆ แอ้ม ๆ ว. ไม่ฉะฉาน, ไม่ชัดเจน, ไม่เต็มปาก, (ใช้แก่กริยาพูด).
อ่อย,อ่อย ๑ อ่อย ๑ ก. โปรยเหยื่อล่อปลา, มักใช้ว่า อ่อยเหยื่อ; ให้สิ่งของหรือเงินทองคราวละเล็กละน้อยเป็นเหยื่อล่อ.
อ่อย,อ่อย ๒,อ่อย ๆ อ่อย ๒, อ่อย ๆ ว. ค่อย ๆ เบา ๆ, เช่น เสียงอ่อยพูดอ่อย ๆ.
อ้อย อ้อย น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Saccharum officinarum L. ในวงศ์ Gramineae ขึ้นเป็นกอ ลําต้นเป็นปล้อง ข้างในตัน มีหลายพันธุ์ เช่น อ้อยขาไก่ อ้อยตะเภา หีบเอานํ้าหวานทํานํ้าตาลทรายหรือใช้ดื่ม หรือเคี้ยวกินแต่นํ้าหวาน.
อ๋อย อ๋อย ว. คําใช้ขยายกริยา คราง ในคําว่า ครางอ๋อย; ใช้เน้นแสดงว่ามาก ในคําว่า เหลืองอ๋อย.
อ้อยเข้าปากช้าง อ้อยเข้าปากช้าง (สํา) น. สิ่งหรือประโยชน์ที่ตกอยู่ในมือแล้วไม่ยอมคืน.
อ้อยช้าง อ้อยช้าง น. (๑) ชื่อไม้ต้นชนิด Lannea coromandelica Merr. ในวงศ์ Anacardiaceae ขึ้นตามป่า ใช้ทํายาได้, กุ๊ก ก็เรียก.<2t>(๒) ดู กาซะลองคํา.
อ้อยแดง อ้อยแดง น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Saccharum sinense Roxb. ในวงศ์ Gramineae เปลือกลําต้นและใบสีม่วงแดง ใช้ทํายาได้.
อ้อยเลา อ้อยเลา ดู เลา ๑.
อ้อยส้อย อ้อยส้อย ว. ทําอาการเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งเพื่อให้เขาเห็นใจ.
อ้อยอิ่ง อ้อยอิ่ง ว. รํ่าไร, ทําเชื่องช้าเหมือนไม่เต็มใจ.
ออสเมียม ออสเมียม น. ธาตุลําดับที่ ๗๖ สัญลักษณ์ Os เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่ ๓๐๐๐ °ซ. เนื้อแข็งมาก ใช้ประโยชน์นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ. (อ. osmium).
อ้อแอ้ อ้อแอ้ ว. อาการออกเสียงของเด็กที่เริ่มหัดพูด, อาการพูดไม่ชัดอย่างคนเมา.
อ๊ะ อ๊ะ ว. คําที่เปล่งออกมาแสดงความประหลาดใจเป็นต้น.
อะคร้าว อะคร้าว (กลอน) ว. ยิ่ง; อิ่มใจ, ภูมิใจ, เช่น ทิศตะวันตกไท้ท้าว อะคร้าวครอบครองยศ. (ลอ).
อะเคื้อ อะเคื้อ (กลอน) ว. งาม เช่น ถนัดดั่งเรียมเห็นองค์ อะเคื้อ. (ลอ).
อะจีน อะจีน น. เมืองอะแจ, อัดแจ ก็เรียก.
อะแจ อะแจ [โบ] น. ชื่อเมืองในเกาะสุมาตรา, อัดแจ หรือ อะจีน ก็เรียก; เรียกสิ่งที่มาจากเมืองนี้ เช่น ม้าอะแจ นากอะแจ. [ปัจจุบันคือเมืองอะเจะห์ (Ajeh) ในประเทศอินโดนีเซีย].
อะเซทิลีน อะเซทิลีน น. สารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีสูตร C2H2 ลักษณะเป็นแก๊ส ไม่มีสี เป็นพิษ จุดไฟติด ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่นนําไปจุดกับแก๊สออกซิเจนได้เปลวไฟออกซิอะเซทิลีนซึ่งร้อนจัดจนใช้เชื่อมและตัดโลหะได้ ใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อสังเคราะห์สารอื่นได้มากมาย. (อ. acetylene).
อะดรีนาลิน อะดรีนาลิน น. ฮอร์โมนชนิดหนึ่งซึ่งต่อมหมวกไตผลิตขึ้น มีสมบัติกระตุ้นหัวใจ และทําให้หลอดเลือดแดงหดตัว. (อ. adrenalin).
อะดัก อะดัก (โบ) ว. ลําบาก, อึดอัด, เร่าร้อนใจ, ดัก ๆ ก็ว่า.
อะดักอะเดี้ย,อะดักอะเดื่อ,อะดักอะแด้ อะดักอะเดี้ย, อะดักอะเดื่อ, อะดักอะแด้ ว. อึดอัดเต็มทน, คับใจเต็มทน.
อะดุง อะดุง (กลอน) ว. สูงส่ง, ไม่มีที่เปรียบ, เลิศ, เช่น ศรีสิทธิฤทธิชัย ไกรกรุงอะดุงเดชฟุ้งฟ้า. (ลอ).
อะตอม อะตอม น. ส่วนที่เล็กที่สุดของธาตุซึ่งเข้าทําปฏิกิริยาเคมีได้ อะตอมประกอบด้วยอนุภาคมูลฐานที่สําคัญ คือ นิวเคลียสเป็นแกนกลางและมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่อยู่โดยรอบ, เดิมเรียกว่า ปรมาณู. (อ. atom).
อะนะ,อะหนะ อะนะ, อะหนะ น. ลูก, น้อง, (ใช้เป็นคำเรียกแสดงความรู้สึกรักและเอ็นดู) เช่น อันอะหนะบุษบาบังอร. (อิเหนา), อานะ ก็ว่า. [ช. anak ว่า ลูก (ใช้ได้ทั้งลูกคนและลูกสัตว์)].
อะนั้น อะนั้น (โบ) น. อันนั้น, สิ่งนั้น.
อะนี้ อะนี้ (โบ) น. อันนี้, สิ่งนี้.
อะมีบา อะมีบา น. ชื่อสัตว์เซลล์เดียวพวกหนึ่ง ขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีรูปร่างไม่แน่นอน ขยายพันธุ์ได้โดยการแบ่งตัวเอง. (อ. amoeba).
อะเมริเซียม อะเมริเซียม น. ธาตุลําดับที่ ๙๕ สัญลักษณ์ Am เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น ไม่มีปรากฏในธรรมชาติ. (อ. americium).
อะร้าอร่าม,อะร้าอร่าม ๑ อะร้าอร่าม ๑ (โบ) ก. ห่วงหน้าห่วงหลัง, งกเงิ่นด้วยความห่วงใย.
อะร้าอร่าม,อะร้าอร่าม ๒ อะร้าอร่าม ๒ ว. ลักษณะการแต่งกายที่มีเครื่องประดับเต็มไปทั้งตัว; ใหญ่ผิดปรกติ (มักใช้แก่หน้าอกผู้หญิง).
อะไร อะไร ส. คําใช้แทนนาม แสดงคําถาม เช่น อะไรอยู่ในตู้, คําใช้แทนนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ.<2t>ว. ไร, ไหน, เช่น เขาห่มผ้าอะไรก็ได้ทั้งนั้น ท่านไปซื้อของอะไรมา.
อะลุ่มอล่วย,อะลุ้มอล่วย อะลุ่มอล่วย, อะลุ้มอล่วย [-อะหฺล่วย] ก. ปรองดองกัน, ผ่อนหนักผ่อนเบาให้แก่กัน.
อะลูมิเนียม อะลูมิเนียม น. ธาตุลําดับที่ ๑๓ สัญลักษณ์ Al เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวคล้ายเงิน หลอมละลายที่ ๖๖๐ °ซ. ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น นําไปผสมกับโลหะอื่นเป็นโลหะเจือ ใช้ทําเครื่องครัว. (อ. aluminium).
อะหม อะหม น. ชนชาติไทยใหญ่สาขาหนึ่ง ที่เข้าไปอยู่ในแคว้นอัสสัม ประเทศอินเดีย เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘, อาหม ก็ว่า.
อะไหล่ อะไหล่ ว. ที่เตรียมสำรองไว้ใช้เมื่อต้องการ เช่น เครื่องอะไหล่รถยนต์ ยางอะไหล่. (ฮ.).
อะอื้อ อะอื้อ (โบ) ว. อื้ออึง, อื้อฉาว.
อะเอื้อย อะเอื้อย ว. เจื้อยแจ้ว, เอื่อย ๆ, (ใช้แก่เสียง).
อัก อัก น. เครื่องสําหรับคัดด้ายหรือไหม มีรูปคล้ายระวิง สําหรับพันด้ายหรือไหมเป็นตอน ๆ ตามลําดับเส้นใหญ่และเล็ก.
อั้ก,อั้ก ๆ,อั๊ก,อั๊ก ๆ อั้ก, อั้ก ๆ, อั๊ก, อั๊ก ๆ ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงทุบแผ่นหลังด้วยกําปั้นหรือเสียงดื่มนํ้าอย่างเร็วเป็นต้น.
อักกะ อักกะ น. พระอาทิตย์; ต้นรัก. (ป.; ส. อรฺก).
อักโกธะ อักโกธะ น. ความไม่โกรธ, เป็นธรรมข้อ ๑ ในทศพิธราชธรรม. (ดู ทศพิธราชธรรม หรือ ราชธรรม). (ป.).
อักขร,อักขร-,อักขระ อักขร-, อักขระ [อักขะหฺระ-] น. ตัวหนังสือ. (ป.; ส. อกฺษร).
อักขรวิธี อักขรวิธี น. วิธีเขียนและอ่านหนังสือให้ถูกต้อง, ชื่อตำราไวยากรณ์ตอนที่ว่าด้วยตัวอักษร การอ่าน การเขียน และการใช้ตัวอักษร. (ป.).
อักขรวิบัติ อักขรวิบัติ น. การเขียน อ่าน หรือออกเสียงไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี.
อักขรสมัย อักขรสมัย [อักขะหฺระสะไหฺม] น. วิชาหนังสือว่าด้วยการอ่านการเขียน. (ป.).
อักขรานุกรม อักขรานุกรม น. หนังสือสําหรับค้นชื่อเรียงลําดับตามตัวอักษร.
อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ น. หนังสือสําหรับค้นชื่อทางภูมิศาสตร์เรียงลําดับตามตัวอักษร. (อ. gazetteer).
อักขะ,อักขะ ๑ อักขะ ๑ [-ขะ] น. เพลา, เพลาเกวียนหรือรถ; เกวียน; กระดูกไหปลาร้า. (ป.; ส. อกฺษ).
อักขะ,อักขะ ๒ อักขะ ๒ [-ขะ] น. ลูกเต๋า, ลูกบาศก์; การพนันเล่นลูกเต๋าหรือสกา. (ป.; ส. อกฺษ).
อักขะ,อักขะ ๓ อักขะ ๓ [-ขะ] น. ดวงตา; ความรู้สึก. (ป.; ส. อกฺษ).
อักโข อักโข ว. มาก, หลาย. (ตัดมาจาก อักโขภิณี).
อักโขภิณี,อักโขเภณี อักโขภิณี, อักโขเภณี น. จํานวนนับอย่างสูง คือ ๑ มีศูนย์ตาม ๔๒ ตัว; กองทัพอินเดียโบราณที่มีกระบวนรบพร้อมมูลตามกําหนด; ใช้ว่า อักเษาหิณี ก็มี. (ป.; ส. อกฺเษาหิณี).
อักษร,อักษร- อักษร, อักษร- [อักสอน, อักสอระ-, อักสอน-] น. ตัวหนังสือ, วิชาหนังสือ เช่น ฉลาดรอบรู้ในอักษรสยาม. (ส.; ป. อกฺขร).
อักษรกลาง อักษรกลาง [อักสอน-] น. พยัญชนะที่คําเป็นมีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันได้ครบ ๔ รูป ๕ เสียง มีรูปวรรณยุกต์กับเสียงวรรณยุกต์ตรงกัน เช่น กา ก่า ก้า ก๊า ก๋า คําตายมีพื้นเสียงเป็นเสียงเอก ผันได้ ๔ เสียง มี ๓ รูป คือ พื้นเสียงเป็นเสียงเอก ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงตรี ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงจัตวา เช่น จะ จ้ะ จ๊ะ จ๋ะ มี ๙ ตัว คือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ.
อักษรต่ำ อักษรต่ำ [อักสอน-] น. พยัญชนะที่คําเป็นมีพื้นเสียงเป็นเสียงสามัญ ผันได้ ๓ เสียง มี ๒ รูป คือ ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงตรี เช่น คา ค่า ค้า คําตายสระสั้น พื้นเสียงเป็นเสียงตรี ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงจัตวา เช่น คะ ค่ะ ค๋ะ คําตายสระยาว พื้นเสียงเป็นเสียงโท ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงตรี ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงจัตวา เช่น คาก ค้าก ค๋าก มี ๒๔ ตัว คือ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ.
อักษรบฏ อักษรบฏ [อักสอระบด] น. แผ่นผ้าที่เขียนสระ พยัญชนะ ใช้ในการเรียนการสอนในสมัยโบราณ, ที่ใช้แผ่นกระดาษติดผ้าหรือแผ่นกระดาษแทนก็มี. (ส.).
อักษรลักษณ์ อักษรลักษณ์ [อักสอระลัก, อักสอนลัก] น. จดหมาย, ในบทกลอนมักใช้ว่า ลักษณ์.
อักษรเลข อักษรเลข [อักสอระเลก, อักสอนเลก] น. วิธีเขียนหนังสือลับโบราณ ใช้ตัวเลขแทนสระ; ตําแหน่งในคณะกรมการปกครองท้องที่มีมาแต่โบราณ, ต่อมาใช้เรียกผู้ทําหน้าที่เลขานุการของผู้ว่าราชการจังหวัด.
อักษรศาสตร์ อักษรศาสตร์ [อักสอระสาด, อักสอนสาน] น. วิชาการหนังสือ เน้นในด้านภาษาและวรรณคดี.
อักษรสมัย อักษรสมัย [อักสอนสะไหฺม] น. วิชาหนังสือว่าด้วยการอ่านการเขียน. (ส.).
อักษรสาส์น อักษรสาส์น [อักสอระสาน, อักสอนสาด] น. จดหมายของประธานาธิบดีหรือประมุขของประเทศซึ่งมีชื่อเป็นอย่างอื่นที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ, เขียนเป็น อักษรสาสน (อ่านว่า อักสอนสาน) ก็ได้.
อักษรสูง อักษรสูง [อักสอน-] น. พยัญชนะที่คําเป็นมีพื้นเสียงเป็นเสียงจัตวา ผันได้ ๓ เสียง มี ๒ รูป คือ ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงเอก ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงโท เช่น ขา ข่า ข้า คําตายพื้นเสียงเป็นเสียงเอก ผันด้วยวรรณยุกต์ เป็นเสียงโท เช่น ขะ ข้ะ มี ๑๑ ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห.
อักษะ อักษะ น. เพลา, แกน. (ส.); เรียกกลุ่มประเทศอันประกอบด้วยเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ที่รวมเป็นแกนร่วมรบกับกลุ่มประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ ๒ ว่า ฝ่ายอักษะ.
อักเษาหิณี อักเษาหิณี น. จํานวนนับอย่างสูง คือ ๑ มีศูนย์ตาม ๔๒ ตัว; กองทัพอินเดียโบราณที่มีกระบวนรบพร้อมมูลตามกําหนด; อักโขภิณี หรือ อักโขเภณี ก็ว่า. (ส.; ป. อกฺโขภิณี).
อักเสบ อักเสบ ว. มีพิษกําเริบเนื่องจากแผลเป็นต้น; มีปฏิกิริยาตอบสนองป้องกันเฉพาะที่ชนิดเฉียบพลัน มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และอาจมีไข้ เช่น ข้ออักเสบเฉียบพลัน, ชนิดเรื้อรัง การดำเนินโรคเป็นไปช้า ๆ ไม่รุนแรง และมักมีเนื้อพังผืดเกิดขึ้น เช่น ข้ออักเสบเรื้อรัง.<2t>ก. เกิดปฏิกิริยาตอบสนองป้องกันเฉพาะที่.
อักอ่วน อักอ่วน (โบ) ว. ป่วน, พิพักพิพ่วน, ลังเลใจ, ตกลงใจไม่ได้, กระอักกระอ่วน ก็ว่า.
อัคคะ อัคคะ [อักคะ] ว. เลิศ, ยอด. (ป.; ส. อคฺร).
อัคคิ,อัคคี อัคคิ, อัคคี [อักคิ, อักคี] น. ไฟ. (ป. อคฺคิ; ส. อคฺนิ).
อัคคีภัย อัคคีภัย น. ภัยที่เกิดจากไฟ, ไฟไหม้.
อัคนิ,อัคนี อัคนิ, อัคนี [อักนิ, อักคะนิ, อักนี, อักคะนี] น. ไฟ; ชื่อเทพแห่งไฟ. (ส. อคฺนิ; ป. อคฺคิ).
อัคนิคณะ อัคนิคณะ น. เปลวไฟ. (ส.).
อัคนิพ่าห์,อัคนิวาหะ อัคนิพ่าห์, อัคนิวาหะ น. ควัน. (ส.).
อัคนิรุทร อัคนิรุทร [-รุด] น. ไฟร้ายกาจ, เพลิงกาฬ.
อัคนิโหตร อัคนิโหตร [-โหด] น. การบูชาพระอัคนี (โดยมากใช้นํ้านมกับนํ้ามัน). (ส.).
อัคร,อัคร- อัคร- [อักคฺระ-] ว. เลิศ, ยอด, มักใช้เป็นส่วนหน้าสมาส, เช่น อัครมเหสี อัครมหาเสนาบดี. (ส.; ป. อคฺค).
อัครชายา อัครชายา น. ตําแหน่งมเหสีรอง.
อัครมหาเสนาบดี อัครมหาเสนาบดี น. หัวหน้าเสนาบดี.
อัครมเหสี อัครมเหสี น. พระมเหสีเอกของพระเจ้าแผ่นดิน.
อัครราชทูต อัครราชทูต (โบ) น. ผู้แทนรัฐบาลไปราชการชั่วคราวหรือประจําอยู่ในสํานักแห่งรัฐบาลอื่น.
อัครสมณทูต อัครสมณทูต [-สะมะนะทูด] น. ทูตที่สันตะปาปาทรงแต่งตั้งไปประจําสํานักประมุขของอีกรัฐหนึ่งในกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้งเอกอัครสมณทูต มีฐานะระดับเดียวกับรัฐทูต. (อ. internuncio).
อัง อัง ก. นําไปใกล้ ๆ ไฟเพื่อให้ร้อนหรือบรรเทาความหนาวเป็นต้น, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เอามืออังหน้าผากดูว่าร้อนหรือไม่.
อังก์ อังก์ น. องก์, ตอนหนึ่งของเรื่องละคร. (ป.).
อังกนะ อังกนะ [-กะนะ] น. การทําเครื่องหมาย, การประทับตรา. (ส.).
อังกฤษ อังกฤษ [-กฺริด] น. ชื่อประเทศ ชนชาติ และภาษาของชนผิวขาวพวกหนึ่งที่อยู่ในเกาะทางทิศตะวันตกของทวีปยุโรปซึ่งเรียกว่า เกรตบริเตน; เรียกโลหะชนิดหนึ่งเป็นแผ่นบาง ๆ สีคล้ายทองคําหรือสีอื่น ๆ ก็มี ใช้สลักหรือปรุเป็นลายประดับเครื่องศพเป็นต้นว่า ทองอังกฤษ.
อังกวด อังกวด น. จ้องหน่อง. (ช.).
อังกะลุง อังกะลุง น. ชื่อเครื่องดนตรีอย่างหนึ่งของชวา ใช้เขย่าให้เกิดเสียง.
อังกา อังกา น. ตัวอักษรที่จารไว้หัวลานสําหรับบอกจํานวนใบลานที่จารแล้ว ๑๒ ตัวเป็น ๑ อังกา และ ๒ อังกา เป็น ๑ ผูก.
อังกาบ อังกาบ น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Barleria cristata L. ในวงศ์ Acanthaceae ลําต้นไม่มีหนาม ดอกสีม่วง.
อังกาบฝรั่ง อังกาบฝรั่ง ดู ต้อยติ่ง.
อังกาบหนู อังกาบหนู น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Barleria prionitis L. ในวงศ์ Acanthaceae ลําต้นมีหนาม ดอกสีเหลือง.
อังกุระ,อังกูร อังกุระ, อังกูร [-กูน] น. หน่อ, หน่อเนื้อเชื้อไข, เชื้อสาย; มักใช้ อังกูร เป็นส่วนท้ายของสมาส เป็น อางกูร เช่น พุทธางกูร นรางกูร. (ป., ส.).
อังกุศ อังกุศ [-กุด] น. ขอเหล็กอย่างขอสับช้าง. (ส.; ป. องฺกุส).
อังคณะ อังคณะ น. ลาน, ที่ว่าง, สนาม. (ป., ส.).
อังคณา อังคณา น. นาง, ผู้หญิง. (ป. องฺคนา; ส. องฺคน, องฺคนา).
อังคาร อังคาร [-คาน] น. ชื่อวันที่ ๓ ของสัปดาห์; ชื่อดาวเคราะห์ดวงที่ ๔ ในระบบสุริยะ มองเห็นด้วยตาเปล่า อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ ๒๒๘ ล้านกิโลเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๖,๗๘๗ กิโลเมตร มีพื้นผิวขรุขระและมีบรรยากาศเบาบาง ส่วนใหญ่เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ มีบริวาร ๒ ดวง; เถ้าถ่านของศพที่เผาแล้ว. (ป., ส.).
อังคาส อังคาส [-คาด] ก. ถวายอาหารพระ, เลี้ยงพระ. (ข.).
อังคีรส อังคีรส [-คีรด] ว. มีรัศมีซ่านออกจากพระกาย, เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง. (ป., ส.).
อังคุฐ อังคุฐ [-คุด] น. นิ้วหัวแม่มือ. (ป. องฺคุฏฺ; ส. องฺคุษฺ).
อังคุตรนิกาย อังคุตรนิกาย [-คุดตะระ-] น. ชื่อคัมภีร์นิกายที่ ๔ แห่งพระสุตตันตปิฎก แสดงหลักธรรมโดยแบ่งเป็นหมวด เรียงลำดับตามจำนวนหัวข้อธรรมะตั้งแต่ ๑ หัวข้อถึง ๑๑ หัวข้อ.
อังฆาต อังฆาต [-คาด] ก. กระทบ, เบียดเบียน.
อังแพลม อังแพลม [-แพฺลม] น. ตะเกียงหิ้วขนาดเล็ก มีที่กำบังแสงและลม ๓ ด้าน สำหรับส่องหาของหรือตีกบเป็นต้นในเวลากลางคืน.
อั้งยี่ อั้งยี่ น. สมาคมลับของคนจีน; (กฎ) ชื่อความผิดอาญาฐานเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดําเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย เรียกว่า ความผิดฐานเป็นอั้งยี่. (จ.).
อั้งโล่ อั้งโล่ น. เตาไฟดินเผาชนิดหนึ่งของจีน ยกไปได้. (จ.).
อังศุ อังศุ น. สาย, ทาง, เส้น, แถว; แสง, รัศมี. (ส. อํศุ; ป. อํสุ).
อังศุก อังศุก [-สุก] น. ผ้าอย่างบาง. (ส.).
อังศุธร,อังศุมาลี อังศุธร, อังศุมาลี น. พระอาทิตย์. (ส.).
อังส,อังส-,อังสะ อังส-, อังสะ [อังสะ-] น. เรียกผ้าที่พระภิกษุสามเณรใช้ห้อยเฉวียงบ่าว่า ผ้าอังสะ; ส่วน, ภาค; ส่วนของมุม. (ป. อํส).
อังสกุฏ อังสกุฏ [-กุด] น. จะงอยบ่า.
อังสตรอม อังสตรอม [อังสะตฺรอม] น. หน่วยที่ใช้วัดระยะสั้นมาก ๆ ๑ อังสตรอม มีค่าเท่ากับ ๑๐-๑๐ เมตร ใช้สัญลักษณ์ว่า Å. (อ. angstrom).
อังสนา อังสนา น. ดอกประดู่. (ช.).
อังสภาระ อังสภาระ น. ของแบก.
อังสา อังสา น. บ่า, ไหล่. (ป., ส. อํส).
อัจกลับ อัจกลับ [อัดจะกฺลับ] น. โคมอย่างหนึ่งทําด้วยทองเหลือง บางทีมีระย้าห้อยด้วย ใช้ในสมัยโบราณ.
อัจจันต์ อัจจันต์ ว. ยิ่ง, ยิ่งนัก. (ป. อจฺจนฺต; ส. อตฺยนฺต).
อัจจัย อัจจัย น. การล่วงไป; การล่วงเกิน, การดูหมิ่น. (ป. อจฺจย; ส. อตฺยย).
อัจจิ อัจจิ น. เปลวไฟ, แสงไฟ. (ป.).
อัจจิมา อัจจิมา น. ไฟ.<2t>ว. มีแสง, สว่าง, รุ่งเรือง. (ป.).
อัจจุตะ อัจจุตะ [อัดจุตะ] ว. ไม่เคลื่อนที่, มั่นคง, แน่นอน, เสมอไป. (ป.).
อัจเจกะ อัจเจกะ ว. ผิดปรกติ, บังเอิญเป็น; รีบร้อน; จําเป็น. (ป.).
อัจฉรา,อัจฉรา ๑ อัจฉรา ๑ [อัดฉะรา] น. นางฟ้า. (ป.; ส. อปฺสรสฺ).
อัจฉรา,อัจฉรา ๒ อัจฉรา ๒ [อัดฉะรา] น. นิ้วมือ; ลัดนิ้วมือหนึ่ง, เวลาประเดี๋ยวเดียว, ชั่วพริบตา. (ป.).
อัจฉริย,อัจฉริย-,อัจฉริยะ อัจฉริย-, อัจฉริยะ [อัดฉะริยะ-] ว. วิเศษน่าอัศจรรย์, มีความรู้ความสามารถเกินกว่าระดับปรกติมาก. (ป.; ส. อาศฺจรฺย).
อัจฉริยบุคคล อัจฉริยบุคคล น. บุคคลผู้มีปัญญาความสามารถเยี่ยมยอดมาแต่กําเนิด.
อัจฉริยภาพ อัจฉริยภาพ น. ความเป็นผู้มีปัญญาความสามารถเกินกว่าระดับปรกติมาก.
อัจฉริยลักษณ์,อัจฉริยลักษณะ อัจฉริยลักษณ์, อัจฉริยลักษณะ น. ลักษณะดีเด่นเป็นที่น่าอัศจรรย์ เช่น อัจฉริยลักษณ์ของภาษาไทย อัจฉริยลักษณะของมหาบุรุษ.
อัจนา อัจนา [อัดจะ-] น. การเซ่นสรวง, การถวาย, การบูชานับถือ. (ป. อจฺจนา).
อัชฌัตติก,อัชฌัตติก- อัชฌัตติก- [อัดชัดติกะ-] ว. ภายใน, เฉพาะตัว, ส่วนตัว, เช่น อัชฌัตติกปัญญา. (ป.).
อัชฌา อัชฌา [อัดชา] น. กิริยาดี; นิสัยใจคอ, ความรู้จักผ่อนปรน. (ตัดมาจาก อัชฌาสัย).
อัชฌาจาร อัชฌาจาร [-จาน] น. ความประพฤติชั่ว, การล่วงมรรยาท, การละเมิดประเพณี. (ป.).
อัชฌาศัย อัชฌาศัย [-ไส] (โบ) น. อัชฌาสัย.
อัชฌาสัย อัชฌาสัย [-ไส] น. กิริยาดี; นิสัยใจคอ, ความรู้จักผ่อนปรน; ใช้ว่า อัชฌา ก็มี, (โบ) อัชฌาศัย. (ป.; ส. อธฺยาศย).
อัญ,อัญ-,อัญญะ อัญ-, อัญญะ [อันยะ-] ว. อื่น, ต่างไป, แปลกไป. (ป. อญฺ; ส. อนฺย).
อัญขยม อัญขยม [อันขะหฺยม] ส. ข้า, ข้าพเจ้า. (ข. อญขฺ ว่า ข้าพเจ้า).
อัญชนะ อัญชนะ น. ยาตา, ยาหยอดตา. (ป.).
อัญชนะศักราช อัญชนะศักราช น. ศักราชที่เริ่มตั้งก่อนพุทธศักราช ๑๔๗ ปี (อัญชนะศักราชลบด้วย ๑๔๗ เท่ากับพุทธศักราช).
อัญชลี อัญชลี น. การประนมมือ, การไหว้, บางทีใช้เป็น อัญชุลี หรือ ใช้ละว่า ชุลี ก็มี. (ป., ส. อญฺชลิ).
อัญชัน อัญชัน น. ชื่อพรรณไม้ ๒ ชนิดในวงศ์ Leguminosae คือ ไม้ต้นชนิด Dalbergia duperreana Pierre และไม้เถาชนิด Clitoria ternatea L. ชนิดหลังดอกสีครามแก่ ขาว และม่วงอ่อน.<2t>ว. เรียกสีครามแก่อย่างสีดอกอัญชัน ว่า สีอัญชัน.
อัญชันป่า อัญชันป่า ดู หนอนตายหยาก (๒).
อัญชุลี อัญชุลี น. อัญชลี.
อัญเชิญ อัญเชิญ ก. เชิญด้วยความเคารพนับถือ เช่น อัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระอุโบสถ. (ข. อญฺเชิญ).
อัญดิตถีย์,อัญเดียรถีย์ อัญดิตถีย์, อัญเดียรถีย์ [-ดิดถี, -เดียระถี] น. พวกที่มีความเชื่อถืออย่างอื่น, พวกนอกพระพุทธศาสนา. (ป. อญฺติตฺถิย; ส. อนฺย + ตีรฺถฺย).
อัญประกาศ อัญประกาศ [อันยะ-] น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ สําหรับเขียนคร่อมคําหรือข้อความ เพื่อแสดงว่าข้อความนั้นเป็นคําพูด หรือเพื่อเน้นความนั้นให้เด่นชัดขึ้นเป็นต้น.
อัญประกาศเดี่ยว อัญประกาศเดี่ยว น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ สําหรับเขียนคร่อมคําหรือข้อความที่ซ้อนอยู่ภายในข้อความที่มีเครื่องหมายอัญประกาศอยู่แล้ว.
อัญมณี อัญมณี น. รัตนชาติที่เจียระไนแล้ว, แก้วมณีอื่น ๆ นอกจากเพชรพลอย; (กฎ; โบ) ของมีค่าอื่น ๆ เช่น มันผู้หนึ่งล้อมไว้เป็นไร่เป็นสวนมัน มันได้ปลูกสรรพอัญมณีในที่นั้นไว้ ให้ลดอากรไว้แก่มันปีหนึ่ง. (สามดวง).
อัญมัญ,อัญมัญ- อัญมัญ- [อันยะมันยะ-] ว. ซึ่งกันและกัน, แก่กันและกัน, ของกันและกัน, เช่น เป็นอัญมัญปัจจัย คือ เป็นปัจจัยของกันและกัน. (ป. อญฺมญฺ).
อัญรูป อัญรูป [อันยะ-] น. ธาตุเดียวกันแต่มีสมบัติและรูปแบบต่างกัน เมื่อนําไปทําปฏิกิริยากับธาตุอื่นธาตุเดียวกัน จะให้ผลเป็นสารประกอบอันเดียวกัน เช่น ธาตุคาร์บอน มีอัญรูป คือ เพชร กับ แกรไฟต์ เมื่อนําอัญรูปทั้ง ๒ นี้ ไปเผาด้วยความร้อนสูงกับธาตุออกซิเจน จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เช่นเดียวกัน.
อัฏ อัฏ [อัดตะ] (แบบ) น. คดีความ. (ป. อฏฺฏ).
อัฏฐ,อัฏฐ-,อัฏฐะ อัฏฐ-, อัฏฐะ [อัดถะ-] (แบบ) ว. แปด. (ป.).
อัฏฐบาน อัฏฐบาน [-บาน] น. น้ำที่คั้นจากผลไม้ มี ๘ อย่าง คือ น้ำมะม่วง น้ำชมพู่หรือน้ำหว้า น้ำกล้วยมีเม็ด น้ำกล้วยไม่มีเม็ด น้ำมะซาง น้ำลูกจันทน์หรือน้ำองุ่น น้ำเหง้าอุบล น้ำมะปรางหรือน้ำลิ้นจี่, เขียนว่า อัฐบาน ก็มี.
อัฏฐังค์ อัฏฐังค์ น. องค์ ๘, ๘ ส่วน, ๘ ชั้น. (ป.).
อัฏฐังคิกมรรค อัฏฐังคิกมรรค [อัดถังคิกะมัก] น. มรรคประกอบด้วยองค์ ๘. (ป. อฏฺงฺคิกมคฺค).
อัฏฐังสะ อัฏฐังสะ ว. มี ๘ เหลี่ยม. (ป.).
อัฏนา อัฏนา [อัดตะนา] น. เรียกชื่อพิธียิงปืนเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจตามประเพณีความเชื่อในระหว่างที่พระสงฆ์สวดอาฏานาฏิยสูตรในวันทําพิธีตรุษว่า ยิงปืนอัฏนา, อาฏานา ก็ว่า.
อัฐ,อัฐ ๑ อัฐ ๑ [อัด] น. (โบ) เรียกเงินปลีกสมัยก่อน ๘ อัฐ เท่ากับ ๑ เฟื้อง; เงิน, เงินตรา, เช่น คนมีอัฐ; ราคาถูก ในสํานวนว่า ไม่กี่อัฐ, ไม่กี่อัฐฬส ก็ว่า.
อัฐ,อัฐ-,อัฐ- ๒ อัฐ- ๒ [อัดถะ-] ว. แปด. (ป. อฏฺ).
อัฐเคราะห์ อัฐเคราะห์ (โหร) น. เรียกดาวเฉพาะ ๘ ดวง คือ อาทิตย์ (ประจําทิศอีสาน ใช้เลข ๑ แทน) จันทร์ (ประจําทิศบูรพา ใช้เลข ๒ แทน) อังคาร (ประจําทิศอาคเนย์ใช้เลข ๓ แทน) พุธ (ประจําทิศทักษิณ ใช้เลข ๔ แทน) เสาร์ (ประจําทิศหรดี ใช้เลข ๗ แทน) พฤหัสบดี (ประจําทิศประจิม ใช้เลข ๕ แทน) ราหู (ประจําทิศพายัพ ใช้เลข ๘ แทน) และศุกร์ (ประจําทิศอุดร ใช้เลข ๖ แทน) เขียนเป็นแผนภูมิดังนี้
ว่า ทักษา, ถ้าเกิดวันใด ก็ถือวันนั้นเป็นบริวาร แล้วนับเวียนขวาไปตามทิศทั้ง ๘ เช่น เกิดวันอาทิตย์ อาทิตย์เป็นบริวาร จันทร์เป็นอายุ อังคารเป็นเดช พุธเป็นศรี เสาร์เป็นมูละ พฤหัสบดีเป็นอุตสาหะ ราหูเป็นมนตรี และศุกร์เป็นกาลกรรณี.
อัฐทิศ อัฐทิศ น. ชื่อพระแท่นรูป ๘ เหลี่ยม ที่พระมหากษัตริย์ประทับเพื่อรับนํ้าอภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก, เรียกเต็มว่า พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์.
อัฐบริขาร อัฐบริขาร น. เครื่องใช้สอยของพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มี ๘ อย่าง คือ สบง จีวร สังฆาฏิ บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม ประคดเอว กระบอกกรองนํ้า (ธมกรก), สมณบริขาร ก็เรียก. (ป. อฏฺปริขาร).
อัฐบาน อัฐบาน น. นํ้าที่คั้นจากผลไม้ มี ๘ อย่าง คือ นํ้ามะม่วง นํ้าชมพู่หรือนํ้าหว้า นํ้ากล้วยมีเม็ด นํ้ากล้วยไม่มีเม็ด นํ้ามะซาง นํ้าลูกจันทน์หรือน้ำองุ่น นํ้าเหง้าอุบล นํ้ามะปรางหรือน้ำลิ้นจี่, เขียนว่า อัฏฐบาน ก็มี.
อัฐม,อัฐม-,อัฐมะ อัฐม-, อัฐมะ [อัดถะมะ] (แบบ) ว. ที่ ๘ เช่น อัฐมภาค อัฐมราชา. (ป. อฏฺม).
อัฐมี อัฐมี น. ดิถีที่ ๘, เรียกวันถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าในวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ ว่า วันอัฐมี.
อัฐยายซื้อขนมยาย อัฐยายซื้อขนมยาย (สํา) ก. เอาทรัพย์จากผู้ปกครองหญิงที่จะขอแต่งงานด้วย มอบให้เป็นสินสอดทองหมั้นแก่ผู้ปกครองหญิงนั้นโดยสมรู้กัน, โดยปริยายหมายถึงการกระทําอย่างอื่นในทํานองเดียวกันนี้ เช่น เอาทรัพย์จากผู้ใดผู้หนึ่งซื้อหรือแลกสิ่งของอื่นของผู้นั้น.
อัฐศก อัฐศก น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๘ เช่น ปีขาล อัฐศก จุลศักราช ๑๓๔๘.
อัฐฬส อัฐฬส [อัดลด] น. ราคาถูก ในสํานวนว่า ไม่กี่อัฐฬส, ไม่กี่อัฐ ก็ว่า.
อัฐิ อัฐิ [อัดถิ] น. กระดูกคนที่เผาแล้ว. (ป. อฏฺ; ส. อสฺถิ).
อัฐิมิญชะ อัฐิมิญชะ น. เยื่อในกระดูก. (ป. อฏฺมญฺช).
อัฐิสัณฐาน อัฐิสัณฐาน น. ทรงกระดูก.
อัฒ,อัฒ- อัฒ- [อัดทะ-] ว. กึ่ง, ครึ่ง, ซีก. (ป. อฑฺฒ; ส. อรฺธ).
อัฒจันทร์ อัฒจันทร์ น. ที่นั่งเป็นขั้น ๆ สําหรับดูการแสดงมีลักษณะเป็นรูปครึ่งวงกลม, ชั้นที่ตั้งของขายหรือก้าวขึ้นลงทําเป็นขั้น ๆ, อรรธจันทร์ ก็ว่า.
อัฒภาค อัฒภาค น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ ; สําหรับคั่นคําหรือประโยค. (ป. อฑฺฒภาค).
อัฒมณฑล อัฒมณฑล น. กึ่งวงกลม. (ป. อฑฺฒมณฺฑล).
อัฒมาส อัฒมาส น. ครึ่งเดือน. (ป. อฑฺฒมาส).
อัฒรัตติ อัฒรัตติ น. เที่ยงคืน. (ป. อฑฺฒรตฺติ).
อัณฑ,อัณฑ-,อัณฑะ อัณฑ-, อัณฑะ [อันทะ-] น. ส่วนหนึ่งของอวัยวะลับชาย, กระโปก; ไข่. (ป., ส.).
อัณฑโกส อัณฑโกส น. เปลือกไข่. (ป.; ส. อณฺฑโกศ).
อัณฑชะ อัณฑชะ น. เกิดแต่ไข่ หมายถึง สัตว์ที่เกิดจากไข่ เช่น ไก่ นก เต่า. (ป., ส.).
อัณฑาการ อัณฑาการ ว. รูปไข่, กลมรี. (ส.).
อัณณพ อัณณพ น. อรรณพ, ห้วงนํ้า, ทะเล, มหาสมุทร. (ป. อณฺณว; ส. อรฺณว).
อัด,อัด ๑ อัด ๑ ก. ดันลมเข้าไป เช่น อัดลูกโป่ง, ยัดให้แน่น เช่น อัดดินปืน, ประกับให้แน่น เช่น อัดพื้นให้ชิด, ทำให้แน่น เช่น อัดกันอยู่ในรถ, บีบ เช่น อัดใบลาน; กลั้น, กลั้นหายใจ, เช่น อัดลมหายใจ.
อัด,อัด ๒ อัด ๒ ว. ตรง, เต็ม, ตรงแบน, (ใช้แก่ลักษณะด้านหน้า) เช่น หน้าอัด สิงห์อัด.
อัดก๊อบปี้ อัดก๊อบปี้ ก. บีบอัดให้แน่น เช่น อัดก๊อบปี้ผ้าม่วง, (ปาก) ปะทะอย่างแรง เช่น รถเก๋งถูกรถบรรทุกอัดก๊อบปี้พังยับเยิน.
อัดแจ อัดแจ น. เมืองอะแจ, อะจีน ก็เรียก. [ปัจจุบันคือ เมืองอะเจะห์ (Ajeh) ในประเทศอินโดนีเซีย].
อัดฉีด อัดฉีด ก. อัดจาระบีเข้าที่ข้อต่อรถยนต์; (ปาก) ให้เงินหรือรางวัลพิเศษเพื่อให้ทำงานให้โดยเร็วหรือให้ได้ผล.
อัดแบตเตอรี่ อัดแบตเตอรี่ ก. ประจุกระแสไฟฟ้าเข้าในแบตเตอรี่.
อัดแผ่นเสียง อัดแผ่นเสียง ก. บันทึกเสียงลงในแผ่นเสียง.
อัดรูป อัดรูป ก. ผลิตภาพจากฟิล์มหรือกระจกถ่ายรูปที่บันทึกภาพไว้แล้ว.
อัดลม อัดลม ก. อัดแก๊สเข้าไป.<2t>ว. เรียกเครื่องดื่มประเภทหนึ่งซึ่งมีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ละลายและอัดไว้ในขวดเป็นต้นว่า นํ้าอัดลม.
อัดสำเนา อัดสำเนา ก. พิมพ์อัดกระดาษไขที่พิมพ์ เขียน เจาะปรุ หรือทําแบบลวดลายแล้ว ด้วยเครื่องพิมพ์ชนิดหนึ่ง เพื่อให้ได้สําเนาจํานวนมากตามต้องการ, เรียกเครื่องพิมพ์ชนิดนั้นว่า เครื่องอัดสําเนา.
อัดเสียง อัดเสียง ก. บันทึกเสียงลงในแถบบันทึกเสียงหรือฟิล์มเป็นต้น.
อัดอั้น,อัดอั้นตันใจ อัดอั้น, อัดอั้นตันใจ ก. เก็บอัดความรู้สึกแน่นอยู่ในใจ เพราะไม่สามารถพูดหรือกระทำตามต้องการได้เนื่องจากอยู่ในภาวะจำทน.
อัดแอ อัดแอ ว. ยัดเยียด, แน่น, แออัด ก็ว่า.
อัต,อัต- อัต- [อัดตะ-] น. ตน, ตัวเอง. (ป. อตฺต; ส. อาตฺมนฺ).
อัตคัด อัตคัด [อัดตะ-] ว. ขัดสน, ฝืดเคือง, ยากจน, เช่น เขาเป็นคนอัตคัด.<2t>ก. มีน้อย, ขาดแคลน, เช่น อัตคัดผม อัตคัดน้ำ.
อัตชีวประวัติ อัตชีวประวัติ น. ประวัติชีวิตที่เจ้าของเขียนหรือเล่าด้วยตนเอง.
อัตตโนบท อัตตโนบท น. บทเพื่อตน, ในตำราไวยากรณ์บาลีและสันสกฤตใช้เป็นเครื่องหมายให้ทราบว่า เป็นกริยากรรมวาจกหรือภาววาจก เช่น สูเทน โอทโน ปจิยเต = ข้าวสุกอันพ่อครัวหุงอยู่, ปจิยเต เป็นกริยาอัตตโนบท, ตรงข้ามกับ ปรัสสบท.
อัตตา อัตตา น. ตน. (ป.; ส. อาตฺมนฺ, อาตฺมา).
อัตตาธิปไตย อัตตาธิปไตย [-ทิปะไต, -ทิบปะไต] น. การถือตนเองเป็นใหญ่. (ป. อตฺตาธิปเตยฺย); ระบอบการปกครองที่ผู้นํามีอํานาจเด็ดขาดและไม่จํากัด. (อ. autocracy).
อัตถ์,อัตถะ อัตถ์, อัตถะ น. เนื้อความ, ประโยชน์, ความต้องการ. (ป. อตฺถ; ส. อรฺถ).
อัตนัย อัตนัย ว. ที่เปิดโอกาสให้แสดงความรู้หรือความคิดเห็นส่วนตัวได้, เรียกการสอบแบบที่ให้ผู้ตอบบรรยายแสดงความรู้หรือแสดงความคิดเห็นของตนเองว่า การสอบแบบอัตนัย, คู่กับ ปรนัย, จิตวิสัย ก็ว่า. (อ. subjective).
อัตโนมัติ อัตโนมัติ [อัดตะ-] น. ความเห็นส่วนตัว, ความเห็นโดยลําพังตน, เช่นในคําว่า อัตโนมัตยาธิบาย คือ อธิบายตามความเห็นของตน. (ป. อตฺตโน ว่า ของตน + มติ ว่า ความเห็น).<2t>ว. เป็นไปได้ในตัวเอง, ทําหน้าที่ได้ในตัวเอง, มีกลไกทําหน้าที่ได้เอง, เช่น นาฬิกาอัตโนมัติ. (อ. automatic).
อัตภาพ อัตภาพ น. ตน, ลักษณะความเป็นตัวตนหรือบุคคล. (ป. อตฺตภาว).
อัตรชะ อัตรชะ [อัดตฺระ-] น. เกิดจากตัวเอง หมายถึง ลูกของตัวเอง. (ป.).
อัตรา อัตรา [อัดตฺรา] น. ระดับที่กําหนดไว้, จํานวนที่จํากัดไว้ตามเกณฑ์, เช่น อัตราภาษี อัตราเร็ว.<2t>ว. เป็นประจําตามกําหนด, สมํ่าเสมอ, เป็นนิจ, เช่น แล้วให้เทศนาอัตราไป. (กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ ร. ๓).
อัตราเร็ว อัตราเร็ว (วิทยา) น. อัตราการเคลื่อนที่ของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยเวลาโดยไม่คํานึงถึงทิศทางของการเคลื่อนที่. (อ. speed).
อัตราส่วน อัตราส่วน น. เกณฑ์เปรียบเทียบปริมาณของของอย่างเดียวกันหรือต่างกัน เพื่อจะได้ทราบว่าปริมาณแรกเป็นเศษส่วนเท่าใดของปริมาณหลัง เช่น อัตราส่วนของนายแพทย์ ๑ คน ต่อประชาชน ๒๕๐ คน อัตราส่วนของนักศึกษา ๑ คน ต่อหนังสือในห้องสมุด ๕ เล่ม; (คณิต) การเปรียบเทียบปริมาณที่เป็นของอย่างเดียวกัน เพื่อให้ทราบว่าปริมาณแรกเป็นกี่เท่าของปริมาณหลัง หรือเป็นเศษส่วนเท่าใดของปริมาณหลัง เช่น จำนวนผู้ใช้หนังสือในห้องสมุดกับจำนวนเจ้าหน้าที่ห้องสมุดบางแห่งคิดเป็นอัตราส่วน ๑๐๐ : ๑ ครูกับนักเรียนควรจะมีอัตราส่วนไม่เกิน ๑ : ๔๐. (อ. ratio).
อัตลัด อัตลัด [อัดตะหฺลัด] น. ชื่อผ้าชนิดหนึ่ง ทอด้วยไหมควบกับเงินแล่งหรือทองแล่ง แต่ไหมมีจํานวนมากกว่า.
อัตวินิบาตกรรม อัตวินิบาตกรรม [อัดตะวินิบาดตะกำ] น. การฆ่าตัวตาย.
อัตหิต,อัตหิต- อัตหิต- [-หิตะ-] น. ประโยชน์ตน, มักใช้เข้าคู่กับคำ ประโยชน์ เป็น อัตหิตประโยชน์ ว่า ประโยชน์เกื้อกูลแก่ตน. (ป. อตฺตหิต).
อัตเหตุ อัตเหตุ [-เหด] ว. เพราะตนเป็นเหตุ; เห็นแก่ตัว. (ป. อตฺตเหตุ).
อัททา อัททา น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์อารทรา มี ๑ ดวง, ดาวตัวโค ดาวตาสําเภา หรือ ดาวอทระ ก็เรียก.
อัทธ,อัทธ-,อัทธ์,อัทธา,อัทธาน อัทธ-, อัทธ์, อัทธา, อัทธาน [อัดทะ-] น. ทาง, ทางไกล, ระยะไกล; กาล, กาลยาวนาน. (ป.; ส. อธฺวนฺ).
อัทธคต อัทธคต น. ผู้ที่ได้ผ่านทางไกลหรืออยู่มานาน, คนแก่. (ป.).
อัทธคู อัทธคู น. ผู้เดินทาง, นักท่องเที่ยว. (ป.).
อัทธายุ อัทธายุ [อัดทา-] น. ชั่วอายุ, ชั่วชีวิต.
อัธยาตมวิทยา อัธยาตมวิทยา [อัดทะยาดตะมะวิดทะยา] (โบ) น. วิชาว่าด้วยจิต, ปัจจุบันใช้ว่า จิตวิทยา. (ส.).
อัธยาย อัธยาย [อัดทะยาย] น. บทเรียน, บท; การอ่าน, การเล่าเรียน. (ส. อธฺยาย).
อัธยาศัย อัธยาศัย [อัดทะยาไส] น. นิสัยใจคอ เช่น เขาเป็นคนมีอัธยาศัยดี; ความพอใจ, ความประสงค์, เช่น ไปพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย. (ส. อธฺยาศย; ป. อชฺฌาสย).
อัน อัน น. สิ่ง, ชิ้น; ทะลาย เช่น อันหมาก อันมะพร้าว; คําบอกลักษณะสิ่งของซึ่งโดยปรกติมีลักษณะแบนยาวหรือเป็นชิ้นเป็นแผ่นเป็นต้น, ลักษณนามเรียกสิ่งที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น ไม้อันหนึ่ง ไม้ ๒ อัน; เวลากําหนดสําหรับชนไก่พักหนึ่ง ๆ.<2t>ส. คำใช้แทนนามหรือข้อความที่อยู่ข้างหน้า เช่น ความจริงอันปรากฏขึ้นมา.<2t>ว. อย่าง เช่น เป็นอันมาก เป็นอันดี, ใช้เป็นคำนำหน้านามที่เป็นประธานหรือใช้ขึ้นต้นข้อความต่าง ๆ เช่น อันอายุความนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้มีกำหนดสิบปี. (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ฉบับเก่า), ใช้ว่า อันว่า ก็มี เช่น อันว่าทรัพย์นั้น โดยนิตินัยได้แก่วัตถุมีรูปร่าง. (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๘ ฉบับเก่า).
อั้น อั้น ก. ยั้ง เช่น พูดไม่อั้น, กลั้น เช่น อั้นปัสสาวะ อั้นลมหายใจ, อัดไว้ เช่น อั้นไว้ในใจ; กําหนด เช่น จ่ายไม่อั้น; กําหนดจํานวนสูงสุด เช่น อั้น ๕ บาท แทงไม่อั้น (ใช้แก่การพนัน); (โบ) กั้น เช่น อั้นทางน้ำไว้ไม่ให้ไหล.<2t>ว. อาการที่นิ่งอึ้ง พูดไม่ออก, มักใช้เข้าคู่กับคำ นิ่ง เป็น นิ่งอั้น.
อั๋น อั๋น ว. มีเนื้อแน่น, มักใช้เข้าคู่กับคำ อวบ เป็น อวบอั๋น.
อันดก อันดก [-ดก] น. ความตาย. (ป., ส. อนฺตก).
อันดร อันดร [-ดอน] น. ภายใน, ระหว่าง, มักใช้เข้าสนธิกับคําอื่น เป็นส่วนท้ายของคําสมาส เช่น พุทธ + อันดร = พุทธันดร นิร + อันดร = นิรันดร. (ป., ส. อนฺตร).
อันดับ อันดับ น. ชั้น เช่น พระสงฆ์นั่งตามอันดับ, ระเบียบ; ลําดับ เช่น สอบได้ในอันดับต้น ๆ.
อันด๊าก อันด๊าก น. ลิ้น. (ต.).
อันโด๊ก อันโด๊ก น. เต่า, ตะพาบนํ้า. (ต.).
อันต,อันต-,อันต- ๑ อันต- ๑ [อันตะ-] น. เขต, แดน; ปลายทาง, ที่จบ, อวสาน, ที่สุด; ความตาย, ความเสื่อมสิ้น. (ป., ส.).
อันต,อันต-,อันต- ๒,อันตะ อันต- ๒, อันตะ [อันตะ-] น. ลําไส้ใหญ่, ราชาศัพท์ว่า พระอันตะ. (ป.; ส. อนฺตฺร).
อันตกะ อันตกะ [อันตะกะ] น. ผู้ทําที่สุด หมายถึง ความตาย คือ พระยม. (ป., ส.).
อันตกาล อันตกาล น. เวลาตาย. (ส.).
อันตกิริยา อันตกิริยา น. การกระทําซึ่งที่สุด หมายถึง ตาย เช่น เขากระทําซึ่งอันตกิริยา. (ป.).
อันตคุณ อันตคุณ น. ลําไส้เล็ก, ราชาศัพท์ว่า พระอันตคุณ. (ป.).
อันตคู อันตคู น. ผู้ถึงที่สุด, ผู้ชํานะความทุกข์. (ป.).
อันตชาติ อันตชาติ น. คนตํ่าช้า, คนไม่มีตระกูล. (ส.).
อันตร,อันตร- อันตร- [อันตะระ-] น. ช่อง.<2t>ว. ภายใน, ชั้นใน; ใกล้เคียง, เกือบ; ระหว่าง; อื่น, ต่างไป. (ป., ส.).
อันตรการณ์ อันตรการณ์ น. เหตุขัดข้อง, อุปสรรค, ความติดขัด. (ป.).
อันตรธาน อันตรธาน [อันตะระทาน, อันตฺระทาน] ก. สูญหายไป, ลับไป. (ป., ส.).
อันตรภาค อันตรภาค [-พาก] (สถิติ) น. ช่วงคะแนนหรือขอบเขตของคะแนนเป็นต้นในขั้นหนึ่ง ๆ ในตารางแจกแจงความถี่ เช่น อันตรภาคของคะแนนตั้งแต่ ๘๖-๑๐๐ เป็นอันดับ ๑.
อันตรวาสก อันตรวาสก [-วาสก] น. ผ้าสบง. (ป.).
อันตรา อันตรา [อันตะรา] นิ. ระหว่าง. (ป.).
อันตราย อันตราย [อันตะราย] น. เหตุที่อาจทําให้ถึงแก่ความตายหรือพินาศ. (ป., ส. อนฺตราย ว่า อุปสรรคหรือภัยอันมาในระหว่าง).
อันตรายิกธรรม อันตรายิกธรรม [-ยิกะทํา] น. ธรรมที่ทําอันตราย หมายถึง เหตุขัดขวาง เช่น เหตุขัดขวางการอุปสมบท มีอายุไม่ครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ หรือเป็นโรคเรื้อนเป็นต้น. (ป. อนฺตรายิกธมฺม).
อันตลิกขะ อันตลิกขะ [อันตะลิกขะ] น. ท้องฟ้า, กลางหาว. (ป.; ส. อนฺตริกฺษ).
อั้นตั้น อั้นตั้น ว. อ้วนเตี้ย.
อันติกะ อันติกะ น. ที่ใกล้, บริเวณ.<2t>ว. ใกล้, แทบ, เกือบ. (ป., ส.).
อันติม,อันติม-,อันติมะ อันติม-, อันติมะ [อันติมะ-] ว. สุดท้าย, สูงสุด, เช่น ความจริงอันติมะ คือ ความจริงสุดท้าย ความจริงสูงสุด. (ป.; อ. ultimate).
อันติมสัจ อันติมสัจ [-มะสัด] (ปรัชญา) น. ความจริงขั้นสุดท้าย, ความจริงขั้นสูงสุด.
อั้นตู้,อั้นอ้น อั้นตู้, อั้นอ้น ว. นิ่งอึ้ง, อํ้าอึ้ง, จนปัญญา, คิดไม่ออก.
อันเต,อันโต อันเต, อันโต คําใช้เป็นส่วนหน้าสมาส หมายความว่า ภายใน.
อันเตบุระ,อันเตปุระ อันเตบุระ, อันเตปุระ น. ภายในราชสํานัก, ภายในวัง. (ป.; ส. อนฺตปุร).
อันเตบุริก,อันเตปุริก อันเตบุริก, อันเตปุริก น. ข้าราชการในราชสํานัก. (ป.).
อันเตบุริกา,อันเตปุริกา อันเตบุริกา, อันเตปุริกา น. นางในราชสํานัก. (ป.).
อันเตวาสิก อันเตวาสิก น. ชนผู้อยู่ในภายใน หมายถึง ศิษย์ที่อยู่ในปกครองหรือที่อาศัยอยู่กับอาจารย์ จะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ได้, คู่กับ อาจารย์. (ป.).
อันโตชน อันโตชน น. คนภายใน หมายถึง คนในตระกูล เช่น บุตร ภรรยา คนใช้. (ป.).
อันโตนาที อันโตนาที น. ระยะเวลาโคจรของพระอาทิตย์ภายในราศีหนึ่ง ๆ โดยคิดเป็นวันใน ๑ ปี แล้วเทียบส่วนมาเป็นมหานาทีใน ๑ วัน (๑ มหานาที เท่ากับ ๒๔ นาที) เช่น อยู่ในราศีเมษ ๕ มหานาที ราศีพฤษภ ๔ มหานาที ราศีเมถุน ๓ มหานาที.
อันแถ้ง อันแถ้ง (กลอน) ว. งามอ้อนแอ้น, เขียนเป็น อรรแถ้ง ก็มี เช่น พระองค์กลมกล้องแกล้ง เอวอ่อนอรอรรแถ้ง. (ลอ).
อันทุ อันทุ น. โซ่, ตรวน, เครื่องจองจํา. (ป., ส.).
อันโทล อันโทล [-โทน] ก. เวียนเกิดเวียนตาย, ท่องเที่ยวในสังสารวัฏ, เช่น หากเที่ยวในสงสารภพอันโทลเกิดไปมาแล. (จารึกวัดศรีชุม), นางก็อันโทลไปมาในพิทธยาภพนี้. (ม. คําหลวง ทศพร); ท่องเที่ยว เช่น อย่าดูถูกอันโทลไพร จะเยียไยแก่อกเจ้า. (ม. คำหลวง ทานกัณฑ์ กลบทเก่า). (ข.).
อันธ,อันธ- อันธ- [อันทะ-] ว. มืด, มืดมน, เช่น อันธกาล; โง่, ทึบ, เช่น อันธปัญญา; มองไม่เห็น, บอด, เช่น อันธจักษุ. (ป., ส.).
อันธการ อันธการ น. ความมืด, ความมัว, ความมืดมน; เวลาคํ่า; ความเขลา; อนธการ ก็ว่า. (ป.).
อันธพาล อันธพาล น. คนเกะกะระราน. (ป.).
อันธิกา อันธิกา น. กลางคืน, เวลาคํ่า. (ส.).
อันนะ อันนะ น. ของกินโดยเฉพาะข้าว, มักใช้เข้าคู่กับ ปานะ เป็น อันนะปานะ แปลว่า ข้าวและนํ้า. (ป., ส.).
อันนา อันนา น. ตอนหนึ่ง ๆ ของนาซึ่งมีคันกั้น, กระทงนา ก็เรียก.
อันเป็น,อันเป็นไป อันเป็น, อันเป็นไป น. ผลร้ายที่เกิดขึ้น, เหตุร้ายที่เกิดขึ้น, เช่น เขาแช่งคนชั่วให้มีอันเป็นไปต่าง ๆ นานา
อันโยนย,อันโยนย-,อันโยนยะ อันโยนย-, อันโยนยะ [-โยนยะ] (โบ) ว. กันและกัน. (ส. อนฺโยนฺย; ป. อญฺมญฺ); ในไวยากรณ์ใช้เรียกสรรพนามพวกหนึ่ง ซึ่งแทนชื่อคน สัตว์ หรือสิ่งของที่รวมกัน ได้แก่คําว่า กัน เช่น คนตีกัน เรียกว่า อันโยนยสรรพนาม.
อันวย,อันวย-,อันวัย อันวย-, อันวัย [อันวะยะ-] น. การเป็นไปตาม, การอนุโลมตาม, เช่น อันวยาเนกรรถประโยค. (ป.).
อันว่า อันว่า ว. ใช้เป็นคํานําหน้านามที่เป็นประธานหรือใช้ขึ้นต้นข้อความต่าง ๆ เช่น อันว่าทรัพย์นั้น โดยนิตินัยได้แก่วัตถุมีรูปร่าง. (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๘ ฉบับเก่า), ใช้ว่า อัน ก็มี เช่น อันอายุความนั้น ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น ท่านให้มีกําหนดสิบปี. (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ฉบับเก่า).
อันเวส อันเวส [-เวด] น. การตามแสวงหา, การค้นหา. (ป. อนุ + เอส).
อับ,อับ ๑ อับ ๑ น. ตลับ.
อับ,อับ ๒ อับ ๒ ว. ไม่มีลมเข้าออก, ไม่โปร่ง, เช่น อากาศอับ, ไม่เคลื่อนไหว เช่น ลมอับ; ไม่มีตาไป (ใช้แก่หมากรุก); โง่ เช่น ปัญญาอับ; ถึงที่อับจน, ถึงคราวชะตาตก, เช่น ตกอับ; มัวหมอง เช่น อับเศร้าหมองศรี; มืด เช่น อับทิศ คือ มืดทุกทิศ; อาการที่นกเขาซึ่งเคยขันแล้วกลับไม่ขัน; ลักษณะของกลิ่นซึ่งเกิดจากสิ่งที่ไม่มีอากาศผ่าน เช่น เหม็นอับ.
อับจน อับจน ว. ไม่มีทางไป; สิ้นคิด; ยากแค้น.
อับเฉา,อับเฉา ๑ อับเฉา ๑ ว. ไม่สดชื่น, ไม่ชื่นบาน.
อับเฉา,อับเฉา ๒ อับเฉา ๒ น. ของถ่วงเรือกันเรือโคลง มีหินและทรายเป็นต้น.
อับปาง อับปาง ก. ล่ม, จม, แตก, (ใช้แก่เรือเดินทะเล).
อับสปอร์ อับสปอร์ น. โครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายถุง ห่อหุ้มสปอร์ เป็นที่เกิดของสปอร์.
อับอาย อับอาย ว. อายไม่กล้าสู้หน้า, ขายหน้า.
อัป,อัป- อัป- [อับปะ-] คำประกอบหน้าศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต มีความหมายว่า ไม่, ไร้, ไปจาก, ปราศจาก, เช่น อัปภาคย์ ว่า ไร้โชค ปราศจากโชค, อัปยศ ว่า ไร้ยศ, ใช้ อป ก็ได้. (ป., ส. อป).
อัปกะ อัปกะ [อับปะ-] ว. เล็กน้อย, นิดหน่อย. (ป. อปฺปก; ส. อลฺปก).
อัปการ อัปการ [อับปะกาน] (กลอน) ว. ผิดรูป, พิการ, น่าเกลียด. (ป., ส. อปการ).
อัปฏิฆะ อัปฏิฆะ [อับปะติคะ] ว. ไม่ระคายใจ, ไม่เคืองใจ, ไม่แค้นเคือง. (ป. อปฺปฏิฆ).
อัปฏิภาค อัปฏิภาค [อับปะติพาก] ว. ไม่มีเปรียบ, เทียบไม่ได้. (ป. อปฺปฏิภาค).
อัปปะ อัปปะ [อับ-] ว. เล็ก, น้อย. (ป.; ส. อลฺป).
อัปเปหิ อัปเปหิ [อับ-] (ปาก) ก. ขับไล่, อเปหิ ก็ว่า.
อัปภาคย์ อัปภาคย์ [อับปะ-] ว. ปราศจากโชค, เคราะห์ร้าย, วาสนาน้อย; ไม่มีดี เช่น จะดูดินฟ้าพนาวัน สารพันอัปภาคย์หลากลาง. (อิเหนา), นิยมใช้เข้าคู่กับคำ อาภัพ เป็น อาภัพอัปภาคย์, อปภาคย์ ก็ว่า. (ส.).
อัปมงคล อัปมงคล [อับปะ-] ว. ปราศจากมงคล, ไม่เจริญ, เป็นลางร้าย, อปมงคล ก็ว่า. (ป., ส.).
อัปยศ อัปยศ [อับปะ-] ว. ไร้ยศ, ปราศจากยศ; เสื่อมเสียชื่อเสียง, น่าอับอายขายหน้า; อปยศ ก็ว่า. (ส. อปยศสฺ).
อัประมาณ อัประมาณ [อับปฺระ-] ว. กําหนดจำนวนไม่ได้, จํากัดไม่ได้; น่าอับอาย เช่น ย่อยยับอัประมาณ; อประมาณ ก็ว่า. (ส.; ป. อปฺปมาณ).
อัประมาท อัประมาท [อับปฺระหฺมาด] น. ความไม่มึนเมา; ความไม่เลินเล่อ, ความระวัง, ความเอาใจใส่; อประมาท ก็ว่า. (ส.; ป. อปฺปมาท).
อัประไมย อัประไมย [อับปฺระไม] ว. นับไม่ได้, ไม่จํากัด, มากมาย, อประไมย ก็ว่า. (ส. อปฺรเมย; ป. อปฺปเมยฺย).
อัปราชัย อัปราชัย [อับปะราไช] น. ความไม่แพ้, ความชนะ, คู่กับ ปราชัย คือ ความแพ้; (กลอน) บางทีใช้หมายความว่า แพ้ เช่น คบคนดีเป็นศรีแก่ตัว คบคนชั่วอัปราชัย; อปราชัย ก็ว่า. (ป., ส.).
อัปรีย์ อัปรีย์ [อับปฺรี] ว. ระยํา, จัญไร, เลวทราม, ตํ่าช้า, ชั่วช้า, ไม่เป็นมงคล. (ส. อปฺริย; ป. อปฺปิย).
อัปลักษณ์ อัปลักษณ์ [อับปะ-] ว. ชั่ว (มักใช้แก่รูปร่าง หน้าตา), มีลักษณะที่ถือว่าไม่เป็นมงคล, เช่น รูปร่างอัปลักษณ์ หน้าตาอัปลักษณ์, อปลักษณ์ ก็ว่า. (ส. อปลกฺษณ; ป. อปลกฺขณ).
อัปสร อัปสร [อับสอน] น. นางฟ้า. (ส. อปฺสรสฺ; ป. อจฺฉรา).
อัพพุท อัพพุท น. ชื่อสังขยาจํานวนหนึ่ง คือ ร้อยแสนพินทุ เป็น ๑ อัพพุท หรือโกฏิยกกําลัง ๘ หรือเลข ๑ มีศูนย์ตามหลัง ๕๖ ตัว. (ป.).
อัพโพหาริก อัพโพหาริก ว. ไม่ควรกล่าวอ้าง, ไม่ควรอ้างเป็นกฎเกณฑ์ คือ ไม่ควรนับว่าผิดวินัยหรือกฎหมาย เช่นผู้กินแกงซึ่งปรุงด้วยเหล้าบางอย่างเพื่อฆ่าคาวหรือชูรสการกินเหล้าในที่นี้เป็น อัพโพหาริก คือ ไม่ควรนับว่ากินเหล้า. (ป.).
อัพภันดร,อัพภันตร,อัพภันตร- อัพภันดร, อัพภันตร- [อับพันดอน, -ตะระ-] น. ส่วนใน, ภายใน, ท่ามกลาง; ชื่อมาตราวัดในบาลี ราว ๗ วา เป็น ๑ อัพภันดร. (ป.; ส. อภฺยนฺตร).
อัพภาน อัพภาน [อับพาน] น. การชักกลับมา, ในวินัยหมายถึง การรับภิกษุผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส และได้ถูกทําโทษคือ อยู่ปริวาสแล้วให้กลับคืนเป็นผู้บริสุทธิ์, การสวดประกาศเรื่องนี้ เรียกว่า สวดอัพภาน. (ป.).
อัพภาส อัพภาส [อับพาด] น. คําซํ้า, ในไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต หมายเอา การซ้อนหรือซํ้าอักษรลงหน้าศัพท์ เช่น ชวาล (เรือง) เป็น ชัชวาล (รุ่งเรือง), ในภาษาไทยก็ใช้ เช่น ครื้น ครึก ยิ้ม แย้ม ใช้ อัพภาส เป็น คะครื้น คะครึก ยะยิ้ม ยะแย้ม. (ป.; ส. อภฺยาส).
อัพภูตธรรม อัพภูตธรรม น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
อัพยากฤต อัพยากฤต [อับพะยากฺริด] น. กลาง ๆ ระหว่างกุศลกับอกุศล คือไม่จัดเป็นกุศลหรืออกุศล ในความว่า ธรรมที่เป็นอัพยากฤต. (ส.; ป. อพฺยากต).
อัม,อัม- อัม, อัม- [อำ, อำมะ-] น. ไข้เจ็บ, โรค; ชีวิต; ภัย, ความกลัว. (ส. อมฺ).
อัมพ,อัมพ- อัมพ- [อําพะ-] น. ต้นมะม่วง, ใช้ว่า อัมพพฤกษ์ ก็มี. (ป.; ส. อามฺร).
อัมพร อัมพร [-พอน] น. ฟ้า, ท้องฟ้า, อากาศ; เครื่องนุ่งห่ม ในคำว่า ทิคัมพร = ผู้นุ่งลมห่มทิศ คือ ชีเปลือย, เศวตัมพร = ผู้นุ่งห่มผ้าขาว คือ ชีผ้าขาวหรือชีปะขาว. (ป., ส.).
อัมพฤกษ์ อัมพฤกษ์ [อํามะพฺรึก] น. ชื่อเส้นซึ่งเป็นศูนย์กลางของร่างกาย อยู่ด้านหน้าท้อง; อาการที่อวัยวะบางส่วนเช่นแขนขาอ่อนแรง.
อัมพวัน,อัมพวา อัมพวัน, อัมพวา น. ป่าหรือสวนมะม่วง.
อัมพา อัมพา น. แม่, หญิงดี, (เป็นชื่อยกย่อง). (ป., ส.).
อัมพาต อัมพาต [อํามะพาด] น. อาการที่อวัยวะบางส่วนเช่นแขนขาตายไปกระดิกไม่ได้. (ส. อมฺ + วาต = โรคลม).
อัมพิละ อัมพิละ ว. มีรสเปรี้ยว. (ป.; ส. อมฺล). (เทียบ ข. อมฺพิล ว่า มะขาม).
อัมพุ อัมพุ น. นํ้า. (ป., ส.).
อัมพุช อัมพุช [อําพุด] น. เกิดในนํ้า หมายถึง บัว; ปลา. (ป., ส.).
อัมพุชินี อัมพุชินี น. สระบัว, หนองบัว. (ป.; ส. อมฺพุชินฺ).
อัมพุท อัมพุท น. ผู้ให้นํ้า หมายถึง เมฆ. (ป., ส.).
อัยกะ,อัยกา อัยกะ, อัยกา [ไอยะ-] (ราชา) น. ปู่, ตา. (ป. อยฺยก).
อัยการ อัยการ [ไอยะ-] น. การของเจ้า; (โบ) ตัวบทกฎหมาย เรียกว่า พระอัยการ; (กฎ) ชื่อสำนักงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาทั้งปวง ดำเนินคดีแพ่งและให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย เรียกว่า สำนักงานอัยการสูงสุด, เดิมเรียกว่า กรมอัยการ, ถ้าหมายถึงเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายแผ่นดินเพื่ออำนวยความยุติธรรม รักษาผลประโยชน์ของรัฐ และคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เรียกว่า พนักงานอัยการ หรือ ข้าราชการอัยการ, เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล ทั้งนี้ จะเป็นข้าราชการในสำนักงานอัยการสูงสุดหรือเจ้าพนักงานอื่นผู้มีอำนาจเช่นนั้นก็ได้, โบราณเรียกว่า พนักงานรักษาพระอัยการ ยกกระบัตร หรือ ยกบัตร.
อัยกี อัยกี [ไอยะ-] (ราชา) น. ย่า, ยาย. (ป. อยฺยิกา).
อัยยะ อัยยะ น. ผู้เป็นเจ้า, ผู้เป็นใหญ่, นาย. (ป.).
อัยยิกา อัยยิกา (ราชา) น. ย่า, ยาย. (ป.).
อัลกุรอาน อัลกุรอาน น. คัมภีร์โกหร่าน.
อัลตราไวโอเลต อัลตราไวโอเลต น. รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีย่านของการแผ่รังสีที่มีช่วงคลื่นประมาณระหว่าง ๔๑๐-๗ เมตร กับ ๕ ๑๐-๙ เมตร แสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งจะมีปฏิกิริยาต่อสาร ๗-ดีไฮโดรคอเลสเทอรอล (7-dehydrocholesterol) ในผิวหนังมนุษย์ ให้กลายเป็นวิตามินดี, รังสีเหนือม่วง ก็เรียก. (อ. ultraviolet).
อั่ว อั่ว น. ชื่อแกงคั่วชนิดหนึ่ง.
อัศจรรย์ อัศจรรย์ [อัดสะจัน] ว. แปลก, ประหลาด.<2t>น. ปรากฏการณ์อันเนื่องแต่บุญญาภินิหารของพระโพธิสัตว์และพระพุทธเจ้า เช่นเมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้แสดงปฐมเทศนา ปลงอายุสังขาร และปรินิพพาน จะมีความหวั่นไหวปั่นป่วนของโลกธาตุบังเกิดขึ้น. (ส. อาศฺจรฺย; ป. อจฺฉริย).
อัศเจรีย์ อัศเจรีย์ น. เครื่องหมายวรรคตอนรูปดังนี้ ! สําหรับเขียนกํากับไว้หลังคําอุทาน.
อัศว,อัศว- อัศว- [อัดสะวะ-] น. ม้า. (ส.; ป. อสฺส).
อัศวโกวิท อัศวโกวิท น. ผู้มีความชํานาญในเรื่องม้า. (ส. อศฺว + โกวิท).
อัศวโกศล อัศวโกศล ว. ผู้มีความชำนาญในเรื่องม้า. (ส. อศฺว + โกศล).
อัศวมุข,อัศวมุขี อัศวมุข, อัศวมุขี ว. มีหน้าเป็นหน้าม้า. (ส.; ป. อสฺสมุขี).
อัศวเมธ อัศวเมธ น. ชื่อพระราชพิธีเพื่อประกาศพระบรมเดชานุภาพของพระราชาธิราชในวรรณคดีอินเดีย โดยจะทรงปล่อยม้าอุปการพร้อมทั้งกองทัพให้เข้าไปในประเทศต่าง ๆ ถ้าประเทศใดไม่ยอมอ่อนน้อมกองทัพจะเข้าโจมตี เมื่อครบ ๑ ปีแล้วกองทัพก็ยกกลับพร้อมทั้งพระราชาที่ถูกปราบ พระราชาธิราชก็จะจัดพระราชพิธีโดยฆ่าม้านั้นบูชายัญ เรียกว่า พิธีอัศวเมธ. (ส.).
อัศวยุช อัศวยุช [อัดสะวะ-] น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์อัศวินี มี ๗ ดวง, ดาวคอม้า ดาวคู่ม้า ดาวม้า หรือ ดาวอัสสนี ก็เรียก.
อัศวานึก อัศวานึก [อัดสะวานึก] น. กองทัพม้า, เหล่าทหารม้า, เป็นส่วนหนึ่งแห่งกระบวนทัพโบราณ ซึ่งเรียกว่า จตุรงคพล จตุรงคโยธา จตุรงคเสนา หรือจตุรงคินีเสนา มี ๔ เหล่า ได้แก่ ๑. หัตถานึก (กองทัพช้าง, เหล่าทหารช้าง) ๒. อัศวานึก (กองทัพม้า, เหล่าทหารม้า) ๓. รถานึก (กองทัพเหล่ารถ) ๔. ปัตตานึก (กองทัพเหล่าราบ, กองทัพทหารเดินเท้า). (ส. อศฺวานีก; ป. อสฺสานีก).
อัศวิน อัศวิน [อัดสะวิน] น. นักรบขี่ม้า, นักรบที่กล้าหาญ, ผู้ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นคนเก่ง; ชื่อเทวดาคู่หนึ่งซึ่งทรงรถนําหน้ารถพระอาทิตย์มาก่อนเวลารุ่งสาง เป็นบิดาของนกุลและสหเทพในมหากาพย์เรื่องมหาภารตะ. (ส.).
อัศวินม้าขาว อัศวินม้าขาว (สำ) น. ผู้ที่มาช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่คับขันให้กลับดีขึ้น.
อัศวินี,อัสสนี อัศวินี, อัสสนี [อัดสะ-] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑ มี ๗ ดวง เห็นเป็นรูปคอม้าหรือหางหนู, ดาวคอม้า ดาวคู่ม้า ดาวม้า หรือ ดาวอัศวยุช ก็เรียก.
อัษฎ,อัษฎ- อัษฎ- [อัดสะดะ-] ว. แปด. (ส.; ป. อฏฺ).
อัษฎกฉันท์ อัษฎกฉันท์ น. ฉันท์ปัฐยาวัต.
อัษฎมงคล,อัษฏมงคล อัษฎมงคล, อัษฏมงคล น. สิ่งที่ถือว่าเป็นมงคล ๘ อย่าง นิยมดังนี้ ๑. กรอบหน้า ๒. คทา ๓. สังข์ ๔. จักร ๕. ธง ๓ ชาย ๖. ขอช้าง ๗. โคเผือก ๘. หม้อนํ้า. (ส.).
อัษฎมะ อัษฎมะ [อัดสะดะมะ] (แบบ) ว. ที่ ๘. (ส.; ป. อฏฺม).
อัษฎางคิกมรรค อัษฎางคิกมรรค [อัดสะดางคิกะมัก] น. ทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ตามหลักพระพุทธศาสนา ประกอบด้วยองค์ ๘ คือ ๑. สัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ ความดําริชอบ ๓. สัมมาวาจา การเจรจาชอบ ๔. สัมมากัมมันตะ การงานชอบ ๕. สัมมาอาชีวะ การเลี้ยงชีวิตชอบ ๖. สัมมาวายามะ ความพยายามชอบ ๗. สัมมาสติ ความระลึกชอบ ๘. สัมมาสมาธิ ความตั้งใจชอบ เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ ๘ รวมเรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง.
อัษฎายุธ,อัษฎาวุธ อัษฎายุธ, อัษฎาวุธ น. อาวุธ ๘ อย่าง คือ ๑. พระแสงหอกเพชรรัตน์ ๒. พระแสงดาบเชลย ๓. พระแสงตรี ๔. พระแสงจักร ๕. พระแสงดาบและเขน หรือดาบและโล่ ๖. พระแสงธนู ๗. พระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ๘. พระแสงปืนคาบชุดข้ามแม่นํ้าสะโตง, จะอัญเชิญมาถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก.
อัส,อัส-,อัสสะ อัส-, อัสสะ [อัดสะ-] (แบบ) น. ม้า. (ป.; ส. อศฺว).
อัสกัณ อัสกัณ [อัดสะกัน] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๗ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป. อสฺสกณฺณ; ส. อศฺวกรฺณ). (ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).
อัสดง,อัสดม อัสดง, อัสดม [อัดสะ-] ก. ตกไป (ใช้แก่พระอาทิตย์) เช่น อาทิตย์อัสดง. (ส. อสฺตมฺ).
อัสดงคต อัสดงคต ว. ทางทิศตะวันตก เช่น อัสดงคตประเทศ. (ส. อสฺตมฺ + คต).
อัสดร อัสดร [อัดสะดอน] น. ม้าดี. [ป. อสฺส (ม้า) + ตร (ยิ่งกว่า)].
อัสมิมานะ อัสมิมานะ [อัดสะ-] (แบบ) น. มานะว่าเป็นเรา, การถือเขาถือเรา. (ป.).
อัสมุขี อัสมุขี ว. มีหน้าเป็นหน้าม้า. (ม. ร่ายยาว มหาพน). (ป. อสฺสมุขี; ส. อศฺวมุขี).
อัสสนี,อัศวินี อัสสนี, อัศวินี [อัดสะ-] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑ มี ๗ ดวง เห็นเป็นรูปคอม้าหรือหางหนู, ดาวคอม้า ดาวคู่ม้า ดาวม้า หรือ ดาวอัศวยุช ก็เรียก.
อัสสานิก,อัสสานีก,อัสสานึก อัสสานิก, อัสสานีก, อัสสานึก น. อัศวานึก, กองทัพม้า, เหล่าทหารม้า. (ป. อสฺสานีก; ส. อศฺวานีก).
อัสสาสะ อัสสาสะ (แบบ) น. ลมหายใจเข้า, คู่กับ ปัสสาสะ คือ ลมหายใจออก; การหายใจคล่อง; ความโปร่งใจ. (ป.).
อัสสุ อัสสุ น. นํ้าตา. (ป.).
อัสสุชล อัสสุชล น. นํ้าตา. (ป.).
อัสสุธารา อัสสุธารา น. ท่อนํ้าตา; การไหลแห่งนํ้าตา; ใช้หมายความว่า นํ้าตา ก็ได้. (ป.).
อา,อา ๑ อา ๑ น. น้องของพ่อ, (โบ) เขียนเป็น อาว์ ก็มี. (อีสาน อา ว่า น้องสาวของพ่อ, อาว ว่า น้องชายของพ่อ).
อา,อา ๒ อา ๒ (กลอน) ว. คําออกเสียงท้ายคําพูดในความรําพึงหรือวิตกเป็นต้น เช่น แม่อา พี่อา.
อา,อา ๓,อ๋า อา ๓, อ๋า น. วิธีแทงโปวิธีหนึ่ง โดยแทง อา เหม็ง ซั้ว กางปีก ๓ ประตู โปออกประตูใดใน ๓ ประตูนั้น เจ้ามือใช้ ๑ ต่อ ถ้าออกประตูอื่น เจ้ามือกินหมดทั้ง ๓ ประตู.
อ่า อ่า ก. ประดับ, ตกแต่ง.
อ้า,อ้า ๑ อ้า ๑ ก. เปิด, แยกออก, แบะออก, เช่น ปากอ้า; ทําให้เปิด, ทําให้แยกออก, ทําให้แบะออก, เช่น อ้าปาก.
อ้า,อ้า ๒ อ้า ๒ ว. คำออกเสียงขึ้นต้นประโยคในคำประพันธ์ ใช้ในความรำพึงหรือพรรณนาวิงวอนอย่างเดียวกับคำ โอ้ หรือ โอ้ว่า.
อากร อากร [-กอน] น. หมู่, กอง, เช่น พลากร (พล + อากร); บ่อเกิด, ที่เกิด, เช่น ทรัพยากร ศิลปากร; ค่าธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่รัฐบาลเรียกเก็บ เช่น อากรรังนก อากรมหรสพ; คำเพิ่มข้างหลังของคำเดิม เมื่อเพิ่มแล้ว หมายถึงพวกหรือหมู่ เช่น ดารากร นรากร ทวิชากร ประชากร หรืออาจมีความหมายคงเดิมก็ได้ เช่น พระปฏิมากร.
อากรแสตมป์ อากรแสตมป์ [-สะแตม] (กฎ) น. ดวงตราที่ปิดทับ ดุน หรือพิมพ์บนกระดาษ เพื่อใช้เป็นค่าอากรตามประมวลรัษฎากร.
อากังขา อากังขา น. ความจํานง, ความหวัง. (ป.; ส. อากางฺกฺษา).
อากัป อากัป [อากับ] น. การแต่งตัวดี. (ป. อากปฺป; ส. อากลฺป).
อากัปกิริยา อากัปกิริยา [อากับ-] น. กิริยาท่าทาง. (ป.).
อากัมปนะ,อากัมปะ อากัมปนะ, อากัมปะ [-กําปะ-] น. ความหวั่นไหว. (ส.).
อาการ,อาการ- อาการ, อาการ- [อากาน, อาการะ-] น. ความเป็นอยู่, ความเป็นไป, สภาพ, เช่น อาการไข้; กิริยาท่าทาง เช่น อาการพิรุธ; ลักษณะเดียวกัน เช่น โดยอาการนั้น; ส่วนของร่างกายซึ่งนิยมว่ามี ๓๒ อย่าง เรียกว่า อาการ ๓๒ มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น. (ป., ส.).
อาการนาม อาการนาม [อาการะนาม] (ไว) น. คํานามที่บอกกิริยาอาการหรือความปรากฏเป็นต่าง ๆ ของคน สัตว์ และสิ่งของ ซึ่งมาจากคํากริยาหรือคําวิเศษณ์ที่มักมีคํา การ หรือ ความ นําหน้า เช่น การยืน การเดิน การอยู่ ความรัก ความดี ความสวย.
อากาศ,อากาศ- อากาศ, อากาศ- [อากาด, อากาดสะ-] น. แก๊สผสมที่ประกอบด้วยไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นส่วนใหญ่ ใช้หายใจหรือช่วยในการเผาไหม้เป็นต้น; (ปรัชญา) ที่ที่ว่างเปล่าซึ่งมีอยู่เป็นเอกเทศจากสสาร, เป็นธาตุอย่าง ๑ ใน ๖ คือ ปฐวีธาตุ (ธาตุดิน) อาโปธาตุ (ธาตุนํ้า) เตโชธาตุ (ธาตุไฟ) วาโยธาตุ (ธาตุลม) อากาศธาตุ (ที่ว่างเปล่า) และวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้); ท้องฟ้า เช่น นกบินไปในอากาศ; บางทีใช้หมายถึงสภาพดินฟ้าอากาศโดยทั่ว ๆ ไป เช่น เช้านี้อากาศดีจัง. (ส.; ป. อากาส).
อากาศธาตุ อากาศธาตุ [-ทาด] น. ที่ว่าง, ที่ว่างเปล่า; ลม, แก๊ส; โดยปริยายหมายถึงความว่างเปล่า เช่น ลงทุนทําการค้าไปหลายล้านบาท บัดนี้กลายเป็นอากาศธาตุไปหมดแล้ว.
อากาศยาน อากาศยาน น. เครื่องนําไปทางอากาศ, ยานที่แล่นไปในอากาศ เช่น เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์.
อากูล อากูล [-กูน] ว. คั่งค้าง เช่น การงานไม่อากูลเป็นมงคลอันสูงสุด. (ป., ส. อากุล).
อาเกียรณ์ อาเกียรณ์ [-เกียน] ว. เกลื่อนกล่น, เกลื่อนกลาด. (ส. อากีรฺณ; ป. อากิณฺณ).
อาขยาต อาขยาต [-ขะหฺยาด] ว. กล่าวแล้ว.<2t>น. ชื่อคำกริยาประเภทหนึ่งในไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต ประกอบด้วย ธาตุ วิภัตติ กาล บท พจน์ บุรุษ วาจก ปัจจัย เพื่อเป็นเครื่องหมายบอกเนื้อความให้ชัดเจน เช่น กโรติ = ย่อมกระทำ ประกอบด้วย กรฺธาตุ ติวิภัตติ ปัจจุบันกาล ปรัสสบท เอกพจน์ ปฐมบุรุษ กัตตุวาจก โอปัจจัย. (ป., ส.).
อาขยาน อาขยาน [-ขะหฺยาน, -ขะยาน] น. บทท่องจํา; การเล่า, การบอก; การสวด; เรื่อง, นิทาน. (ส.; ป. อกฺขาน).
อ้าขาผวาปีก,อ้าขาพวาปีก อ้าขาผวาปีก, อ้าขาพวาปีก (สำ) ก. หาเรื่องมาเป็นภาระของตนโดยไม่จำเป็น เช่น เขามีฐานะยากจนอยู่แล้วยังจะอ้าขาผวาปีกไปขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมอีก งานก็มากอยู่แล้ว ทำไมจะต้องอ้าขาพวาปีกไปรับงานอื่นมาอีก.
อาคเนย์ อาคเนย์ [-คะเน] น. ทิศตะวันออกเฉียงใต้. (ส. อาคฺเนย ว่า ทิศที่พระอัคนีรักษา).
อาคม อาคม [-คม] น. เวทมนตร์, บางทีใช้คู่กับ คาถา เป็น คาถาอาคม; การมา, การมาถึง, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น มีนาคม คือ มีน + อาคม แปลว่า การมาถึงราศีมีน. (ป., ส.).
อาครหายณี อาครหายณี [อาคฺระหายะนี] น. ชื่อหนึ่งของดาวฤกษ์มฤคศิระ มี ๓ ดวง, ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคเศียร ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวมิคสิระ ก็เรียก. (ส.).
อาคันตุก,อาคันตุก-,อาคันตุกะ อาคันตุก-, อาคันตุกะ [อาคันตุกะ-] น. แขกผู้มาหา. (ป., ส.).
อาคันตุกภัต อาคันตุกภัต น. อาหารที่เตรียมถวายภิกษุที่จรมา. (ป. อาคนฺตุกภตฺต).
อาคันตุกวัตร อาคันตุกวัตร น. มรรยาทที่จะต้องประพฤติต่อแขกผู้มาหา. (ส.; ป. อาคนฺตุกวตฺต).
อาคาร อาคาร [-คาน] น. เรือน, โรง, สิ่งที่ก่อสร้างขึ้นที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น; (กฎ) ตึก บ้าน เรือน โรง ร้าน แพ คลังสินค้า สํานักงาน และสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่น ซึ่งบุคคลอาจเข้าอยู่หรือเข้าใช้สอยได้ และหมายความรวมถึงสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นตามที่กฎหมายกําหนด เช่น อัฒจันทร์ เขื่อน สะพาน อุโมงค์ ป้าย อู่เรือ. (ป., ส. อาคาร, อคาร).
อาคารชุด อาคารชุด (กฎ) น. อาคารที่บุคคลสามารถแยกการถือกรรมสิทธิ์ออกได้เป็นส่วน ๆ โดยแต่ละส่วนประกอบด้วยกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคลและกรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง. (อ. condominium).
อาฆาต อาฆาต [-คาด] ก. ผูกใจเจ็บและอยากแก้แค้น, พยาบาท. (ป., ส.).
อาฆาตนะ อาฆาตนะ [-ตะนะ] น. การฆ่า, การตี; สถานที่ฆ่าคน. (ป., ส.).
อาฆาตมาดร้าย อาฆาตมาดร้าย ก. พยาบาทมุ่งจะทำร้ายให้ได้.
อ่าง,อ่าง ๑ อ่าง ๑ น. ภาชนะสำหรับใส่น้ำเป็นต้น มักมีลักษณะกลม ปากผายก้นตื้น, โดยปริยายใช้เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น อ่างอาบนํ้า.
อ่าง,อ่าง ๒ อ่าง ๒ ว. อาการที่พูดไม่ใคร่ออกทันใจ คือกว่าจะพูดได้แต่ละคําต้องยํ้าคําต้นอยู่นานจึงพูดต่อไปได้ เป็นอาการประจําบางคน เรียกว่า เป็นอ่าง หรือ พูดติดอ่าง.
อ้าง อ้าง ก. ระบุ, บ่งถึง, เช่น อ้างพยาน; กล่าวถึง, ชี้เป็นหลัก, เช่น อ้างบาลี; ถือเอา เช่น อ้างสิทธิ.
อ่างเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำ น. แอ่งขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นสำหรับเก็บนํ้าเพื่อบริโภคและใช้ในการเกษตรเป็นต้น.
อางขนาง อางขนาง [-ขะหฺนาง] ก. อาย, ขวยเขิน. (ข.).
อ้างว้าง อ้างว้าง ว. เปล่าเปลี่ยว, ว้าเหว่, เปลี่ยวใจ, เช่น รู้สึกอ้างว้าง.
อ้างอิง อ้างอิง ก. ระบุที่มาเพื่อเป็นหลักฐาน, ยกมากล่าวเป็นหลัก, เช่น ในการให้ความหมายของคำ เขามักอ้างอิงพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.<2t>ว. ที่ระบุที่มาเพื่อเป็นหลักฐาน เช่น พจนานุกรมเป็นหนังสืออ้างอิง เอกสารอ้างอิง.
อาจ อาจ ว. กล้า ในคำว่า อาจหาญ; สามารถ เช่น เรื่องยาก ๆ อย่างนี้เขาทำได้ ผมไม่อาจทำได้อย่างเขา; เป็นคําช่วยกริยาบอกความคาดคะเน เช่น พรุ่งนี้เขาอาจมาประชุมได้ หรือใช้แสดงว่าสิ่งหนึ่งใช้แทนอีกสิ่งหนึ่งได้ เช่น เมื่อไม่มีกะทิก็อาจใช้นมสดได้.
อาจม อาจม น. ขี้ (ของคน). (ป., ส. อาจม ว่า สิ่งที่ควรล้าง, สิ่งที่ควรชําระ).
อาจมนะ อาจมนะ [-จะมะนะ] น. การล้าง, การชําระ. (ป., ส.).
อาจริย,อาจริย- อาจริย- [-จะริยะ-] (แบบ) น. อาจารย์. (ป., ส. อาจารฺย).
อาจริยวัตร อาจริยวัตร น. กิจที่ควรประพฤติต่ออาจารย์. (ป. อาจริยวตฺต).
อาจริยวาท อาจริยวาท น. ลัทธิที่ถือตามคติที่อาจารย์ได้สั่งสอนสืบ ๆ กันมา, มหายาน หรือ อุตรนิกาย ก็ว่า.
อาจหาญ อาจหาญ ว. กล้าหาญ.
อาจอง อาจอง ว. มีลักษณะสง่าผึ่งผาย, องอาจ ก็ว่า.
อาจเอื้อม อาจเอื้อม ก. บังอาจ, ล่วงเกินไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ, เอื้อมอาจ ก็ว่า.
อาจาด อาจาด น. ของกินแก้เลี่ยนปรุงด้วยแตงกวา หัวหอม เป็นต้น แช่นํ้าส้มหรือนํ้ากระเทียมดอง.
อาจาร,อาจาร- อาจาร, อาจาร- [-จาน, -จาระ-] น. ความประพฤติ, ความประพฤติดี; จรรยา, มรรยาท; ธรรมเนียม, แบบแผน, หลัก. (ป., ส.).
อาจารย์ อาจารย์ น. ผู้สั่งสอนวิชาความรู้; คําที่ใช้เรียกนําหน้าชื่อบุคคลเพื่อแสดงความยกย่องว่ามีความรู้ในทางใดทางหนึ่ง. (ส.; ป. อาจริย).
อาจารี อาจารี น. ผู้มีจรรยา, ผู้ทําตามคติแบบแผน. (ส. อาจารินฺ).
อาจิณ,อาจิณ- อาจิณ, อาจิณ- [-จิน, -จินนะ-] ว. เป็นปรกติ, ติดเป็นนิสัย, เสมอ ๆ, เนือง ๆ. (ป. อาจิณฺณ; ส. อาจิรฺณ).
อาจิณสมาจาร อาจิณสมาจาร [อาจินนะสะมาจาน] น. มรรยาทที่เคยประพฤติมาจนติดเป็นนิสัย. (ป. อาจิณฺณสมาจาร).
อาเจียน อาเจียน ก. สํารอกออกมาทางปาก, รากออกมา, อ้วกออกมา.
อาชญัปติ,อาชญัปติ์ อาชญัปติ, อาชญัปติ์ [อาดยับติ, อาดยับ] น. ข้อบังคับ, คําสั่ง, กฎ, ใช้ว่า อาญัปติ์ ก็มี เช่น รัตนาญัปติ์. (ส. อาชฺปฺติ; ป. อาณตฺติ).
อาชญา อาชญา [อาดยา, อาดชะยา] น. อํานาจ; โทษ (มักใช้สําหรับพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้านาย) เช่น พระราชอาชญา. (ส.; ป. อาณา); (กฎ; โบ; เลิก) คดีที่เกี่ยวกับโทษหลวง เรียกว่า คดีอาชญา หรือ ความอาชญา, คู่กับ ความแพ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวด้วยโทษหลวง เช่นความมรดก; ศาลที่ชําระความเกี่ยวกับโทษหลวง เรียกว่า ศาลอาชญา คู่กับ ศาลแพ่ง ซึ่งชําระความแพ่ง; คํา อาชญา นี้ปัจจุบันนิยมใช้คํา อาญา เป็นพื้น.
อาชญากร อาชญากร [อาดยากอน, อาดชะยากอน] น. ผู้ก่ออาชญากรรม, ผู้กระทําความผิดที่เป็นคดีอาญา.
อาชญากรรม อาชญากรรม [อาดยากำ, อาดชะยากำ] น. การกระทําความผิดทางอาญา.
อาชญากรสงคราม อาชญากรสงคราม [อาดยากอน-, อาดชะยากอน-] น. ผู้ก่ออาชญากรรมในการทําสงคราม.
อาชญาบท อาชญาบท [อาดยาบด, อาดชะยาบด] น. ข้อกฎหมาย.
อาชญาบัตร อาชญาบัตร [อาดยาบัด, อาดชะยาบัด] (กฎ) น. ใบอนุญาตซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ออกให้แก่ผู้รับอนุญาตเพื่อใช้ประกอบการอาชีพบางอย่างตามเขตที่กําหนด.
อาชญาศึก อาชญาศึก [อาดยาสึก, อาดชะยาสึก] น. กฎหมายที่ใช้ในเวลาเกิดสงคราม.
อาชญาสิทธิ์ อาชญาสิทธิ์ [อาดยาสิด, อาดชะยาสิด] น. อํานาจเด็ดขาด คือ สิทธิที่แม่ทัพได้รับพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินในเวลาไปสงครามเป็นต้น, อาญาสิทธิ์ ก็ว่า, โดยมีสิ่งสําคัญคือพระแสงดาบเป็นเครื่องหมาย ซึ่งเรียกว่า พระแสงอาชญาสิทธิ์ หรือ พระแสงอาญาสิทธิ์.
อาชวะ อาชวะ [อาดชะวะ] น. ความซื่อตรง, ความตรงไปตรงมา, ความมีสัตย์, เป็นธรรมข้อ ๑ ในทศพิธราชธรรม. (ดู ทศพิธราชธรรม หรือ ราชธรรม). (ป. อาชฺชว; ส. อารฺชว).
อาชา อาชา น. ม้า.
อาชานะ,อาชานิ อาชานะ, อาชานิ น. กําเนิด, ตระกูล. (ส.).
อาชาไนย อาชาไนย ว. กําเนิดดี, พันธุ์หรือตระกูลดี; รู้รวดเร็ว, ฝึกหัดมาดีแล้ว, ถ้าเป็นม้าที่ฝึกหัดมาดีแล้ว เรียก ม้าอาชาไนย, ถ้าเป็นคนที่ฝึกหัดมาดีแล้ว เรียกว่า บุรุษอาชาไนย. (ป. อาชาเนยฺย; ส. อาชาเนย).
อาชีพ,อาชีว,อาชีว-,อาชีวะ อาชีพ, อาชีว-, อาชีวะ น. การเลี้ยงชีวิต, การทํามาหากิน; งานที่ทําเป็นประจําเพื่อเลี้ยงชีพ. (ป., ส.).
อาชีวก อาชีวก [-วก] น. นักบวชนิกายหนึ่งนอกพระพุทธศาสนาในครั้งพุทธกาล. (ป., ส.).
อาชีวศึกษา อาชีวศึกษา น. การศึกษาที่มุ่งไปในทางช่างฝีมือ.
อ้าซ่า อ้าซ่า ว. อาการที่นั่งหรือนอนถ่างขาอย่างเปิดเผย ในความว่า นั่งถ่างขาอ้าซ่า นอนถ่างขาอ้าซ่า, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น เปิดอกอ้าซ่า, ลักษณะที่ประตูหรือหน้าต่างเปิดแบะออกเต็มที่ เช่น เปิดประตูอ้าซ่า.
อาญา อาญา น. อํานาจ; โทษ (มักใช้สําหรับพระเจ้าแผ่นดินหรือเจ้านาย) เช่น พระราชอาญา. (ป. อาณา; ส. อาชฺา); (กฎ) คดีที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตามกฎหมายอาญา เรียกว่า คดีอาญา แตกต่างกับคดีที่ฟ้องร้องเกี่ยวกับสิทธิส่วนเอกชน ซึ่งเรียกว่า คดีแพ่ง.
อาญาสิทธิ์ อาญาสิทธิ์ น. อํานาจเด็ดขาด คือ สิทธิที่แม่ทัพได้รับพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินในเวลาไปสงครามเป็นต้น, อาชญาสิทธิ์ ก็ว่า, โดยมีสิ่งสําคัญคือพระแสงดาบเป็นเครื่องหมาย เรียกว่า พระแสงอาญาสิทธิ์ หรือ พระแสงอาชญาสิทธิ์.
อาฏานา อาฏานา น. เรียกชื่อพิธียิงปืนเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจตามประเพณีความเชื่อในระหว่างพระสงฆ์สวดอาฏานาฏิยสูตรในวันทําพิธีตรุษว่า ยิงปืนอาฏานา, อัฏนา ก็ว่า.
อาณัติ อาณัติ [อานัด] น. ข้อบังคับ, คําสั่ง, กฎ, เครื่องหมาย; การมอบหมายให้ดูแลปกครอง เช่น อาณาเขตในอาณัติ ดินแดนในอาณัติ. (ป. อาณตฺติ).
อาณัติสัญญาณ อาณัติสัญญาณ น. เครื่องหมายตามที่กําหนดรู้กันโดยอาศัยรูปหรือเสียงเป็นต้น.
อาณา อาณา น. อํานาจปกครอง เช่น อาณาบริเวณ. (ป.; ส. อาชฺา).
อาณาเกษตร,อาณาเขต อาณาเกษตร, อาณาเขต น. เขตแดนในอํานาจปกครอง.
อาณาจักร อาณาจักร น. เขตแดนที่อยู่ในอํานาจปกครองของประเทศหนึ่ง ๆ; อํานาจปกครองทางบ้านเมือง, คู่กับ ศาสนจักร ซึ่งหมายความว่า อํานาจปกครองทางศาสนา.
อาณานิคม อาณานิคม น. เมืองขึ้น, ประเทศที่อยู่ใต้อํานาจอธิปไตยของประเทศอื่น.
อาณาประชาราษฎร์ อาณาประชาราษฎร์ น. พลเมืองที่อยู่ในอํานาจปกครอง.
อาณาประโยชน์ อาณาประโยชน์ น. ผลประโยชน์ส่วนตัวจากการที่ตนมีอํานาจปกครอง.
อาด,อาด ๆ อาด, อาด ๆ ว. อย่างผึ่งผาย (ใช้แก่กริยาเดิน) เช่นเดินส่ายอาด เดินอาด ๆ.
อาดุระ,อาดูร อาดุระ, อาดูร [-ดูน] ว. เดือดร้อน, ทนทุกขเวทนาทั้งกายและใจ, ในบทกลอนตัดใช้ว่า ดุร ก็มี. (ป., ส. อาตุร).
อาดุลย์,อาดูลย์ อาดุลย์, อาดูลย์ น. ความชั่งไม่ได้, ความไม่มีที่เทียบ, ความไม่มีที่เปรียบ. (ป., ส. อตุลฺย).
อาเด๊ะ อาเด๊ะ น. น้อง. (ช.).
อาตม อาตม [อาดตะมะ-] น. ตน, ตัวตน. (ส. อาตฺมนฺ, อาตฺมา ว่า ตน, วิญญาณ, ร่างกาย; ป. อตฺต, อตฺตา).
อาตมทาน อาตมทาน น. การสละตัวเอง, การพลีตัว. (ส.).
อาตมภาพ,อาตมา,อาตมา ๑ อาตมภาพ, อาตมา ๑ [-พาบ, อาดตะมา] ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด สําหรับพระภิกษุสามเณรพูดกับคฤหัสถ์, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑. (ส. อาตฺมภาว, อาตฺมา).
อาตมัน อาตมัน น. อัตตาหรือดวงวิญญาณ ซึ่งศาสนาและปรัชญาฮินดูถือว่าเที่ยงแท้ถาวร. (ส.).
อาตมา,อาตมา ๒ อาตมา ๒ น. ตัวเอง เช่น ไม่พอเลี้ยงอาตมา. (ส.).
อาตุระ อาตุระ ว. อาดุระ, อาดูร. (ป., ส. อาตุร).
อาถรรพ์,อาถรรพณ์,อาถรรพณะ อาถรรพ์, อาถรรพณ์, อาถรรพณะ [-ถัน, -ถัน, -ถับพะนะ] น. สิ่งสืบเนื่องจากคัมภีร์อถรรพเวท, การทําพิธีตามตำราไสยศาสตร์เพื่อให้เกิดสิริมงคลป้องกันภยันตราย หรือทำอันตรายผู้อื่น เช่น ทําพิธีฝังเสาหินหรือฝังบัตรพลี ซึ่งเรียกว่า ฝังอาถรรพ์; อํานาจลึกลับที่เชื่อกันว่าอาจบันดาลให้มีอันเป็นไป เช่น ต้องอาถรรพ์ เสานี้มีอาถรรพ์. (ส. อาถรฺวณ; ป. อาถพฺพณ).
อาทร อาทร [-ทอน] น. ความเอื้อเฟื้อ, ความเอาใจใส่, ความห่วงใย. (ป., ส.).
อาทาตา อาทาตา น. ผู้ถือเอา, ผู้รับ. (ป.; ส. อาทาตฺฤ).
อาทาน อาทาน น. การถือเอา, การรับ, การยึดถือ, มักใช้เป็นส่วนท้ายศัพท์ เช่น อุปาทาน สมาทาน. (ป., ส.).
อาทิ อาทิ น. ต้น ในคําว่า เป็นอาทิ, เป็นเบื้องต้น, ทีแรก, ข้อต้น. (ป., ส.).
อาทิจจวาร อาทิจจวาร น. วันอาทิตย์, สูรยวาร หรือ อาทิตยวาร ก็ว่า.
อาทิตย,อาทิตย-,อาทิตย์ อาทิตย-, อาทิตย์ [-ทิดตะยะ-, -ทิด] น. เชื้ออทิติ คือ เทวดาพวกหนึ่งซึ่งเป็นลูกนางอทิติผู้เป็นชายาพระกัศยปประชาบดี เทวดาพวกนี้มีจํานวนกล่าวไว้ต่างกัน บ้างว่ามี ๕ องค์ บ้างว่ามี ๗ องค์ บ้างว่ามี ๑๒ องค์ ได้แก่ อินทราทิตย์ (พระอินทร์) วรุณาทิตย์ (พระพิรุณ) ฯลฯ สูรยาทิตย์ (พระอาทิตย์ที่ส่องโลก); ชื่อเทวดาพระเคราะห์ คือ สูรยาทิตย์; ดวงตะวัน (ชื่อเทวดาองค์หนึ่งในนิยาย), ในตํารานพเคราะห์นับเอาเป็นดาวพระเคราะห์ที่ ๑; ชื่อวันที่ ๑ ของสัปดาห์; รอบ ๗ วัน เช่น ไม่ว่างตลอดอาทิตย์. (ส.; ป. อาทิจฺจ).
อาทิตยมณฑล อาทิตยมณฑล น. ดวงอาทิตย์, รูปที่แลดูแบนแห่งดวงอาทิตย์.
อาทิตยวาร อาทิตยวาร น. วันอาทิตย์, สูรยวาร หรือ อาทิจจวาร ก็ว่า.
อาทีนพ,อาทีนวะ อาทีนพ, อาทีนวะ [-นบ, -นะวะ] น. โทษ (บางทีใช้ควบกันว่า อาทีนพโทษ หรือ อาทีนวโทษ); ผลร้าย, บางทีใช้เป็นส่วนท้ายของคำสมาส เช่น กามาทีนพ = โทษของกาม. (ป., ส.).
อาทึก อาทึก ว. เป็นที่ต้น, ก่อน, แรก, เบื้องต้น. (ป. อาทิก).
อาเทศ,อาเทศ ๑ อาเทศ ๑ [-เทด] น. การแนะนํา, คําชี้แจง, คําบอกเล่า, คําสั่ง, กฎ. (ส.; ป. อาเทส).
อาเทศ,อาเทศ ๒ อาเทศ ๒ [-เทด] น. การแปลงหรือแผลงพยัญชนะและสระตามข้อบังคับแห่งไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น สมบัติ + อภิบาล อาเทศสระอิ ที่ ติ เป็น ย แล้วสนธิกับ อภิบาล เป็น สมบัตยาภิบาล, ธนุ + อาคม อาเทศสระอุ ที่ นุ เป็น ว แล้วสนธิกับ อาคม เป็น ธันวาคม, อธิ + อาสัย อาเทศอธิ เป็น อัชฌ แล้วสนธิกับ อาสัย เป็น อัชฌาสัย. (ส.; ป. อาเทส).
อาเทสนาปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ น. การดักใจเป็นอัศจรรย์ หมายถึง การดักใจทายใจคนได้อย่างน่าอัศจรรย์, เป็นปาฏิหาริย์อย่าง ๑ ในปาฏิหาริย์ ๓ ได้แก่ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์.
อาธรรม,อาธรรม์,อาธรรมิก,อาธรรมึก อาธรรม, อาธรรม์, อาธรรมิก, อาธรรมึก [-ทํา, -ทัน, -ทันมิก, -ทันมึก] ว. ชั่ว, ไม่เป็นธรรม, ไม่เที่ยงธรรม, ไม่ยุติธรรม. (ส. อาธรฺมิก; ป. อธมฺมิก).
อาธาน อาธาน [-ทาน] น. การตั้งไว้, การวางไว้, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น จิตกาธาน. (ส.).
อาธาร อาธาร [-ทาน] น. เครื่องคํ้าจุน, ฐานที่รองรับ, เช่น ปัตตาธาร = เชิงบาตร, ตีนบาตร คุณาธาร = ฐานที่รองรับคุณความดี; การอุปถัมภ์; อ่าง, หม้อนํ้า, ที่ขังนํ้า, สระ. (ป., ส.).
อาน,อาน ๑ อาน ๑ น. เครื่องรองนั่งบนหลังสัตว์พาหนะหรือยานพาหนะบางชนิด เช่น อานม้า อานรถจักรยาน.
อาน,อาน ๒ อาน ๒ ว. บอบชํ้า เช่น ถูกตีเสียอาน, โดยปริยายหมายความว่า อย่างหนัก, อย่างมาก, เช่น ถูกต่อว่าอานเลย.
อาน,อาน ๓ อาน ๓ ก. ลับมีดหรืออาวุธให้คม เช่น อานดาบ อานอาวุธ, ใช้มีดหรืออาวุธถูกับหินให้เรียบหรือให้คม เช่น อานมีด อานหอก. (ข.).
อาน,อาน ๔ อาน ๔ ก. กิน, เซ่น, เช่น เครื่องอาน ว่า เครื่องกินหรือเครื่องเซ่น.
อาน,อาน ๕ อาน ๕ (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ว. เป็นหมัน, ไม่มีลูก, (ใช้เฉพาะสัตว์).
อาน,อาน-,อาน- ๖ อาน- ๖ [อานะ-] น. ลมหายใจเข้า, นิยมใช้เข้าคู่กับ อปานะ คือ ลมหายใจออก เป็น อานาปานะ = ลมหายใจเข้าและลมหายใจออก ในคําว่า อานาปานัสสติ = สติที่กําหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก. (ป., ส.).
อ่าน อ่าน ก. ว่าตามตัวหนังสือ, ถ้าออกเสียงด้วย เรียกว่า อ่านออกเสียง, ถ้าไม่ต้องออกเสียง เรียกว่า อ่านในใจ; สังเกตหรือพิจารณาดูเพื่อให้เข้าใจ เช่น อ่านสีหน้า อ่านริมฝีปาก อ่านใจ; ตีความ เช่น อ่านรหัส อ่านลายแทง; คิด, นับ. (ไทยเดิม).
อานก,อานิก อานก, อานิก [-นก, -นิก] ก. เอ็นดู, รักใคร่. (ข. อาณิต).
อานน อานน น. ปาก, หน้า; ช่อง, ประตู. (ป., ส.).
อานนท์,อานนท์ ๑,อานันท์ อานนท์ ๑, อานันท์ น. ความเพลิดเพลิน, ความยินดี, ความปลื้มใจ, มักใช้เป็นส่วนท้ายของคำสมาส เช่น จิตกานนท์. (ป., ส.).
อานนท์,อานนท์ ๒ อานนท์ ๒ น. ชื่อปลาใหญ่ในวรรณคดี เชื่อกันว่าหนุนแผ่นดิน เมื่อปลานี้พลิกตัวทำให้เกิดแผ่นดินไหว, อนนต์ ก็ว่า.
อานม้า อานม้า ดู แฉลบ ๓.
อ่านเล่น อ่านเล่น ก. อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น เอาหนังสือไปอ่านเล่นสัก ๒ เล่มซิ.<2t>ว. ที่แต่งขึ้นให้อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน ในคำว่าหนังสืออ่านเล่น.
อ่านโองการ อ่านโองการ ก. ประกาศในพิธีพราหมณ์เพื่อสรรเสริญและอัญเชิญเทพเจ้า.
อานะ อานะ น. ลูก, น้อง, (ใช้เป็นคำเรียกแสดงความรู้สึกรักและเอ็นดู), อะนะ หรือ อะหนะ ก็ว่า. [ช. anak ว่า ลูก (ใช้ได้ทั้งลูกคนและลูกสัตว์)].
อานันทนะ อานันทนะ น. การรื่นเริง, การทําให้เพลิดเพลิน. (ป., ส.).
อานัม อานัม น. ญวน, ใช้ว่า อนํา อนัม หรือ อานํา ก็มี.
อานาปาน,อานาปาน-,อานาปานะ อานาปาน-, อานาปานะ [-นะ-] น. ลมหายใจเข้าออก ในคําว่า อานาปานัสสติ. (ป., ส.).
อานาปานัสสติ อานาปานัสสติ [-นัดสะติ] น. สติที่กําหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก.
อานำ อานำ น. ญวน, ใช้ว่า อนํา อนัม หรือ อานัม ก็มี.
อานิสงส์ อานิสงส์ น. ผลแห่งกุศลกรรม, ผลบุญ; ประโยชน์ เช่น อานิสงส์กฐิน. (ป. อานิสํส; ส. อานฺฤศํส, อานุศํส).
อานุภาพ,อานุภาวะ อานุภาพ, อานุภาวะ น. อํานาจ, ฤทธิ์เดช, ความยิ่งใหญ่. (ป., ส.).
อาบ อาบ ก. เอานํ้ารดตัวหรือลงในนํ้าทั้งตัว เพื่อแก้ร้อนหรือชําระล้างเหงื่อไคลเป็นต้น เรียกว่า อาบนํ้า; ชโลม, ทา, ทําให้ซึมซาบ, เช่น อาบนํ้ารัก ลูกศรอาบยาพิษ; ไหลโซม เช่น เหงื่ออาบหน้า.
อาบแดด อาบแดด ก. ให้ผิวกายส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดถูกแดด เพื่อสุขภาพหรือความงาม.
อาบน้ำร้อนมาก่อน อาบน้ำร้อนมาก่อน (สํา) ก. เกิดก่อนจึงมีประสบการณ์มากกว่า.
อาบเหงื่อต่างน้ำ อาบเหงื่อต่างน้ำ ก. ตรากตรําทํางานด้วยความเหนื่อยยาก.
อาบเอิบ อาบเอิบ ก. อาบทั่วไป, ซึมซาบ; ซาบซ่าน, เอิบอาบ ก็ว่า.
อาบัติ อาบัติ น. โทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทหรือข้อห้ามแห่งภิกษุ มีโทษ ๓ สถาน คือ ๑. โทษสถานหนัก เรียกว่า ครุโทษ หรือ มหันตโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติขาดจากความเป็นภิกษุ ได้แก่ อาบัติปาราชิก ซึ่งเรียกว่า ครุกาบัติ ๒. โทษสถานกลาง เรียกว่า มัชฌิมโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติต้องอยู่กรรมก่อนจึงจะพ้นโทษ ได้แก่ อาบัติสังฆาทิเสส และ ๓. โทษสถานเบา เรียกว่า ลหุโทษ ทําให้ภิกษุผู้ต้องอาบัติที่ตํ่ากว่าอาบัติสังฆาทิเสสต้องปลงอาบัติ คือ บอกอาบัติของตนแก่ภิกษุด้วยกัน ได้แก่ อาบัติถุลลัจจัย ปาจิตตีย์ ปาฏิเทสนียะ ทุกกฏ และทุพภาษิต ซึ่งเรียกว่า ลหุกาบัติ. (ป., ส. อาปตฺติ).
อาบัน อาบัน ก. ต้อง เช่น อาบัติอาบัน ว่า ต้องอาบัติ; ถึง, ลุ, เช่น โสดาบัน ว่า ถึงโสตธรรม คือ กระแสพระนิพพาน. (ป., ส. อาปนฺน).
อาปณ,อาปณ-,อาปณะ อาปณ-, อาปณะ [-ปะนะ-] น. ตลาด, ร้านขายของ. (ป., ส.).
อาปณกะ อาปณกะ [-นะกะ] น. พ่อค้า. (ป.).
อาปะ,อาโป อาปะ, อาโป น. นํ้า, เมื่อใช้เป็นส่วนหน้าของสมาสมักใช้ว่า อาโป เช่น อาโปกสิณ อาโปธาตุ.
อาปาน,อาปาน-,อาปานะ อาปาน-, อาปานะ [-นะ-] น. การดื่ม, การเลี้ยง. (ป., ส.).
อาปานภูมิ อาปานภูมิ [-นะพูม] น. ห้องดื่ม, สถานที่เลี้ยงดูกัน. (ส.).
อาปานศาลา อาปานศาลา น. ห้องเครื่องดื่ม. (ส.).
อาโปกสิณ อาโปกสิณ [-กะสิน] น. วิธีเจริญสมถกรรมฐานโดยยึดหน่วงเอาธาตุนํ้าเป็นอารมณ์.
อาโปธาตุ อาโปธาตุ น. ของเหลวที่เอิบอาบซาบซึมไปได้ นับเป็นธาตุ ๑ ในธาตุทั้ง ๔ คือ ๑. ปฐวีธาตุ = ธาตุดิน ๒. อาโปธาตุ = ธาตุนํ้า ๓. เตโชธาตุ = ธาตุไฟ ๔. วาโยธาตุ = ธาตุลม. (ป., ส.).
อาพัด อาพัด ก. เสกเหล้ากินเพื่อให้คงกระพัน เรียกว่า อาพัดเหล้า.
อาพัทธ์ อาพัทธ์ ก. ผูกพัน, ติดพัน, เกี่ยวพัน. (ป., ส.).
อาพันธ์,อาพันธนะ อาพันธ์, อาพันธนะ น. เครื่องผูก, การผูก. (ป., ส.).
อาพาธ อาพาธ [-พาด] ก. เจ็บป่วย (ใช้แก่ภิกษุสามเณร). (ป., ส.).
อาพาธิก,อาพาธึก อาพาธิก, อาพาธึก ว. เป็นไข้, เจ็บป่วย, เป็นโรค. (ป., ส.).
อาพิล อาพิล [-พิน] ว. ขุ่นมัว, เศร้าหมอง. (ป., ส. อาวิล).
อาเพศ อาเพศ [-เพด] น. เหตุที่เกิดขึ้นอย่างผิดปรกติวิสัย ถือว่าเป็นลางไม่ดี. (อาจมาจาก ส. อาเวศ).
อาภรณ์ อาภรณ์ [-พอน] น. เครื่องประดับ, บางทีก็ใช้เป็นส่วนท้ายของคําสมาส เช่น พัสตราภรณ์ = เครื่องประดับคือเสื้อผ้า สิราภรณ์ = เครื่องประดับศีรษะ คชาภรณ์ = เครื่องประดับช้าง พิมพาภรณ์ = เครื่องประดับร่างกาย ในคําว่า ถนิมพิมพาภรณ์ ธรรมาภรณ์ = มีธรรมะเป็นเครื่องประดับ. (ป., ส.).
อาภัพ อาภัพ [-พับ] ว. ปราศจากโชค, เคราะห์ร้าย, วาสนาน้อย, ตกอับ. (ป. อภพฺพ ว่า ไม่สมควร).
อาภัพเหมือนปูน อาภัพเหมือนปูน (สำ) ทำดีแต่มักถูกมองข้ามไปหรือไม่มีใครมองเห็น คล้ายในการกินหมาก จะต้องมีหมาก พลู ปูน ๓ อย่างประกอบกัน แต่คนมักพูดว่า กินหมากกินพลู โดยมิได้พูดถึงปูนเลย จะพูดถึงบ้างก็เป็นไปในทางที่ไม่ดีว่า ปูนกัดปาก.
อาภัสระ อาภัสระ [-พัดสะระ] น. ชื่อพรหมโลกชั้น ๑ ในรูปพรหม ๑๖ ชั้น, เรียกพรหมซึ่งอยู่ชั้นนี้ว่า อาภัสรพรหม.<2t>ว. สว่าง, สุกใส, เปล่งปลั่ง. (ป. อาภสฺสร).
อาภา อาภา น. แสง, รัศมี, ความสว่าง. (ป., ส.).
อาภากร อาภากร น. พระอาทิตย์. (ป., ส.).
อาภาส อาภาส [-พาด] น. รัศมี, แสงสว่าง. (ป., ส.).
อาม,อาม ๑,อ่าม อาม ๑, อ่าม ว. ไม่ เช่น เลี้ยงลาอามสาย, หนึ่งจงเลี้ยงม่ามอ่ามสาย. (ไตรภูมิ). (ไทยใหญ่ อํ่า ว่า ไม่).
อาม,อาม ๒ อาม ๒ (โบ) น. เรียกลูกสาวคนที่ ๓ ว่า ลูกอาม.
อามลกะ อามลกะ [-มะละกะ] น. มะขามป้อม. (ป., ส.).
อามัย อามัย น. ความป่วยไข้, โรค, ความไม่สบาย, ตรงข้ามกับ อนามัย คือ ความสบาย ความไม่มีโรค. (ป., ส.).
อามิษ,อามิส,อามิส- อามิษ, อามิส, อามิส- [อามิด, อามิดสะ-] น. สิ่งของวัตถุเครื่องล่อใจมีเงินเป็นต้น, เช่น อย่าเห็นแก่อามิสสินจ้าง. (ส. อามิษ; ป. อามิส).
อามิสบูชา อามิสบูชา น. การบูชาด้วยสิ่งของ, คู่กับ ปฏิบัติบูชา ซึ่งเป็นการบูชาด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งสอน.
อาย,อาย ๑ อาย ๑ ก. รู้สึกกระดาก, รู้สึกขายหน้า.
อาย,อาย ๒ อาย ๒ น. กลิ่น, มักใช้เข้าคู่กับคํา กลิ่น เป็น กลิ่นอาย.
อ้าย,อ้าย ๑ อ้าย ๑ (โบ) น. เรียกลูกชายคนที่ ๑ ว่า ลูกอ้าย. (สามดวง); โดยปริยายอนุโลมเรียกพี่ชายคนโตว่า พี่อ้าย.<2t>ว. ต้น, หนึ่ง, ในคำว่า เดือนอ้าย.
อ้าย,อ้าย ๒ อ้าย ๒ น. คําประกอบคําอื่นบอกให้รู้ว่าเป็นเพศชายหรือสัตว์ตัวผู้ เช่น อ้ายหนุ่ม อ้ายด่าง, คําประกอบหน้าชื่อผู้ชายที่มีฐานะตํ่ากว่า อย่างนายเรียกคนใช้, คําประกอบหน้าชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก มักใช้กันในหมู่เด็กผู้ชาย, คําใช้ประกอบหน้าชื่อผู้ชายแสดงความดูหมิ่นเหยียดหยาม, คําประกอบคําบางคําที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามากด้วยความเอ็นดูหรือสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น อ้ายหนู อ้ายน้องชาย, คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้น เช่น อ้ายเราก็ไม่ดี อ้ายจะไปก็ไม่มีที่จะไป อ้ายจะอยู่หรือก็คับใจ, คำประกอบหน้าชื่อสัตว์บางชนิดโดยไม่เน้นเพศ เช่น อ้ายเหลือม อ้ายทุย, คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้นในเชิงบริภาษ เช่น อ้ายทึ่ม อ้ายโง่ อ้ายควาย, คําใช้แทนสิ่งที่กล่าวถึงและเป็นที่เข้าใจกัน เช่น อ้ายนั่น อ้ายนี่, เขียนเป็น ไอ้ ก็มี, (โบ) คํานําหน้าชื่อผู้ชาย มักใช้ในทางไม่ดี เช่น อ้ายดีผู้ร้ายรับเปนสัจให้การซัดพวกเพื่อนถึงอ้ายเชด อ้ายแสน อ้ายคง อ้ายมั้น. (สามดวง).
อ้ายโกร่ง อ้ายโกร่ง ดู จิ้งโกร่ง.
อ้ายขิก อ้ายขิก น. ขุนเพ็ด, ปลัดขิก ก็เรียก, เขียนเป็น ไอ้ขิก ก็มี.
อ้ายงั่ว อ้ายงั่ว ดู งั่ว ๒.
อ้ายเจี๊ยว อ้ายเจี๊ยว (ปาก) น. กระเจี๊ยว, เขียนเป็น ไอ้เจี๊ยว ก็มี.
อ้ายชื่น อ้ายชื่น น. ชื่อมดหลายชนิดในวงศ์ Formicidae ตัวสีดํา ขนาดไล่เลี่ยกับมดแดง อาศัยเป็นกลุ่มอยู่ตามต้นไม้ เช่น ต้นส้ม มักจะเลี้ยงเพลี้ยซึ่งอาจเป็นเพลี้ยแป้งหรือเพลี้ยหอย เมื่อถูกรบกวนมักรวมกลุ่มต่อยและกัด เช่น พวกที่อยู่ในสกุล Camponotus, Diacamma และ Polyrachis, ชื่น ก็เรียก.
อายตนะ อายตนะ [-ยะตะนะ] น. เครื่องรู้และสิ่งที่รู้ เช่น ตาเป็นเครื่องรู้ รูปเป็นสิ่งที่รู้, ในพระพุทธศาสนาหมายถึง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กาย ใจ เรียกว่า อายตนะภายใน เป็นเครื่องติดต่อกับอายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์. (ป., ส.).
อายตะ อายตะ [-ยะตะ] ว. ยืด, แผ่ออกไป, กว้างขวาง, ยาว. (ป., ส.).
อ้ายตื้อ อ้ายตื้อ ดูใน กินสี่ถ้วย.
อายน อายน [-ยน] น. การมาถึง, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น เมษายน คือ เมษ + อายน แปลว่า การมาถึงราศีเมษ. (ป., ส.).
อ้ายบ้า อ้ายบ้า ดู บ้า ๒.
อ้ายเบี้ยว อ้ายเบี้ยว ดู คางเบือน.
อ้ายป๊อก อ้ายป๊อก ดู ชะโด.
อ้ายมุ่ย อ้ายมุ่ย ดู ชาด.
อายเหนียม อายเหนียม [-เหฺนียม] ก. กระดากอาย.
อ้ายอ้าว อ้ายอ้าว ดู ซิว.
อ้ายแอ้ด อ้ายแอ้ด น. ชื่อจิ้งหรีดขนาดเล็กหลายชนิดในวงศ์ Gryllidae, จิ้งหรีดผี ก็เรียก. (ดู แอ้ด ๑), โดยปริยายเรียกสิ่งที่มีขนาดเล็กหรือน้ำหนักน้อยกว่าปรกติ เช่น รถถังอ้ายแอ้ด มวยรุ่นอ้ายแอ้ด.
อายัด อายัด (กฎ) ก. ห้ามจําหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สินหรือสิทธิเรียกร้อง.
อายัต อายัต ว. ขยัน, ขันแข็ง. (ป., ส. อายตฺต).
อายัน,อายัน ๑ อายัน ๑ น. นักบวช, ฤษี. (จินดามณี).
อายัน,อายัน ๒ อายัน ๒ น. การมาถึง, นิยมใช้เป็นส่วนท้ายของคำสมาส เช่น เหมายัน หมายถึง การมาถึงฤดูหนาว ครีษมายัน หมายถึง การมาถึงฤดูร้อน, ทางดาราศาสตร์ หมายถึงจุดหยุด คือจุดสุดทางเหนือและทางใต้ที่ดวงอาทิตย์โคจรไปถึง. (อ. solstice).
อายาจนะ อายาจนะ [-จะนะ] น. การขอร้อง, การวิงวอน, การเชื้อเชิญ. (ป.).
อายานะ อายานะ น. การมา, การมาถึง. (ป., ส.).
อายุ อายุ น. เวลาที่ดํารงชีวิตอยู่, เวลาชั่วชีวิต, ช่วงเวลานับตั้งแต่เกิดหรือมีมาจนถึงเวลาที่กล่าวถึง, ระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น อายุใบอนุญาต ยานี้หมดอายุแล้ว, ระยะเวลาที่กําหนดรู้ความยั่งยืนของสิ่งนั้น ๆ เช่น อายุของหิน. (ป.; ส. อายุสฺ หรือ อายุษฺ เมื่อนําหน้าบางคํา, แต่เมื่อนําหน้าอักษรตํ่ากับตัว ห เปลี่ยน สฺ เป็น รฺ เช่น อายุรเวท, แต่ถ้าใช้อย่างบาลีก็ไม่ต้องมี ส หรือ ร).
อายุกตกะ,อายุตกะ อายุกตกะ, อายุตกะ [-ยุกตะกะ, -ยุดตะกะ] น. นายส่วย, เจ้าพนักงาน, เจ้าหน้าที่. (ส. อายุกฺตก; ป. อายุตฺตก).
อายุกษัย อายุกษัย [-กะไส] น. การสิ้นอายุ, ความตาย. (ส.; ป. อายุขย).
อายุขัย อายุขัย น. การสิ้นอายุ, ความตาย; อัตรากําหนดอายุจนสิ้นอายุ. (ป.; ส. อายุกฺษย).
อายุความ อายุความ (กฎ) น. ระยะเวลาที่กฎหมายกําหนดให้ใช้สิทธิเรียกร้อง บังคับฟ้อง หรือร้องทุกข์.
อายุธ อายุธ [-ยุด] น. อาวุธ. (ส.; ป. อายุธ, อาวุธ).
อายุร,อายุร-,อายุษ อายุร-, อายุษ [อายุระ-, อายุด] น. อายุ. (ดู อายุ). (ส.).
อายุรกรรม อายุรกรรม น. การรักษาโรคทางยา.
อายุรแพทย์,อายุรเวช อายุรแพทย์, อายุรเวช น. หมอรักษาโรคทางยา.
อายุรเวท อายุรเวท น. วิชาแพทย์, วิชาที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา. (ถือกันว่าเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์และเป็นส่วนหนึ่งของอถรรพเวท). (ส.).
อายุรศาสตร์ อายุรศาสตร์ น. ตําราหมอ, วิชาการรักษาโรคทางยา.
อายุวัฒนะ อายุวัฒนะ น. เรียกยาที่ถือว่ากินแล้วมีอายุยืนว่า ยาอายุวัฒนะ. (ป.).
อาร์กอน อาร์กอน น. ธาตุลําดับที่ ๑๘ สัญลักษณ์ Ar เป็นแก๊สเฉื่อย มีปรากฏอยู่ในอากาศประมาณร้อยละ ๐.๙๔ โดยปริมาตร ใช้ประโยชน์นําไปบรรจุในหลอดไฟฟ้าและหลอดเรืองแสง. (อ. argon).
อารดี,อารติ อารดี, อารติ [อาระดี, -ติ] น. การเว้น, การเลิก, การหยุด, อารัติ ก็ว่า. (ป. อารติ).
อาร์ต อาร์ต น. กระดาษมัน หนา เนื้อดี เรียกว่า กระดาษอาร์ต. (อ. art paper).
อารทรา,อทระ อารทรา, อทระ [อาระทฺรา, อะทฺระ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๖ มี ๑ ดวง เห็นเป็นรูปฉัตร, ดาวอัททา ดาวตัวโค หรือ ดาวตาสําเภา ก็เรียก.
อาร์ม อาร์ม [อาม] น. เครื่องหมายมักเป็นรูปโล่ที่ภายในผูกเป็นลวดลาย ใช้เป็นสัญลักษณ์ของวงศ์ตระกูล สถาบันต่าง ๆ เป็นต้น, เรียกเต็มว่า ตราอาร์ม. (อ. arm).
อารมณ์ อารมณ์ น. สิ่งที่ยึดหน่วงจิตโดยผ่านทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เช่น รูปเป็นอารมณ์ของตา เสียงเป็นอารมณ์ของหู, เครื่องยึดถือเป็นจริงเป็นจัง เช่น เรื่องนี้อย่าเอามาเป็นอารมณ์เลย; ความรู้สึกทางใจที่เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งเร้า เช่น อารมณ์รัก อารมณ์โกรธ อารมณ์ดี อารมณ์ร้าย; อัธยาศัย, ปรกตินิสัย, เช่น อารมณ์ขัน อารมณ์เยือกเย็น อารมณ์ร้อน; ความรู้สึก เช่น อารมณ์ค้าง ใส่อารมณ์, ความรู้สึกซึ่งมักใช้ไปในทางกามารมณ์ เช่น อารมณ์เปลี่ยว เกิดอารมณ์.<2t>ว. มีอัธยาศัย, มีปรกตินิสัย, เช่น เขาเป็นคนอารมณ์เยือกเย็น เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน. (ป. อารมฺมณ).
อารมณ์ขัน อารมณ์ขัน น. ลักษณะนิสัยที่มักเห็นเรื่องต่าง ๆ เป็นเรื่องชวนขัน.
อารย,อารย-,อารยะ อารย-, อารยะ [อาระยะ-] ว. เจริญ. (ส.; ป. อริย).
อารยชน อารยชน น. ชนที่มีอารยธรรม.
อารยชาติ,อารยประเทศ อารยชาติ, อารยประเทศ น. ประเทศที่มีอารยธรรม.
อารยธรรม อารยธรรม น. ความสงบสุขของสังคมที่ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งศีลธรรมและกฎหมาย; ความเจริญเนื่องด้วยองค์การของสังคม เช่น การเมือง กฎหมาย เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรม, ความเจริญด้วยขนบธรรมเนียมอันดี.
อารยัน อารยัน น. ชื่อชนชาติหนึ่งซึ่งเป็นต้นเค้าของชาวอินเดียบางพวก ชาวอิหร่าน และชาวยุโรปบางพวก, อริยกะ ก็ว่า.
อาระ อาระ น. เหล้า. (ช.).
อารักขา อารักขา ก. ป้องกัน, คุ้มครอง, ดูแล.<2t>น. การป้องกัน, ความคุ้มครอง, ความดูแล. (ป.).
อารักษ์ อารักษ์ น. การป้องกัน, ความคุ้มครอง, ความดูแล; เทวดาผู้พิทักษ์รักษา, มักใช้ว่า เทพารักษ์ หรือ อารักษเทวดา. (ส.; ป. อารกฺข).
อารัญ,อารัณย์ อารัญ, อารัณย์ ว. อยู่ในป่า, มีในป่า. (ป. อารญฺ; ส. อารณฺย).
อารัญญิก,อารัณยกะ,อารัณยกะ ๑ อารัญญิก, อารัณยกะ ๑ [-รันยิก, -รันยะกะ] ว. เกี่ยวกับป่า, เกิดในป่า, มีในป่า. (ป. อารญฺก; ส. อารณฺยก).
อารัณยกะ,อารัณยกะ ๒ อารัณยกะ ๒ [-รันยะกะ] น. ชื่อคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์คู่กับคัมภีร์พราหมณะ สำหรับผู้ที่สละทางโลกเข้ามาปฏิบัติธรรมในป่า ลักษณะเนื้อหาไม่แตกต่างกับคัมภีร์พราหมณะมากนัก.
อารัติ อารัติ [-รัด] น. การเว้น, การเลิก, การหยุด, อารดี หรือ อารติ ก็ว่า. (ป., ส. อารติ).
อารัมภ,อารัมภ-,อารัมภะ,อารัมภ์ อารัมภ-, อารัมภะ, อารัมภ์ [อารำพะ-] น. การปรารภ มักใช้เป็นส่วนหน้าของคำสมาส เช่น อารัมภบท อารัมภกถา; การเริ่มต้น, การตั้งต้น, ในคำว่า วิริยารัมภะ = การเริ่มต้นความเพียร; ความเพียร. (ป., ส.).
อารัมภกถา,อารัมภบท อารัมภกถา, อารัมภบท น. คําปรารภ, คําเริ่มต้น, คํานํา.
อาราธน์,อาราธนา อาราธน์, อาราธนา [อาราด, อาราดทะนา] ก. เชื้อเชิญ, นิมนต์, อ้อนวอน, (ใช้แก่พระภิกษุสามเณรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์); ขอ. (ป., ส.).
อาราธนาธรรม อาราธนาธรรม ก. ขอนิมนต์ให้พระภิกษุหรือสามเณรแสดงธรรม โดยกล่าวคำเป็นภาษาบาลีว่า พฺรหฺมา จ โลกาธิปติ สหมฺปติ ... เทเสตุ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปชํ.
อาราธนาพระปริตร อาราธนาพระปริตร ก. ขอนิมนต์ให้พระสงฆ์สวดมนต์ โดยกล่าวคำเป็นภาษาบาลีว่า วิปตฺติปฏิพาหาย ... ปริตฺตํ พฺรูถ มงฺคลํ.
อาราธนาศีล อาราธนาศีล ก. ขอให้พระภิกษุหรือสามเณรให้ไตรสรณคมณ์และศีล โดยกล่าวคำเป็นภาษาบาลีว่า มยํ ภนฺเต ติสรเณน สห ... สีลานิ ยาจาม.
อาราม,อาราม ๑ อาราม ๑ น. วัด; สวนเป็นที่น่ารื่นรมย์. (ป., ส.).
อาราม,อาราม ๒ อาราม ๒ น. ความยินดี, ความรื่นรมย์, ความเพลิดเพลิน.
อาราม,อาราม ๓ อาราม ๓ ว. มุ่งหมายอย่างรีบร้อน, พะวงที่จะทําการใด ๆ, ตั้งหน้าตั้งตา, ใช้นําหน้ากริยา เช่น อารามจะไปเลยลืมกระเป๋าสตางค์.
อารามิก อารามิก น. เกี่ยวกับวัด, ชาววัด. (ป.).
อารี อารี ว. เอื้อเฟื้อ, มีแก่ใจ, มีใจเผื่อแผ่.
อารีอารอบ อารีอารอบ ว. มีใจเผื่อแผ่ทั่วไป.
อารุม อารุม น. ต้นชมพู่นํ้าดอกไม้. (ช.).
อาลปน์,อาลปนะ อาลปน์, อาลปนะ [อาลบ, อาละปะนะ] น. การพูด, การสนทนา, การเรียก, การทักทาย; ในไวยากรณ์ หมายถึง คําที่ใช้เรียกหรือทักทายผู้ที่ตนจะพูดด้วย เช่น นายแดง แกจะไปไหน คํา นายแดง เป็นอาลปนะ. (ป., ส.).
อาละวาด อาละวาด ก. ทําเกะกะระราน, แสดงอาการดุร้าย เอะอะตึงตัง หรือคลุ้มคลั่ง, เช่น เมาสุราอาละวาด ช้างตกมันอาละวาด.
อาลักษณ์,อาลักษณ์ ๑ อาลักษณ์ ๑ น. ผู้ทําหน้าที่ทางหนังสือในราชสํานัก.
อาลักษณ์,อาลักษณ์ ๒ อาลักษณ์ ๒ น. การเห็น, การสังเกต. (ส.).
อาลัย,อาลัย ๑ อาลัย ๑ ก. ห่วงใย, พัวพัน, ระลึกถึงด้วยความเสียดาย.<2t>น. ความห่วงใย, ความพัวพัน, ความระลึกถึงด้วยความเสียดาย. (ป., ส. อาลย).
อาลัย,อาลัย ๒ อาลัย ๒ น. ที่อยู่, ที่พัก, เช่น ชลาลัย = ที่อยู่แห่งนํ้า หมายถึง ทะเล แม่น้ำ เป็นต้น หิมาลัย = ที่อยู่แห่งหิมะ เป็นชื่อของเทือกเขาสูงอยู่ทางทิศเหนือของอินเดีย ยอดเขามีหิมะปกคลุมตลอดปี.
อาลัยอาวรณ์ อาลัยอาวรณ์ ก. ระลึกถึงด้วยใจผูกพันไม่อยากจากกัน.<2t>น. ความระลึกถึงด้วยใจผูกพันไม่อยากจากกัน.
อาลัว อาลัว น. ชื่อขนมชนิดหนึ่ง ใช้แป้งสาลีตั้งไฟกวนกับกะทิ และน้ำตาลทรายจนสุกหยอดเป็นก้อนเล็ก ๆ แล้วผึ่งแดดให้ภายนอกแห้ง แต่ภายในยังเยิ้มเหมือนนํ้ามันตานี.
อาลิ,อาลี อาลิ, อาลี น. ทํานบ, คันนา; แถว, แนว, เช่น พนาลี ว่า แนวป่า. (ป., ส.).
อาโลก,อาโลก- อาโลก, อาโลก- [-โลก, -โลกะ-] น. แสงสว่าง, ความสว่าง; การดู, การเห็น, สิ่งที่เห็น. (ป., ส.).
อาโลกกสิณ อาโลกกสิณ [-โลกะกะสิน] น. การเจริญสมถกรรมฐานโดยตั้งใจเพ่งแสงสว่างเป็นอารมณ์. (ป.).
อาโลกนะ อาโลกนะ [-โลกะนะ] น. การดู, การเห็น; การตรึกตรอง.
อาว อาว (ถิ่น-อีสาน) น. อาผู้ชาย, น้องชายของพ่อ.
อ่าว อ่าว น. ส่วนของมหาสมุทร ทะเล หรือทะเลสาบ ที่ลํ้าเข้าไปในฝั่งหรือในแผ่นดิน มีลักษณะเว้าโค้งและเปิดกว้าง ทำให้มีแนวของชายฝั่งทะเลยาว.
อ้าว,อ้าว ๑ อ้าว ๑ ว. ร้อนระงม, บางทีก็ใช้เข้าคู่กับคำ อบ เป็น อบอ้าว.
อ้าว,อ้าว ๒ อ้าว ๒ ว. อาการที่เรือหรือรถแล่น หรือคนวิ่งโดยเร็ว เรียกว่า แล่นอ้าว วิ่งอ้าว.
อ้าว,อ้าว ๓ อ้าว ๓ อ. คําที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกว่าไม่ตรงกับที่มุ่งหมายคาดไว้.
อ้าว,อ้าว ๔ อ้าว ๔ ดู ซิว.
อาวแดง อาวแดง (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกระเจียว. (ดู กระเจียว).
อ้าวฝน อ้าวฝน ว. ร้อนระงมก่อนฝนตก.
อาวรณ์ อาวรณ์ [-วอน] ก. ห่วงใย, อาลัย, คิดกังวลถึง, นิยมใช้เข้าคู่กับคำ อาลัย เป็น อาลัยอาวรณ์.<2t>น. เครื่องกั้น, เครื่องกําบัง. (ป., ส.).
อาวัชนาการ อาวัชนาการ [-วัดชะ-] น. ความรําพึง; การรําลึก. (ป. อาวชฺชน + อาการ).
อาวัล อาวัล [-วัน] (กฎ) น. การรับประกันการใช้เงินตามตั๋วเงิน. (ฝ. aval).
อาวาส อาวาส [-วาด] น. วัด เช่น เจ้าอาวาส ที่อยู่ เช่น พุทธาวาส (พุทธ + อาวาส) คือ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป หมายถึง โบสถ์ วิหาร สังฆาวาส (สังฆ + อาวาส) คือ ที่อยู่ของพระสงฆ์; ผู้ครอบครอง เช่น ฆราวาส (ฆร + อาวาส) คือ ผู้ครอบครองเรือน หรือผู้อยู่ครองเรือน. (ป., ส.).
อาวาสิก อาวาสิก น. ผู้ครอบครองอาวาส คือ พระสงฆ์. (ป.).
อาวาห,อาวาห-,อาวาหะ อาวาห-, อาวาหะ [อาวาหะ-] น. การพาหญิงมาอยู่บ้านของตน หมายถึง การแต่งงานแบบหนึ่งที่ฝ่ายชายจะนําหญิงที่ตนแต่งงานด้วยมาอยู่ที่บ้านของตน เรียกว่า อาวาหมงคล, เป็นประเพณีแต่งงานที่นิยมปฏิบัติกันในประเทศอินเดียฝ่ายเหนือ. (ป., ส.).
อาวุต อาวุต [-วุด] ว. ต้องห้าม, กั้นหรือขวางไว้. (ป.; ส. อาวฺฤต).
อาวุธ อาวุธ [-วุด] น. เครื่องมือที่ใช้ในการทำร้าย ทำลาย ป้องกัน ต่อสู้ หรือฆ่า; โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ใช้ปัญญาเป็นอาวุธ. (ป. อาวุธ, อายุธ; ส. อายุธ).
อาวุโส อาวุโส ว. ที่มีอายุแก่กว่าหรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่าเป็นต้น เช่น ข้าราชการอาวุโส ครูอาวุโส ศิลปินอาวุโส.<2t>น. ความมีอายุมากกว่าหรือมีประสบการณ์ในอาชีพมากกว่าเป็นต้น เช่น เขามีอาวุโสในการทำงาน ผู้มีอาวุโสทางการเมือง. (ป. อาวุโส เป็นคํา อาลปนะ คือ คําที่พระผู้ใหญ่หรือที่มีพรรษามากกว่าเรียกพระผู้น้อยหรือที่มีพรรษาน้อยกว่า หรือเป็นคำที่พระใช้เรียกคฤหัสถ์, คู่กับ ภันเต ซึ่งเป็นคําที่พระผู้น้อยหรือที่มีพรรษาน้อยกว่าเรียกพระผู้ใหญ่หรือที่มีพรรษามากกว่า หรือเป็นคำที่คฤหัสถ์ใช้เรียกพระสงฆ์).
อาเวค อาเวค [-เวก] น. อารมณ์, ความรู้สึก, ความสะเทือนใจ. (อ. emotion).
อาเวศ อาเวศ [-เวด] น. ทาง เช่น พนาเวศ ว่า ทางป่า. (ส. อาเวศ ว่า การเข้า, ทางเข้า).
อาศรม,อาศรมบท อาศรม, อาศรมบท [อาสม, อาสมบด] น. ที่อยู่ของนักพรต. (ส.; ป. อสฺสม, อสฺสมปท).
อาศเลษา,อสิเลสะ อาศเลษา, อสิเลสะ [อาสะเลสา, อะสิเลสะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๙ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปแขนคู้หรือพ้อม, ดาวเรือน หรือ ดาวนกอยู่ในปล่อง ก็เรียก.
อาศัย อาศัย ก. พักพิง, พักผ่อน; พึ่ง; อ้างถึง เช่น อาศัยความตามมาตราที่ ... (ส.).
อาศัยที่,อาศัยว่า อาศัยที่, อาศัยว่า สัน. เนื่องจาก, โดยเหตุที่.
อาศัยลำแข้งตัวเอง อาศัยลำแข้งตัวเอง (สํา) ก. ช่วยตัวเอง, พึ่งลําแข้งตัวเอง ก็ว่า.
อาศิร-,อาศิร- ,อาศิร- ๑,อาเศียร,อาเศียร- อาศิร- ๑, อาเศียร- [อาสิระ-, -เสียนระ-] น. การอวยพร. (ส. อาศิสฺ คํานี้เมื่อนําหน้าอักษรตํ่าและตัว ห ต้องเปลี่ยน ส เป็น ร เป็น อาศิร และแผลงเป็น อาเศียร ก็มี; ป. อาสิ ว่า ความหวังดี).
อาศิร,อาศิร-,อาศิร- ๒ อาศิร- ๒ [อาสิระ-] น. เขี้ยวงู. (ส. อาศี; ป. อาสี).
อาศิรพจน์,อาศิรพาท,อาศิรวจนะ,อาศิรวาท,อาเศียรพจน์,อาเศียรพาท,อาเศียรวจนะ,อาเศียรวาท อาศิรพจน์, อาศิรพาท, อาศิรวจนะ, อาศิรวาท, อาเศียรพจน์, อาเศียรพาท, อาเศียรวจนะ, อาเศียรวาท น. คําอวยพร (เป็นคำที่ผู้น้อยใช้กับผู้ใหญ่).
อาศิรพิษ,อาศิรวิษ,อาศีรพิษ,อาศีรวิษ อาศิรพิษ, อาศิรวิษ, อาศีรพิษ, อาศีรวิษ น. ผู้มีพิษในเขี้ยว คือ งู, อสรพิษ. (ส. อาศีรวิษ, อาศีวิษ; ป. อาสีวิส).
อาศุ อาศุ ว. เร็ว, ไว, คล่อง. (ส.; ป. อาสุ).
อาษาฒ อาษาฒ [-สาด] น. เดือนที่ ๘ แห่งเดือนจันทรคติ. (ส.; ป. อาสาฬฺห).
อาสน,อาสน ๑ อาสน ๑ [อา-สน] ก. ปรารถนา. (ปรัดเล); ขัดสน. (ข. อาสนฺน).
อาสน,อาสน-,อาสน- ๒,อาสน์,อาสนะ อาสน- ๒, อาสน์, อาสนะ [อาดสะนะ-, อาด] น. ที่นั่ง, เครื่องปูรองนั่ง, (ใช้เฉพาะพระภิกษุสามเณร). (ป., ส.).
อาสนศาลา อาสนศาลา น. โรงฉันอาหาร (ใช้แก่พระสงฆ์).
อาสน์สงฆ์ อาสน์สงฆ์ น. ที่ยกพื้นสําหรับพระสงฆ์นั่ง.
อาสัญ อาสัญ (แบบ) น. ความตาย.<2t>(วรรณ) ก. ตาย เช่น โทษลูกนี้ผิดเป็นนักหนา ดังแกล้งผลาญมารดาให้อาสัญ. (สังข์ทอง). (ป. อสญฺ ว่า ไม่มีสัญญา).
อาสัตย์ อาสัตย์ ว. ไม่ซื่อสัตย์, ไม่ซื่อตรง, กลับกลอก, เช่น คนอาสัตย์, อสัตย์ ก็ว่า. (ส. อสตฺย).
อาสันนะ อาสันนะ ว. ใกล้, เกือบ. (ป., ส.).
อาสา อาสา ก. เสนอตัวเข้ารับทำ.<2t>น. ความหวัง เช่น นิราสา = ความหวังหมดแล้ว คือ ความหมดหวัง, ความต้องการ, ความอยาก. (ป.; ส. อาศา).
อาสาสมัคร อาสาสมัคร ว. ที่เสนอตัวเข้าทำงานด้วยความสมัครใจ เช่น ทหารอาสาสมัคร.<2t>น. บุคคลที่เสนอตัวเข้าทำงานด้วยความสมัครใจ เช่น เขาเป็นอาสาสมัคร.
อาสาฬห,อาสาฬห-,อาสาฬห์ อาสาฬห-, อาสาฬห์ [-สานหะ-, -สานละหะ-, -สาน] น. เดือนที่ ๘ แห่งเดือนจันทรคติ. (ป.; ส. อาษาฒ).
อาสาฬหบูชา อาสาฬหบูชา [-สานหะ-, -สานละหะ-] น. การบูชาในวันเพ็ญเดือน ๘ ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา.
อาสิญจ์ อาสิญจ์ [-สิน] ก. โปรย, รด, หลั่ง, ประพรม. (ป.).
อาสิน อาสิน น. ผลประโยชน์รายได้อันเกิดจากต้นผลไม้. (ม. hasil ว่า ผลประโยชน์รายได้).
อาสูร อาสูร [-สูน] (โบ) ก. สงสาร เช่น อาสูรสองหลานเอย ย่อมเสวยเคยข้าวสาลี. (ม. คำหลวง ทานกัณฑ์ กลบทเก่า); เอ็นดู; กังวล. (ข. อาสูร ว่า สงสาร, น่าอนาถ).
อาแสะ อาแสะ น. กริช. (ช.).
อาหตะ อาหตะ ว. ถูกตี, โดนตี. (ป., ส.).
อาหนี อาหนี [-หฺนี] น. เหล้าชนิดหนึ่งผสมด้วยเมล็ดผลไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมฉุน. (ฝ. anise ว่า เมล็ดผลไม้ชนิดหนึ่งมีกลิ่นหอมฉุน).
อาหนู อาหนู [-หฺนู] น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
อาหม อาหม [-หมฺ] น. ชนชาติไทยใหญ่สาขาหนึ่ง ที่เข้าไปอยู่ในแคว้นอัสสัม ประเทศอินเดีย เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘, อะหม ก็ว่า.
อาหระ อาหระ [-หะระ] น. การนํามา; การถือเอา. (ป., ส.).
อาหรัดกัดติกา อาหรัดกัดติกา [-หฺรัด-] น. ม้าใช้, ม้าเร็ว. (ช.).
อาหรับ อาหรับ [-หฺรับ] น. ชื่อชนชาติผิวขาวพวกหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย.
อาหลักอาเหลื่อ อาหลักอาเหลื่อ ว. อึดอัดใจ, ลําบากใจ, อลักเอลื่อ อิหลักอิเหลื่อ หรือ อีหลักอีเหลื่อ ก็ว่า.
อาหาร อาหาร น. ของกิน, เครื่องคํ้าจุนชีวิต, เครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต, เช่น อาหารเช้า อาหารปลา อาหารนก; โดยปริยายหมายถึงสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น อาหารตา อาหารใจ. (ป., ส.).
อาหารว่าง อาหารว่าง น. ของกินนอกเวลากินอาหารตามปรกติ มักกินในเวลาบ่าย, ของว่าง ก็ว่า, ราชาศัพท์ใช้ว่า เครื่องว่าง.
อาหุดี อาหุดี น. การเซ่นสรวง. (ส. อาหุติ).
อาฬหก อาฬหก [อาละหก] น. ชื่อมาตราตวงในบาลี คือ ๔ นาฬี เป็น ๑ อาฬหก; เสาตะลุง. (ป.; ส. อาฒก).
อาฬาริก อาฬาริก น. คนครัว. (ป.; ส. อาราลิก).
อ่าองค์ อ่าองค์ (กลอน) ก. แต่งตัว เช่น ลูบไล้สุคนธาอ่าองค์ บรรจงทรงเครื่องวันอาทิตย์. (อิเหนา).
อำ อำ ก. ปิดบัง, ปกปิด; (ปาก) พูดหลอกเพื่อให้ตกใจหรือขบขันเป็นต้น, พูดดักคอ.
อ่ำ อ่ำ น. เวลาคํ่า.<2t>ว. มืดคลุ้ม, มัว, (กลอน) แผลงเป็น ชอ่ำ หรือ ชรอ่ำ ก็มี.
อำแดง อำแดง (โบ) น. คํานําหน้าชื่อหญิงสามัญ.
อำนด อำนด [-หฺนด] (กลอน) ก. กลั้น, งดเว้น, ไม่ได้, ไม่ได้สมหวัง; ไม่มีอะไรจะกิน. (แผลงมาจาก อด).
อำนนต์ อำนนต์ (กลอน) ว. อนันต์, ไม่มีที่สุด, มากล้น. (แผลงมาจาก อนนต์).
อำนรรฆ อำนรรฆ [-นัก] (กลอน) ว. หาค่ามิได้, เกินที่จะประเมินราคาได้. (แผลงมาจาก อนรรฆ).
อำนวย อำนวย ก. ให้. (แผลงมาจาก อวย).
อำนาจ อำนาจ น. สิทธิ เช่น มอบอํานาจ; อิทธิพลที่จะบังคับให้ผู้อื่นต้องยอมทําตาม ไม่ว่าจะด้วยความสมัครใจหรือไม่ หรือความที่สามารถบันดาลให้เป็นไปตามความประสงค์ เช่น อํานาจบังคับของกฎหมาย อํานาจบังคับบัญชา; ความสามารถหรือสิ่งที่สามารถทําหรือบันดาลให้เกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เช่น อํานาจคุณพระศรีรัตนตรัย อํานาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์; กําลัง, พลัง เช่น อำนาจจิต อำนาจฝ่ายสูง อำนาจฝ่ายต่ำ; ความรุนแรง เช่น ชอบใช้อํานาจ; การบังคับบัญชา เช่น อยู่ใต้อํานาจ; การบังคับ เช่น ขออํานาจศาล.
อำนาจบาตรใหญ่ อำนาจบาตรใหญ่ น. อํานาจที่ใช้ในทางข่มขี่ เช่น ถือว่ามีอำนาจบาตรใหญ่รังแกใครได้ก็ตามใจชอบ.
อำนาจมืด อำนาจมืด น. อิทธิพลที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือระเบียบเป็นต้นที่บังคับให้ผู้อื่นต้องยอมทำตาม.
อำนาถ อำนาถ [-หฺนาด] ว. น่าสงสาร, น่าสังเวช, น่าสลดใจ. (แผลงมาจาก อนาถ).
อำนิฐ,อำนิษฐ์ อำนิฐ, อำนิษฐ์ [-นิด] ว. น่าปรารถนา, เป็นที่พอใจ, ต้องใจ, น่ารัก. (แผลงมาจาก อิฏฐ).
อำปลัง อำปลัง ก. เคลือบคลุม. (ชุมนุมบรมราชาธิบาย).
อำพน อำพน [-พน] ว. มาก, ดาษดื่น, ล้วน, เช่น อำพนไปด้วยแก้วมณี; น่าดู, งาม, งามสล้าง, เช่น ปราสาทอำพน, (โบ) ใช้ว่า อำพล ก็มี เช่น ปราการ สะพาน ถนน อำพลด้วย (ไม้ไหล) ทั้งหลายคำนับ. (จารึกสยาม).
อำพราง อำพราง ก. ปิดบังโดยลวงให้เข้าใจไปทางอื่น, พูดหรือแสดงอาการไม่ให้รู้ความจริง.<2t>ว. ที่ปิดบังโดยลวงให้เข้าใจไปทางอื่น เช่น ฆาตกรรมอำพราง.
อำพล อำพล (โบ) ว. อำพน.
อำพะนำ อำพะนำ ว. นิ่งอึ้งไม่พูดจา, อมพะนํา ก็ว่า.
อำพัน อำพัน น. ยางไม้ที่แข็งเป็นก้อน สีเหลืองใสเป็นเงา.
อำพันขี้ปลา,อำพันทอง อำพันขี้ปลา, อำพันทอง น. วัตถุสีเทาและสีเหลือง มีกลิ่นหอม ลอยอยู่ในทะเลหรือริมฝั่งทะเลของประเทศแถบร้อน เข้าใจว่าเป็นขี้ปลาวาฬชนิดหนึ่ง ใช้เป็นเครื่องยาไทย.
อำไพ อำไพ ว. งาม; สว่าง, สุกใส.
อำเภอ อำเภอ (กฎ) น. ท้องที่ที่รวมตําบลหลายตําบลให้อยู่ในความปกครองอันเดียวกันและได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเป็นอําเภอ อําเภอเป็นหน่วยราชการบริหารรองจากจังหวัด มีนายอำเภอเป็นหัวหน้าปกครอง.
อำเภอใจ อำเภอใจ น. ความคิดเห็นโดยเอาแต่ใจตัว.
อำมร อำมร [-มอน] น. เทวดา, แผลงมาจาก อมร. (ป. อมร ว่า ผู้ไม่ตาย หมายถึง เทวดา).
อำมฤคโชค อำมฤคโชค [-มะรึคะ-] น. โชคดี.
อำมฤต อำมฤต [-มะริด, -มะรึด] น. น้ำทิพย์ เรียกว่า น้ำอำมฤต; เครื่องทิพย์; แผลงมาจาก อมฤต. (ส. อมฺฤต; ป. อมต).
อำมหิต อำมหิต [-มะ-] ว. ดุร้าย, ร้ายกาจ, ทารุณ, เหี้ยมโหด.
อำมาตย,อำมาตย-,อำมาตย์ อำมาตย-, อำมาตย์ [อำหฺมาดตะยะ-, อำหฺมาด] น. ข้าราชการ, ข้าเฝ้า; ที่ปรึกษา; แผลงมาจาก อมาตย์. (ส. อมาตฺย; ป. อมจฺจ).
อำมาตยาธิปไตย อำมาตยาธิปไตย [อำหฺมาดตะยาทิปะไต, อำหฺมาดตะยาทิบปะไต] น. ระบอบการปกครองที่ขุนนางหรือข้าราชการเป็นใหญ่. (อ. bureaucracy).
อำยวน อำยวน [-ยวน] น. ความลับ.<2t>ก. ปิดบัง, พราง, อําพราง.
อำรุง อำรุง ก. บํารุง, เลี้ยงดู, ทะนุถนอม.
อำลา อำลา ก. ลาจากไป (มักใช้ในกรณีพิเศษ).
อำอวม อำอวม (โบ) ว. ที่ปิดบังความจริง (ใช้แก่กริยาพูด), อวมอำ ก็ว่า.
อ้ำอึ้ง อ้ำอึ้ง ก. นิ่งอั้นไม่ยอมพูด, พูดไม่ออกด้วยจนใจหรือจนปัญญา, ไม่รู้จะพูดอะไร.
อิก อิก (ปาก) ว. อีก.
อิง อิง ก. พิง เช่น อิงหมอน; พึ่ง, อาศัย, บางทีใช้เข้าคู่กับคำ อาศัย เป็น อิงอาศัย.
อิงค์ อิงค์ น. ท่าทาง, อาการ, มักใช้เป็นส่วนท้ายของคำสมาส เช่น พุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นนามพระพุทธรูป หมายความว่า พระพุทธรูปที่มีท่าทางสง่างามดุจราชสีห์. (ป., ส. อิงฺค).
อิงอร อิงอร [-ออน] ก. เคล้าเคลีย.
อิงแอบ อิงแอบ ก. แนบชิด, แอบอิง ก็ว่า.
อิจฉา อิจฉา [อิด-] ก. เห็นเขาได้ดีแล้วไม่พอใจ อยากจะมีหรือเป็นอย่างเขาบ้าง (มีความหมายเบากว่า ริษยา). (ป., ส. อิจฺฉา ว่า ความอยาก, ความต้องการ, ความปรารถนา).
อิฉัน อิฉัน ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศหญิง เป็นคําสุภาพ, อีฉัน ก็ว่า, (แบบ) ผู้ชายใช้ว่า ดิฉัน หรือ ดีฉัน ผู้หญิงใช้ว่า อิฉัน หรือ อีฉัน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
อิชยา อิชยา [อิดชะยา] น. การบูชา, การเซ่นสรวง. (ส.).
อิฏฐ,อิฏฐ-,อิฐ,อิฐ-,อิฐ- ๑ อิฏฐ-, อิฐ- ๑ [อิดถะ-] ว. น่าปรารถนา, เป็นที่พอใจ, ต้องใจ, น่ารัก. (ป.; ส. อิษฺฏ).
อิฏฐารมณ์ อิฏฐารมณ์ น. อารมณ์หรือสิ่งที่น่าปรารถนาน่าพอใจ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข, ตรงข้ามกับ อนิฏฐารมณ์. (ป. อิฏฺารมฺมณ).
อิฐ,อิฐ ๒ อิฐ ๒ [อิด] น. ดินเผามีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใช้ก่อตึกและกําแพงเป็นต้น; โดยปริยายใช้เรียกสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น อิฐบล็อก.<2t>ว. สีอย่างสีอิฐใหม่ เรียกว่า สีอิฐ. (ป. อิฏฺกา; ส. อิษฺฏกา).
อิฐผล อิฐผล [อิดถะผน] น. ผลเป็นที่พอใจ. (ป. อิฏฺผล).
อิณะ อิณะ น. หนี้ เช่น ราชิณ (ราช + อิณ) ว่า หนี้หลวง. (ป.; ส. ฤณ).
อิด อิด (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) ก. โรยแรง, อ่อนกำลัง, อ่อนแรง.
อิดโรย อิดโรย ก. อ่อนเพลีย, ละเหี่ย.
อิดหนาระอาใจ อิดหนาระอาใจ ก. เบื่อหน่าย, เอือมระอา.
อิดออด,อิด ๆ ออด ๆ อิดออด, อิด ๆ ออด ๆ ก. แสดงอาการไม่เต็มใจ.
อิดเอื้อน,อิด ๆ เอื้อน ๆ อิดเอื้อน, อิด ๆ เอื้อน ๆ ก. ไม่กล้าที่จะพูด, กล่าวไม่เต็มปาก; แสดงอาการไม่สู้เต็มใจ, กระอิดกระเอื้อน ก็ว่า.
อิตถี อิตถี [อิดถี] น. หญิง. (ป.; ส. สฺตฺรี).
อิตถีลิงค์ อิตถีลิงค์ (ไว) น. เพศของคำที่เป็นเพศหญิง เช่น ย่า ยาย แม่ นารี, สตรีลิงค์ หรือ สตรีลึงค์ ก็ว่า.
อิตเทรียม อิตเทรียม [อิดเทฺรียม] น. ธาตุลําดับที่ ๓๙ สัญลักษณ์ Y เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีเทาเข้ม หลอมละลายที่ ๑๕๐๐ °ซ. ใช้ประโยชน์นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ ใช้ในเทคโนโลยีนิวเคลียร์. (อ. yttrium).
อิตเทอร์เบียม อิตเทอร์เบียม น. ธาตุลําดับที่ ๗๐ สัญลักษณ์ Yb เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งเป็นเงาวาว หลอมละลายที่ ๘๒๔ °ซ. (อ. ytterbium).
อิติวุตตกะ อิติวุตตกะ น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนเรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
อิทธิ,อิทธิ- อิทธิ, อิทธิ- [อิดทิ] น. ฤทธิ์, อํานาจศักดิ์สิทธิ์; ความเจริญ, ความสําเร็จ, ความงอกงาม. (ป.; ส. ฤทฺธิ).
อิทธิปาฏิหาริย์ อิทธิปาฏิหาริย์ น. ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ หมายถึง การแสดงฤทธิ์ที่พ้นวิสัยของสามัญมนุษย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์, เป็นปาฏิหาริย์อย่าง ๑ ในปาฏิหาริย์ ๓ ได้แก่ อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ และอนุสาสนีปาฏิหาริย์. (ป.).
อิทธิพล อิทธิพล น. กําลังที่ยังผลให้สําเร็จ, อํานาจซึ่งแฝงอยู่ในบุคคลหรือรัฐ ซึ่งสามารถบันดาลให้เป็นไปตามความประสงค์, อํานาจที่สามารถบันดาลให้ผู้อื่นต้องคล้อยตามหรือทําตาม, อํานาจที่สามารถบันดาลให้เป็นไปได้ต่าง ๆ เช่น อิทธิพลของดวงดาว, อํานาจนอกเหนือหน้าที่ เช่น ใช้อิทธิพลบังคับให้ยอม.
อิทธิฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ น. อํานาจศักดิ์สิทธิ์; (ปาก) อำนาจ.
อิน อิน น. ชื่อลูกจันชนิดหนึ่ง ลูกกลมแป้นกลางบุ๋ม ไม่มีเมล็ด เรียกว่า ลูกจันอิน. (ดู จัน).
อินซูลิน อินซูลิน น. ฮอร์โมนประเภทโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งหย่อมเซลล์แลงเกอร์ฮานส์ (islets of Langerhans) ในตับอ่อนผลิตขึ้น มีสมบัติควบคุมการเผาผลาญนํ้าตาลในร่างกาย ในทางแพทย์ใช้เป็นสารลดระดับนํ้าตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน. (อ. insulin).
อินเดีย อินเดีย น. ชื่อประเทศและชนชาติหนึ่งในเอเชียใต้ อยู่ทางทิศตะวันตกของประเทศพม่า.
อินเดียนแดง อินเดียนแดง น. ชนชาวพื้นเมืองดั้งเดิมพวกหนึ่งในทวีปอเมริกา.
อินเดียม อินเดียม น. ธาตุลําดับที่ ๔๙ สัญลักษณ์ In เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็ง เนื้ออ่อน สีขาวเงิน หลอมละลายที่ ๑๕๖.๒ °ซ. ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่นทําอุปกรณ์เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือที่ใช้ในงานทันตกรรม ชุบฉาบผิวเหล็กซึ่งเคลือบด้วยเงินแล้ว. (อ. indium).
อินท์ อินท์ น. ชื่อเทวราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และชั้นจาตุมหาราช, พระอินทร์; ผู้เป็นใหญ่. (ป.; ส. อินฺทฺร).
อินทขีล อินทขีล [-ทะขีน] น. เสาหรือหลักหน้าประตูเมือง, หลักเมือง, เสาเขื่อน. (ป.; ส. อินฺทฺร + กีล).
อินทนิล,อินทนิลน้ำ อินทนิล, อินทนิลน้ำ [-ทะนิน] น. ชื่อไม้ต้นชนิด Lagerstroemia speciosa Pers. ในวงศ์ Lythraceae ดอกสีม่วงแดงหรือชมพู ออกเป็นช่อตั้งตรง เมล็ดและใบใช้ทํายาได้.
อินทผลัม อินทผลัม [-ทะผะลํา] น. ชื่อปาล์มชนิด Phoenix dactylifera L. ในวงศ์ Palmae ผลกินได้, (ปาก) อินทผาลัม.
อินทร,อินทร-,อินทร์ อินทร-, อินทร์ [อินทะ-, อินทฺระ-, อิน] น. ชื่อเทวราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์และชั้นจาตุมหาราช; ผู้เป็นใหญ่. (ส.; ป. อินฺท).
อินทรธนู อินทรธนู [อินทะนู] น. รุ้ง (แถบสีโค้งบนท้องฟ้า); เครื่องประดับบ่าอย่างหนึ่งเพื่อแสดงยศเป็นต้น; ชื่อลายขอบที่เป็นกระหนก.
อินทรวงศ์ อินทรวงศ์ [อินทฺระ-] น. ชื่อฉันท์ ๑๒ แบบหนึ่ง หมายความว่า ฉันท์ที่มีสําเนียงไพเราะดุจเสียงปี่ของพระอินทร์ วรรคหน้ามี ๕ คํา วรรคหลังมี ๗ คํา รวม ๒ วรรค เป็น ๑ บาท นับ ๒ บาท เป็น ๑ บท คําที่ ๓ ของวรรคหน้ากับคําที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๖ ของวรรคหลังเป็นลหุ นอกนั้นเป็นครุ คําสุดท้ายของวรรคที่ ๒ รับสัมผัสกับคําสุดท้ายของวรรคที่ ๓ เช่น
อินทรวิเชียร อินทรวิเชียร [อินทฺระ-] น. ชื่อฉันท์ ๑๑ แบบหนึ่ง หมายความว่า ฉันท์ที่มีลีลาอันรุ่งเรืองงดงามดุจสายฟ้าซึ่งเป็นอาวุธของพระอินทร์ วรรคหน้ามี ๕ คํา วรรคหลังมี ๖ คํา รวม ๒ วรรค เป็น ๑ บาท นับ ๒ บาท เป็น ๑ บท คําที่ ๓ ของวรรคหน้ากับคําที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๔ ของวรรคหลังเป็นลหุ นอกนั้นเป็นครุ คําสุดท้ายของวรรคที่ ๒ รับสัมผัสกับคําสุดท้ายของวรรคที่ ๓ แต่เดิมไม่นิยมสัมผัสระหว่างคําสุดท้ายของวรรคที่ ๑ กับคําที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ เช่น
แต่ต่อมานิยมสัมผัสระหว่างคำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ กับคำที่ ๓ ของวรรคที่ ๒ อย่างเดียวกับกาพย์ยานี ๑๑ เพราะถือว่าไพเราะ เช่น
อินทรศักดิ์ อินทรศักดิ์ [อินทฺระ-] น. พระอินทราณี, ชายาพระอินทร์. (ส.).
อินทราณี อินทราณี น. ชายาพระอินทร์. (ส.).
อินทราภิเษก อินทราภิเษก [อินทฺรา-] น. เรียกลักษณะพิเศษ ๓ ประการ คือ ๑. พระอินทร์นําเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์มาถวาย เมื่อจะได้ราชสมบัติ ๒. เสี่ยงราชรถมาจดฝ่าพระบาท และ ๓. เหาะเอาฉัตรทิพย์มากางกั้น; การที่พระเจ้าแผ่นดินทําพิธีราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อปราบพระเจ้าแผ่นดินอื่นให้อยู่ในอํานาจได้มาก เพื่อยกพระองค์ขึ้นเป็นใหญ่เหนือพระเจ้าแผ่นดินทั้งหลาย.
อินทรายุธ อินทรายุธ [อินทฺรา-] น. สายรุ้ง, สายฟ้า, อาวุธพระอินทร์. (ส.).
อินทรี,อินทรี ๑ อินทรี ๑ [-ซี] น. ชื่อนกในวงศ์ Accipitridae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับเหยี่ยว ขามีขนปกคลุม กรงเล็บแข็งแรง ในประเทศไทยมีหลายชนิด เช่น อินทรีหัวนวล (Haliaeetus leucoryphus) อินทรีดํา (Ictinaetus malayensis) อินทรีปีกลาย (Aquila clanga).
อินทรี,อินทรี ๒ อินทรี ๒ [-ซี] น. ชื่อปลาทะเลขนาดใหญ่หลายชนิดในหลายวงศ์ ลําตัวแบนข้างเรียวยาว คอดหางกิ่ว ปลายหางเป็นแฉกลึก อยู่เป็นฝูงใกล้ผิวนํ้า เช่น อินทรีบั้ง (Scomberomorus commersoni) อินทรีจุด (S. guttatus) ในวงศ์ Scombridae.
อินทรีย,อินทรีย-,อินทรีย์ อินทรีย-, อินทรีย์ [-ซียะ-, -ซี] น. ร่างกายและจิตใจ เช่น สํารวมอินทรีย์; สติปัญญา เช่น อินทรีย์แก่กล้า; สิ่งมีชีวิต. (ป., ส. อินฺทฺริย).
อินทรียโคจร อินทรียโคจร ว. อยู่ในเขตความรู้สึก, ซึ่งรู้สึกได้. (ส.).
อินทรียญาณ อินทรียญาณ น. ความรู้สึก. (ป.).
อินทรียสังวร อินทรียสังวร น. ความสํารวมอินทรีย์ ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ยินดียินร้ายในเวลาเห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้ธรรมารมณ์ด้วยใจ. (ป.).
อินทีวร อินทีวร [-วอน] น. ดอกบัวสีนํ้าเงิน. (ป., ส.).
อินทุ อินทุ น. พระจันทร์. (ป., ส.).
อินธน์ อินธน์ น. การจุดไฟ; เชื้อไฟ, ไม้สําหรับติดไฟ, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น นิรินธน์ ว่า ไม่มีเชื้อไฟ. (ป., ส.).
อินฟราเรด อินฟราเรด [-ฟฺรา-] น. รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีย่านของการแผ่รังสีที่มีช่วงคลื่นประมาณระหว่าง ๗.๘๑๐-๗ เมตร กับ ๑ มิลลิเมตร, รังสีความร้อน ก็เรียก. (อ. infrared).
อินัง,อินังขังขอบ อินัง, อินังขังขอบ ก. เอาใจใส่, เอาใจช่วย, ดูแล, เหลียวแล, นําพา, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่อินัง ไม่อินังขังขอบ หมายความว่า ไม่เอาใจใส่.
อิ่ม อิ่ม ก. เต็มแล้ว, พอแล้ว, หายหิว, หายอยาก.<2t>ว. เบิกบาน, แช่มชื่น, เช่น หน้าอิ่ม.
อิ่มใจ,อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มใจ, อิ่มอกอิ่มใจ ก. ปลื้มใจ, สบายใจ, ภูมิใจ, ปีติยินดี.
อิ่มตัว อิ่มตัว ว. เต็มที่แล้ว.
อิ่มหนำ อิ่มหนำ ว. อิ่มเต็มที่ (ใช้แก่กริยากิน), อิ่มหนําสําราญ ก็ว่า.
อิ่มหมีพีมัน อิ่มหมีพีมัน ว. ได้รับการเลี้ยงดูอย่างเต็มที่.
อิ่มเอม อิ่มเอม ว. เป็นที่พอใจมาก, มักใช้เข้าคู่กับคำ เปรมใจ หรือ เปรมปรีดิ์ เป็น อิ่มเอมเปรมใจ หรือ อิ่มเอมเปรมปรีดิ์.
อิ่มเอิบ อิ่มเอิบ ว. แช่มชื่น, สดชื่น, เช่น หน้าตาอิ่มเอิบ; ปลาบปลื้ม, สบายใจมาก, เช่น จิตใจอิ่มเอิบ.
อิมัลชัน อิมัลชัน น. สารผสมที่ประกอบด้วยของเหลวต่างชนิดกันตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป ผสมกันอยู่ในลักษณะซึ่งของเหลวชนิดหนึ่งเป็นอย่างน้อยอยู่ในสภาพเป็นเม็ดเล็ก ๆ ลอยแผ่กระจายทั่วโดยสมํ่าเสมอ. (อ. emulsion).
อิริเดียม อิริเดียม น. ธาตุลําดับที่ ๗๗ สัญลักษณ์ Ir เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวคล้ายเงิน เนื้อแข็งมาก เป็นธาตุที่หนักที่สุดเท่าที่รู้จักกัน หลอมละลายที่ ๒๔๕๔ °ซ. เป็นโลหะที่ทนทานต่อการสึกกร่อนที่สุด ใช้ประโยชน์นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ. (อ. iridium).
อิริยา อิริยา น. อาการเคลื่อนไหว, กิริยา, ท่าทาง. (ป.; ส. อีรฺยา).
อิริยาบถ อิริยาบถ น. อาการที่ร่างกายอยู่ในท่าใดท่าหนึ่ง คือ ยืน เดิน นั่ง นอน. (ป.).
อิรุพเพท อิรุพเพท [-รุบเพด] น. ฤคเวท. (ป.).
อิลู อิลู ว. บัดนี้, เดี๋ยวนี้. (ช.).
อิเล็กตรอน อิเล็กตรอน [-ตฺรอน] น. อนุภาคมูลฐานชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์ประกอบของอะตอมของธาตุทุกชนิด อนุภาคนี้มีประจุไฟฟ้าลบ มีมวล ๙.๑๐๙๑ ๑๐-๓๑ กิโลกรัม. (อ. electron).
อิเล็กทรอนิกส์ อิเล็กทรอนิกส์ [-ทฺรอ-] น. วิทยาศาสตร์กายภาพแขนงหนึ่งที่นํามาประยุกต์ใช้กับการศึกษาวงจรไฟฟ้าที่ใช้สารกึ่งตัวนําและอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งควบคุมการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนได้. (อ. electronics).
อิเล็กโทน อิเล็กโทน น. เครื่องดนตรีไฟฟ้าชนิดหนึ่ง สามารถทําเสียงเครื่องดนตรีหลายชนิดได้ในเวลาเดียวกัน. (อ. electone).
อิศร อิศร [อิด] น. ความเป็นเจ้าเป็นใหญ่, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น นริศร มหิศร, หรือแผลงเป็น เอศร เช่น นฤเบศร.<2t>ว. เป็นใหญ่, เป็นใหญ่ในตัวเอง, เป็นไทแก่ตัวไม่ขึ้นแก่ใคร. (จาก ส. อีศฺวร ซึ่งมักใช้ อิศวร).
อิศวร อิศวร [อิสวน] น. ชื่อเรียกพระศิวะซึ่งเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งของพราหมณ์; ความเป็นเจ้าเป็นใหญ่, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส และแผลงเป็น เอศวร เช่น นเรศวร ราเมศวร, ใช้ย่อเป็น อิศร (อ่านว่า อิสวน) ก็มี เช่น ใยยกพระธำมรงค์ สำหรับองค์อิศรราช. (เพชรมงกุฎ). (ส. อีศฺวร).
อิษฏ์,อิษฏ์ ๑ อิษฏ์ ๑ ว. น่าปรารถนา, น่ารัก, เป็นที่พอใจ. (ส.).
อิษฏ์,อิษฏ์ ๒ อิษฏ์ ๒ น. การบูชา, เครื่องสักการบูชา. (ส.).
อิษฏี,อิษฏี ๑ อิษฏี ๑ [อิดสะ-] น. ความกระหาย, ความอยาก, ความต้องการ. (ส.).
อิษฏี,อิษฏี ๒ อิษฏี ๒ [อิดสะ-] น. การบูชา, การเซ่นสรวง. (ส.).
อิส อิส [อิด] น. หมี. (ป. อิส, อิสฺส; ส. ฤกฺษ).
อิสตรี,อิสัตรี อิสตรี, อิสัตรี [อิดสัดตฺรี] น. หญิง.
อิสร,อิสร-,อิสระ อิสร-, อิสระ [อิดสะหฺระ-] ว. เป็นใหญ่, เป็นไทแก่ตัว, เช่น อิสรชน, ที่ปกครองตนเอง เช่น รัฐอิสระ, ไม่ขึ้นแก่ใคร, ไม่สังกัดใคร, เช่น อาชีพอิสระ นักเขียนอิสระ.<2t>น. ความเป็นไทแก่ตัว เช่น ไม่มีอิสระ แยกตัวเป็นอิสระ. (ป. อิสฺสร; ส. อีศฺวร).
อิสรภาพ อิสรภาพ น. ความเป็นใหญ่, ความเป็นไทแก่ตัว; การปกครองตนเอง.
อิสริย,อิสริย-,อิสริยะ อิสริย-, อิสริยะ [อิดสะริยะ-] น. ความเป็นใหญ่, ความเป็นเจ้า, ความยิ่งใหญ่. (ป. อิสฺสริย; ส. ไอศฺวรฺย).
อิสริยยศ อิสริยยศ [อิดสะริยะยด] น. ยศอันยิ่งใหญ่, ยศที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ หมายถึง สกุลยศของพระราชวงศ์ที่ถือกำเนิดมาว่ามียศทางขัตติยราชสกุลชั้นใด เช่น เจ้าฟ้า พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า, ถ้าพระราชวงศ์พระองค์ใดได้ปฏิบัติราชการแผ่นดิน มีความดีความชอบ ก็อาจได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็นเจ้าต่างกรมจึงต่อพระนามกรมไว้ท้ายพระนามเดิม เช่น พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์.
อิสริยาภรณ์ อิสริยาภรณ์ น. ตราเครื่องประดับเกียรติยศ เรียกเป็นสามัญว่า เหรียญตรา.
อิสลาม อิสลาม น. ศาสนาที่สำคัญศาสนาหนึ่งของโลก มีศาสดาชื่อมุฮัมมัด นับถือพระเจ้าองค์เดียวคืออัลลอฮ์ มีคัมภีร์อัลกุรอานเป็นหลัก ไม่มีนักบวช, เรียกผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามว่า มุสลิม.
อิสสา อิสสา [อิด-] น. ความหึงหวง, ความชิงชัง. (ป.; ส. อีรฺษฺยา).
อิสิ,อิสี อิสิ, อิสี น. ผู้แสวงคุณความดี, ฤษี, ผู้ถือบวช. (ป.; ส. ฤษิ).
อิสินธร อิสินธร [-สินทอน] น. ชื่อภูเขาชั้นที่ ๒ ในหมู่เขาสัตบริภัณฑ์ที่ล้อมเป็นวงกลมรอบเขาพระสุเมรุ. (ป. อิสินฺธร, อีสธร; ส. อีษาธร). (ดู สัตบริภัณฑ์, สัตภัณฑ์).
อิหม่าม อิหม่าม น. คําเรียกผู้นําในศาสนาอิสลาม, ผู้นําในการทําละหมาด, ตําแหน่งสําคัญของคณะกรรมการบริหารมัสยิด, โต๊ะอิหม่าม ก็เรียก. (อ. imam).
อิหลักอิเหลื่อ อิหลักอิเหลื่อ ว. อึดอัดใจ, ลําบากใจ, อลักเอลื่อ อาหลักอาเหลื่อ หรือ อีหลักอีเหลื่อ ก็ว่า.
อี,อี ๑ อี ๑ น. คําประกอบคําอื่นบอกให้รู้ว่าเป็นเพศหญิงหรือสัตว์ตัวเมีย เช่น อีสาว อีเหมียว, คําประกอบหน้าชื่อผู้หญิงที่มีฐานะตํ่ากว่า, คําใช้ประกอบหน้าชื่อผู้หญิงแสดงความดูหมิ่นเหยียดหยาม, คําประกอบคําบางคําที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กผู้หญิงหรือผู้หญิงที่อายุน้อยกว่ามากด้วยความเอ็นดูหรือสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น อีหนู, คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้น เช่น อีทีนี้จะเอาอะไรกินกันล่ะ อีตอนนั้นไม่สบายเลยไม่ได้ไป, คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้นในเชิงบริภาษ เช่น อีบ้า อีงั่ง อีควาย, คําใช้แทนสิ่งที่กล่าวถึงและเป็นที่เข้าใจกัน เช่น เอาอีนี่ออกไปซิ, (โบ) คํานําหน้าชื่อผู้หญิงสามัญชนทั่วไป เช่น อีอยู่อีคงทาษภรรยาพระเสนานน. (สามดวง), ถ้าใช้ในทางเสียหายโดยเฉพาะทางด้านชู้สาว มักใช้ว่า อี่ เช่น หย่างไอ้ดีบวดอยู่วัดโพเสพเมถุนธรรมด้วยอี่ทองมาก อี่เพียน อี่พิ่ม อี่บุนรอด อี่หนู อี่เขียว. (สามดวง).
อี,อี ๒ อี ๒ น. คําประกอบหน้าชื่อการเล่นบางอย่าง เช่น อีตัก อีขีดอีเขียน; คําประกอบหน้าชื่อท่าในการเล่นบางอย่าง เช่น อีงุ้ม อีเข่า ในการเล่นสะบ้า อีรวบ อีกาเข้ารัง ในการเล่นหมากเก็บ.
อี่ อี่ (โบ) น. เรียกลูกสาวคนที่ ๒ ว่า ลูกอี่, เรียกลูกสาวคนที่ ๑ ว่า ลูกเอื้อย, คู่กับ คําที่เรียกลูกชายคนที่ ๑ ว่า ลูกอ้าย, เรียกลูกชายคนที่ ๒ ว่า ลูกยี่.
อี๊ อี๊ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงอาการรังเกียจสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นต้น เช่น อี๊ ! เสื้อสกปรกอย่างนี้ ยังจะเอามาให้อีก, ยี้ ก็ว่า.
อี๋,อี๋ ๑ อี๋ ๑ น. ชื่อขนมของจีนชนิดหนึ่ง ทําด้วยแป้งข้าวเจ้าปั้นเป็นลูกกลม ๆ ต้มนํ้าตาล.
อี๋,อี๋ ๒ อี๋ ๒ ว. คําใช้ขยายกริยา คราง ในคําว่า ครางอี๋.
อี๋,อี๋ ๓,อี๋อ๋อ อี๋ ๓, อี๋อ๋อ ก. กิริยาที่แสดงอาการเอาอกเอาใจหรือประจบประแจงเป็นต้น.
อีก อีก ว. ต่อไป, ซํ้า, เพิ่มเติม เช่น ขออีก, อื่นจากนั้น เช่น อีกประการหนึ่ง, อิก ก็ว่า.
อีก้อ อีก้อ น. ชนชาวเขาพวกหนึ่ง ในตระกูลทิเบต-พม่า มีอยู่ทางแถบเหนือของประเทศไทย คล้ายพวกมูเซอ, ก้อ ก็เรียก.
อีก๋อย อีก๋อย น. ชื่อนกในวงศ์ Scolopacidae ตัวสีนํ้าตาลเทาลายดํา ปากยาวโค้งปลายแหลม ขายาว หากินเป็นฝูงตามชายหาด มีหลายชนิด เช่น อีก๋อยใหญ่ (Numenius arquata) อีก๋อยเล็ก (N. phaeopus), ก๋อย ก็เรียก.
อีกา อีกา ดู กา ๑.
อีก๋า อีก๋า ดู หมอช้างเหยียบ.
อีเก้ง อีเก้ง ดู เก้ง.
อีเกร็ง อีเกร็ง [-เกฺร็ง] ดู เหงือกปลาหมอ ๒.
อีเก้อีกัง อีเก้อีกัง ว. เก้กัง.
อีแก อีแก ดู แก ๑.
อีแก่,อีแก่กินน้ำ อีแก่, อีแก่กินน้ำ น. ชื่อการเล่นไพ่อย่างหนึ่ง.
อีแก้ อีแก้ น. เบี้ยอีแก้. (ดู เบี้ยแก้).
อีโก้ง อีโก้ง น. ชื่อนกชนิด Porphyrio porphyrio ในวงศ์ Rallidae ลําตัวสีม่วงเหลือบนํ้าเงิน ปากหนาสีแดง ใต้หางสีขาว ขาและนิ้วยาว วิ่งหากินบนพืชที่ลอยอยู่ในนํ้า กินพืชและสัตว์เล็ก ๆ.
อีโก๊ะ อีโก๊ะ ดู หมอตาล.
อีคว่ำอีหงาย อีคว่ำอีหงาย น. เรียกการเล่นชนิดหนึ่งในจําพวกหมากแยก ซึ่งมีการกินหงายเบี้ย.
อีจู้ อีจู้ น. เครื่องดักปลาไหลชนิดหนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่ รูปคล้ายหม้อคอสูง มีงาแซงอยู่ริมก้น ห้อยเหยื่อไว้ภายใน, กระจู้ หรือ จู้ ก็เรียก.
อีฉัน อีฉัน ส. คําใช้แทนตัวผู้พูด เพศหญิง เป็นคําสุภาพ, อิฉัน ก็ว่า, (แบบ) ผู้ชายใช้ว่า ดิฉัน หรือ ดีฉัน ผู้หญิงใช้ว่า อิฉัน หรือ อีฉัน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๑.
อีฉุยอีแฉก อีฉุยอีแฉก ก. กระจัดกระจาย, ไม่รวมอยู่แห่งเดียวกัน.<2t>ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, สุรุ่ยสุร่าย, อีลุ่ยฉุยแฉก หรือ อีหลุยฉุยแฉก ก็ว่า.
อีชุก อีชุก ดู ค้าว.
อี๊ด อี๊ด ว. เสียงร้องดังเช่นนั้น.
อีดอก อีดอก น. คำที่ใช้ด่าผู้หญิง.
อีดำอีแดง,อีดำอีแดง ๑ อีดำอีแดง ๑ น. เครื่องเล่นการพนันอย่างหนึ่ง ใช้ไม้ ๓ อัน ทาสีดำ สีแดง และสีขาว เจ้ามือกำไม้ทั้ง ๓ อันไว้ แล้วใช้ความไวปัดไม้อันหนึ่งลงในกล่อง ให้ลูกค้าแทงสี ถ้าแทงผิดเจ้ามือกิน, ปลาดำปลาแดง หรือ ไม้ดำไม้แดง ก็เรียก.
อีดำอีแดง,อีดำอีแดง ๒ อีดำอีแดง ๒ น. ชื่อโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ขึ้นเป็นผื่นสีดําสีแดงตามตัว.
อีตัว อีตัว น. เบี้ยใช้ทอยในการเล่นบางอย่างเช่นต้องเต.
อีตาล อีตาล ดู หมอตาล.
อีเต้อ อีเต้อ น. เครื่องมือสําหรับขุดของแข็งหรือหินเป็นต้น ทําด้วยเหล็ก ลักษณะคล้ายจอบ ปลายหัวด้านหนึ่งแหลม ส่วนปลายอีกด้านหนึ่งแบน มีรูตรงกลางสําหรับใส่ด้าม.
อีโต้ อีโต้ น. มีดโต้. (ดู โต้ ๑).
อีถ่าง อีถ่าง ดู กระท่อม ๒.
อีทุก,อีทุบ อีทุก, อีทุบ ดู ค้าว.
อีเทอร์ อีเทอร์ น. สารประกอบอินทรีย์ประเภทหนึ่ง มีสูตรทั่วไปเป็น R-O-R โดยทั่วไปมักหมายถึง ไดเอทิลอีเทอร์ ซึ่งมีสูตร C2H5-O-C2H5 ลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี มีขีดเดือด ๓๔.๖ °ซ. ไวไฟมาก ใช้ประโยชน์เป็นยาดมสลบ เป็นตัวทําละลาย และใช้นําไปเตรียมสารเคมีอื่น. (อ. ether).
อีนุงตุงนัง อีนุงตุงนัง ว. ยุ่งใหญ่, พันกันยุ่ง.
อีนูน อีนูน (ถิ่น-อีสาน) น. ชื่อไม้เถามีหัวชนิด Adenia pierrei Gagnep. และชนิด A. viridiflora Craib ในวงศ์ Passifloraceae ขึ้นปกคลุมต้นไม้ตามป่าทั่วไป ทุกส่วนเป็นพิษ ยอดอ่อนดองแล้วกินได้, นางนูน หรือ ผักสาบ ก็เรียก.
อีโน อีโน (โบ) น. เรียกชามขนาดใหญ่อย่างชามโคมว่า ชามอีโน.
อีโนงโตงเนง อีโนงโตงเนง ว. รุงรัง; ไม่รู้จักแล้ว.
อีบึ้ง อีบึ้ง ดู บึ้ง ๑.
อีเบ้อ อีเบ้อ (ถิ่น-พายัพ) น. ผีเสื้อกลางวัน. (ดู ผีเสื้อ ๑).
อีเป็ด อีเป็ด น. ชื่อเรือต่อหรือเรือขุดต่อกระดานเสริมกราบชนิดหนึ่ง หัวท้ายแบน ๆ ก็มี หัวท้ายแหลมก็มี กลางป่อง ดูรูปร่างคล้ายเป็ด, เรือเป็ด ก็เรียก.
อีเป้า อีเป้า น. ชื่อว่าวชนิดหนึ่งมีหางยาว คู่กับ ว่าวจุฬา, ปักเป้า ก็เรียก.
อีแปะ,อีแปะ ๑ อีแปะ ๑ น. เงินปลีกโบราณ, กะแปะ ก็เรียก.
อีแปะ,อีแปะ ๒ อีแปะ ๒ น. ชื่อเรือต่อชนิดหนึ่ง ท้องแบน เสริมกราบ รูปคล้ายเรือสําปั้น แต่หัวเรือสั้นกว่า.
อีแปะ,อีแปะ ๓ อีแปะ ๓ น. ผักอีแปะ. [ดู ตับเต่า (๑)].
อีโปง,อีโปง ๑ อีโปง ๑ น. ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่ง ยาวประมาณ ๑ วา ทําจากโคนต้นตาลผ่าซีก แล้วขุดเอาเนื้อข้างในออก ปิดท้ายด้วยไม้ ท้ายเรือเล็กกว่าหัวเรือ.
อีโปง,อีโปง ๒,อีโปงครอบ อีโปง ๒, อีโปงครอบ น. เครื่องเล่นการพนันอย่างหนึ่ง ใช้ถ้วยครอบเบี้ยซึ่งเรียกว่า ลูกอีโปง ลักษณะเป็นลูกบาศก์ หน้าทั้ง ๖ ด้านมีภาพนํ้าเต้า ปู ปลา กุ้ง เสือ ไก่ ให้ลูกค้าแทง ถ้าแทงถูกเจ้ามือใช้ ๓ ต่อ.
อีเพา อีเพา น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง, นกกระถั่ว หรือ โชโหว ก็เรียก. (พจน. ๒๔๙๓).
อีมู,อีมู ๑ อีมู ๑ น. ชื่อนกขนาดใหญ่ชนิด Dromaius novaehollandiae ในวงศ์ Dromaiidae ลําตัวสีเทาอมดํา สูงประมาณ ๕ ฟุต ปีกขนาดเล็กมาก บินไม่ได้ มีนิ้วตีน ๓ นิ้ว เล็บแหลมคมมากใช้ในการต่อสู้ ถิ่นกําเนิดอยู่ในทวีปออสเตรเลีย.
อีมู,อีมู ๒ อีมู ๒ น. ชื่อมันชนิด Dioscorea pentaphylla L. ในวงศ์ Dioscoreaceae รากมีหนามแข็ง หัวกลมผิวขรุขระ สีนํ้าตาล กินได้.
อีรม อีรม ดู นางรม ๑.
อีรุ้ง อีรุ้ง ดู รุ้ง ๒.
อีลอง อีลอง ดู หางแข็ง.
อีล่อยป่อยแอ อีล่อยป่อยแอ (โบ) ว. ชักช้า, อืดอาด, อีล่อยป้อยแอ ก็ว่า.
อีลุ้ม,อีลุ้ม ๑ อีลุ้ม ๑ น. ชื่อนกชนิด Gallicrex cinerea ในวงศ์ Rallidae ตัวขนาดเดียวกับนกอีโก้ง ขายาว นิ้วยาว ตัวผู้ขนสีดํา หงอนแดง ตัวเมียขนสีนํ้าตาล ไม่มีหงอน นอกฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้และตัวเมียมีสีขนคล้ายกัน อาศัยหากินตามแหล่งน้ำและทุ่งนา พบทั่วทุกภาค กินพืชและสัตว์เล็ก ๆ.
อีลุ้ม,อีลุ้ม ๒ อีลุ้ม ๒ น. ชื่อว่าวชนิดหนึ่งคล้ายว่าวปักเป้าแต่ไม่มีหาง.
อีลุ่ยฉุยแฉก อีลุ่ยฉุยแฉก ก. กระจัดกระจาย, ไม่รวมอยู่แห่งเดียวกัน.<2t>ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, สุรุ่ยสุร่าย, อีหลุยฉุยแฉก หรือ อีฉุยอีแฉก ก็ว่า.
อีเลิ้ง อีเลิ้ง น. เรียกตุ่มหรือโอ่งใหญ่ว่า ตุ่มอีเลิ้ง หรือ ตุ่มนางเลิ้ง, โอ่งนครสวรรค์ ก็เรียก; โดยปริยายหมายความว่า ใหญ่เทอะทะ.
อีแล่ง อีแล่ง น. หม้อขนาดใหญ่คล้ายหม้อแกง สําหรับหมักส่าเหล้า.
อีโลง อีโลง ดู หางแข็ง.
อีศ อีศ [อีด] น. ผู้เป็นใหญ่. (ส.; ป. อีส).
อีศวร อีศวร [-สวน] น. อิศวร. (ส.).
อีส อีส [อีด] น. ผู้เป็นใหญ่. (ป.; ส. อีศ).
อีสา อีสา น. งอนไถ.<2t>ว. งอนช้อนขึ้น. (ป.; ส. อีษา).
อีสาน,อีสาน ๑ อีสาน ๑ น. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ. (ป. อีสาน; ส. อีศาน).
อีสาน,อีสาน ๒ อีสาน ๒ น. พระศิวะหรือพระรุทระ.
อีสุกอีใส อีสุกอีใส น. โรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีอาการไข้สูงและปวดหัว มีเม็ดพองใส ๆ ขึ้นตามตัว.
อีหน็องอีแหน็ง อีหน็องอีแหน็ง ว. กะหน็องกระแหน็ง.
อีหรอบ อีหรอบ [-หฺรอบ] (โบ) น. ยุโรป หมายความว่า ฝรั่ง เช่น ดินอีหรอบ เข้าอีหรอบ หมายความว่า ทําตามแบบฝรั่ง.
อีหรอบเดียวกัน อีหรอบเดียวกัน (สํา) ว. ทํานองเดียวกัน, แบบเดียวกัน, (มักใช้ในทางไม่ดี) เช่น พ่อเป็นขโมย ลูกก็อีหรอบเดียวกัน.
อีหลักอีเหลื่อ อีหลักอีเหลื่อ [-เหฺลื่อ] ว. อึดอัดใจ, ลําบากใจ, อลักเอลื่อ อาหลักอาเหลื่อ หรือ อิหลักอิเหลื่อ ก็ว่า.
อีหลัดถัดทา อีหลัดถัดทา น. ส่วนหนึ่งแห่งคําร้องในการเล่นโมงครุ่มซึ่งเป็นมหรสพชนิดหนึ่งของหลวง โดยคนตีฆ้องจะร้องว่า อีหลัดถัดทา.
อีหลี อีหลี [-หฺลี] (ถิ่น-อีสาน) ว. จริง ๆ, บางทีใช้ว่า ดีหลี.
อีหลุกขลุกขลัก อีหลุกขลุกขลัก ว. ติดขัด, ไม่สะดวก, ไม่คล่อง.
อีหลุกขลุกขลุ่ย อีหลุกขลุกขลุ่ย ว. ง่วนอยู่.
อีหลุยฉุยแฉก อีหลุยฉุยแฉก ก. กระจัดกระจาย, ไม่รวมอยู่แห่งเดียวกัน.<2t>ว. ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, สุรุ่ยสุร่าย, อีลุ่ยฉุยแฉก หรือ อีฉุยอีแฉก ก็ว่า.
อีเห็น อีเห็น น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Viverridae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับชะมดและพังพอน ลําตัวเรียวยาว ขาสั้น หางยาว ปากแหลมยาว ออกหากินในเวลากลางคืน มีต่อมกลิ่นที่ก้นทําให้ตัวมีกลิ่นแรง กินสัตว์และผลไม้ มีหลายชนิด เช่น อีเห็นลายจุด (Paradoxurus hermaphroditus) อีเห็นหน้าขาว (Paguma larvata) อีเห็นหูขาว (Arctogalidia trivirgata), ปักษ์ใต้เรียก มดสัง หรือ มูสัง, ในบทประพันธ์ ใช้ว่า กระเห็น ก็มี เช่น กระเห็นเห็นกันแล้ววิ่งมา. (รามเกียรติ์ ร. ๑).
อีเหน็บ อีเหน็บ น. มีดเหน็บ.
อีเหนียว อีเหนียว ดู กระดูกอึ่ง.
อีเหละเขละขละ,อีเหละเขะขะ อีเหละเขละขละ, อีเหละเขะขะ [-เหฺละเขฺละขฺละ, -เหฺละ-] ว. เกะกะ, เกลื่อนกลาด.
อีเหลียน อีเหลียน น. มีดเหลียน.
อีโหน่อีเหน่ อีโหน่อีเหน่ น. เรื่องราวที่เกิดขึ้น ใช้ในทางปฏิเสธในสำนวนว่า ไม่รู้อีโหน่อีเหน่.
อีโหลกโขลกเขลก อีโหลกโขลกเขลก [-โหฺลกโขฺลกเขฺลก] ว. อาการที่ยานพาหนะเป็นต้นเคลื่อนที่ไปอย่างทุลักทุเล เช่น นั่งรถอีโหลกโขลกเขลกมาทั้งวัน, ไม่เป็นโล้เป็นพาย, ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, เช่น ใช้ชีวิตอีโหลกโขลกเขลกไปวันหนึ่ง ๆ.
อีแอ่น อีแอ่น น. ชื่อนกขนาดเล็กในวงศ์ Apodidae, Hemiprocnidae, Hirundinidae และ Artamidae ตัวสีนํ้าตาลหรือดํา ปลายปีกแหลม ใช้เวลาส่วนใหญ่บินโฉบแมลง มักอยู่รวมกันเป็นฝูง มีหลายชนิด เช่น อีแอ่นบ้าน (Hirundo rustica) อีแอ่นตะโพกแดง (H. daurica) ในวงศ์ Hirundinidae อีแอ่นตาล (Cypsiurus balasiensis) ในวงศ์ Apodidae ชนิดที่นํารังมากินได้ เช่น อีแอ่นกินรัง (Collocalia fuciphaga หรือ Aerodramus fuciphagus) ในวงศ์ Apodidae, นางแอ่น หรือ แอ่นลม ก็เรียก.
อึ อึ (ปาก) ก. ถ่ายอุจจาระ (มักใช้แก่เด็ก).<2t>น. ขี้, อุจจาระ.
อึก,อึก ๑,อึ้ก,อึ้ก ๆ อึก ๑, อึ้ก, อึ้ก ๆ ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงทุบแผ่นหลังด้วยกำปั้นหรือเสียงดื่มน้ำอย่างเร็วเป็นต้น.
อึก,อึก ๒ อึก ๒ น. ลักษณนามเรียกอาการกลืนของเหลวหรือเสียงทุบแผ่นหลังด้วยกำปั้นครั้งหนึ่ง ๆ เช่น ดื่มน้ำ ๓ อึก เขาถูกทุบไป ๓ อึก.
อึ๊ก ๆ อึ๊ก ๆ ว. เสียงอย่างเสียงสะอึก.
อึก ๆ อัก ๆ อึก ๆ อัก ๆ ว. อาการที่พูดไม่ออก ติดกึกกักอยู่ในคอเพราะกลัวหรือประหม่าเป็นต้น, กระอึกกระอัก หรือ อึกอัก ก็ว่า.
อึกทึก อึกทึก [อึกกะทึก] ว. เอ็ดอึง, อื้ออึง, ครึกโครม.
อึกอัก อึกอัก ว. อาการที่พูดไม่ออก ติดกึกกักอยู่ในคอเพราะกลัวหรือประหม่าเป็นต้น, กระอึกกระอัก หรือ อึก ๆ อัก ๆ ก็ว่า; เสียงอย่างเสียงทุบกัน; ทันทีทันใด, ปุบปับ, ไม่ทันไตร่ตรอง, ไม่บอกกล่าวเล่าแจ้ง, เช่น อึกอักก็ไป อึกอักก็ด่า, เอะอะ ก็ว่า.
อึง อึง ก. ดัง, เอ็ด, อึกทึก, แพร่งพราย.
อึ่ง อึ่ง น. ชื่อสัตว์สี่เท้าสะเทินนํ้าสะเทินบกหลายชนิดในวงศ์ Microhylidae รูปร่างอ้วนป้อมและมักพองตัวได้ เช่น อึ่งอ่าง (Kaloula pulchra) อึ่งแว่น (Calluella guttulata).
อึ้ง อึ้ง ว. นิ่งอั้นอยู่.
อึงคะนึง อึงคะนึง ว. เอะอะ, อื้ออึง.
อึงมี่ อึงมี่ ว. ดังอื้ออึงระงมไป.
อึ่งยาง,อึ่งอ่าง อึ่งยาง, อึ่งอ่าง น. ชื่อสัตว์สี่เท้าสะเทินนํ้าสะเทินบกในสกุล Kaloula วงศ์ Microhylidae สีนํ้าตาลลายขาว โตเต็มวัยยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร มักทําตัวพองเมื่อถูกรบกวน ร้องเสียงดังเมื่อนํ้านองหลังฝนตก ที่พบทั่วไปมี ๒ ชนิด คือ ชนิด K. pulchra และอึ่งอ่างหลังขีด (K. mediolineata).
อึ่งใหญ่ อึ่งใหญ่ ดู กระดูกอึ่ง.
อึงอล อึงอล ว. ดังลั่น เช่น เสียงคลื่นลมอึงอล.
อึด อึด ก. ทน, อดกลั้น, อั้นไว้.
อึดใจ อึดใจ น. เวลาชั่วกลั้นลมหายใจไว้คราวหนึ่ง.
อึดตะปือ อึดตะปือ ว. มากมาย, ล้นหลาม.
อึ้ดทึ่ด อึ้ดทึ่ด ว. อาการที่พองขึ้นเต็มที่ (ใช้แก่ศพคนหรือสัตว์บางชนิดที่ตายแล้ว), โดยปริยายหมายถึงอาการที่นอนหรือนั่งตามสบาย มีลักษณะไปในทางเกียจคร้านเป็นต้น เช่น นอนอึ้ดทึ่ด นั่งอึ้ดทึ่ด.
อึดอัด อึดอัด ว. คับอกคับใจ, ไม่คล่อง, ไม่ปลอดโปร่ง.
อึน อึน ว. แห้งไม่สนิท เช่น ผ้ายังอึน ๆ อยู่.
อืด อืด ว. พอง, ขึ้น, เช่น ท้องอืด; เฉื่อยชา, ช้า.
อืดอาด อืดอาด ว. เฉื่อยชา, ยืดยาด.
อื่น อื่น ว. นอกออกไป, ต่างออกไป.
อื้น อื้น ก. พูด, เรียก, เรียกร้อง, กล่าวถ้อยคำ, เอิ้น หรือ เอื้อน ก็ว่า.
อือ อือ อ. คําที่เปล่งออกมาเป็นการตอบรับหรือรับรู้.
อื้อ อื้อ ว. อาการที่รู้สึกมีเสียงดังอยู่ในหู, ไม่ได้ยิน; (ปาก) มาก เช่น รวยอื้อ บ่นกันอื้อ.
อื้อฉาว อื้อฉาว ว. แพร่งพราย, เซ็งแซ่, กระจาย, (ใช้แก่ข่าวที่ไม่ดีไม่งาม).
อื้อซ่า อื้อซ่า (ปาก) ว. มากมาย เช่น รับทรัพย์อื้อซ่า.
อื้ออึง อื้ออึง ว. สนั่น, ดังลั่น, เอิกเกริก.
อื้อฮือ อื้อฮือ อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความแปลกใจเป็นต้น.
อุ อุ น. นํ้าเมาชนิดหนึ่ง ใช้ปลายข้าวและแกลบประสมกับแป้งเชื้อแล้วหมักไว้.
อุก,อุก ๑ อุก ๑ น. ชื่อเรียกปลากดหลายชนิดในวงศ์ Ariidae ซึ่งเมื่อถูกจับขึ้นมาพ้นนํ้าจะร้องเสียงอุก ๆ.
อุก,อุก ๒ อุก ๒ (กลอน) ก. หักหาญด้วยพลการ, บังอาจ, เช่น ทำอุกสนุกเสน่หาสองราช.
อุกกา อุกกา [อุก-] น. คบเพลิง. (ป.; ส. อุลฺกา).
อุกกาบาต อุกกาบาต น. ผีพุ่งไต้, อุกลาบาต ก็เรียก. (ป. อุกฺกาปาต; ส. อุลฺกาปาต).
อุกคลุก อุกคลุก (กลอน) ก. เข้ารบคลุกคลีประชิดตัว, อุตลุด, เช่น อุกคลุกพลุก เงยงัด คอคช เศิกแฮ. (ตะเลงพ่าย).
อุกฉกรรจ์ อุกฉกรรจ์ ว. ร้ายแรง เช่น คดีอุกฉกรรจ์.
อุกฤษฏ์ อุกฤษฏ์ [-กฺริด] ว. สูงสุด. (ส. อุตฺกฺฤษฺฏ; ป. อุกฺกฏฺ).
อุกลา อุกลา [อุกกะลา] น. คบเพลิง. (ส. อุลฺกา; ป. อุกฺกา).
อุกลาบาต อุกลาบาต [อุกกะลาบาด] น. อุกกาบาต. (ส. อุลฺกาปาต; ป. อุกฺกาปาต).
อุกอาจ อุกอาจ ก. กล้าทําความผิดโดยไม่เกรงกลัว, กล้าละเมิดโดยไม่กลัวความผิด, บังอาจล่วงละเมิด.
อุค,อุคระ อุค, อุคระ [อุก, อุกคฺระ] ว. ร้าย, ดุร้าย; ยิ่งใหญ่, มีอํานาจ. (ป. อุคฺค; ส. อุคฺร).
อุคห,อุคห-,อุคหะ อุคห-, อุคหะ [อุกคะหะ-] น. การเล่าเรียน.<2t>ว. เจนใจ. (ป. อุคฺคห).
อุคหนิมิต อุคหนิมิต น. อารมณ์ที่เจนใจ คือ เป็นวิธีแห่งผู้เพ่งกสิณชํานาญจนรูปที่ตนเพ่งอยู่นั้นติดตาถึงแม้หลับตาเสีย รูปนั้นก็ปรากฏเป็นเครื่องหมายอยู่ รูปที่ปรากฏนี้ เรียกว่า อุคหนิมิต. (ป. อุคฺคหนิมิตฺต; ส. อุทฺคฺรห + นิมิตฺต).
อุโฆษ อุโฆษ [-โคด] ว. กึกก้อง. (ส. อุทฺโฆษ; ป. อุคฺโฆส).
อุ้ง อุ้ง น. ส่วนกลางของฝ่ามือหรือฝ่าเท้า.
อุจ อุจ ว. สูง, ระหง. (ป., ส. อุจฺจ).
อุจจาร,อุจจาร-,อุจจาระ อุจจาร-, อุจจาระ [อุดจาระ-] น. ขี้, (ปาก) อึ. (ป., ส.).
อุจจารมรรค อุจจารมรรค [อุดจาระมัก] น. ทวารหนัก. (ส.; ป. อุจฺจารมคฺค).
อุจฉุ อุจฉุ [อุด-] น. อ้อย. (ป.).
อุจเฉท,อุจเฉท- อุจเฉท, อุจเฉท- [อุดเฉด, อุดเฉทะ-] ก. ขาดสิ้น, สูญ. (ป., ส.).
อุจเฉททิฐิ อุจเฉททิฐิ [อุดเฉทะ-] น. ความเห็นว่าตายแล้วสูญ (ไม่มีปฏิสนธิวิญญาณหรือการเกิดใหม่). (ป. อุจฺเฉททิฏฺ).
อุจาด อุจาด ว. น่าเกลียด, น่าอาย, อย่างที่ไม่ควรทํา.
อุชุ อุชุ ว. ตรง, ซื่อตรง. (ป.; ส. ฤชุ).
อุฏฐาการ อุฏฐาการ [อุดถากาน] ก. ลุกขึ้น. (ป.).
อุณห,อุณห-,อุณหะ อุณห-, อุณหะ [อุนหะ-] ว. ร้อน, อบอุ่น. (ป.; ส. อุษฺณ).
อุณหภูมิ อุณหภูมิ [อุนหะพูม] น. ระดับความสูงต่ำของความร้อน นิยมวัดได้ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า เทอร์โมมิเตอร์.
อุณหาการ อุณหาการ น. อาการร้อน, อาการเร่าร้อน. (ป. อุณฺหาการ; ส. อุษฺณาการ).
อุณหิส อุณหิส [อุนนะหิด] น. กรอบหน้า, มงกุฎ. (ป. อุณฺหีส; ส. อุษฺณีษ).
อุณา อุณา น. ขนแกะ; ขนระหว่างคิ้ว. (ป. อุณฺณา; ส. อูรฺณา).
อุณานาภี อุณานาภี น. แมงมุม. (ป. อุณฺณานาภี; ส. อูรฺณานาภิ).
อุณาโลม อุณาโลม น. ขนระหว่างคิ้ว; เครื่องหมายรูปอย่างนี้ .
อุด อุด ก. จุกช่อง, จุกให้แน่น.
อุดเตา อุดเตา น. เตารีด, เครื่องทำด้วยโลหะ สำหรับรีดผ้าให้เรียบโดยอาศัยความร้อนเช่นถ่าน หรือ ไฟฟ้า.
อุดม,อุดม- อุดม, อุดม- [-ดม, -ดมมะ-] ว. สูงสุด, ยิ่ง, เลิศ, มากมาย, บริบูรณ์. (ป., ส. อุตฺตม).
อุดมการณ์ อุดมการณ์ [อุดมมะ-, อุดม-] น. หลักการที่วางระเบียบไว้เป็นแนวปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้.
อุดมคติ อุดมคติ [อุดมมะ-, อุดม-] น. จินตนาการที่ถือว่าเป็นมาตรฐานแห่งความดี ความงาม และความจริง ทางใดทางหนึ่งที่มนุษย์ถือว่าเป็นเป้าหมายแห่งชีวิตของตน.
อุดมศึกษา อุดมศึกษา [อุดมมะ-, อุดม-] น. การศึกษาในระดับสูงกว่ามัธยมศึกษา.
อุดร อุดร [-ดอน] น. ทิศเหนือ ใช้ว่า ทิศอุดร; ข้างซ้าย. (ป., ส. อุตฺตร).
อุดหนุน อุดหนุน ก. ช่วยเหลือ, เกื้อกูล.
อุดหนุนจุนเจือ อุดหนุนจุนเจือ ก. ช่วยเหลือเกื้อกูล.
อุดอู้ อุดอู้ ว. อับ, ไม่โปร่ง, (ใช้แก่สถานที่).
อุดากัน,อุนากัน อุดากัน, อุนากัน ว. เล็บยาว. (ช.).
อุตดม,อุตตมะ,อุตม,อุตม- อุตดม, อุตตมะ, อุตม- [อุดดม, อุดตะมะ-] ว. สูงสุด, ยิ่ง, เลิศ, มากมาย, บริบูรณ์. (ป., ส. อุตฺตม).
อุตดร,อุตร,อุตร- อุตดร, อุตร- [อุดดอน, อุดตะระ-] น. อุดร. (ป., ส. อุตฺตร).
อุตตรายัน อุตตรายัน [อุดตฺรา-] (ดารา) น. จุดสุดทางเหนือ เมื่อดวงอาทิตย์ปรากฏในราววันที่ ๒๒ มิถุนายน เป็นจุดในหน้าร้อน มีกลางวันยาวที่สุด เรียกว่า อุตตรายัน (summer solstice), คู่กับ ทักษิณายัน, ครีษมายัน ก็เรียก. (ป. อุตฺตร + ส. อายน).
อุตตานภาพ อุตตานภาพ [อุดตานะพาบ] (กลอน) ก. นอนหงาย เช่น รวบพระกรกระหวัดทั้งซ้ายขวาให้พระนางอุตตานภาพ. (ม. ร่ายยาว กุมาร), เขียนเป็น อุตตานะภาพ ก็มี เช่น ฉวยกระชากชฎาเกษเกล้าให้นางท้าวเธอล้มลงอุตตานะภาพ. (ม. กาพย์ กุมารบรรพ). (ป. อุตฺตาน ว่า หงาย + ภาว).
อุตบล อุตบล [อุดบน] น. อุบล, บัวสาย, เช่น นีโลตบล ว่า บัวขาบ. (ส. อุตฺปล; ป. อุปฺปล).
อุตพิด อุตพิด [อุดตะ-] น. ชื่อไม้ล้มลุกมีหัวชนิด Typhonium trilobatum Schott ในวงศ์ Araceae ดอกบานเวลาเย็น กลิ่นเหม็นเหมือนอุจจาระ. (ข. อาจม์ + พิษ).
อุตพิดผี อุตพิดผี ดู โหรา ๒.
อุตมภาพ อุตมภาพ น. ภาวะอันสูงสุด, ความสูงสุด; ฐานะอันดี.
อุตมัตถ์ อุตมัตถ์ [อุดตะมัด] น. ผลอันยอดเยี่ยม หมายถึง พระนิพพาน. (ป. อุตฺตมตฺถ).
อุตมางค์ อุตมางค์ [อุดตะมาง] น. ส่วนสูงสุดของร่างกาย คือ หัว. (ส. อุตฺตมางฺค).
อุตรกุรุทวีป,อุตรกุรูทวีป อุตรกุรุทวีป, อุตรกุรูทวีป [อุดตะระ-] น. ทวีปใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ เป็นทวีป ๑ ใน ๔ ทวีป ได้แก่ อุตรกุรุทวีปหรืออุตรกุรูทวีป บุพวิเทหทวีป ชมพูทวีป และอมรโคยานทวีป. (ป., ส. อุตฺตรกุร + ส. ทวีป).
อุตรนิกาย อุตรนิกาย [อุดตะระ-] น. ชื่อนิกายหนึ่งในพระพุทธศาสนา คือ นิกายฝ่ายเหนือ ซึ่งเรียกว่า มหายาน. (ป., ส. อุตฺตรนิกาย).
อุตรผลคุนี,อุตตรผลคุนี อุตรผลคุนี, อุตตรผลคุนี [อุดตะระผนละคุนี] น. ดาวฤกษ์ที่ ๑๒ มี ๒ ดวง เห็นเป็นรูปงูเหลือม แรดตัวเมีย หรือเพดานตอนหลัง, ดาวเพดาน หรือ ดาววัวตัวเมีย ก็เรียก. (ส. อุตฺตรผาลฺคุนี; ป. อุตฺตรผคฺคุนี).
อุตรภัทรบท,อุตตรภัทรบท,อุตตรภัททะ อุตรภัทรบท, อุตตรภัทรบท, อุตตรภัททะ [อุดตะระพัดทฺระบด, อุดตะระพัดทะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๖ มี ๒ ดวง เห็นเป็นรูปราชสีห์ตัวเมียหรือเพดานตอนหลัง, ดาวแรดตัวเมีย หรือ ดาวไม้เท้า ก็เรียก. (ส. อุตฺตรภทฺรปท; ป. อุตฺตรภทฺทปท).
อุตรา อุตรา [อุดตฺรา] น. เรียกลมชนิดหนึ่งพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในต้นฤดูร้อน ว่า ลมอุตรา.
อุตราภิมุข อุตราภิมุข [อุดตะรา-] ก. บ่ายหน้าไปทางทิศเหนือ. (ป., ส. อุตฺตราภิมุข).
อุตราวรรต อุตราวรรต [อุดตะรา-] น. การเวียนซ้าย. ว. เวียนไปทางซ้าย คือเวียนเลี้ยวทางซ้ายอย่างทวนเข็มนาฬิกา, อุตราวัฏ ก็ว่า, ตรงข้ามกับ ทักษิณาวรรต หรือ ทักขิณาวัฏ. (ส. อุตฺตราวรฺต; ป. อุตฺตราวฏฺฏ).
อุตราวัฏ อุตราวัฏ [อุดตะรา-] น. การเวียนซ้าย.<2t>ว. เวียนไปทางซ้าย คือเวียนเลี้ยวทางซ้ายอย่างทวนเข็มนาฬิกา, อุตราวรรต ก็ว่า, ตรงข้ามกับ ทักขิณาวัฏ หรือ ทักษิณาวรรต. (ป. อุตฺตราวฏฺฏ; ส. อุตฺตราวรฺต).
อุตราษาฒ,อุตตราอาษาฒ,อุตตราสาฬหะ อุตราษาฒ, อุตตราอาษาฒ, อุตตราสาฬหะ [อุดตะราสาด, อุดตะราอาสาด, อุดตะราสานหะ] น. ดาวฤกษ์ที่ ๒๑ มี ๕ ดวง เห็นเป็นรูปครุฑหรือช้างพัง, ดาวแตรงอน หรือ ดาวราชสีห์ตัวเมีย ก็เรียก. (ส. อุตฺตราษาฒ; ป. อุตฺตราสาฬฺห).
อุตราสงค์ อุตราสงค์ [อุดตะรา-] น. จีวรสําหรับห่ม. (ป., ส. อุตฺตราสงฺค).
อุตริ อุตริ [อุดตะหฺริ] ว. นอกคอก, นอกทาง, นอกรีต. (ป., ส. อุตฺตริ ว่า ยิ่ง).
อุตริมนุสธรรม อุตริมนุสธรรม [-มะนุดสะทํา] น. คุณอย่างยวดยิ่งของมนุษย์ ได้แก่ธรรมวิเศษมีการสําเร็จฌาน สําเร็จมรรคผลเป็นต้น. (ป. อุตฺตริ + มนุสฺส + ธมฺม; ส. อุตฺตริ + มนุษฺย + ธรฺม).
อุตลุด อุตลุด [อุดตะหฺลุด] ว. ชุลมุนวุ่นวาย, พัลวัน, สับสน.
อุตสาห,อุตสาห-,อุตส่าห์,อุตสาหะ อุตสาห-, อุตส่าห์, อุตสาหะ น. ความบากบั่น, ความพยายาม, ความขยัน, ความอดทน, ใช้ว่า อุษาหะ อุสสาหะ หรือ อุสส่าห์ ก็มี.<2t>ก. บากบั่น, พยายาม, ขยัน, อดทน. (ส. อุตฺสาห; ป. อุสฺสาห).
อุตสาหกรรม อุตสาหกรรม [อุดสาหะกํา] น. กิจกรรมที่ใช้ทุนและแรงงานเพื่อผลิตสิ่งของหรือจัดให้มีบริการ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว; ชื่อกระทรวงที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวกับการอุตสาหกรรม การมาตรฐานเกี่ยวกับกิจการอุตสาหกรรม และทรัพยากรธรณี.
อุตสาหกรรมศิลป์ อุตสาหกรรมศิลป์ [อุดสาหะกําสิน] น. วิชาที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดความชํานาญในการประดิษฐ์และเกิดความคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือและเครื่องกล.
อุตุ,อุตุ ๑ อุตุ ๑ น. ฤดู. (ป.; ส. ฤตุ).
อุตุ,อุตุ ๒ อุตุ ๒ (ปาก) ว. สบาย (ใช้แก่กริยานอน) เช่น นอนหลับอุตุ.
อุตุนิยมวิทยา อุตุนิยมวิทยา น. วิชาว่าด้วยเรื่องราวของบรรยากาศ.
อุท,อุท- อุท- [อุทะ-] น. นํ้า. (ป., ส.).
อุทก,อุทก- อุทก, อุทก- [อุทกกะ-, อุทก-] น. นํ้า. (ป., ส.).
อุทกธาร,อุทกธารา อุทกธาร, อุทกธารา น. สายนํ้า, ท่อนํ้า. (ป., ส.).
อุทกภัย อุทกภัย น. ภัยอันตรายที่เกิดจากนํ้าท่วม. (ป., ส. อุทก + ภย).
อุทกวิทยา อุทกวิทยา น. วิชาว่าด้วยนํ้าที่มีอยู่ในโลก เช่น ศึกษาถึงสาเหตุการเกิด การหมุนเวียน ตลอดจนคุณลักษณะของนํ้า รวมทั้งการนํานํ้ามาใช้ให้เป็นประโยชน์. (ป., ส. อุทก + ส. วิทฺยา).
อุทกศาสตร์ อุทกศาสตร์ น. วิชาว่าด้วยนํ้าบนพื้นโลกเกี่ยวกับการวัดหรือการสํารวจแผนที่ทะเล โดยมีความมุ่งหมายเฉพาะเพื่อการเดินเรือ. (ป., ส. อุทก + ส. ศาสฺตฺร).
อุททาม อุททาม [อุด-] ว. คะนอง, ปราศจากความเหนี่ยวรั้ง. (ป. อุทฺทาม).
อุทธรณ์ อุทธรณ์ [อุดทอน] น. การยกขึ้น, การรื้อขึ้น, การเคลื่อนที่, การเสนอ, การนำมาให้; ชื่อศาลสูงถัดจากศาลชั้นต้นซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาบรรดาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้น เรียกว่า ศาลอุทธรณ์.<2t>ก. (กฎ) ยื่นฟ้องหรือยื่นคําร้องต่อศาลสูงคัดค้านคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลชั้นต้น; ยื่นคําร้องคัดค้านคําสั่งหรือคําวินิจฉัยของพนักงานเจ้าหน้าที่; ร้องเรียน, ร้องทุกข์, เช่น ร้องอุทธรณ์. (ป., ส. อุทฺธรณ).
อุทธัจ อุทธัจ [อุดทัด] น. ความฟุ้งซ่าน; ความประหม่า, ความขวยเขิน; อุธัจ ก็ว่า. (ป. อุทฺธจฺจ ว่า ความฟุ้งซ่าน; ส. เอาทฺธตฺย).
อุทบาตร อุทบาตร [-บาด] น. หม้อนํ้า. (ส. อุท + ปาตฺร).
อุทบาน อุทบาน [-บาน] น. บ่อนํ้า, สระน้ำ. (ป., ส. อุท + ปาน).
อุทพินทุ์ อุทพินทุ์ [-พิน] น. หยาดนํ้า. (ป., ส. อุท + พินฺทุ).
อุทยาน อุทยาน [อุดทะยาน] น. สวน. (ส.; ป. อุยฺยาน).
อุทยานแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ (กฎ) น. พื้นที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งที่ได้สงวนรักษาไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่การศึกษาและความรื่นรมย์ของประชาชน โดยมีพระราชกฤษฎีกาประกาศกําหนดให้เป็น อุทยานแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ.
อุทร อุทร [-ทอน] น. ท้อง. (ป., ส.).
อุทริยะ อุทริยะ [อุทะริยะ] น. อาหารที่กินเข้าไปใหม่ ๆ. (ป. อุทริย; ส. อุทรฺย).
อุทลุม อุทลุม [อุดทะ-] ว. ผิดประเพณี, ผิดธรรมะ, นอกแบบ, นอกทาง, เช่น คดีอุทลุม คือคดีที่ลูกหลานฟ้องบุพการีของตนต่อศาล, เรียกลูกหลานที่ฟ้องบุพการีของตนต่อศาลว่า คนอุทลุม เช่น ผู้ใดเปนคนอุทลุมหมีได้รู้คุณบิดามานดาปู่หญ้าตายาย แลมันมาฟ้องร้องให้เรียกบิดามานดาปู่ญ่าตายายมัน ท่านให้มีโทษทวนมันด้วยลวดหนังโดยฉกัน. (สามดวง).
อุทัช อุทัช ว. เกิดในนํ้า. (ป., ส. อุท + ช).
อุทัย อุทัย น. การเกิดขึ้น เช่น สุโขทัย = การเกิดขึ้นแห่งความสุข, การตั้งขึ้น เช่น อรุโณทัย = การตั้งขึ้นแห่งอรุณ.<2t>ก. เริ่มส่องแสง ในคำว่า อาทิตย์อุทัย. (ป., ส.).
อุทาน,อุทาน ๑ อุทาน ๑ น. เสียงหรือคําที่เปล่งออกมาเวลาตกใจ ดีใจ หรือเสียใจ เป็นต้น; ในไวยากรณ์เรียกคําหรือเสียงที่เปล่งออกมาเช่นนั้นว่า คําอุทาน. (ป., ส.).
อุทาน,อุทาน ๒ อุทาน ๒ น. ชื่อคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาส่วน ๑ ใน ๙ ส่วนที่เรียกว่า นวังคสัตถุศาสน์. (ป.).
อุทาร อุทาร [-ทาน] ว. สูง, เลิศ, ประเสริฐ, ยิ่งใหญ่; ซื่อตรง, มีความจริงใจ; สุภาพ; ถูกต้อง. (ส.).
อุทาหรณ์ อุทาหรณ์ [-หอน] น. ตัวอย่างที่ยกขึ้นมาอ้างให้เห็น, สิ่งหรือเรื่องที่ยกขึ้นมาเทียบเคียงเป็นตัวอย่าง. (ป., ส.).
อุทิศ อุทิศ ก. ให้, ยกให้, เช่น อุทิศส่วนบุญให้แก่ผู้ตายตามประเพณี; ทําเพื่อ, สละให้โดยเจาะจง. (ส. อุทฺทิศฺย; ป. อุทฺทิสฺส ว่า เจาะจง).
อุทุมพร อุทุมพร [-พอน] น. ชื่อมะเดื่อชนิดหนึ่ง. (ดู มะเดื่อ). (ป., ส.).
อุเทศ อุเทศ น. การยกขึ้นแสดง, การยกขึ้นชี้แจง.<2t>ว. ที่ยกขึ้นแสดง, ที่ยกขึ้นชี้แจง; ที่อ้างอิง เช่น หนังสืออุเทศ. (ส. อุทฺเทศ; ป. อุทฺเทส).
อุเทสิกเจดีย์ อุเทสิกเจดีย์ น. เจดีย์ที่สร้างอุทิศพระพุทธเจ้า ได้แก่ พระพุทธรูป.
อุธัจ อุธัจ น. ความฟุ้งซ่าน; ความประหม่า, ความขวยเขิน; อุทธัจ ก็ว่า. (ป. อุทฺธจฺจ ว่า ความฟุ้งซ่าน; ส. เอาทฺธตฺย).
อุ่น อุ่น ก. ทําให้ร้อน เช่น อุ่นแกง.<2t>ว. ค่อนข้างร้อน เช่น ตัวอุ่น, ไม่ร้อนนักไม่หนาวนัก เช่น อากาศอุ่น, อุ่น ๆ ก็ว่า.
อุ่นกายสบายใจ อุ่นกายสบายใจ ว. มีความรู้สึกสุขสบายทั้งกายและใจ.
อุ่นเครื่อง อุ่นเครื่อง ก. เดินเครื่องยนต์ไว้จนถึงระดับที่เครื่องจะทํางานได้ดี; ออกกําลังกายหรือฝึกซ้อมชั่วขณะก่อนเริ่มการแข่งขัน, ฝึกซ้อมก่อนแข่งขันจริง.
อุ่นใจ อุ่นใจ ว. มีความรู้สึกสบายใจขึ้น, มีความมั่นใจ, ไม่มีกังวล, เช่น มีเงินมากอยู่ในกระเป๋าทำให้อุ่นใจ.
อุ่นหนาฝาคั่ง อุ่นหนาฝาคั่ง ว. มั่นคง, มีหลักฐานเป็นที่พักพิงมั่นคง, เช่น มีฐานะอุ่นหนาฝาคั่ง; มากมายคับคั่ง เช่น งานนี้มีผู้คนมาอุ่นหนาฝาคั่ง.
อุ่นอกอุ่นใจ อุ่นอกอุ่นใจ ว. มีความรู้สึกสบายอกสบายใจและมีความมั่นใจขึ้น เช่น อยู่ใกล้ ๆ ผู้ใหญ่รู้สึกอุ่นอกอุ่นใจ.
อุนากัน,อุดากัน อุนากัน, อุดากัน ว. เล็บยาว. (ช.).
อุบ,อุบ ๑ อุบ ๑ ดู คางคก ๒.
อุบ,อุบ ๒ อุบ ๒ ก. นิ่งไว้ไม่เปิดเผย เช่น เรื่องนี้อุบไว้ก่อน; ถือเอา, ริบเอา, เช่น อุบเอามาเป็นของตน, ไม่ยอมให้เปลี่ยนแปลง เช่น ที่รับปากไว้แล้ว อุบละนะ.<2t>ว. อาการที่พูดหรือบ่นเบา ๆ เป็นต้น เช่น ด่าอุบ บ่นอุบ, อุบอิบ อุบอิบ ๆ หรือ อุบ ๆ อิบ ๆ ก็ว่า.
อุบล อุบล [-บน] น. บัวสาย. (ป. อุปฺปล; ส. อุตฺปล).
อุบอิบ,อุบอิบ ๆ,อุบ ๆ อิบ ๆ อุบอิบ, อุบอิบ ๆ, อุบ ๆ อิบ ๆ ว. อาการที่พูดหรือบ่นเบา ๆ เป็นต้น เช่น ด่าอุบอิบ พูดอุบอิบ ๆ บ่นอุบ ๆ อิบ ๆ, อุบ ก็ว่า.
อุบะ อุบะ น. เป็นดอกไม้ที่ร้อยเป็นสายแล้วเข้าพวงอย่างพู่สำหรับห้อยกับมาลัย ห้อยระหว่างเฟื่อง หรือห้อยประดับข้างหูเป็นต้น.
อุบ๊ะ อุบ๊ะ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความไม่พอใจหรือประหลาดใจเป็นต้น, บ๊ะ ก็ว่า.
อุบัติ,อุบัติ- อุบัติ, อุบัติ- [อุบัด, อุบัดติ-] น. การเกิดขึ้น, กําเนิด, การบังเกิด; รากเหง้า, เหตุ.<2t>ก. เกิด, เกิดขึ้น. (ป. อุปฺปตฺติ; ส. อุตฺปตฺติ).
อุบัติภัย อุบัติภัย น. ภัยที่เกิดจากอุบัติเหตุ.
อุบัติเหตุ อุบัติเหตุ น. เหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด, ความบังเอิญเป็น.
อุบาท,อุปบาท อุบาท, อุปบาท [อุบาด, อุบบาด] น. การบังเกิด, กําเนิด, มักใช้เป็นส่วนท้ายสมาส เช่น พุทธุบาท (พุทธ + อุบาท), พุทธุปบาท (พุทธ + อุปบาท). (ป. อุปฺปาท; ส. อุตฺปาท).
อุบาทว์ อุบาทว์ ว. อัปรีย์, จัญไร, ไม่เป็นมงคล. (ป. อุปทฺทว; ส. อุปทฺรว).
อุบาย อุบาย น. วิธีการอันแยบคาย; เล่ห์กล, เล่ห์เหลี่ยม. (ป., ส. อุปาย).
อุบาสก อุบาสก น. คฤหัสถ์ผู้ชายที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง. (ป., ส. อุปาสก).
อุบาสิกา อุบาสิกา น. คฤหัสถ์ผู้หญิงที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคง. (ป., ส. อุปาสิกา).
อุเบกขา อุเบกขา น. ความเที่ยงธรรม, ความวางตัวเป็นกลาง, ความวางใจเฉยอยู่, เป็นข้อ ๑ ในพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา. (ป. อุเปกฺขา).
อุโบสถ,อุโบสถ ๑ อุโบสถ ๑ [อุโบสด] น. เรียกสถานที่ที่พระสงฆ์ประชุมกันทําสังฆกรรมเช่นสวดพระปาติโมกข์ อุปสมบท ว่า โรงอุโบสถ หรือ อุโบสถ, เรียกย่อว่า โบสถ์; (ปาก) เรียกวันพระว่า วันอุโบสถ; เรียกการแสดงพระปาติโมกข์ของพระสงฆ์ทุก ๆ กึ่งเดือน คือ ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ และวันแรม ๑๕ ค่ำ หรือวันแรม ๑๔ ค่ำ ในเดือนขาด ว่า การทําอุโบสถ; เรียกการรักษาศีล ๘ ของคฤหัสถ์ว่า การรักษาอุโบสถ. (ป. อุโปสถ; ส. อุโปษธ, อุปวสถ).
อุโบสถ,อุโบสถ ๒,อุโบสถหัตถี อุโบสถ ๒, อุโบสถหัตถี [อุโบสด, อุโบสดถะ-] น. ชื่อช้าง ๑ ใน ๑๐ ตระกูล กายสีทองคำ, ช้าง ๑๐ ตระกูล คือ ๑. กาฬาวกหัตถี สีดำ ๒. คังไคยหัตถี สีเหมือนน้ำไหล ๓. ปัณฑรหัตถี สีขาวดังเขาไกรลาส ๔. ตามพหัตถี สีทองแดง ๕. ปิงคลหัตถี สีทองอ่อนดั่งสีตาแมว ๖. คันธหัตถี สีไม้กฤษณา มีกลิ่นตัวหอม ๗. มงคลหัตถี สีนิลอัญชัน มีกิริยาท่าทางเดินงดงาม ๘. เหมหัตถี สีเหลืองดั่งทอง ๙. อุโบสถหัตถี สีทองคำ ๑๐. ฉัททันตหัตถี กายสีขาวบริสุทธิ์ดั่งเงินยวง แต่ปากและเท้าสีแดง.
อุโบสถกรรม อุโบสถกรรม [อุโบสดถะกำ] น. การทําอุโบสถ. (ป. อุโปสถกมฺม).
อุปกรณ์ อุปกรณ์ [อุปะกอน, อุบปะกอน] น. เครื่องมือ, เครื่องใช้, เครื่องช่วย, เครื่องประกอบ; (กฎ) สังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยปรกตินิยมเฉพาะถิ่นหรือโดยเจตนาชัดแจ้งของเจ้าของทรัพย์ที่เป็นประธาน เป็นของใช้ประจําอยู่กับทรัพย์ที่เป็นประธานเป็นอาจิณเพื่อประโยชน์แก่การจัดดูแล ใช้สอย หรือรักษาทรัพย์ที่เป็นประธาน และเจ้าของทรัพย์ได้นํามาสู่ทรัพย์ที่เป็นประธานโดยการนํามาติดต่อหรือปรับเข้าไว้ หรือทำโดยประการอื่นใดในฐานะเป็นของใช้ประกอบกับทรัพย์ที่เป็นประธานนั้น. (ป., ส.).
อุปกรม อุปกรม [อุปะกฺรม] น. การเข้าใกล้, การตั้งต้น, การพยายาม. (ส.; ป. อุปกฺกม).
อุปการ,อุปการ-,อุปการ- ๑,อุปการะ อุปการ- ๑, อุปการะ [อุปะการะ-, อุบปะการะ-] น. ความช่วยเหลือเกื้อกูล, ความอุดหนุน, คู่กับ ปฏิการะ = การสนองคุณ, การตอบแทนคุณ.<2t>ก. ช่วยเหลือเกื้อกูล, อุดหนุน. (ป., ส.).
อุปการ,อุปการ ๒ อุปการ ๒ [อุปะกาน, อุบปะกาน] น. เรียกม้าที่ปล่อยในพิธีอัศวเมธว่า ม้าอุปการ.
อุปการี อุปการี [อุปะ-, อุบปะ-] น. ผู้ช่วยเหลือ, ผู้อุดหนุน, หญิงใช้ว่า อุปการิณี.
อุปกาศ อุปกาศ [อุปะกาด, อุบปะกาด] (กลอน) ก. แจ้งข่าว เรื่อง หรือข้อความ เช่น เขือไปอุปกาศแล้ว เขือมา. (ลอ), ร้องอุปกาศสารแก่กรุงสญชัยปิตุราช. (ม. ร่ายยาว หิมพานต์).
อุปกิณณะ อุปกิณณะ [-ปะกินนะ] ว. ปกคลุมไว้, ปิดบังอยู่. (ป.).
อุปกิเลส อุปกิเลส [อุปะกิเหฺลด] น. เครื่องทําใจให้เศร้าหมอง มี ๑๖ อย่าง มี อภิชฌาวิสมโลภ เป็นต้น. (ป. อุปกฺกิเลส).
อุปจาร อุปจาร [อุปะจาน] น. การเข้าใกล้, ที่ใกล้, บริเวณรอบ ๆ เช่น อุปจารวัด. (ป., ส.).
อุปถัมภ์ อุปถัมภ์ [อุปะถํา, อุบปะถํา] น. การคํ้าจุน, การคํ้าชู, การสนับสนุน, การเลี้ยงดู.<2t>ก. คํ้าจุน, คํ้าชู, สนับสนุน, เลี้ยงดู. (ป. อุปตฺถมฺภ; ส. อุปสฺตมฺภ).
อุปถัมภก อุปถัมภก [อุปะถําพก, อุบปะถําพก] น. ผู้คํ้าจุน, ผู้ค้ำชู, ผู้สนับสนุน, ผู้เลี้ยงดู. (ป. อุปตฺถมฺภก; ส. อุปสฺตมฺภก).
อุปทม อุปทม [อุปะทม, อุบปะทม] น. กามโรค.
อุปทูต อุปทูต [อุปะทูด, อุบปะทูด] น. ผู้รักษาการในตําแหน่งหรือรักษาการแทนหัวหน้าสถานเอกอัครราชทูตหรือหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูต; (โบ) ตําแหน่งรองจากราชทูต.
อุปเทศ อุปเทศ [อุปะเทด, อุบปะเทด] น. การชี้แจง, การสั่งสอน, การแนะนํา; คําสั่งสอน, คําชี้แจง, คําแนะนํา.<2t>ก. สอน, ชี้แจง, แนะนํา. (ส., ป. อุปเทส).
อุปเท่ห์ อุปเท่ห์ [อุปะเท่, อุบปะเท่] น. อุบายดําเนินการ, วิธีดําเนินการ. (ส. อุปเทศ; ป. อุปเทส).
อุปธิ อุปธิ [อุปะทิ] น. กิเลส, ความพัวพัน, เหตุแห่งการเวียนเกิด; ขันธ์ ๕, ร่างกาย. (ป., ส.).
อุปนัย อุปนัย [อุปะ-, อุบปะ-] น. วิธีการใช้เหตุผลที่ดำเนินจากส่วนย่อยไปหาส่วนรวม, คู่กับ นิรนัย. (อ. induction).
อุปนิกขิต,อุปนิกษิต อุปนิกขิต, อุปนิกษิต [อุปะนิกขิด, อุปะนิกสิด] ก. เก็บไว้, รักษาไว้.<2t>น. คนสอดแนม, จารชน. (ป. อุปนิกฺขิตฺต; ส. อุปนิกฺษิปฺต).
อุปนิษัท อุปนิษัท [อุปะ-, อุบปะ-] น. ชื่อคัมภีร์ภาษาสันสกฤตกลุ่มหนึ่ง คัมภีร์อุปนิษัทรุ่นแรกเป็นพื้นฐานของศาสนาพราหมณ์ที่สอนว่าทุกสิ่งทุกอย่างออกมาจากอาตมัน. (ส.).
อุปนิสัย อุปนิสัย [อุปะนิไส, อุบปะนิไส] น. ความประพฤติที่เคยชินเป็นพื้นมาในสันดาน เช่น ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปเทศน์โปรดผู้ใดจะต้องทรงพิจารณาถึงอุปนิสัยของผู้นั้นก่อน, ความประพฤติที่เคยชินจนเกือบเป็นนิสัย เช่น นักเรียนคนนี้มีอุปนิสัยดี. (ป. อุปนิสฺสย).
อุปบล อุปบล [อุบบน] (แบบ) น. อุบล, บัวสาย, ดอกบัว, มักใช้เป็นส่วนท้ายของสมาส เช่น นีลุปบล ว่า บัวขาบ. (ป. อุปฺปล).
อุปบัติ อุปบัติ [อุปะบัด, อุบปะบัด] น. การเข้าถึง เช่น คติอุปบัติ = การเข้าถึงคติ, การเกิด. (ป. อุปปตฺติ).
อุปปาติกะ อุปปาติกะ [อุปะปาติกะ, อุบปะปาติกะ] น. ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรม ได้แก่เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย, โอปปาติกะ ก็เรียก. (ป. อุปปาติก, โอปปาติก).
อุปพัทธ์ อุปพัทธ์ [อุปะ-, อุบปะ-] ก. เนื่อง, เนื่องกัน.<2t>ว. ที่เนื่องกัน. (ป., ส.).
อุปพันธ์ อุปพันธ์ [อุปะ-, อุบปะ-] น. การติดต่อ, การร่วม; เยื่อใย, เครื่องผูกพัน. (ป., ส.).
อุปโภค อุปโภค [อุปะโพก, อุบปะโพก] ก. เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์, คู่กับ บริโภค.<2t>ว. ที่เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ ในคำว่า เครื่องอุปโภค. (ป., ส.).
อุปมา อุปมา [อุปะ-, อุบปะ-] น. สิ่งหรือข้อความที่ยกมาเปรียบ, มักใช้เข้าคู่กับ อุปไมย ในประโยคเช่น เรื่องนี้มีอุปมาฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น.<2t>ก. เปรียบเทียบ. (ป., ส.).
อุปมาน อุปมาน [อุปะ-, อุบปะ-] น. การเปรียบเทียบสิ่งที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน. (ป., ส.).
อุปมาโวหาร อุปมาโวหาร น. สํานวนเขียนที่กล่าวถึงเรื่องราวโดยยกสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาเปรียบเทียบประกอบ.
อุปมาอุปไมย อุปมาอุปไมย [อุปะมาอุปะไม, อุบปะมาอุบปะไม] น. การเปรียบเทียบกัน.
อุปไมย อุปไมย [อุปะไม, อุบปะไม] น. สิ่งหรือข้อความที่พึงเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นเพื่อให้เข้าใจแจ่มแจ้ง, คู่กับ อุปมา. (ป. อุปเมยฺย).
อุปยุวราช อุปยุวราช [อุปะยุวะราด, อุบปะยุวะราด] น. ตําแหน่งเจ้าในนครล้านช้างรองพระเจ้าแผ่นดิน แต่อยู่เหนืออุปราช. (ป.).
อุปโยค อุปโยค [อุปะโยก, อุบปะโยก] น. การใช้สอย, การทําให้เกิดประโยชน์. (ป., ส.).
อุปโยคบุรพบท อุปโยคบุรพบท [อุปะโยคะบุบพะบด, -บุระพะบด] น. ในไวยากรณ์หมายถึงคํานําหน้ากรรมการก.
อุปรากร อุปรากร [อุปะรากอน, อุบปะรากอน] น. ละครประเภทหนึ่ง มีดนตรีเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดำเนินเรื่องด้วยการร้องเพลงผสมวงดุริยางค์. (อ. opera).
อุปราคา อุปราคา [อุปะราคา, อุบปะราคา] น. การทําให้ดํา, การทําให้มีมลทิน, ในคําว่า จันทรุปราคา สุริยุปราคา.
อุปราช อุปราช [อุปะหฺราด, อุบปะหฺราด] (โบ) น. ผู้สําเร็จราชการต่างพระองค์ประจําภาคหนึ่ง ๆ ในอาณาจักร.
อุปริ อุปริ [อุปะริ, อุบปะริ] คําประกอบหน้าศัพท์ภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า เบื้องบน ข้างบน. (ป., ส.).
อุปริจร อุปริจร [-จอน] ว. เคลื่อนไปในอากาศ. (ป., ส.).
อุปริพุทธิ อุปริพุทธิ ว. กอบด้วยปัญญาอันสูง. (ส.).
อุปริภาค อุปริภาค น. ส่วนบน, ข้างบน. (ป., ส.).
อุปริภาพ อุปริภาพ น. ฐานะหรือความเป็นอยู่อย่างสูง. (ป., ส. อุปริภาว).
อุปริม,อุปริม- อุปริม- [อุปะริมะ-, อุบปะริมะ-] ว. อยู่สูงสุด, เบื้องบนที่สุด. (ป.).
อุปริมปริยาย อุปริมปริยาย [-ปะริยาย] น. เนื้อความอันสูงสุด.
อุปริวัสน์ อุปริวัสน์ น. เครื่องแต่งกายตอนบน, เสื้อ. (ป. อุปริวสน).
อุปริสัจ อุปริสัจ น. ธรรมอันสูง. (ป. อุปริสจฺจ).
อุปโลกน์ อุปโลกน์ [อุปะโหฺลก, อุบปะโหฺลก] ก. ยกกันขึ้นเป็น เช่น อุปโลกน์ให้เป็นหัวหน้า, อปโลกน์ ก็ว่า. (ป. อปโลกน).
อุปเวท อุปเวท [อุปะเวด, อุบปะเวด] น. คัมภีร์ พระเวทรอง ของอินเดียโบราณ เนื้อหามีลักษณะเป็นวิทยาการ ไม่นับว่าเป็นคัมภีร์ศาสนา ได้แก่ อายุรเวท (วิชาแพทย์ ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์อถรรพเวทหรืออาถรรพเวท) ธนุรเวท (วิชายิงธนูและการใช้อาวุธอื่น ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์ยชุรเวท) คันธรรพเวทหรือคานธรรพเวท (วิชาการดนตรี ถือว่าเป็นสาขาของคัมภีร์สามเวท) และสถาปัตยเวท (วิชาการก่อสร้าง ไม่ระบุว่าเป็นสาขาของคัมภีร์พระเวทใด). (ส.).
อุปสมบท อุปสมบท [อุปะสมบด, อุบปะสมบด] ก. บวชเป็นภิกษุ. (ป. อุปสมฺปทา).
อุปสมบทกรรม อุปสมบทกรรม [-บดทะกำ] น. การบวชเป็นภิกษุ.
อุปสมบัน,อุปสัมบัน อุปสมบัน, อุปสัมบัน [อุปะ-, อุบปะ-] น. ผู้อุปสมบทแล้ว, ภิกษุ, คู่กับ อนุปสัมบัน ได้แก่ผู้ที่ไม่ได้อุปสมบท คือ สามเณรและคฤหัสถ์. (ป. อุปสมฺปนฺน).
อุปสรรค อุปสรรค [อุปะสัก, อุบปะสัก] น. เครื่องขัดข้อง, ความขัดข้อง, เครื่องขัดขวาง. (ส. อุปสรฺค; ป. อุปสคฺค); คำสำหรับใช้เติมข้างหน้าคำนามหรือคำกริยาที่เป็นรูปคำบาลีหรือสันสกฤตให้มีความหมายแผกเพี้ยนไปจากเดิม หรือมีความหมายตรงข้ามกับความหมายเดิมเป็นต้น และถือเป็นคำเดียวกับคำนามหรือคำกริยานั้น เพราะตามปรกติจะไม่ใช้ตามลำพัง เช่น วัฒน์ = เจริญ อภิวัฒน์ = เจริญยิ่ง ปักษ์ = ฝ่ายปฏิปักษ์ = ฝ่ายตรงข้าม, ข้าศึก, ศัตรู.
อุปสัมปทา อุปสัมปทา [อุปะสำปะทา, อุบปะสำปะทา] น. การบวชเป็นภิกษุ. (ป., ส.).
อุปสัมปทาเปกข์,อุปสัมปทาเปกษ์ อุปสัมปทาเปกข์, อุปสัมปทาเปกษ์ [อุปะสำปะทาเปก, อุบปะสำปะทาเปก] น. ผู้เพ่งอุปสมบท คือ นาคที่บรรพชาเป็นสามเณรแล้วและจะขอบวชเป็นภิกษุต่อไป. (ป. อุปสมฺปทาเปกฺข; ส. อุปสมฺปทาเปกฺษ).
อุปฮาด อุปฮาด [อุปะ-, อุบปะ-] น. (โบ; ถิ่น-อีสาน) ตำแหน่งรองจากเจ้าเมืองในภาคอีสานสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เช่น พระยาก่ำได้ตั้งให้ท้าวแก้วผู้น้องชายเป็นอุปฮาดอยู่บ้านหนึ่งต่างหาก. (ลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ : ว่าด้วยชนชาติภูไทย); (โบ; ถิ่น-พายัพ) ตำแหน่งเจ้าชั้นสูงรองจากตำแหน่งเจ้านครในภาคเหนือ เรียกว่า พระยาอุปราช หรือ เจ้าอุปราช แต่ชาวไทยในภาคเหนือออกเสียงเป็น อุปฮาด.
อุปะ อุปะ [อุปะ, อุบปะ] คําประกอบหน้าศัพท์ที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า เข้าไป, ใกล้, รอง, เช่น อุปราช อุปนายก. (ป., ส.).
อุปัชฌาย,อุปัชฌาย-,อุปัชฌาย์,อุปัชฌายะ อุปัชฌาย-, อุปัชฌาย์, อุปัชฌายะ [อุปัดชายะ-, อุบปัดชายะ-, อุปัดชา, อุบปัดชา] น. พระเถระผู้เป็นประธานการบวชกุลบุตรในพระพุทธศาสนา. (ป.; ส. อุปาธฺยาย).
อุปัชฌายวัตร อุปัชฌายวัตร [อุปัดชายะวัด, อุบปัดชายะวัด] น. กิจที่สัทธิงวิหาริกจะต้องปฏิบัติต่ออุปัชฌาย์ของตน. (ป. อุปชฺฌายวตฺต).
อุปัฏฐาก อุปัฏฐาก [อุปัดถาก, อุบปัดถาก] น. ผู้อุปถัมภ์บํารุงพระภิกษุสามเณร, ถ้าเป็นหญิงใช้ อุปัฏฐายิกา. (ป.).
อุปัฏฐานะ อุปัฏฐานะ [อุปัด-, อุบปัด-] น. การบํารุง, การรับใช้. (ป.).
อุปัทรพ อุปัทรพ [อุปัดทะรบ, อุบปัดทะรบ] ว. อุปัทวะ. (ส. อุปทฺรว; ป. อุปทฺทว).
อุปัทว,อุปัทว-,อุปัทวะ อุปัทว-, อุปัทวะ [อุปัดทะวะ-, อุบปัดทะวะ-] ว. อุบาทว์, อัปรีย์, จัญไร, ไม่เป็นมงคล, นิยมใช้คู่กับคำ อันตราย เป็น อุปัทวันตราย. (ป. อุปทฺทว; ส. อุปทฺรว).
อุปัทวันตราย อุปัทวันตราย [อุปัดทะวันตะราย, อุบปัดทะวันตะราย] น. สิ่งอุบาทว์และอันตราย. (ป. อุปทฺทว + อนฺตราย).
อุปาณ,อุปาณ- อุปาณ- [อุปานะ-] ว. เปรียบเทียบ เช่น อุปาณวาจา ว่า การกล่าวเปรียบเทียบ. (ปาเลกัว).
อุปาทาน อุปาทาน [อุปาทาน, อุบปาทาน] น. การยึดมั่นถือมั่น, การนึกเอาเองแล้วยึดมั่นถือมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ๆ. (ป.).
อุปาธยาย อุปาธยาย [อุปาดทะยาย, อุบปาดทะยาย] น. อุปัชฌาย์. (ส.; ป. อุปชฺฌาย).
อุปาหนา อุปาหนา [อุปาหะนา, อุบปาหะนา] น. รองเท้า. (ป.; ส. อุปานหฺ).
อุภัย อุภัย ว. ทั้งสอง, ทั้งคู่. (ป., ส.).
อุ้ม อุ้ม ก. โอบยกขึ้น, ยกขึ้นไว้กับตัว, เช่น อุ้มเด็ก; หอบไป, พาไป, เช่น เมฆอุ้มฝน.<2t>น. ชื่อวัยของเด็กก่อนวัยจูง เรียกว่า วัยอุ้ม.
อุมงค์,อุโมงค์ อุมงค์, อุโมงค์ น. ทางใต้ดิน, ช่องหรือทางที่ขุดลงไปใต้ดินหรือในภูเขา. (ป. อุมฺมงฺค).
อุ้มชู อุ้มชู ก. ประคับประคอง, เลี้ยงดูอย่างยกย่อง.
อุ้มท้อง อุ้มท้อง ก. มีลูกอยู่ในท้อง.
อุ้มน้ำ อุ้มน้ำ ก. มีนํ้าซึมซาบชุ่มอยู่ภายใน.
อุ้มสม อุ้มสม ก. อุ้มไปให้สมสู่กัน (ในวรรณคดีใช้แก่การที่เทวดาอุ้มพระเอกไปให้สมสู่กับนางเอกที่ตนเห็นว่าคู่ควรกัน), (สํา) เปรียบเทียบคู่ผัวเมียที่เหมาะสมกันว่า ราวกับเทวดาอุ้มสม.
อุย,อุย ๑ อุย ๑ น. ลักษณะของขนอ่อนหรือขนเพิ่งแรกขึ้น เรียกว่า ขนอุย.
อุย,อุย ๒ อุย ๒ น. ปลาดุกอุย. (ดู ดุก).
อุย,อุย ๓,อุ่ย อุย ๓, อุ่ย อ. คําที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บเช่นถูกหยิก, อูย ก็ใช้.
อุ้ย อุ้ย ว. หนักและแน่น.
อุ๊ย อุ๊ย อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงอาการตกใจ มักเป็นเสียงผู้หญิง.
อุยยาน อุยยาน น. อุทยาน, สวนเป็นที่รื่นรมย์. (ป.; ส. อุทฺยาน).
อุยยาม อุยยาม น. ความหมั่น, ความบากบั่น, ความขยันขันแข็ง. (ป.; ส. อุทฺยาม).
อุ้ยยุ้ย อุ้ยยุ้ย ว. อ้วนท้องพลุ้ย.
อุยโยค อุยโยค น. การจากไป, ความเสื่อมสิ้น; ความตาย. (ป.).
อุยหน่า,อุ่ยหน่า อุยหน่า, อุ่ยหน่า (กลอน) อ. คําที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บเช่นถูกหยิก.
อุ้ยอ้าย อุ้ยอ้าย ว. ไม่คล่องแคล่ว, เคลื่อนตัวยากอย่างคนอ้วน.
อุร,อุร-,อุระ,อุรา,อุรา ๑ อุร-, อุระ, อุรา ๑ น. อก. (ป.; ส. อุรสฺ).
อุรคะ อุรคะ น. ผู้ที่ไปด้วยอก คือ งู, นาค. (ป. อุรค ว่า ไปด้วยอก).
อุรเคนทร์ อุรเคนทร์ น. พญานาค. (ป. อุรค + ส. อินฺทร)
อุรณะ อุรณะ [อุระนะ] น. แกะตัวผู้. (ป., ส.).
อุรพี อุรพี น. ผู้กว้างใหญ่ คือ แผ่นดิน, โลก. (ส. อุรฺวี).
อุรส อุรส [-รด] น. ผู้ที่เกิดแต่อก คือ ลูก. (ส. อุรสฺย).
อุรังอุตัง อุรังอุตัง น. ชื่อลิงขนาดใหญ่ชนิด Pongo pygmaeus ในวงศ์ Pongidae รูปร่างคล้ายคน ขนตามลําตัวยาวสีนํ้าตาลแดง แขนยาว ขาสั้นและค่อนข้างเล็ก ใบหูเล็กมาก ตัวผู้มีถุงลมขนาดใหญ่ตรงคอหอยและกระพุ้งแก้มทั้ง ๒ ข้างพองห้อย นิ้วตีนนิ้วแรกไม่มีเล็บ อาศัยอยู่บนต้นไม้ กินผลไม้ ยอดและหน่อของต้นไม้ มี ๒ พันธุ์ย่อย คือ พันธุ์สุมาตรา (Pongo pygmaeus abeli) และพันธุ์บอร์เนียว (P. pygmaeus pygmaeus) มีถิ่นกําเนิดเฉพาะในเกาะสุมาตราและเกาะบอร์เนียวเท่านั้น.
อุรัจฉทะ,อุรัจฉัท อุรัจฉทะ, อุรัจฉัท [อุรัดฉะทะ, อุรัดฉัด] น. เครื่องกําบังอก, เกราะ; เครื่องประดับอก. (ป.; ส. อุรศฺฉท).
อุรา,อุรา ๒ อุรา ๒ น. แกะตัวเมีย. (ส.).
อุรุ อุรุ ว. ใหญ่, ยิ่งใหญ่, เลิศ, ประเสริฐ.<2t>น. ทราย. (ป., ส.).
อุไร อุไร (กลอน) น. ทองคํา.
อุลกมณี อุลกมณี [อุนละกะมะนี] น. อุกกาบาตที่นำมาเจียระไนทำเป็นเครื่องประดับ เชื่อว่าเป็นเครื่องรางอย่างหนึ่ง.
อุลปนะ อุลปนะ [อุนละปะ-] น. การกล่าวอ้าง, การเรียกร้อง. (ป. อุลฺลปน).
อุลโลจ อุลโลจ [อุนโลด] น. เครื่องกั้นข้างบน, เพดาน. (ป., ส.).
อุลโลละ อุลโลละ [อุน-] น. คลื่น; ความปั่นป่วน, ความไม่ราบคาบ. (ป., ส.).
อุลามก อุลามก ว. เลวทรามต่ำช้า, อุจาดลามก.
อุลิด อุลิด น. แตงโม. (ข. โอวฬึก).
อุลูกะ อุลูกะ น. นกเค้าแมว. (ป., ส.).
อุโลก อุโลก น. ชื่อไม้ต้นชนิด Hymenodictyon orixense (Roxb.) Mabb. ในวงศ์ Rubiaceae เนื้อไม้สีขาว ใช้ทํายาได้.
อุแว้ อุแว้ ก. ร้อง (ใช้แก่เด็กแดง ๆ) เช่น เด็กคนนี้ พออุแว้ออกมาก็มีเงินเป็นล้านแล้ว, แว้ ก็ว่า.<2t>ว. เสียงอย่างเสียงเด็กแดง ๆ ร้อง เช่น เสียงลูกร้องอุแว้, แว้ ก็ว่า.
อุษณ,อุษณ- อุษณ- [อุดสะนะ-] น. ความร้อน; ฤดูร้อน; ของร้อน.<2t>ว. ร้อน, อบอุ่น. (ส., ป. อุณฺห).
อุษณกร อุษณกร [-กอน] น. ผู้กระทําความร้อน หมายถึง พระอาทิตย์.
อุษณกาล อุษณกาล น. ฤดูร้อน.
อุษณรัศมี อุษณรัศมี ว. มีรัศมีร้อน หมายถึง พระอาทิตย์, คู่กับ สีตลรัศมี มีรัศมีเย็น หมายถึง พระจันทร์.
อุษณรุจี อุษณรุจี ว. มีแสงอันร้อน หมายถึง พระอาทิตย์.
อุษณาการ อุษณาการ [อุดสะนา-] น. อาการเร่าร้อน. (ส. อุษฺณาการ; ป. อุณฺหาการ).
อุษณีษ์ อุษณีษ์ น. มงกุฎ; กรอบหน้า. (ส.; ป. อุณฺหีส).
อุษมะ,อุษมัน อุษมะ, อุษมัน [อุดสะมะ, อุดสะมัน] น. ไอ, ไออุ่น. (ส.; ป. อุสุม, อุสุมา).
อุษา อุษา น. แสงเงินแสงทอง, เช้าตรู่, รุ่งเช้า. (ส.).
อุษาโยค อุษาโยค น. เวลาใกล้รุ่ง.
อุสภ,อุสภ ๑ อุสภ ๑ [อุสบ] น. วัวผู้ (เป็นเครื่องหมายแสดงความสามารถของบุรุษผู้นักรบ), เขียนเป็น อุสุภ ก็มี. (ป.; ส. ฤษภ, วฺฤษฺภ).
อุสภ,อุสภ ๒ อุสภ ๒ [อุสบ] น. ชื่อมาตราวัดความยาวของอินเดียโบราณเท่ากับ ๑ เส้น ๕ วา, ๘๐ อุสภ เป็น ๑ คาวุต. (ป.).
อุสวะ อุสวะ [อุดสะวะ] น. การฉลอง, การรื่นเริง, การเล่นสนุก, มหรสพ. (ป. อุสฺสว; ส. อุตฺสว).
อุสส่าห์,อุสสาหะ อุสส่าห์, อุสสาหะ [อุด-] น. อุตสาหะ.<2t>ก. อุตส่าห์. (ป.; ส. อุตฺสาห).
อุสา อุสา น. เนื้อสมัน. (เทียบ ช. รุสา ว่า กวาง, เนื้อสมัน).
อุสุ อุสุ น. ธนู, หน้าไม้, เครื่องยิง. (ป.; ส. อิษุ).
อุสุการ อุสุการ น. ช่างทําธนู.
อุสุภ,อุสุภ อุสุภ, อุสุภ [อุสุบ, อุสุพะ-, อุสุบพะ-] น. วัวผู้, อุสภ ก็ว่า. (ป. อุสภ; ส. ฤษภ, วฺฤษฺภ).
อุสุภราช อุสุภราช [อุสุพะราด, อุสุบพะราด] น. พญาวัว.
อุสุม อุสุม น. ไอ, ไออุ่น; ความร้อน; ฤดูร้อน, แผลงใช้เป็น อรสุม ก็มี เช่น อรสุมพล = กําลังไอนํ้า; ในไวยากรณ์เรียกเสียงพยัญชนะที่มีลมเสียดแทรกออกมาระหว่างลิ้นกับฟัน ว่า มีเสียงอุสุม ได้แก่เสียง ศ ษ ส. (ป.; ส. อุษฺมนฺ).
อุหรับ อุหรับ น. ผงกระแจะจันทน์ปนทองสําหรับเจิมในการอภิเษกรดนํ้า เช่น อบอุหรับจับกลิ่นหอมหวน. (อิเหนา). (ม.).
อุหลบ อุหลบ [อุหฺลบ] น. ระดู, (ราชา) พระอุหลบ. (เทียบ ส. อุลฺพ, อุลฺว ว่า รกหุ้มทารก, ครรภ์).
อุเหม่ อุเหม่ (กลอน) อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความโกรธเพื่อขู่หรือตวาด, เหม่ หรือ เหม่ ๆ ก็ว่า.
อุฬาร อุฬาร [-ลาน] ว. ใหญ่โต, โอ่โถง, กว้างขวาง; ยิ่งใหญ่, เลิศล้น; ประเสริฐ, ดี; แผลงเป็น โอฬาร หรือ เอาฬาร ก็ได้. (ป.).
อู อู น. ชื่อไก่ชนิดหนึ่ง ตัวใหญ่กว่าไก่แจ้ หงอนเล็ก ตัวผู้มีหลายสีแต่สีขนไม่สดใสเหมือนไก่แจ้ ตัวเมียมีสีดําเหลือบเขียวเท่านั้น, เรียกไก่อูชนิดที่เลี้ยงไว้ชนกันว่า ไก่ชน.
อู่ อู่ น. เปลเด็ก, (ราชา) พระอู่; ที่เดิม ในคำว่า มดลูกเข้าอู่; แหล่งที่เกิด เช่น อู่ข้าว อู่นํ้า; ที่ที่ต่อหรือซ่อมรถหรือเรือ; ที่ที่ไขนํ้าเข้าออกได้ สําหรับเก็บเรือหรือซุง.
อู้,อู้ ๑ อู้ ๑ ว. มีเสียงอย่างเสียงลมพัด; มาก ในคำว่า บ่นอู้.<2t>น. ชื่อซอ ๒ สายชนิดหนึ่ง ตัวกะโหลกซอทำด้วยกะลามะพร้าวชนิดกลมรี ใช้หนังแพะหรือหนังลูกวัวขึงขึ้นหน้า คันสีหรือคันชักทำด้วยไม้จริงหรืองา สายทำด้วยขนหางม้า มีเสียงทุ้มในเวลาสี เรียกว่า ซออู้.
อู้,อู้ ๒ อู้ ๒ ก. ถ่วง, แกล้งทําให้เสร็จช้าลง, เช่น อู้งาน, รอเวลาไว้เพื่อหวังเอาประโยชน์ ในความว่า อู้ไว้กินบ้อ (ในการเล่นบ้อหุ้น).
อูฐ อูฐ [อูด] น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Camelidae หัว คอ และขาทั้ง ๔ ยาว มีนิ้วตีนข้างละ ๒ นิ้ว กระเพาะมี ๓ ส่วน ไม่มีถุงนํ้าดี มี ๒ ชนิด คือ ชนิด ๒ หนอก (Camelus bactrianus) มีในประเทศจีน ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน, ชนิดหนอกเดียว (C. dromedarius) มีในทวีปแอฟริกาตอนเหนือ. (ป. โอฏฺ; ส. อุษฺฏฺร).
อูด,อูด ๑ อูด ๑ น. เครื่องที่ทําให้ว่าวมีเสียงดังเมื่อถูกลมพัด เช่น อูดที่หัวว่าวจุฬา.
อูด,อูด ๒ อูด ๒ ก. นูนขึ้น เช่น นํ้าอูด, นูนเบ่งขึ้นมาในลักษณะอย่างดินอูด.
อู่น้ำ อู่น้ำ น. อู่ซ่อมเรือชนิดหนึ่ง เมื่อนําเรือเข้าในอู่แล้ว ปรับระดับนํ้าภายในอู่ให้เรือลอยอยู่ในระดับที่ต้องการเพื่อให้ซ่อมได้โดยสะดวก.
อูม อูม ว. โป่งพอง เช่น หน้าอูม, เบ่งนูนขึ้น เช่น บวมอูม.
อูย อูย ว. คำที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บหรือถูกหยิก, อุย หรือ อุ่ย ก็ใช้.
อูรุ อูรุ น. โคนขา, ขาอ่อน. (ป., ส.).
อู่ลอย อู่ลอย น. อู่ซ่อมเรือชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายแพ เคลื่อนที่ได้ และสามารถปรับระดับให้จมหรือลอยอยู่ในระดับลึกที่ต้องการ เมื่อนําเรือเข้าอู่แล้ว ปรับระดับอู่ให้ลอยตัวยกเรือขึ้นพ้นนํ้าเพื่อซ่อมท้องเรือภายนอก.
อู่แห้ง อู่แห้ง น. อู่ซ่อมเรือชนิดหนึ่ง เมื่อนําเรือเข้าอู่แล้ว สูบนํ้าภายในอู่ออกให้หมด ทําให้สามารถซ่อมท้องเรือภายนอกได้.
อู้อี้ อู้อี้ ว. มีเสียงไม่ชัดเจนอย่างเสียงคนจมูกบี้หรือคนบ่น.
อู๋อี๋ อู๋อี๋ ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงชักคันซอ.
เอ,เอ ๑ เอ ๑ ว. หนึ่ง; เปลี่ยว, เดี่ยว, เช่น เอองค์. (ตัดมาจาก เอก).
เอ,เอ ๒,เอ๊ เอ ๒, เอ๊ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความแปลกใจ สงสัย เป็นต้น.
เอ้ เอ้ ว. สําคัญ, หัวโจก, (มักใช้ในทางตำหนิ) เช่น เขาเป็นตัวเอ้ในการชวนเพื่อนหนีโรงเรียน.
เอก,เอก- เอก, เอก- [เอกะ-, เอกกะ-] ว. หนึ่ง (จํานวน); ชั้นที่ ๑ (ใช้เกี่ยวกับลําดับชั้น หรือขั้นของยศ ตําแหน่ง คุณภาพ หรือวิทยฐานะ สูงกว่า โท) เช่น ร้อยเอก ข้าราชการชั้นเอก ปริญญาเอก; เรียกเครื่องหมายวรรณยุกต์รูปดังนี้ ว่า ไม้เอก; ดีเลิศ เช่น กวีเอก, สําคัญ เช่น ตัวเอก; เรียกระนาดที่มีเสียงแกร่งกร้าวกว่าระนาดทุ้ม มีไม้แข็ง ๒ อันสําหรับตี ว่า ระนาดเอก.<2t>(โบ) น. เรียกลูกหญิงคนที่ ๗ ว่า ลูกเอก, คู่กับลูกชายคนที่ ๗ ว่า ลูกเจ็ด. (กฎ.). (ป., ส.).
เอกเขนก เอกเขนก [-ขะเหฺนก] ว. อาการที่เอนตัวลงเอาศอกข้างหนึ่งเท้าหมอนหรือพื้น.
เอกจิต เอกจิต [เอกะ-] น. ความคิดจําเพาะถึงสิ่งอย่างเดียว, ความคิดอันหนึ่งอันเดียว, ความคิดต้องกัน, ความเห็นพ้องกัน. (ป., ส. เอกจิตฺต).
เอกฉันท์ เอกฉันท์ [เอกกะ-] ว. มีความเห็นเป็นอย่างเดียวกันหมด.
เอกชน เอกชน [เอกกะ-] น. บุคคลคนหนึ่ง ๆ.<2t>ว. ส่วนบุคคล, ไม่ใช่ของรัฐ, เช่น โรงพยาบาลเอกชน.
เอกซเรย์ เอกซเรย์ น. รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งมีย่านของการแผ่รังสีที่มีช่วงคลื่นอยู่ระหว่างประมาณ ๕ ๑๐-๙ เมตร ถึง ๖ ๑๐-๑๒ เมตร ใช้ประโยชน์ในทางแพทย์ ทางวิศวกรรม เป็นต้น, รังสีเรินต์เกน หรือ รังสีเอกซ์ ก็เรียก; เรียกการถ่ายภาพอวัยวะภายในโดยใช้เอกซเรย์ว่า การถ่ายภาพเอกซเรย์, เรียกการรักษาโรคมะเร็งและโรคผิวหนังบางประเภท โดยใช้เอกซเรย์ที่มีช่วงคลื่นสั้นกว่าที่ใช้ถ่ายภาพ ว่า การฉายเอกซเรย์ หรือ การฉายแสง. (อ. X-rays).
เอกเทศ เอกเทศ [เอกกะเทด] น. ส่วนหนึ่งต่างหาก, เฉพาะตัว, เฉพาะบุคคล, เช่น เขาแยกตัวไปทำงานเป็นเอกเทศ.
เอกโทษ เอกโทษ [เอกโทด] น. คําที่เคยใช้ไม้โทโดยปรกติ แต่เปลี่ยนใช้ไม้เอกเสียงเดียวกันในบทร้อยกรองประเภทโคลงที่บังคับใช้ไม้เอก เช่น เข้า เป็น เค่า, ถ้า เป็น ท่า.
เอกนัย เอกนัย [เอกะ-, เอกกะ-] น. นัยอันหนึ่ง, นัยอันเดียวกัน.
เอกบุคคล,เอกบุรุษ เอกบุคคล, เอกบุรุษ [เอกกะบุกคน, เอกะบุกคน, เอกกะบุหฺรุด, เอกบุหฺรุด] น. คนเยี่ยมยอด, คนประเสริฐ.
เอกพจน์ เอกพจน์ [เอกกะ-] (ไว) น. คําที่กล่าวถึงสิ่งเดียว.
เอกภพ เอกภพ [เอกกะ-] (ดารา) น. ระบบซึ่งเป็นผลรวมของกาแล็กซีทั้งหมด. (อ. universe); (สถิติ) จํานวนประชากรทั้งหมดที่นํามาพิจารณาหรือหาตัวอย่าง.
เอกภริยา เอกภริยา [เอกกะพะริยา, เอกพะริยา] (โบ) น. เมียหลวง.
เอกภักดิ์ เอกภักดิ์ [เอกกะ-] ว. จงรักต่อคนคนเดียว, ซื่อตรง.
เอกภาคี เอกภาคี [เอกะ-, เอกกะ-] น. ฝ่ายเดียว หมายถึง ประเทศที่ปลีกตัวปฏิบัติการทางการเมืองเป็นต้นโดยลําพัง ไม่มีประเทศอื่นร่วมหรือรับรู้ด้วย.
เอกภาพ เอกภาพ [เอกกะ-] น. ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน; ความสอดคล้องกลมกลืนกัน. (อ. unity).
เอกม เอกม [เอก-มอ] ว. เอกอย่างกลาง. (ตัดมาจาก เอกมัธยม).
เอกมัย เอกมัย [เอกกะ-] ว. เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน, เป็นแบบเหมือนกัน.
เอกรรถประโยค เอกรรถประโยค [เอกัดถะ-] น. ประโยคที่มีเนื้อความเดียว มีบทกริยาสําคัญเพียงบทเดียว.
เอกรส เอกรส [เอกกะ-] น. รสอันเอก ได้แก่ วิมุตติรส คือ รสที่เกิดจากการหลุดพ้นจากกิเลส. (ป.).
เอกระ เอกระ [เอกกะหฺระ] (ปาก) ก. ถือตัวไม่กลัวใคร, ไม่ขึ้นแก่ใคร.
เอกราช เอกราช [เอกกะราด] ว. เป็นอิสระแก่ตน, ไม่ขึ้นแก่ใคร.
เอกรูป เอกรูป [เอกกะ-] น. รูปแบบอย่างเดียวกัน. (อ. uniform).
เอกลักษณ์ เอกลักษณ์ [เอกกะ-] น. ลักษณะที่เหมือนกันหรือมีร่วมกัน; (คณิต) ข้อความที่แสดงความเท่ากันของนิพจน์ ๒ นิพจน์ สําหรับทุกค่าของตัวไม่ทราบค่าที่ปรากฏในนิพจน์นั้น ๆ. (อ. identity).
เอกศก เอกศก [เอกกะ-] น. เรียกปีจุลศักราชที่ลงท้ายด้วยเลข ๑ เช่น ปีมะแมเอกศก จุลศักราช ๑๓๔๑.
เอกส เอกส (โบ) [เอก-สอ] ว. เอกอย่างสามัญ. (ตัดมาจาก เอกสามัญ).
เอกสาร เอกสาร [เอกกะ-] น. หนังสือที่เป็นหลักฐาน; (กฎ) กระดาษหรือวัตถุอื่นใด ซึ่งได้ทําให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น จะเป็นโดยวิธีพิมพ์ ถ่ายภาพ หรือวิธีอื่น อันเป็นหลักฐานแห่งความหมายนั้น.
เอกสารราชการ เอกสารราชการ [เอกกะ-] (กฎ) น. เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทําขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ และหมายความรวมถึงสําเนาเอกสารนั้น ๆ ที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ด้วย.
เอกสารสิทธิ เอกสารสิทธิ [เอกกะสานสิด] (กฎ) น. เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ.
เอกสิทธิ์ เอกสิทธิ์ [เอกกะ-] น. สิทธิพิเศษที่ให้แก่บุคคลโดยเฉพาะ. (อ. privilege).
เอกอัครราชทูต เอกอัครราชทูต [เอกอักคฺระ-] น. ทูตอันดับหนึ่งซึ่งประมุขของรัฐแต่งตั้งไปประจํายังสํานักของประมุขของอีกรัฐหนึ่ง เพื่อให้เป็นตัวแทนในการเจรจากิจการต่าง ๆ และดูแลผลประโยชน์คนในชาติของตนในรัฐนั้น ๆ. (อ. ambassador).
เอกอัครสมณทูต เอกอัครสมณทูต [เอกอักคฺระ-] น. สมณทูตอันดับหนึ่งที่สันตะปาปาทรงแต่งตั้งไปประจําสํานักของประมุขของอีกรัฐหนึ่ง เพื่อเป็นตัวแทนทางการทูต รวมทั้งทําหน้าที่ดูแลและประสานงานกับคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกในส่วนที่เกี่ยวกับศาสนา มีฐานะระดับเดียวกับเอกอัครราชทูต. (อ. nuncio).
เอกอุ เอกอุ [เอก-] ว. เอกเป็นเลิศ. (ตัดมาจาก เอกอุดม); มากมาย, หนักหนา, เช่น ทำผิดอย่างเอกอุ.
เอกัคตา เอกัคตา [เอกักคะ-] น. ความมีอารมณ์เป็นอันเดียว หมายถึง ความมีจิตแน่วแน่อยู่ในอารมณ์อันเดียว. (ป. เอกคฺคตา).
เอกังสพยากรณ์ เอกังสพยากรณ์ [-สะพะยากอน] น. การพยากรณ์โดยส่วนเดียว หมายถึง การพยากรณ์เด็ดขาดเพียงสถานเดียวโดยไม่มีข้อแม้ เช่น พราหมณ์โกณฑัญญะพยากรณ์สิทธัตถราชกุมารว่าจะต้องออกบวชและตรัสรู้เป็นศาสดาเอกของโลกอย่างแน่นอน จัดเป็น เอกังสพยากรณ์, การตอบปัญหาที่ผู้ถามถามอย่างชัดเจน สามารถตอบได้อย่างแจ่มแจ้งทันที.
เอกังสวาที เอกังสวาที [-สะ-] น. ผู้กล่าวโดยส่วนเดียว หมายถึง ผู้กล่าวยืนยันเด็ดขาดเพียงสถานเดียวโดยไม่มีข้อแม้.
เอกา,เอ้กา เอกา, เอ้กา ว. หนึ่ง, คนเดียว, โดดเดี่ยว; ถือกินข้าวหนเดียวในเวลาระหว่างเช้าถึงเที่ยงเป็นกิจวัตร เรียกว่า ถือเอ้กา.
เอกาธิปไตย เอกาธิปไตย [-ทิปะไต, -ทิบปะไต] น. ระบอบการปกครองโดยคนคนเดียว. (อ. monocracy).
เอเคอร์ เอเคอร์ น. หน่วยวัดพื้นที่ ๑ เอเคอร์ เท่ากับ ๔,๘๔๐ ตารางหลา หรือ ประมาณ ๔,๐๐๐ ตารางเมตร หรือ ประมาณ ๒ ไร่ครึ่ง. (อ. acre).
เอง เอง ว. คําเน้นแสดงว่าไม่ใช่ผู้อื่นหรือสิ่งอื่น เช่น ฉันเอง เป็นธรรมดาอยู่เอง; ตามลําพัง, เฉพาะตน, เช่น ไปกันเอง; แหละ, นี่แหละ, นั่นแหละ, เช่น แค่นั้นเอง.
เอ็ง เอ็ง ส. คําใช้แทนผู้ที่เราพูดด้วย มักใช้พูดกับผู้น้อยหรือใช้พูดกับเพื่อนฝูงที่อยู่ในวัยเดียวกัน, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๒.
เอ๋ง เอ๋ง ว. เสียงอย่างเสียงหมาร้องเมื่อถูกตีเป็นต้น.
เอ็ด,เอ็ด ๑ เอ็ด ๑ ว. หนึ่ง (ใช้เรียกจํานวนเลขที่มี ๑ อยู่ท้าย เช่น ๑๑ ว่า สิบเอ็ด ๑๐๑ ว่า ร้อยเอ็ด หรือหนึ่งร้อยเอ็ด).
เอ็ด,เอ็ด ๒ เอ็ด ๒ ก. ทําเสียงดัง, ดุ, ดุเสียงดัง; แพร่งพราย; มักใช้ในความปฏิเสธว่า อย่าเอ็ดไป.<2t>ว. เอะอะ, อึกทึก.
เอ็ดตะโร เอ็ดตะโร ก. ทําเสียงอึกทึกครึกโครม, ดุด้วยเสียงดังลั่น.<2t>ว. อึกทึกครึกโครม.
เอดส์ เอดส์ น. กลุ่มอาการและอาการแสดงที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันเสื่อมเหตุไวรัส HIV, กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม ก็ว่า. (อ. acquired immune deficiency syndrome, acquired immunodeficiency syndrome, AIDS).
เอ็ดอึง เอ็ดอึง ว. เอะอะอื้ออึง.
เอตทัคคะ เอตทัคคะ [เอตะ-] น. ผู้ยอดเยี่ยมในทางใดทางหนึ่งเป็นพิเศษ. (ป.).
เอ้เต เอ้เต ว. นั่งหรือนอนปล่อยตัวตามสบายมีท่าสง่าผ่าเผย.
เอทิลแอลกอฮอล์ เอทิลแอลกอฮอล์ น. แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง มีสูตร C2H5OH ลักษณะเป็นของเหลว ใสไม่มีสี มีขีดเดือด ๗๘.๕ °ซ. จุดไฟติด ดื่มเข้าไปทําให้เกิดอาการมึนเมา เป็นองค์ประกอบสําคัญของสุราเมรัยทุกประเภท ใช้ประโยชน์เป็นตัวทําละลาย เป็นเชื้อเพลิงและใช้สังเคราะห์สารเคมีอื่นได้มากมาย. (อ. ethyl alcohol).
เอน เอน ว. อาการของสิ่งที่มีลักษณะยาวหรือเป็นแผ่นเป็นต้น ตั้งอยู่ แต่ไม่ตรง เช่น เสาเอน ต้นไม้เอน ฝาเอน.
เอ็น เอ็น น. กลุ่มหรือมัดเส้นใยเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งเรียงตัวในทิศทางเดียวเห็นได้ชัด และไม่มีกล้ามเนื้อยึดที่ปลาย, ชาวบ้านเรียก เส้นเอ็น. (อ. ligament).
เอ็นกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อ น. เอ็นชนิดที่ปลายใดปลายหนึ่งยึดกับกล้ามเนื้อ. (อ. tendon, sinew).
เอนกาย,เอนตัว,เอนหลัง เอนกาย, เอนตัว, เอนหลัง ก. นอน.
เอนไซม์ เอนไซม์ น. สารอินทรีย์ที่มีโครงสร้างซับซ้อนประเภทโปรตีน มีปรากฏอยู่ในเซลล์ที่มีชีวิตของพืชและสัตว์ ทําหน้าที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีของกรรมวิธีต่าง ๆ ทางชีววิทยา เช่น การย่อยอาหาร การหมัก. (อ. enzyme).
เอ็นดู เอ็นดู ก. มีใจรักใคร่, ปรานี.
เอ็นอ่อน เอ็นอ่อน น. ชื่อไม้เถาชนิด Cryptolepis buchanani Burm. et Schult. ในวงศ์ Asclepiadaceae ดอกสีนวล เถาใช้ทํายาได้.
เอนเอียง เอนเอียง ว. โน้มเอียง, ไม่เที่ยงตรง, เอียงเอน ก็ว่า.
เอม เอม ว. หวาน; ชื่นใจ
เอ็มบริโอ เอ็มบริโอ [-บฺริ-] น. ตัวอ่อนของสัตว์หรือต้นอ่อนของพืชที่ยังไม่เจริญเติบโตจนถึงขั้นที่มีอวัยวะครบบริบูรณ์. (อ. embryo).
เอมอร เอมอร [-ออน] ว. งามอ่อนหวาน, โดยปริยายใช้เรียกหญิงสาวที่งามละมุนละไม.
เอมโอช เอมโอช [-โอด] (กลอน) น. รสหวาน, รสอร่อย.
เอย,เอย ๑ เอย ๑ คำกล่าวประกอบหลังคำจำแนกรายละเอียด เช่น ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีค่าน้ำเอย ค่าไฟเอย.
เอย,เอย ๒,เอ่ย,เอ่ย ๑ เอย ๒, เอ่ย ๑ คํากล่าวประกอบหลังชื่อ เป็นเชิงปรารภเป็นต้น หรือลงท้ายคํากลอน เช่น แม่เอย แกอย่ามาห้ามข้า ตัวของลูกยาก็ไม่ฟัง. (มโนห์รา), เจ้ามัทรีเจ้ามาไยเวลาปานฉะนี้ พระน้องเอ่ย ผิดเวลากาล. (ม. ร่ายยาว กุมาร), ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมลฑล และทิ้งตนตัวเปลี่ยวอยู่เดียวเอย. (บทดอกสร้อย).
เอ่ย,เอ่ย ๒ เอ่ย ๒ ก. เปล่งเสียงพูด, เริ่มพูด.<2t>ว. คําออกเสียงใช้ในความเพื่อให้ทาย เช่น นกอะไรเอ่ย.
เอ๊ย เอ๊ย อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงอาการว่าพูดผิดไปเป็นต้น.<2t>ว. คําลงท้ายชื่อหรือถ้อยคําเพื่อบอกให้รู้หรือร้องเรียกด้วยความเอ็นดู, เอ๋ย ก็ว่า.
เอ๋ย เอ๋ย ว. คําลงท้ายชื่อหรือถ้อยคําเพื่อบอกให้รู้หรือร้องเรียกด้วยความเอ็นดู, เอ๊ย ก็ว่า; คําที่ใช้ในตอนขึ้นต้นคํากลอนหรือบทดอกสร้อย เช่น กาเอ๋ยกาดํา รถเอ๋ยรถทรง.
เอร็ดอร่อย เอร็ดอร่อย [อะเหฺร็ดอะหฺร่อย] ว. อร่อยเหลือเกิน, อร่อยจนติดใจ.
เอราวัณ เอราวัณ น. ช้าง ๓๓ เศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์. (ป. เอราวณ; ส. ไอราวณ).
เอลา เอลา [-ลา] ดู กระวาน ๑ (๑).
เอลาฬุก เอลาฬุก [-ลาลุก] น. ฟักทอง, ฟักเหลือง. (ป.).
เอว เอว น. ส่วนกลางของร่างกายระหว่างชายโครงกับกระดูกตะโพกทั้ง ๒ ข้าง, กะเอว บั้นเอว หรือ สะเอว ก็ว่า; โดยปริยายหมายถึงส่วนกลางของสิ่งอื่น ๆ ตรงที่คอดเข้าไป เช่น เอวว่าวจุฬา เอวพาน.
เอ๊ว เอ๊ว อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อเยาะให้เก้อ, เฮ้ว ก็ว่า.
เอวบาง,เอวบางร่างน้อย,เอวเล็กเอวบาง เอวบาง, เอวบางร่างน้อย, เอวเล็กเอวบาง น. เรียกผู้ที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นสะโอดสะอง.
เอวัง เอวัง (ปาก) ก. จบ, หมดสิ้น.
เอฬกะ เอฬกะ [เอละกะ] น. แกะ, แพะ. (ป.; ส. เอฑก).
เอฬา เอฬา น. นํ้าลาย. (ป.; ส. ลาลา).
เออ เออ อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อบอกรับหรืออนุญาต, มักเป็นคําที่ผู้ใหญ่ใช้กับผู้น้อย หรือระหว่างเพื่อนที่สนิทสนมกัน, คําที่เปล่งออกมาแสดงว่านึกเรื่องที่จะถามหรือจะพูดขึ้นได้.
เอ่อ เอ่อ ว. เริ่มไหลขึ้น, มีระดับสูงขึ้น, (ใช้แก่นํ้าในแม่นํ้าลําคลองเป็นต้น).
เออ ๆ คะ ๆ เออ ๆ คะ ๆ ก. รับฟังโดยไม่ขัดคอ, รับฟังไปตามเรื่องตามราวโดยไม่แสดงความคิดเห็น, เช่น ฉันก็เออ ๆ คะ ๆ ไปอย่างนั้นแหละ.
เออน่ะ เออน่ะ อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อเน้นแสดงคํารับอย่างรู้สึกรําคาญ.
เออแน่ะ เออแน่ะ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความพิศวงว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น.
เออร์เบียม เออร์เบียม น. ธาตุลําดับที่ ๖๘ สัญลักษณ์ Er เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งเป็นเงาวาว เนื้ออ่อน หลอมละลายที่ ๑๔๙๗ °ซ. ใช้ประโยชน์นําไปผสมกับโลหะอื่นให้เป็นโลหะเจือ. (อ. erbium).
เอ้อระเหย เอ้อระเหย ว. ปล่อยอารมณ์ตามสบาย.<2t>น. คําขึ้นต้นเพลงพวงมาลัย.
เอ้อเร้อ เอ้อเร้อ ว. มากจนล้น (ใช้แก่กริยากิน), เอ้อเร้อเอ้อเต่อ ก็ว่า; มากเกินไปอย่างไม่เป็นระเบียบ.
เอ้อเร้อเอ้อเต่อ เอ้อเร้อเอ้อเต่อ ว. ปล่อยอารมณ์ตามสบาย, ยืดยาด เช่น มัวแต่เอ้อเร้อเอ้อเต่ออยู่นั่นแหละ จะทําอะไรก็ไม่ทําเสียที; มากจนล้น (ใช้แก่กริยากิน), เอ้อเร้อ ก็ว่า.
เอออวย เอออวย ก. พลอยเห็นตามไปด้วย, เห็นดีด้วย.
เออออ,เออออห่อหมก เออออ, เออออห่อหมก ก. เห็นด้วย, พลอยเห็นตามไปด้วย, เช่น เขาก็เออออห่อหมกด้วย.
เอ้อเฮอ เอ้อเฮอ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความพิศวงหรือประหลาดใจเป็นต้น.
เอ้แอ่น,เอ้ ๆ แอ่น ๆ เอ้แอ่น, เอ้ ๆ แอ่น ๆ ก. ทําให้เสียเวลา, ทําชักช้า, ทําจริตกิริยาโอ้เอ้; อาการที่ยืนโอนไปโอนมา เอนไปเอนมา หรือ เดินถอยหน้าถอยหลัง.
เอ๊ะ เอ๊ะ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความฉงน ไม่เข้าใจ หรือไม่พอใจ เป็นต้น.
เอะใจ เอะใจ ก. เฉลียวใจ, ฉุกคิด, สะดุดใจ.
เอะอะ เอะอะ ก. อึกทึก, ทําเสียงดังโวยวาย; ทันทีทันใด, ปุบปับ, ไม่ทันไตร่ตรอง, ไม่บอกกล่าวเล่าแจ้ง, เช่น เอะอะก็ไป เอะอะก็ด่า, อึกอัก ก็ว่า.
เอะอะมะเทิ่ง เอะอะมะเทิ่ง (ปาก) ก. ส่งเสียงดัง, เอ็ดตะโรโดยไม่เกรงใจผู้อื่น.
เอา,เอา ๑ เอา ๑ ก. ยึด เช่น เอาไว้อยู่; รับไว้ เช่น เขาให้ก็เอา; พา, นํา, เช่น เอาตัวมา; ต้องการ เช่น ทําเอาชื่อ ทำงานเอาหน้า; ถือเป็นสําคัญ เช่น เจรจาเอาถ้อยคํา เอาพี่เอาน้อง; (ปาก) คําใช้แทนกริยาอื่น ๆ บางคําได้.<2t>ว. เมื่อใช้ลงท้ายกริยา เป็นการเน้นกริยาแสดงถึงการตั้งหน้าตั้งตาทําต่อเนื่องกัน เช่น กินเอา ๆ.
เอา,เอา ๒ เอา ๒ (โบ) น. เรียกลูกหญิงคนที่ ๙ ว่า ลูกเอา, คู่กับ ลูกชายคนที่ ๙ ว่า ลูกเจา. (กฎ.).
เอาการ,เอาการ ๑,เอาการเอางาน เอาการ ๑, เอาการเอางาน ว. ตั้งใจทําการงานด้วยความขยันขันแข็ง.
เอาการ,เอาการ ๒ เอาการ ๒ ว. ยิ่งกว่าธรรมดา เช่น สูงเอาการ.
เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพง (สํา) ก. ลงทุนน้อยหวังผลกําไรมาก.
เอาข้างเข้าถู เอาข้างเข้าถู (สำ) ว. ไม่ใช้เหตุผล, ดื้อดันจะเอาชนะให้ได้, เอาสีข้างเข้าถู ก็ว่า.
เอางาน เอางาน ก. แสดงความเคารพเจ้านายชั้นสูงโดยแบมือเอาสันมือลงแล้วกระดกมือขึ้นน้อย ๆ ก่อนรับของ (ใช้แก่การรับของจากเจ้านายชั้นสูงทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม).
เอาจมูกผู้อื่นมาหายใจ เอาจมูกผู้อื่นมาหายใจ (สํา) ก. อาศัยผู้อื่นมักไม่สะดวก, พึ่งจมูกคนอื่นหายใจ หรือ ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ก็ว่า.
เอาจริง,เอาจริง ๑,เอาจริงเอาจัง เอาจริง ๑, เอาจริงเอาจัง ว. ตั้งใจทําอย่างจริงจัง, ถือเอาเป็นแน่นอน.
เอาจริง,เอาจริง ๒ เอาจริง ๒ ว. เอาแน่, ไม่ล้อเล่น.
เอาใจ เอาใจ ก. คอยปฏิบัติให้ถูกใจ, ตามใจ.
เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเขามาใส่ใจเรา (สำ) ก. ให้รู้จักเห็นใจผู้อื่น.
เอาใจช่วย เอาใจช่วย ก. อยากให้สมปรารถนา, ช่วยเป็นกําลังใจให้.
เอาใจดูหูใส่ เอาใจดูหูใส่ (ปาก) ก. ใฝ่ใจ, ตั้งใจ.
เอาใจใส่ เอาใจใส่ ก. ใฝ่ใจ, ตั้งใจ.
เอาใจออกหาก เอาใจออกหาก ก. ห่างเหินไปไม่ร่วมมือร่วมใจเหมือนเดิม, ตีตนจากไป, ปลีกตัวออกไป, ตีตัวออกหาก ก็ว่า.
เอาชนะ เอาชนะ ก. ทําให้อีกฝ่ายหนึ่งแพ้.
เอาชั้นเอาเชิง เอาชั้นเอาเชิง ก. รอดูชั้นเชิง.
เอาชัย เอาชัย ว. มุ่งให้ได้ชัยชนะฝ่ายตรงข้าม, มุ่งความเจริญ.
เอาชีวิต เอาชีวิต ก. ฆ่า, ทําให้ถึงตาย.
เอาชื่อ เอาชื่อ ว. มุ่งให้ได้ชื่อเสียง เช่น ทำงานเอาชื่อ.
เอาเชิง เอาเชิง ก. สงวนท่าทีหรือชั้นเชิงของตนไว้เพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งเกรงขาม.
เอาใช้ เอาใช้ ก. ขอให้ทดแทนสิ่งที่เสียไป.
เอาดีเอาเด่น เอาดีเอาเด่น ก. พยายามทําตัวให้คนเห็นว่าตนดีเด่นกว่าเพื่อน.
เอาตัวรอด เอาตัวรอด ก. รักษาตัวให้พ้นจากความยากลำบาก, หลบหลีกปัญหายุ่งยากไปได้.
เอาตาย เอาตาย ว. ทํารุนแรงมาก.
เอาแต่ เอาแต่ ว. มุ่งเฉพาะอย่างเดียวเท่านั้น เช่น เอาแต่เรียน เอาแต่งาน เอาแต่กิน เอาแต่เล่น.
เอาแต่ใจ เอาแต่ใจ ว. ถือใจตนเป็นใหญ่.
เอาถ่าน เอาถ่าน ว. ใช้การได้, เอาการเอางาน, รักดี, มักใช้ในความปฏิเสธว่า ไม่เอาถ่าน.
เอาเถอะ,เอาเถอะ ๆ,เอาเถิด,เอาเถิด ๑,เอาเถิด ๆ เอาเถอะ, เอาเถอะ ๆ, เอาเถิด ๑, เอาเถิด ๆ น. คำพูดแสดงความยินยอมหรือแสดงความประนีประนอม.
เอาเถิด,เอาเถิด ๒,เอาเถิดเจ้าล่อ,เอาเถิดเจ้าล่อ ๑ เอาเถิด ๒, เอาเถิดเจ้าล่อ ๑ น. ชื่อการเล่นของเด็กชนิดหนึ่งไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น โดยจะต้องมีคนหนึ่งอยู่โยง ณ หลักที่กำหนดไว้ มีหน้าที่ไล่จับผู้อื่นให้ได้ ถ้าจับใครไม่ได้เลยก็ต้องอยู่โยงต่อ ถ้าจับผู้ใดได้ผู้นั้นต้องอยู่โยงแทน มีบทร้องประกอบว่า เอาเถิดเจ้าล่อ ข้าวเหนียวสองห่อ ไม่พอกันกิน.
เอาเถิดเจ้าล่อ,เอาเถิดเจ้าล่อ ๒ เอาเถิดเจ้าล่อ ๒ ก. อาการที่ตามจับหรือตามหาผู้ที่หลบหรือเลี่ยงกันไปมา เช่น ตำรวจเอาเถิดเจ้าล่อกับผู้ร้าย.
เอาทองไปรู่กระเบื้อง เอาทองไปรู่กระเบื้อง (สํา) ก. โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาลหรือคนที่มีฐานะตํ่ากว่า เป็นการไม่สมควร, เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ ก็ว่า.
เอาทาร เอาทาร [-ทาน] ว. สูง, เลิศ, ประเสริฐ, ยิ่งใหญ่; ซื่อตรง, มีความจริงใจ; สุภาพ; ถูกต้อง. (แผลงมาจาก อุทาร).
เอาทารย์ เอาทารย์ [-ทาน] น. ความมีใจโอบอ้อม, ความเป็นคนใจบุญ, ความเผื่อแผ่. (ส. เอาทารฺย).
เอาน้ำเย็นเข้าลูบ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ (สํา) ก. ใช้คําพูดอ่อนหวานหว่านล้อม.
เอาน้ำลูบท้อง เอาน้ำลูบท้อง (สํา) ก. อดทนในยามยากโดยกินน้ำแทนข้าว.
เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง เอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง (สํา) ก. เอาทรัพย์หรือสิ่งของจากคนที่มีน้อยไปให้แก่ผู้ที่มีมากกว่า.
เอาบุญเอาคุณ เอาบุญเอาคุณ ว. หวังให้เขาตอบแทนบุญคุณ.
เอาปูนหมายหัว เอาปูนหมายหัว (สํา) ก. ผูกอาฆาตไว้, คาดโทษไว้, เชื่อแน่ว่าจะเป็นไปตามที่คาดหมายไว้, ประมาทหน้าว่าไม่มีทางจะเอาดีได้.
เอาเป็นธุระ เอาเป็นธุระ ว. ถือเป็นเรื่องที่ตนควรทําให้, เป็นธุระ ก็ว่า.
เอาเป็นว่า เอาเป็นว่า ก. ตกลงว่า, สรุปว่า.
เอาเป็นเอาตาย เอาเป็นเอาตาย ว. ตั้งใจทําอย่างจริงจังโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยหรือความยากลําบาก เช่น ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย; เอาจริงเอาจังอย่างรุนแรง เช่น เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ เถียงกันเอาเป็นเอาตายไปได้.
เอาเปรียบ,เอารัดเอาเปรียบ เอาเปรียบ, เอารัดเอาเปรียบ ว. รู้มาก, พยายามให้ได้ประโยชน์มากกว่า.
เอาผิด เอาผิด ก. ถือว่าเป็นความผิด.
เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ (สำ) ก. โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาลหรือคนที่มีฐานะต่ำกว่า เป็นการไม่สมควร, บางทีใช้เข้าคู่กับ เอาเนื้อไปแลกกับหนัง ว่า เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เอาเนื้อไปแลกกับหนัง, เอาทองไปรู่กระเบื้อง ก็ว่า.
เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน เอามะพร้าวห้าวไปขายสวน (สํา) ก. แสดงความรู้หรืออวดรู้กับผู้ที่รู้เรื่องดีกว่า.
เอามือซุกหีบ เอามือซุกหีบ (สํา) ก. หาเรื่องเดือดร้อนหรือความลําบากใส่ตัวโดยใช่ที่.
เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง (สํา) ก. คัดค้านผู้ใหญ่ ผู้มีฐานะสูงกว่า หรือผู้มีอำนาจมากกว่าย่อมไม่สําเร็จ และอาจได้รับผลร้ายแก่ตัวอีกด้วย.
เอาไม้สั้นไปรันขี้ เอาไม้สั้นไปรันขี้ (สํา) ก. โต้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาลมีแต่ทางเสีย.
เอาไม่อยู่ เอาไม่อยู่ ก. ปกครองไม่ได้, ควบคุมไม่ได้, เช่น เด็กคนนี้ซนมากจนพ่อแม่เอาไม่อยู่, ควบคุมให้อยู่ในอำนาจไม่ได้ เช่น ม้าตัวนี้พยศมากจนเจ้าของเอาไม่อยู่, เหลือความสามารถที่จะเยียวยาได้ เช่น โรคของเขาอาการหนักมากแพทย์คงจะเอาไม่อยู่.
เอาเยี่ยง เอาเยี่ยง ก. ทำตามเฉพาะที่เห็นว่าดีหรือเป็นประโยชน์.
เอารส เอารส [-รด] น. ลูกของตนเอง. (แผลงมาจาก โอรส). (ส.).
เอาเรื่อง เอาเรื่อง ก. ถือเป็นเรื่องเป็นราว เช่น เจ้าของเขาจะเอาเรื่อง.<2t>ว. ยิ่งกว่าธรรมดา, มาก, เช่น เผ็ดเอาเรื่อง; เอาจริง เอาจริงเอาจัง เช่น เขาเป็นคนเอาเรื่อง.
เอาแรง,เอาแรง ๑ เอาแรง ๑ ก. ช่วยผู้อื่นทำงานเพื่อต่อไปเขาจะได้มาช่วยตนทำงานในลักษณะเดียวกันบ้าง เช่น เกี่ยวข้าวเอาแรงกัน.
เอาแรง,เอาแรง ๒ เอาแรง ๒ ก. พักเหนื่อย.
เอาฤกษ์ เอาฤกษ์ (ปาก) ก. ประเดิม เช่น สอนเอาฤกษ์.
เอาฤกษ์เอาชัย เอาฤกษ์เอาชัย ว. ที่มุ่งให้เกิดความสุขความเจริญหรือได้ชัยชนะฝ่ายตรงข้าม เช่น โห่เอาฤกษ์เอาชัย.
เอาละ เอาละ ก. ตกลง; พอแล้ว; พร้อมแล้ว.
เอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอม เอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอม (สำ) ก. เอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยงเป็นลูก เป็นภาระรับผิดชอบที่หวังผลตอบแทนแน่นอนไม่ได้.
เอาเลย เอาเลย ก. ยินยอม ท้าทาย หรือยุให้ทำ.
เอาเลือดกับปู เอาเลือดกับปู (สํา) ก. เคี่ยวเข็ญหรือบีบบังคับเอากับผู้ที่ไม่มีจะให้, รีดเลือดกับปู หรือ หาเลือดกับปู ก็ว่า.
เอาสีข้างเข้าถู เอาสีข้างเข้าถู (สำ) ว. ไม่ใช้เหตุผล, ดื้อดันจะเอาชนะให้ได้, เอาข้างเข้าถู ก็ว่า.
เอาหน้า เอาหน้า ก. อยากให้คนยกย่องสรรเสริญ เช่น ทำบุญเอาหน้าหรืออยากได้บุญคุณ เช่น เขามาเอาหน้ากับฉันว่าเป็นคนเสนอชื่อฉันให้ได้รับรางวัล; เรียกการทํางานเฉพาะงานที่ผู้ใหญ่รู้เห็นเพื่อหวังประโยชน์ว่า ทํางานเอาหน้า.
เอาหัวเดินต่างตีน เอาหัวเดินต่างตีน (สำ) ก. ทำในสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งจนไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ทำนองเดียวกับที่จะเอาหัวเดินต่างเท้า.
เอาหัวเป็นประกัน เอาหัวเป็นประกัน (สำ) ก. รับรองด้วยความมั่นอกมั่นใจ.
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ (สํา) ก. แสร้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่สนใจ.
เอาใหญ่ เอาใหญ่ ก. กําเริบ เช่น เดี๋ยวนี้เขาชักจะเอาใหญ่แล้ว.
เอาใหญ่เอาโต เอาใหญ่เอาโต ก. วางตัวเป็นคนใหญ่คนโตให้ผู้อื่นนอบน้อมหรือแสดงท่าทางว่าเป็นคนมีอำนาจ.
เอาฬาร เอาฬาร [-ลาน] ว. ใหญ่โต, โอ่โถง, กว้างขวาง; ยิ่งใหญ่, เลิศล้น; ประเสริฐ, ดี; แผลงมาจาก อุฬาร, โอฬาร ก็ใช้.
เอาฬาริก,เอาฬารึก เอาฬาริก, เอาฬารึก ว. ใหญ่, โต. (แผลงมาจาก โอฬาริก, โอฬารึก).
เอาอกเอาใจ เอาอกเอาใจ ก. คอยปฏิบัติให้ถูกใจ.
เอาอย่าง เอาอย่าง ก. เลียนแบบ, ทําตาม.
เอาอยู่ เอาอยู่ ว. เอาการ, เอาเรื่อง, เช่น ระยะทางไกลเอาอยู่, ถ้าใช้ในลักษณะปรารภเชิงขอความเห็นหรือแสดงความหนักใจเป็นต้น มักใช้ว่า เอาอยู่นะ เช่น ปัญหานี้ยากเอาอยู่นะ.<2t>ก. ปกครองได้, ควบคุมได้, เช่น เด็กคนนี้เกเรมาก คิดว่าจะเอาอยู่ไหม.
เอาะลาย เอาะลาย ดู กระดาดดํา, กระดาดขาว.
เอิก เอิก ว. อึง, อื้อฉาว.
เอิกเกริก เอิกเกริก [เอิกกะเหฺริก] ว. อื้ออึง; ครึกครื้น, สนุกสนาน; แพร่หลายรู้กันทั่ว.
เอิ้น เอิ้น ก. พูด, เรียก, เรียกร้อง, กล่าวถ้อยคํา, อื้น หรือ เอื้อน ก็ว่า.
เอิบ เอิบ ก. ซึมเข้าไป, ซาบเข้าไป.
เอิบอาบ เอิบอาบ ก. อาบไปทั่ว, ซึมซาบ; ซาบซ่าน; อาบเอิบ ก็ว่า.
เอียง เอียง ว. อาการของสิ่งที่เอนไปข้างหนึ่ง เช่น คอเอียง, อาการของสิ่งที่เสียระดับ ไม่ว่าจะในแนวนอนหรือแนวยืนก็ตาม เช่น เรือเอียง เรือนเอียง.<2t>ก. เปลี่ยนระดับไม่ว่าจะในแนวนอนหรือแนวยืนก็ตาม เช่น เครื่องบินกำลังเอียงปีกเพื่อร่อนลง เขาเอียงคอดู.
เอี้ยง เอี้ยง น. ชื่อนกในวงศ์ Sturnidae รูปร่างอ้วนป้อม หางสั้น กินแมลงและผลไม้ อยู่รวมกันเป็นฝูง มีหลายชนิด เช่น เอี้ยงสาริกา หรือ สาลิกา (Acridotheres tristis) เอี้ยงหงอน (A. javanicus) เอี้ยงหัวสีทอง (Ampeliceps coronatus) เอี้ยงดําปักษ์ใต้ (Aplonis panayensis).
เอี้ยงคำ เอี้ยงคำ (ถิ่น-พายัพ) น. นกขุนทอง. (ดู ขุนทอง).
เอียงอาย เอียงอาย ว. แสดงท่าขวยเขินโดยก้มหน้าน้อย ๆ.
เอียงเอน เอียงเอน ว. โน้มเอียง, ไม่เที่ยงตรง, เอนเอียง ก็ว่า.
เอียด,เอียด ๑ เอียด ๑ ว. เล็ก.
เอียด,เอียด ๒,เอี๊ยด เอียด ๒, เอี๊ยด ว. เสียงดังเช่นนั้น.
เอียน,เอียน ๑ เอียน ๑ ว. ชวนให้คลื่นไส้ (มักใช้แก่รสหวาน).<2t>ก. เบื่อมาก เช่น ฉันเอียนหน้าเขาเต็มทีแล้ว.
เอียน,เอียน ๒ เอียน ๒ (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ปลาไหล. (ดู ไหล ๑).
เอี่ยน เอี่ยน (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. ปลาไหล. (ดู ไหล ๑).
เอี่ยม เอี่ยม ว. ยังไม่ได้ใช้ เช่น ใหม่เอี่ยม, เรี่ยม เช่น แต่งตัวเอี่ยม หน้าตาเอี่ยม.
เอี๊ยม เอี๊ยม น. แผ่นผ้าสําหรับคาดหน้าอกเด็กเล็ก ๆ, เต่า ก็ว่า. (ดู เต่า ๒). (จ.).
เอี้ยมจุ๊น เอี้ยมจุ๊น น. ชื่อเรือขนาดใหญ่ ต่อด้วยไม้ ท้องเรือเป็นสัน สําหรับขนถ่ายและบรรทุกสินค้า. (จ.).
เอี้ยมเฟี้ยม เอี้ยมเฟี้ยม ว. อาการที่นั่งเก็บมือเก็บเท้าอย่างเรียบร้อย, อาการที่หมอบเฝ้าหรือหมอบคอยรับใช้อย่างเรียบร้อย.
เอี่ยมอ่อง เอี่ยมอ่อง ว. ใหม่ผุดผ่อง เช่น เสื้อผ้าเอี่ยมอ่อง; สะอาดสดใส, ไม่หมองมัว, เช่น หน้าตาเอี่ยมอ่อง.
เอี่ยว เอี่ยว ว. หนึ่ง, แต้ม ๑ ของลูกเต๋า, เรียกลําดับชุดที่ ๑ ของไพ่ตองว่า เอี่ยว เช่น เอี่ยวเกือก เอี่ยวชี เอี่ยวยาว.<2t>(ปาก) น. หุ้น, ส่วนร่วม.<2t>ก. มีส่วนร่วม เช่น เรื่องนี้ขอเอี่ยวด้วยคน.
เอี้ยว เอี้ยว ก. บิดไป, หันไป, เช่น เอี้ยวคอ เอี้ยวตัว, เบี่ยง เช่น ถนนสายนี้ไม่ตรง เอี้ยวไปทางขวาเล็กน้อย.
เอี่ยวลม เอี่ยวลม (ปาก) น. หุ้นลม.
เอื้อ เอื้อ ก. เอาใจใส่, มีน้ำใจ, เช่น เอื้อแก่กัน, เห็นแก่ เช่น ทำกับข้าวเผ็ดไม่เอื้อเด็ก ๆ.
เอื๊อก เอื๊อก ว. เสียงดังในคออย่างเสียงดื่มน้ำแรง ๆ เช่น กลืนน้ำลายดังเอื๊อก.
เอื้อง,เอื้อง ๑ เอื้อง ๑ (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นกล้วยไม้. (ดู กล้วยไม้ ๑). (ปาก) เรียกหญิงสาวทางภาคพายัพว่า เอื้องเหนือ.
เอื้อง,เอื้อง ๒ เอื้อง ๒ น. หญ้าและใบไม้เป็นต้นที่สัตว์บางจําพวกเช่นวัวควายกินเข้าไปในกระเพาะทีหนึ่งแล้วสํารอกออกมาเคี้ยวอีกให้ละเอียด ในคำว่า บดเอื้อง หรือ เคี้ยวเอื้อง.<2t>ว. เรียกอาการที่สัตว์บางจำพวกเช่นวัวควายสํารอกอาหารออกมาเคี้ยวอีกให้ละเอียดว่า บดเอื้อง หรือ เคี้ยวเอื้อง; โดยปริยายหมายความว่า ทําอะไรช้า ๆ.
เอื้องครั่ง,เอื้องน้ำครั่ง เอื้องครั่ง, เอื้องน้ำครั่ง (ถิ่น-พายัพ) น. ชื่อกล้วยไม้ชนิด Dendrobium parishii Rchb.f. ในวงศ์ Orchidaceae ดอกสีเหลือง.
เอื้องศรีเที่ยง เอื้องศรีเที่ยง ดู กระเจี้ยง.
เอื้องหนวดพราหมณ์ เอื้องหนวดพราหมณ์ ดู หนวดพราหมณ์ ๑ (๒).
เอือด เอือด ว. ชื้น เช่น เกลือเอือด ผ้าเอือด. (ถิ่น-อีสาน) น. ดินที่มีธาตุเกลือปนอยู่และขึ้นเป็นขุยขาวที่หน้าดิน.
เอือน,เอือน ๑ เอือน ๑ (โบ) น. พยาธิในท้องชนิดหนึ่ง เช่น ลางคาบมีตืดมีเอือนในท้องนั้น. (ไตรภูมิ).
เอือน,เอือน ๒ เอือน ๒ น. ลักษณะของเนื้อมะพร้าวแก่ที่บาง ขรุขระเหมือนผิวมะกรูด มีรสออกหวานไม่มัน เรียกว่า มะพร้าวเป็นเอือน หรือ มะพร้าวเอือนกิน.
เอื้อน,เอื้อน ๑ เอื้อน ๑ ก. พูด, เรียก, เรียกร้อง, กล่าวถ้อยคำ, อึ้น หรือ เอิ้น ก็ว่า.
เอื้อน,เอื้อน ๒ เอื้อน ๒ ก. ออกเสียงขับร้องให้เลื่อนไหลกลมกลืนไปตามทำนองตอนที่ไม่มีเนื้อร้อง, ยืดหรือลากเสียงออกไปให้เข้ากับจังหวะของทํานองเพลง.
เอือนกิน เอือนกิน ว. เรียกลักษณะมะพร้าวเป็นเอือนว่า มะพร้าวเอือนกิน.
เอื้อนวาจา,เอื้อนโอฐ,เอื้อนโอฐ ๑ เอื้อนวาจา, เอื้อนโอฐ ๑ (ปาก) ก. ออกปากพูด, พูดข้อความออกมา, มักใช้ในความหมายเชิงประชดประชัน เช่น กว่าจะเอื้อนโอฐออกมาได้เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง.
เอื้อนอรรถ,เอื้อนเอ่ย,เอื้อนโอฐ,เอื้อนโอฐ ๒ เอื้อนอรรถ, เอื้อนเอ่ย, เอื้อนโอฐ ๒ (กลอน) ก. ออกปากพูด, พูดข้อความออกมา, มักใช้แก่กิริยาที่ทำทีอิดเอื้อนไม่ใคร่พูดออกมาง่าย ๆ.
เอื้อเฟื้อ เอื้อเฟื้อ ก. อุดหนุน, เจือจาน, แสดงนํ้าใจดีต่อผู้อื่น, บางทีใช้เข้าคู่กับคำอื่น เช่น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้อเฟื้อเกื้อกูล เอื้อเฟื้อเกื้อหนุน.
เอือม เอือม ว. เบื่อหน่ายในสิ่งที่ซํ้า ๆ ซาก ๆ มากเกินไป.
เอื้อม เอื้อม ก. ยื่นมือไปเพื่อหยิบของในที่ไกลมือ; โดยปริยายหมายความว่า ใฝ่สูง.
เอื้อมอาจ เอื้อมอาจ ก. บังอาจ, ล่วงเกินไม่รู้จักที่สูงที่ตํ่า, อาจเอื้อม ก็ว่า.
เอื่อย,เอื่อย ๆ เอื่อย, เอื่อย ๆ ว. เรื่อย ๆ, เฉื่อย ๆ, เช่น ลมพัดเอื่อย นํ้าไหลเอื่อย ๆ, ตามสบายไม่รีบร้อน เช่น เดินเอื่อย ๆ.
เอื้อย เอื้อย (โบ) น. เรียกลูกสาวคนที่ ๑ ว่า ลูกเอื้อย. (สามดวง); เรียกพี่สาวคนโตว่า พี่เอื้อย, (ปาก) เรียกผู้ที่หมู่คณะยกย่องให้เป็นหัวหน้าว่า พี่เอื้อย.
เอื้ออำนวย เอื้ออำนวย ว. ส่งเสริมให้, เปิดโอกาสให้.
แอ แอ ว. เล็ก, อ่อน.
แอ้ แอ้ ว. อาการที่แสดงว่าหนักมาก เช่น หนักแอ้ หนักจนหลังแอ้.
แอ๋ แอ๋ ว. อาการที่เมาเหล้ามากจนพูดลิ้นไก่สั้นหรือทรงตัวไม่อยู่ เรียกว่า เมาแอ๋.
แอก แอก น. ไม้วางขวางบนคอวัวหรือควายใช้ไถนา คราดนา หรือเทียมเกวียน เป็นต้น; โดยปริยายหมายถึงการถูกกดขี่ ในคำว่า ปลดแอก.
แอกทิเนียม แอกทิเนียม น. ธาตุลําดับที่ ๘๙ สัญลักษณ์ Ac เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีขาวคล้ายเงิน หลอมละลายที่ ๑๐๕๐ °ซ. เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่มีปรากฏในธรรมชาติ. (อ. actinium).
แอกน้อย แอกน้อย น. ไม้ที่ผูกติดกับคันชักไถ.
แอ่ง แอ่ง น. ที่ซึ่งลาดลึกลงไปพอนํ้าขังได้.
แอ้งแม้ง แอ้งแม้ง (ปาก) ว. อาการที่นอนนิ่งอยู่กับที่เพราะหมดกําลังเป็นต้น ในคำว่า นอนแอ้งแม้ง.
แอด,แอด ๆ,แอ๊ด,แอ๊ด ๆ แอด, แอด ๆ, แอ๊ด, แอ๊ด ๆ ว. เสียงดังเช่นนั้นอย่างเสียงเปิดหรือปิดประตูฝืด ๆ.
แอ้ด,แอ้ด ๑ แอ้ด ๑ น. ชื่อจิ้งหรีดขนาดเล็กหลายชนิดในวงศ์ Gryllidae ลำตัวยาวไม่เกิน ๒.๕ เซนติเมตร ส่วนใหญ่ปีกคู่หลังยาวกว่าปีกคู่หน้า เวลาพับปีกจะเห็นเป็นชายห้อยไปคล้ายมีหางคู่ โดยทั่วไปสีดำตลอดทั้งตัว เรียกว่า อ้ายแอ้ด ชนิดที่พบเป็นสามัญ ได้แก่ ชนิด Acheta confermata, จิ้งหรีดผี ก็เรียก.
แอ้ด,แอ้ด ๒ แอ้ด ๒ น. เรียกของบางอย่างที่มีขนาดเล็กกว่าปรกติ เช่น รถถังอ้ายแอ้ด.
แอ้ด,แอ้ด ๓,แอ้ด ๆ แอ้ด ๓, แอ้ด ๆ ว. เรียกอาการที่หนักเต็มกําลังว่า หนักเต็มแอ้ด; เรียกอาการจุกจนพูดไม่ออกว่า จุกแอ้ด ๆ.
แอ่น แอ่น ก. ทําให้โค้งหรือนูนจากแนวหรือระดับ เช่น แอ่นอก.<2t>ว. ลักษณะของสิ่งที่โค้งหรือนูนจากแนวหรือระดับ เช่น อกแอ่น สะพานแอ่น.
แอนติเจน แอนติเจน น. สารที่สามารถกระตุ้นให้เกิดแอนติบอดีขึ้นได้. (อ. antigen).
แอนติบอดี แอนติบอดี น. สารที่ร่างกายมนุษย์หรือสัตว์ชั้นสูงอื่น ๆ สร้างขึ้น เมื่อได้รับการกระตุ้นโดยสารที่แปลกปลอมซึ่งเรียกว่า แอนติเจน. (อ. antibody).
แอนติอิเล็กตรอน แอนติอิเล็กตรอน น. โพซิตรอน. (อ. antielectron).
แอ่นลม แอ่นลม ดู อีแอ่น.
แอโนด แอโนด น. แผ่นหรือแท่งตัวนําที่โยงต่อกับขั้วบวกของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า เช่น แบตเตอรี่. (อ. anode).
แอบ,แอบ ๆ แอบ, แอบ ๆ ก. ทําโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็นโดยอาการต่าง ๆ เช่น แอบทำ; เข้าไปชิด เช่น รถพยาบาลมาให้รถอื่นแอบเข้าข้างทาง.<2t>ว. อาการที่ยืน เดิน หรือวางสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นต้นไม่ให้เกะกะหรือกีดขวางทาง เช่น เดินแอบข้างทาง วางของแอบ ๆ หน่อย.
แอบแฝง แอบแฝง ก. ซ่อนเร้น.
แอบอ้าง แอบอ้าง ก. เอาไปอ้างโดยเจ้าตัวไม่รู้.
แอบอิง แอบอิง ก. แนบชิด, อิงแอบ ก็ว่า.
แอม แอม ก. กระแอม.
แอ้ม แอ้ม (ปาก) ก. กิน เช่น แอ้มขนมหรือยัง, ได้สมประสงค์ (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่ได้แอ้ม.
แอมแปร์ แอมแปร์ น. หน่วยวัดกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ๑ แอมแปร์ คือ กระแสไฟฟ้าที่มีอัตราการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนได้วินาทีละประมาณ ๖ ๑๐๑๘ อิเล็กตรอน. (อ. ampere).
แอมมิเตอร์ แอมมิเตอร์ น. เครื่องมือที่ใช้สําหรับวัดค่าของกระแสไฟฟ้าเป็นแอมแปร์. (อ. ammeter).
แอมโมเนีย แอมโมเนีย น. สารประกอบอนินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีสูตร NH3 ลักษณะเป็นแก๊สไม่มีสี กลิ่นฉุน ละลายนํ้าได้ดี ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ในอุตสาหกรรมทําปุ๋ย กรดไนตริก ใยสังเคราะห์ เป็นตัวทําความเย็น. (อ. ammonia).
แอร่ม แอร่ม [อะแหฺร่ม] ว. แพรวพราว, ผ่องใส, สดใส, เช่น งามแอร่ม หน้าตาแอร่ม.
แอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ น. สารอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นของเหลวใส กลิ่นฉุน ระเหยง่าย มีขีดเดือด ๗๘.๕ °ซ. ชื่อเต็มคือ เอทิลแอลกอฮอล์ แต่มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า แอลกอฮอล์ โดยปรกติเกิดขึ้นจากการหมักสารประเภทแป้งหรือนํ้าตาลผสมยีสต์ ซึ่งมักเรียกกันว่า แป้งเชื้อหรือเชื้อหมัก เป็นองค์ประกอบสําคัญของสุราและเมรัยทุกชนิด เมื่อดื่มเข้าไปจะออกฤทธิ์ทําให้มีอาการมึนเมา ใช้ประโยชน์เป็นตัวทําละลาย และเป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น. (อ. alcohol, ethyl alcohol).
แอลฟา แอลฟา (ฟิสิกส์) น. ชื่ออนุภาคที่พุ่งออกมาจากนิวเคลียสของอะตอมกัมมันตรังสี เป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม มักเรียกกระแสอนุภาคแอลฟาว่า รังสีแอลฟา ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ ๒๐,๐๐๐ กิโลเมตรต่อวินาที มีอํานาจในการเจาะทะลุได้น้อย เมื่อกระทบกับฉากเรืองแสงจะทําให้เกิดแสงเรืองขึ้นได้. (อ. alpha rays).
แอว แอว (ถิ่น-พายัพ) น. ชื่อกลองยาวขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ทําด้วยลําท่อนไม้ขุดไส้ในออกให้กลวงแล้วขึงด้วยหนังสัตว์ทางด้านปากกลองเพียงด้านเดียว จากด้านปากกลองมีลักษณะสอบเข้าคล้ายเอว ตอนปลายบานผายออกคล้ายดอกลำโพง. (พายัพ แอว ว่า เอว).
แอ่ว แอ่ว (ถิ่น-อีสาน) ก. พูดคุย (ใช้แก่หนุ่มสาว); (ถิ่น-พายัพ) เที่ยว, ถ้าไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง เรียกว่า แอ่วสาว.<2t>น. ชื่อเพลงไทยจำพวกหนึ่ง มีชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า แอ่ว เช่น แอ่วลาว แอ่วเคล้าซอ.
แอ้วแซ่ว แอ้วแซ่ว ว. อาการที่นอนนิ่งอยู่กับที่เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้ในลักษณะที่หมดกําลังหรือเจ็บป่วยเป็นต้น ในคําว่า นอนแอ้วแซ่ว, แซ่ว ก็ว่า.
แอสทาทีน แอสทาทีน น. ธาตุลําดับที่ ๘๕ สัญลักษณ์ At เป็นอโลหะ ลักษณะเป็นของแข็ง เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่มีปรากฏในธรรมชาติ. (อ. astatine).
แอสไพริน แอสไพริน น. สารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีสูตร CH3COO·C6H4·COOH ชื่อทางเคมี คือ acetylsalicylic acid ลักษณะเป็นของแข็งสีขาว หลอมละลายที่ ๑๓๓ °ซ. ใช้ในทางการแพทย์เป็นยาลดไข้และระงับปวด. (อ. aspirin).
แอสฟัลต์ แอสฟัลต์ น. ยางมะตอย. (อ. asphalt).
แอหนัง แอหนัง น. นางชี. (ช.).
แออวย แออวย (โบ) ก. ละห้อยไห้.
แออัด แออัด ว. ยัดเยียด, แน่น, อัดแอ ก็ว่า.
โอ,โอ ๑ โอ ๑ น. (๑) ส้มโอ. (ดู ส้ม ๑).<2t>(๒) ชื่อลูกจันชนิดหนึ่ง. (ดู จัน).
โอ,โอ ๒ โอ ๒ น. ชื่อปลาทะเลขนาดใหญ่หลายชนิดในวงศ์ Thunnidae อยู่เป็นฝูงห่างฝั่ง รูปร่างเพรียวคล้ายกระสวย บริเวณฐานครีบหูมีกลุ่มเกล็ดเล็ก ๆ ครีบหางเว้าลึก เช่น โอหม้อ หรือ โอดํา (Thunnus tonggol) โอลาย (Euthynnus affinis).
โอ,โอ ๓ โอ ๓ น. ภาชนะเครื่องเขินอย่างหนึ่งสําหรับใส่ของ รูปคล้ายขัน มีขนาดต่าง ๆ, ต่อมาได้อนุโลมเรียกขันเคลือบทรงสูงว่า ขันโอ.
โอ,โอ ๔ โอ ๔ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงอาการว่านึกอะไรขึ้นมาได้ หรือแสดงว่าสลดใจเป็นต้น.
โอ่,โอ่ ๑ โอ่ ๑ น. ชื่อเรือต่อชนิดหนึ่ง คล้ายเรือสำปั้น แต่มีขนาดเล็กและเพรียวกว่า ล่มง่าย ผู้ชํานาญจึงจะพายได้.
โอ่,โอ่ ๒ โอ่ ๒ ก. อวด, ชอบแต่งตัวอวด.
โอ่,โอ่ ๓ โอ่ ๓ ว. กลิ่นเหม็นอย่างกลิ่นอาหารที่ใกล้จะบูด.
โอ้,โอ้ ๑ โอ้ ๑ (กลอน) อ. คําในคําประพันธ์ ใช้ในความรําพึง พรรณนา วิงวอน หรือปลอบ เป็นต้น เช่น โอ้พ่อพลายสายสวาทของน้องเอ๋ย ไม่เคยเลยจะห่างเหเสนหา. (ขุนช้างขุนแผน), โอ้ว่า ก็ใช้ เช่น โอ้ว่าน่าเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงชํ้าจิต. (อิเหนา).<2t>น. ชื่อเพลงไทยจำพวกหนึ่ง มีชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า โอ้ เช่น โอ้ปี่ โอ้ร่าย โอ้โลม.
โอ้,โอ้ ๒ โอ้ ๒ ว. เสียงดัง, เปิดเผย, (ใช้แก่กริยาคุย).
โอ๋ โอ๋ อ. คําที่เปล่งออกมาเป็นเสียงเช่นนั้นเพื่อปลอบเด็ก.<2t>ก. ตามใจ, เอาอกเอาใจ.
โอก โอก (โบ) ก. ออก.
โอ้ก โอ้ก ก. อาเจียน.<2t>ว. เสียงอย่างเสียงอาเจียน.
โอ๊ก,โอ๊ก ๑ โอ๊ก ๑ ว. เสียงอย่างเสียงไก่ร้อง; อาการที่แสดงว่าเหลืออดเหลือทน เช่น ของแพงจนคนร้องโอ๊ก.
โอ๊ก,โอ๊ก ๒ โอ๊ก ๒ น. ชื่อไม้ต้นหลายชนิดในสกุล Quercus วงศ์ Fagaceae เนื้อไม้ใช้ทําเครื่องเรือน. (อ. oak).
โอ้กอ้าก โอ้กอ้าก ว. เสียงอย่างเสียงอาเจียนติดต่อกัน, โดยปริยายหมายถึงอาการของผู้หญิงที่แพ้ท้องหรืออาการของผู้ที่จะเป็นลม.
โอกะ โอกะ น. นํ้า; ที่อยู่. (ป.).
โอกาส โอกาส [-กาด] น. ช่อง, ทาง; เวลาที่เหมาะ, จังหวะ. (ป.; ส. อวกาศ).
โอฆ,โอฆ-,โอฆะ โอฆ-, โอฆะ [โอคะ-] น. ห้วงนํ้า; ในพระพุทธศาสนาหมายถึงกิเลสที่ท่วมทับจิตใจของหมู่สัตว์ มี ๔ อย่าง คือ ๑. กาโมฆะ = โอฆะ คือ กาม ๒. ภโวฆะ = โอฆะ คือ ภพ ๓. ทิฏโฐฆะ = โอฆะ คือ ทิฐิ ๔. อวิชโชฆะ = โอฆะ คือ อวิชชา. (ป., ส.).
โอฆชล โอฆชล [-ชน] น. นํ้าในห้วงลึก. (ป.).
โอฆสงสาร โอฆสงสาร น. การเวียนเกิดเวียนตายในห้วงของกิเลส. (ป.).
โอ่ง โอ่ง น. ภาชนะสําหรับขังนํ้า ก้นสอบเล็กน้อย ปากกว้าง มีขนาดต่าง ๆ กัน, บางทีก็เรียกว่า ตุ่ม.
โองการ โองการ น. คําศักดิ์สิทธิ์ เช่น โองการแช่งน้ำ, ถ้าเป็นคําศักดิ์สิทธิ์มาจากพระดํารัสสั่งของพระเจ้าแผ่นดิน เรียกว่า พระราชโองการ หรือ พระบรมราชโองการ. (ป.; ส. โอํการ = อักษรโอม หมายถึง พระเป็นเจ้าทั้ง ๓ คือ พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ).
โองโขดง โองโขดง [-ขะโดง] น. ทรงผมของหญิงไทยสมัยโบราณ ซึ่งรวบขึ้นไปเกล้าไว้บนขม่อมเป็นห่วงยาว ๆ โดยมากมีเกี้ยวหรือพวงมาลัยสวม, โซงโขดง ก็ว่า.
โอ่งมังกร โอ่งมังกร น. โอ่งดินเผาเคลือบ มีสีนํ้าตาลปนเหลือง มักมีลายเป็นรูปมังกร.
โอชะ,โอชา โอชะ, โอชา ว. มีรสดี, อร่อย.<2t>น. รสที่ซึมซาบ, เครื่องหรือสิ่งบํารุงเลี้ยงให้เกิดความเจริญงอกงาม. (ป.).
โอโซน โอโซน น. แก๊สชนิดหนึ่ง สีนํ้าเงิน กลิ่นฉุน เป็นอัญรูปของธาตุออกซิเจน มีสูตร O3 ใช้ประโยชน์ฆ่าเชื้อโรคในน้ำเพื่อใช้เป็นนํ้าดื่ม ใช้ฟอกจางสีของสารอินทรีย์บางอย่างเช่นเส้นใยที่ใช้ทอผ้า. (อ. ozone).
โอฐ โอฐ (โบ) น. โอษฐ์, ริมฝีปาก; ปาก. (ป. โอฏฺ; ส. โอษฺ).
โอด โอด น. ชื่อเพลงสำหรับใช้เป็นหน้าพาทย์บรรเลงประกอบกิริยาร้องไห้ สลบหรือตาย; วิธีดำเนินทำนองเพลงไทยอย่างหนึ่ง ซึ่งดำเนินไปโดยแช่มช้าโหยหวน และโศกซึ้ง.<2t>ก. ร้องไห้.
โอดกาเหว่า โอดกาเหว่า (ปาก) ก. ร้องไห้ครํ่าครวญ.
โอดครวญ โอดครวญ ก. รํ่าไห้, ครํ่าครวญ; รํ่ารําพัน.
โอดโอย โอดโอย ก. ร้องเพราะความเจ็บปวด, (ปาก) ร้องเรียนว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นต้น.
โอ๊ต โอ๊ต น. ข้าวโอ๊ต. (ดู ข้าวโอ๊ต).
โอตตัปปะ โอตตัปปะ [โอด-] น. ความเกรงกลัวบาป, มักใช้เข้าคู่กับคำ หิริ เป็น หิริโอตตัปปะ. (ป.).
โอ่โถง,โอ้โถง โอ่โถง, โอ้โถง ว. ภาคภูมิมีสง่า, ภูมิฐาน.
โอทน,โอทน-,โอทนะ โอทน-, โอทนะ [โอทะนะ] น. ข้าวสุก, ข้าวสวย. (ป.).
โอน โอน ก. น้อมลง, โน้ม; ยกไปไว้อีกที่หนึ่ง เช่น โอนบัญชี; ยอมมอบให้; ย้ายสังกัด; (กฎ) ทําให้สิทธิตกไปเป็นของบุคคลอื่น เช่น โอนกรรมสิทธิ์.
โอนกรรมสิทธิ์ โอนกรรมสิทธิ์ (กฎ) ก. โอนสิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินให้แก่บุคคลอื่น.
โอนชาติ โอนชาติ (ปาก) ก. แปลงสัญชาติ.
โอนอ่อน โอนอ่อน ก. ผ่อนตาม, ยอมตาม.
โอนเอน โอนเอน ว. เอนไปเอนมา, ไม่มั่นคง, ไม่แน่นอน.
โอบ โอบ ก. เอาแขนอ้อมไว้ เช่น โอบไหล่, เอาแขนทั้ง ๒ อ้อมไว้ เช่น โอบต้นไม้ โอบกอด, โดยปริยายหมายถึงอาการที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น รากไทรโอบรอบเจดีย์เก่า; ตีวงล้อม เช่น เคลื่อนพลเข้าไปโอบกองทัพข้าศึก.
โอบอ้อมอารี โอบอ้อมอารี ก. แสดงนํ้าใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น.
โอบอุ้ม โอบอุ้ม ก. อุ้มชู, อุดหนุน, ชุบเลี้ยง.
โอบเอื้อ โอบเอื้อ ก. เอื้อเฟื้อ, เกื้อหนุน.
โอปปาติกะ โอปปาติกะ [โอปะ-] น. ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรม ได้แก่เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย, อุปปาติกะ ก็เรียก. (ป.).
โอภา โอภา ก. ทักทายด้วยวาจาสุภาพ.
โอภาปราศรัย โอภาปราศรัย [-ปฺราไส] ก. ทักทายด้วยความสนิทสนมเป็นกันเอง.
โอภาส โอภาส [-พาด] น. แสงสว่าง; ความสุกใส, ความเปล่งปลั่ง.<2t>ก. ส่องแสง. (ป.).
โอม โอม น. คำที่ประกอบด้วยเสียง ๓ เสียง คือ อ อุ ม [อ่านว่า อะ อุ มะ] รวมกัน ข้างฝ่ายฮินดูหมายถึง พระเจ้าทั้ง ๓ คือ อ = พระศิวะ อุ = พระวิษณุ ม = พระพรหม; ข้างพระพุทธศาสนาเลียนเอามาใช้หมายถึง พระรัตนตรัย คือ อ = อรหํ (พระพุทธเจ้า) อุ = อุตฺตมธมฺม (พระธรรมอันสูงสุด) ม = มหาสงฺฆ (พระสงฆ์) นับถือเป็นคําศักดิ์สิทธิ์, เป็นคำขึ้นต้นของการกล่าวมนตร์.<2t>ก. กล่าวคําขึ้นต้นของมนตร์. (ส.).
โอย,โอย ๑,โอ๊ย โอย ๑, โอ๊ย อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความรู้สึกเจ็บปวด หรือรู้สึกว่ามากยิ่ง แปลก เป็นต้น.
โอย,โอย ๒ โอย ๒ (โบ) ก. อวย, ให้, เช่น คนในเมืองสุโขทัยนี้ มักทาน มักทรงศีล มักโอยทาน. (จารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ ๑ ด้านที่ ๒).
โอร,โอร- โอร- [-ระ-] ว. ตํ่า, ใต้; รอง; หลัง; ฝั่งนี้. (ป.; ส. อวร).
โอรส โอรส [-รด] น. ลูกชาย (ใช้แก่เจ้านาย). (ป. โอรส ว่า ผู้เกิดแต่อก).
โอละพ่อ โอละพ่อ ว. กลับตรงกันข้าม อย่างกลับหน้ามือเป็นหลังมือ.<2t>น. คําขึ้นต้นที่พวกระเบ็งร้องและรําในการมหรสพของหลวงเช่นพระราชพิธีโสกันต์.
โอลิมปิก โอลิมปิก น. เรียกการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศซึ่งจัดให้มีขึ้นทุก ๆ ๔ ปีในประเทศต่าง ๆ ตามแต่จะตกลงกันว่า กีฬาโอลิมปิก. (อ. Olympic games).
โอ้โลม โอ้โลม ก. ปลอบโยน, เอาใจ.
โอ้โลมปฏิโลม โอ้โลมปฏิโลม (ปาก) ก. พูดเอาอกเอาใจ, พูดเกลี้ยกล่อม.
โอ้ว่า โอ้ว่า ดู โอ้ ๑.
โอวาท โอวาท [-วาด] น. คําแนะนํา, คําตักเตือน, คํากล่าวสอน. (ป.).
โอษฐ,โอษฐ-,โอษฐ์ โอษฐ-, โอษฐ์ [โอดถะ-, โอด] น. ริมฝีปาก ในคำว่า โอษฐชะ; ปาก เช่น เอื้อนโอษฐ์. (ส.; ป. โอฏฺ).
โอษฐชะ โอษฐชะ (ไว) น. อักษรในภาษาบาลีและสันสกฤตที่มีเสียงเกิดจากริมฝีปาก ได้แก่พยัญชนะวรรค ป คือ ป ผ พ ภ ม และอักษร ว กับสระอุ อู. (ป. โอฏฺช; ส. โอษฺฐฺย).
โอษฐภัย โอษฐภัย น. ภัยที่เกิดจากคําพูด.
โอสถ,โอสถ- โอสถ, โอสถ- [โอสด, โอสดถะ-] น. ยาแก้โรค, ยารักษาโรค; เครื่องยา; ในราชาศัพท์ใช้ตลอดจนถึงยาสูบและบุหรี่ เช่น พระโอสถเส้น พระโอสถมวน. (ป. โอสถ, โอสธ; ส. เอาษธ).
โอสถกรรม โอสถกรรม น. การแพทย์แผนกใช้ยา, การรักษาไข้ด้วยวิธีใช้ยา.
โอสาน โอสาน น. อวสาน. (ป. โอสาน, อวสาน; ส. อวสาน).
โอหนอ โอหนอ (กลอน) อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงความรําพึงในเวลาดีใจหรือเสียใจ.
โอห์ม โอห์ม (ไฟฟ้า) น. หน่วยวัดความต้านทาน ใช้สัญลักษณ์ ความต้านทาน ๑ โอห์ม คือ ความต้านทานระหว่างจุด ๒ จุดบนตัวนํา ซึ่งเมื่อจุดคู่นี้มีความต่างศักย์ไฟฟ้า ๑ โวลต์แล้ว จะทําให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ๑ แอมแปร์. (อ. ohm).
โอห์มมิเตอร์ โอห์มมิเตอร์ น. เครื่องมือไฟฟ้าที่ใช้สําหรับวัดค่าของความต้านทานเป็นโอห์ม. (อ. ohmmeter).
โอหัง โอหัง ก. แสดงกิริยาวาจาหยิ่งยโส.
โอฬาร โอฬาร [-ลาน] ว. ใหญ่โต, โอ่โถง, กว้างขวาง; ยิ่งใหญ่, เลิศล้น; ประเสริฐ, ดี, เอาฬาร ก็ใช้. (แผลงมาจาก อุฬาร). (ป.).
โอฬาริก,โอฬารึก โอฬาริก, โอฬารึก ว. ใหญ่, โต. (ป. โอฬาริก; ส. เอาทาริก).
โอ่อวด,โอ้อวด โอ่อวด, โอ้อวด ก. อวด, พูดยกตัว, พูดอวดความรู้ความสามารถหรือความมั่งมีเป็นต้น.<2t>ว. ขี้อวด, ชอบพูดยกตัว, ชอบพูดอวดความรู้ความสามารถหรือความมั่งมีเป็นต้น.
โอ่อ่า โอ่อ่า ว. สะสวยอย่างมีสง่า เช่น แต่งตัวโอ่อ่า, ใหญ่โตหรูหรามาก เช่น บ้านช่องโอ่อ่า.
โอ้เอ้ โอ้เอ้ น. เรียกการสวดกาพย์ลํานําเป็นทํานองอย่างที่นักเรียนสวดตามศาลารายวัดพระศรีรัตนศาสดารามในวันเข้าพรรษา วันกลางพรรษา และวันออกพรรษา ว่า สวดโอ้เอ้วิหารราย.<2t>ว. ชักช้า.
โอเอซิส โอเอซิส น. บริเวณที่ชุ่มชื้นในทะเลทราย ซึ่งมีนํ้าพอที่สิ่งมีชีวิตจะอาศัยอยู่ได้. (อ. oasis).
โอ้โฮ โอ้โฮ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความตกใจหรือประหลาดใจเป็นต้น.
ไอ,ไอ ๑ ไอ ๑ น. สิ่งที่มีลักษณะอย่างควัน ลอยออกมาจากของที่ถูกความร้อนทําให้ระเหย.
ไอ,ไอ ๒ ไอ ๒ ก. อาการที่ลมพุ่งขึ้นมาจากปอดโดยแรง เพื่อขับสิ่งที่อาจเป็นอันตรายออกมา ทําให้เกิดเสียงพิเศษจากลําคอ.
ไอ้ ไอ้ น. คําประกอบคําอื่นบอกให้รู้ว่าเป็นเพศชายหรือสัตว์ตัวผู้ เช่น ไอ้หนุ่ม ไอ้ด่าง, คําประกอบหน้าชื่อผู้ชายที่มีฐานะตํ่ากว่า อย่างนายเรียกคนใช้, คําประกอบหน้าชื่อเพื่อนฝูงแสดงว่ามีความสนิทสนมมาก มักใช้กันในหมู่เด็กผู้ชาย; คําใช้ประกอบหน้าชื่อผู้ชายแสดงความดูหมิ่นเหยียดหยาม, คําประกอบคําบางคําที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กผู้ชายหรือผู้ชายที่อายุน้อยกว่ามากด้วยความเอ็นดูหรือสนิทสนมเป็นกันเอง เช่น ไอ้หนู ไอ้น้องชาย; คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้น เช่น ไอ้เราก็ไม่ดี ไอ้จะไปก็ไม่มีที่ไป ไอ้จะอยู่หรือก็คับใจ, คําประกอบหน้าคําบางคําเพื่อเน้นในเชิงบริภาษ เช่น ไอ้ทึ่ม ไอ้โง่ ไอ้ควาย, คําใช้แทนสิ่งที่กล่าวถึงและเป็นที่เข้าใจกัน เช่น ไอ้นั่น ไอ้นี่, เขียนเป็น อ้าย ก็มี.
ไอกรน ไอกรน น. โรคติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดหนึ่ง พบในเด็กที่มีไข้ ไอมาก และมักมีเสียงเกิดจากการหายใจที่ลําบากตามหลังอาการไอ.
ไอโซโทป ไอโซโทป น. อะตอมของธาตุเดียวกัน แต่มีจํานวนนิวตรอนที่นิวเคลียสต่างกัน. (อ. isotope).
ไอแดด ไอแดด น. ความร้อนจากแสงแดดที่เข้ามาถึงในที่ร่ม.
ไอตัว ไอตัว น. ความร้อนที่ระเหยจากร่างกาย.
ไอน์สไตเนียม ไอน์สไตเนียม น. ธาตุลําดับที่ ๙๙ สัญลักษณ์ Es เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น ไม่มีปรากฏในธรรมชาติ. (อ. einsteinium).
ไอพ่น ไอพ่น น. ชื่อเครื่องยนต์ชนิดหนึ่งซึ่งเผาเชื้อเพลิงให้เป็นแก๊สพุ่งออกมาตามท่อด้วยความดันสูงมาก ทําให้เกิดพลังขับเคลื่อนได้, เรียกเครื่องบินที่ใช้กําลังด้วยเครื่องยนต์เช่นนั้นว่า เครื่องบินไอพ่น.
ไอพิษ ไอพิษ น. แก๊สหรือไอที่มีสมบัติเป็นพิษอย่างร้ายแรง ใช้ในการสู้รบ.
ไอยรา ไอยรา [-ยะ-] (กลอน) น. ช้าง.
ไอยเรศ ไอยเรศ [-ยะเรด] น. ชื่อเพลงไทยทํานองหนึ่ง.
ไอราพต ไอราพต น. ช้าง ๓๓ เศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์. (ส. ไอราวต; ป. เอราวณ).
ไอราวัณ ไอราวัณ น. เอราวัณ, ช้าง ๓๓ เศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์. (ส. ไอราวณ; ป. เอราวณ).
ไอราวัต ไอราวัต น. ช้าง ๓๓ เศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์. (ส. ไอราวต; ป. เอราวณ).
ไอศกรีม ไอศกรีม น. ของกินทําด้วยนํ้าหวาน กะทิ หรือนม เป็นต้น ทําให้ข้นด้วยความเย็น. (อ. ice-cream).
ไอศวรรย์ ไอศวรรย์ [ไอสะหฺวัน] น. ความเป็นเจ้าเป็นใหญ่, ความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน; อํานาจ; (กลอน) สมบัติแห่งพระราชาธิบดี, ใช้ว่า ไอศุริย หรือ ไอศูรย์ ก็มี. (ส. ไอศฺวรฺย; ป. อิสฺสริย).
ไอศุริย,ไอศุริย- ไอศุริย- [-ริยะ-] น. ไอศวรรย์.
ไอศุริยสมบัติ ไอศุริยสมบัติ น. สมบัติแห่งพระราชาธิบดี.
ไอศูรย์ ไอศูรย์ [-สูน] น. ไอศวรรย์.
ไอเสีย ไอเสีย น. ไอที่เกิดจากการเผาไหม้ของนํ้ามันเครื่องยนต์ที่ขับถ่ายออกทางท่อ, เรียกท่อที่ขับถ่ายไอเสียออกว่า ท่อไอเสีย.
ไอออน ไอออน น. อะตอมหรือหมู่ของอะตอมที่ไม่เป็นกลาง มี ๒ ชนิด คือ ชนิดที่แสดงอํานาจไฟฟ้าของประจุไฟฟ้าบวก เรียกว่า ไอออนบวก หรือ แคตไอออน (cation) ชนิดที่แสดงอํานาจไฟฟ้าของประจุไฟฟ้าลบ เรียกว่า ไอออนลบ หรือ แอนไอออน (anion). (อ. ion).
ไอโอดีน ไอโอดีน น. ธาตุลําดับที่ ๕๓ สัญลักษณ์ I เป็นอโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งสีเทาดําเป็นเงาวาว หลอมละลายที่ ๑๑๔ °ซ. เมื่อระเหิดเป็นไอให้ไอสีม่วง เป็นธาตุสําคัญมากสําหรับต่อมไทรอยด์ หากขาดธาตุนี้จะทําให้เป็นโรคคอพอก. (อ. iodine).
ฮ ฮ พยัญชนะตัวที่ ๔๔ เป็นตัวสุดท้ายของพยัญชนะไทย เป็นพวกอักษรตํ่า.
ฮกเกี้ยน ฮกเกี้ยน น. ชาวจีนในมณฑลฮกเกี้ยนของประเทศจีน, ชาวจีนที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในมณฑลฮกเกี้ยน.
ฮด ฮด (ถิ่น) ก. รด, รดนํ้าให้; พิธีรดนํ้าเนื่องในการแต่งตั้งพระ.
ฮวงซุ้ย ฮวงซุ้ย น. ที่ฝังศพของชาวจีน, ฮวงจุ้ย ก็ว่า. (จ.).
ฮวน ฮวน น. คําที่จีนใช้เรียกคนต่างชาติ. (จ.).
ฮ้วนหมู ฮ้วนหมู ดู กระทุงหมาบ้า.
ฮวบ ฮวบ ว. อย่างรวดเร็ว (มักใช้แก่กริยาลงหรือทรุด) เช่น ลงฮวบ ทรุดฮวบ.
ฮวบฮาบ ฮวบฮาบ ว. อาการที่ขึ้น ลงหรือลดอย่างรวดเร็ว.
ฮ่อ ฮ่อ น. จีนพวกหนึ่งที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจีน มีมณฑลยูนนานเป็นต้น, จีนฮ่อ ก็เรียก; ลายเส้นที่เขียนเป็นไพรคิ้ว ไพรปาก บนหน้าโขน ประกอบด้วยเส้นสีแดง ดินแดง และสีทอง เรียกว่า ลายฮ่อ หรือ เส้นฮ่อ; ลายที่เขียนเป็นอย่างแถบผ้าสะบัดกลับไปมา ใช้เขียนเพื่อแบ่งภาพเป็นตอน ๆ ในงานจิตรกรรมฝาผนังหรือจิตรกรรมภาพพระบฏ เรียกว่า ลายฮ่อ.
ฮ้อ ฮ้อ (ปาก) ว. ดี. (จ.).
ฮอกกี้ ฮอกกี้ น. กีฬากลางแจ้งชนิดหนึ่ง เล่นในสนามหรือบนลานนํ้าแข็งก็ได้ ผู้เล่นแบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายละ ๑๑ คน ทั้ง ๒ ฝ่ายพยายามใช้ไม้ตีลูกให้เข้าไปในประตูของฝ่ายตรงข้าม. (อ. hockey).
ฮอด ฮอด (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) ก. รอด, พ้น, ถึง.
ฮ่อม,ฮ่อมเมือง ฮ่อม, ฮ่อมเมือง (ถิ่น-พายัพ) น. ต้นคราม. [ดู คราม ๓ (๒)].
ฮ่อมดง ฮ่อมดง น. ชื่อไม้พุ่มชนิด Dichroa febrifuga Lour. ในวงศ์ Hydrangeaceae ดอกสีม่วงนํ้าเงิน ใช้ทํายาได้.
ฮ่อยจ๊อ ฮ่อยจ๊อ น. ชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อปู มันหมูแข็งต้มสุก ผสมกับแป้งมันและเครื่องปรุงรส บดหรือโขลกจนเหนียวแล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้เป็นท่อน กลม ๆ ยาว ๆ มัดเป็นเปลาะ ๆ นึ่งแล้วทอดให้สุก กินกับน้ำจิ้ม. (จ.).
ฮอร์โมน ฮอร์โมน น. สารที่สร้างขึ้นโดยต่อมไร้ท่อของมนุษย์และสัตว์ชั้นสูงอื่น ๆ แล้วหลั่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรงเพื่อนําไปยังส่วนต่าง ๆ มีหน้าที่ควบคุมการทํางานของร่างกาย มีหลายชนิด บางชนิดเป็นโปรตีน เช่น อินซูลิน บางชนิดเป็นสารเคมีธรรมดา เช่น อะดรีนาลิน. (อ. hormone).
ฮอลแลนด์ ฮอลแลนด์ น. ชื่อหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์. (อ. Holland).
ฮอลันดา ฮอลันดา น. ชื่อชนชาติหนึ่ง อยู่ในประเทศฮอลแลนด์หรือเนเธอร์แลนด์, วิลันดา หรือ ชาวดัตช์ ก็เรียก. (อ. Hollanda).
ฮะ ฮะ อ. คําที่เปล่งออกมาเมื่อรู้สึกสะดุดใจ แปลกใจ หรือเมื่อชะงัก เป็นต้น.
ฮะเบสสมอ ฮะเบสสมอ [หะเบดสะหฺมอ] ก. กว้านสมอเรือขึ้นเก็บเพื่อนำเรือออก.
ฮะเรียสมอ ฮะเรียสมอ [หะเรียสะหฺมอ] ก. ปล่อยโซ่สมอให้ยาวออกไปจากตัวเรือ, ฮะเรียโซ่สมอ ก็ว่า.
ฮะฮ้าย,ฮะไฮ้ ฮะฮ้าย, ฮะไฮ้ (กลอน) อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความเยาะเย้ย.
ฮะเฮ้ย ฮะเฮ้ย อ. คำที่เปล่งออกมาเพื่อดุว่าหรือห้ามเป็นต้น, ฮ้าเฮ้ย ก็ว่า.
ฮัก,ฮัก ๑,ฮัก ๆ ฮัก ๑, ฮัก ๆ ว. อาการที่หอบหรือสะอื้นถี่ ๆ เรียกว่า หอบฮัก ๆ สะอื้นฮัก ๆ.
ฮัก,ฮัก ๒ ฮัก ๒ (ถิ่น-อีสาน, พายัพ) ก. รัก.
ฮังเล ฮังเล (ถิ่น-พายัพ) น. แกงชนิดหนึ่ง มักใช้หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นโต ๆ ปรุงด้วยเครื่องแกงเข้าผงกะหรี่ นํ้าแกงข้นและมันมาก.
ฮัจญ์ ฮัจญ์ น. พิธีปฏิบัติศาสนกิจที่สําคัญในศาสนาอิสลาม ซึ่งจะต้องกระทําที่นครมักกะฮ์ (เมกกะ) ประเทศซาอุดีอาระเบียปัจจุบัน, เขียนเป็น หัจญ์ ก็มี.
ฮัจญะฮ์ ฮัจญะฮ์ น. เรียกหญิงที่ได้ไปทําพิธีฮัจญ์แล้ว, ฮาจญะฮ์ ก็เรียก.
ฮัจญี ฮัจญี (ปาก) น. เรียกชายที่ได้ไปทําพิธีฮัจญ์แล้ว, หะยี หรือ หัจญี ก็เรียก.
ฮั่น ฮั่น น. เรียกชนชาติโบราณกลุ่มใหญ่ที่มีภูมิลําเนาอยู่ในตอนกลางของทวีปเอเชีย. (อ. Hun; ส. หูณ).
ฮั้ว ฮั้ว (ปาก) ก. รวมหัวกัน, ร่วมกันกระทำการ, สมยอมกันในการเสนอราคาเพื่อมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม. (จ.).
ฮา ฮา ก. หัวเราะเสียงดังพร้อม ๆ กันเพราะขบขันหรือชอบใจ เช่น นักเรียนฮากันทั้งห้อง.<2t>ว. อาการหัวเราะของคนหมู่มากเพราะขบขันหรือชอบใจ เช่น เสียงฮา.<2t>อ. คําสร้อยที่ใช้ในบทร้อยกรอง เช่น แม่ฮา พี่ฮา.
ฮ้า ฮ้า อ. คําที่เปล่งออกมาด้วยความตกใจ ประหลาดใจ หรือเพื่อห้าม.
ฮ่างหลวง ฮ่างหลวง ดู กร่าง.
ฮาจญ์ ฮาจญ์ น. เรียกชายที่ได้ไปทำพิธีฮัจญ์แล้ว, (ปาก) หะยี หัจญี หรือ ฮัจญี.
ฮาจญะฮ์ ฮาจญะฮ์ น. เรียกหญิงที่ได้ไปทำพิธีฮัจญ์แล้ว, ฮัจญะฮ์ ก็เรียก.
ฮาป่า ฮาป่า ก. ส่งเสียงดังพร้อม ๆ กันแสดงความไม่พอใจหรือขับไล่.
ฮาม ฮาม ว. รุ่ง, สว่าง, หาม ก็ว่า. (ข. พฺรหาม).
ฮาเร็ม ฮาเร็ม น. สถานที่ที่จัดไว้ให้เป็นที่อยู่ของบรรดานางสนมหรือนางบําเรอของพระเจ้าแผ่นดิน ผู้มีอำนาจ หรือเศรษฐีที่เป็นมุสลิม มักจะเป็นประเทศในแถบเอเชียตะวันออกกลางและอินเดียสมัยที่มุสลิมปกครองเป็นต้น. (อ. harem).
ฮาห์เนียม ฮาห์เนียม น. ธาตุลําดับที่ ๑๐๕ สัญลักษณ์ Ha เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้น ไม่มีปรากฏในธรรมชาติ. (อ. hahnium).
ฮ้าเฮ้ย ฮ้าเฮ้ย อ. คำที่เปล่งออกมาเพื่อดุว่าหรือห้ามเป็นต้น เช่น ฮ้าเฮ้ยเด็กน้อยถอยขยายเสือร้ายจะเดินทาง อย่าเข้ามาขวางจังหวะทำโว้เว้ (ม. ร่ายยาว กุมาร), ฮะเฮ้ย ก็ว่า.
ฮ้าไฮ้ ฮ้าไฮ้ อ. เสียงลูกคู่ร้องรับในเพลงบางชนิด เช่นเพลงเห่เรือ.
ฮิจเราะห์ ฮิจเราะห์ น. ชื่อศักราชในศาสนาอิสลาม นับตั้งแต่ปีที่พระมะหะหมัดออกจากเมืองเมกกะไปเมืองเมดินา เริ่มแต่ พ.ศ. ๑๑๒๓.
ฮินดู ฮินดู น. ชื่อศาสนาหนึ่งที่เกิดในอินเดีย มีวิวัฒนาการมาจากศาสนาพราหมณ์, ผู้นับถือศาสนาฮินดู.<2t>ว. ที่เกี่ยวกับศาสนาฮินดู.
ฮิปโปโปเตมัส ฮิปโปโปเตมัส น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Hippopotamidae ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในนํ้ามากกว่าบนบก หนังหนาสีนํ้าตาล ริมฝีปากหนา ฟันหน้าและเขี้ยวยาวมาก ถิ่นกําเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา มี ๒ ชนิด คือ ชนิด Hippopotamus amphibius หนักประมาณ ๒,๐๐๐ กิโลกรัม จมูก หู และตาอยู่ตอนบนของหัว เหงื่อสีแดงเรื่อ ๆ และชนิด Choeropsis liberiensis ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าชนิดแรกมาก คือ หนักประมาณ ๒๐๐ กิโลกรัม ตาอยู่ด้านข้าง เหงื่อใส. (อ. hippopotamus).
ฮิสทีเรีย ฮิสทีเรีย น. โรคจิตชนิดหนึ่ง มีอาการแสดงออกได้หลายแบบโดยไม่เกี่ยวข้องกับความพิการของอวัยวะส่วนใด ๆ ของร่างกาย ผู้ป่วยเป็นโรคนี้เพราะในจิตสํานึกหวังได้รับผลประโยชน์ เช่น หวังการหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่บีบคั้น. (อ. hysteria).
ฮีเลียม ฮีเลียม น. ธาตุลําดับที่ ๒ สัญลักษณ์ He เป็นแก๊สเฉื่อย มีปรากฏเพียง ๑ ใน ๒๐๐,๐๐๐ ส่วนในบรรยากาศ. (อ. helium).
ฮึ ฮึ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความไม่พอใจหรือแปลกใจ.
ฮึก ฮึก ว. คะนอง, ลําพอง, ร่าเริง, คึก ก็ว่า.
ฮึกหาญ ฮึกหาญ ว. กล้าด้วยความคะนอง.
ฮึกห้าว ฮึกห้าว ว. มุทะลุด้วยความคะนอง.
ฮึกเหิม ฮึกเหิม ก. ลำพองใจด้วยความคึกคะนอง, เหิมฮึก ก็ว่า.
ฮึกโหม ฮึกโหม ก. ระดมเข้าไปด้วยความคะนอง, โหมฮึก ก็ว่า.
ฮึกฮัก ฮึกฮัก ว. อาการไม่พอใจ, อาการขัดใจ.
ฮึด ฮึด ก. กลับคิดมุ, กลับรวบรวมกําลังใจทําอย่างเอาจริงเอาจัง.
ฮึดฮัด ฮึดฮัด ก. แสดงท่าทางไม่พอใจเพราะไม่ได้อย่างใจตนเป็นต้น.
ฮึ่ม ฮึ่ม อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความไม่พอใจ; โดยปริยายหมายถึงการแสดงอาการขู่.<2t>ก. แสดงอาการโกรธหรือไม่พอใจ ทําท่าว่าจะลงโทษหรือต่อสู้กัน เช่น เดี๋ยวก็ฮึ่มเสียหรอก เขากําลังฮึ่มเข้าหากัน.
ฮึย,ฮึย ๆ ฮึย, ฮึย ๆ อ. เสียงร้องไล่หรือกระตุ้นเพื่อเร่งวัวควายให้เดินหรือวิ่ง.
ฮึ่ย ฮึ่ย อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย.
ฮืดฮาด ฮืดฮาด ว. อาการที่ถอนใจใหญ่ ยาว ๆ คล้ายเสียงคนที่หายใจไม่สะดวก.
ฮือ,ฮือ ๑ ฮือ ๑ ก. กรูกันเข้ามาหรือออกไป, แตกตื่นชั่วขณะ.<2t>ว. อาการที่ไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ในความว่า ไฟลุกฮือ.
ฮือ,ฮือ ๒,ฮือ ๆ ฮือ ๒, ฮือ ๆ ว. เสียงอย่างเสียงครางของเด็กเมื่อร้องไห้นาน ๆ หรือเสียงครางเมื่อมีอาการไข้หรือหนาวเย็น.
ฮื่อ ฮื่อ ว. เสียงอย่างหมาคําราม; (ปาก) เสียงแสดงคำรับของผู้ที่มีอำนาจหรือผู้เสมอกัน.
ฮื้อ ฮื้อ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความรําคาญหรือไม่พอใจ.
ฮื่อฉี่ ฮื่อฉี่ น. ชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ใช้หูปลาฉลามตุ๋น. (จ. ฮื่อฉี่ ว่า ครีบปลา).
ฮื่อแซ ฮื่อแซ น. ชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ยำปลาดิบ ๆ ด้วยน้ำส้มและผัก. (จ. ฮื่อแซ ว่า ปลาดิบ).
ฮุด ฮุด ก. เป่าชุดให้ไฟลุก, วุด ก็ว่า.
ฮุบ ฮุบ ก. งับเอาเข้าไว้ในปาก เช่น ปลาฮุบเหยื่อ, โดยปริยายหมายถึงรวบเอาเป็นของตน เช่น ฮุบที่ดินของรัฐมาเป็นของตน.
ฮุยเลฮุย ฮุยเลฮุย ว. เสียงร้องบอกจังหวะให้ออกแรงพร้อมกันเช่นในเวลายกสามเกลอขึ้นกระแทกบนหัวเสาเข็ม.
ฮู้ ฮู้ (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) ก. รู้.
ฮูก ฮูก ดู เค้า ๒.
ฮูม ฮูม ว. เสียงอย่างเสียงฟ้าร้องหรือช้างร้อง.
เฮ,เฮ ๑ เฮ ๑ ก. อาการที่คนหมู่มากพรูกันไปยังที่แห่งเดียวกัน, เฮโล หรือ เฮละโล ก็ว่า.
เฮ,เฮ ๒ เฮ ๒ ก. แสดงความสนุกสนานครึกครื้นหรือชอบอกชอบใจ เช่น เช้าฮา เย็นเฮ.
เฮกตาร์ เฮกตาร์ น. หน่วยมาตราวัดพื้นที่ตามวิธีเมตริก ๑ เฮกตาร์เท่ากับ ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตร หรือประมาณ ๖ ไร่ ๑ งาน. (อ. hectare).
เฮกโตกรัม เฮกโตกรัม น. หน่วยมาตราชั่งตามวิธีเมตริก มีอัตราเท่ากับ ๑๐๐ กรัม, อักษรย่อว่า ฮก. (อ. hectogramme).
เฮกโตเมตร เฮกโตเมตร น. หน่วยมาตราวัดตามวิธีเมตริก มีอัตราเท่ากับ ๑๐๐ เมตร, อักษรย่อว่า ฮม. (อ. hectometre).
เฮกโตลิตร เฮกโตลิตร น. หน่วยมาตราตวงตามวิธีเมตริก มีอัตราเท่ากับ ๑๐๐ ลิตร, อักษรย่อว่า ฮล. (อ. hectolitre).
เฮง เฮง (ปาก) ว. โชคดี, เคราะห์ดี. (จ. เฮง ว่า โชคดี).
เฮงซวย เฮงซวย (ปาก) ว. เอาแน่นอนอะไรไม่ได้, คุณภาพต่ำ, ไม่ดี, เช่น คนเฮงซวย ของเฮงซวย เรื่องเฮงซวย. (จ. เฮง ว่า โชคดี, ซวย ว่า เคราะห์ร้าย, เฮงซวย ว่า ไม่แน่นอน).
เฮ็ด เฮ็ด (ถิ่น-อีสาน) ก. ทํา.
เฮโมโกลบิน เฮโมโกลบิน [-โกฺล-] น. สารที่ให้สีแดงในเม็ดเลือดแดง ประกอบขึ้นด้วยโปรตีนที่เรียกว่า โกลบิน และ เฮม ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีเหล็ก ไนโตรเจน คาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน เป็นองค์ประกอบ มีหน้าที่นําออกซิเจน ซึ่งร่างกายสูดหายใจเข้าทางปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยออกซิเจนเกาะติดไปในรูปออกซิเฮโมโกลบินและออกซิเจนแยกตัวออกได้ง่ายจากเฮโมโกลบินเมื่อไปถึงส่วนอื่นของร่างกายที่ต้องการใช้. (อ. haemoglobin).
เฮย เฮย อ. คำสร้อยที่ใช้ในบทร้อยกรอง เช่น น้องเฮย เจ้าเฮย.
เฮ่ย เฮ่ย อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความขัดแย้งไม่เห็นด้วยหรือเห็นว่าไม่สำคัญเป็นต้น.
เฮ้ย เฮ้ย อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อให้รู้ตัวหรือให้ยั้งเป็นต้น.
เฮโรอีน เฮโรอีน น. สารประกอบอินทรีย์ประเภทอนุพันธ์ของมอร์ฟีน มีสูตร C17H17NO (C2H3O2)2 ชื่อทางเคมี คือ ไดอะเซทิลมอร์ฟีน ลักษณะเป็นผลึกสีขาว หลอมละลายที่ ๑๗๓ °ซ. เป็นยาเสพติดอย่างร้ายแรงและมีพิษมาก. (อ. heroin).
เฮลิคอปเตอร์ เฮลิคอปเตอร์ น. อากาศยานชนิดหนึ่งซึ่งหนักกว่าอากาศ ไม่มีปีก มีใบพัดขนาดใหญ่ติดตั้งเหนือลําตัว ใบพัดหมุนรอบตัวในแนวนอน ทําหน้าที่ช่วยพยุงตัวและบังคับให้บินไปตามทิศทางที่ต้องการได้ ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนและบินขึ้นลงในแนวยืนได้. (อ. helicopter).
เฮโล,เฮละโล เฮโล, เฮละโล ก. อาการที่คนหมู่มากพรูกันไปยังที่แห่งเดียวกัน, เฮ ก็ว่า.
เฮโลสาระพา,เฮละโลสาระพา เฮโลสาระพา, เฮละโลสาระพา ว. เสียงร้องพร้อม ๆ กันเพื่อบอกจังหวะให้ออกแรงพร้อมกันเมื่อเวลาลากหรือยกของหนักเป็นต้น, สาระพา หรือ สาระพาเฮโล ก็ว่า.
เฮ้ว เฮ้ว อ. คําที่เปล่งออกมาเพื่อเยาะให้เก้อ, เอ๊ว ก็ว่า.
เฮอ เฮอ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความโล่งใจ.
เฮ่อ เฮ่อ อ. คำที่เปล่งออกมาแสดงความดูแคลนหรือไม่เชื่อถือ.
เฮ้อ เฮ้อ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความเบื่อหน่ายหรือไม่ถูกใจเป็นต้น.
เฮอริเคน เฮอริเคน น. ชื่อพายุที่มีความเร็วลมเช่นเดียวกับพายุไต้ฝุ่น แต่เกิดในมหาสมุทรแอตแลนติก ทะเลแคริบเบียน อ่าวเม็กซิโก และภาคตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ, ลมสลาตัน ก็เรียก. (อ. hurricane).
เฮฮา เฮฮา ว. เสียงหรืออาการแสดงความสนุกสนานครึกครื้น.
เฮิรตซ์ เฮิรตซ์ (ฟิสิกส์) น. หน่วยวัดความถี่ ใช้สัญลักษณ์ Hz ๑ เฮิรตซ์ มีค่าเท่ากับ ๑ ไซเกิลต่อวินาที. (อ. hertz).
เฮี้ยน เฮี้ยน (ปาก) ว. มีกําลังแรงหรือมีอํานาจศักดิ์สิทธิ์ที่อาจบันดาลให้เป็นไปได้. (จ.).
เฮี้ยบ เฮี้ยบ (ปาก) ก. เข้มงวดกวดขัน, เคร่งครัด, เจ้าระเบียบ.
เฮี้ยว เฮี้ยว (ปาก) ก. แสดงอาการเกะกะ, อาละวาด, ตีรวน, ขัดขืนไม่ยอมทํา.
เฮือก เฮือก ว. อาการที่ถอนใจใหญ่เนื่องจากเหนื่อยหน่ายหรือโล่งใจเป็นต้น ในคําว่า ถอนใจเฮือก, คําประกอบอาการไหวหรือสะดุ้ง แสดงว่า ไหวอย่างแรง เช่น เรือนไหวเฮือก หรือสะดุ้งทันที ในคําว่า สะดุ้งเฮือก.
เฮือก ๆ เฮือก ๆ ว. อาการที่ถอนใจใหญ่ซํ้า ๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม.
เฮือกสุดท้าย เฮือกสุดท้าย น. ครั้งสุดท้าย ในคําว่า หายใจเฮือกสุดท้าย, โดยปริยายหมายถึงการต่อสู้ดิ้นรนครั้งสุดท้าย.
เฮือน เฮือน (ถิ่น-พายัพ, อีสาน) น. เรือน.
แฮ แฮ อ. คำสร้อยที่ใช้ในบทร้อยกรอง.
แฮ่ แฮ่ ว. เสียงอย่างเสียงหมาคําราม, แห้ ก็ใช้.
แฮก,แฮก ๆ แฮก, แฮก ๆ ว. อาการที่หอบเพราะเหนื่อยมาก.
แฮ่กึ๊น แฮ่กึ๊น น. ชื่ออาหารแบบจีนชนิดหนึ่ง ใช้เนื้อกุ้งผสมแป้งมันและเครื่องปรุงรส บดหรือโขลกจนเหนียวแล้วห่อด้วยฟองเต้าหู้เป็นท่อนกลม ๆ ยาว ๆ นึ่งแล้วทอดให้สุกกินกับน้ำจิ้ม.
แฮนด์บอล แฮนด์บอล น. ชื่อกีฬาอย่างหนึ่ง คล้ายฟุตบอล แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายละ ๗ คน รวมทั้งผู้รักษาประตู ผู้เล่นแต่ละฝ่ายใช้วิธีขว้างหรือปาลูกบอลแทนการเตะ; ในกติกาในกีฬาฟุตบอล ถ้าลูกบอลถูกมือผู้เล่นนอกจากผู้รักษาประตู ถือว่าเป็นการผิดกติกา เรียกว่า เป็นแฮนด์บอล จะต้องถูกลงโทษโดยให้อีกฝ่ายหนึ่งเตะกินเปล่าหรือเตะลูกโทษ. (อ. handball).
แฮฟเนียม แฮฟเนียม น. ธาตุลําดับที่ ๗๒ สัญลักษณ์ Hf เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็ง สีเทา หลอมละลายที่ ๒๑๕๐ °ซ. ใช้ประโยชน์เป็นแท่งควบคุมในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ใช้น้ำเป็นตัวทำความเย็น. (อ. hafnium).
แฮม แฮม น. ขาหลังของหมูแช่น้ำเกลือแล้วรมควัน, หมูแฮม ก็ว่า. (อ. ham).
แฮะ แฮะ (ปาก) ว. คําประกอบท้ายคําเพื่อเน้นความให้หนักแน่นขึ้น.
โฮ,โฮ ๆ โฮ, โฮ ๆ ว. อาการที่ร้องไห้ดัง ๆ.
โฮก โฮก ว. อาการคำรามของเสือ, อาการเห่ากระโชกของหมา; เสียงซดอาหารที่เป็นนํ้าดัง ๆ.
โฮกอือ โฮกอือ น. ชื่อแกงชนิดหนึ่ง ใช้ปลาแห้งหรือหัวปลาแห้งเป็นต้นต้มกับหัวหอม ส้มมะขามหรือใบมะขามอ่อน แล้วเติมเกลือให้ออกรสเปรี้ยวเค็ม, ต้มโคล้ง ก็เรียก.
โฮกฮาก โฮกฮาก ว. อาการพูดกระชากเสียงหรือพูดกระแทกเสียงซึ่งไม่น่าฟัง, มักใช้เข้าคู่กับคำ กระโชก เป็น กระโชกโฮกฮาก.
โฮ่ง,โฮ่ง ๆ,โฮ้ง,โฮ้ง ๆ โฮ่ง, โฮ่ง ๆ, โฮ้ง, โฮ้ง ๆ ว. เสียงหมาเห่ากระโชก.
โฮเต็ล โฮเต็ล (ปาก) น. โรงแรม, ที่พักคนเดินทาง. (อ. hotel).
โฮลเมียม โฮลเมียม [โฮน-] น. ธาตุลําดับที่ ๖๗ สัญลักษณ์ Ho เป็นโลหะ ลักษณะเป็นของแข็งเป็นเงาวาว หลอมละลายที่ ๑๔๖๑ °ซ. (อ. holmium).
โฮะ โฮะ (ถิ่น-พายัพ) น. ชื่อแกงชนิดหนึ่ง ใช้อาหารที่เหลือหลาย ๆ ชนิดมารวมกันแล้วใส่วุ้นเส้น หน่อไม้ดอง เรียกว่า แกงโฮะ.
ไฮ้ ไฮ้ อ. คําที่เปล่งออกมาแสดงความประหลาดใจหรือเพื่อห้ามปรามขัดขวางเป็นต้น.
ไฮโกรมิเตอร์ ไฮโกรมิเตอร์ [-โกฺร-] น. เครื่องมือสําหรับวัดความชื้นในอากาศ. (อ. hygrometer).
ไฮดรา ไฮดรา [-ดฺรา] น. ชื่อเรียกสัตว์นํ้าจืดไม่มีกระดูกสันหลังหลายสกุล ในวงศ์ Hydridae ลําตัวทรงกระบอก ข้างในกลวง ยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร มีเนื้อเยื่อ ๒ ชั้น ยืดหดตัวได้ มีหนวด ๔-๑๒ เส้น เช่น สกุล Hydra. (อ. hydra).
ไฮโดรคาร์บอน ไฮโดรคาร์บอน [-โดฺร-] น. สารอินทรีย์ซึ่งประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเท่านั้น เช่น มีเทน (CH4) เอทิลีน (C2H4) อะเซทิลีน (C2H2) เบนซีน (C6H6). (อ. hydrocarbon).
ไฮโดรเจน ไฮโดรเจน [-โดฺร-] น. ธาตุลําดับที่ ๑ สัญลักษณ์ H เป็นแก๊สไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไวไฟมาก เบาที่สุดในบรรดาแก๊สทั้งสิ้น ใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ในอุตสาหกรรมสังเคราะห์แก๊สแอมโมเนีย เมทิลแอลกอฮอล์ อุตสาหกรรมทําให้นํ้ามันพืชแข็งตัว. (อ. hydrogen).
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ [-โดฺร-] น. แก๊สชนิดหนึ่ง ไม่มีสี มีกลิ่นเหม็นเหมือนไข่เน่า เป็นแก๊สพิษประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนและกํามะถัน มีสูตร H2S เกิดขึ้นในธรรมชาติเนื่องจากการเน่าเปื่อยผุพังของสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยกํามะถัน, แก๊สไข่เน่า ก็เรียก. (อ. hydrogen sulphide).
ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ [-โดฺร-] น. สารประกอบอนินทรีย์ชนิดหนึ่ง มีสูตร H2O2 ลักษณะเป็นของเหลว ใส ไม่มีสี ใช้ประโยชน์เป็นยาล้างเชื้อโรค และตัวฟอกจาง. (อ. hydrogen peroxide).
ไฮโดรมิเตอร์ ไฮโดรมิเตอร์ [-โดฺร-] น. เครื่องมือสําหรับวัดความถ่วงจําเพาะของของเหลว. (อ. hydrometer).
ไฮไฟ ไฮไฟ น. ระบบขยายสัญญาณไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนเป็นคลื่นเสียงออกมาได้โดยไม่เพี้ยนเลย ในช่วงความถี่ที่มนุษย์ได้ยินได้, มาจากคํา ไฮฟิเดลิตี (highfidelity). (อ. hi-fi).
ไฮโล ไฮโล น. ชื่อการพนันชนิดหนึ่ง เล่นด้วยการทอดลูกเต๋า ๓ ลูก แล้วนับแต้มที่ออกทั้ง ๓ ลูกรวมกัน โดยกำหนดแต้ม ๑๒-๑๘ เป็นสูง (ไฮ) ๓-๑๐ เป็นต่ำ (โล) และ ๑๑ เป็นไฮโล.
ไฮฮี ไฮฮี ดู ไกร ๑ และ ไทร.
|